อ้อนรักเดิมพันหัวใจ (สนพ.กรีนมายด์)
เพราะการพบกันครั้งแรกเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจสำหรับ “ศันลิตา” หญิงสาวสวยน่ารักเจ้าของร้านหนังสือจึงทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ “กฤตตะวัน” หนุ่มหล่อขี้เก๊กเจ้าแผนการ โดยไม่รู้ว่าเขาคือทายาทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง เพราะความจำเป็นทำให้กฤตตะวันต้องเข้ามาเป็นพนักงานขายในร้านหนังสือเพื่อแลกกับความช่วยเหลือบางอย่างจากศันลิตา เกมรักที่มีหัวใจเป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับความจริงซึ่งนำพาไปสู่อันตราย
“พูดแบบนี้แสดงว่าคุณไม่กล้าเดิมพันกับผม เพราะกลัวว่าจะหลงรักผมใช่มั้ยล่ะ” กฤตตะวันถามพลางมองสบตาหญิงสาวอย่างท้าทาย
“อย่างฉันเนี่ยนะต้องกลัวหลงรักคุณ รู้จักศันลิตาน้อยไปซะแล้ว ตกลงฉันรับเดิมพันกับคุณแต่ถ้าครบกำหนดสามเดือนแล้วคุณไม่สามารถทำให้ฉันพูดว่ารักคุณได้ ต่อไปคุณห้ามมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีกนะ” ศันลิตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะที่กฤตตะวันคลี่ยิ้มอย่างสมหวังดวงตาคู่คมเป็นประกายพราวระยับเมื่อโน้มใบหน้าคมเข้มลงมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูหญิงสาวอย่างใกล้ชิดว่า
“ตกลงตามนั้นและนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณหลงรักผมแล้วนะศันลิตา”
เดิมพันหัวใจครั้งนี้ใครจะแพ้ ใครจะชนะ ใครเจ้าเล่ห์กว่าใครในเกมรัก เชิญร่วมลุ้นไปกับพวกเขาใน “อ้อนรักเดิมพันหัวใจ” ค่ะ
ขอแจ้งให้นักอ่านทราบล่วงหน้าว่านิยายเรื่องนี้จะลงเนื้อเรื่องเพียงแค่ 60% เท่านั้น ไรเตอร์จะทยอยอัพให้อ่านวันละตอนนะคะ เนื่องจากนิยายได้รับการตีพิมพ์แล้วจะวางแผงในเดือนมิถุนายน 2257 นี้ค่ะ ใครสนใจสั่งจองได้ที่เว็บกรีนมายด์เลยนะคะ
“พูดแบบนี้แสดงว่าคุณไม่กล้าเดิมพันกับผม เพราะกลัวว่าจะหลงรักผมใช่มั้ยล่ะ” กฤตตะวันถามพลางมองสบตาหญิงสาวอย่างท้าทาย
“อย่างฉันเนี่ยนะต้องกลัวหลงรักคุณ รู้จักศันลิตาน้อยไปซะแล้ว ตกลงฉันรับเดิมพันกับคุณแต่ถ้าครบกำหนดสามเดือนแล้วคุณไม่สามารถทำให้ฉันพูดว่ารักคุณได้ ต่อไปคุณห้ามมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีกนะ” ศันลิตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะที่กฤตตะวันคลี่ยิ้มอย่างสมหวังดวงตาคู่คมเป็นประกายพราวระยับเมื่อโน้มใบหน้าคมเข้มลงมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูหญิงสาวอย่างใกล้ชิดว่า
“ตกลงตามนั้นและนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณหลงรักผมแล้วนะศันลิตา”
เดิมพันหัวใจครั้งนี้ใครจะแพ้ ใครจะชนะ ใครเจ้าเล่ห์กว่าใครในเกมรัก เชิญร่วมลุ้นไปกับพวกเขาใน “อ้อนรักเดิมพันหัวใจ” ค่ะ
ขอแจ้งให้นักอ่านทราบล่วงหน้าว่านิยายเรื่องนี้จะลงเนื้อเรื่องเพียงแค่ 60% เท่านั้น ไรเตอร์จะทยอยอัพให้อ่านวันละตอนนะคะ เนื่องจากนิยายได้รับการตีพิมพ์แล้วจะวางแผงในเดือนมิถุนายน 2257 นี้ค่ะ ใครสนใจสั่งจองได้ที่เว็บกรีนมายด์เลยนะคะ
Tags: รัก, กุ๊กกิ๊ก,โรแมนติก
ตอน: ตอนที่ 4
กฤตตะวันขับรถกลับบ้านพลางครุ่นคิดมาตลอดทางด้วยความสงสัยถึงสาเหตุที่ทำให้คอนโดมิเนียมถล่มลงมา เมื่อตอนบ่ายสามโมงหลังจากแยกกับฐิติวัฒน์ที่โรงพยาบาลเขาก็ขับรถกลับไปบริษัท แล้วสั่งให้ดนัยไปเอาแบบแปลนของคอนโดมิเนียมที่เกิดอุบัติเหตุจากฝ่ายสถาปัตย์มาตรวจสอบดูด้วยตัวเองอย่างละเอียดซึ่งแบบแปลนและโครงสร้างก็ถูกต้องตามมาตรฐานทุกอย่าง ดังนั้นการที่อาคารซึ่งเพิ่งจะก่อสร้างได้เพียงแค่ห้าชั้นเกิดถล่มลงมาจึงน่าจะเป็นเพราะสาเหตุอื่นมากกว่า
“ตำรวจว่ายังไงบ้างกฤต แล้วทำไมตึกมันถึงถล่มลงมาได้” เกศวรางค์ซึ่งรู้ข่าวอุบัติเหตุตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วและกำลังนั่งรอกฤตตะวันอยู่ถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นน้องชายเดินเข้ามาภายในห้องนั่งเล่น
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาบุนวมตัวที่ว่างอยู่พลางยกมือขึ้นบีบนวดขมับตัวเองเบาๆ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดพร้อมทั้งตอบคำถามพี่สาวเสียงขรึม
“ตำรวจสั่งให้ระงับการก่อสร้างเอาไว้ก่อนแล้วก็ห้ามคนเข้าไปในตัวอาคารเพราะถือว่าเป็นเขตอันตรายครับ ส่วนสาเหตุตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่ผมกลับไปตรวจดูแปลนคอนโดฯ ที่บริษัทแล้วสถาปนิกของเราออกแบบไว้ถูกต้องตรงตามมาตรฐานทุกอย่าง พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปตรวจสอบอาคารกับเจ้าหน้าที่กรมโยธาฯ คิดว่าคงได้รู้อะไรชัดเจนขึ้นครับ”
“แล้วคุณอาเกริกว่ายังไงบ้างล่ะ คุณอาเป็นคนดูแลโครงการนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ครับพี่เกศ ตอนที่ผมไปถึงคุณอากับคุณธาดาทนายความของบริษัทก็กำลังคุยกับตำรวจอยู่เพราะนายสรัชวิศวกรที่ดูแลโครงการกับนายอนันต์หัวหน้าคนงานหนีไปแล้ว วันมะรืนผมจะเรียกประชุมฝ่ายต่างๆ ที่ดูแลโครงการนี้ทั้งหมดครับ แต่ตอนนี้เรื่องที่น่าเป็นห่วงก็คือภาพลักษณ์ของบริษัทเรามากกว่า เห็นดนัยบอกว่าวันนี้ฝ่ายประชาสัมพันธ์รับโทรศัพท์ตลอดทั้งวันเพราะมีผู้ถือหุ้นแล้วก็ลูกค้าโทรเข้ามาถามข่าวตลอดเวลา” กฤตตะวันบอกพี่สาวด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ส่วนเกศวรางค์ก็ได้แต่มองใบหน้าเคร่งขรึมของน้องชายอย่างเห็นใจ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า
“นายเหนื่อยมาทั้งวันแล้วพี่ว่าขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ถ้าหายเหนื่อยแล้วก็โทรไปคุยกับคุณพ่อหน่อยนะ เมื่อตอนเย็นพี่โทรไปบอกคุณพ่อแล้วล่ะ แต่นายน่าจะอธิบายรายละเอียดให้คุณพ่อเข้าใจได้มากกว่าพี่นะ”
กฤตตะวันรับคำพี่สาวเบาๆ ก่อนจะขยับลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นไปบนห้องพักของตัวเอง ในขณะที่เกศวรางค์มองตามหลังน้องชายไปด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอเองก็ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับงานก่อสร้างเลยจึงไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือกฤตตะวันได้อย่างไรนอกจากปลอบใจและให้กำลังใจเขาเท่านั้น
เมื่อเข้ามาในห้องส่วนตัวกฤตตะวันก็โทรศัพท์ทางไกลไปหาคุณเกรียงไกรผู้เป็นบิดาที่ต่างประเทศตามที่พี่สาวบอก พร้อมทั้งรายงานเหตุการณ์ทั้งหมดให้ท่านฟัง รวมทั้งเรื่องการหายตัวไปของวิศวกรที่ดูแลโครงการกับหัวหน้าคนงานก่อสร้างด้วย ก่อนวางสายชายหนุ่มบอกกับบิดาว่าพรุ่งนี้หลังจากเข้าไปตรวจสอบอาคารกับเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้วเขาจะโทรศัพท์ไปรายงานความคืบหน้าให้ท่านทราบอีกครั้ง
หลังจากช่วยศิริวรรณปิดร้านเสร็จเรียบร้อยในเวลาสองทุ่มเศษ ศันลิตาก็แยกย้ายกับพี่สาวเข้าห้องพักของตัวเองทันที เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็มานั่งทำบัญชีรายรับรายจ่ายและตัดสต๊อกหนังสือที่ขายออกไปทั้งหมดในวันนี้ตามปกติพร้อมทั้งเปิดโทรทัศน์ทิ้งเอาไว้เพื่อฟังข่าวสารต่างๆ ไปด้วย จนกระทั่งได้ยินรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุถล่มลงมาในวันนี้จากรายการข่าวหลังละครหญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นจากงานที่กำลังทำอยู่ขึ้นดูโทรทัศน์ด้วยความสนใจ
มีรายงานข่าวเพิ่มเติมจากตอนกลางวันว่าพรุ่งนี้ประธานกรรมการของบริษัทแห่งนี้จะเข้าไปตรวจสอบอาคารที่เกิดเหตุด้วยตัวเองพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการฯ ในขณะที่วิศวกรและหัวหน้าคนงานที่ดูแลโครงการนี้ได้หลบหนีไปแล้วซึ่งทางตำรวจกำลังติดตามตัวอยู่ ผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่านอกจากเหตุการณ์ในวันนี้จะกระทบถึงชื่อเสียงของสัตยาเรียลเอทสเตลแล้วยังทำให้ผู้ถือหุ้นจำนวนมากขาดความเชื่อมั่นด้วยจึงมีการเทขายหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้จนทำให้หุ้นตกลงอย่างเห็นได้ชัด
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้หญิงสาวต้องกดรีโมทลดเสียงโทรทัศน์ลง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายทันทีเมื่อเห็นรูปเพื่อนรักยิ้มแป้นอยู่บนหน้าจอ
“ว่าไงยัยเพทายนี่เธอยังไม่หลับไม่นอนอีกรึไงสี่ทุ่มกว่าแล้วนะ” ศันลิตาถามคนทางปลายสายแล้วก็ได้ยินเสียงเพื่อนรักหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงรื่นเริงตามนิสัย
“ยังหรอกฉันกำลังดูซีรีส์เกาหลีอยู่พระเอกหล่อมาก หน้าตาเหมือนหนุ่มหล่อคนที่พวกเราเจอที่ห้างเลยนะต้า”
“นายนารีอุปถัมถ์นั่นน่ะเหรอ” ศันลิตาแกล้งย้อนถามเพื่อนรักกลับไป
“ต๊าย! นี่เธอให้ฉายาเค้าซะเสียหายเลยนะยัยต้า” เพทายพูดมาด้วยน้ำเสียงขบขัน
“เลิกพูดถึงผู้ชายคนนั้นเถอะ ตกลงเธอมีอะไรด่วนรึเปล่าถึงได้โทรมาหาฉันตอนนี้”
“อ๋อ พอดีฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องจะบอกเธอน่ะ”
“เรื่องอะไร ด่วนมากเหรอเธอถึงต้องโทรมาหาฉันซะดึกดื่น หรือกลัวว่าวันพรุ่งนี้จะลืม”
“เป็นข่าวดีกับข่าวร้าย เธออยากฟังข่าวไหนก่อนล่ะ”
ศันลิตาส่ายหน้าพลางยิ้มเมื่อฟังเพื่อนรักพูดจบประโยคเพราะรู้ดีว่าเพทายเป็นคนขี้เล่นลองถ้าอีกฝ่ายพูดแบบนี้แสดงว่าข่าวที่กำลังจะบอกต้องเป็นข่าวเกี่ยวกับตัวเธอโดยตรงอย่างแน่นอน
“เอาข่าวร้ายก่อนแล้วค่อยตามด้วยข่าวดีก็แล้วกัน”
“ข่าวร้ายก็คือวันนี้คุณศุภโชคมาที่แบงค์ซึ่งก็หมายความว่าเค้ากลับมาจากทัวร์ยุโรปแล้ว ส่วนข่าวดีก็คือเธอกำลังจะรับของฝากราคาแพงจากฝรั่งเศสจ้า เห็นคุณศุภโชคบอกว่าจะแวะไปหาเธอที่ร้านเร็วๆ นี้ ฉันก็เลยรีบโทรไปบอกให้เธอเตรียมตัวเตรียมใจรอต้อนรับแฟนเธอให้ดีไง เท่านี้แหละที่ฉันจะบอกเธอ ขอดูซีรีส์ต่อก่อนนะ ฝันดีจ้าเพื่อนรัก”
หลังจากเพทายวางสายไปแล้วศันลิตาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงศุภโชค ทรัพย์ทวีกิจสกุล ชายหนุ่มหน้าตาคมสัน รูปร่างร่างสันทัด ท่าทางเจ้าสำอาง ลูกชายคนเล็กของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ทรัพย์ทวี พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งตามจีบเธอมานานหลายปีแล้วตั้งแต่ศันลิตายังทำงานอยู่ในธนาคาร
จนกระทั่งหญิงสาวลาออกจากงานมาเปิดร้านขายหนังสืออยู่ที่นี่ศุภโชคก็ยังคงตามตื๊อจีบเธอไม่ยอมเลิกรา แต่ศันลิตาก็ไม่ยอมตอบตกลงเป็นแฟนกับชายหนุ่ม เพราะไม่ชอบนิสัยเย่อหยิ่งถือตัว ชอบดูถูกคนของเขา อีกทั้งรำคาญที่ศุภโชคชอบทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเธอจนออกนอกหน้าทั้งที่ยังไม่ได้เป็นแฟนกันด้วย ในที่สุดหญิงสาวก็ต้องถอนหายใจอีกรอบอย่างปลงๆ เมื่อบอกตัวเองอยู่ในใจว่าเธอจะต้องเตรียมตัวเหนื่อยใจกับชายหนุ่มคนนั้นอีกแล้ว ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อ
เช้าวันต่อมาศันลิตาตื่นตั้งแต่หกโมงเพื่อไปวิ่งและออกกำลังกายที่สวนสาธารณะซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนักเพียงแค่ออกไปหน้าโครงการทาวน์เลิฟแล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปประมาณสามร้อยเมตรจากนั้นเลี้ยวซ้ายอีกครั้งแล้วเดินต่อไปอีกประมาณห้าร้อยเมตรก็จะพบสวนสาธารณะซึ่งมีคนมาออกกำลังกายและนั่งกินลมชมวิวทั้งในยามเช้าและยามเย็นเป็นจำนวนมากเพราะมีโครงการหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในละแวกนี้อีกหลายโครงการ
ร่างระหงในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มขายาวและรองเท้าผ้าใบของศันลิตาก้าวเดินอย่างไม่เร่งรีบนักออกจากร้านจนมาถึงบริเวณป้อมยามหน้าโครงการหญิงสาวก็หยุดทักทายลุงชมซึ่งเป็นคนดูแลสวนหย่อมและต้นไม้ในโครงการกับมงคลหัวหน้ายามประจำหมู่บ้านจอมเฮี้ยบอย่างคุ้นเคยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีตอนเช้าค่ะลุงชม พี่มงคล”
“สวัสดีครับคุณต้า” ลุงชมกับมงคลทักทายตอบหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน
“ไปวิ่งออกกำลังกายทุกเช้าเลยนะครับ” ลุงชมพูด
“การออกกำลังกายทำให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ” ศันลิตาบอกพลางทำท่ายกแขนขึ้นเบ่งกล้ามให้คนทั้งสองดู ซึ่งก็ทำให้ลุงชมกับมงคลพากันหัวเราะด้วยความเอ็นดูหญิงสาว ศันลิตายืนพูดคุยกับคนทั้งสองอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขอตัวเพราะเธอต้องรีบไปออกกำลังกายแล้วรีบกลับมาช่วยพี่สาวเปิดร้าน
หลังจากวิ่งและทำกายบริหารเสร็จเรียบร้อยแล้วศันลิตาก็เดินออกมายืนรอคิวเพื่อซื้อน้ำเต้าหู้ซึ่งตั้งรถเข็นขายอยู่ที่ด้านหน้าสวนสาธารณะ เจ้าของร้านเป็นชายชาวจีนสูงวัยรูปร่างค่อนข้างท้วมผิวขาว ท่าทางใจดีและคุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างดีเพราะหญิงสาวอุดหนุนน้ำเต้าหู้แกเป็นประจำทุกเช้า
“น้ำเต้าหู้สองถุงเหมืองเดิงนะอาคุงหนูต้า” เสียงอาแป๊ะเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้ถามอย่างคุ้นเคยเมื่อถึงคิวของหญิงสาว
“วันนี้เพิ่มเป็นห้าถุงค่ะอาแป๊ะ หนูจะเอาไปฝากคนอื่นด้วยค่ะ” ศันลิตาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อาแป๊ะพยักหน้าพลางรีบขมีขมันตักน้ำเต้าหู้ใส่ถุงให้หญิงสาวทันที
กฤตตะวันชะลอรถเล็กน้อยเมื่อเหลือบไปเห็นร่างระหงในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มกับรองเท้าผ้าใบของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนซื้อน้ำเต้าหู้อยู่ด้านหน้าสวนสาธารณะ เพราะว่าเรือนผมยาวสลวยที่ถูกผูกรวบยกขึ้นสูงเป็นหางม้าของเจ้าหล่อนดูคุ้นตาเขามาก และเมื่อเจ้าตัวเอียงหน้ามาให้เห็นชัดเจนชายหนุ่มก็ยิ้มเล็กน้อยตรงมุมปากอย่างนึกขำที่เขาได้พบเจอกับหญิงสาวจอมซุ่มซ่ามโดยบังเอิญอีกแล้ว ก่อนจะเร่งความเร็วของรถขึ้นเพราะต้องรีบเดินทางไปร่วมตรวจสอบคอนโดมิเนียมที่ถล่มตามเวลาที่ได้นัดหมายกับเจ้าหน้าที่เอาไว้ในวันนี้
กฤตตะวันเข้าตรวจสอบอาคารร่วมกับเจ้าหน้าที่โดยมีคุณเกริกเกียรติ ดนัย และคุณธาดาทนายความของบริษัทไปด้วย ชายหนุ่มเข้าไปตรวจดูจุดที่เกิดการถล่มลงมาด้วยตัวเองแล้วเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างจากซากอาคารแต่กฤตตะวันก็เก็บงำความสงสัยเอาไว้ในใจ หลังจากตรวจสอบอาคารเสร็จเรียบร้อยกฤตตะวันกับดนัยก็เดินทางกลับไปที่บริษัทก่อน ส่วนคุณเกริกเกียรติกับคุณธาดายังอยู่เพื่อพูดคุยเรื่องคดีกับทางตำรวจต่อ เมื่อเดินทางกลับมาถึงบริษัทในช่วงบ่ายชายหนุ่มก็รีบโทรศัพท์ทางไกลไปหาบิดาทันที
“เท่าที่ผมเห็นด้วยตาตัวเองหลังจากเข้าไปตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ ผมคิดว่าวัสดุก่อสร้างของเราน่าจะมีปัญหาไม่ได้มาตรฐานนะครับคุณพ่อ” กฤตตะวันบอกบิดา
“จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเราสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างจากบริษัทเจ้าประจำ แล้วสินค้าก็ไม่เคยมีปัญหาเลยสักครั้งนะกฤต” คุณเกรียงไกรแย้งมาจากปลายสาย
“ผมแค่สันนิษฐานเบื้องต้นเท่านั้นครับ ถ้าจะให้มั่นใจจริงๆ เราก็ต้องรอผลการตรวจสอบจากกรมโยธาฯ อีกครั้ง ส่วนเรื่องวัสดุก่อสร้างผมจะลองตรวจสอบดูด้วยตัวเองครับ แต่ถ้าตำรวจตามตัวนายสรัชกับนายอนันต์เจอเรื่องก็คงจะง่ายขึ้นครับคุณพ่อ”
“ถ้างั้นกฤตก็จัดการไปตามที่เห็นสมควร มีอะไรก็ปรึกษากับอาเกริกนะ ประมาณปลายเดือนนี้พ่อก็กลับแล้วล่ะ อ๋อ คุณแม่ฝากความคิดถึงลูกด้วยนะ”
“ครับ ผมฝากหอมแก้มคุณแม่ด้วยนะครับคุณพ่อ” กฤตตะวันบอกบิดาด้วยรอยยิ้ม เมื่อท่านรับปากและวางสายไปแล้ว ชายหนุ่มก็นั่งทำงานต่อจนกระทั่งถึงหนึ่งทุ่มจึงขับรถกลับบ้านพร้อมด้วยแฟ้มเอกสารอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อไปถึงบ้านก็พบว่าเกศวรางค์นั่งรออยู่เขาจึงขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะลงมารับประทานอาหารร่วมกับพี่สาว
ในระหว่างที่รับประทานอาหารเกศวรางค์ก็สอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องคดี กฤตตะวันจึงบอกกับพี่สาวว่าต้องรอผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการก่อนซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ส่วนเรื่องคดีคุณธาดาทนายความของบริษัทจะป็นคนติดต่อประสานงานกับทางตำรวจและจะคอยรายงานความคืบหน้ากับกฤตตะวันเป็นระยะ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จกฤตตะวันก็ขอตัวขึ้นไปทำงานต่อทันที เกศวรางค์จึงเตือนน้องชายด้วยความห่วงใยว่าเขาไม่ควรทำงานดึกน่าจะพักผ่อนบ้างเพราะทำงานมาทั้งวันแล้ว กฤตตะวันรับปากพี่สาวว่าเขาจะทำงานต่ออีกสักพักแล้วจะรีบนอนพักผ่อนทันที เกศวรางค์จึงพยักหน้าอย่างพอใจ
เช้าวันต่อมาขณะที่ศันลิตากำลังยืนจัดหนังสืออยู่ที่ชั้นไม่ไกลจากเคาเตอร์คิดเงินนักเธอก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นทันทีเมื่อหันมาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งผลักประตูก้าวเข้ามาในร้านแต่เช้า ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนเลยเพราะเจ้าหล่อนคือศิวพรหญิงสาวเจ้าของร้านซักอบรีดซึ่งตั้งอยู่ถัดจากร้านของเธอไปสามห้องนั่นเอง
“สวัสดีตอนเช้าค่ะพี่วรรณ” ศิวพรกล่าวทักทายศิริวรรณซึ่งนั่งอยู่ตรงเคาเตอร์พลางยิ้มหวาน
“สวัสดีจ้ะพร” ศิริวรรณทักทายตอบหญิงสาวรุ่นน้องพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ค่อนข้างจืดเจื่อนเต็มทน
“มีหนังสือนิยายใหม่ๆ มาบ้างมั้ยคะ พรว่าจะมาหาหนังสือไปอ่านแก้เซ็งหน่อยน่ะค่ะ”
ศันลิตาได้ยินอีกฝ่ายถามพี่สาว ก่อนที่ศิริวรรณจะตอบว่า
“ก็...มีมาหลายเรื่องอยู่นะ พรลองเดินหาดูนะจ๊ะ”
ศิวพรพยักหน้าก่อนจะเดินกรีดกรายไปที่ชั้นวางหนังสือนวนิยายแล้วยืนเลือกหนังสือด้วยทีท่าสบายอารมณ์ ในขณะที่วีณารีบเดินมากระซิบบอกกับศันลิตาเบาๆ
“งานนี้ยัยพี่พรจะมาซื้อนิยายเชื่ออีกรึเปล่าคุณต้า คราวก่อนก็เอานิยายไปแล้วทำเฉยเป็นเดือนเลยนะคะกว่าคุณต้าจะไปทวงค่าหนังสือได้น่ะ”
“ไม่เป็นไรณา เดี๋ยวต้าจัดการเอง” ศันลิตาบอกวีณาพลางจับตามองดูศิวพรตลอดเวลา จนกระทั่งเห็นอีกฝ่ายหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วเดินไปหาศิริวรรณที่เคาเตอร์เพื่อให้คิดเงินค่าหนังสือ เมื่อศิริวรรณบอกว่าหนังสือลดราคาแล้วเหลือหนึ่งร้อยแปดสิบบาท ศันลิตาก็เห็นเจ้าของร้านซักรีดล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองทั้งซ้ายและขวาก่อนจะบอกกับศิริวรรณด้วยสีหน้าและท่าทางตกใจว่า
“ตายจริง! พรลืมเอาเงินมาค่ะพี่วรรณ ขอติดไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวพรแวะเอามาให้ทีหลังค่ะ”
ศิริวรรณอ้ำอึ้งและมีสีหน้าลำบากใจทันทีเมื่อฟังศิวพรพูดจบ เพราะความที่เป็นคนขี้เกรงใจไม่กล้าปฏิเสธใครมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“คงจะไม่ได้หรอกค่ะพี่พร ร้านนี้จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวงค่ะ” ศันลิตาซึ่งเพิ่งจะเดินมาหยุดยืนข้างเคาเตอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเด็ดขาด
“อุ๊ย! เราบ้านใกล้เรือนเคียงกันนะจ๊ะต้า ทำไมใจร้ายกับพี่จัง” ศิวพรพูดด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจ
“คราวที่แล้วพี่พรมาซื้อนิยายไปหนึ่งเล่มแล้วก็ติดเอาไว้นานเป็นเดือนเพราะว่าลืมเอาเงินมาจ่าย จนต้าต้องตามไปเก็บเงินถึงร้านพี่ เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกันพี่พรลืมอีกต้าว่าถ้าพี่ไม่ได้เอาเงินมาก็อย่าเพิ่งเอาหนังสือไปเลยนะคะ แต่ถ้าพี่อยากได้หนังสือเล่มนี้ไปตอนนี้จริงๆ ต้าก็จะให้ณาถือหนังสือเดินตามไปเอาเงินที่ร้านพี่แล้วพี่ค่อยเอาหนังสือไปดีกว่ามั้ยคะ” ศันลิตาพูดยืดยาวก่อนจะตบท้ายด้วยคำถามที่ทำให้ศิวพรถึงกับชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ
“ถ้างั้นพี่ยังไม่เอาหนังสือก็ได้ ไว้ว่างๆ พี่ค่อยมาดูใหม่แล้วกัน” พูดจบศิวพรก็สะบัดหน้าเดินออกไปจากร้านโดยไม่ร่ำลาใครทันที ท่ามกลางเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของศิริวรรณ
“คุณต้าสุดยอดเลยค่ะ จัดการซะยัยพี่พรเลิกอยากได้หนังสือไปเลย” วีณาพูดพลางหัวเราะคิกคักพร้อมทั้งยกนิ้วให้ศินลิตาอย่างชื่นชม
“ต้าก็พูดตรงเกินไปนะพี่ว่า ยังไงก็คนบ้านใกล้เรือนเคียงกันนะจ๊ะ” ศิริวรรณบอกน้องสาว
“กับคนนิสัยแบบนี้ต้องพูดตรงๆ ค่ะพี่วรรณ ใครๆ ก็รู้ว่าพี่พรนิสัยเป็นยังไงยืมเงินใครติดเงินใครไม่ค่อยจะยอมคืนง่ายๆ ขืนเรายอมเค้าเราก็โดนเอาเปรียบสิคะ” ศันลิตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปจัดหนังสือที่ชั้นต่อ ส่วนวีณาก็รีบเดินไปต้อนรับลูกค้า ในขณะที่ศิริวรรณได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ เมื่อมองตามร่างระหงปราดเปรียวของน้องสาวไปเพราะรู้ดีว่าศันลิตาเป็นคนตรงไม่ชอบเอาเปรียบใคร แต่ก็ไม่ยอมเสียเปรียบใครเช่นกัน
วันนี้กฤตตะวันเรียกประชุมฝ่ายต่างๆ ในบริษัทตั้งแต่เก้าโมงเช้า ชายหนุ่มบอกในที่ประชุมเกี่ยวกับคดีคอนโดมิเนียมถล่มว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่สรัชวิศกรดูแลโครงการกับอนันต์หัวหน้าคนงานซึ่งหลบหนีไปน่าจะร่วมมือกันทุจริตในการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างซึ่งไม่ได้มาตรฐาน
ในขณะที่คุณเกริกเกียรติยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของตนเองที่ไม่เคยตรวจสอบเรื่องการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างของสรัชกับอนันต์เลยเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจเนื่องจากเห็นว่าทั้งสองคนทำงานให้บริษัทมานานหลายปี กฤตตะวันกับคณะกรรมการและพนักงานทุกคนที่เข้าร่วมประชุมต่างก็เห็นใจและเข้าใจคุณเกริกเกียรติ พร้อมทั้งช่วยกันปลอบใจไม่ให้คุณเกริกเกียรติคิดมาก ก่อนที่กฤตตะวันจะบอกกับทุกคนในที่ประชุมว่า
“ผมคิดว่าอีกไม่กี่วันจะต้องมีเจ้าหน้าที่จากกรมโยธาฯ เข้าไปตรวจสอบคอนโดมิเนียมของเราที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอีกหลายแห่งแน่นอน ยังไงก็ขอให้ผู้ดูแลโครงการแต่ละแห่งช่วยกันตรวจสอบดูแลเรื่องวัสดุก่อสร้างอย่างเข้มงวดด้วยนะครับถ้ามีอะไรผิดปกติให้รายงานผมทันที”
จากนั้นชายหนุ่มก็ได้มอบหมายให้ฝ่ายการตลาดและฝ่ายประชาสัมพันธ์เริ่มวางแผนจัดเตรียมโปรโมชั่นที่โดดเด่นเพื่อดึงลูกค้าและกอบกู้ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของบริษัทกลับมาให้ได้จากงานมหกรรมบ้านและคอนโดมิเนียมซึ่งกำลังจะถูกจัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังจากมอบหมายงานเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มจึงสั่งปิดการประชุมเพื่อให้ทุกฝ่ายแยกย้ายกลับไปทำงานตามหน้าที่ของตนเอง
เมื่อออกจากห้องประชุมกลับมาถึงห้องทำงานส่วนตัวกฤตตะวันก็มานั่งตรวจสอบเอกสารในการสั่งซื้อ
วัสดุก่อสร้างของคอนโดมิเนียมที่ถล่มลงมาอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยเมื่อพบว่ารายการในใบสั่งซื้อถูกต้องตามตรงมาตรฐานในแบบแปลนทุกอย่าง
“แล้ววัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานพวกนั้นถูกสั่งมาจากไหน” กฤตตะวันรำพึงเบาๆ พลางบอกตนเองอยู่ในใจว่าเขาจะต้องสืบหาความจริงเรื่องนี้ให้ได้
ศันลิตาแทบอยากจะถอนหายใจแล้วร้องเฮ้อเสียงดังๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสันทัด หน้าตาคมสัน ท่าทางเจ้าสำอางในชุดสูทราคาแพงผลักประตูร้านก้าวเข้ามาพร้อมด้วยถุงพะรุงพะรังในมืออีกหลายถุงในตอนหกโมงเย็น เพราะเขาคือ ศุภโชค ทรัพย์ทวีกิจสกุล ผู้ชายที่เธอเหนื่อยหน่ายที่สุดในโลก
“สวัสดีครับทุกคน” ศุภโชคเอ่ยทักทายพลางส่งยิ้มให้ศิริวรรณ วีณา ชัยพร ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ศันลิตาด้วยรอยยิ้มหวานเชื่อมพอๆ กับดวงตาของเขา คนอื่นๆ ทักทายชายหนุ่มกลับพร้อมด้วยรอยยิ้มตามมารยาท ยกเว้นศันลิตาคนเดียวที่ทักทายและถามเขาด้วยน้ำเสียงเนือยๆ โดยไม่เต็มใจยิ้มซักเท่าไหร่
“สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วเหรอคะคุณโชค”
“ครับ ผมมีของฝากจากฝรั่งเศสมาฝากทุกคนด้วยนะครับ” ศุภโชคตอบหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางชูถุงในมืออวดทุกคน
“ขอบคุณมากนะคะ แต่ว่าคุณโชคไม่น่าลำบากซื้อของแพงๆ พวกนี้มาฝากพี่เลย สิ้นเปลืองเปล่าๆ” ศิริวรรณพูดด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจเมื่อชายหนุ่มรุ่นน้องส่งถุงของฝากให้ซึ่งมีทั้งเครื่องสำอางและน้ำหอมราคาแพง
“ไม่แพงอะไรหรอกครับพี่วรรณเงินแค่นี้สำหรับผมเรื่องเล็กน้อย หาแค่วันสองวันก็ได้แล้วล่ะครับ” ศุภโชคบอกศิริวรรณโดยไม่วายแอบโอ้อวดความร่ำรวยของตนเองไปด้วย ก่อนจะมอบช็อกโกแลตกับพวงกุญแจรูปหอไอเฟลป็นของฝากให้วีณากับชัยพรคนละชุด และฝากไว้ให้แพรนักศึกษาสาวที่มาทำงานเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์อีกหนึ่งชุดด้วย ส่วนของฝากของศันลิตานั้นมีทั้งน้ำหอม เครื่องสำอาง และกระเป๋าสะพายยี่ห้อดังซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งของที่หญิงสาวไม่ชอบใช้เลยสักอย่าง
“ขอบคุณมากนะคะคุณโชค” ศันลิตากล่าวคำขอบคุณชายหนุ่ม
“ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจซื้อมาให้คุณต้าอยู่แล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจคุณต้ารึเปล่า ถ้าไม่ถูกใจยังไงเอาไว้คราวหน้าคุณต้าไปเที่ยวปารีสกับผมดีกว่านะครับจะได้ไปเลือกเอง” ศุภโชคพูดเอาอกเอาใจหญิงสาวเสียงอ่อนเสียงหวาน ก่อนจะมีเสียงกระแอมกระไอของใครคนหนึ่งดังขึ้นแล้วตามมาด้วยเสียงพูดอย่างร่าเริง
“แหม ใจคอจะชวนแต่ยัยต้าไปเที่ยวปารีสคนเดียวเหรอคะคุณโชค ลำเอียงจังฉันก็อยากไปเที่ยวปารีสเหมือนกันนะ ขอไปด้วยคนได้มั้ยคะ”
ศันลิตายิ้มกว้างทันทีพลางถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นเพื่อนรักมามาทันเวลาพอดี อย่างน้อยวันนี้เธอก็มีเพทายมาเป็นตัวช่วยรับมือศุภโชคอีกคนแล้ว
“ได้สิครับถ้าคุณเพทายอยากไปผมจะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ฟรีเลยนะครับ” ศุภโชคพูดอย่างใจป้ำ
“ถ้างั้นเอาไว้เธอหาเวลาปิดร้านสักอาทิตย์ดีมั้ยต้า แล้วเราก็ยกโขยงไปเที่ยวปารีสกันทุกคนเลยเพราะว่าคุณโชคจะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ฟรี ไปเที่ยวหลายๆ คนคงจะสนุกดีนะ” เพทายพูดกับศันลิตาหน้าตาเฉย
ในขณะที่ศุภโชคถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ซึ่งทุกคนก็สังเกตเห็นอาการของชายหนุ่มและพากันกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างยากเย็น จากนั้นก็ร่วมด้วยช่วยกันแกล้งพูดด้วยท่าทางเป็นจริงเป็นจังว่าจะให้ศันลิตาปิดร้านเพื่อยกโขยงไปเที่ยวฝรั่งเศสให้ได้ ทำให้ศุภโชคถึงกับเกิดอาการหน้าถอดสีทันทีเมื่อคิดว่าจะต้องออกเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้พนักงานทุกคนในร้านด้วยซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
“ตำรวจว่ายังไงบ้างกฤต แล้วทำไมตึกมันถึงถล่มลงมาได้” เกศวรางค์ซึ่งรู้ข่าวอุบัติเหตุตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วและกำลังนั่งรอกฤตตะวันอยู่ถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นน้องชายเดินเข้ามาภายในห้องนั่งเล่น
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาบุนวมตัวที่ว่างอยู่พลางยกมือขึ้นบีบนวดขมับตัวเองเบาๆ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดพร้อมทั้งตอบคำถามพี่สาวเสียงขรึม
“ตำรวจสั่งให้ระงับการก่อสร้างเอาไว้ก่อนแล้วก็ห้ามคนเข้าไปในตัวอาคารเพราะถือว่าเป็นเขตอันตรายครับ ส่วนสาเหตุตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่ผมกลับไปตรวจดูแปลนคอนโดฯ ที่บริษัทแล้วสถาปนิกของเราออกแบบไว้ถูกต้องตรงตามมาตรฐานทุกอย่าง พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปตรวจสอบอาคารกับเจ้าหน้าที่กรมโยธาฯ คิดว่าคงได้รู้อะไรชัดเจนขึ้นครับ”
“แล้วคุณอาเกริกว่ายังไงบ้างล่ะ คุณอาเป็นคนดูแลโครงการนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ครับพี่เกศ ตอนที่ผมไปถึงคุณอากับคุณธาดาทนายความของบริษัทก็กำลังคุยกับตำรวจอยู่เพราะนายสรัชวิศวกรที่ดูแลโครงการกับนายอนันต์หัวหน้าคนงานหนีไปแล้ว วันมะรืนผมจะเรียกประชุมฝ่ายต่างๆ ที่ดูแลโครงการนี้ทั้งหมดครับ แต่ตอนนี้เรื่องที่น่าเป็นห่วงก็คือภาพลักษณ์ของบริษัทเรามากกว่า เห็นดนัยบอกว่าวันนี้ฝ่ายประชาสัมพันธ์รับโทรศัพท์ตลอดทั้งวันเพราะมีผู้ถือหุ้นแล้วก็ลูกค้าโทรเข้ามาถามข่าวตลอดเวลา” กฤตตะวันบอกพี่สาวด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ส่วนเกศวรางค์ก็ได้แต่มองใบหน้าเคร่งขรึมของน้องชายอย่างเห็นใจ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า
“นายเหนื่อยมาทั้งวันแล้วพี่ว่าขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ถ้าหายเหนื่อยแล้วก็โทรไปคุยกับคุณพ่อหน่อยนะ เมื่อตอนเย็นพี่โทรไปบอกคุณพ่อแล้วล่ะ แต่นายน่าจะอธิบายรายละเอียดให้คุณพ่อเข้าใจได้มากกว่าพี่นะ”
กฤตตะวันรับคำพี่สาวเบาๆ ก่อนจะขยับลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นไปบนห้องพักของตัวเอง ในขณะที่เกศวรางค์มองตามหลังน้องชายไปด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอเองก็ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับงานก่อสร้างเลยจึงไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือกฤตตะวันได้อย่างไรนอกจากปลอบใจและให้กำลังใจเขาเท่านั้น
เมื่อเข้ามาในห้องส่วนตัวกฤตตะวันก็โทรศัพท์ทางไกลไปหาคุณเกรียงไกรผู้เป็นบิดาที่ต่างประเทศตามที่พี่สาวบอก พร้อมทั้งรายงานเหตุการณ์ทั้งหมดให้ท่านฟัง รวมทั้งเรื่องการหายตัวไปของวิศวกรที่ดูแลโครงการกับหัวหน้าคนงานก่อสร้างด้วย ก่อนวางสายชายหนุ่มบอกกับบิดาว่าพรุ่งนี้หลังจากเข้าไปตรวจสอบอาคารกับเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้วเขาจะโทรศัพท์ไปรายงานความคืบหน้าให้ท่านทราบอีกครั้ง
หลังจากช่วยศิริวรรณปิดร้านเสร็จเรียบร้อยในเวลาสองทุ่มเศษ ศันลิตาก็แยกย้ายกับพี่สาวเข้าห้องพักของตัวเองทันที เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็มานั่งทำบัญชีรายรับรายจ่ายและตัดสต๊อกหนังสือที่ขายออกไปทั้งหมดในวันนี้ตามปกติพร้อมทั้งเปิดโทรทัศน์ทิ้งเอาไว้เพื่อฟังข่าวสารต่างๆ ไปด้วย จนกระทั่งได้ยินรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุถล่มลงมาในวันนี้จากรายการข่าวหลังละครหญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นจากงานที่กำลังทำอยู่ขึ้นดูโทรทัศน์ด้วยความสนใจ
มีรายงานข่าวเพิ่มเติมจากตอนกลางวันว่าพรุ่งนี้ประธานกรรมการของบริษัทแห่งนี้จะเข้าไปตรวจสอบอาคารที่เกิดเหตุด้วยตัวเองพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการฯ ในขณะที่วิศวกรและหัวหน้าคนงานที่ดูแลโครงการนี้ได้หลบหนีไปแล้วซึ่งทางตำรวจกำลังติดตามตัวอยู่ ผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่านอกจากเหตุการณ์ในวันนี้จะกระทบถึงชื่อเสียงของสัตยาเรียลเอทสเตลแล้วยังทำให้ผู้ถือหุ้นจำนวนมากขาดความเชื่อมั่นด้วยจึงมีการเทขายหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้จนทำให้หุ้นตกลงอย่างเห็นได้ชัด
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้หญิงสาวต้องกดรีโมทลดเสียงโทรทัศน์ลง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายทันทีเมื่อเห็นรูปเพื่อนรักยิ้มแป้นอยู่บนหน้าจอ
“ว่าไงยัยเพทายนี่เธอยังไม่หลับไม่นอนอีกรึไงสี่ทุ่มกว่าแล้วนะ” ศันลิตาถามคนทางปลายสายแล้วก็ได้ยินเสียงเพื่อนรักหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงรื่นเริงตามนิสัย
“ยังหรอกฉันกำลังดูซีรีส์เกาหลีอยู่พระเอกหล่อมาก หน้าตาเหมือนหนุ่มหล่อคนที่พวกเราเจอที่ห้างเลยนะต้า”
“นายนารีอุปถัมถ์นั่นน่ะเหรอ” ศันลิตาแกล้งย้อนถามเพื่อนรักกลับไป
“ต๊าย! นี่เธอให้ฉายาเค้าซะเสียหายเลยนะยัยต้า” เพทายพูดมาด้วยน้ำเสียงขบขัน
“เลิกพูดถึงผู้ชายคนนั้นเถอะ ตกลงเธอมีอะไรด่วนรึเปล่าถึงได้โทรมาหาฉันตอนนี้”
“อ๋อ พอดีฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องจะบอกเธอน่ะ”
“เรื่องอะไร ด่วนมากเหรอเธอถึงต้องโทรมาหาฉันซะดึกดื่น หรือกลัวว่าวันพรุ่งนี้จะลืม”
“เป็นข่าวดีกับข่าวร้าย เธออยากฟังข่าวไหนก่อนล่ะ”
ศันลิตาส่ายหน้าพลางยิ้มเมื่อฟังเพื่อนรักพูดจบประโยคเพราะรู้ดีว่าเพทายเป็นคนขี้เล่นลองถ้าอีกฝ่ายพูดแบบนี้แสดงว่าข่าวที่กำลังจะบอกต้องเป็นข่าวเกี่ยวกับตัวเธอโดยตรงอย่างแน่นอน
“เอาข่าวร้ายก่อนแล้วค่อยตามด้วยข่าวดีก็แล้วกัน”
“ข่าวร้ายก็คือวันนี้คุณศุภโชคมาที่แบงค์ซึ่งก็หมายความว่าเค้ากลับมาจากทัวร์ยุโรปแล้ว ส่วนข่าวดีก็คือเธอกำลังจะรับของฝากราคาแพงจากฝรั่งเศสจ้า เห็นคุณศุภโชคบอกว่าจะแวะไปหาเธอที่ร้านเร็วๆ นี้ ฉันก็เลยรีบโทรไปบอกให้เธอเตรียมตัวเตรียมใจรอต้อนรับแฟนเธอให้ดีไง เท่านี้แหละที่ฉันจะบอกเธอ ขอดูซีรีส์ต่อก่อนนะ ฝันดีจ้าเพื่อนรัก”
หลังจากเพทายวางสายไปแล้วศันลิตาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงศุภโชค ทรัพย์ทวีกิจสกุล ชายหนุ่มหน้าตาคมสัน รูปร่างร่างสันทัด ท่าทางเจ้าสำอาง ลูกชายคนเล็กของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ทรัพย์ทวี พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งตามจีบเธอมานานหลายปีแล้วตั้งแต่ศันลิตายังทำงานอยู่ในธนาคาร
จนกระทั่งหญิงสาวลาออกจากงานมาเปิดร้านขายหนังสืออยู่ที่นี่ศุภโชคก็ยังคงตามตื๊อจีบเธอไม่ยอมเลิกรา แต่ศันลิตาก็ไม่ยอมตอบตกลงเป็นแฟนกับชายหนุ่ม เพราะไม่ชอบนิสัยเย่อหยิ่งถือตัว ชอบดูถูกคนของเขา อีกทั้งรำคาญที่ศุภโชคชอบทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเธอจนออกนอกหน้าทั้งที่ยังไม่ได้เป็นแฟนกันด้วย ในที่สุดหญิงสาวก็ต้องถอนหายใจอีกรอบอย่างปลงๆ เมื่อบอกตัวเองอยู่ในใจว่าเธอจะต้องเตรียมตัวเหนื่อยใจกับชายหนุ่มคนนั้นอีกแล้ว ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อ
เช้าวันต่อมาศันลิตาตื่นตั้งแต่หกโมงเพื่อไปวิ่งและออกกำลังกายที่สวนสาธารณะซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนักเพียงแค่ออกไปหน้าโครงการทาวน์เลิฟแล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปประมาณสามร้อยเมตรจากนั้นเลี้ยวซ้ายอีกครั้งแล้วเดินต่อไปอีกประมาณห้าร้อยเมตรก็จะพบสวนสาธารณะซึ่งมีคนมาออกกำลังกายและนั่งกินลมชมวิวทั้งในยามเช้าและยามเย็นเป็นจำนวนมากเพราะมีโครงการหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในละแวกนี้อีกหลายโครงการ
ร่างระหงในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มขายาวและรองเท้าผ้าใบของศันลิตาก้าวเดินอย่างไม่เร่งรีบนักออกจากร้านจนมาถึงบริเวณป้อมยามหน้าโครงการหญิงสาวก็หยุดทักทายลุงชมซึ่งเป็นคนดูแลสวนหย่อมและต้นไม้ในโครงการกับมงคลหัวหน้ายามประจำหมู่บ้านจอมเฮี้ยบอย่างคุ้นเคยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีตอนเช้าค่ะลุงชม พี่มงคล”
“สวัสดีครับคุณต้า” ลุงชมกับมงคลทักทายตอบหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน
“ไปวิ่งออกกำลังกายทุกเช้าเลยนะครับ” ลุงชมพูด
“การออกกำลังกายทำให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ” ศันลิตาบอกพลางทำท่ายกแขนขึ้นเบ่งกล้ามให้คนทั้งสองดู ซึ่งก็ทำให้ลุงชมกับมงคลพากันหัวเราะด้วยความเอ็นดูหญิงสาว ศันลิตายืนพูดคุยกับคนทั้งสองอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขอตัวเพราะเธอต้องรีบไปออกกำลังกายแล้วรีบกลับมาช่วยพี่สาวเปิดร้าน
หลังจากวิ่งและทำกายบริหารเสร็จเรียบร้อยแล้วศันลิตาก็เดินออกมายืนรอคิวเพื่อซื้อน้ำเต้าหู้ซึ่งตั้งรถเข็นขายอยู่ที่ด้านหน้าสวนสาธารณะ เจ้าของร้านเป็นชายชาวจีนสูงวัยรูปร่างค่อนข้างท้วมผิวขาว ท่าทางใจดีและคุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างดีเพราะหญิงสาวอุดหนุนน้ำเต้าหู้แกเป็นประจำทุกเช้า
“น้ำเต้าหู้สองถุงเหมืองเดิงนะอาคุงหนูต้า” เสียงอาแป๊ะเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้ถามอย่างคุ้นเคยเมื่อถึงคิวของหญิงสาว
“วันนี้เพิ่มเป็นห้าถุงค่ะอาแป๊ะ หนูจะเอาไปฝากคนอื่นด้วยค่ะ” ศันลิตาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อาแป๊ะพยักหน้าพลางรีบขมีขมันตักน้ำเต้าหู้ใส่ถุงให้หญิงสาวทันที
กฤตตะวันชะลอรถเล็กน้อยเมื่อเหลือบไปเห็นร่างระหงในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มกับรองเท้าผ้าใบของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนซื้อน้ำเต้าหู้อยู่ด้านหน้าสวนสาธารณะ เพราะว่าเรือนผมยาวสลวยที่ถูกผูกรวบยกขึ้นสูงเป็นหางม้าของเจ้าหล่อนดูคุ้นตาเขามาก และเมื่อเจ้าตัวเอียงหน้ามาให้เห็นชัดเจนชายหนุ่มก็ยิ้มเล็กน้อยตรงมุมปากอย่างนึกขำที่เขาได้พบเจอกับหญิงสาวจอมซุ่มซ่ามโดยบังเอิญอีกแล้ว ก่อนจะเร่งความเร็วของรถขึ้นเพราะต้องรีบเดินทางไปร่วมตรวจสอบคอนโดมิเนียมที่ถล่มตามเวลาที่ได้นัดหมายกับเจ้าหน้าที่เอาไว้ในวันนี้
กฤตตะวันเข้าตรวจสอบอาคารร่วมกับเจ้าหน้าที่โดยมีคุณเกริกเกียรติ ดนัย และคุณธาดาทนายความของบริษัทไปด้วย ชายหนุ่มเข้าไปตรวจดูจุดที่เกิดการถล่มลงมาด้วยตัวเองแล้วเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างจากซากอาคารแต่กฤตตะวันก็เก็บงำความสงสัยเอาไว้ในใจ หลังจากตรวจสอบอาคารเสร็จเรียบร้อยกฤตตะวันกับดนัยก็เดินทางกลับไปที่บริษัทก่อน ส่วนคุณเกริกเกียรติกับคุณธาดายังอยู่เพื่อพูดคุยเรื่องคดีกับทางตำรวจต่อ เมื่อเดินทางกลับมาถึงบริษัทในช่วงบ่ายชายหนุ่มก็รีบโทรศัพท์ทางไกลไปหาบิดาทันที
“เท่าที่ผมเห็นด้วยตาตัวเองหลังจากเข้าไปตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ ผมคิดว่าวัสดุก่อสร้างของเราน่าจะมีปัญหาไม่ได้มาตรฐานนะครับคุณพ่อ” กฤตตะวันบอกบิดา
“จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเราสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างจากบริษัทเจ้าประจำ แล้วสินค้าก็ไม่เคยมีปัญหาเลยสักครั้งนะกฤต” คุณเกรียงไกรแย้งมาจากปลายสาย
“ผมแค่สันนิษฐานเบื้องต้นเท่านั้นครับ ถ้าจะให้มั่นใจจริงๆ เราก็ต้องรอผลการตรวจสอบจากกรมโยธาฯ อีกครั้ง ส่วนเรื่องวัสดุก่อสร้างผมจะลองตรวจสอบดูด้วยตัวเองครับ แต่ถ้าตำรวจตามตัวนายสรัชกับนายอนันต์เจอเรื่องก็คงจะง่ายขึ้นครับคุณพ่อ”
“ถ้างั้นกฤตก็จัดการไปตามที่เห็นสมควร มีอะไรก็ปรึกษากับอาเกริกนะ ประมาณปลายเดือนนี้พ่อก็กลับแล้วล่ะ อ๋อ คุณแม่ฝากความคิดถึงลูกด้วยนะ”
“ครับ ผมฝากหอมแก้มคุณแม่ด้วยนะครับคุณพ่อ” กฤตตะวันบอกบิดาด้วยรอยยิ้ม เมื่อท่านรับปากและวางสายไปแล้ว ชายหนุ่มก็นั่งทำงานต่อจนกระทั่งถึงหนึ่งทุ่มจึงขับรถกลับบ้านพร้อมด้วยแฟ้มเอกสารอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อไปถึงบ้านก็พบว่าเกศวรางค์นั่งรออยู่เขาจึงขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะลงมารับประทานอาหารร่วมกับพี่สาว
ในระหว่างที่รับประทานอาหารเกศวรางค์ก็สอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องคดี กฤตตะวันจึงบอกกับพี่สาวว่าต้องรอผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการก่อนซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ส่วนเรื่องคดีคุณธาดาทนายความของบริษัทจะป็นคนติดต่อประสานงานกับทางตำรวจและจะคอยรายงานความคืบหน้ากับกฤตตะวันเป็นระยะ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จกฤตตะวันก็ขอตัวขึ้นไปทำงานต่อทันที เกศวรางค์จึงเตือนน้องชายด้วยความห่วงใยว่าเขาไม่ควรทำงานดึกน่าจะพักผ่อนบ้างเพราะทำงานมาทั้งวันแล้ว กฤตตะวันรับปากพี่สาวว่าเขาจะทำงานต่ออีกสักพักแล้วจะรีบนอนพักผ่อนทันที เกศวรางค์จึงพยักหน้าอย่างพอใจ
เช้าวันต่อมาขณะที่ศันลิตากำลังยืนจัดหนังสืออยู่ที่ชั้นไม่ไกลจากเคาเตอร์คิดเงินนักเธอก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นทันทีเมื่อหันมาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งผลักประตูก้าวเข้ามาในร้านแต่เช้า ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนเลยเพราะเจ้าหล่อนคือศิวพรหญิงสาวเจ้าของร้านซักอบรีดซึ่งตั้งอยู่ถัดจากร้านของเธอไปสามห้องนั่นเอง
“สวัสดีตอนเช้าค่ะพี่วรรณ” ศิวพรกล่าวทักทายศิริวรรณซึ่งนั่งอยู่ตรงเคาเตอร์พลางยิ้มหวาน
“สวัสดีจ้ะพร” ศิริวรรณทักทายตอบหญิงสาวรุ่นน้องพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ค่อนข้างจืดเจื่อนเต็มทน
“มีหนังสือนิยายใหม่ๆ มาบ้างมั้ยคะ พรว่าจะมาหาหนังสือไปอ่านแก้เซ็งหน่อยน่ะค่ะ”
ศันลิตาได้ยินอีกฝ่ายถามพี่สาว ก่อนที่ศิริวรรณจะตอบว่า
“ก็...มีมาหลายเรื่องอยู่นะ พรลองเดินหาดูนะจ๊ะ”
ศิวพรพยักหน้าก่อนจะเดินกรีดกรายไปที่ชั้นวางหนังสือนวนิยายแล้วยืนเลือกหนังสือด้วยทีท่าสบายอารมณ์ ในขณะที่วีณารีบเดินมากระซิบบอกกับศันลิตาเบาๆ
“งานนี้ยัยพี่พรจะมาซื้อนิยายเชื่ออีกรึเปล่าคุณต้า คราวก่อนก็เอานิยายไปแล้วทำเฉยเป็นเดือนเลยนะคะกว่าคุณต้าจะไปทวงค่าหนังสือได้น่ะ”
“ไม่เป็นไรณา เดี๋ยวต้าจัดการเอง” ศันลิตาบอกวีณาพลางจับตามองดูศิวพรตลอดเวลา จนกระทั่งเห็นอีกฝ่ายหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วเดินไปหาศิริวรรณที่เคาเตอร์เพื่อให้คิดเงินค่าหนังสือ เมื่อศิริวรรณบอกว่าหนังสือลดราคาแล้วเหลือหนึ่งร้อยแปดสิบบาท ศันลิตาก็เห็นเจ้าของร้านซักรีดล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองทั้งซ้ายและขวาก่อนจะบอกกับศิริวรรณด้วยสีหน้าและท่าทางตกใจว่า
“ตายจริง! พรลืมเอาเงินมาค่ะพี่วรรณ ขอติดไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวพรแวะเอามาให้ทีหลังค่ะ”
ศิริวรรณอ้ำอึ้งและมีสีหน้าลำบากใจทันทีเมื่อฟังศิวพรพูดจบ เพราะความที่เป็นคนขี้เกรงใจไม่กล้าปฏิเสธใครมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“คงจะไม่ได้หรอกค่ะพี่พร ร้านนี้จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวงค่ะ” ศันลิตาซึ่งเพิ่งจะเดินมาหยุดยืนข้างเคาเตอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเด็ดขาด
“อุ๊ย! เราบ้านใกล้เรือนเคียงกันนะจ๊ะต้า ทำไมใจร้ายกับพี่จัง” ศิวพรพูดด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจ
“คราวที่แล้วพี่พรมาซื้อนิยายไปหนึ่งเล่มแล้วก็ติดเอาไว้นานเป็นเดือนเพราะว่าลืมเอาเงินมาจ่าย จนต้าต้องตามไปเก็บเงินถึงร้านพี่ เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกันพี่พรลืมอีกต้าว่าถ้าพี่ไม่ได้เอาเงินมาก็อย่าเพิ่งเอาหนังสือไปเลยนะคะ แต่ถ้าพี่อยากได้หนังสือเล่มนี้ไปตอนนี้จริงๆ ต้าก็จะให้ณาถือหนังสือเดินตามไปเอาเงินที่ร้านพี่แล้วพี่ค่อยเอาหนังสือไปดีกว่ามั้ยคะ” ศันลิตาพูดยืดยาวก่อนจะตบท้ายด้วยคำถามที่ทำให้ศิวพรถึงกับชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ
“ถ้างั้นพี่ยังไม่เอาหนังสือก็ได้ ไว้ว่างๆ พี่ค่อยมาดูใหม่แล้วกัน” พูดจบศิวพรก็สะบัดหน้าเดินออกไปจากร้านโดยไม่ร่ำลาใครทันที ท่ามกลางเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของศิริวรรณ
“คุณต้าสุดยอดเลยค่ะ จัดการซะยัยพี่พรเลิกอยากได้หนังสือไปเลย” วีณาพูดพลางหัวเราะคิกคักพร้อมทั้งยกนิ้วให้ศินลิตาอย่างชื่นชม
“ต้าก็พูดตรงเกินไปนะพี่ว่า ยังไงก็คนบ้านใกล้เรือนเคียงกันนะจ๊ะ” ศิริวรรณบอกน้องสาว
“กับคนนิสัยแบบนี้ต้องพูดตรงๆ ค่ะพี่วรรณ ใครๆ ก็รู้ว่าพี่พรนิสัยเป็นยังไงยืมเงินใครติดเงินใครไม่ค่อยจะยอมคืนง่ายๆ ขืนเรายอมเค้าเราก็โดนเอาเปรียบสิคะ” ศันลิตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปจัดหนังสือที่ชั้นต่อ ส่วนวีณาก็รีบเดินไปต้อนรับลูกค้า ในขณะที่ศิริวรรณได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ เมื่อมองตามร่างระหงปราดเปรียวของน้องสาวไปเพราะรู้ดีว่าศันลิตาเป็นคนตรงไม่ชอบเอาเปรียบใคร แต่ก็ไม่ยอมเสียเปรียบใครเช่นกัน
วันนี้กฤตตะวันเรียกประชุมฝ่ายต่างๆ ในบริษัทตั้งแต่เก้าโมงเช้า ชายหนุ่มบอกในที่ประชุมเกี่ยวกับคดีคอนโดมิเนียมถล่มว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่สรัชวิศกรดูแลโครงการกับอนันต์หัวหน้าคนงานซึ่งหลบหนีไปน่าจะร่วมมือกันทุจริตในการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างซึ่งไม่ได้มาตรฐาน
ในขณะที่คุณเกริกเกียรติยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของตนเองที่ไม่เคยตรวจสอบเรื่องการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างของสรัชกับอนันต์เลยเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจเนื่องจากเห็นว่าทั้งสองคนทำงานให้บริษัทมานานหลายปี กฤตตะวันกับคณะกรรมการและพนักงานทุกคนที่เข้าร่วมประชุมต่างก็เห็นใจและเข้าใจคุณเกริกเกียรติ พร้อมทั้งช่วยกันปลอบใจไม่ให้คุณเกริกเกียรติคิดมาก ก่อนที่กฤตตะวันจะบอกกับทุกคนในที่ประชุมว่า
“ผมคิดว่าอีกไม่กี่วันจะต้องมีเจ้าหน้าที่จากกรมโยธาฯ เข้าไปตรวจสอบคอนโดมิเนียมของเราที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอีกหลายแห่งแน่นอน ยังไงก็ขอให้ผู้ดูแลโครงการแต่ละแห่งช่วยกันตรวจสอบดูแลเรื่องวัสดุก่อสร้างอย่างเข้มงวดด้วยนะครับถ้ามีอะไรผิดปกติให้รายงานผมทันที”
จากนั้นชายหนุ่มก็ได้มอบหมายให้ฝ่ายการตลาดและฝ่ายประชาสัมพันธ์เริ่มวางแผนจัดเตรียมโปรโมชั่นที่โดดเด่นเพื่อดึงลูกค้าและกอบกู้ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของบริษัทกลับมาให้ได้จากงานมหกรรมบ้านและคอนโดมิเนียมซึ่งกำลังจะถูกจัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังจากมอบหมายงานเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มจึงสั่งปิดการประชุมเพื่อให้ทุกฝ่ายแยกย้ายกลับไปทำงานตามหน้าที่ของตนเอง
เมื่อออกจากห้องประชุมกลับมาถึงห้องทำงานส่วนตัวกฤตตะวันก็มานั่งตรวจสอบเอกสารในการสั่งซื้อ
วัสดุก่อสร้างของคอนโดมิเนียมที่ถล่มลงมาอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยเมื่อพบว่ารายการในใบสั่งซื้อถูกต้องตามตรงมาตรฐานในแบบแปลนทุกอย่าง
“แล้ววัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานพวกนั้นถูกสั่งมาจากไหน” กฤตตะวันรำพึงเบาๆ พลางบอกตนเองอยู่ในใจว่าเขาจะต้องสืบหาความจริงเรื่องนี้ให้ได้
ศันลิตาแทบอยากจะถอนหายใจแล้วร้องเฮ้อเสียงดังๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสันทัด หน้าตาคมสัน ท่าทางเจ้าสำอางในชุดสูทราคาแพงผลักประตูร้านก้าวเข้ามาพร้อมด้วยถุงพะรุงพะรังในมืออีกหลายถุงในตอนหกโมงเย็น เพราะเขาคือ ศุภโชค ทรัพย์ทวีกิจสกุล ผู้ชายที่เธอเหนื่อยหน่ายที่สุดในโลก
“สวัสดีครับทุกคน” ศุภโชคเอ่ยทักทายพลางส่งยิ้มให้ศิริวรรณ วีณา ชัยพร ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ศันลิตาด้วยรอยยิ้มหวานเชื่อมพอๆ กับดวงตาของเขา คนอื่นๆ ทักทายชายหนุ่มกลับพร้อมด้วยรอยยิ้มตามมารยาท ยกเว้นศันลิตาคนเดียวที่ทักทายและถามเขาด้วยน้ำเสียงเนือยๆ โดยไม่เต็มใจยิ้มซักเท่าไหร่
“สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วเหรอคะคุณโชค”
“ครับ ผมมีของฝากจากฝรั่งเศสมาฝากทุกคนด้วยนะครับ” ศุภโชคตอบหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางชูถุงในมืออวดทุกคน
“ขอบคุณมากนะคะ แต่ว่าคุณโชคไม่น่าลำบากซื้อของแพงๆ พวกนี้มาฝากพี่เลย สิ้นเปลืองเปล่าๆ” ศิริวรรณพูดด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจเมื่อชายหนุ่มรุ่นน้องส่งถุงของฝากให้ซึ่งมีทั้งเครื่องสำอางและน้ำหอมราคาแพง
“ไม่แพงอะไรหรอกครับพี่วรรณเงินแค่นี้สำหรับผมเรื่องเล็กน้อย หาแค่วันสองวันก็ได้แล้วล่ะครับ” ศุภโชคบอกศิริวรรณโดยไม่วายแอบโอ้อวดความร่ำรวยของตนเองไปด้วย ก่อนจะมอบช็อกโกแลตกับพวงกุญแจรูปหอไอเฟลป็นของฝากให้วีณากับชัยพรคนละชุด และฝากไว้ให้แพรนักศึกษาสาวที่มาทำงานเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์อีกหนึ่งชุดด้วย ส่วนของฝากของศันลิตานั้นมีทั้งน้ำหอม เครื่องสำอาง และกระเป๋าสะพายยี่ห้อดังซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งของที่หญิงสาวไม่ชอบใช้เลยสักอย่าง
“ขอบคุณมากนะคะคุณโชค” ศันลิตากล่าวคำขอบคุณชายหนุ่ม
“ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจซื้อมาให้คุณต้าอยู่แล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจคุณต้ารึเปล่า ถ้าไม่ถูกใจยังไงเอาไว้คราวหน้าคุณต้าไปเที่ยวปารีสกับผมดีกว่านะครับจะได้ไปเลือกเอง” ศุภโชคพูดเอาอกเอาใจหญิงสาวเสียงอ่อนเสียงหวาน ก่อนจะมีเสียงกระแอมกระไอของใครคนหนึ่งดังขึ้นแล้วตามมาด้วยเสียงพูดอย่างร่าเริง
“แหม ใจคอจะชวนแต่ยัยต้าไปเที่ยวปารีสคนเดียวเหรอคะคุณโชค ลำเอียงจังฉันก็อยากไปเที่ยวปารีสเหมือนกันนะ ขอไปด้วยคนได้มั้ยคะ”
ศันลิตายิ้มกว้างทันทีพลางถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นเพื่อนรักมามาทันเวลาพอดี อย่างน้อยวันนี้เธอก็มีเพทายมาเป็นตัวช่วยรับมือศุภโชคอีกคนแล้ว
“ได้สิครับถ้าคุณเพทายอยากไปผมจะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ฟรีเลยนะครับ” ศุภโชคพูดอย่างใจป้ำ
“ถ้างั้นเอาไว้เธอหาเวลาปิดร้านสักอาทิตย์ดีมั้ยต้า แล้วเราก็ยกโขยงไปเที่ยวปารีสกันทุกคนเลยเพราะว่าคุณโชคจะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ฟรี ไปเที่ยวหลายๆ คนคงจะสนุกดีนะ” เพทายพูดกับศันลิตาหน้าตาเฉย
ในขณะที่ศุภโชคถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ซึ่งทุกคนก็สังเกตเห็นอาการของชายหนุ่มและพากันกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างยากเย็น จากนั้นก็ร่วมด้วยช่วยกันแกล้งพูดด้วยท่าทางเป็นจริงเป็นจังว่าจะให้ศันลิตาปิดร้านเพื่อยกโขยงไปเที่ยวฝรั่งเศสให้ได้ ทำให้ศุภโชคถึงกับเกิดอาการหน้าถอดสีทันทีเมื่อคิดว่าจะต้องออกเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้พนักงานทุกคนในร้านด้วยซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มิ.ย. 2557, 22:48:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มิ.ย. 2557, 22:48:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 1329
<< ตอนที่ 3 | ตอนที่ 5 >> |