UnRomantic Love หนีไม่พ้นใจ (เล่ห์ลวงจันทร์)
เขียนจันทร์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมารับพ่อที่กำลังเกษียณไปอยู่บ้าน

วันแรกที่กลับมาเธอก็พบผู้ชายปากร้าย แข็งกระด้าง มาตามหาพี่สาวของเธอ

ปากก็บอกตามหา แต่ทุกวันก็ยังวนเวียนอยู่กับเธอ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป

ทำไมผู้ชายนิสัยแบบนี้ คุมสถานบันเทิงใหญ่ จะเลี้ยงเด็กที่เขาบอกว่าเป็นลูกได้ดีเหรอ

แล้วทำไมถึงได้ยัดเยียดลูกให้เธอเลี้ยง ส่วนตัวเองก็ร่อนไปหาพี่สาวเธอแบบนี้เล่า

นายรักษ์ชาติ...นายมันผู้ชายยอดแย่ที่สุด

แล้วทำไมวันที่เธอมีปัญหาที่สุด คนแย่ๆ แบบเขากลับไม่ยอมทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว

กลัวจะไม่มีเบ๊ไว้ให้ใช้ล่ะสิท่า...อย่าคิดว่าคนอย่างเธออ่านเกมเขาไม่ออก
Tags: เขียนจันทร์ รักษ์ชาติ จักรตรากูล กองพัน

ตอน: บทที่ 16 : สุดท้ายก็จากไปไม่ได้...

บทที่ 16

เป็นรอบที่ห้าที่การแข่งม้าของเธอพ่ายให้กับรักษ์ชาติ เขียนจันทร์จับบังเหียนจนเจ็บมือ น่องของเธอที่คอยบังคับม้าให้เคลื่อนไปข้างหน้าเริ่มระบม เขียนจันทร์หยุดม้าไว้เพราะเธอร้องขอให้สัตว์สี่เท้านี้วิ่งมากเกินไป เธอสงสารมัน เขียนจันทร์ตบแผงคอของมันเบาๆ อย่างขอบคุณ ก่อนโหนตัวลงจากอาน ให้ม้าได้พัก เธอเห็นแล้วว่าถึงแข่งต่อไป เธอก็พ่ายให้กับรักษ์ชาติอยู่ดี

น่าเสียดายที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่ารักษ์ชาติขี่ม้าเก่งระดับนี้ ไม่ใช่แค่เธอที่ฝีมือตกจากสมัยเป็นนักกีฬา รักษ์ชาติกลับเก่งขึ้นมาก ทั้งที่แต่ก่อนเธอไม่เคยเห็นเขาขี่ม้าให้เธอเห็น

ร่างระหงยืนหน้ามุ่ยข้างอาชา ปล่อยให้เสียงย่างก้าวสม่ำเสมอของกีบม้าสองคู่ยวบย่างมาจนหยุดเคียงกัน รักษ์ชาติตวัดขาลงจากม้า ลงมายืนบนพื้นด้วยท่าทางราวกับได้รับเหรียญทองในการแข่งขัน เขียนจันทร์มองค้อนร่างสูงที่มายืนอยู่ตรงหน้า

“งานอดิเรกของฉันคือการขี่ม้า เผื่อเธอจะได้รู้จักฉันมากขึ้น”

“คุณกักขังอิสระฉันได้สมบูรณ์แล้วสิ” เขียนจันทร์พูดประชด จูงม้ากลับเข้าคอก ไหล่ลู่ตก

“เธออยากไปมากขนาดนั้นเลยเหรอเขียน ที่นี่ไม่มีสิ่งที่จะรั้งเธอให้อยู่ต่อเลยใช่ไหม ถ้าเธอรู้สึกขนาดนั้น เธอคิดอยากไปตอนนี้เลยก็ได้ ฉันจะไม่กักขังอิสระในชีวิตเธอ”

เปลือกตาบางหลุบต่ำ เขียนจันทร์เม้มปากไว้แน่น รู้สึกถูกคำพูดของรักษ์ชาติแทงใจดำอย่างจัง ที่นี่มีสิ่งที่เธอรักอย่างครอบครัว เธอคิดมาเสมอว่าเธอต้องไปเพราะเธอเป็นสาเหตุของปัญหาทั้งหมด แต่การเรียกร้องให้เธออยู่ต่อของรักษ์ชาติกำลังเป็นคลื่นอีกลูกที่สร้างความลังเลแก่เธอ

“ฉันคิดว่าการไปของฉัน น่าจะทำให้เสี่ยหลงไม่พุ่งเป้ามาที่ครอบครัวอีก ฉันไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวขนาดไม่ฟังเหตุผลใคร” เขียนจันทร์สบตารักษ์ชาติ และบอกให้เขารู้ว่า ‘ใคร’ เป็นคนไร้เหตุผล “เหตุผลที่คุณให้มามันฟังไม่ขึ้น”

“ถ้าเธอคิดว่าดีก็ทำไปเถอะ...ฉันเบื่อ เธอเองก็ไม่เคยฟังฉันเหมือนกัน พูดไปก็เหมือนคุยอยู่กับสาก”

เขียนจันทร์ส่งเสียงประท้วง พอจะโวยวายกับการถูกเรียกว่า ‘สาก’ ท่าทีจริงจัง และน้ำเสียงเข้มงวดของรักษ์ชาติทำให้เธอต้องหุบปากเสียก่อน

“คุณชายบดินทร์ภัทรเขาคงยินดีที่เธอจะไป”

วาจาค่อนแคะไม่ทันกระทบหู เขียนจันทร์กลับซึมซับในใจความนั้นไปก่อน “คุณชายเขายินดีกับสิ่งที่ฉันเลือกค่ะ เขาขอแค่เป็นคนที่ฉันจะนึกถึงเมื่อมีปัญหา”

“โลภน้อยซะจริง” รักษ์ชาติตาขุ่นขวาง เขาทำใจสงบนิ่ง เย็นยะเยือกและรับความเป็นไปแบบนั้นไม่ได้แน่นอน เขาแทบไม่ได้เจอเขียนจันทร์มาสามปี ตั้งแต่เริ่มเลี้ยงกองพัน ลาออกจากทหาร และลงสนามธุรกิจสีเทา เขาทุ่มเทให้กับมัน พยายามทำทุกอย่างเพื่อน้องชายต่างบิดา จนทุกอย่างมั่นคงมากพอ เขาถึงเริ่มคิดถึงเรื่องอื่นบ้าง...ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิด คิดแค่ว่าวาดตะวันเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี

แต่วันนี้มีใครบางคนที่เขาให้เข้ามาในความรู้สึกได้ลึกยิ่งกว่าวาดตะวัน ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้

และเธอบอกว่ากำลังจะไป...

“ถ้าคุณชายบอกให้เธอไม่ไป เธอจะไปไหม”

“ระดับวาทะของคุณชาย ฉันว่าเขาเกลี้ยกล่อมฉันสักนิดหน่อย ฉันอาจจะใจอ่อน คุณชายเป็นคนนุ่มนวล อ่อนโยน เขาไม่เลือกคำพูดที่ทำให้คนฟังระคายหูหรอกค่ะ” ดวงตาวาววับ แฝงรอยอำมหิตของรักษ์ชาติหาได้ทำให้คนมองขนลุกได้ “ฉันกลับไปจัดกระเป๋าดีกว่า...คุณบอกว่าฉันไปตอนนี้เลยก็ได้ใช่ไหมคะ”

“แต่เธอแพ้ฉัน” คนตัวโตทำสีหน้าง้ำ ปิดแววตาบึ้งตึงไม่มิด

“ฉันให้คุณขออะไรก็ได้หนึ่งข้อ ถ้าไม่ขัดต่อศีลธรรมจรรยา ฉันก็ทำให้คุณได้”

“เป็นผู้หญิงของฉันคนเดียว”

ย่างก้าวของร่างระหงสะดุด เมื่อเธอจะหันกลับมา ร่างหนาก็สวมกอดเธอไว้จากด้านหลังจนเธอได้แต่เกร็งตัว กลัวว่าหากเธอใกล้ชิดกว่านี้หัวใจรัวแรงของเธอจะออกมาเต้นโยกนอกอก ฝ่ามือหนาโอบเอวเธอมาวางมือตรงหน้าท้อง คางวางชิดไหล่บอบบาง ปล่อยให้ลมหายใจรินรดแก้มเนียน

“เป็นไม่เป็นไม่เห็นจะต่างกัน ยังไงฉันก็ต้องไปอยู่ดี หรือถึงจะอยู่ ฉันกับคุณก็ไม่ได้มีอะไรต่างจากที่เคยเป็น” เขียนจันทร์พยายามหดคอ ไม่ให้ลมหายใจอุ่นของรักษ์ชาติแผดเผาใจเธอ

“ฉันยังพยายามไม่มากพออีกเหรอ” น้ำเสียงเบาข้างหูเอ่ยแฝงความเหนื่อย เขียนจันทร์หลับตาฟัง เธอพยายามใจแข็ง พยายามอย่างสุดความสามารถ พยายามทุกทาง ต่อสิ่งที่ร้อยปีร้อยชาติรักษ์ชาติก็ไม่เคยทำ อย่างการบอกว่า ‘คิดถึง’ หรือการทำให้เธอรู้ว่าเธอมีค่าต่อเขามากขนาดไหน

หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่รักษ์ชาติแสดงออกมันคือความจริง

“คุณกำลังปั่นหัวฉันอยู่นะคะ ฉันกลัวว่าคุณแกล้งฉัน ฉันไม่รู้ว่าคุณจะรั้งฉันไว้ทำไม ฉันสำคัญต่อคุณขนาดนั้นเลยเหรอคะ ฉันไม่อยากเชื่อ”

“ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ ขอให้เดินทางปลอดภัย วีซ่าจะไปถึงมือเธอภายในเช้าวันพรุ่งนี้” รักษ์ชาติปล่อยอ้อมกอดนั้นลง น้ำเสียงเฉยชา และห่างเหินยามบอกถึงสิ่งที่เขาสนองตอบต่อสิ่งที่เขียนจันทร์เลือก

ร่างสูงมั่นคงเดินห่างออกไป เขียนจันทร์ยืนมองอยู่กับที่ มือข้างหนึ่งยกแตะสัมผัสอุ่นบริเวณแขนที่ถูกรักษ์ชาติกอดไว้ ริมฝีปากเม้มแน่น เธอไม่รู้ว่าทำไมก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ ขอบตาร้อนผ่าว เธอได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกบางอย่างลงคอ ก้อนหนักๆ ในอกก็ไม่ได้ลดความทุรนทุรายลงเลย

เธอควรจะดีใจที่ในที่สุดรักษ์ชาติก็ยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ...แต่ทำไมเธอถึงยิ้มไม่ออก แล้วยังอยากจะร้องไห้ มันเป็นสิ่งที่เธอไม่ทันคิดว่าจะรู้สึกแบบนี้


รักษ์ชาติตรวจสอบบัญชีรายรับของสถานบันเทิงด้วยความเคร่งเครียด ตัวเลขที่มีแต่เป็นบวกอย่างน่าภูมิใจพวกนี้ไม่เคยทำให้เขานอนหลับได้สบายสักครั้ง ชายหนุ่มมักนึกถึงความจริงอันโหดร้ายที่ว่า ในคืนๆ หนึ่ง จะมีผู้หญิงที่ต้องเสียตัวกี่คน ติดยาเท่าไหร่ และใช้ชีวิตอย่างเหลวแหลกในที่แห่งนี้อีกมากน้อยกี่กระบุง

จนถึงวันนี้รักษ์ชาติยังคงตอบได้เต็มปากว่าเขายังคงคิดถึงชีวิตทหารในกรอบระเบียบ ทุกวันต้องตื่นมาฝึก ออกภาคสนาม ซ้อมรบ ชีวิตทหารอาจเสี่ยงตาย แต่เลือดทุกหยดล้วนพลีชีพเพื่อแผ่นดิน หากเขาตายเพื่อชาติ เขายังมีธงชาติคลุมโลงศพ มีเกียรติยศ แต่ถ้าเขาตายที่นี่...สิ่งที่เหลือคงมีเสียงหัวเราะขบขัน ไม่ก็สายตาสมเพชที่มองเขาเป็นคนเลวคนหนึ่ง

สิ่งเดียวที่รักษ์ชาติยังทำแม้ออกจากราชการมาแล้วคือการเป็นสายยอดเยี่ยมให้กับทางการ มีมนุษย์หลากหลายที่มาเหยียบย่างในสถานบริการ และเขาก็มีกลุ่มคนอยู่ในทุกที่สอดแทรกอยู่ตามที่ต่างๆ เขาทำให้เกิดบุญคุณ และเลี้ยงดูคนพวกนั้นไว้ เพื่อให้พวกเขาทำงานตอบแทนอย่างเต็มที่ เขาทลายสายส่งยามาได้ไม่ต่ำกว่าห้าครั้งภายในสามปี เริ่มจากคนเดินยา เล่นไปถึงที่ผลิตยาที่มีนายตำรวจใหญ่คุ้มกะลาหัวอยู่ พวกมันไม่เคยรู้ว่าใครแพร่งพรายเรื่องพวกนี้ และเขาก็ไม่โง่พอจะเปิดตัวรอลูกตะกั่วมาฝังหัว

เขาจึงมานายตำรวจน้ำดีหลายท่านที่พร้อมยื่นมือเข้าช่วยหลังจากที่ได้ข้อมูลจากเขาไปเป็นการแลกเปลี่ยน หลายสิ่งที่ผิดแผนไปจากสิ่งที่เขาเคยวางไว้ก็คือเขียนจันทร์ การปะทะกับเสี่ยหลงซึ่งๆ หน้า ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดทำมาก่อน สุดท้ายเขาก็ทำ รักษ์ชาติหยิบแผ่นกระดาษที่สอดไส้ในแฟ้มบัญชีมาพลิกดู เป็นข้อมูลที่เขาเห็นแล้วจึงยิ้มออกมาได้

...เสี่ยหลงคิดจะส่งไม้เถื่อนไปยังประเทศจีนล็อตใหญ่

รักษ์ชาติเก็บข้อมูลแผ่นนั้นไว้กับตัว หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาบุคคลที่เชื่อถือได้เพื่อบอกสิ่งนี้ออกไป เมื่อเขาวางสายเรียบร้อย คนอีกสามคนก็กรูเข้ามาในห้อง ศดาธรหน้าตาไม่ค่อยดีนัก

“เหลือเวลาแค่ยี่สิบห้านาทีครับ คุณรักษ์ชาติจะไม่ติดต่อตำรวจหน่อยเหรอครับ”

อดีตทหารหนุ่มยกมือห้ามไว้ กระตุกยิ้มมุมปาก เมื่อเยื้องย่างไม่รีบเร่ง “ปล่อยให้ระเบิดเถอะ พวกมันจะได้ได้ใจ จนประมาท เรื่องนี้อย่าให้มีใครต้องเจ็บตัว ปล่อยข่าวลือเรื่องระเบิดออกไป อย่าให้คนแตกตื่น ฉันจะออกไปเป็นคนสุดท้าย”

“มันอันตรายนะครับ คุณรักษ์ชาติควรออกไปจากที่นี่ทันที” เกียรติยศรั้งรออยู่ในห้อง หลังปล่อยศดาธรและลูกน้องอีกคนไปทำงาน

รักษ์ชาติขยับตัวเชื่องช้า ไม่เปลี่ยนแปลงความคิดนอกจาก

“เหลืออีกสิบห้านาทีค่อยโทรแจ้งตำรวจ ส่วนฉันถ้ารอดก็คือรอด ถ้าไม่รอดก็ไม่รอด ห้ามโทรบอกเขียนจันทร์ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน”

เกียรติยศยืนรับคำสั่ง แอบกลอกตาไปมากับนิสัยเผด็จการของเจ้านายที่อายุน้อยกว่า คำสั่งที่ขอให้ตัวเองออกมาเป็นคนสุดท้ายแบบนี้ ท่าทางคนที่มีผลให้ทำเห็นจะเป็นเขียนจันทร์ และเขาก็คงทนเห็นเจ้านายเป็นอะไรไปไม่ได้ ถ้าไร้ซึ่งผู้ดูแล

มือขวาของรักษ์ชาติไม่อยากจะมั่นใจตัวเองนัก แต่เขารู้ว่าสิ่งที่รักษ์ชาติสั่งห้าม คือสิ่งที่สั่งให้ตนทำ


กระเป๋าเดินทางแบบเป้สะพายหลัง เขียนจันทร์กระชับสายมันไว้ให้ติดไหล่มากขึ้น เขียนจันทร์ตัดสินใจที่จะเดินทางไปต่างประเทศแบบระยะสั้น เธอยังอยากกลับมาดูแลครอบครัว และบุคคลที่เธอรักอีกหลายคน ที่นี่คือบ้าน และใครบางคนที่พยายามรั้งเธอไว้จนสุดกำลัง

เขียนจันทร์เหมือมองตั๋วเครื่องบิน และวีซ่าที่สอดอยู่ภายในตั๋วด้วยความคิดสะระตะ เธอไม่ต้องการให้วีซ่าที่อุตส่าห์ขอมาอย่างยากลำบากนี้ไม่ได้ใช้งาน รักษ์ชาติควรจะรู้ว่ามนุษย์เราไม่มีใครที่จะได้สมหวังทุกอย่าง หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ ความลังเลบางอย่างยังคงกัดกร่อนใจของเธอ ตั้งแต่เมื่อวานซืนที่เธอแข่งม้ากับรักษ์ชาติ เธอก็ไม่ได้พบเขาอีกเลย

เที่ยวบินแต่เช้าทำให้สนามบินไม่ได้หนาแน่น เขียนจันทร์บอกกับครอบครัวไว้ว่าเธอจะไปแค่ระยะสั้น จึงไม่ต้องการให้ที่บ้านมาส่ง เธอบอกสิ่งนี้กับบดินทร์ภัทรไปตอนเมื่อวาน และบดินทร์ภัทรก็ยังน่ารัก และคุยบอกให้เธอสบายใจได้เสมอ

เคาว์เตอร์ของเที่ยวบินที่เขียนจันทร์จะเดินทางไปเปิดให้เช็คอินได้ หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปต่อแถว ยังไม่ทันจะถึงคิว ร่างๆ หนึ่งก็วิ่งตึงตังฝ่าคนที่เข้าแถวมาจนถึงเธอ เขียนจันทร์มองสภาพเหงื่อโทรมกายของเกียรติยศอย่างไม่เข้าใจ ลางสังหรณ์ของเธอ จริงๆ ไม่ต้องพึ่งลางสังหรณ์ก็ได้ เกียรติยศเป็นคนของใคร เรื่องที่จะนำมาบอกแก่เธอ ย่อมเป็นของคนๆ นั้น

“อย่านะคะ ถ้าคิดจะมาห้ามไม่ให้ฉันไป ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจ” เขียนจันทร์ไม่พยายามสบดวงตาของคนที่วิ่งมาจนเหนื่อยหอบ แถวของเธอยังคงสั้นขึ้น เขยิบไปจวนจะถึงคิวของเธอ เกียรติยศจึงรวบรวมแรงเพื่อบอกกล่าวในสิ่งที่เขาดั้นด้นมาถึงที่นี่ในวันนี้

“คุณรักษ์ชาติไม่เหลือใคร ไม่เหลืออะไรสักอย่างแล้วนะครับ”

ประโยคนั้นเรียกให้เขียนจันทร์หันกลับมามองอย่างตื่นตะลึงได้ทันที มือที่ถือหนังสือเดินทางตกลงข้างตัว “หมายความว่ายังไงคะ”

“เกิดเหตุระเบิดที่สถานบันเทิงเมื่อตอนตีสามวันนี้....คุณรักษ์ชาติได้รับบาดเจ็บหนักครับ”

หน้าที่เคยมั่นใจ และเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองเสมอมาเริ่มซีดเผือด มือของเธอเย็นเฉียบ และหัวใจแทบหยุดเต้น มันโหวงในอกยามเธอได้รับรู้สิ่งที่เกิด เขียนจันทร์มองสิ่งที่อยู่ในมือ คำตอบของเธอชัดเจนในอก

...รักษ์ชาติรั้งเธอไว้ได้สำเร็จ

“รีบพาฉันไปหาเขาทีค่ะ”

ร่างของศิลปินนั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัด เป็นภาพแรกที่เขียนจันทร์เห็นแล้วถึงกับน้ำตาคลอ หญิงสาวที่ปลดสัมภาระไว้ในรถของรักษ์ชาติ ก็เดินตัวเบามายังหน้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง เธอไม่เคยรู้สึกดีที่ต้องมาที่นี่เลย ร่างระหงนั่งลงบนเก้าอี้ข้างผู้เป็นพ่อ...เธอรู้ แม้พ่อจะไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อรักษ์ชาติแล้ว แต่พ่อของเธอก็ยังห่วงลูกเจ้านายคนนี้ไม่เปลี่ยน

“พ่อเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่เท่าไหร่ ก็ออกมาแบบนี้แล้ว เขียนเป็นห่วงนะคะ”

ศิลปินเพิ่งรู้สึกตัวว่ามีคนนั่งข้างๆ ทำหน้าแปลกใจกับการเห็นหน้าลูกสาว “พ่อนึกว่าเขียนขึ้นเครื่องไปแล้ว”

เขียนจันทร์หุบปากสนิท เธอไม่อยากบอกพ่อถึงความสัมพันธ์แปลกๆ ระหว่างเธอกับรักษ์ชาติ เธอจะทิ้งเขาไปได้อย่างไรในช่วงเวลาที่เขากำลังแย่ ถึงเธอจะใจร้าย ใจดำ...แต่เวลานี้หัวใจของเธอบอกให้อยู่ต่อ อยู่เพื่อเขา

“เป็นห่วงคุณขุนใช่ไหม”

“ใครจะห่วงเขากัน” คนปากแข็งตอบ สีหน้าไม่ได้ไปตามคำพูด เพราะมันยังคงไร้สีเลือด และวิตกกังวลอย่างชัดเจน ศิลปินเห็นอาการบุตรสาวชัดเจนได้ดีกว่าคำพูดที่สวนทางกันนั้นก็ไม่อยากกระตุ้นให้ลูกสาวจนตรอก เวลานี้เขียนจันทร์คงจะเป็นห่วงรักษ์ชาติด้วยใจจริง

“ไปกันเถอะเขียน”

“แต่ว่า เขาอยู่...”

ศิลปินส่ายหน้า โอบบ่าลูกสาวที่ลุกตามสีหน้างงงัน และพาออกเดิน “คุณขุนออกมาได้สักพักแล้วล่ะ”

“เอ๊ะ...”

เขียนจันทร์ทำสีหน้าแปลกใจ “ทำไมพ่อมารอที่นี่คะ”

“คุณขุนบอก....เอ้อ จริงๆ พ่อคิดว่าพ่อรู้จักลูกสาวพ่อดีพอ ว่าคงจะลงจากรถแล้ววิ่งตรงมาที่นี่เลย พ่อพูดถูกไหม” ท่าทีพิรุธของผู้เป็นพ่อ รอดพ้นสายตาเขียนจันทร์ไปได้อย่างหวุดหวิด หญิงสาวฟังเหตุผลยืดยาวก่อนนิ่งเงียบ และเดินเคียงคู่กับบิดาจนกระทั่งหยุดลงที่หน้าห้องหนึ่ง ซึ่งศดาธรและเกียรติยศยืนเฝ้าไว้

อาการไม่ติดใจของเขียนจันทร์ทำให้ศิลปินลอบถอนใจโล่งอกกับตัวเองเบาๆ เห็นศดาธรส่งสัญญาณมาให้ เขาก็พอเข้าใจได้

“เขียนเข้าไปคนเดียวเถอะลูก พ่อจะไปหาอะไรกินหน่อย เขียนเอาไหม เดี๋ยวพ่อซื้อมาให้”

“เขียนทานมื้อเช้ามาจากที่บ้านแล้วค่ะ ขอบคุณพ่อมากนะคะ” ศิลปินตบบ่าเธอสองทีก่อนจากไป เขียนจันทร์รีบถามคนสนิทของรักษ์ชาติต่อทันที “หมอบอกว่าอาการของคุณขุนเป็นอะไรมากไหมคะ”

ศดาธรกับเกียรติยศขยับตัวอย่างอึดอัด สายตาลอกแลกไม่รู้ใครจะเป็นคนตอบในเรื่องนี้ดี เขียนจันทร์ยิ่งวิตก คิดไปว่าอาการของรักษ์ชาติคงหนักหนาขนาดที่บรรยายออกมาไม่ได้ หรือทำให้เธอหวาดเสียวเกินกว่าจะนึก

“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันเข้าไปดูเขาเอง”

ประตูห้องผู้ป่วยพิเศษปิดลง ศดาธรกับเกียรติยศพรูลมหายใจออกมาพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่ศดาธรจะถามเพื่อนเสียงเบา “คุณขุนบอกว่าจะตาบอด หรือจะความจำเสื่อมนะ”

“เหมือนจะทั้งคู่” เกียรติยศหน้าตาไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ถ้าเกิดเขียนจันทร์รู้ว่าเรื่องทั้งหมดถูกจัดฉากขึ้นมา วันนั้นเจ้านายของเขาจะถูกทิ้งถาวรหรือเปล่า เขาก็ไม่มั่นใจนัก

แล้วแต่บุญแต่กรรมส่วนบุคคลเถอะนะ


ผ้าพันแผลสีขาวพันรอบศีรษะ และปิดดวงตาสองข้างไว้ เขียนจันทร์ยกมือปิดปากด้วยความกังวล มือไม้สั่น เธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง เธอกลัวว่าจะทำให้รักษ์ชาติตื่นขึ้นมา และรับรู้สภาพคล้ายมัมมี่ของตัวเองในยามนี้ ตามแขนขาของเขาก็ถูกพันไว้ เธอไม่อยากนึกจินตนาการว่าภายใต้ผ้าพันแผลพวกนี้ มันจะบาดลึก ไม่น่าดูขนาดไหน รักษ์ชาติจะรู้สึกอย่างไร

ระเบิดมันร้ายแรงขนาดนี้เชียวหรือ...เขียนจันทร์นั่งลงข้างเตียงด้วยความนิ่งสงบ ริมฝีปากเม้มแน่นไว้เพื่อให้มันไม่สั่น เธออยากหาคำมาเอ่ยปลอบรักษ์ชาติพันล้านคำ อยากแบ่งเบาความเจ็บของเขามาไว้กับตัวสักครึ่งหนึ่ง เธอไม่อยากเห็นผู้ชายร้ายกาจสิ้นฤทธิ์ เธอยินดีเห็นเขาผีเข้าผีออกตลอดชีวิตเลยก็ได้ หากแลกกับการไม่พบเขาเจ็บปวดแบบนี้

การเคลื่อนไหวของมือหนาเรียกความสนใจของหญิงสาว เสียงงึมงำในลำคอของคนเจ็บดัง และก่อนที่เธอจะรู้ตัว มือของรักษ์ชาติก็เคลื่อนไปจับบนศีรษะตัวเอง ปากบิดเบี้ยว มีเสียงโอ๊ยเบาๆ ดังมา

เขียนจันทร์ลุกพรวดพราด จับมือหนาไว้ด้วยความเป็นห่วง เธอไม่กล้าแตะต้องร่างที่คล้ายถูกพันเป็นมัมมี่นี้แรง ได้แต่ปรามไม่ให้มือรักษ์ชาติฉีกทึ้งหนังศีรษะของตัวเองเท่านั้น

“ใจเย็นๆ นะคะคุณขุน เดี๋ยวฉันเรียกหมอให้”

สิ้นสุดคำพูดเขียนจันทร์ ร่างของรักษ์ชาติจึงสงบขึ้น คนป่วยล้มตัวลงนอน “ฉันมองไม่เห็น ฉันนึกอะไรไม่ออก ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

ประโยคทั้งหลายกระแทกใจคนฟัง เขียนจันทร์หัวใจไหวโยกด้วยความรวดร้าวบีบอัดในช่องอก เขียนจันทร์ยกมือปิดปากไว้ กันเสียงสะอื้นเล็ดลอด เธอไม่อยากให้รักษ์ชาติรู้สึกแย่เพิ่ม

“คุณปลอดภัยแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องคิดมากหรอกนะคะ”

“เธอเป็นใคร แล้วฉันล่ะ” มือหนาปัดป่ายไปมาในอากาศ ก่อนเลื่อนมายังขอบเตียงแล้วกุมมือเล็กไว้มั่น “เธอเป็นใคร เป็นอะไรกับฉัน”

“คุณขุนใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ฉันเป็นเพื่อนคุณค่ะ” เขียนจันทร์ระบุสถานะที่คิดว่าน่าจะใกล้เคียงที่สุด จะให้เธอตอบว่าเป็นอะไรได้อีก คู่กัด...หรือผู้หญิงของเขา

อย่างหลังเธอจะไม่มีวันโพล่งออกไปเด็ดขาด

“ฉันนึกอะไรไม่ออก”

เขียนจันทร์กลืนก้อนแข็งในคอ เธอรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก รู้แค่ว่าใจเธอเองก็กำลังเจ็บ คงไม่มีมนุษย์บ้าที่ไหนเล่นตลกแกล้งเจ็บแบบนี้ เขียนจันทร์วางมือลงไปบนเนื้อมือขาวที่โผล่พ้นผ้าพันแผลของรักษ์ชาติอย่างเบามือ

“ไม่ต้องนึกอะไรทั้งนั้นนะคะ ฉันจะค่อยๆ บอกคุณเอง ดีไหมคะ”

มือจากเป็นผ่ายถูกกุม พลิกขึ้นมากุมไว้ รักษ์ชาติบีบมืออุ่นนุ่มในมือแน่น “อย่าทิ้งฉันไปไหนได้ไหม”

หญิงสาวพยักหน้าน้ำตาคลอ หัวใจของเธอยอมรับว่าทนใจดำทิ้งรักษ์ชาติในช่วงเวลายากลำบากนี้ไปไม่ได้จริงๆ ถึงเขาจะร้ายกาจ ชอบแขวะ ชอบกัด ชอบแกล้งเธอประจำ แต่รักษ์ชาติก็ยังมีมุมที่ชอบช่วยเหลือเธอ ช่วยเหลือครอบครัวเธอ เขียนจันทร์ปฏิเสธสิ่งที่เกิดตรงหน้านี้ไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งมันเริ่มมาจากเธอ ค่อนข้างมั่นใจว่าต้องเกี่ยวกับเสี่ยหลง

เธอเป็นคนชักศึก และมันส่งผลกระทบรอบด้านให้เจ็บกันถ้วนทั่ว

“ฉันจะอยู่ข้างๆ คุณเอง คุณไม่ต้องกลัวนะคะ”

“เธอชื่ออะไร”

“ฉันชื่อเขียนจันทร์ค่ะ”


เขียนจันทร์สงสารรักษ์ชาติที่สุด เธอเพิ่งได้มีโอกาสทราบเรื่องเหตุระเบิดตามข่าวจนรู้ว่าระเบิดลูกนั้นถล่มสถานบันเทิงของรักษ์ชาติให้ไม่เหลือเค้าเดิม ภาพในอินเทอร์เน็ตเป็นภาพซากปรักหักพัง เศษดิน เศษปูน หรือเสาที่โย้ และของเกลื่อนกระจายบนพื้น โชคดีที่ตามข่าวรายงานนั้นไม่มีใครเสียชีวิต หรือแม้แต่ได้รับบาดเจ็บ ศดาธรบอกกับเธอว่ารักษ์ชาติเจ็บตัวจำต้องปิดบังไว้เพื่อความปลอดภัยของรักษ์ชาติเอง

ตอนนี้เธอไม่เห็นลูกน้องคนอื่นๆ ของรักษ์ชาติ นอกจากศดาธรและเกียรติยศ รักษ์ชาติขอกลับไปรักษาตัวที่บ้านหลังจากวันเกิดเหตุผ่านมาสามวัน มีคุณชายบดินทร์ภัทรเป็นแพทย์เจ้าของไข้

ทุกคนที่จักรตรากูลพอเห็นหน้าเธอตั้งแต่เย็นวันนั้นแทนที่จะอีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้นก็ดีใจยกใหญ่ แต่พอรู้ว่าเพราะอะไรเธอจึงอยู่ต่อ คุณหญิงวงเดือนถึงกับจับหน้าอกร้องเรียกหายาดม เขียนจันทร์ได้ยินว่าหม่อมยายของเธอพูดรำพันกับตัวเองประโยคหนึ่งว่า

‘ตายๆ ฉันไม่น่าดูถูกนายคนนั้นเลย’

แต่พอเธอถามว่าเรื่องอะไร คุณวงเดือนก็เปลี่ยนเรื่อง ไม่สานต่อบทสนทนา

“ตั้งแต่เกิดเรื่องแม่รสโกรธคุณรักษ์ชาติมากค่ะ”

กาแฟเย็นภายในร้านเครื่องดื่มในโรงพยาบาล บดินทร์ภัทรส่งแก้วทรงสูงมาให้เขียนจันทร์ หญิงสาวยื่นมือไปรับมาดื่มด้วยหน้าตาไม่สบายใจ

“น้องขุนจะเป็นยังไงคะ”

บดินทร์ภัทรขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง ทั้งที่เพิ่งนั่งลงได้ไม่กี่วินาที สบตากับเขียนจันทร์อีกครั้งจึงเอ่ยปากตอบออกไปได้ “น้องเขียนจะดูแลลูกขุนไหวเหรอคะ ตอนนี้คุณรักษ์ชาติเขาก็...”

“ฉันดูแลได้ค่ะ คุณขุนเขาจะได้ไม่เหงา ฉันกำลังมองหาโรงเรียนให้น้องขุนด้วย ฉันว่าตอนนี้คุณโชติรสเธอเองน่าจะยุ่งๆ อาจไม่มีเวลาดูแลน้องขุน”

“อย่างนั้นก็ตามใจค่ะ วันนี้แม่พี่ก็ให้พี่ดูแลน้องขุนพอดี” บดินทร์ภัทรยิ้มเนือย ประจวบกับเสียงเล็กแหลมที่ดังมาจากหน้าร้านเรียกความสนใจของทั้งคู่ได้ทั้งหมด

“แม่เขียน”

ร่างระหงลุกขึ้น อ้าแขนรับร่างเล็กมาเต็มอ้อมกอด เธอรู้สึกเหมือนได้ลูกชายกลับคืนมา ช่วงเวลาที่ไม่ได้ดูแลกันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกผูกพันกับกองพันน้อยลงเลย เด็กน้อยยังคงแก้มยุ้ยน่าฟัดในสายตาเธอไม่เปลี่ยน

เด็กชายนั่งบนตักหญิงสาว ไม่คิดกลับไปอยู่กับพี่เลี้ยงที่เดินมาส่ง “ขุนอยากอยู่กับแม่เขียน”

“แต่ว่า...” พี่เลี้ยงอ้าปากจะปฏิเสธ

“น้องเขียนไว้ใจได้ครับ ที่ผ่านมาผมรบกวนคุณมากแล้ว ขอบคุณนะครับ” บดินทร์ภัทรอธิบายจนพี่เลี้ยงสาวต้องล่าถอยจากไป คุณหมอหนุ่มจึงหันมาพูดกับหลานชายตัวน้อยด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “จากนี้อย่าดื้ออย่าซนกับแม่เขียนนะครับ”

“ครับน้าบดินทร์” เสียงเล็กตอบรับ ก่อนยืดตัวหอมแก้มเขียนจันทร์ “ขุนคิดถึงแม่เขียน”

“แกบ่นคิดถึงน้องเขียนทุกวันเลยค่ะ”

เขียนจันทร์ยิ้มแก้มปริ ลูบแก้มยุ้ยไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว อย่างน้อยการอยู่ต่อของเธอก็มีประโยชน์ และเธออยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ จากนี้เธอจะใช้ชีวิตอย่างระวัง คิดถึงคนอื่นให้มากขึ้น และคะเนถึงผลได้ผลเสียให้ถี่ถ้วน เธอทนไมได้จริงๆ หากจะต้องมีใครเจ็บตัวเพิ่มขึ้นอีก

เธอทนไม่ได้หากต้องมีคนที่เธอรักจบชีวิตลงไปด้วยฝีมือคนปองร้าย...คนที่รัก

ความคิดตรงนั้นหยุดชะงักลง เขียนจันทร์กอดเด็กชายไว้แนบอก ปิดดวงตาที่ลืมขึ้นให้สนิทลงด้วยความรู้สึกที่เธอยอมรับหมดใจ แม้ในวันนี้เธอจะไม่มีวันได้เห็นสายตากวนประสาท ยโส และน่าหมั่นไส้จากรักษ์ชาติอีกแล้วก็ตาม

ในที่สุดเธอก็เผลอใจให้กับรักษ์ชาติจนได้


ผ้าพันแผลที่พันเนื้อปกติมีแต่ทำให้ร้อนและคันจำต้องถูกแก้ออกชั่วคราว รักษ์ชาติยืดเส้นยืดสายที่ถูกพันกายอย่างกับมัมมี่ออกสุดแขน ชายหนุ่มนั่งเอนหลังฟังสิ่งที่เกียรติยศกำลังรายงาน

“เริ่มติดกับเราแล้วครับ ครั้งที่แล้วเสี่ยหลงเล่นไปได้เจ็ดหลักครับ ได้ข่าวแว่วมาว่าครั้งหน้าเราจะเปิดโต๊ะพิเศษได้ครับ”

“เสี่ยหลงมันยังตอแยทางจักรตรากูลอยู่ไหม”

“มีไปบีบให้ทางจักรตรากูลเร่งสร้างโครงการใหม่ครับ แต่ทางจักรตรากูลยังนิ่งอยู่”

คนปกติดีแต่ต้องแกล้งเจ็บหัวเราะหึ ทุกสิ่งกำลังเป็นไปตามที่เขาร่างไว้อย่างใจเย็น รักษ์ชาตินึกถึงวันที่เกิดเรื่องก็อยากจะขำเสียเต็มประดา เสี่ยหลงไม่ได้รู้เลยว่าได้ ‘พลาด’ ให้เด็กรุ่นลูกอย่างเขาไปแล้ว


ภายในห้องสี่เหลี่ยมทึบอากาศเย็นฉ่ำมีบุรุษนั่งอยู่รวมกันได้สี่ชีวิต และอีกสองที่ประจำตำแหน่งบริเวณประตู ตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งสองมองคุณชายหมอที่กลายเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่มาร่วมฟังการประชุมในครั้งนี้อย่างเหนือความคาดหมาย

‘คุณชายมาเป็นตัวแทนคุณโชติรส’ รักษ์ชาติตอบก่อนเริ่มเรื่องในวันนี้ ‘กานต์ฉันอยากให้นายลงเกาะ ไปรอเตรียมต้อนรับเสี่ยหลง’

การ ‘ต้อนรับ’ ในความหมายของรักษ์ชาติคงไม่ใช่การกอดทักทาย แต่น่าจะเป็นการรอเล่นงานเหยื่อที่นับวันบารมีจะถูกลดบั่นทอนลงไปเรื่อยๆ มากกว่า

‘งานนี้ฉันไม่พลาดแน่ นายแน่ใจนะว่าจะทำให้เสี่ยหลงเป็นหนี้หัวโตได้’

‘ความโลภมันไม่เข้าใครออกใคร ได้เยอะ ก็จะกลับมาอีก และจะลงหนักกว่าเดิม น้อยคนจะรู้ว่าเสี่ยหลงมีบ่อน แต่ดันชอบไปเล่นที่เกาะพาน’ เกาะพาน แหล่งกาสิโนชายแดนถูกกฎหมายที่ใหญ่สุดในประเทศไทย ที่นั่นมีโชติรสเป็นเจ้าของ

‘ได้ยินอย่างนั้น ความหวังเลื่อนขั้นของฉันก็ดูมาแบบรำไรหน่อย’ ตำรวจหนุ่มเลือดร้อนแสยะยิ้มมุมปาก ดวงตาไร้ความเห็นใจ ในชีวิตของกานต์ก็เป็นหนึ่งในครอบครัวที่ถูกหลงโกงไปจนหมดตัว ชีวิตปากกัดตีนถีบแต่เด็ก เขาดิ้นรนจนมีวันนี้ก็เพื่อมาจัดการกับนักธุรกิจเลวๆ อย่างหลง

รักษ์ชาติเห็นความกระหายอยากจัดการคนเลวของกานต์ก็พอจะวางใจในงานที่สั่งไปได้ ถึงกานต์จะเคียดแค้นแค่ไหน แต่ยังใช้ความยุติธรรมเป็นตัวตัดสินเสมอ ยุติธรรมและเถรตรงเกินไปจนถูกสั่งพักงานในขณะนี้

‘พรึกนายต้องคอยส่งข่าวความเคลื่อนไหวของเจ้านายเรามาให้ฉันรู้ มีอะไรไม่ชอบมาพากลอะไรก็รีบมาบอก ถ้ามีข่าวใหญ่อะไร ฉันจะส่งไปหานาย ให้เจ้านายนายทราบด้วย’

ประกายพรึกหัวเราะหึ ส่งสายตารู้ทันไปยังอีกเรื่อง ‘แล้วเรื่องอื่นล่ะ พี่ขุนอยากให้ผมช่วยอะไรอีกไหม’

‘นายช่วยฉันไม่ได้หรอก แต่ถ้าเป็นคุณชายก็ไม่แน่’ รักษ์ชาติกระตุกยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ‘ฉันขอให้หมอโกหกกับเขียนว่าฉันตาบอด สมองเสื่อมจะได้ไหม’

สองตำรวจหนุ่มร้องอุทานลั่นแปลกใจ จากบุคลิกดิบเถื่อน ไม่น่าจะมาเล่นอะไรเป็นเด็กๆ อย่างนั้น

‘ฉันจะต้องหลอกให้เสี่ยหลงตายใจว่าฉันไร้พิษสง ถูกคุณโชติรสปล่อยเกาะ’ ว่าที่ทายาทธุรกิจสถานบันเทิงกล่าวออกมาได้อย่างธรรมชาติ โชติรสแม้จะไม่ใช่แม่ แต่ฝ่ายนั้นกลับเชื่อในตัวเขาถึงขนาดพร้อมจะมอบธุรกิจที่มีในมือให้เขาทั้งหมดในเวลาไม่นานจากนี้ แต่เขาได้ขอจัดการทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องเสี่ยหลงนี้เสียก่อน จากแต่เดิมที่ขอเลื่อนเวลาผัดผ่อนไม่สืบทอดอำนาจต่อทั้งหมด เขายอมเตรียมใจรับอำนาจพวกนั้น หากว่ามันจะทำให้ศัตรูตัวเบ้งอย่างเสี่ยหลง สิ้นท่าได้ เขายอมตัดสินใจลงกระดานเกมนี้ตั้งแต่รู้ว่าเขียนจันทร์พาตัวเองมาสู่วังวนธุรกิจ

มันเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อที่จะใช้อำนาจที่โชติรสมีทั้งหมดได้ และหลอกเสี่ยหลงด้วยเรื่องบาดหมางทั้งหลายที่เกิดขึ้น ซึ่งโชติรสก็ให้ความร่วมมืออย่างดี และให้โชติรสทำตัวเป็นแม่พระที่พร้อมจะยื่นมือช่วยเสี่ยหลง

ช่วย...ก่อนเชือดให้ตายอย่างช้าๆ

‘ผมช่วยคุณได้ ถ้าคุณจะตอบคำถามผมมาหนึ่งข้อก่อน’

‘อะไรอีกล่ะหมอ’ รักษ์ชาติทำเสียงรำคาญ

‘ที่คุณต้องให้ผมเป็นคนโกหกน้องเขียน เพื่อให้ผมรู้ว่าน้องเขียนเขาห่วงคุณอย่างนั้นเหรอครับ หรือคุณต้องการเตือนให้ผมรู้ว่าคุณสำคัญต่อน้องเขียน คุณหึงน้องเขียน’

รักษ์ชาติเหลือบตาขึ้นมอง ยิ้มถูกใจกับการคาดเดาของบดินทร์ภัทร

‘หึง หวง และห่วงมาก และเขียนก็รู้สึกพิเศษต่อฉันมาก ไม่เชื่อหมอก็คอยดูด้วยตาตัวเองเถอะ’ คนมั่นใจกลายเป็นคนน่าหมั่นไส้มากที่สุดภายในห้อง

ประกายพรึกทำหน้าปูเลี่ยน อดเปรยกับลมฟ้าอากาศให้ลอยเข้าหูรักษ์ชาติสักหน่อยไม่ได้

‘โกหกเขา ก็อย่าลืมว่าถ้าความจริงเปิดเผย ละครอาจเล่นไปคนละฉากก็ได้นะครับ’

………………………………………….

คุณ ร้อยวจี ตอนนี้พาขุนในมุมที่คนไม่ค่อยเห็นออกมาบ้างแล้วนะคะ ^^ กลัวจะเป็นพระเอกไร้คะแนนเห็นใจจนเกินไป ฮา แต่ก็ยังมีความน่าหมั่นไส้สูงนะคะ

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ขอโทษค่า ทำรู้สึกแย่แต่กลางคืนเลย เจ้าขุนมันนิสัยไม่ดีเลย อดทนอีกนิดนะคะ เขียนไม่เป็นลูกไล่ตลอดไปแน่นอน อิอิ

คุณ ใบบัวน่ารัก ตอนนี้ขุนชัดเจนกับตัวเองมากขึ้นแล้ว แต่ก็ดันสร้างปัญหาใหม่ ไม่ได้อยากให้พระเอกเป็นนายหัวเลยนะคะ แต่ที่ผ่านมาพ่อคุณก็ช่างทำร้ายเขียนตลอดๆ คิดถึงลูกขุนก็ส่งมาให้เลย ปิ๊ง ตอนหน้ายังเจอแน่นอนค่ะ

คุณ ameerah นานๆ คนนิสัยแข็งๆ หลุดทำอะไรมานิดๆ หน่อยๆ ก็ดูน่ารักใช่ไหมคะ อิอิ

คุณ Amarilys มาซับเหงื่อให้ค่ะ เดี๋ยวกว่าจะมีฉากหวานรออีกนิดนะคะ (เรื่องนี้ยังจะหวานได้อีกเหรอ ฮา) มีเจ้าขุนเป็นคนลบโมเมนต์ดีๆ ด้วยตัวเอง

คุณ อัศวินนภา พวกปากร้าย ใจหนัก รักใครรักจริงนะคะ ฮิ้วววว แต่จะมีใครอยากให้เจ้าขุนมารักไหม หัวใจต้องเสริมใยเหล็กกันหน่อย

คุณ yimyum ข้อนี้เขียนก็คงไม่กล้าถามขุน แต่เธอตอบใจตัวเองได้แล้ว ฮา

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกไลค์ และนักอ่านทุกท่านนะคะ มากระซิบบอกว่าใกล้เวลาเจ้าขุนสิ้นท่าแล้ว




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มิ.ย. 2557, 10:25:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มิ.ย. 2557, 10:25:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 2114





<< บทที่ 15 : ไม่ให้เธอไป   บทที่ 17 : ความจริงในใจของคนโกหก >>
ใบบัวน่ารัก 6 มิ.ย. 2557, 10:59:04 น.
มีลูกขุนคนเดียวที่น่ารัก
ส่วนพ่อเจ้าขุนจะให้เขียนตีหัวให้แปะเลย
หนอยยยย ตาบอด ความจำเสื่อม
ตาบอดเพราะรักเขียนม๊ากกก( กัดฟันพูด) ก็พอเข้าใจ
แต่ปัญญาอ่อนนี่สิ น่าตืบบบบบ


อัศวินนภา 6 มิ.ย. 2557, 12:24:33 น.
เฮ่ยๆๆ เล่นแบบนี้ระวังนะเจ้าขุนเอย ศพจะไม่สวย


ร้อยวจี 6 มิ.ย. 2557, 12:34:31 น.
น่าหมั่นไส้นายขุนมากกว่าค่ะ ถ้าเขียนรู้ว่าโดนหลอกจะทำไง แต่ก็ดีใจที่คุณโชติรสแค่เล่นละคร ชักอยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ


yimyum 6 มิ.ย. 2557, 19:06:08 น.
เหอๆๆ ระวังออกมาศพไม่สวยนะจ๊ะ


konhin 6 มิ.ย. 2557, 22:53:01 น.
ร้ายไม่เปลี่ยนเลยนายขุน ขอให้โดนโกรธจริงๆเหอะ


ameerah 6 มิ.ย. 2557, 23:33:51 น.
เล่นอย่างนี้เดี๋ยวจะรู้สึกนะนายขุน แต่ก็ดีเพราะทำให้เขียนรู้ตัวเองซะที


นักอ่านเหนียวหนึบ 7 มิ.ย. 2557, 10:16:37 น.
หะๆ แล้วตอนนี้ก็ยังเป็นโชคของเจ้าขุนเหมือนเดิม
unromantic จริงๆ ด้วย


ผักหวาน 18 มิ.ย. 2557, 00:05:58 น.
แผนเยอะจริงๆ พี่ขุนของเรา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account