แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 7 พรหมไม่ลิขิต แก้วลิขิตเอง

7
พรหมไม่ลิขิต แก้วลิขิตเอง

แก้วกัลยามองรูปกรอบใหญ่ของเพทายที่เธอนำไปอัดใส่กรอบมาแขวนไว้ที่ผนังตั้งแต่ครึ่งปีก่อน ข้าง ๆ เป็นกรอบรูปของเธอ แก้วกัลยามักจะนั่งมองรูปเขาก่อนนอนและตอนตื่นนอนเสมอ เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องได้คุณเพทายคนนี้มาเป็นแฟน เธอไม่มีทางยกคุณเพทายให้ใคร แต่แผนเธอกลับล้มตั้งแต่ยังไม่เริ่มทุกครั้ง เธอก้าวเข้ามาเขาหนึ่งก้าว เขากลับถอยหนีเธอสิบก้าว แรก ๆ ที่เธอไปพบเขาเขาก็ยอมพบเธอ แต่พอผ่านไปหนึ่งอาทิตย์เขาสั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าพบไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแค่ไหน เอจึงวางแผนใหม่ด้วยการเข้าทางคุณพรทิพย์ แต่แผนเข้าหาคุณพรทิพย์ครั้งแรกก็ล่มเพราะรักจิราน้องสาวตัวแสบมาขัดขวาง พอครั้งต่อมากะว่าจะได้เจอที่บ้านตอนไปเยี่ยมคุณพรทิพย์เขากลับไม่อยู่ซะอย่างนั้น ราวกับเขาและเธอไม่ใช่คู่ชะตาบุพเพ ไปอย่างตั้งใจก็ไม่เจอ ไม่ตั้งใจก็ยังไม่เจอ ทั้งที่เธอมั่นใจว่าเธอก็สวย รวย เลอค่าขนาดนี้ ทำไมเพทายถึงไม่สน กลับไปสนยัยคุณหนูแอ๊บแบ๊วอย่างดารินทิพย์ ยิ่งน่าเจ็บใจก็คือเมื่อคืนเธอแต่งตัวนับชั่วโฒงเพื่อไปเจอเขา แต่เขากลับไปกินข้าวกับคุณหนูหน้าหวานนั่นเสียได้ ทำไมอะไร ๆ ก็ติดขัดไปหมด แก้วกัลยาทำสีหน้างุ่นง่านใจ พลางหันไปมองปฎิทินที่ตอนนี้มีปากกาสีแดงขีดฆ่าวันทิ้งนับถอยหลัง วันเดตไลน์ของเธอ

“ฉันจะลองอีกสักตั้ง เกิดมาชีวิตฉันไม่เคยง้อใครเลยนะคุณเพชร ผู้ชายก็มีให้ใช่เหลือเฟือ แต่ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าคุณกับฉันใครจะแน่กว่ากัน ฉันไม่ยอมแพ้คุณหรอก ยิ่งคุณยากฉันก็ยิ่งอยากได้ ยิ่งท้าทาย ก็ได้เมื่อพรหมไม่ลิขิตให้ฉัน ฉันจะลิขิตเอง แล้วเจอกันคุณเพทาย” แก้วกัลยาเอ่ยและเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดสีขาวที่ดูสุภาพขึ้น เธอเดินลงมาจากห้องและมองบ้านที่เงียบผิดปกติ ไม่มีกลิ่นหอม ๆ ของข้าวต้มเช่นทุกวัน เพราะขวัญชีวันไม่อยู่ ขวัญชีวันเป็นแม่ครัวประจำบ้าน พวกเธอจ้างแม่บ้านแค่มาคอยทำความสะอาดและซักผ้าทุก ๆ สองวันจากบริษัท ดังนั้นอาหารจึงให้แม่ครัวใหญ่อย่างขวัญชีวันเป็นผู้ทำ ลูกมือก็คือวันวิวาห์หรือไม่ก็รักจิราที่เวียนลงมาช่วย แต่สามเดือนนี้คงจะอดชิมฝีมือของขวัญชีวัน ทำไมอะไร ๆ ช่วงนี้ดูแย่ไปหมดนะ

“วัน” วันวิวาห์เงยหน้าข้นจากโต๊ะ หน้าโต๊ะมีเพียงขนมปังปิ้งที่วางอยู่ แก้วกัลยาปลายตามองไปที่รักจิราหลังจากกลับมาเมื่อคืน เธอคิดว่าน้องสาวจะต้องวิ่งร่าขึ้นมาเยอะเย้ยเธอเรื่องเพทาย แต่กลับไม่มีเสียงใด ทุกอย่างเงียบกริบ เธอเดินไปชงชามาหนึ่งแก้วและเดินกลับมานั่งข้างวันวิวาห์

“มันเป็นอะไรของมัน”

“ไม่รู้สิ ตอนเช้าตื่นมาเห็นยืนปิ้งขนมปังแล้วก็เหม่อมานั่งไม่ยอมกินอะไรแบบนี้ แก้วว่าอาการแบบนี้เหมือนเคยเห็นมาก่อนไหม” วันวิวาห์ถามอาการนิ่งเงียบ เหม่อลอยของน้องสาว น้องสาวของพวกเธอไม่ใช่คนที่เงียบปาก มักจะสร้างเสียงหัวเราะด้วยการชวนคุย หรือไม่ก็ทะเลาะกับแก้วกัลยา บ้านจึงไม่เคยเงียบ แต่วันนี้แปลก

“อ่อ อาการแบบนี้มันเหมือนตอนบอกเลิกไอ้...”

เพล้ง!!!

รักจิราสะดุ้งเมื่อแก้วกาแฟถูกมือของเธอปัดตกแตก วันวิวาห์และแก้วกัลยาผวาลุกขึ้นยืน เมื่อรักจิราทำท่าจะเดินเข้าไปเก็บเศษแก้ว แต่วันวิวาห์ไว้กว่า

“ไม่ต้อง เดี๋ยวเจ๊เก็บเอง ท่าทางลอย ๆ แบบนี้เดี๋ยวแก้วจะบาดเอาซะก่อน” รักจิราพยักหน้าและคว้าหยิบกระเป๋าจะเดินออกไป แต่แก้วกัลยายังอดข้องใจไม่ได้ว่าน้องเป็นอะไร

“เดี๋ยว ไอ้รัก วันนี้ผีเข้าหรือไง วันนี้หน้าเหมือนหมาหงอย แกเป็นอะไร” แก้วกัลยาเป็นผู้ถามถึงความผิดปกติ แต่รักจิราไม่ตอบ เพลงมองตาเธอเหมือนอยากจะพูด แต่ก็ไม่พูด

“เค้ายืมรถหน่อยนะวันนี้ไปสายไม่ได้” แก้วกัลยาขมวดคิ้วแต่เมื่อน้องไม่อยากตอบ จึงยื่นกุญแจรถของตัวเองให้กับรักจิรา รักจิราผงกหน้าเล็กน้อยและเดินออกไป

“อาการไม่ค่อยดีนะ” วันวิวาห์พูด “วันนี้แต่งตัวแบบนี้จะไปไหน”

“วัด” สีหน้าของวันวิวาห์ดูจะแปลกใจเอามาก ๆ

“วัดหรอ ไปทำไม ปกติไม่เห็นจะเข้า” แก้วกัลยามองวันวิวาห์ โชคดีที่วันวิวาห์เป็นคนที่พูดอะไรตามความคิดของตัวเอง ไม่อย่างนั้นเธอจะคิดว่าวันวิวาห์ตั้งใจกระแนะกระแหนะเธอ

“เมื่อคืนน้าทิพย์โทรมาชวนไปทำบุญที่วัด วันนี้ครบรอบสี่ปีที่คุณไพฑูรย์พ่อคุณเพชรท่านเสีย ฉันก็เลยตกลงไปด้วย เพราะคิดว่าน่าจะเจอคุณเพชรที่นั่น ไปด้วยกันนะ” วันวิวาห์ส่ายหน้า

“ไปเถอะวัน ไปเป็นกำลังใจให้ฉัน เผื่อเวลาเจอคุณเพชรแล้วประหม่า เธอจะได้ช่วยฉัน” วันวิวาห์รู้สึกอยากหัวเราะ แก้วกัลยาเนี่ยนะจะประหม่า มีแต่จะทำให้คนอื่นเขาประหม่าเสียมากกว่า

“ไปนะวัน อีกอย่างถือว่าไปทำบุญให้พ่อกับแม่ฉันด้วยไง” แก้วกัลยาเอ่ยถึงบุพการีตน แก้วกัลยาไม่ได้แทนนามพ่อกับแม่ว่าอาม้าหรืออาป๊าแล้วพี่น้องคนอื่น เพราะเธอเป็นสาวในวงสังคมไม่อยากให้ใครมาบอกว่าเธอคือไฮซ้อ เธอสร้างภาพลักษณ์ไฮโซแทบตาย กว่าจะยืนหยัดได้อย่างเข็มแข็ง แต่พ่อกับแม่เธอก็สอนให้เธอเรียกแบบนี้อยู่แล้วด้วย ไม่ใช่ลืมชาติกำเนิดแต่อย่างใด

“วันนี้ว่างไม่ใช่หรอ ฉันทำคุณพยาบาลผู้ช่วยเธอแล้ว เขาบอกฉันว่าเธอเข้าวอร์ดช่วงบ่าย ดังนั้นไปนะ” สุดท้านวันวิวาห์ก็ต้องตกปากรับคำอย่างเลี้ยงไม่ได้




แก้วกัลยามองมงกุฎที่หอบข้าวของตามที่เธอได้สั่งให้เตรียมมา และส่งให้ แก้วกัลยารับตะกร้าสานที่มีอาหารคาวหวานมาถือไว้ มงกุฎที่ทำหน้าที่เอาของมาส่งก็กลับไป ทิ้งให้แก้วกัลยาและวันวิวาห์ยืนอยู่ด้วยกัน แก้วกัลป์ยาส่องกระจกที่พกมาอีกครั้งก่อนจะเดินเชิ่ดเข้าไปในศาลา ๆ พร้อมกับวันวิวาห์ แก้วกัลยามองหาเป้าหมายในที่สุดก็เจอ จึงรีบเดินเข้าไปหาคุณพรทิพย์ที่กำลังนั่งจัดแจงของ วันนี้เป็นวันพระคนทำบุญจึงดูหนาตาเป็นพิเศษ คุณพรทิพย์หันไปมองแก้วกัลยาที่เดินยิ้มมาหาเธอ แก้วกัลยาเดินมานั่งที่ข้างขวามือของคุณพรทิพย์

“สวัสดีค่ะน้าทิพย์ น้าทิพย์คะนี่วันวิวาห์ ลูกพี่ลูกน้องที่แก้วเคยเล่าให้ฟังค่ะ” พรทิพย์มองวันวิวาห์อย่างเอ็นดู วันวิวาห์สวยไร้ที่ติดดั่งปติมากรรมอย่างที่แก้วกัลยาบอก เสียดายใบหน้าที่ฉาบไว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย วันวิวาห์ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่มองเธออยู่

“แล้วคุณเพชรไม่มาหรอคะ” แก้วกัลยาเอ่ยถามหาเป้าหมาย

“มาจ๊ะ แต่ตอนนี้ไปรับหนูดาหวันเห็นว่าชวนมาด้วยกัน” ใบหน้าที่กำลังยิ้มแย้มหุบยิ้มในทันที แต่วันวิวาห์ที่นั่งอยู่ใก้ลสะกิดแขนเรียกสติที่หลุดลอยของแก้วกัลยาให้ลอยกับมา แก้วกัลยายิ้มอีกครั้ง

“รักกันจังนะคะคุณเพชรกับคุณดาหวัน”

“จ๊ะ สองคนนี้เห็นว่ารู้จักกันตอนที่ตาเพชรไปงานอะไรสักอย่างที่เชียงใหม่นี่ล่ะ นั่นไงมาแล้ว” แก้วกัลยาหันไปมองเพทายที่เดินเคียงข้างมาพร้อมกับดาหวันแม้จะไม่ได้จูงมือกันประเจิดประเจ้อ แต่แก้วกัลยาก็ไม่วายทำหน้าไม่พอใจให้ เธอหันหน้าหนีทันที วันวิวาห์มองทั้งสองที่เดินเข้ามา เพทายเธอเคยเห็นในรูปที่แขวนอยู่ในห้องแก้วกัลยา ในรูปเขาหล่อ มาดแมนมาก ตัวจริงนั้นหล่อยิ่งกว่า เขาเหมือนคุณชายที่มีความสุภาพ สุขุม ดูอบอุ่นอย่างที่แก้วกัลยาบรรยายไว้ ส่วนดารินทิพย์ที่อยู่ในวงสนทนาของแก้วกัลยากับรักจิราเสมอเธอพึ่งเคยพบเป็นครั้งแรก ดารินทิพย์เป็นสาวน้อยสวยหวานอายุน่าจะอ่อนกว่ารักจิราปีเดียว หน้าตาน่ารัก กิริยาดูนุ่มนิ่มดั่งกุลสตรี ก็ไม่แปลกที่เพทายจะชอบ น่ารัก น่าทะนุถนอมเสียขนาดนี้ พอหันกลับมามองญาติผู้พี่ของตัวเอง ช่างต่างราวฟ้ากับเหว แม้แก้วกัลยาจะสวย แต่สวยแบบโฉบเฉี่ยว แก้วกัลยาเป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องรับความทะนุถนอมจากใคร เธอไม่อยากพูดตัดความหวังแก้วกัลยา แต่ดูก็รู้เกมส์รักครั้งนี้แก้วกัลยาแพ้แน่นอน

“กว่าจะมากันนะคู่หวาน” คุณพรทิพย์เอ่ย ดารินทิพย์ยกมือขึ้นไหว้ด้วยท่าทีที่นอบน้อม กิริยาที่อ่อนหวานนั่นทำให้แก้วกัลยาเริ่มโมโห จึงหันไปมองวันวิวาห์แทน

“มาก็ดีแล้ว แม่จะแนะนำให้รู้จักหนูแก้วกัลยาที่แม่เราให้เราฟังที่แวะมาคุยกับแม่บ่อย ๆ” เพทายหันมองคนที่นั่งอยู่ข้างมารดาด้วยแววตาแปลกใจ ตอนแรกเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นคนเดียวกันไหม ตอนนี้เริ่มมั่นใจแล้ว ผู้หญิงคนนี้ร้ายจริง ๆ เข้าทางเขาไม่ได้ ก็ไปเข้าทางแม่ของเขา เขาไม่เข้าใจจริง ๆ เธอหน้าตาก็สวย ผู้ชายก็ติดตามเป็นเกลียว แต่ทำไมต้องมาตามเขาด้วย

“สวัสดีค่ะ คุณเพทาย คุณดารินทิพย์” แก้วกัลยาเอ่ยตวัดตามองดารินทิพย์เล็กน้อย ก่อนจะมองเพทายด้วยสายตาเยิ้มหวานจนเพทายรู้สึกขนลุก จึงหันหน้าหนีหันไปกระซิบกระซาบกับดารินทิพย์ แก้วกัลยามองภาพบาดตาอย่างอิจฉา แทบอยากจะลุกออกจากศาลา วันวิวาห์สะกิดแขนให้แก้วกัลยาหันกลับมาเพราะพระกำลังจะสวดมนต์แล้ว แก้วกัลยายอมถอนสายตากลับทั้งที่จิตใจกำลังร้อนลุ่มเป็นไฟ เสียงบดสววดมนตร์ลอยผ่านหูไปเพราะใจของเธอกำลังจดจ่ออยู่ที่คู่รักทั้งสอง การทำบุญเสร็จสิ้นลง แก้วกัลยาเดินออกไปเทนำอุทิศส่วนกุศลด้านนอกกับวันวิวาห์ วันวิวาห์มองใบหน้าของคนที่มาทำบุญแต่สีหน้าคล้ายกับมาฆ่าคนของแก้วกัลยา วันวิวาห์หยิบผ้าเช็ดหน้าของตนส่งให้แก้วกัลป์ยาอย่างรู้งาน แก้วกัลยารับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมา เธอไม่ได้นำมันมาเช็ดน้ำตา แต่

“อี๊ด!!!” แก้วกัลยากัดผ้าเช็ดหน้าและกรีดร้องอย่างโมโห

“น่าโมโห น่าโมโห น่าโมโหที่สุด เอานี่กุญแจ” แก้วกัลยาส่งกุญแจรถให้กับวันวิวาห์ วันวิวาห์มองอย่างงง ๆ และไม่เข้าใจว่าแก้วกัลยายื่นกุญแจให้เธอทำไม

“เธอกลับบ้านไปก่อนวัน ฉันจะอยู่ต่อ”

“อ้าว” วันวิวาห์ร้องทันที อยากให้มาเธอก็มา พออยากให้กลับเธอก็ต้องกลับ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของแก้วกัลยาก็ไม่อยากขัดใจอะไร จึงรับกุญแจและเดินกลับไปที่รถโดนไม่ต่อคว่ามใด ๆ อีก แก้วกัลยาเดินกลับเข้ามานั่งข้าง ๆ คุณพรทิพย์

“อ้าวแล้วหนูวันล่ะจ๊ะ”

“มีธุระด่วนค่ะเลยขอกลับก่อน แก้วกะว่าจะอยู่เป็นเพื่อนน้าทิพย์ก่อน”

“หรอจ๊ะ แล้วหนูจะกลับยังไงล่ะ” พรทิพย์ถาม เพราะรู้ว่าทั้งสองมาด้วยกัน ถ้าวันวิวาห์กลับไปก่อน แก้วกัลยาจะกลับยังไงล่ะทีนี้

“เดี๋ยวแก้วจะนั่งแท็กซี่ไปที่ร้านค่ะ เดี๋ยวแก้วต้องแวะไปทำธุระต่อ” แก้วกัลยาตอบ คุณพรทิพย์มองด้วยสีหน้าไม่สบายใจ ที่แก้วกัลยาต้องกลับบ้านคนเดียว

“เดี๋ยวน้าต้องแวะไปธุระ เอาอย่างนี้ ตาเพชรเดี๋ยวไปส่งหนูแก้วที่ร้านหน่อยสิ ยังไงเราก็แวะไปส่งหนูดาหวันอยู่แล้วไม่ใช่หรอ” เพทายมีท่าทีอึกอัก เขามองออกว่านี่มันตั้งใจชัด ๆ รอยยิ้มของแก้วกัลยาทำให้เขาไม่ไว้ใจสักเท่าไหร่ เขาหันมองดารินทิพย์

“ไม่เป็นไรค่ะไปด้วยกันก็ได้ พี่เพชรแวะไปส่งดาแล้วค่อยเลยไปส่งคุณแก้วก็ได้นี่คะ”

“คุณดาหวันนี่น่ารักจังเลยนะคะ” ดารินทิพย์ยิ้มส่งมาให้กับแก้วกัลยา รอยยิ้มที่ใสซื่อและจริง ๆ สุด ๆ จนเธอเหมือนมารร้ายไปเลย เพทายพยักหน้าตกลงเมื่อดารินทิพย์อนุญาต แก้วกัลยารู้สึกหมั้นไส้ขึ้นมาตงิด ๆ แมวและแม่บ้านอีกคนสองช่วยกันเก็บของไปไว้ที่รถ นั่นหมายความว่าจะได้กลับบ้านแล้ว แก้วกัลยาลุกขึ้นเดินตามไปส่งคุณพรทิพย์ขึ้นรถ พอรถคุณพรทิพย์ขับออกไป แก้วกัลยาก็เดินนำดารินทิพย์ไปที่รถ เพทายเดินไปเปิดประตูรถให้ดารินทิพย์ แต่แก้วกัลยาที่เดินมาถึงก่อนตัดหน้าขึ้นไปนั่งข้างคนขับแทนว่าที่แฟนเขาซะอย่างนั้น เพทายมองกิริยาของแก้วกัลยาอย่างไม่ชอบใจ ซึ่งแก้วกัลยาอยู่ว่าเขาไม่พอใจเธอ แต่คำว่าแล้วไงกับผุดขึ้นมาในความคิด ปกติเขาก็ไม่ชอบหน้าเธออยู่แล้ว ไม่ชอบอีกนิดจะเป็นไรไป เธอไม่ยอมให้สองคนนั่งด้านหน้าด้วยกันหรอก บาดตา บาดใจเธอตั้งแต่ในศาลาแล้ว จะมาบาดตาเธอบนรถอีก เธอไม่ยอม ดารินทิพย์ยิ้มให้กับเพทาย

“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงดาก็ต้องลงก่อน” แล้วดารินทิพย์ก็เปิดประตูไปนั่งที่เบาะหลัง เพทายถอนหายใจและเดินอ้อมไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับ สารถีหนุ่มไม่สนใจแก้วกัลยา เลือกที่จะพูดกับคนที่นั่งอยู่เบาะหลังมากกว่า

“น้องดาอยากซื้ออะไรอีกไหมครับ” เขาเอ่ยถาม ดารินทิพย์ส่ายหน้า

“ไม่ดีกว่าค่ะ วันนี้มีลูกค้าจะเข้ามาติดต่อให้ดาไปจัดดอกไม้ในงานแต่ง เดี๋ยวไปไม่ทันนัดค่ะ” ดารินทิพย์ตอบ ดารินทิพย์เป็นเจ้าของร้านจัดดอกไม้ที่มีลูกค้าเป็นกลุ่มไฮโซเข้ามาอุดหนุนกันไม่ให้ขาด แม้จะเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ แต่เพทายก็ชอบส่งดอกไม้มาให้เธอประจำดอกไม้ที่ให้เธอก็สั่งจากร้านชื่อดังอีกร้านหนึ่ง เธอเองก็ไม่ได้ห้ามเมื่อเขาให้เธอก็พร้อมจะรับไว้
“คุณดาหวันเปิดร้านจัดดอกไม้หรอคะ”

“คะ ร้านเล็ก ๆ เองค่ะ”

“เอาไว้ว่าง ๆ ฉันจะแวะไปอุดหนุนบ้างนะคะ” ดารินทิพย์พยักหน้า

“ได้สิค่ะ ดาจะจัดให้พิเศษเลยค่ะ ดารู้มาว่าคุณแก้วเป็นดีไซเนอร์ดีจังเลยนะคะ ได้ทำงานกับเสื้อผ้า ดาก็เคยอยากเรียน แต่ดาไม่มีหัวในทางศิลปะคงไม่น่ารอด”

“ถ้าตั้งใจต้องทำได้ค่ะ ตัวฉันเองก็ไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่อาศัยความมุ่งมั่นสูง ถ้าฉันมุ่งมั่นอะไรมาก ๆ ของที่ฉันอยากได้ สิ่งที่ฉันอยากทำจะต้องมาอยู่ในมือฉันแน่นอนค่ะ” แก้วกัลยาพูดและมองไปที่เพทาย เขาทำเป็นไม่ได้ยินและหันไปมคุยกับดารินทิพย์ต่อซะอย่างนั้น

“ดาครับ พรุ่งนี้ไปกินข้าวที่บ้านกับผมนะครับ”

“พรุ่งนี้ดามีนัดทานข้าวกับคุณพ่อ ขอโทษนะคะ” เพทายพยักหน้าและยิ้มให้กับดารินทิพย์ แก้วกัลยามองอย่างอิจฉาตาร้อนในที่สุดรถก็จอดลงที่หน้าร้านจัดดอกไม้ของดารินทิพย์ สุภาพบุรุษอย่างเพทายเดินไปเปิดประตูให้และเดินเข้าไปส่ง แก้วกัลยามองและกำมือแน่น

“แค่มาส่งที่ทำงานทำยังกะจะลาตาย” แก้วกัลยาเอ่ย แก้วกัลยามองเห็นสุนิสา คู่ปรับเก่าของแก้วกัลยาเดินออกมารับเพื่อนที่หน้าร้าน และมองไปที่ร้าน ซึ่งแก้วกัลยาจงใจลดหน้าต่างลงและยักคิ้วให้กับสุนิสา ที่พอหันมาเห้นก็ยืนทำหน้าตูมใส่เธอทันที เธอมองออกว่าสุนิสาคิดจะตีท้ายครัวเพื่อนอยู่ แต่ยังไม่ได้โอกาส ดวงตาฉายชัดขนาดนั้นใครโง่มองไม่ออก ถ้าจะโง่ก็คงจะมีแค่ดารินทิพย์เท่านั้นแหละ แก้วกัลยารีบกดปิดหน้าต่างเมื่อเพทายเดินกลับมา

“ฉันหัวข้าว เราไปกินข้าวกันนะคะ”

“ผมไม่ว่าง”

“ฉันรู้นะคะ ว่าคุณยังไม่กลับเข้าออฟฟิศ การที่คุณออกมาแบบนี้ คุณคงจะลางานครึ่งวันแน่ ๆ แล้วคงจะกลับเข้าไปตอนบ่าย ๆ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันมันไม่ตายหรอกค่ะ ไปนะคะ” แก้วกัลยาไม่พูเปล่ายังถือโอกาสถือมือเขามาจับ เพทายชักมือออก แต่แก้วกัลยากลับจับแน่น

“ปล่อยคุณ....”

“แก้วกัลยาค่ะ ฉันชื่อแก้วกัลยา แต่ฉันอนุญาตให้คุณเรียกที่รักก็ได้นะคะ กรณีพิเศษ ปกติฉันไม่ให้ใครเรียกแบบนี้นะคะ” เพทายหน้าตึงขึ้นมาทันที เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอผู้หญิงที่รุกเขาหนักขนาดนี้ อย่างมากถ้าเขาปราpตามองก็คงยอมปล่อยแล้ว แต่นี้ไม่สนใจสายตาเขาและยังมองสบตาวิบวับใส่เขาต่อ

“ครับคุณแก้วกัลยา ปล่อยมือผมด้วย ผมมีแฟ...”

“คุณยังไม่มี คุณบอกว่ากำลังศึกษาดูใจ ตราบใดที่คุณยังไม่ใช่คำว่าแฟน ถึงคุณจะใช้แล้ว แต่ถ้าคุณยังไม่มีภรรยา ไม่แต่งงาน ฉันถือว่าคุณโสด”

“คุณ...” เขาพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาว่าผู้หญิงคนนี้ เขาเองแม้จะไม่ชอบอ่านข่าวซุบซิบแต่ก็พอได้ยินมาบ้างว่าแก้วกัลยาเป็นผู้หญิงที่มีผู้ชายตามติดเกลียว แต่ทำไมเธอไม่ไปหาผู้ชายคนนั้น

“แก้วกัลยาค่ะ” แก้วกัลยายิ้ม “เราไปกินข้าวกันดีกว่า เมื่อเช้าฉันออกมายังไม่ได้กินอะไรเลย ข้างหน้ามีร้านอาหารร้านโปรดของฉันด้วยก่อนจะถึงร้าน แวะร้านนั้นก็ได้ค่ะ” เพทายขมวดคิ้วหนักว่าเดิม นี่เธอไม่คิดจะถามเขาหน่อยหรือไงว่าเขาอยากไปไหม

“ผมไม่ไป ถ้าคุณจะไปผมจะไปส่ง”

“ไม่ค่ะ คุณต้องไปกินเป็นเพื่อนฉันสิคะ คุณจะปล่อยให้สาว ๆ สวย ๆ อย่างฉันไปกินคนเดียวได้ยังไงกัน เอาเป็นว่าตกลงนะคะ” ไม่พูดเปล่ามือยังกดโทรศัพท์ เหมือนกำลังจะโทรหาใครสักคน

“ฮัลโหลน้าทิพย์หรอคะ แก้วหิวข้าวม๊ากมาก แต่สารถีสุดหล่อที่น้าทิพย์ให้มาส่งสิคะไม่ยอมไปส่ง แล้วยังให้แก้วไปกินข้าวคนเดียว แล้วแก้วจะกลับยังไงล่ะคะ... นี่คุณ คุณแม่จะคุยด้วย” เพทายมองแก้วกัลยาและรับโทรศัพท์มาคุยต่อ

“ครับ ครับแม่ ได้ครับ ครับ” แล้วสุดท้ายเขาก็ส่งโทรศัพท์คืนให้

“ตกลงว่าโอเค นะคะ แต่ถ้าไม่โอก็คงต้องโอแล้วล่ะคะ เพราะนี่คุณน้าสั่ง” เขารู้สึกอยากจะจับผู้หยิงน่าโมโหคนนี้โยนลงรถ เขาไม่เข้าใจว่าแม่เขาพิศวาสอะไรแก้วกัลยา ในที่สุดรถก็จอดลงที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพทายเปิดประตูและเดินลิ่ว ๆ เข้าร้านไป แก้วกัลยายิ้มอย่างพอใจและเดินลงจากรถ ดวงตาสวยกวาดมองไปรอบ ๆ ลานจอดรถและยิ้มทันทีที่เห็นคนที่ยืนทำลับ ๆ ล่อ ๆ

“ฉันจองคุณแล้ว คุณก็ต้องเป็นของฉัน...คุณเพชร” แก้วกัลยาเดินตรงไปนั่งโต๊ะที่เพทายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แก้วกัลยาสั่งอาหารเสร็จสรรพก็นั่งเท่าคางมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาเคลิ้ม ๆ

“เลิกมองผมสักทีคุณ...”

“แก้วกัลยาค่ะ”

“ผมจำได้”

“ก็ฉันกลัวคุณจำไม่ได้นี่ค่ะ แต่ ไม่เอาดีกว่า ต่อไปนี้ฉันจะเรียกคุณว่าที่รักดีไหมคะ เราจะได้สนิทกันยิ่งขึ้น ฉันกับแม่คุณเราก็สนิทกันมาก คุณแม่ก็ชอบฉันมาก อีกหน่อยฉันอาจจะเลื่อนฐานะ เรียกที่รักไว้ล่วงหน้าดีกว่า”

“คุณฝันหรอ คุณ...”

“แก้วกัลยาค่ะ” เพทายกำมือแน่น เขาไม่เคยรู้สึกโมโหใครมาก่อน ผู้หญิงคนนี้ทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน แน่นอนมันเป็นอารมณ์โกรธ โกรธแทบบ้า โกรธและทำอะไรไม่ได้อีกต่างหาก ถ้าเขาเลือกได้ครึ่งปีก่อนถ้าเขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะบ้าขนาดนี้ เขาจะปล่อยให้เธอจมน้ำตาย ไม่มีวันกระโดดลงไปช่วยให้เธอมาตามปั่นป่วนในชีวิตเขาหรอก ชีวิตเขาไม่เคยทำอะไร หรือตัดสินใจอะไรที่ผิดพลาด แต่แก้วกัลยาคือความผิดพลาดที่สุด

“ครับ คุณแก้วกัลยา คุณเป็นผู้หญิง คุณควรจะสำรวมมากกว่านี้ แล้วผมก็ไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ ผมบอกตรง ๆ เลยนะครับ ผมไม่ชอบคุณ คงไม่มีวันชอบด้วย คุณเลิกยุ่งกับผมเถอะ คุณก็สวย มีผู้ชายดี ๆ อีกเยอะ ที่อยากเป็นแฟนกับคุณ ทำแบบนี้คุณจะดูไม่ดีในสายตาของผู้ชาย” แก้วกัลยายังคงนั่งยิ้มมองเขาพูดไม่สะทดสะท้าน นี่เขาคุยกับคนโรคจิตอยู่หรือเปล่า

“ขอบคุณค่ะที่ชมฉัน คุณชมฉัน ฉันรู้สึกเลยดีกว่าผู้ชายร้อย ๆ คนมาชมฉันว่าสวยเสียอีก”

“คุณ...”

“แก้วกัลยาค่ะ” เขาพยายามทำใจให้เย็นกว่าเก่า เขาไม่เคยอยู่กับใครแล้วต้องใช้ความอดทนมากขนาดนี้

“คุณไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลยหรอคุณแก้วกัลยา คุณไม่ใช่คนโง่ ผมรู้ ผมมองออก คุณน่าจะเข้าใจสิ่งที่ผมบอก คุณตามผมมาครึ่งปีแล้วนะ ถ้าผมจะชอบคุณผมชอบไปนานแล้วไม่รอให้คุณมาตามฉันถึงตอนนี้หรอก ผมไม่อยากให้คุณเสียเวลาไปมากกว่านี้ ทางที่ดีเลิกยุ่งกับผมเถอะ” แก้วกัลยานิ่ง รอยยิ้มที่ยิ้มกริ่มหายไปแล้ว เขาเองก็ไม่อยากพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจผู้หญิงหรอก แต่ถ้าเขาไม่พูดแรง ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็จะไม่หยุด และตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ยังจะมาดึงแม่เขาเข้าไปยุ่ง เขาไม่อยากให้แม่ของเขาไปยุ่งกับผู้หญิงแปลก ๆ คนนี้ โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะของเขาดังขึ้น ขณะที่เขากำลังจะหยิบ แก้วกัลยาก็คว้าหยิบโทรศัพท์มือถือของเขา และลุกเดินออกไปทันที

“คุณแก้ว นั่นมันโทรศัพท์ผมผมขอตัวนะ” เขารีบเดินตามออกไป เบอร์ที่โทรมาเขาเห็นว่ามันเป็นเบอร์ดารินทิพย์ แก้วกัลยาเดินเร็วขึ้น เพทายที่เดินตามมาจนทันดึงตัวแก้วกัลยาไว้ แก้วกัลยาถลาเข้าไปกอดเขาไว้ในทันที เพทายสะดุ้งจะผละตัวแก้วกัลยาออก แต่แก้วกัลยากลับกอดเขาไว้แน่น

“ปล่อยผม และคืนโทรศัพท์มาได้แล้ว”

“ไม่ค่ะ ฉันจะบอกให้นะคะ ถ้าฉันแก้วกัลยาบอกว่าอยากได้ก็จะเอามาให้ได้ ต่อให้คุณด่าฉันแรงกว่านี้ ฉันก็ไม่หนีหรอก คุณจะเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว เพราะฉันเลือกคุณแล้ว เลือกคุณตั้งแต่วันที่ฉันลืมตามาเห็นคุณ จากนี้ชีวิตคุณเป็นของฉัน ฉันไม่ยกคุณให้ใคร คุณจะหนีฉันได้ก็ต่อเมื่อคุณตกลงแต่งงานกับคุณดาหวันเท่านั้น แต่ฉันว่าถ้าคุณอยากแต่ง คุณคงไม่ให้สถานะคุณดาหวันแค่คนที่กำลังศึกษาดูใจหรอก คุณเองก็ยังไม่มั่นใจ ฉันบอกเลยนะคะ ต่อให้ฉันต้องตามคุณอีกสิบปี ยี่สิบปี ฉันก็ไม่ยอมแพ้หรอก ยิ่งคุณหนี ฉันก็ยิ่งตาม วันนี้ฉันมีธุระด่วน ไปก่อนนะคะที่รัก” ไม่พูดเปล่าแก้วกัลยายังหอมแก้มเขาตบท้ายและเดินหนีไป ซึ่งมีรถคันหนึ่งมาจอดรับเธออยู่แล้ว แก้วกัลยาเปิดประตูรถและหันมายิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะเดินขึ้นรถไป ส่วนเพทายยืนนิ่งค้าง ชีวิตเขาไม่สงบอีกแล้ว อย่างที่เขาคิดมันผิดเสียที่ไหน ผู้หญิงคนนั้นคือหายนะ คือความผิดพลาดของเขา และเหมือนจะนึกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นถือโทรศัพท์เขาไปด้วย



“นี่แก้วไปทำอะไรคุณเพชรเขา เขาเหมือนจะช็อคไปนะ” วันวิวาห์เอ่ยถาม แก้วกัลยาส่งไลน์ไปให้วันวิวาห์ก่อนที่จะโทรหาคุณพรทิพย์จากนั้นวันวิวาห์ก็ตามสัญญาณจีพีเอสไป โชคดีที่เธอยังไม่กลับบ้านเลือกที่จะนั่งรออยู่ในร้านขนมไม่ไกลจากวัดมากนัก
“ไม่มีอะไร คอยดูแล้วกันวัน ฉันจะทำให้เขามาคุกเข่าตรงหน้าฉัน ขอความรักจากฉันให้ได้ ผู้ชายคนนั้นท้าทายฉันมาก แล้วจะได้รู้ฤทธิ์ของฉัน แก้วกัลยา...” แก้วกัลยามองโทรศัพท์ที่ยังกรีดร้องดังไม่หยุด

“นังเด็กนี่ก็อีกคน เป็นแค่สโนว์ไวท์คิดจะมาสู้รัศมีของแม่มดอย่างฉันหรอ คิดผิดแล้ว” วันวิวาห์ยิ้ม

“แต่สุดท้ายสโนว์ไว้กับเจ้าชายเขาก็รักกันนะ” เหมือนแก้วกัลยาจะนึกขึ้นได้

“แล้วไงนั่นมันในนิทาน แต่ในชีวิตจริง แม่มดอย่างฉันนี่แหละจะเอาเจ้าชายมาครอง ฉันนี่แหละจะสร้างตำนานบทใหม่ ลิขิตบทเองให้เจ้าชายคู่กับราชินีใจร้ายอย่างฉัน คอยดูแล้วกันวัน”


....ติดตามตอนต่อไป...



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2557, 18:39:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2557, 19:05:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1342





<< 6 ของฝากจากอุมา   8 เจ้านายคนใหม่ หรือเจ้ากรรมคนเดิม >>
แว่นใส 8 มิ.ย. 2557, 22:17:56 น.
ช่างคิดนะ


พู่ระหง 8 มิ.ย. 2557, 22:32:47 น.
ชอบคำว่า แม่มดอย่างฉันนี่แหละจะเอาเจ้าชายมาครอง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account