บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 12

ตอนที่ 12

ซอยเงียบและเปลี่ยวกว่าที่คิด ธีรดารีบเดินเพื่อพาเด็กไปที่ห้างซึ่งน่าจะเป็นที่ที่เด็กกับแม่พลัดหลงกันมากกว่า ทว่าพอเดินมาใกล้ถึงปลายซอยก็ยังไม่เห็นใครนอกจากคนที่เดินผ่านไปบ้างนานๆ ที เธอรออยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งไม่เห็นว่ามีใครเลยชวนเด็กไปในห้าง เธอรู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่พอเด็กร้องไห้ก็เลยคิดว่าอาจคิดมากไป
“ไม่เห็นมีใครเลยนี่จ๊ะพี่ว่าเราไปหาพี่ประชาสัมพันธ์ดีกว่า บอกชื่อแม่ของหนูมาสิจ๊ะ เดี๋ยวประกาศหาน่าจะง่ายกว่า” ธีรดาถามพลางนั่งลงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อเมมชื่อแม่ของเด็ก
“รถแม่หนูอยู่ตรงนั้น” เด็กบอกพร้อมกับวิ่งไปยังที่รถห่างไปไม่กี่ก้าว ธีรดาตามไปถึงพร้อมๆ กับประตูรถเปิดออก เด็กเข้าไปด้านใน เธอคิดแค่ว่าจะช่วยปิดประตูให้ แต่กลับถูกกระชากเข้าไปข้างใน ธีรดามองผู้จู่โจมเพราะคิดว่าอาจเป็นมิจฉาชีพจะขโมยกระเป๋าหรือโทรศัพท์พร้อมกับชกตรงใบหน้าซึ่งถูกอำพรางด้วยแว่นตาและหมวก แต่กลับถูกอะไรก็ไม่รู้ฉีดใส่ตา แสบจนน้ำตาไหล ประตูรถถูกกระชากปิดอย่างรวดเร็ว
ผ้าชื้นมาโปะที่จมูก เธอดิ้นพยายามให้หลุดเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกโปะยา ทว่าแค่สูดลมหายใจเข้าไปครั้งเดียวตอนที่ไม่รู้ตัวก็มีผลให้เกิดการมึนงงจนเซพับร่างอ่อนปวกเปียกแต่ยังรู้สึกตัว
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันที” หญิงสาวตะโกนลั่นเผื่อว่าใครได้ยินแล้วจะเข้ามาช่วยก่อนจะสลบแน่นิ่งไป
คนร้ายขับรถออกไปจากซอยอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครสนใจว่ารถคันนี้ขนอะไรออกมาจากซอยนั้นนอกจากผู้ชายคนหนึ่งที่วิ่งตามรถออกไปจนหมดแรง ครั้นจะขี่มอเตอร์ไซค์คู่ชีพตามไปก็ไม่ทันเพราะมันจอดอยู่ที่ออฟฟิศของธีรดา
รถวิ่งมาได้ไม่ถึง 5 นาทีก็จอด เงินไม่กี่บาทถูกส่งให้เด็กน้อยที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“เอาเงินไปกินขนมแล้วกันนะ”
เด็กน้อยลงจากรถพร้อมเงินที่กำไว้แน่น คนร้ายขับรถต่อไปท่ามกลางการจราจรที่รถพอวิ่งได้ พอไม่มีใครแล้วจึงถอดแว่นตากับหมวกออกแล้วมองเหยื่ออย่างเกลียดชัง

ทินรีบโทรหานายจ้างที่จ้างให้เขาตามดูความเคลื่อนไหวของธีรดานับตั้งแต่เธอกลับมาจากเชียงรายเมื่อตอนเกือบเที่ยงของวันนี้ นี่เป็นงานที่เพิ่มเข้ามาจากตอนแรกที่แค่ให้สืบว่าใครเป็นผู้หญิงอีกคนของปุราณ ทว่าไม่ทันครบ 2 ชั่วโมงก็เกิดเรื่องเสียแล้ว
“มีคนลักพาตัวคุณธีรดาไป ผมตามคุณธีรดาไม่ทันครับ เลขทะเบียนรถ ญจ ... ผมจะโทรบอกเพื่อนนักสืบให้ช่วยตามหาอีกทางนะครับ”
“ตามหารถคันนั้นให้พบ ผมจะขอให้ทางตำรวจช่วยอีกทาง” ปารินทร์สั่งแล้วกดหาเบอร์รุ่นพี่ที่เป็นตำรวจนับถือกัน การสันนิษฐานของเจนจิราเกิดขึ้นจนได้
“พี่ภาคครับผมมีเรื่องขอให้ช่วย ช่วยผมด้วยนะครับ”
ปารินทร์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้รุ่นพี่ที่เคยเรียนมัธยมมาด้วยกัน ภาคฟังและจดไปด้วย ก่อนจะพูดสรุปให้คนฟังใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ได้สิงห์ พี่จะสั่งคนจัดการให้”
ปารินทร์วางสายจากภาคแล้วรีบออกมาจากห้องทำงานโดยไม่ได้สั่งอะไรดิฐไว้ คนใจร้อนเป็นไฟรีบขับรถออกไปตามเส้นทางที่ทินบอกไว้ล่าสุด ทินยังคงตามต่อไปเมื่อนักสืบที่เป็นเพื่อนกันบอกแนวโน้มว่าเส้นทางที่คนร้ายน่าจะพาเหยื่อไปน่าจะเป็นชานเมือง ซึ่งสอดคล้องกับภาคที่โทรมาบอกกับปารินทร์หลังจากได้ภาพรถเป้าหมายจากกล้องวงจรปิด
“ผมคลาดกับรถคันนั้นแล้ว ทำยังไงดีครับ” ทินโทรหาปารินทร์เมื่อจนหนทางแล้วจริงๆ กับเส้นทางที่เป็นห้าแยกไฟแดงซึ่งเลือกไม่ถูกว่าจะไปทางไหน เมื่อมี 3 แยกสามารถออกไปถนนเส้นชานเมืองได้ เขาช้าไปไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ปารินทร์โทรหาภาคเพื่อถามว่าควรไปเส้นทางไหนจึงเกิดการประชุมพร้อมกัน 3 สาย ตำรวจมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ทินกำลังมุ่งหน้าไป แล้วตามด้วยปารินทร์
คนร้ายเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกตามจึงใช้เส้นทางที่เป็นซอยแทนทางสายหลัก ยิ่งทำให้ยากต่อการตามมากขึ้นไปอีก ทินจอดรถรอตำรวจที่โทรถามกันให้วุ่นเพราะกล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพรถของคนร้ายได้ ปารินทร์ตามมาสมทบด้วยใจร้อนระอุจากการเป็นห่วงธีรดาจนแทบบ้า มันยิ่งกว่าคราวตามหาเธอตอนที่ฝนตกยางแบนหลายเท่านัก
ภาคบอกว่าต้องรอเพราะการไปโดยที่ไม่รู้ว่าไปที่ไหนจะทำให้การตามหายากขึ้น ปารินทร์นั่งลงตรงฟุตบาทเพื่อรอฟังข่าวจากภาคและทินที่กำลังตามเรื่องกันอย่างไม่ลดละ สิ่งที่เกิดขึ้นช่วยย้ำคำพูดของเจนจิราว่าธีรดาเป็นเหยื่อ ไม่ใช่ต้นเรื่อง ทำไมเขาไม่เชื่อสัญชาตญาณของตัวเองว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเลวๆ ที่เขากับศศิภาตามหา หรือหากคิดในอีกมุมหนึ่ง คนก่อเรื่องคราวนี้เป็นน้องสาวของเขาอีกหรือเปล่า ดิฐโทรมาเขาปฏิเสธการรับสาย เวลานี้เขาไม่พร้อมรับเรื่องงานมาใส่หัว
“ได้เรื่องแล้ว รีบไปกันเถอะ” ภาคตะโกนบอกปารินทร์ก่อนจะขับรถออกไป
ปารินทร์ขับรถตามไปด้วยรวดเร็ว โดยมีทินขอติดรถมาด้วย การตามหาเริ่มต้นอีกครั้งในเวลาเกือบ 6 โมงเย็น คราวนี้ตำรวจเปิดไซเรนส่งเสียงให้คนร้ายได้ยินเพื่อเป็นการกดดัน และทำให้มันลนลานจนผิดปกติพอให้ชาวบ้านผิดสังเกตแล้วเป็นเบาะแสให้กับตำรวจได้
ฟ้าเริ่มมืดการตามล่ารถคนร้ายเริ่มกระชั้นชิด ตำรวจส่งเสียงใส่โทรโข่งให้คนร้ายจอดรถ แต่มันยังตะบึงขับต่อไปอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ตำรวจเลยใช้มาตรการยิงปืนใส่ล้อเพื่อให้รถวิ่งต่อไม่ได้ รถของคนร้ายเซปัดๆ แต่ยังประคองขับไปได้จนกระทั่งหักเลี้ยวเข้าซอยที่เต็มไปด้วยต้นไม้สองข้างทาง
ยัง...ยังไม่เพียงเท่านั้นมันยังขับต่อไปแม้ยางจะแบนติดถนนอย่างคนไม่กลัวตาย แถมยังปิดไฟทั้งหน้าและท้ายรถ แต่ถึงกระนั้นไฟหน้ารถของตำรวจก็ยังส่องใส่มันไม่ลดละจนรถคนร้ายวิ่งต่อไปไม่ได้
ตำรวจตำบึงขับรถไปเข้าไปขวางด้านหน้าไว้ ปารินทร์ช่วยประกบท้ายไม่ให้มันหนีไป ประตูรถของคนร้ายเปิดค้างเมื่อส่องไฟเข้าไปกลับพบแต่ความว่างเปล่าเช่นเดียวกับกระบะตอนหลังที่ดัดแปลงเป็นที่ขนของ
“พบแต่รถ คนขับหายไปแล้ว”
“ผู้หญิงที่มันพามาล่ะ” ปารินทร์ถามเสียงดังเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาไม่ได้ตามคนร้ายมาหลายชั่วโมงเพื่อพบว่าธีรดาหายไปอีกครั้ง
“ไม่อยู่ เดี๋ยวพี่ให้ตำรวจค้นหาบริเวณนี้และบริเวณก่อนหน้านี้ที่รถขับผ่านมา ใจเย็นๆ ก่อนนะสิงห์” ภาคบอกตามที่เขาสามารถทำได้
“ผมไปหาด้วย ถ้าช้าไปอาจไม่ทันการณ์”
ตำรวจถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกตามหาคนร้าย ส่วนที่เหลือตามหาธีรดาที่อาจมีเบาะแสจากชาวบ้านหรือคนในพื้นที่ใดสักแห่ง ปารินทร์ได้รับโทรศัพท์ของธีรดาจากตำรวจที่ทำการค้นรถของคนร้าย ตำรวจนายหนึ่งสังเกตว่ารถของคนร้ายมีน้ำมันเต็มถัง น้ำเปล่ายังเย็นอยู่จึงโทรบอกภาคให้ตามเบาะแสนี้เพราะอาจเป็นได้ว่าคนร้ายแวะปั้มเติมน้ำมันแล้วอาจทิ้งเหยื่อไว้ที่นั่น
ปารินทร์สละรถของตัวเองให้ภาคกับตำรวจใช้เมื่อได้เบาะแสจากล้องวงจรปิดว่าคนร้ายแวะที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในเมื่อยังจับคนร้ายไม่ได้ ทำอะไรได้ก็ควรทำหากว่าจะช่วยให้ได้ตัวธีรดากลับมา

เมื่อไปถึงปั้มน้ำมันตำรวจนอกเครื่องแบบรีบทำการค้นหาเช่นเดียวปารินทร์ที่ไม่ยอมรออยู่เฉยๆ ช่วยหาอีกแรง น่าแปลกที่หากคนร้ายพาธีรดามาไว้ที่นี่ทำไมถึงไม่มีใครผิดสังเกตหรือมีการแจ้งคนหาย ตำรวจไปสอบถามกับพนักงานร้านสะดวกซื้อที่เปิดในปั๊มก็บอกว่าไม่พบอะไรผิดปกติ
“พบตัวคุณธีรดาแล้วครับ” ตำรวจนายหนึ่งตะโกนบอก
ปารินทร์ตามภาคไป ตำรวจที่เหลืออีกสองนายยืนคุมทางเข้าออกไว้ ธีรดาถูกพามาไว้บริเวณหลังห้องเก็บอุปกรณ์ของแม่บ้านซึ่งอยู่ถัดจากห้องน้ำ หากไม่สังเกตจริงๆ คงไม่เห็นว่ามีใครอยู่ตรงนี้ ตำรวจที่พบกำลังอุ้มธีรดาออกมา
ปารินทร์รับเธอมาไว้ในอ้อมแขนแล้วกอดแน่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าพบตัวแล้วจริงๆ หัวจิตหัวใจของผู้ชายคนหนึ่งทั้งดีใจและสะท้อนใจระคนกัน ดวงหน้าเรียวซีดขาวและตัวรุมๆ การตามหาช่างยาวนาน ทว่าการพบว่าเธอถูกทำให้อยู่ในสภาพไหนทำให้ยิ่งทรมานด้วยความแค้นและสงสารเธอจับใจ
“คนร้ายคงเห็นว่าจวนตัวกลัวความผิดเลยทิ้งเธอไว้ที่นี่ แล้วหนีไปครับ แล้วที่สำคัญถ้าจอดรถตรงนั้นก็พาเหยื่อมาทิ้งไว้โดยที่ไม่มีใครเห็นได้แล้ว กล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้อีกด้วยครับ” ตำรวจที่เพิ่งไปตรวจกล้องของร้านสะดวกซื้อรายงาน
ภาคตบไหล่ของรุ่นน้องเบาๆ อย่างให้กำลังใจและดีใจด้วยที่หาเธอคนนี้พบจนได้
“ขอบคุณครับพี่ภาค เดี๋ยวผมดูแลเธอเอง”
“ดูจากร่องรอย พี่คิดว่าคนร้ายคงยังไม่ได้ทำอะไรผู้หญิงคนนี้หรอก แต่ถ้าให้ดีพาไปหาหมอตรวจแล้วกัน” ภาคแนะนำ
“ครับ” ปารินทร์เค้นเสียงพูดออกมา การถูกลักพาตัวไม่ใช่สิ่งที่จะยอมได้
“นายจะแจ้งความไหม”
“แจ้งความครับ แต่ผมอยากให้ทุกอย่างไม่เป็นข่าว มีแค่ตำรวจที่รู้” ชื่อเสียงของธีรดาเป็นเรื่องที่เขาห่วงมากกว่าชื่อเสียงของตัวเอง
ทินสีหน้าไม่สู้ดีเพราะเขาทำงานผิดพลาดจนธีรดาถูกคนร้ายจับตัวมา ปารินทร์หันมาเห็นพอดีเลยสั่งสั้นๆ ว่า
“คุณอยู่กับตำรวจ ได้เรื่องยังไงโทรหาผมทันที”
“ครับ คุณปารินทร์” ทินรับปากเพราะนี่ถือเป็นการให้โอกาส
ปารินทร์เอียงหน้าธีรดาให้ซุกกับอกของเขาเพื่อไม่ให้ใครเห็นหน้าเธออีก เมื่อเดินออกไปคนที่สงสัยว่าตำรวจในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบมาทำอะไรที่นี่ก็เริ่มมามุงดู ตำรวจช่วยกันล้อมปารินทร์ไว้ไม่ให้ถูกชาวไทยมุงได้ภาพหรือเห็นใบหน้าของผู้หญิงในอ้อมแขนกระกระทั่งไปถึงรถ
ตำรวจที่รู้งานรีบเดินไปบังป้ายทะเบียนรถของผู้เกี่ยวข้องกับผู้เสียหายไว้ ทินช่วยเปิดประตูรถให้ปารินทร์อุ้มธีรดาไว้ที่เบาะหลังก่อนที่ร่างสูงจะเข้ามานั่งประจำที่คนขับก่อนจะรีบขับรถออกไป ตำรวจจากสถานีใกล้เคียงขับรถมาที่ปั๊มพอดีหลังจากภาคขอกำลังเสริมไป
ปารินทร์หันไปมองใบหน้าซีดเซียวที่หลับใหลเป็นไปได้ว่าเธอถูกโปะยา ไม่เช่นนั้นผู้หญิงกล้าไม่กลัวใครอย่างเธอมีหรือจะถูกลักพาตัวง่ายๆ ดีแล้วที่เธอยังคงหลับจนกระทั่งเขามาถึง หัวใจที่เคยร้อนเร่าทรมานเพราะการตามหา ทว่าตอนนี้กลับเย็นชื่นสงบราวกับอยู่กลางทุ่งดอกไม้ที่มีสายลมพันผ่านเบาสบาย เพียงได้พบและพาเธอกลับมาอย่างปลอดภัย
ขอโทษนะธีรดา ต่อไปนี้ผมจะปกป้องคุณเอง...

ปารินทร์พาธีรดาไปหาหมอที่คลินิกประจำของเขา จากการตรวจหมอบอกเขาว่าเธอหลับลึกประกอบกับกำลังเป็นไข้ร่างกายจึงยิ่งอ่อนแอ หมอจัดยาให้และกำชับปารินทร์ว่าควรให้คนไข้พักผ่อนจนกว่าจะหาย
ป้าอรมากางร่มนั่งรออยู่หน้าบ้านเพราะจนป่านนี้แล้วธีรดายังไม่กลับบ้าน ฝนก็ตกหนักไม่รู้ไปติดฝนอยู่ที่ไหนอีกหรือเปล่า ธีมาโทรมาหลายครั้งบอกอยู่ว่าถ้ายังติดต่อไม่ได้พรุ่งนี้ถ้าจัดการเรื่องไม้เสร็จแล้วจะลงจากเชียงรายมาหาถึงที่นี่ เสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้าน ป้าอรรีบวิ่งไปดูก็เห็นว่าเป็นรถของปารินทร์ ชายหนุ่มเปิดกระจกตะโกนบอกให้คนรอช่วยเปิดประตูให้แข่งกับเสียงฟ้าร้องและฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสายตั้งแต่เขาออกมาจากคลินิก
“ผมพาคุณกวางของป้ามาส่งครับ ช่วยเปิดประตูที”
พอประตูเปิดรถของปารินทร์ก็ขับเข้ามาจอดหน้าบ้านและช่วยอุ้มธีรดาไปนอนที่โซฟาตัวใหญ่ ป้าอรเข้ามาจับเนื้อตัวลูบใบหน้าธีรดาด้วยความเป็นห่วง
“สงสัยทำงานจนไม่ได้นอนอีกแล้วสิคะเนี่ย อุ้ย เหมือนจะมีไข้ด้วยนะคะ แล้วไปไหนกันมาถึงได้กลับมาเสียมืดค่ำแบบนี้”
“ผมว่าป้าเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณกวางของป้าก่อนดีกว่าครับ ก่อนมาถึงบ้านผมแวะคลินิกให้หมอตรวจเลยได้ยามาแล้ว” เขาเลี่ยงไม่ตอบคำถาม
“ดีจังเลยค่ะ แต่ป้าคิดว่าพาคุณกวางไปที่ห้องดีกว่านะคะ ป้าจะได้เช็ดตัวให้ได้ ไม่น่าทำงานหนักแบบนี้เลยน้าคุณกวาง ”
“เดี๋ยวผมอุ้มให้ครับ ป้าคอยเปิดประตูก็แล้วกันนะครับ”
ปารินทร์อุ้มร่างเพรียวขึ้นมาแนบอกและกอดไว้เต็มวงแขนให้มั่นใจว่าถึงพื้นลื่นหรือสะดุด เขาก็ไม่ทีทางปล่อยให้เธอหลุดจากมือไปเด็ดขาด ป้าอรเปิดห้องของนายสาวให้ ภายในห้องเน้นสีขาวและไม่ค่อยมีของกระจุกกระจิกอย่างที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มีนัก ดูเรียบๆ แต่เน้นการใช้งานด้วยการมีโต๊ะทำงานกับหนังสือมากกว่า
ร่างอ่อนปวกเปียกถูกปล่อยออกจากอ้อมแขนของปารินทร์ลงบนเตียงนุ่ม ถ้าตอนนี้ธีรดาไม่ได้หลับคงลุกขึ้นมาโวยวายแล้วที่เขาเข้ามาถึงในห้องแล้วยังได้สัมผัสเตียงของเธอ
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปรอข้างนอกนะครับ” ปารินทร์บอกก่อนจะเดินออกไปแล้วช่วยปิดประตูห้องให้ด้วย
ป้าอรจัดการเช็ดตัวให้ธีรดาและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ พอเรียบร้อยก็ปลุกให้ตื่นมากินยา ธีรดาสะลึมสะลือเกือบจะรู้สึกตัวเพราะฤทธิ์ของยาสลบกำลังใกล้หมดเต็มที เธอกินยาที่ป้าอรยื่นให้อย่างงงๆ ก่อนจะหลับตานอนต่อคราวนี้คงหลับยาวด้วยฤทธิ์ยาที่เพิ่งกิน อีกทั้งร่างกายที่อ่อนเพลียต้องการพักแล้วจริงๆ
แล้วเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่ในวันพรุ่งนี้ป้าอรเลยโทรหาธีมาเพื่อบอกว่าธีรดากลับมาบ้านแล้วและเป็นไข้ไม่สบาย ตอนนี้หลับอยู่ โดยจงใจไม่บอกว่าใครมาส่ง ไม่อย่างนั้นฟ้าน่าจะผ่าลงที่บ้านเหมือนกัน ธีมาไม่ชอบให้ผู้ชายหน้าไหนที่ตัวเองไม่รู้จักมาเกาะแกะคู่แฝด บอกอยู่บ่อยๆ ว่าเดี๋ยวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก

ฝนยังตกและหนักกว่าเดิม ป้าอรมองหาปารินทร์ก็เห็นว่าเขาหลับพับไปกับโซฟาเลยเดินไปดูแลบานชื่นกับลูกๆ ก่อน แม่หมาพาลูกเข้าซุกกันดีอยู่ในบ้านไม้หลังเล็กที่ตอนนี้สีไม่ซีดแล้วเพราะธีมาทาสีให้ใหม่ตอนมาคราวก่อน พอเดินกลับเข้ามาป้าอรเข้าไปห้องของธีมาเพื่อหาเสื้อกับกางเกงให้แขกที่ยังคงหลับอยู่ ขนาดโทรศัพท์ดังยังไม่ได้ยินด้วยซ้ำ มือเหี่ยวย่นยื่นไปเขย่าไหล่ของปารินทร์อยู่หลายครั้งกว่าเขาจะลืมตาตื่น
“คุณคะจะเที่ยงคืนแล้วป้าว่าคุณค้างเสียที่นี่แล้วกันนะคะ ฝนยังตกหนักอยู่เลย ขับรถกลับบ้านคงลำบาก นี่ค่ะเสื้อผ้า น่าจะพอใส่ได้ค่ะ”
ปารินทร์มึนหัวนิดๆ แต่ก็พอเข้าใจที่ป้าอรบอกพลางรับเสื้อผ้ามาพร้อมกับยิ้มให้ เขาเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัวเหมือนกัน แล้วตอนนี้ก็เพลียมากจนอยากหลับต่อ ถ้าต้องขับรถกลับคงไม่ไหว
“ของใครหรือครับป้า”
“ของคุณเสือน่ะค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ แล้วคุณกวางของป้าเป็นยังไงบ้าง” ใจจริงเขาอยากเข้าไปดูธีรดาให้แน่ใจว่าเธอสบายดี แต่ในเวลาแบบนี้คงไม่เหมาะกระมัง
“ป้าให้กินยาไปแล้วค่ะ ตอนนี้หลับอยู่ เดี๋ยวป้าคอยเฝ้าไข้คืนนี้”
“ถ้างั้นผลัดกันเฝ้าไข้ไหมครับ รับรองผมไม่ได้คิดไม่ดีแน่นอน”
ป้าอรยิ้มน้อยๆ อย่างคนที่เห็นอะไรมามากแล้วในชีวิต ดวงตาของหนุ่มสาวยามที่มองกันระหว่างชอบแบบเพื่อนกับชอบพอมีใจทำไมจะแยกไม่ออก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยป้าจะเรียกแล้วกันนะคะ”
“ครับ”
ปารินทร์ยิ้มให้ป้าอรที่พาเขาไปที่ห้องน้ำ แล้วยังหาผ้าเช็ดตัวกับแปรงสีฟันให้ ปกติแล้วเขาไม่ชอบไปค้างบ้านของคนที่ไม่สนิทด้วย คำถามหนึ่งเกิดขึ้นกลางใจว่าเขากับธีรดาอยู่ในสถานะไหนระหว่างคนรู้จักหรือว่าคนที่สนิทด้วย มันต้องอย่างหลังอยู่แล้ว ชายหนุ่มยิ้มแล้วรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พออาบน้ำเสร็จก็แล้วเดินไปช่วยป้าอรปิดประตูบ้าน
แขกยืนกรานที่จะนอนตรงโซฟาตัวใหญ่ที่สามารถเลื่อนเป็นโซฟาเบ้ดได้ เมื่อสบายใจกันทั้งสองฝ่าย ป้าอรเลยขอตัวไปนอนเฝ้าธีรดาเผื่อว่าจะไข้ขึ้น ปารินทร์ปิดไฟนอนมองแสงไฟที่ส่องผ่านเข้ามาทางกระจกหน้าต่าง ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าคืนนี้เขาจะอยู่ที่บ้านของธีรดา เสียงโทรศัพท์ดังอีกครั้ง คราวนี้เขาได้กดรับสายจากทินเสียที
“งั้นหรือ ขอบใจมาก คุณไปพักได้แล้ว”
โทรศัพท์ถูกวางสาย ปารินทร์ถอนใจเริ่มคิดหนักจากสิ่งที่ทินรายงานมา รถสวมทะเบียนปลอมตำรวจกำลังตามสืบว่าเจ้าของรถเป็นใคร ไม่แน่อาจเป็นรถเช่า ตำรวจกำลังหาว่าใครเป็นคนเช่า ในความถูกต้อง ย่อมแลกมาด้วยความเจ็บใช่ไหม หากว่าสิ่งที่เขาไม่อยากให้เป็นจริงเกิดเป็นจริงขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นเขาก็อยากคิดในทางที่ดีว่าโดยพื้นฐานของศศิภาแล้วมีจิตใจดีและอ่อนโยน การทำร้ายใครอย่างรุนแรงคงเป็นไปไม่ได้...หวังว่าจะเป็นไปไม่ได้

ธีรดาสะดุ้งตื่นไม่ใช่เพราะได้นอนเต็มอิ่ม แต่เพราะนาฬิกาปลุกหัวเตียงที่เธอใช้ปลุกให้ตัวเองตื่นเพื่อที่จะได้ไปทำงานทันในทุกเช้าต่างหาก สมองที่มึนชายังไม่ได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมถึงมาตื่นบนที่นอนของตัวเองได้ ด้วยความเคยชินเธอเหวี่ยงขาลงจากเตียงแล้วเดินห้องน้ำ แต่ขาเจ้ากรรมดันไม่มีแรงเกือบล้ม พอเห็นหน้าตัวเองที่นอกจากรอยแดงจางๆ ของกระสุนที่ถากแก้ม ทำไมรวมๆ แล้วโทรมเหมือนไปผ่านสงครามมา
เธอออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดเดิมเพราะยังไม่ได้อาบน้ำ นึกแปลกใจทำไมห้องสว่าง แน่ละสิก็ประตูห้องเปิดอ้าซ่าซะขนาดนั้น แล้วพอมองไปยังเจ้าของร่างสูงที่อยู่ตรงกลางระหว่างประตูก็แทบร้องกรี๊ดรีบกระโจนแบบไม่ค่อยมีแรงไปหลบหลังบานตู้เสื้อผ้า ก่อนจะส่งเสียงแหวลั่น
“คุณมาอยู่ที่บ้านของฉันได้ยังไงเนี่ย แล้วนั่น เสื้อกับกางเกงของนายเสือนี่ คุณเมาแล้วกลับบ้านตัวเองไม่ถูกหรือไง”
ตายๆ ผมยุ่งเป็นยัยเพิ้ง ชุดนอนก็เปื่อยจนคอย้วยช่วยไม่ได้มันใส่แล้วสบาย ว่าแต่ทำไมเธอเลือกชุดนอนตัวนี้มาใส่ เหมือนจะจำได้แต่นึกไม่ออกเลยแฮะ แล้วเขาน่ะยืนหัวเราะอะไร
“จำอะไรไม่ได้เลยหรือคุณ” ปารินทร์ถามจากหน้าห้องไม่ได้ถือวิสาสะเดินเข้ามา แค่อยากรู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างเท่านั้น
“จำได้สิ จำได้ว่าเมื่อวานฉันไม่ได้พบคุณ แล้วทำไมวันนี้คุณมาโผล่ในบ้านของฉันได้” หญิงสาวบ่นพึม ถ้าเจอกันแบบสวยๆ เริดๆ เธอจะหลบให้เสียฟอร์มทำไมล่ะ แต่พอลองนึกๆ ดูก็นึกออกแฮะ “ใช่แล้ว! เด็กนั่น”
ปารินทร์พยักหน้าเลิกคิ้ว ใจจริงอยากคุยยาวๆ ให้รู้เรื่อง แต่มันคงลำบากธีรดาคงยืนจนขาแข็งคอเคล็ดถ้าต้องเอาบานตู้เสื้อผ้ามาบังตัวเองไว้อย่างนั้น ชุดนอนของเธอก็เรียบร้อยดีไม่ได้เป็นลูกไม้ซีทรูสักหน่อย
“พร้อมจะคุยกันก็ออกมาหาผมนะ”
ธีรดารีบวิ่งไปปิดประตูเข่าอ่อนจนต้องนั่งลงกับพื้น เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหมที่เห็นปารินทร์ตรงประตูห้องนอนของเธอ พอหยิกแขนก็เจ็บจริงๆ นี่หว่า มันเป็นยังไงมายังไงล่ะนี่ แล้วตอนนี้เธอยังไม่ได้เสียตัวไปให้ใครใช่ไหม ว่าแล้วหญิงสาวก็รีบเข้าห้องน้ำไปสำรวจร่างกายของตัวเองจนมั่นใจถึงได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาหาปารินทร์

ป้าอรเห็นธีรดาเดินออกมาจากห้องก็วัดไข้ยกใหญ่ก่อนจะรีบไปทำอาหารเช้าให้เธอกับปารินทร์ต่อ หญิงสาวเดินหาแขกจนมาพบว่าเขามาหาบานชื่นกับลูกๆ นั่นเอง
“นั่งลง แล้วผมจะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง” เขาปัดพื้นใกล้ๆ กันให้เจ้าของบ้านนั่งลง
“เล่ามาได้แล้วคุณ การไม่รู้ทรมานกว่าการรู้ ฉันจะพยายามฟังอย่างใจเย็นๆ” เธอบอกเขาแล้วเริ่มเป่าลมออกปากอย่างกับทำแบบนี้แล้วใจจะเย็นดังว่า
ปารินทร์เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากรู้ว่าเธอหายไป โดยเลี่ยงไม่เล่าถึงทิน หากเธอรู้ว่าเขาส่งนักสืบมาตามคงโกรธมาก เอาไว้วันอื่นที่ไม่มีเรื่องให้ใจกรุ่นๆ แล้วค่อยเล่า สีหน้าของธีรดาดูเหมือนคนอยากเอาคืนให้หายแค้นเมื่อเขาเล่าว่าไปพบเธอที่ไหนและพาตัวกลับมาอย่างไร แล้วที่น่าเจ็บไปกว่านั้นคือตอนนี้ตำรวจยังหาคนร้ายไม่พบ
“งานนี้ฉันไม่ยอม ฉันจะแจ้งความ” หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่ลังเล ถ้าไม่ได้สลบคนร้ายได้ลิ้มรสหมัดและแรงถีบของเธอแน่
คนเล่านึกแล้วว่าเธอจะต้องตัดสินใจแบบนี้เลยแจ้งความปากเปล่ากับรุ่นพี่ไปแล้ว เหลือแค่วันนี้พาผู้เสียหายไปแจ้งความด้วยตัวเอง
“ผมจะจัดการให้ เดี๋ยวตอนสายเราไปโรงพักด้วยกัน”
ธีรดากัดริมฝีปาก ไม่พูดก็อึดอัด แต่ถ้าพูดไปเขาโกรธเธอจะทำยังไงล่ะทีนี้ เอาวะ พูดๆ ไปเถอะ
“คุณไม่กลัวว่าพอตำรวจสืบไปสืบมาจะพบว่าคนบงการเป็นน้องสาวของคุณบ้างหรือคะ”
จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้คิดว่าคนร้ายเป็นศศิภาคนเดียวหรอก แต่ยังคิดว่าเป็นกวินตาอีกคนเพราะถ้าเธอไม่ไปตามนัด ใครหน้าไหนจะมาใช้เด็กหลอกล่อแล้วโปะยาสลบเธอได้ล่ะ แต่ถ้าไม่มีหลักฐานตอนนี้เธอคงไม่ปักใจหรอกว่าเป็นใคร
ปารินทร์ถอนใจ เขาคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ในความถูกต้องไม่มีคำข้ออ้างของการทำผิด ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด ไม่สามารถนำความสงสารหรือความเป็นญาติมาหักล้างได้ หากเป็นศศิภาจริงๆ สิ่งที่เขาจะทำเพื่อน้องสาวได้คือการหาทนายที่เก่งที่สุดมาสู้คดีเพื่อให้น้องสาวได้รับโทษน้อยที่สุดเท่านั้น คนทำผิดต้องได้รับบทเรียน แต่ถ้าไม่ใช่ศศิภาเขาคงได้ออกจากนรกในใจเสียที
“มันอาจเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้ แต่ผมคิดว่าศศิไม่ใช่คนโหดเหี้ยมวางแผนได้ขนาดนี้”
ธีรดาถอนใจโล่งอกบ้าง “ถ้างั้นฉันค่อยสบายใจหน่อย เผื่อไปๆ มาๆ กลายเป็นน้องสาวของคุณ แล้วคุณมายกเลิกสัญญากับธารธีราฉันไม่ยอมหรอกนะ”
“ลืมอะไรไปหรือเปล่า คุณยังไม่ได้ส่งรายงานให้ผมสักหน่อย”
“ส่งแล้วค่ะ เมื่อวานไง คุณดิฐไม่ได้บอกคุณเหรอ” ธีรดาอยากจะบ้าตาย ทำไมเรื่องกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ
“ก็ผมมัวแต่ตามหาคุณน่ะสิ บอกแล้วไงว่าต้องส่งให้ถึงมือผม เพราะฉะนั้นคุณผิดสัญญา” ชายหนุ่มตีขลุมเมื่อมีแผนบางอย่างในใจที่เพิ่งคิดได้เมื่อไม่ถึงนาทีก่อน
“ได้ไงล่ะ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันอุตส่าห์ไปเสี่ยงตายกับเสือกว่าจะจับคนร้ายได้ เห็นไหมที่แก้มฉันน่ะ รอยกระสุนนะไม่ใช่รอยแมวข่วน”
มือหนายื่นไปสัมผัสแก้มที่เป็นรอย ใบหน้านวลเบือนหลบ แต่มือหนาๆ อีกข้างของเขากลับจับคางของเธอไว้ แล้วใช้นิ้วลูบเบาๆ ที่รอยแดงจางๆ เขาสงสัยตั้งแต่เห็นหน้าเธอตอนสลบแล้วว่ารอยนี้คือรอยอะไร ตอนนี้เมื่อรู้คำตอบยิ่งรู้สึกผิดอยู่ในใจ เขาเล่นนอกเกมตามที่เธอต่อว่านั่นแหละ มือหนาปล่อยมือจากคางมน แต่มืออีกข้างกลับจับมือของเธอไว้
“ถ้างั้นผมมีเงื่อนไขใหม่ แต่คุณต้องตอบคำถามของผมก่อน”
“ฉันเบื่อคุณจริงๆ เลย ถ้าฉันตอบแล้วคุณจะไม่เอาเรื่องส่งไม่ถึงมือมากดดันฉันไหมล่ะ” เธอต่อรอง
“แน่นอน”
“ก็ได้ ถ้างั้นถามมาได้เลยค่ะ”
ความเชื่อมั่นของเขาที่มีต่อธีรดาถ้าเทียบออกมาได้คงประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีกเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เธอจะทำให้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ได้
“จำวันงานเลี้ยงเปิดคอนโดของคุณกานต์เกียรติได้ไหม”
“ค่ะ” ถ้าถามว่าแล้วไง? สงสัยเธอคงถูกขมวดคิ้วใส่
“ผมเห็นคุณขับรถออกไปจากงานพร้อมกับปุราณจนไปถึงบ้านของเขา แล้วหลังจากนั้นคุณก็ไม่ออกมา”
“คุณตามฉันเหรอ!” อย่าคิดว่าเธอจะฟังเพลินๆ จนไม่ทันคิดเชียวนะ
ปารินทร์พยักหน้าเลิกคิ้วประหนึ่งว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ธีรดาเห็นแล้วคันไม้คันมือ ช่างเถอะ ถือเสียว่าหายกันอย่าเอามันเลยคำขอบคุณน่ะ จากที่เขาเล่าก็น่าคิด เพราะอย่างนี้ใช่ไหมเขาถึงพูดแปลกๆ แล้วยังทำเหมือนเป็นศัตรูมาตั้งแต่ชาติปางไหน
“ตอบคำถามผมมาว่าคุณเป็นอะไรกับปุราณกันแน่ นอกจากแฟนเก่า”
ธีรดาถอนใจแรงใส่ให้รู้ว่าโมโหเป็นเหมือนกัน “มันไม่ได้สกปรกอย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ ให้ตายเถอะ คุณนี่ยั่วโมโหให้ฉันอยากบีบคอแต่เช้าเลยจริงๆ ถ้าตามไปได้ทำไมไม่รอดูให้จบ ฉันออกมาแล้วเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน ไม่ได้ค้างที่บ้านพี่ปุ๊เสียหน่อย”
“แล้วคุณอยู่ทำอะไรเป็นนานสองนาน” นี่แหละคำถามสำคัญที่สุด ถ้าวันนั้นไม่เกิดเรื่องเขาคงรู้คำตอบไปแล้ว



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2557, 09:32:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2557, 09:32:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1478





<< ตอนที่ 11   ตอนที่ 13 >>
ร้อยวจี 9 มิ.ย. 2557, 10:07:11 น.
คิดถึง หายไปนาน สนุกค่ะ


บรรพตี 9 มิ.ย. 2557, 10:11:27 น.
ขอบคุณที่คิดถึงค่ะคุณ ร้อยวจี พอดีว่าหาทางเข้าเว็บไม่ได้ ลืมรหัสผ่านค่ะ หาอยู่ตั้งนาน


แล่นแต๊ 9 มิ.ย. 2557, 16:04:57 น.
คนร้ายตัวจริงเป็นใคร


ร้อยวจี 9 มิ.ย. 2557, 16:40:33 น.
พรุ่งนี้มาอัพต่อนะคะ


กาซะลองพลัดถิ่น 9 มิ.ย. 2557, 17:14:27 น.
อร้ายยยย... หายไปนาน กลับมาแล้วตัดจบแบบค้างเฉยเลยอ่ะ
มาต่อเร็ว ๆ นะคะ


บรรพตี 9 มิ.ย. 2557, 19:02:19 น.
อิอิ ใจเย็นๆ คร่า นักอ่านที่น่ารัก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account