อ้อนรักเดิมพันหัวใจ (สนพ.กรีนมายด์)
เพราะการพบกันครั้งแรกเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจสำหรับ “ศันลิตา” หญิงสาวสวยน่ารักเจ้าของร้านหนังสือจึงทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ “กฤตตะวัน” หนุ่มหล่อขี้เก๊กเจ้าแผนการ โดยไม่รู้ว่าเขาคือทายาทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง เพราะความจำเป็นทำให้กฤตตะวันต้องเข้ามาเป็นพนักงานขายในร้านหนังสือเพื่อแลกกับความช่วยเหลือบางอย่างจากศันลิตา เกมรักที่มีหัวใจเป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับความจริงซึ่งนำพาไปสู่อันตราย
“พูดแบบนี้แสดงว่าคุณไม่กล้าเดิมพันกับผม เพราะกลัวว่าจะหลงรักผมใช่มั้ยล่ะ” กฤตตะวันถามพลางมองสบตาหญิงสาวอย่างท้าทาย
“อย่างฉันเนี่ยนะต้องกลัวหลงรักคุณ รู้จักศันลิตาน้อยไปซะแล้ว ตกลงฉันรับเดิมพันกับคุณแต่ถ้าครบกำหนดสามเดือนแล้วคุณไม่สามารถทำให้ฉันพูดว่ารักคุณได้ ต่อไปคุณห้ามมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีกนะ” ศันลิตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะที่กฤตตะวันคลี่ยิ้มอย่างสมหวังดวงตาคู่คมเป็นประกายพราวระยับเมื่อโน้มใบหน้าคมเข้มลงมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูหญิงสาวอย่างใกล้ชิดว่า
“ตกลงตามนั้นและนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณหลงรักผมแล้วนะศันลิตา”
เดิมพันหัวใจครั้งนี้ใครจะแพ้ ใครจะชนะ ใครเจ้าเล่ห์กว่าใครในเกมรัก เชิญร่วมลุ้นไปกับพวกเขาใน “อ้อนรักเดิมพันหัวใจ” ค่ะ

ขอแจ้งให้นักอ่านทราบล่วงหน้าว่านิยายเรื่องนี้จะลงเนื้อเรื่องเพียงแค่ 60% เท่านั้น ไรเตอร์จะทยอยอัพให้อ่านวันละตอนนะคะ เนื่องจากนิยายได้รับการตีพิมพ์แล้วจะวางแผงในเดือนมิถุนายน 2257 นี้ค่ะ ใครสนใจสั่งจองได้ที่เว็บกรีนมายด์เลยนะคะ

Tags: รัก, กุ๊กกิ๊ก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 7

“ตกลงตามนี้เลยค่ะ สตอรี่ บอร์ด ที่ทางบริษัทคุณทำมาตรงตามคอนเซ็ปต์คอนโดฯ ของเราทุกอย่าง แต่สำหรับนักแสดงในโฆษณาชุดนี้เกศขอเลือกเองนะคะ” เกศวรางค์บอกกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทโฆษณาหลังจากที่นั่งดูสตอรี่ บอร์ด เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางบริษัทโฆษณาก็รับปากว่าจะส่งภาพถ่ายพร้อมทั้งรายชื่อของนักแสดงมาให้เกศวรางค์คัดเลือกในวันมะรืนนี้ก่อนจะขอตัวลากลับไป

“โชคดีที่วันนี้เราได้ผู้เชี่ยวชาญด้านงานโฆษณาอย่างเกศมาร่วมประชุมด้วยนะงานถึงได้เสร็จเร็วแบบนี้” คุณเกริกเกียรติพูดกับเกศวรางค์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มในระหว่างที่เดินออกมาจากห้องประชุม

“ขอบคุณในคำชมค่ะคุณอาน่ารักที่สุดเลย ว่าแต่ไม่ได้เจอกันเกือบปีแต่คุณอาของเกศก็ยังหล่อเฟี้ยว แล้วก็สมาร์ทเหมือนเดิมเลยนะคะเนี่ย” เกศวรางค์พูดพลางเกาะแขนผู้เป็นอาอย่างประจบประแจงเหมือนสมัยเป็นเด็ก

“ไม่ต้องมาพูดเอาใจอาเลยยัยเกศ นี่ถ้าวันนี้ไม่มีประชุมเรื่องงานโฆษณาสงสัยว่าอาคงจะไม่ได้เจอหน้าเราเลยล่ะมั้ง” คุณเกริกเกียรติแกล้งต่อว่าหลานสาว

“เกศต้องขอโทษด้วยนะคะที่เกศไม่ได้แวะไปเยี่ยมคุณอา พอดีว่าตั้งแต่กลับมาถึงเมืองไทยเกศมีธุระทุกวันเลยค่ะ” เกศวรางค์แก้ตัวเสียงอ่อนเสียงหวาน

“ธุระเดินสายช้อปปิ้งแล้วก็สังสรรค์กับเพื่อนๆ น่ะครับคุณอา” กฤตตะวันฟ้องคุณเกริกเกียรติหน้าตาเฉยเลยถูกพี่สาวยกมือขึ้นฟาดแขนเบาๆ พลางต่อว่า

“พูดมากน่านายกฤต” จากนั้นเกศวรางค์ก็หันไปแก้ตัวกับคุณเกริกเกียรติต่อ “เกศมีธุระจริงๆ ค่ะ เพราะต้องเตรียมตัวไปงานแต่งงานของเพื่อนด้วย คุณอาไม่โกรธเกศนะคะ”

“อาไม่โกรธก็ได้ ถ้าเกศสัญญาว่าจะแวะไปคุยกับอาที่บ้านบ้าง สมัยก่อนมีอานภาอยู่ด้วยอาก็ยังมีเพื่อนคุยพวกหลานก็แวะไปเที่ยวที่บ้านบ่อยๆ แต่ตอนนี้เหลือแต่แม่เพียรแล้วก็เจ้าต่อ สองคนนั้นเค้าก็ทำแต่งานบ้าน ไม่มีใครว่างมานั่งคุยกับอาเลยสักคน”

“ถ้าคุณอาเหงาไม่มีเพื่อนคุยเกศมีวิธีแก้เหงาดีๆ จะแนะนำคุณอาด้วยนะคะ” เกศวรางค์พูดพลางยิ้มกริ่มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

“วิธีอะไรไหนลองแนะนำอาหน่อยสิ” คุณเกริกเกียรติถามพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี

“ง่ายนิดเดียวค่ะ คุณอาก็หาอาสะใภ้คนใหม่ให้เกศกับกฤตสิคะ รับรองว่าคุณอาจะได้ทั้งเพื่อนคุยแล้วก็คนมาคอยดูแลด้วยนะคะ” เกศวรางค์เริ่มเข้าเรื่องทันทีเมื่อมีโอกาส ในขณะที่กฤตตะวันได้แต่มองพี่สาวพลางส่ายหน้าอย่างอ่อนใจเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังจะคิดทำอะไร ส่วนคุณเกริกเกียรติหัวเราะเบาๆ อย่างขบขันก่อนจะพูดว่า

“คนแก่อย่างอาใครจะมาสนใจ”

“ใครบอกว่าคุณอาแก่ค่ะ อายุเพิ่งจะสี่สิบกว่าๆ เอง กำลังดูภูมิฐานแล้วก็อบอุ่นเลยนะคะ ว่าแต่ตอนนี้คุณอาไม่รู้สึกถูกใจใครสักคนบ้างเลยเหรอคะ” เกศวรางค์เลียบเคียงถาม

“วันๆ อายุ่งอยู่แต่กับงานไม่มีเวลาไปมองใครที่ไหนหรอกนะ” คุณเกริกเกียรติตอบหลานสาวยิ้มๆ

เกศวรางค์หันมาสบตากับกฤตตะวันทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของผู้เป็นอา ซึ่งหมายความว่าคุณเกริกเกียรติยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยเรื่องหญิงสาวสวยที่กำลังคบหากันอยู่ ดังนั้นเกศวรางค์จึงเปลี่ยนคำถามใหม่

“ถ้างั้นให้เกศแนะนำสาวสวยให้คุณอาสักคนดีมั้ยคะ”

“อาว่าเกศหาแฟนให้กฤตดีกว่ามั้งเพราะอาอยากจะไปงานแต่งของหลานชายแล้ว” คุณเกริกเกียรติโยนมาทางกฤตตะวันทำเอาชายหนุ่มต้องรีบปฏิเสธพัลวัน

“ผมไม่เอาเด็ดขาดครับคุณอา พวกน้องสาวเพื่อนพี่เกศแต่ละคนบ้าช้อปปิ้งกับปาร์ตี้กันทั้งนั้น ถ้าผมได้ผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นแฟนมีหวังจนแน่นอนเลยครับ ผมขอหาแฟนเองดีกว่า”

“ต๊าย! ปากคอเราะร้ายนะนายกฤตว่าผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกัน แล้วที่บอกว่าจะหาแฟนเองน่ะนายจะหาได้เมื่อไหร่ยะ ระวังเถอะถ้าคุณอาแต่งงานรอบสองขึ้นมานายจะขายหน้าที่ยังหาแฟนไม่ได้สักคน” เกศวรางค์ว่าพลางมองค้อนน้องชายอย่างหมั่นไส้ ในขณะที่กฤตตะวันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามพี่สาวว่า

“เดี๋ยวผมต้องรีบไปเซ็นเอกสารให้ดนัยต่อ พี่เกศจะไปนั่งเล่นที่ห้องทำงานผมรึเปล่า”

“ไม่ดีกว่า พี่ไม่อยากไปนั่งเฝ้านายเซ็นเอกสารหรอกน่าเบื่อจะตาย เชิญตามสบายเลยนะท่านประธานพี่อยู่คุยกับคุณอาต่อดีกว่า คุณอาว่างใช่มั้ยคะ” ท้ายประโยคเกศวรางค์หันไปถามคุณเกริกเกียรติ

“สำหรับหลานรักอาต้องว่างอยู่แล้ว แต่อาว่าเกศไปคุยกับพนักงานแผนกประชาสัมพันธ์น่าจะดีกว่าไปนั่งคุยกับอานะ เพราะมีพนักงานเข้ามาใหม่หลายคนบางคนยังไม่รู้จักเกศเลย หลานเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่แล้วก็เป็นผู้บริหารของบริษัทด้วย อาอยากให้เกศไปทำความรู้จักกับพนักงานเอาไว้เพราะว่าพวกเค้าคือฐานกำลังสำคัญของบริษัทเรา แล้วก็อยากให้เกศไปให้คำแนะนำเรื่องเตรียมการวางแผนประชาสัมพันธ์โครงการของเราในงานมหกรรมบ้านและคอนโดมิเนียมด้วย” คุณเกริกเกียรติบอกหลานสาวด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ

“ก็ดีค่ะคุณอา ถ้างั้นเกศไปคุยกับแผนกประชาสัมพันธ์ดีกว่า” หญิงสาวเห็นด้วยกับผู้เป็นอา จากนั้นเกศวรางค์กับคุณเกริกเกียรติก็แยกกับกฤตตะวันเดินไปที่แผนกประชาสัมพันธ์เพื่อพูดคุยกับพนักงานด้วยกัน ส่วนกฤตตะวันก็ไปทำงานของตนเองต่อ จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานสองพี่น้องจึงเดินทางกลับบ้านพร้อมกัน

“พี่ว่าวันนี้เราแวะหาอะไรอร่อยๆ กินนอกบ้านกันดีมั้ยกฤต” เกศวรางค์ชวน

“พี่เกศอยากกินอะไรล่ะครับ ตอนนี้เราผ่านร้านอาหารมาหลายร้านแล้วนะ” กฤตตะวันถามพี่สาวพลางชะลอความเร็วของรถลงเพื่อรอฟังว่าพี่สาวจะตัดสินใจเลือกรับประทานอาหารร้านไหนในละแวกนี้ เกศวรางค์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดีดนิ้วพลางตอบ

“ไปกินอาหารจีนที่ร้านหยกเทียนเหลาในโครงการทาวน์เลิฟดีกว่า เมื่อปีที่แล้วตอนที่มาเมืองไทยพี่เคยพาไมค์ไปนั่งกินอาหารร้านนั้นเค้าทำอร่อยใช้ได้เลยนะ ติ่มซำของเค้าอร่อยมากด้วย”

“ตามคำบัญชาของไทเฮาเลยพะย่ะค่ะ” กฤตตะวันล้อเลียนพี่สาวยิ้มๆ พลางเร่งความเร็วของรถขึ้น ส่วนเกศวรางค์ก็หัวเราะอย่างขบขันกับคำล้อเลียนของน้องชาย

ประมาณครึ่งชั่วโมงรถของกฤตตะวันก็เลี้ยวเข้าไปจอดที่หน้าร้านอาหารหยกเทียนเหลา จากนั้นสองพี่น้องก็เดินควงแขนกันเข้าไปภายในร้านด้วยท่าทางสนิทสนมราวกับคู่รักในสายตาของคนอื่นๆ ที่มองมาอย่างชื่นชมในความหล่อสวยสมกันของทั้งคู่

ศันลิตาเดินออกมาจากร้านในตอนหกโมงเย็นแล้วมุ่งหน้าไปที่ร้านบุหงาหอมเทียนเพราะนึกอยากจะรับประทานขนมชั้นขึ้นมา หญิงสาวกำลังจะเลี้ยวเข้าไปในร้านขนมอยู่แล้วถ้าบังเอิญสายตาจะไม่เหลือบไปเห็นรถสปอร์ตสีดำคันหรูคุ้นตาที่จอดอยู่หน้าร้านอาหารหยกเทียนเหลาเข้าเสียก่อนหญิงสาวจึงหยุดชะงักอยู่ที่หน้าร้านขนมพลางพยายามจะชะเง้อมองดูทะเบียนรถให้แน่ใจว่าใช่รถของกฤตตะวันหรือไม่

“ทำไมไม่เข้าไปในร้านล่ะคะพี่ต้า มองอะไรอยู่เหรอคะ” เสียงจรัสรวีถามขึ้นทำเอาศันลิตาถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้หญิงสาวเจ้าของร้านขนมพลางตอบ

“พี่กำลังมองดูรถสีดำคันนั้นจ้ะ คุ้นๆ เหมือนจะเป็นรถของลูกค้าที่ร้านหนังสือพี่น่ะ”

“อ๋อ เมื่อกี๊ยัยพระพายก็เข้าไปพร่ำเพ้อว่าเจ้าของรถคันนี้หล่อมากอย่างกับพระเอกหนังเกาหลี แต่น่าเสียดายที่เค้ามากับแฟนสวยมากซะด้วย แล้วก็ท่าทางจะรักกันมากเพราะเดินควงแขนกันกระหนุงกระหนิงเข้าไปในร้านค่ะ แล้วตกลงว่าใช่ลูกค้าที่ร้านพี่ต้ารึเปล่าคะ” จรัสรวีบรรยายชนิดที่ศันลิตาเห็นภาพเลยทีเดียวก่อนจะลงท้ายด้วยประโยคคำถาม

“พี่ไม่ค่อยแน่ใจนะ สงสัยต้องลองเดินไปดูซะหน่อย” ศันลิตาตอบพลางทำท่าจะก้าวไปที่หน้าร้านหยกเทียนเหลา แต่จรัสรวีดึงแขนหญิงสาวเอาไว้พลางบอกด้วยแววตาซุกซน

“เอยไปด้วยค่ะพี่ต้า อยากเห็นเหมือนกันว่าเจ้าของรถคันนี้จะหล่อมากอย่างที่ยัยพระพายพูดรึเปล่า” จากนั้นทั้งสองสาวก็ค่อยๆ เดินไปชะเง้อชะแง้อยู่ที่หน้าร้านหยกเทียนเหลา

“เลิกทำงานก่อนเถอะกฤตลองกินฮะเก๋ากุ้งนี่สิอร่อยมากเลยนะ” เกศวรางค์บอกเมื่อเห็นกฤตตะวันยังคงก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับไอแพดดูแบบแปลนหมู่บ้านโดยไม่ยอมรับประทานออเดิร์ฟที่เธอสั่งมาเลยสักคำ

“ขอเวลาผมอีกแป๊บนึงครับพี่เกศ” ชายหนุ่มบอกพี่สาว

เกศวรางค์ถอนหายใจเบาๆ อย่างขัดใจ ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบฮะเก๋ากุ้งขึ้นมาแล้วยื่นไปจ่อตรงหน้ากฤตตะวันพลางออกคำสั่ง

“อ้าปากนายกฤตแล้วก็กินฮะเก๋าเข้าไปด้วย”

“ไม่ต้องป้อนผมหรอกครับพี่เกศ พี่เกศกินเถอะเดี๋ยวผมคีบกินเองก็ได้ ผมโตแล้วนะครับไม่ใช่เด็กที่จะต้องให้พี่คอยป้อนข้าวป้อนน้ำเหมือนเมื่อก่อน” กฤตตะวันบอกพี่สาวอย่างขบขัน

“กินเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย ขืนรอนายคีบกินเองก็คงอีกชาตินึงล่ะมั้ง มัวแต่นั่งจ้องจอไอแพดอยู่นั่นแหละ” เกศวรางค์สั่งเสียงเข้มอีกรอบพลางยื่นฮะเก๋าเข้าไปจ่อใกล้ๆ กับริมฝีปากของน้องชาย

กฤตตะวันเลยจำต้องตามใจพี่สาวด้วยการอ้าปากให้อีกฝ่ายป้อนฮะเก๋า ซึ่งก็ทำให้เกศวรางค์ยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเอื้อมมือไปบีบแก้มน้องชายเบาๆ ด้วยความเอ็นดูพลางพูด

“ต้องอย่างงี้สิถึงจะน่ารัก ว่าง่ายๆ โตเร็วๆ นะจ๊ะ แล้วก็หยุดทำงานกินอาหารได้แล้วก่อนที่มันจะจืดชืดเสียรสชาติหมด”

“ครับ” กฤตตะวันรับคำ ก่อนจะวางไอแพดลงบนโต๊ะแล้วเริ่มลงมือรับประทานอาหารโดยไม่รู้เลยว่าเขากับเกศวรางค์กำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายคน รวมทั้งศันลิตากับจรัสรวีซึ่งมองเห็นภาพสวีทเมื่อครู่อย่างชัดเจนเนื่องจากโต๊ะที่กฤตตะวันกับเกศวรางค์นั่งอยู่ติดกับกระจกพอดี

“โอ้โฮ้! สวีทจังมีคีบอาหารป้อนกันด้วยค่ะพี่ต้า ผู้ชายก็หล่อผู้หญิงก็สวยเหมาะสมกันมาก แต่เท่าที่เอยดูรู้สึกว่าฝ่ายหญิงเหมือนจะอายุมากกว่านะคะ หรือพี่ต้าคิดว่าไง” จรัสรวีซึ่งยืนมองดูภาพสวีทระหว่างหนุ่มหล่อเจ้าของรถสปอร์ตสีดำคันหรูกับหญิงสาวสวยแฟนของเขาอยู่ข้างๆ ศันลิตาพูดขึ้น หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะบอกกับหญิงสาวรุ่นน้องว่า

“ใช่จ้ะ ฝ่ายหญิงอายุมากกว่าแล้วก็เป็นคนอุปถัมภ์เลี้ยงดูผู้ชายคนนั้นด้วย”

“อุปถัมภ์เลี้ยงดู นี่พี่ต้ากำลังจะบอกเอยว่าผู้หญิงคนนั้นเลี้ยงต้อยหนุ่มรุ่นน้องเหรอคะ” จรัสรวีถามหน้าตาตื่น

ศันลิตาชวนจรัสรวีเดินกลับไปที่ร้านบุหงาหอมเทียนและได้เล่าเหตุการณ์ที่เธอกับเพทายไปเจอกฤตตะวันกับหญิงสาวรุ่นพี่ในห้างสรรพสินค้าให้จรัสรวีฟัง หลังจากที่ฟังศันลิตาเล่าจบจรัสรวีก็ออกความเห็นว่าสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ชายหนุ่มหน้าตาดีจะมีหญิงสาวรุ่นพี่ยอมทุ่มเทเงินเลี้ยงดูแบบนี้ ในขณะที่พระพายหลานสาววัยสิบห้าของจรัสรวีเอาแต่บ่นเสียดายกฤตตะวันที่มีแฟนแล้วท่ามกลางความขบขันของสองสาว

เมื่อเดินกลับจากร้านบุหงาหอมเทียนมาถึงร้านของตนเอง ศันลิตาก็เล่าให้ทุกคนฟังว่าเธอเห็นกฤตตะวันพาแฟนสาวรุ่นพี่ของเขามานั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านหยกเทียนเหลา ท่าทางทั้งสองคนรักใคร่กันมากโดยฝ่ายหญิงคอยป้อนอาหารให้ฝ่ายชาย ส่วนฝ่ายชายก็รับประทานอาหารด้วยท่าทางมีความสุขมาก

“ฟังแล้วอิจฉาคนมีแฟนจัง สงสัยพี่ต้องรีบจีบสาวมาเป็นแฟนสักคนแล้วล่ะ” ชัยพรพูดเปรยๆ ก่อนจะเดินไปจัดหนังสือที่ชั้นให้เป็นระเบียบท่ามกลางความงุนงงของสามสาวที่จู่ๆ เขาก็พูดเรื่องที่อยากมีแฟนขึ้นมา

“วันนี้พี่ชัยพูดแปลกๆ นะคะ ปกติไม่เคยเห็นพูดเรื่องอยากมีแฟนเลย” วีณากระซิบกับสองสาวพี่น้อง ศันลิตาอมยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบอกพนักงานสาววัยเดียวกับเธอว่า

“ไม่แปลกหรอกณาถ้าพี่ชัยเค้าคิดจะจีบสาว แต่ถ้าเค้าคิดจะจีบหนุ่มเมื่อไหร่น่ะแปลกแน่” พอศันลิตาพูดจบก็เรียกเสียงหัวเราะอย่างขบขันจากพนักงานสาวและพี่สาวได้ทันที

“เซี้ยวจริงๆ เลยต้า คิดได้ยังไงเนี่ย อย่าไปพูดให้พี่ชัยได้ยินเข้าเชียวนะต้าเดี๋ยวพี่เค้าโกรธขึ้นมาล่ะแย่เลย” ศิริวรรณบอกน้องสาวทั้งที่ตนเองก็ยังไม่หายขำเช่นกัน จากนั้นทั้งสามสาวก็ช่วยกันแกะกล่องขนมก่อนจะเรียกชัยพรให้มารับประทานขนมด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย

เกศวรางค์กับกฤตตะวันนั่งรับประทานอาหารพลางพูดคุยถึงเรื่องหญิงสาวสวยที่คุณเกริกเกียรติกำลังคบหาอยู่ซึ่งสองพี่น้องยังไม่รู้ว่าเป็นใครและคิดว่าผู้เป็นอาคงยังไม่พร้อมที่จะบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ ดังนั้นสองพี่น้องจึงตกลงกันว่าจะไม่ซักเรื่องนี้ให้คุณเกริกเกียรติต้องรู้สึกอึดอัดใจอีก

จากนั้นเกศวรางค์ก็ซักถามถึงเรื่องความคืบหน้าของคดีคอนโดมิเนียมถล่ม ชายหนุ่มบอกกับพี่สาวว่าถึงอย่างไรทางบริษัทก็ถือว่ามีความผิดและต้องรับผิดชอบโดยตรงอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้คุณธาดาทนายความของบริษัทกำลังพยายามเจรจากับทางตำรวจเพื่อหาทางให้คดีนี้จบโดยเร็วที่สุด แต่ในขณะนี้เขากำลังสงสัยเรื่องวิธีการทุจริตของสรัชกับอนันต์อยู่และหาทางตรวจสอบโดยการติดต่อนักบัญชีอิสระให้มาช่วยตรวจสอบเอกสารในการลงบัญชีและงบการเงินของบริษัทย้อนหลังอยู่

“นี่คือสาเหตุที่ทำให้นายต้องทำงานดึกทุกคืนใช่มั้ย” เกศวรางค์ถามเสียงขรึม

“ใช่ครับพี่เกศ” กฤตตะวันตอบพี่สาว

“แล้วนายได้ปรึกษาเรื่องนี้กับคุณอาเกริกรึยัง”

“ยังครับ ผมตั้งใจว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับจนกว่าจะหาหลักฐานการทุจริตของสองคนนั้นได้ก่อน เรื่องแบบนี้ยังให้คนรู้มากไม่ได้เพราะหมายถึงความบกพร่องของบริษัทโดยตรง ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นขาดความเชื่อถือเราได้ ยังไงพี่เกศก็ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก่อนนะครับ ยิ่งคนรู้น้อยยิ่งดีที่สุด” กฤตตะวันบอกพี่สาวด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

เกศวรางค์พยักหน้าอย่างเข้าใจพร้อมทั้งสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและจะช่วยหาคนมาช่วยตรวจสอบบัญชีอีกแรง หลังจากรับประทานอาหารเสร็จซึ่งเป็นเวลาหนึ่งทุ่มเศษ ในระหว่างที่เดินออกมาจากร้านอาหารเพื่อไปขึ้นรถกฤตตะวันก็อดที่จะเหลือบมองไปทางร้านหนังสือไม่ได้ เกศวรางค์มองตามสายตาน้องชายไปก่อนจะอมยิ้มพลางแกล้งถามอีกฝ่าย

“ร้านหนังสือยังไม่ปิดเลย พี่ว่าเราเข้าไปเดินหาซื้อหนังสือก่อนแล้วค่อยกลับบ้านกันดีมั้ยกฤต”

“พี่เกศจะซื้อหนังสืออะไรเหรอครับ” กฤตตะวันหยุดเดินพลางถามพี่สาวด้วยความประหลาดใจ เกศวรางค์ยักไหล่ก่อนจะตอบหน้าตาเฉยว่า

“ไม่รู้สิ พี่เห็นนายมองไปทางร้านหนังสือก็เลยนึกว่านายอยากจะเข้าไปซื้อหนังสือไง”

“โธ่! ผมก็มองไปเรื่อยเปื่อยแหละครับ”

“จริงเร้อ” เกศวรางค์ทวนถามเสียงสูงพลางมองจ้องหน้าน้องชายอย่างจับผิด

“ก็จริงสิครับ ถ้าพี่เกศไม่มีหนังสือที่อยากจะซื้อก็ขึ้นรถเถอะครับ จะได้รีบกลับบ้านกัน” กฤตตะวันบอกพี่สาวแล้วตัดบทชวนอีกฝ่ายกลับบ้านทันที

หญิงสาวส่ายหน้าพลางอมยิ้มอย่างไม่ค่อยเชื่อถือในคำพูดของน้องชายนักหากแต่ก็ยอมก้าวขึ้นไปนั่งบนรถพร้อมทั้งเริ่มวางแผนการบางอย่างอยู่ในใจเงียบๆ

เกศวรางค์ขมวดคิ้วโก่งเรียวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงของกฤตตะวันเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นช่วงใกล้เที่ยงวันโดยมีกุญแจรถอยู่ในมือด้วยซึ่งหมายความว่าเขากำลังจะออกไปข้างนอก

“จะไปไหนเหรอกฤต วันนี้วันเสาร์พี่นึกว่านายจะอยู่บ้านซะอีก” เกศวรางค์ถามขึ้น

“ผมจะไปหานายวัฒน์ที่บ้านครับ ว่าจะไปคุยเรื่องนักบัญชีที่หมอนั่นบอกว่าจะช่วยหาให้ผมหน่อยไม่รู้ได้เรื่องยังไงบ้าง” กฤตตะวันตอบพี่สาวก่อนจะย้อนถามอีกฝ่ายว่า “แล้ววันนี้พี่เกศไม่มีนัดกับเพื่อนๆ เหรอครับ”

“ไม่มีหรอก แต่ช่วงบ่ายพี่ว่าจะออกไปทำธุระ ว่าแต่นายจะกลับบ้านตอนไหนล่ะเดี๋ยวช่วยแวะไปรับพี่หน่อยได้มั้ย พี่ไม่อยากให้ลุงธงต้องไปนั่งรอนานๆ วันเสาร์ทั้งทีให้แกได้พักผ่อนบ้าง”

“ผมจะออกจากบ้านนายวัฒน์ประมาณสี่โมงเย็น พี่เกศจะให้ผมไปรับที่ไหนเหรอครับ”

“นายอย่าเพิ่งรู้เลย เอาไว้ตอนสี่โมงเย็นพี่จะโทรไปบอกนายเอง แล้วเจอกันนะ” เกศวรางค์ตอบยิ้มๆ โดยไม่ยอมให้ความกระจ่างกับน้องชายแต่อย่างใดก่อนจะหันไปสนใจกับรายการโทรทัศน์ที่กำลังดูอยู่ต่อ ชายหนุ่มมองหน้าพี่สาวด้วยสงสัยที่อีกฝ่ายยังไม่ยอมบอกเขาว่าจะให้ไปรับที่ไหนราวกับว่าเป็นความลับสุดยอด แต่เขาก็คร้านที่จะซักถามเกศวรางค์เพราะถ้าพี่สาวเขายังไม่อยากจะบอกก็เปล่าประโยชน์ที่จะเซ้าซี้ถาม

“โอเคครับ ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ แล้วเจอกัน” พูดจบกฤตตะวันก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นทันที แล้วเพียงครู่เดียวรถสปอร์ตสีดำคันหรูก็แล่นออกไปจากคฤหาสน์หลังงาม


เนื่องจากวันนี้แพรมาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้าน ดังนั้นศันลิตาจึงมีเวลาขึ้นมาจัดหนังสือที่สำนักพิมพ์เพิ่งให้พนักงานนำมาส่งเมื่อวานนี้จำนวนหลายกล่องให้เป็นระเบียบเข้าที่เข้าทาง รวมทั้งตรวจนับหนังสือต่างๆ ภายในห้องสต๊อกบนชั้นสองว่ามีหนังสือเล่มไหนที่ขาดต้องสั่งมาเพิ่มเติมอีกบ้าง

“อ้าว! ขึ้นมาเอาหนังสืออะไรเหรอแพร” ศันลิตาถามเมื่อหันมาเห็นหญิงสาวรุ่นน้องเดินเข้ามาในห้อง

“วันนี้มีคนมาหาหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยกันเยอะเลยค่ะพี่ต้า ที่ชั้นหนังสือข้างล่างหมดแล้วแพรก็เลยขึ้นมาเอาลงไปเติมค่ะ” แพรตอบพลางเดินไปยกกล่องหนังสือลงมาจากชั้นวางเพื่อหยิบหนังสือลงไปเติมที่ชั้นข้างล่าง

“หน้าร้านยุ่งมากมั้ยแพร ถ้ายุ่งพี่จะได้ลงไปช่วยขายของก่อน”

“ไม่ยุ่งหรอกค่ะพี่ต้า ลูกค้าทยอยเข้ามาเรื่อยๆ พวกเรายังรับมือกันไหว พี่ต้าเช็คหนังสือตามสบายเลยนะคะไม่ต้องเป็นห่วง” แพรตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางเปิดกล่องหนังสือออกแล้วก็ต้องอุทานเบาๆ ก่อนจะบอกกับศันลิตาว่า “หนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหลืออยู่แค่แปดเล่มเองค่ะ เดี๋ยวแพรยกลงไปข้างล่างทั้งกล่องเลยดีกว่า พี่ต้าอย่าลืมจดเอาไว้ในลิสต์หนังสือที่ต้องสั่งเพิ่มด้วยนะคะ”

“โอเคจ้า”

“ถ้างั้นแพรลงไปข้างล่างก่อนนะคะพี่ต้า”

“จ้า เดี๋ยวพี่เช็คสต๊อกเสร็จแล้วจะรีบตามลงไปนะ” ศันลิตาบอกหญิงสาวรุ่นน้อง แพรรับคำด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะยกกล่องหนังสือเดินลงไปข้างล่าง ส่วนศันลิตาก็หันกลับมาทำงานของตนเองต่ออย่างขะมักเขม้น

ขณะนี้กฤตตะวันนั่งอยู่ภายในสวนหลังบ้านของฐิติวัฒน์และกำลังพูดคุยกับเจ้าของบ้านหนุ่มถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการหานักบัญชีอิสระ ฐิติวัฒน์เล่าให้กฤตตะวันฟังว่าเขาได้ติดต่อนักบัญชีไปหลายรายแล้วแต่ก็ได้รับการปฏิเสธมาทุกรายเนื่องจากพวกเขาต่างก็มีงานล้นมือกันอยู่แล้วทำให้กฤตตะวันมีสีหน้าผิดหวังทันที

“นายใจเย็นๆ ก่อนนะอย่าเพิ่งกังวลไปเลย ยังไงฉันก็จะหาคนมาช่วยตรวจบัญชีให้นายโดยเร็วที่สุด” ฐิติวัฒน์ปลอบ กฤตตะวันจึงพยักหน้าพลางกล่าวคำขอบใจเพื่อนรัก

“ขอบใจนายมากนะวัฒน์”

“ไม่เป็นไรน่าเรื่องเล็กน้อย แล้วนี่คุณพ่อคุณแม่ของนายจะกลับมาจากทัวร์ยุโรปเมื่อไหร่กันล่ะ” ท้ายประโยคฐิติวัฒน์ชวนเปลี่ยนเรื่องคุย

“ปลายเดือนนี้แหละรู้สึกว่าจะเป็นกลางดึกคืนวันเสาร์หน้าพอดีนะ” กฤตตะวันตอบหลังจากเหลือบมองวันที่บนนาฬิกาข้อมือของตนเอง

“อืม แล้ววันนี้พี่เกศไม่อยู่บ้านเหรอทำไมนายไม่ชวนพี่เกศมาเที่ยวที่บ้านฉันด้วยล่ะ”

“ตอนฉันจะออกมาจากบ้านพี่เกศยังนั่งดูทีวีอยู่ แต่เห็นบอกว่าช่วงบ่ายจะไปทำธุระนะ แล้วก็บอกว่าถ้าฉันกลับจากบ้านนายแล้วให้แวะไปรับด้วย แต่ยังไม่ยอมบอกฉันว่าจะให้ไปรับที่ไหนลับลมคมในชะมัด” กฤตตะวันพูดจบก็หัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างนึกขำพี่สาว

“ฉันเดาว่าพี่เกศอาจจะให้นายไปรับที่ร้านเสริมสวยสักแห่ง ผู้หญิงก็มีอยู่เท่านี้แหละถ้าไม่ไปช้อปปิ้งก็ต้องไปเสริมสวย” ฐิติวัฒน์เดาพลางยิ้ม

“เออ ไอ้คุณฐิติวัฒน์ ไอ้คนเข้าใจผู้หญิง แสนรู้ทุกเรื่อง” กฤตตะวันประชดเพื่อนรัก

“เฮ้ย! นายกฤตแสนรู้น่ะมันหมา กรุณาเปรียบเพื่อนรักของนายให้ดีๆ หน่อยสิวะ” ฐิติวัฒน์โวยวาย

ส่วนกฤตตะวันหัวเราะอย่างขบขันเมื่อเห็นท่าทางหัวเสียของอีกฝ่าย จากนั้นฐิติวัฒน์ก็นั่งเล่าเรื่องบรรดาสาวๆ คู่ควงของซึ่งมีอยู่หลายคนให้กฤตตะวันฟังอย่างมีความสุข ซึ่งชายหนุ่มก็ได้แต่นั่งรับฟังพลางส่ายหน้าอย่างระอาใจในความเจ้าชู้ของเพื่อนรัก

รถยนต์ยุโรปสีตะกั่วแล่นเข้ามาจอดที่หน้าร้านหนังสือมุมสบาย บุ๊ค เซ็นเตอร์ ในตอนบ่ายสามโมงเศษ ก่อนที่ร่างระหงของเกศวรางค์จะก้าวลงมาจากรถแล้วก้มตัวบอกกับคนขับรถวัยกลางคนว่า

“ลุงธงขับรถกลับบ้านเลยนะคะไม่ต้องรอ เดี๋ยวเกศจะโทรไปบอกให้กฤตแวะมารับค่ะ”

“ครับคุณเกศ” ลุงธงรับคำก่อนจะถอยรีบถอยรถออกไปจากหน้าร้านหนังสือเมื่อเห็นว่ามีรถยนต์อีกคันกำลังรอจะเข้ามาจอดต่อ

เมื่อเกศวรางค์ก้าวผ่านประตูร้านหนังสือเข้าไปหญิงสาวร่างเล็กไว้ผมซอยสั้นหน้าตาน่ารักก็เดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอย่างรู้หน้าที่และเป็นกันเอง

“สวัสดีค่ะ ต้องการหนังสืออะไรบอกได้นะคะ เดี๋ยวแพรช่วยหาให้ค่ะพี่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาเอง”

“ขอบใจมากจ้ะ แต่พี่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะซื้อหนังสือเล่มไหนขอเดินดูก่อนนะจ๊ะถ้าหาหนังสือไม่เจอพี่จะขอความช่วยเหลือจากน้องนะ” เกศวรางค์บอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพอกัน แพรพยักหน้ารับพร้อมด้วยรอยยิ้มเช่นเดิมก่อนจะขอตัวไปดูแลลูกค้าคนอื่นต่อ

เกศวรางค์มองไปรอบๆ ร้านหนังสือพลางนึกชื่นชมกับสไตล์การตกแต่งร้านที่น่ารักแลดูสบายตาเพราะโทนสีเขียวอ่อน ก่อนจะก้าวผ่านเคาเตอร์คิดเงินแล้วยิ้มรับกับคำทักทายของหญิงสาวท่าทางใจดีที่ยืนอยู่ด้านหลังเคาเตอร์ไปยังชั้นวางนิตยสารแฟชั่นต่างประเทศ

หญิงสาวหยิบนิตยสารแฟชั่นเล่มใหม่ล่าสุดที่เพิ่งจะวางแผงขึ้นมาเปิดดูพร้อมทั้งชำเลืองมองดูพนักงานขายในร้านทีละคน ก่อนจะขมวดคิ้วโก่งเรียวเมื่อไม่เห็นหญิงสาวที่เธอกับกฤตตะวันเคยพบในห้างสรรพสินค้าเลย เกศวรางค์เริ่มกังวลว่าหญิงสาวรุ่นน้องคนนั้นอาจจะหยุดงานซึ่งหมายความว่าวันนี้เธอต้องมาที่นี่เก้อนั่นเอง แล้วแผนการที่วางเอาไว้ก็ต้องผิดพลาดอย่างน่าเสียดาย

เมื่อเลือกนิตยสารแฟชั่นได้หลายเล่มแล้ว เกศวรางค์จึงหันไปให้ความสนใจกับหนังสือนวนิยายบ้าง หญิงสาวเดินไปหยุดยืนอยู่ที่ล็อคหนังสือนวนิยายแล้วก็พบว่ามีผลงานของนักเขียนหน้าใหม่อยู่หลายคน ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือนวนิยายของนักเขียนหน้าใหม่คนหนึ่งขึ้นมาดูอย่างสนใจ



แก้วแสงจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2557, 22:48:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2557, 22:48:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1135





<< ตอนที่ 6   ตอนที่ 8 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account