สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง


Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ

ตอน: ตอนที่ 15 : พันธนาการรัก..

ตอนที่ 15 : พันธนาการรัก




ณ.บ้านกึ่งปูนกึ่งไม้ริมชายหาดทอดยาวอันเงียบสงบ อากาศภายนอกยังคงขมุกขมัวไปด้วยเมฆหนาที่ลอยเกลื่อนบนท้องฟ้าโดยปราศจากเม็ดฝนมาพักใหญ่ ยามเมื่อพายุฝนพัดผ่านไปเหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอยเจือจางของไอเย็นและหยาดน้ำเกาะตามต้นไม้ใบหญ้าให้ความชุ่มชื้นและกระไอเย็นฉ่ำ

กรณ์ก้มมองไปยังบ้านสีขาวหลังใหญ่ริมทะเลผ่านหน้าต่างห้องนอนของตนเองตรงจุดที่เอรินมักจะมานั่งมองเป็นประจำ แล้วชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวจากผู้คนมากมายที่เข้าออกยังบ้านสีขาวหลังนั้น ด้วยความสงสัยชายหนุ่มจึงรีบกระวีกระวาดแต่งเนื้อแต่งตัวเสร็จสรรพเรียบร้อยออกจากบ้านตรงไปยังบ้านสีขาวที่เอรินชอบหนักหนา

เจ้าปื๊ดที่ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจากบ้านสวนโฮมสเตย์เจอกรณ์กำลังรีบร้อนออกจากบ้านจึงรีบร้องทักทายทันทีที่เห็นหน้า

“เอ๊า..คุณกรณ์จะรีบไปไหนครับ”

“ปื๊ด...เอรินบอกรึเปล่าว่าจะกลับเมื่อไหร่”

กรณ์ระล่ำระลักถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เจ้าปื๊ดยีผมตัวเองคิดอยู่ชั่วครู่กว่าจะตอบทำเอาแทบจะโดนกรณ์ทุบเข้าให้เพราะลีลามากเรื่อง

“อ๊ะ อ๊ะ!! คุณกรณ์อย่าใช้กำลังสิคร๊าบ น่าจะพรุ่งนี้เย็นๆนะครับกว่าคุณหนูจะกลับเห็นว่างั้นนะ แล้วคุณกรณ์จะไปไหนครับผมไปส่งเอาป่าว” น้ำเสียงขี้เล่นของเจ้าปื๊ดทำเอากรณ์ถึงกับยิ้มออกมาอย่างนึกได้รีบกระโดดขึ้นนั่งเบาะหลังของมอเตอร์ไซค์คันเก่าอย่างแรงจนเจ้าปื๊ดแทบจะพาล้มเพราะไม่ทันตั้งตัว

“เฮ้ย!!..คุณกรณ์ หนักจะตายขึ้นมาไม่ให้สุ้มให้เสียงกันเลยนะคร๊าบ ตกลงจะไปไหนครับเนี่ย” เจ้าปื๊ดถามอย่างลนๆพร้อมทั้งเริ่มสตาร์ทเครื่องรถบุโรทั่งที่หนักหลังเพราะคนตัวโตนั่งท้าย

“ไปบ้านสีขาวเนินเขาเดี๋ยวนี้ ไม่รู้มีอะไรคนเต็มเลย ฉันจะไปดูให้ยัยดื้อมัน”

กรณ์ตอบน้ำเสียงไม่สู้ดีทำเอาเจ้าปื๊ดได้แต่ส่ายหน้าเมื่อมองผ่านกระจกมองข้างเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของกรณ์แล้วได้แต่นึกในใจ

‘เฮ้อ...คุณกรณ์นะคุณกรณ์ ทำตัวเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงอยู่อย่างนี้ เมื่อไหร่คุณหนูถึงจะมองคุณล่ะเนี่ย ท่าทางจะเจอคู่แข่งคนสำคัญเข้าแล้วด้วยนะ..คุณกรณ์’



แล้วกรณ์ก็ต้องวิ่งสุดชีวิตเข้าไปภายในรั้วบ้านสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้รกร้างอย่างไม่คิดชีวิตทันทีที่ปื๊ดมาส่งยังหน้าบ้านสีขาว แล้วพบว่ากำลังมีการรื้อถอนตัวตึกบางส่วนพร้อมทั้งปรับสภาพภายในบริเวณบ้านด้วยจำนวนคนมากมายซึ่งชายหนุ่มถึงกับหน้าซีดทันทีที่เห็น

“พวกคุณ!! ทำอะไรกัน”

เสียงตะโกนมาแต่ไกลของกรณ์ทำเอา เสกสรร...หัวหน้าคนงานเขม้นมองด้วยความสงสัย ก่อนจะรามือจากการทำงานเดินตรงเข้ามายังกรณ์ที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อหลังจากวิ่งเข้ามาถึงยังจุดที่มีการรื้อถอน แล้วคำถามชวนหาเรื่องหลังจากเห็นสีหน้าไม่เป็นมิตรของกรณ์ที่มองมา ทำเอาเสกสรรนึกเคืองขุ่นอยู่ไม่น้อยจนต้องถามออกมาอย่างเอาเรื่องเช่นกัน

“โรงแรมสร้างใหม่ แล้วคุณล่ะเป็นใคร”

“ผม..เอ่อ..ผม แค่อยากรู้ว่าพวกคุณมาทำอะไรกับบ้านหลังนี้ พอดีบ้านผมอยู่ใกล้ๆเห็นบ้านหลังนี้มานานก็เลยอยากรู้แค่นั้นเอง แล้วโรงแรมอะไร..ของใครเหรอ”

กรณ์ถามอ้อมแอ้มสีหน้าไม่สู้ดี ทันทีที่เห็นคนงานหลายคนรามือจากงานแล้วเข้ามายืนดูอย่างสนใจ

“อ้อ..พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน อยากรู้ก็ไปถามคนบนรถตู้ที่จอดหน้าบ้านโน่น เค้าเป็นสถาปนิกออกแบบโรงแรมนี้”

กรณ์มองตามเสกสรรที่ชี้ไปยังรถตู้คันที่เห็นอยู่ไม่ไกล กรณ์รีบผงกศรีษะขอบคุณก่อนจะรีบเดินออกไปตรงจุดที่รถตู้คันนั้นจอดอยู่ เสกสรรได้แต่มองตามอย่างงุนงงแต่ก็ไม่ใส่ใจนัก

แล้วกรณ์ก็ต้องเร่งฝีเท้าแทบจะกลายเป็นวิ่งทันทีที่เข้าไปใกล้รถตู้มากขึ้นด้วยความอยากรู้ แต่ก็ไม่ทันรถตู้สีขาวคันนั้นออกตัวไปเสียก่อนด้วยความเร็ว ทำเอาชายหนุ่มวิ่งกระหืดกระหอบตามไปแต่ก็ต้องขัดใจที่ไม่สามารถตามได้ทัน

“ใครวะ..แล้วมันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย ยัยดื้อเมื่อไหร่จะกลับ บ้านสีขาวของเธอกำลังจะโดนรื้อทำโรงแรมแล้วนะ”

ขณะเดียวกันภายในรถตู้ที่แล่นออกไปด้วยความเร็ว มินตราถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่เห็นว่าพ้นจากสายตากรณ์ ไม่รู้เหตุใดหญิงสาวถึงรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลจากอะไรบางอย่างในตัวชานนท์ที่ดูลุกลี้ลุกลนเร่งงานหล่อนให้เร็วขึ้นซึ่งผิดวิสัยคนละเอียดอ่อนอย่างเขานัก แถมยังกันเอรินออกไปจากบ้านสีขาวหลังนั้นด้วยอีกต่างหาก

“ว่าจะไปเยี่ยมพ่อแม่เอรินซะหน่อย พี่นนท์นะพี่นนท์ทำอะไรแปลกๆ บอกก็ไม่บอกเมื่อกี้คุณกรณ์ก็เกือบจะเห็นเรา..เฮ้อ แล้วเราจะทำหน้ายังไงเวลาเจอเอรินเนี่ย”

มินตรานิ่งคิดไปอย่างนึกลำดับเหตุการณ์ไม่ถูก แล้วหล่อนก็ไม่ปล่อยเวลาแห่งความข้องใจไว้นานเกินไปรีบกดสายโทรออกไปหาชานนท์ที่สมุยทันที


***************************************

ราเชลนั่งอยู่บนเตียงกว้างของโรงแรมหรูย่านใจกลางกรุงเทพพร้อมทั้งมองเอกสารสำคัญในมืออย่างชั่งใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป หญิงสาวเอื้อมไปหยิบไม้ค้ำยันมาวางไว้ใกล้ตัวพร้อมทั้งยกตัวเองขึ้นยืนด้วยความยากลำบากก่อนจะเดินกระเผลกไปหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่พร้อมเบอร์ที่เพิ่งให้พนักงานโรงแรมไปหาซื้อมาให้สดๆร้อนๆอย่างคิดหนัก ชั่วอึดใจจึงต่อสายไปยังกรณ์...คู่กรณีตัวแสบ ราเชลเสียงเขียวใส่คนปลายสายทันทีที่กรณ์รับโทรศัพท์

“นี่คุณ..กว่าจะรับได้ทำอะไรอยู่ชักช้าซะจริง”

“มีไร” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อได้ฟังน้ำเสียงแข็งๆของสาวจอมหยิ่งที่พูดจาไม่ถูกหูผ่านมาทางสายโทรศัพท์

“พรุ่งนี้มาเป็นคนขับรถให้หน่อย ฉันจะไปธุระ”

ราเชลสั่งเสียงแข็ง ทำเอากรณ์ฉุนขาดเพราะหงุดหงิดเรื่องเอรินเป็นทุนเดิม พรุ่งนี้เขาไม่อยากจะออกไปไหนอยากจะรอเจอเอรินที่บ้านมากกว่าจึงปฏิเสธราเชลไปด้วยน้ำเสียงกวนนิดๆ


“ไม่เอา..ก็จ้างคนขับสิ รถโรงแรมก็มีผมจ่ายให้เอง เออ..คุณจ่ายไปก่อนก็แล้วกัน เสร็จแล้วมาเรียกเก็บทีหลังพรุ่งนี้ผมยุ่งไม่ว่างไปบริการคุณ”

กรณ์เอ่ยอย่างเสียไม่ได้และพยายามต่อรองกับคนดื้อรั้นอย่างราเชลที่เขาประสบมาด้วยตัวเองเกือบสามวันที่ผ่านมาอย่างใจเย็นอย่างที่สุด

“ไม่เอา..ฉันไม่ไว้ใจ ยิ่งเดินไม่ค่อยสะดวกอยู่ อย่าลืมสิว่าคุณทำให้ฉันเป็นแบบนี้จะมาทิ้งความรับผิดชอบของตัวเองดื้อๆได้ยังไง ไม่รักษาคำพูด”

ราเชลก็ฉุนไม่แพ้กันโต้ตอบกลับมาในทันทีด้วยน้ำเสียงห้าวและประโยคจิกกัดเผ็ดร้อนทำเอากรณ์ย่นจมูกอย่างหมั่นไส้ผู้หญิงปลายสายไม่น้อย

“ก็ได้ๆ มากเรื่องจริงๆ ผู้หญิงนี่น่ารำคาญที่สุดเลย กี่โมงแล้วให้ไปรับที่ไหน”


หลังจากวางสายจากกรณ์...ชายหนุ่มที่สร้างเรื่องยุ่งไว้จนทำให้หล่อนต้องเจ็บตัว ราเชลนึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูกจนคิดจะใช้เขาให้หนักๆ ให้สมกับที่ทำให้ต้องเสียเวลา แล้วราเชลก็เดินค้ำไม้เท้ากระเผลกมายังเอกสารที่วางไว้หัวเตียงเมื่อครู่ก่อนจะยกมันขึ้นมาอ่านอย่างหมายมาด

“ถึงขนาดต้องจ้างนักสืบเลยเหรอ..อเล็กซ์ ฉันรู้แล้วว่าจะหาคุณได้ที่ไหน..บ้านสวนโฮมสเตย์ของยัยเอรินใช่มั๊ยที่คุณไป อย่าคิดนะว่าจะได้สมหวัง คุณอยากวางเจ้านี้ทิ้งไว้ที่ห้องให้ฉันเห็นก่อนทำไม” ราเชลขยำเอกสารในมือเล็กน้อยก่อนจะคลายออกแล้วพึมพำออกมาเมื่อเห็นชื่อในเอกสาร


“พัชระ อสิราพัฒน์ ใครกัน แล้ว...นี่ใครอีกยัยตัวเล็กของฉัน..เอ๊ะ..หรือจะเป็นยัยคู่แข่งของฉัน..เอรินงั้นเหรอ..หมายความว่าไงกันเนี่ย…”


*****************************************


ชานนท์วางสายจากมินตราไปด้วยความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก เมื่อรู้จากมินตราว่ามีใครบางคนเข้ามาวุ่นวายกับภารกิจการสร้างโรงแรมใหม่ในเนื้อที่บ้านสีขาวของตน ผู้ชายคนนั้นซึ่งเขาไม่รู้ว่าเป็นใครแต่มินตราบอกว่าเป็นเพื่อนคนสำคัญของเอริน ชายหนุ่มเหลือบมองไปยังหน้าประตูห้องน้ำด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเจือด้วยความเป็นห่วงเมื่อเอรินที่หายเงียบไปเป็นนานสองนานยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมา

“เอริน..เอริน ทำไมเงียบไป ฉันเป็นห่วงนะ เข้าไปได้มั๊ย”

ชานนท์เคาะประตูเป็นระยะ หลังจากรออยู่ชั่วอึดใจเอรินก็ยังไม่ออกมา จึงบิดลูกบิดประตูห้องน้ำแรงๆไปสองสามครั้งอย่างขัดใจก่อนจะทุบประตูรัวด้วยความเป็นห่วงที่เอรินไม่ส่งเสียงตอบรับกลับมา

“เอริน จะโกรธอะไรเราก็ออกมาพูดกันดีๆเถอะ เรามีเวลาวันนี้อีกวันเดียวนะ ฉันไม่สบายใจที่เธอเป็นแบบนี้เลย” ชานนท์เอ่ยออกมาอย่างหมดแรงสีหน้าเคร่งเครียด

ทันใดนั้นประตูห้องน้ำก็ค่อยๆเปิดแง้มออกมาเบาๆ ชานนท์ถึงกับตาโตรีบดึงประตูห้องน้ำให้เปิดกว้างแทบไม่ทัน แล้วภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้หัวใจของเขาถึงกับกระตุกวูบ

“เอ..เอริน เธอ”

ภาพสาวน้อยตาแดงก่ำ ใบหน้านวลใสเจือสีแดงนิดๆอย่างคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผมเผ้ารวบผูกหางม้าแบบลวกๆ เอรินในเครื่องแต่งกายเสื้อยืดสายเดี่ยวกางเกงเลสี่ส่วนดูน่ารักแปลกตากำลังยืนจ้องเขาอยู่ด้วยสายตามีคำถามก่อนจะยกมือซ้ายหันหลังมือที่มีแหวนทองคำขาวประดับเพชรสีฟ้าเม็ดย่อมมาให้ดู พร้อมคำถามตะกุกตะกักทำเอาชานนท์ถึงกับอึ้ง

“ฉันว่าจะโกรธคุณอยู่แล้ว แต่ นี่..นี่มัน”

เอรินถามด้วยน้ำเสียงสั่น ชานนท์ค่อยๆเดินเข้ามาหาสาวน้อยทีละก้าวโดยที่เอรินยืนนิ่งรอฟังคำตอบไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใด

“เมื่อกี้เธอโกรธ ฉันก็เลยยังไม่ได้บอกเรื่องนี้ นี่เป็นแหวนแต่งงานของเรา สีฟ้าสดใสของมันเหมาะกับเธอมากเลยใช่มั๊ย”

ทันทีที่เดินเข้ามายืนประจันหน้าเอรินในระยะประชิด ชานนท์ก็คว้ามือน้อยที่มีแหวนวงนั้นขึ้นมาประทับจูบบนหลังมือ ทำเอาเอรินถึงกับตะลึงกับการกระทำอ่อนโยนของเขาจนน้ำตาคลอออกมาเงียบๆ

“ไม่เอาแล้วนะเอริน ฉันใจหายหมดเลย อย่าคิดว่าเธอเป็นตัวแทนของใคร อย่าคิดว่าฉันไม่ได้รักเธอ มันไม่จริงเลยแม้แต่น้อย...ทุกอย่างที่ฉันกับเธอทำร่วมกันมันเกิดจากความรักของเรา เธอก็รู้...ใช่มั๊ย ได้โปรด..เป็นภรรยาของฉันนะ...เอริน”

“ฉัน..ฉัน” เอรินถึงกับพูดไม่ออก สีหน้าสับสนของสาวน้อยทำเอาชานนท์คว้าเอรินมากอดไว้แนบอก คางหนาวางลงบนไหล่เล็กของภรรยาตัวน้อยพร้อมกับคำพูดกระซิบแผ่วเบาแนบชิดใบหูทำเอาเอรินถึงกับขนลุก

“อยากให้เธอรู้ไว้ว่าเธออยู่ในสายตาของฉันมาตลอด สบายใจได้เลยว่าเธอจะเป็นคนสุดท้ายที่ฉันจะรักและอยากอยู่ด้วยตลอดไป ขอเพียงเธอสัญญาอะไรกับฉันสักอย่างได้มั๊ย”

ชานนท์กระชับอ้อมกอดเอรินแน่นมากขึ้นไปอีก จนหญิงสาวถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บกับอ้อมกอดที่รัดแน่นของเขา

“สัญญา..อะไรคะ”

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนับจากนี้ เธอจะต้องหนักแน่น และเชื่อมั่นในตัวฉัน เราจะผ่านทุกปัญหาไปด้วยกัน...ได้มั๊ย”

ชานนท์ผละออกห่างจากเอรินแต่ก็ยังกระชับมือหนาเข้ากับไหล่บางทั้งสองข้าง โดยที่เอรินรู้สึกแปลกๆ สะดุดหูกับคำพูดของเขาไม่น้อยแต่ก็พยักหน้าตอบรับคำของเขาไป

“ค่ะ ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ฉันยอมรับได้ ฉันก็จะอยู่กับคุณตลอดไป จนกว่าคุณจะไม่ต้องการฉัน”


***********************************************

หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อย วันทั้งวันของชานนท์และเอรินก็หมดไปกับการท่องเที่ยวไปทั่วเกาะตามประสาคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันที่เข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่บนหาดทรายสีน้ำตาลอ่อนอันเงียบสงบบริเวณวิลล่าส่วนตัวของตนที่ร้างไร้ผู้คนในยามเย็นย่ำ

ชานนท์เหลือบมองเอรินที่นั่งเคียงข้างกันพิงไหล่เขาหลับอย่างมีความสุข มือหนาบรรจงโอบรอบเอวคอดของภรรยาสาวน้อยให้แนบชิดมากขึ้นอย่างรักใคร่และถ่ายทอดความอบอุ่นให้ร่างบอบบางสุดรักสุดหวง ใจก็ไพล่ไปครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต เหตุการณ์ที่เขาเคยหลงลืมไปแล้วตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา

ถ้าหากไม่ได้รับรู้อะไรบางอย่าง และเจอกับใครคนหนึ่งที่เขายังคงจำได้ดีเข้าโดยบังเอิญ เขาอาจจะยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ายัยตัวเล็กในความทรงจำอันเลือนลางอยู่ใกล้กับเขาเพียงแค่เอื้อม

“ยัยตัวเล็กของฉัน..ไม่ได้เจอกันยี่สิบปี ฉันกลับมาแล้วนะ พี่ชายกลับมาอยู่ใกล้ๆเธอเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ เธอโตแล้วสวยน่ารักขึ้นมากจนพี่จำเธอไม่ได้เลย”

“ถ้าพี่เด็กกว่านั้นและยังเด็กเล็กนักเหมือนเธอก็คงดี คงจะดีกว่านี้มากถ้าพี่ไม่ต้องรับรู้เรื่องราวในอดีตเหมือนเธอ”

“เธอไม่น่าเกิดมาเป็นลูกของผู้ชายคนนั้น...ไม่น่าเลยจริงๆ ”


**********************************************


ในขณะเดียวกันที่คฤหาสน์ของสิทธิ์ บิดาของมินตราและสริน ภิรณีย์กำลังโอดครวญผ่านมาตามสายจากลอนดอนถึงพี่ชายที่เคารพ พี่ชายที่เปรียบเสมือนบิดามารดาของหล่อน คนที่จัดการเรื่องยุ่งๆให้หล่อนทุกเรื่องตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา...

“คุณพี่..เล่าให้ลูกชายภิฟังได้ยังไงคะ เรื่องนั้นน่ะ” ภิรณีย์โวยวายเสียยกใหญ่ ในขณะที่สิทธิ์ได้แต่นิ่งฟังอย่างใจเย็น

“ฉันจำเป็นต้องเล่าให้มันฟัง เพราะยัยมินบอกว่าเจ้าอเล็กซ์กำลังตกหลุมรักใครบางคนอยู่ และใครคนนั้นก็เป็นคนที่แกคงนึกไม่ถึงเลยล่ะยัยภิ”

สิทธิ์เอ่ยอย่างใจเย็น พยายามเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ในอดีตอีกครั้งแล้วบอกกล่าวแก่ภิรณีย์อย่างใจเย็น

“ไม่ใช่ราเชลเหรอคะที่เป็นแฟนอเล็กซ์ นี่มันหมายความว่ายังไงกันคะ คุณพี่” แล้วคำตอบที่ภิรณีย์อดทนรออย่างแทบจะกลั้นหายใจก็ทำให้หล่อนแทบจะล้มทั้งยืนถึงกับทรุดนั่งอย่างหมดแรง

“แกคงลืมไปแล้วสินะ แต่ฉันยังไม่ลืม แกคงจำไอ้พัช..ลูกชายบ้านสวนโฮมสเตย์เมื่อยี่สิบปีก่อนไม่ได้แล้วละมัง ฉันจะบอกให้ว่าแกเตรียมตัวเตรียมใจมีลูกสะใภ้เป็นลูกสาวไอ้พัชได้แล้วล่ะ...ยัยภิ”


“แกจำได้มั๊ย..ไอ้พัช...คนที่มันร่วมมือกับแกทำเรื่องเลวร้ายกับครอบครัวลูกชายแกยังไงล่ะ ไม่ว่าแกจะไถ่โทษด้วยการเลี้ยงดูเจ้าอเล็กซ์เป็นอย่างดีแค่ไหน แต่ยังไงบาปมันก็ตามมาถึงแกแล้วล่ะ...ยัยภิ”


“อะไรนะ!! คุณพี่ ไม่..ไม่จริง เป็นไปไม่ได้”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เรื่องนี้กำลังรอสัญญาอยู่ค่ะ น่าจะยังไม่ถึงคิวตีพิมพ์เร็วๆนี้
น่าจะลงให้อ่านได้จนจบก่อนค่ะ
แต่่ว่าตอนพิเศษอาจจะไม่ได้ลงในเว็บ T T

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^



lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มิ.ย. 2557, 17:22:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มิ.ย. 2557, 17:22:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1462





<< ตอนที่ 14 : ฮันนีมูนที่มาพร้อมกับพายุฝน....   อีกครึ่งของหัวใจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account