UnRomantic Love หนีไม่พ้นใจ (เล่ห์ลวงจันทร์)
เขียนจันทร์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมารับพ่อที่กำลังเกษียณไปอยู่บ้าน

วันแรกที่กลับมาเธอก็พบผู้ชายปากร้าย แข็งกระด้าง มาตามหาพี่สาวของเธอ

ปากก็บอกตามหา แต่ทุกวันก็ยังวนเวียนอยู่กับเธอ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป

ทำไมผู้ชายนิสัยแบบนี้ คุมสถานบันเทิงใหญ่ จะเลี้ยงเด็กที่เขาบอกว่าเป็นลูกได้ดีเหรอ

แล้วทำไมถึงได้ยัดเยียดลูกให้เธอเลี้ยง ส่วนตัวเองก็ร่อนไปหาพี่สาวเธอแบบนี้เล่า

นายรักษ์ชาติ...นายมันผู้ชายยอดแย่ที่สุด

แล้วทำไมวันที่เธอมีปัญหาที่สุด คนแย่ๆ แบบเขากลับไม่ยอมทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว

กลัวจะไม่มีเบ๊ไว้ให้ใช้ล่ะสิท่า...อย่าคิดว่าคนอย่างเธออ่านเกมเขาไม่ออก
Tags: เขียนจันทร์ รักษ์ชาติ จักรตรากูล กองพัน

ตอน: บทที่ 21 : ยาหยี?

บทที่ 21

เมื่อราวๆ สองอาทิตย์มานี้โรงแรมจักรตรากูลสาขาหลักเพิ่งจะได้รับผลกระทบจากข่าวโคมลอย ไหนจะการถูกยกเลิก แต่มาวันนี้หญิงสาวมองความวุ่นวายย่อมๆ ภายในโรงแรม เมื่อลูกค้ากระเป๋าหนักหลายรายพาเหรดเข้ามาเช็กอินในโรงแรม บางท่านเป็นแขกใหญ่โตที่เพิ่งขอย้ายจากการเข้าพักในดีเอสทาวเวอร์มายังจักรตรากูล

หญิงสาวมองข่าวผ่านข่าวออนไลน์ที่บอกถึงมีคนร้ายวางระเบิดในโรงแรมดีเอสที่ปักกิ่ง ผลกระทบแม้จะมีผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียวคือคนกดระเบิด และคนเจ็บหนักอีกสองคน หนึ่งในสองคนนั้นคือทายาทคนเล็กของเดชอนันต์สิทธิ์ ความน่าเชื่อถือก็ส่งผลมาถึงชื่อเสียงโดยรวมของดีเอส จนกว่าจะชี้แจงเรื่องราวได้ ลูกค้าที่หายไปจึงจะกลับมา

“ดูแลลูกค้าให้ดีนะคะ ขาดเหลืออะไรก็ประสานงานกับทางแผนกต่างๆ ได้เลย คงจะเป็นอย่างนี้ไปอีกพักใหญ่” เขียนจันทร์สั่งการด้วยรอยยิ้มที่ดีขึ้น เธอรู้สึกว่าหลายๆ เรื่องที่เจอมาหลายเดือนกำลังคลี่คลาย เสี่ยหลงเซ็นสัญญากับทางธวัชเดชาในวันนี้ไปแล้ว จักรตรากูลรอดพ้นอำนาจมืดของเสี่ยหลงได้ในที่สุด

เขียนจันทร์รู้สึกว่าทางดีเอสน่าจะมีส่วนทำให้เรื่องของจักรตรากูลผ่านพ้นไป หญิงสาวต่อสายหาลัลริกา ฝ่ายนั้นรับทันทีเพียงแค่สัญญาณดังครั้งแรก

“น้องเขียน พี่ขอโทษนะคะที่ไม่ได้ติดต่อไปเลย”

“ฉันเห็นข่าวน่ะค่ะ...โรงแรมดีเอสไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ” ร่างระหงยิ้มทักทายให้กับแขกนานาชาติที่ผ่านไปมา บางรายเป็นถึงนักธุรกิจใหญ่ ซึ่งเธอก็ให้พนักงานดูแลอย่างดี อย่างทั่วถึง เขียนจันทร์ปลีกตัวมาคุยในที่ๆ เงียบขึ้น ล็อบบี้ด้านนี้มีคนอยู่น้อยหน่อย

“ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ พวกเราจัดการได้แน่นอน ตอนนี้ปูน น้องของปั้นน่ะค่ะปลอดภัยแล้ว ส่วนเรื่องจักรตรากูล ขอโทษที่พี่ทำอะไรไปไม่บอกน้องเขียนนะคะ คุณขุนบอกว่าไม่อยากให้น้องเขียนเครียด เพราะน้องเขียนเครียด และมีปัญหากับเสี่ยหลงมากพอแล้ว คุณขุนเขาไม่ต้องการให้น้องเขียนเป็นอันตรายอีกค่ะ”

ความจริงในสิ่งที่รักษ์ชาติไม่เคยพูดออกมากำลังก่อคลื่นลมภายในใจเขียนจันทร์ หญิงสาวนึกภาพตัวเองในวันที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล สภาพเธอในวันนั้นเจ็บกายมากแล้ว แต่ก็ยังต้องมาเจ็บหัวใจ เธอดีใจที่คนแรกที่ตื่นขึ้นมาพบเป็นเขา เขาดึงเธอออกมาจากฝันร้าย แต่กลับตะคอกเธอ ทำเหมือนเธอเป็นผู้ร้ายทำผิดที่ไม่ยอมไปสัญญากับเขาเรื่องไม่ไปข้องเกี่ยวอันตรายกับเสี่ยหลง

...หรือว่า ทุกอย่างที่เขาทำในวันนี้ เพราะกลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอยเหมือนในวันนั้นที่เธอเกือบจะตาย เธอไม่เคยเห็นเขาโกรธมากขนาดนั้นมาก่อน และไม่ต้องการเห็นอีก

“เสี่ยหลงยอมรามือจากดีเอสแล้วค่ะ”

“น้องเขียนรู้หรือยังคะว่าธากิตเองก็เปลี่ยนเจ้าของแล้วนะ”

“เอ๊ะ...จริงเหรอคะ” เขียนจันทร์รับฟังข้อมูลด้วยความมึนงง และคลางแคลง เธอไม่อยากให้เจ้าของคนใหม่ที่รับช่วงต่อนั้นแย่หนักกว่าเสี่ยหลง “ใครคะ”

“น้องเขียนเดาไม่ได้เหรอคะ”

“แค่เดาก็รู้...คุณขุน!” ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งที่ให้เขียนจันทร์เดาเรื่องเหนือความคาดหมาย หรืออะไรที่ไม่น่าเป็นไปได้ เธอจะนึกถึงผู้ชายอย่างรักษ์ชาติเสมอ เขาทำให้เรื่องน่าเหลือเชื่อในชีวิตเธอเกิดขึ้น

“ไม่มีใครทุ่มเทให้น้องเขียนมากเท่าคุณขุนอีกแล้วล่ะค่ะ...น้องเขียนโชคดีมากนะคะ”

เขียนจันทร์นั่งลงบนเบาะที่นั่งมีพนักพิงเอนหลังพลางหลับตา ความจริงอีกอย่างที่เธอรู้ และขอให้มันเป็นความจริงเรื่องสุดท้ายที่เกี่ยวกับเธอแล้วเขาปิดบังด้วย...ทำไมเขาต้องทำขนาดนี้ หญิงสาวมองผู้คนโดยรอบที่เดินผ่านวุ่นวายภายในโรงแรม แต่ก็เหมือนพบเจอแต่คนแปลกหน้า

โรงแรมจักรตรากูลในวันนี้จะปลอดภัย ไร้การคุกคาม ไร้การโกงทุกรูปแบบจากบริษัทผู้รับเหมา เขาทำมันทั้งหมดได้อย่างไร อยากให้เธอซึ้งน้ำใจเขาสุดชีวิต น้ำตาไหลพรากๆ เป็นน้ำป่าไหลหลากอย่างนั้นเหรอ...บอกเลยว่ายาก

แต่เรื่องซึ้งใจล่ะก็...เขียนจันทร์บิดปาก ห้ามไว้ไม่ให้เป็นรอยยิ้ม หากเขาทำมันไปทั้งหมด และไม่บอกเธอก็เท่ากับเขาทำไปไม่หวังผล ไม่เอาหน้า...คนในจักรตรากูลไม่มีใครต้องเดือดร้อน ไม่ต้องลงแรงอะไรด้วยซ้ำ แม้ในคราแรกเธอจะรู้สึกน้อยใจ แต่ความน้อยใจ ความโกรธ และผิดหวังในคราแรกก็กำลังแปรเปลี่ยน

เหมือนคลื่นใหญ่พัดมาชะล้างความหม่นหมอง บาดหมางในใจ...ทำไมกันนะ ทำไมเธอถึงไม่เคยโกรธ เกลียดรักษ์ชาติได้จริงๆ สักครั้ง

แล้วถ้าเธอยังแกล้งโกรธ แล้งเกลียด แกล้งเลิกรัก ไม่ใส่ใจเขาบ้างล่ะ...เขียนจันทร์ยิ้มมุมปากด้วยความคิดอันจุดประกาย

ถ้าการกระทำวันนี้ที่เขาอุตส่าห์เปลี่ยน ‘ฉัน’ เป็น ‘ผม’ ปากที่หนักอย่างกับเขาพระสุเมรุทับไว้ก็หลุดคำสำคัญออกมาง่ายๆ จะแปลกอะไรถ้านาทีนี้เธอกำลังซึมซับความหมายแท้จริงของมันอย่างสุดหัวใจ

หากรักษ์ชาติเป็นคนใจร้าย...เธอก็คงเป็นมนุษย์ใจอ่อนที่สุดเหมือนกัน

แต่อย่าหวังว่าเธอจะยอมกลับไปน้ำตาเช็ดหัวเข่าอีกง่ายๆ เธอไม่ใช่ตอไม้ไร้หัวจิตหัวใจสักหน่อย...หญิงสาวรีบค้นหาเบอร์หลังจากวางสายลัลริกาต่อหาคนที่เธอคิดหวังใช้ตลบหลังรักษ์ชาติอีกครั้ง

“คุณก้องเหรอคะ...ฉันมีเรื่องจะขอให้คุณช่วย”


ศดาธรวางปากกาคั่นหน้ากระดาษ มือหยิบรีโมทมากดหยุดภาพซีรี่ส์เกาหลีที่กำลังเล่น ขยับท่านั่งหลังตรงเมื่อต้องกดรับโทรศัพท์ขึ้นแสดงเบอร์คนสำคัญของเจ้านาย

“ครับ คุณเขียน”

“คุณก้องเหรอคะ...ฉันมีเรื่องจะขอให้คุณช่วย”

ลูกน้องคนสนิทของรักษ์ชาติหันมองหน้ากัน เกียรติยศนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เสิร์ชหาวิธีง้อสาวก็อปวางลงเวิร์ดหันกลับมามองด้วยความสนใจกับเพื่อน

“เรื่องอะไรครับคุณเขียน บอกผมมาได้เลย ผมยินดีรับใช้คุณเขียนทุกเรื่องครับ”

“ไม่ต้องถึงขนาดรับใช้หรอกค่ะ ฉันต้องการแค่สายสืบ”

“สายสืบ!” ศดาธรตะโกนลั่น พอให้เกียรติยศรู้เห็นไปด้วยอีกคน แม้จะไม่รู้ว่าปลายสายว่ามาอะไรบ้าง “ให้ผมไปสืบใครครับ”

“เจ้านายคุณค่ะ สืบทุกอย่างว่าเขากำลังทำอะไร โดยเฉพาะเรื่องของฉัน ฉันอยากรู้อย่างละเอียด ทั้งหมด”

คนกลางที่รับใช้เจ้านายเป็นหลักขยับตัวอึดอัด เขาพอจะรู้ว่าท้ายที่สุดคงไม่แคล้วตามน้ำ ตามคำสั่งของเขียนจันทร์อยู่ดี

“คุณเขียนจันทร์ไม่อยากให้ผมอายุสั้นใช่ไหมครับ”

“แล้วถ้าฉันจะไม่กลับไปหาเจ้านายคุณ ไม่ให้อภัยตลอดชีวิต คุณก้องจะเลือกอะไรคะ”

“ดูท่าผมจะไม่มีทางเลือก” ศดาธรคอตก น้ำเสียงอ่อย เรื่องในครั้งนี้เกียรติยศก็ต้องร่วมในการเป็นสายสืบเฉพาะกิจครั้งนี้ด้วยไปโดยปริยาย “คุณเขียนจะให้อภัยเจ้านายผมแน่นะครับ”

“ไม่ค่ะ...ฉันไม่ใช่พวกเสพติดความเจ็บปวด”

“อ้าว แล้วให้พวกผมช่วยทำไมครับ” ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังอยากเห็นเจ้านายของตนมีความสุข ความรักมันน่าจะทำให้บรรยากาศทะมึนที่รายล้อมรอบตัวรักษ์ชาติเบาบางลง และคนรอบข้างอย่างเขาก็น่าจะผ่อนคลายไปด้วย...เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อช่วย แต่ถ้ารู้ว่าไม่เกิดผลที่ดีเขาจะทำต่อไปเพื่ออะไร

“เพื่อความสะใจ...ฉันจะไม่ยอมเป็นคนโง่อีก เขาต่างหากที่ต้องโง่ให้ฉันดู ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่าจะไปจบลงที่วันไหน ฉันรู้แค่ว่าวันนี้ ตอนนี้ฉันต้องการให้เป็นแบบนั้น และถ้าเรื่องนี้คุณขุนรู้ ฉันจะไม่ข้องเกี่ยวกับเจ้านายของคุณอีกไม่ว่ากรณีใดๆ เราจะเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน...เข้าใจไหมคะ”

“ผมก็ยังไร้ทางเลือกอยู่ดี”

“รู้ใช่ไหมคะว่าคุณก้องต้องทำยังไง”

ศดาธรมองสมุดจดวิธีง้อสาวมากมายตามคำสั่งรักษ์ชาติพลางทอดถอนใจ หากเขาไม่ช่วยเหลือเจ้านายก็คงหมดหวัง แต่หากเขาบอกความลับแก่เจ้านาย ผลมันก็จะลงเอยในแบบเดิมคือศูนย์ ถึงความหวังของเจ้านายจะดูริบหรี่ แต่ถ้ามันยังมากกว่าศูนย์จุดศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นต์ เขาก็ควรก้มหน้าทำไปเพื่อเจ้านาย

“ตอนนี้คุณขุนให้ผมกับดามช่วยกันรวบรวมข้อมูลในการง้อสาววิธีต่างๆ จากหนัง จากเน็ต จากประสบการณ์ชีวิตคนจริงๆ ครับ คุณขุนจะนำไปใช้กับคุณ”

“ให้ฉันควบคุมเรื่องนี้เองได้ไหมคะ”

ศดาธรกลืนน้ำลายเอื๊อก หัวเราะจืดชืดยามวางสายหันมองเพื่อนร่วมชะตากรรมที่กำลังหัวเราะตอบกลับมา สายตามองสบกันรู้ดีว่างานนี้เจ้านายของเขาได้เสียอำนาจทางหัวใจให้กับผู้หญิงคนหนึ่งไปแล้ว เหล่าลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ก็จำต้องรับหน้าที่ยอมผู้หญิงคนสำคัญคนนั้นอย่างไร้ข้อสงสัย

...เอาวะ หักหลังเจ้านาย เพื่อความสุขเจ้านาย(สาว) ยังไงก็แค่เดี้ยง ไม่ถึงตายหรอก


ร่างบางเดินหมุนตัว มือจูงเชือกสุนัขตัวใหญ่ หยุดตรงกลาง โพสต์ท่าและหมุนตัวกลับมา เขียนจันทร์ในชุดลำลองยิ้มให้กล้องหวาน ฟังเสียงคนคุมเวทีว่าใช้ได้จึงลงจากเวทีด้วยท่าทางเป็นปกติ หญิงสาวยิ้มให้กับโชติรสที่ปรบมือรออยู่เบื้องล่าง

“เธอเก่งไม่เบาเลยนะ”

สายจูงสุนัขตัวโตพันธุ์ลาบาดอร์ส่งให้กับคนดูแล เขียนจันทร์หันมายิ้มเขินด้วยไม่เคยชินกับการยืนบนแคชวอร์ก ถึงจะเป็นแค่การซ้อมเดิน และยังเดินในงานสัตว์เลี้ยงที่จัดแสดงภายในโรงแรมของเธอ เขียนจันทร์ก็ยังไม่ชินเท่าไหร่

“ถ้าคุณโชติรสไม่ขอมา ฉันก็คงไม่ทำหรอกค่ะ”

ถึงคิววาดตะวันซ้อมออกมาในชุดใหญ่ชุดสุดท้าย เขียนจันทร์หยุดมองอยู่เบื้องล่าง ความสงสัยแล่นอยู่ในความคิด เมื่อพี่สาวของเธอไม่ได้ออกมาคนเดียว แมวขนฟูในมือสาวลูกครึ่งตาฟ้าสวยโดดเด่นน่าจับตามองยืนแข่งความสวยกับพี่ของเธอ ด้วยส่วนสูงที่สูสี และหุ่นนางแบบที่ไม่มีใครแพ้ใคร เขียนจันทร์ได้แต่สงสัยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน ถึงได้ยืนในการเดินสุดท้ายคู่กับพี่สาวเธอ

“คนๆ นี้รักษ์ชาติฝากมา”

ผู้หญิงคนนั้นที่เธอติดใจแต่แรกยิ่งดูน่าสนใจมากขึ้น เขียนจันทร์อดนึกเทียบกับตัวเองไมได้ ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นสูงกว่า สวยกว่า หุ่นดีกว่า ทุกอย่างดูดีกว่าเธอหมดนั้นทำให้ความมั่นใจที่เคยมีมาสั่นคลอน รักษ์ชาติจะพาผู้หญิงคนนี้มาหยามหน้าเธอเหรอ

เสียงคนดูคิวบอกใช้ได้ดังมา เขียนจันทร์ตั้งใจจะเดินเข้าไปเพื่อพูดคุยกับพี่สาว แต่ถ้าไม่ทันเห็นร่างสูงคุ้นตาเดินเข้ามา เสียงห้าวดังมาเข้าหูเธอ

“ยาหยีสวยมากเลยนะ”

ยาหยี! เท้าของเขียนจันทร์ชะงัก โชคดีที่เธอไม่ทันก้าวออกไปให้เป็นที่สังเกต หญิงสาวระงับใจตัวเองให้สงบนิ่งที่สุด ทั้งที่รู้ว่ามันยากแค่ไหนก็ตาม

“เรียบร้อยดีใช่ไหมครับ” บดินทร์ภัทรเพิ่งมาถึง หมอหนุ่มถามไถ่นางแบบคนเก่ง โดยไม่ทันสังเกตอาการผิดปกติของเขียนจันทร์

“เรียบร้อยดีค่ะ”

เขียนจันทร์อยากจะเบือนหน้าหนีภาพหัวร่อต่อกระซิก มีวาดตะวันยืนเท้าสะเอวมอง เห็นรักษ์ชาติแนะนำอีกฝ่ายให้รู้จัก และเธอทำได้แค่มองอยู่ไกลๆ หญิงสาวนึกชวนให้บดินทร์ภัทรออกไปข้างนอกห้องจัดเลี้ยงนี้เสียที แต่สายตาของบดินทร์ภัทรที่จ้องค้างยังร่าง ‘ยาหยี’ ของรักษ์ชาติ เขียนจันทร์ก็รู้สึกตัวเองกลายเป็นอากาศธาตุไปในทุกกรณี

หญิงสาวชะงักไปนิด ก่อนรีบปรับเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ถือสากับเรื่องใดๆ ทั้งที่หัวใจมันยังอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร วาดตะวันเดินลงมาหน้าบึ้ง ดวงตาขุ่นขวางกับอาการไม่ทุกข์ร้อนใดๆ ยามหยุดลงตรงหน้าเขียนจันทร์

“ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไงเขียน”

“ไม่นี่คะ” เขียนจันทร์ปด แต่ก็ภูมิใจที่ตัวเองยังยิ้มไม่ถือสาได้อย่างแนบเนียน

“อีกชั่วโมงเราจะกลับมานะคะ” วาดตะวันหันไปบอกกับคุณโชติรส ควงแขนน้องสาวไว้ “ไปคุยกันข้างนอกเถอะ”

บดินทร์ภัทรยืนนิ่งงันเป็นรูปปั้นหิน แม้ว่าสองสาวพี่น้องจะเดินลับหลังบานประตูห้องจัดเลี้ยงไปแล้ว โชติรสมองลูกชายตัวเองด้วยรอยยิ้มน้อย สลับกับภาพที่รักษ์ชาติกำลังพาผู้หญิงสูงชะลูดคนนั้นเดินเข้ามาหา

“ไม่ได้เจอกันนานนะคะ...บดินทร์” เสียงหวานเอ่ยทัก ริมฝีปากสวยยิ้มหวานที่สุด และในดวงตากลมโตสีฟ้าของเธอก็กำลังเปล่งประกายหวานส่งมาให้ ประกายที่แสนคิดถึง

“ผมขอตัวนะครับ” บดินทร์ภัทรหันหลังให้กับภาพอดีตของตัวเอง ชายหนุ่มไม่คิดอยากให้ความหวังกับใครอีก เขาไม่เข้าใจว่ารักษ์ชาติจะพาไรรดามาหาเขาอีกทำไม...มาในช่วงเวลานี้เขาก็พอจะรู้ว่าเพราะอะไร

ยังไงเสียเส้นทางระหว่างเขากับไรรดามันก็เป็นไปไม่ได้...ปลายทางของเขากับเจ้าหล่อนมันถึงทางตันนานแล้ว


กาแฟร้อนก็ยังไม่ทำให้วาดตะวันที่มักเดือดแทนน้องอารมณ์เย็นลง มีแต่ทำให้นางแบบสาวคุกรุ่นมากขึ้น สาเหตุไม่ใช่เพราะรักษ์ชาติควงสาวลูกครึ่งฝรั่งมาเพียงอย่างเดียวแล้ว

“นี่เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอเขียน เขาควงสาวสูงกว่า สวยกว่า เป๊ะกว่าเธอมานะ”

“เขียนจะรู้สึกโกรธก็ตอนที่พี่วาดพูดกดหันเขียนนี่แหละค่ะ” เขียนจันทร์พูดกลั้วหัวเราะ ท่าทางไม่ยี่หระใดๆ มีแต่จะทำให้วาดตะวันมองมาด้วยความหมั่นไส้มากกว่าเดิม

เขียนจันทร์นั่งพิงพนักเก้าอี้ในร้านกาแฟกรุกระจกที่ตั้งอยู่ชั้นล่างของโรงแรม มองพี่สาวหน้าเหวี่ยง กับคุณหมอหน้านิ่งไม่พูดจาอะไร บดินทร์ภัทรเพียงแค่ยิ้มบ้างพอให้รู้ว่าหูสองข้างยังทำงานปกติดีเวลาที่สองพี่น้องหันไปถามความเห็น

แต่เหมือนรักษ์ชาติจะปั่นป่วนจิตใจเธอไม่มากพอเขาถึงยังเดินนำผู้หญิงที่ชื่อไรรดามาทางนี้ เขียนจันทร์ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ พยายามจะเบือนหน้าหนี แต่ก็หนีไม่พ้น

“น้องเขียนคะ” บดินทร์ภัทรเรียกเขียนจันทร์ เมื่อเห็นว่าคนสองคนกำลังมาถึงโต๊ะที่พวกเขาสามคนนั่งอยู่ จวบจนกระทั่งอยู่ในระยะได้ยิน ประโยคหนึ่งจากปากบดินทร์ภัทรก็ทำสมองคนฟังเบลอ “แต่งงานกับพี่นะคะ”

ดวงตาล้ำลึกจ้องมองเธอมา เขียนจันทร์เม้มปากเมื่อมือเย็นเฉียบของเธอจับหูแก้ววางลงบนโต๊ะ ใบหน้าตื่นตะลึง ไม่นึกฝันว่าจะเป็นอีกครั้งที่มีคนมาพูดขอเธอแต่งงาน และต่อหน้าคนอื่นอย่างไร้ที่มาที่ไป...และไร้อารมณ์ร่วม

ไม่ใช่แค่เพียงเขียนจันทร์ที่นั่งเอ๋อ หน้างงงันสุดชีวิต แม้แต่วาดตะวันเองพอพบว่าน้องสาวของเธอถูกขอแต่งงานต่อหน้าผู้ชายตัวร้ายที่ขยันทำร้ายจิตใจน้องสาวเธอนั้น เป็นวาดตะวันเองที่กระโดดร่วมวง

“ถ้าไม่แต่งก็โง่สิคะ ผู้ชายดีๆ แบบคุณชายหาไม่ได้อีกแล้ว...จริงไหมเขียน”

วาดตะวันแตะแขนน้องสาวกระตุ้นให้รีบตอบ ในขณะที่สายตาเขียนจันทร์ไปหยุดลงที่ผู้ชายตัวโตอย่างรักษ์ชาติ เขายืนรออะไรสักอย่าง ในขณะที่แขนของเขามีมือของไรรดาเกี่ยวคล้องอย่างสนิทสนม เธอสบตาเขาแล้วไม่รู้ว่าคิดอะไร...เธอรู้แค่ว่าหากเป็นรักษ์ชาติคนก่อน เขาจะล้มโต๊ะ แล้วกระชากเธอออกไป

รักษ์ชาติคนนั้นคงไม่อยู่ให้เธอรู้จักอีกแล้ว คำว่ารักเมื่อสามวันก่อนนั้น คงเป็นมลพิษในอากาศ

“ค่ะ...คนดีๆ อย่างคุณชาย ใครทิ้งไปก็โง่เต็มทน”

รอยยิ้มของเธอคงดูฝืดเฝื่อนเต็มที แต่ปากเธอก็ยังพูดอะไรที่ตรงข้ามกับใจ...ไม่รู้ทำไม ยิ่งเธอทำแบบนี้ เหมือนมีแค่เธอที่เจ็บ ไม่มีความสุขสักนิด


เสียงเพลงดนตรีในจังหวะผ่อนคลาย ชุดที่ใส่เป็นชุดคล้ายเดินชายหาดท้าลมร้อน บนคอเขียนจันทร์สวมพวงมาลัยดอกกล้วยไม้ มือจับเชือกจูงน้องหมาตัวโตเดินบนเวทียกพื้น เขียนจันทร์เดินกลับมาหลังเวทีหลังจากเดินเสร็จ สวนกับพี่สาวและไรรดาที่เดินเฉิดฉายออกไป เสียงผู้ดูแลกระซิบกระซาบตามนิสัยขาเม้าท์

“งานนี้โชคดีจริงๆ ที่มีทั้งน้องวาด น้องยาหยีมาเดินให้ รู้ไหมน้องยาหยีเป็นไฮโซ บ้านเขามีกาสิโนใหญ่อยู่อังกฤษ ได้ข่าวว่าเพิ่งลงเครื่องมาเมื่อวานนี้เอง”

คนที่ไม่ถูกพูดถึงยืนเงียบเก็บข้อมูล เขียนจันทร์ไมได้รู้สึกน้อยใจที่ตัวเองไม่ได้ถูกกล่าวถึง เพราะเธอไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานสายนี้ เธอก็แค่ช่วยงานโชติรสเล็กๆ น้อยๆ หลังจากพวกเขาสู้มาเหนื่อยเพื่อจักรตรากูลไม่น้อยเลย

เสียงแขกเหรื่อปรบมือกราว ส่วนใหญ่ต่างคุ้นหน้าวาดตะวันเป็นอย่างดีเพราะออกตามหน้าจอ อยู่ในข่าวบ่อย ทั้งยังมีข่าวกับหนุ่มน้อย ดาราดังเป็นประจำ เขียนจันทร์แอบมองอยู่ทางด้านหลัง ดูใบหน้าของรักษ์ชาติที่นิ่งสงบ มีความชื่นชมอยู่ในดวงตา สายตาแบบนั้นเขียนจันทร์รู้สึกว่าเธออยากให้เขามีให้เธอคนเดียว

หญิงสาวพยายามเก็บความขุ่นใจไว้ ย้ำเตือนว่าที่ผ่านมาเธอกำลังโกรธ และคิดจะตัดเขาออกจากวงโคจรในชีวิต ถึงแม้เธอจะกลั่นแกล้งเขาด้วยวิธีการง้อ ซึ่งรักษ์ชาติก็เพิ่งทำไปได้ไม่เท่าไหร่ เธอบอกให้ศดาธรส่งข้อมูลการง้ออย่างปกติที่เขาจะง้อด้วยการให้ช่อดอกกุหลาบ เธอก็แกล้งเปลี่ยนเป็นให้ต้นมะลิกระถาง วันรุ่งขึ้นเธอก็ได้รับมันในออฟฟิศ ส่งกลิ่นอวลไปทั่วห้องอย่างกับประชดกันก็ไม่ปาน

ส่งมาแค่ของแต่ตัวไม่มา...นิสัยคน เขียนจันทร์ยิ่งนึกยิ่งพาล การหันหลังให้กับการมองเห็นรักษ์ชาติอยู่ในสายตาต่อไปจึงดีที่สุด แต่พอเธอหันหลังไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงฮือฮาจากผู้ชมก็ดังขึ้น ภาพความวุ่นวายด้านหน้าเวทีคือสุนัขตัวอ้วนพันธุ์ปั๊กตื่นคน และใช้แรงฉุดไรรดาจนตกเวที คนที่น่าจะมารับร่างเพรียวนั้นทีแรกเธอเข้าใจว่าเป็นรักษ์ชาติ แต่พอเพ่งมองดูจึงพบว่าเป็นบดินทร์ภัทร เขาตระกองกอดร่างนั้นไว้แนบอก สีหน้าแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด เขียนจันทร์มองภาพนั้นด้วยความสงสัย

...หรือว่าไรรดาจะเป็นผู้หญิงคนนั้นของบดินทร์ภัทร

เขียนจันทร์เรียบเรียง เก็บข้อมูล และความสงสัยไว้ในหัว เมื่อรักษ์ชาติจัดการอุ้มหมาอ้วนตื่นเวทีเข้ามาด้านหลัง ตัดปัญหาชุลมุนด้านหน้าให้กลับสู่ความปกติ รักษ์ชาติหัวเราะน้อยๆ ตอนเห็นเขียนจันทร์ยังทำหน้าคลางแคลงใส่

“มองหน้าผมแบบนี้เดี๋ยวผมก็รักซะหรอก”

เขียนจันทร์ตีเพียะไปบนต้นแขนคนนิสัยเปลี่ยน ลืมเว้นช่องว่างที่เธอเคยตั้งปฏิญาณไว้ในใจว่าจะห่างรักษ์ชาติไปเสียสนิท อดไม่ได้ที่จะถามจริงๆ

“คุณไรรดาไม่ใช่แฟนคุณเหรอ”

“แฟนผมอยู่นี่” รักษ์ชาติยื่นหน้ามาใกล้ มองสบผู้หญิงที่ไม่ได้โดดเด่นที่สุดในงาน แต่ดึงดูดใจที่สุดของตนไว้ด้วยรอยยิ้ม เห็นว่าแก้มอีกฝ่ายขึ้นสีจึงเว้นที่ให้เขียนจันทร์ได้หายใจหายคอขึ้นมา “ผมกลัวว่าใครแถวนี้จะหนีไปแต่งงาน เลยหาคนมาขวางสักหน่อย”

รักษ์ชาติกระตุกยิ้มร้าย ส่งเสียงหึยามเห็นภาพที่บดินทร์ภัทรช้อนตัวนางแบบสาวเดินกลับเข้ามาด้านหลังเวที หลังจากไรรดาลุกขึ้นเดินเองไม่ไหว

“เขาสองคนรักกันเหรอคะ”

“ผมไม่รู้...แล้วคุณล่ะ รักผมไหม”

เธอเกลียดรักษ์ชาตินิสัยนี้จริงๆ...ศดาธรเอาอะไรกรอกใส่หัวรักษ์ชาติบ้าง ผู้ชายคนนี้ถึงได้ยิงหมัดทุกเม็ดไม่มีปล่อยพลาดเลย เขียนจันทร์เชิดคอมองค้อน อดไม่ได้ที่ใจอันหนักอึ้งเบาลงเกือบจะลอย ความน้อยอกน้อยใจ เหวี่ยงๆ วีนๆ ภายในมลายไปในอากาศ

“ใครจะรักคนร้ายกาจอย่างคุณ อย่ามาใส่หน้ากากหลอกให้ฉันตายใจเลย ฉันไม่โง่ไปรักคนอย่างคุณหรอก”

“ผมรู้ใจคุณดีที่สุดนะเขียน รู้ว่าคุณรู้สึกยังไง คุณก็แค่กำลังกลัว” รักษ์ชาติยกเจ้าสุนัขตัวอ้วนใหญ่ยกขึ้นสูง ปากยาวยื่นของมันอยู่ระดับใบหน้า “จริงไหม เด็กขี้กลัว”

แผล็บ...ลิ้นยาวยื่นสีชมพูอมแดงยื่นยาวออกมาเลียหน้าคนอุ้ม เขียนจันทร์หลุดขำออกมากับสีหน้าปูเลี่ยนกึ่งบึ้ง กึ่งยิ้ม รีบยื่นตัวอ้วนในมือออกสุดแขน เกินระยะที่ลิ้นยาวจะมาสัมผัสหนืดๆ บนหน้าได้อีก

“จูบมันสิ...มันจะได้ไม่กลัว” เขียนจันทร์กลั้วหัวเราะ เอ่ยล้อเลียน

รักษ์ชาติหรี่ตามองคนออกปาก และไม่ให้เขียนจันทร์ได้ตั้งตัว เจ้าสุนัขตัวอ้วนในมือก็ถูกยื่นไปบนหน้าคนสั่งการ หน้าที่แต่งอย่างอ่อนถูกเลียแผล็บจากน้องหมาตัวเดียวกัน เขียนจันทร์แย่งเจ้าปั๊กมาอุ้มเอง มองค้อนคนแกล้งดวงตาวาววับที่กำลังหัวเราะอย่างสะใจ

“สนุกเหรอคุณ...ฉันเพื่อนเล่นคุณหรือไง”

“ก็ผมอยากจูบคุณ คุณก็คงไม่ให้ ก็เลย...” รักษ์ชาติพยักหน้าไปยังเจ้าน้องหมาหัวเล็ก ก่อนไหวไหล่ด้วยท่าทางกวนประสาทที่สุด เขียนจันทร์ฮึ่มฮั่มในคอ เห็นสายตาทีมงานหลายชีวิตมองมายิ้มๆ ก็ได้แต่หุบปากปิดเงียบ มีเพียงแก้มที่ขึ้นสีชมพูอ่อนให้คนอยากจูบมองด้วยสายตาพอใจ

“คุณไม่อยากเห็นพี่ชายร่วมโลกผู้แสนดีวิเศษวิโสในสามโลกของคุณมีความสุขเหรอ” รักษ์ชาติอวยบดินทร์ภัทรได้อย่างเกินจริงหูคนฟัง เขียนจันทร์ย่นจมูกหมั่นไส้ แต่ไม่นำพาต่อคนช่างเหน็บ “มาช่วยกันไหม ผมรู้ว่าคุณไม่ได้อยากแต่งงานประชดผมหรอก โกรธส่วนโกรธ อย่าประชดเลยนะ ถ้าคุณยังทำวันนั้นผมอาจเลือดขึ้นหน้าฉุดคุณไปเป็นสาวป่าสาวดอยสาวติดเกาะ”

เขียนจันทร์กัดฟันกรอด อยากกางเล็บเจ้าปั๊กข่วนหน้าคนพูดสุภาพแต่ไม่ทิ้งลายร้ายกาจในประโยค แต่เมื่อเห็นบดินทร์ภัทรกำลังนั่งชันเข่า ตรวจข้อเท้าไรรดาไม่ไกลกันนั้น เขียนจันทร์ก็รู้สึกว่าเธออยากช่วยเหลือพี่ชายร่วมโลกแสนดีของเธอจริงๆ

“ไว้เดี๋ยวมาคุยกัน คุณออกไปยืนหน้าบึ้งๆ ก่อน”

“ทำไมต้องหน้าบึ้ง”

“ก็ถ้าคุณยิ้มแล้วคุณสวยมาก...ผมหวง”

“ถ้าฉันไม่ยิ้มฉันไม่สวยหรือไง” เขียนจันทร์แกล้งรวน แต่ก็ต้องหุบปากฉันเมื่ออีกฝ่ายลอยหน้าลอยตาตอบมาให้อายม้วนต้วน

“ยังไงคุณก็สวยที่สุดในสายตาผมอยู่แล้ว...ผมแค่ไม่อยากให้คนอื่นมาหลงความสวยของคุณอีก”

เขียนจันทร์มองค้อนคนพูด แต่เมื่อออกไปยืนเคียงข้างพี่สาวแทนไรรดา เธอก็ทำในสิ่งที่รักษ์ชาติสั่งห้าม แก้มสองข้างแทบปริแตกเลยทีเดียว ไม่ได้ยิ้มเพราะสัตว์น้อยใหญ่ในงานการกุศลสัตว์นี้ แต่เป็นเพราะผู้ชายห่ามๆ ที่ใช้คำพูดอะไรไม่รู้มาปั่นป่วนเธอ

เธอนี่นะสวย...มุกนี้ช่างเกินจริง แต่ก็ชอบล่ะนะ

แต่ปากหวานแบบนี้ จะไปหวานใส่ใครอีกไหมล่ะ ตอนพ่อเจ้าประคุณปากหนักหารถเครนมายกยังไม่ออก ปุบปับเปลี่ยนแบบนี้...มีแต่ไม่น่าไว้ใจมากขึ้น

“มีเรื่องอะไรดีๆ หลังเวทีหรือเปล่า” วาดตะวันมองอาการน้องสาวอย่างแปลกตา เพราะมันดูอิ่มเอิบเกินปกติ รักษ์ชาติเองก็ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างไรรดา แต่ก็มีหลายครั้งที่คอยมองมา มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างกับพอใจอะไรสักอย่าง

“ไม่มีนี่คะ ก็เหมือนเดิม”

“เหมือนเดิมเนอะ” วาดตะวันเหยียดปากยิ้มหมั่นไส้ แต่การเห็นน้องสาวสดใสขึ้นย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ


งานใกล้จะเลิกเขียนจันทร์ก็พบว่ามีกล่องกระดาษกล่องหนึ่งส่งตรงมาหาเธอ นราทำหน้ายิ้มแย้มแบกกล่องอยู่ตรงประตูทางออก มีศดาธรกับเกียรติยศอยู่ไม่ไกล และทาทางเจ้ากล่องกระดาษนี้สองคนนี้คงจะจัดการมาให้เธอ

“ของคุณเขียนนะคะ”

“เอาอะไรมาให้อีกล่ะคะ” เขียนจันทร์ถามคนที่กลายเป็นสายสืบลับๆ ของเธอทั้งสอง สองหนุ่มคนสนิทของรักษ์ชาติหัวเราะหึๆ ไม่ยอมตอบ

หญิงสาวรับกล่องมาถือ รู้สึกถึงอะไรขยุกขยิกอยู่ในกล่อง หัวคิ้วขมวดมุ่น เธอวางกล่องลงบนพื้น เปิดกล่องออกพบหมาปั๊กตัวอ้วนผูกโบแดงตามกล่องของขวัญที่คอ รอบตาเขียนปากกาสีดำเป็นหมีแพนดา มีกระดาษแขวนมากับปลอกคอน้องหมาปั๊กให้เธอได้อ่านไปยิ้มขำไป

‘เจ้าอ้วนตัวนี้น่ารักดี ท่าทางมันจะกินจุด้วย โชคดีที่มันเป็นตัวเมีย ผมเลยไม่ต้องมานั่งหึง นานแล้วนะที่ผมไม่เห็นคุณเลี้ยงสัตว์ ผมอยากจูบคุณ แต่ไม่อยากวูบบ่อยๆ ให้คุณโกรธ ฝากปั๊กอ้วนนี่ให้จูบคุณแทนได้ไหม หมานี่น่าสงสารนะ ถูกเลี้ยงในฟาร์มมาตั้งนานจนโต ก็ยังไม่มีใครเอาไปเลี้ยง เหมือนผมเลย...ผมจะพยายามต่อไปนะเขียน’

“บ้า แม้แต่หมายังหึง” เขียนจันทร์อุ้มเจ้าอ้วนปั๊กที่กำลังจะยืนด้วยสองขา มองสุนัขโตแล้วได้แต่นึกขวางใส่ เอาตัวเองไปเทียบกับน้องหมาเรียกคะแนนสงสาร แต่เธอกลับขำยังไงบอกไม่ถูก ทันทีที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองผู้ร่วมเหตุการณ์อีกสาม เห็นสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขเธอก็รีบกระแอมไอปรับสีหน้านิ่งทันควัน

“ตั้งชื่อมันไหมคะ”

“มูน” เขียนจันทร์ลูบหัวมันเล่น คิดถึงม้าหุ่นสง่าในอดีต สัตว์เลี้ยงตัวเดียวที่เธอเลี้ยง และรักเหมือนมนไม่ใช่ม้า แต่เป็นเพื่อนหนึ่งเดียวที่เธอมี เจ้าหมาอ้วนเลียมือบางอย่างน่ารัก ทำจมูกฟุดฟิดได้อย่างน่าชัง

อ้วนขนาดนี้...เธอคงต้องพาวิ่งออกกำลังกายบ่อยๆ เชียวล่ะ

“ชอบไหม” น้ำเสียงห้าวดังกระซิบจากด้านหลัง เขียนจันทร์ยืนตรง ไม่กล้าหันไปให้รักษ์ชาติฉวยโอกาสฟุดฟิดเป็นจมูกหมามูนที่สอง

“ใครชอบ...นี่มันภาระเลยนะคะ” เขียนจันทร์พยายามมองหา ‘คนอื่น’ อาจเป็นเลขานุการิณีของเธอ หรือจะคนสนิทของรักษ์ชาติทุกคนต่างหายตัวหลบฉากไปจากที่นี่อีกแล้ว

“ผมรู้ว่าคุณจะเลี้ยงเจ้าอ้วนนี่ได้ดี”

หญิงสาวเกลียดคนรู้ทัน เขียนจันทร์ใส่มูนไว้ในกล่องเปิดฝาไว้ ให้รักษ์ชาติอุ้ม และเดินตามเธอต้อยๆ “ฉันกับคุณต้องมีเรื่องคุยกัน...เรื่องของคุณชายน่ะค่ะ”

รักษ์ชาติหน้าบึ้งอย่างทนไม่ไหว แต่พอเห็นสายตาเอาเรื่องของเขียนจันทร์ก็รีบเก็บอาการนั้นไว้ แสดงออกเพียงการยอมรับและจำนนในทุกกรณี และนั่นยิ่งสร้างความพอใจของเขียนจันทร์ให้รู้สึกว่าเกมครั้งนี้...เธอจะไม่แพ้

“แล้วแต่คุณเลย คุณอยากรู้อะไร ผมจะบอกคุณหมดเปลือก”

..............................................

คุณ ร้อยวจี ศึกนอกจะจบแล้วค่ะ เหลือเขียนเอาคืนขุนล้วนๆ ฮา

คุณ konhin ทีนี้หัวเราะทีหลังดังกว่าค่ะ ฮา ขุนห่ามๆ ใส่ไม่ได้แล้ว อิอิ

คุณ อัศวินนภา เจ้าขุนคิดได้ ตอนนี้ก็เหลือเขียนว่าจะยอมเมื่อไหร่ ใจให้ไปอยู่แล้ว เหลือปากที่ยังไม่บอกว่ายอม ฮา

คุณ ใบบัวน่ารัก ฮา เจ้าขุนอยู่ที่ไหน พระเอกดีๆ วงแตกที่นั่น ต้องมาลุ้นว่าจะเป็นพระเอกที่ดีของเขียนได้ตลอดรอดฝั่งไหมนะคะ ขนาดดีก็ยังมีแอบหลุดเจ้าขุนฉบับแท้ๆ มาบ้างเลย ให้เป็นขุนลูกผสมดีกว่า (นี่คนเหรอ) ฮา เขียนช้ำมาเยอะ เป็นโสรยามานาน กำราบตัวร้ายสักที

ขอบคุณทุกความเห็น ทุกไลค์ และนักอ่านทุกท่านนะคะ จากนี้จะคืนความหวานให้แล้ว หลังจากเก็บยึดมานาน อิอิ



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2557, 18:24:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มิ.ย. 2557, 18:29:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1772





<< บทที่ 20 : เปลี่ยนไปแล้ว   บทที่ 22 : เข้าหาครอบครัว >>
ร้อยวจี 11 มิ.ย. 2557, 19:32:01 น.
รอนะคะ ค่าคิดก็สนุกแล้วค่ะ


mhengjhy 11 มิ.ย. 2557, 20:18:38 น.
5555 เต็มที่เลยคุณเขียน


อัศวินนภา 11 มิ.ย. 2557, 20:54:14 น.
เริ่มน่ารักแล้ว ตั้งแต่อ่านเจ้าขุนกับหนูเขียนมา เพิ่งได้หวาน อ่านแล้วยิ้มแก้มปริก็ตอนนี้แหละ คิดว่าจะไม่มีซะแล้ว


ใบบัวน่ารัก 11 มิ.ย. 2557, 21:21:46 น.
งอนหรือเขียน
งง กะลำดับเหตุการณ์ โรงแรมเขียนกะระเบิดที่จีน
โลกรู้เจ้าขุนรู้ทุกเรื่องจริงๆๆ
หมาอ้วนตัวนี้อายุเท่าไรแล้ว แก่มากไหมเป็นหมาโตแล้วหรือ
ลูกขุนน่าจะชอบ เปลี่ยนชื่อเป็นลูกหมู ดีไหม หมาน้อยนะนะ


konhin 11 มิ.ย. 2557, 22:30:09 น.
เฮ้อ เขียนนะเขียน ทำไมงอนได้ไม่เต็มที่แบบนี้


นักอ่านเหนียวหนึบ 11 มิ.ย. 2557, 23:43:48 น.
ถ้าตัดทุกๆ ตอนออก แล้วเหลือแค่สองตอนสุดท้ายนี่ จะหลงรักเจ้าขุนอย่างจิงจังเลยคะ
แต่อย่างว่าเนอะ เราไม่ใช่หนูเขียนนิ ที่ได้ร่วมหัวจมท้ายกับฮีมานมนาน ไม่เข็ดหลาบ เจ็บปวดอะไร หุๆ ขอหลบไปทำใจกับความใจอ่อนของหนูเขียนแป้บ คนโง่ เอ้ย คนซื่อ ยังไงก็ซื่ออยู่วันยันค่ำ 555


ผักหวาน 18 มิ.ย. 2557, 22:10:18 น.
วุ้ย....อีตานิสัยเปลี่ยน 555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account