อ้อนรักเดิมพันหัวใจ (สนพ.กรีนมายด์)
เพราะการพบกันครั้งแรกเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจสำหรับ “ศันลิตา” หญิงสาวสวยน่ารักเจ้าของร้านหนังสือจึงทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ “กฤตตะวัน” หนุ่มหล่อขี้เก๊กเจ้าแผนการ โดยไม่รู้ว่าเขาคือทายาทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง เพราะความจำเป็นทำให้กฤตตะวันต้องเข้ามาเป็นพนักงานขายในร้านหนังสือเพื่อแลกกับความช่วยเหลือบางอย่างจากศันลิตา เกมรักที่มีหัวใจเป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับความจริงซึ่งนำพาไปสู่อันตราย
“พูดแบบนี้แสดงว่าคุณไม่กล้าเดิมพันกับผม เพราะกลัวว่าจะหลงรักผมใช่มั้ยล่ะ” กฤตตะวันถามพลางมองสบตาหญิงสาวอย่างท้าทาย
“อย่างฉันเนี่ยนะต้องกลัวหลงรักคุณ รู้จักศันลิตาน้อยไปซะแล้ว ตกลงฉันรับเดิมพันกับคุณแต่ถ้าครบกำหนดสามเดือนแล้วคุณไม่สามารถทำให้ฉันพูดว่ารักคุณได้ ต่อไปคุณห้ามมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีกนะ” ศันลิตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะที่กฤตตะวันคลี่ยิ้มอย่างสมหวังดวงตาคู่คมเป็นประกายพราวระยับเมื่อโน้มใบหน้าคมเข้มลงมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูหญิงสาวอย่างใกล้ชิดว่า
“ตกลงตามนั้นและนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณหลงรักผมแล้วนะศันลิตา”
เดิมพันหัวใจครั้งนี้ใครจะแพ้ ใครจะชนะ ใครเจ้าเล่ห์กว่าใครในเกมรัก เชิญร่วมลุ้นไปกับพวกเขาใน “อ้อนรักเดิมพันหัวใจ” ค่ะ

ขอแจ้งให้นักอ่านทราบล่วงหน้าว่านิยายเรื่องนี้จะลงเนื้อเรื่องเพียงแค่ 60% เท่านั้น ไรเตอร์จะทยอยอัพให้อ่านวันละตอนนะคะ เนื่องจากนิยายได้รับการตีพิมพ์แล้วจะวางแผงในเดือนมิถุนายน 2257 นี้ค่ะ ใครสนใจสั่งจองได้ที่เว็บกรีนมายด์เลยนะคะ

Tags: รัก, กุ๊กกิ๊ก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 9

ศิริวรรณกับเพทายเล่าเรื่องที่เกศวรางค์กับกฤตตะวันต้องการขอความช่วยเหลือจากศันลิตาให้พนักงานในร้านฟัง ซึ่งทุกคนต่างก็แสดงความรู้สึกเห็นใจเมื่อได้รู้ความจริงว่าสองพี่น้องเป็นใคร

“ขอให้ยัยต้ายอมช่วยพี่เกศกับคุณกฤตทีเถอะ” เพทายพูดซึ่งทุกคนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยและต่างก็วิพากษ์วิจารณ์คนที่ทุจริตการซื้อวัสดุก่อสร้างว่าใจร้ายมากเพราะเอาวัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานมาก่อสร้างคอนโดมิเนียมโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเลย

“สวัสดีตอนเย็นครับทุกคน”

เสียงทักทายคุ้นหูที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนที่กำลังยืนพูดคุยกันอยู่ชะงักทันที ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงซึ่งก็คือศุภโชคที่หายหน้าหายตาไปนานหลายวันแล้วนับตั้งแต่วันที่เขามาโวยวายใส่ศันลิตา จนกระทั่งหญิงสาวต้องเดินหนีไปหลบอยู่ที่ร้านบุหงาหอมเทียนเพราะความรำคาญ วันนี้ชายหนุ่มมาพร้อมกับถุงขนมเต็มมือและช่อกุหลาบสีแดงอีกหนึ่งช่อ

หลังจากที่ทักทายศุภโชคแล้วชัยพร วีณา และแพร ต่างก็แยกย้ายกันไปดูแลลูกค้าทันทีปล่อยให้หน้าที่พูดคุยกับชายหนุ่มเป็นของศิริวรรณกับเพทาย

“วันนี้ผมซื้อขนมมาฝากทุกคนเยอะแยะเลยเจ้านี้อร่อยมากเลยนะครับ” ศุภโชคบอกศิริวรรณกับเพทายพลางวางถุงขนมลงบนเคาเตอร์

“พี่ขอบคุณแทนทุกคนด้วยนะคะ” ศิริวรรณกล่าวคำขอบคุณชายหนุ่มแทนทุกคน

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมเอาดอกไม้มาขอโทษคุณต้าเรื่องที่ผมเข้ามาโวยวายใส่คุณต้าเมื่อหลายวันก่อนด้วย แล้วตอนนี้คุณต้าอยู่ที่ไหนล่ะครับ” ท้ายประโยคศุภโชคถามพลางกวาดสายตามองหาศันลิตาไปด้วย

“ต้าเค้าอยู่ในห้องทำงานค่ะ แต่ว่า...” ศิริวรรณพูดยังไม่ทันจบประโยคศุภโชคก็พูดแทรกขึ้นทันที

“ถ้าอย่างงั้นผมขอเอาดอกไม้เข้าไปขอโทษคุณต้าก่อนนะครับ” เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็ก้าวยาวๆ ตรงไปที่ประตูหลังร้านทันที ศิริวรรณกับเเพทายพยายามจะเรียกชายหนุ่มเอาไว้แต่ก็ไม่ทันเพราะเขาเปิดประตูแล้วก็ก้าวตรงไปทางห้องทำงานส่วนตัวของศันลิตาอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของหญิงสาวศุภโชคก็ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปทันทีพร้อมทั้งส่งเสียงทักทายอย่างร่าเริง

“สวัสดีตอนเย็นครับคุณ...” ศุภโชคชะงักค้างและเบิกตากว้างทันทีเมื่อเห็นว่าศันลิตาไม่ได้นั่งอยู่ภายในห้องตามลำพัง หากแต่มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย

ศันลิตาขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่ถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้ามาโดยไม่มีการเคาะประตูขออนุญาตก่อนคือศุภโชค ในขณะที่กฤตตะวันเลิกคิ้วเข้มขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อหันกลับไปเห็นใบหน้าของชายหนุ่มคนที่กำลังยืนถือช่อกุหลาบสีแดงอยู่ที่ประตูห้องถนัดตา

“แกนี่เองที่มาจีบคุณต้าของฉัน” ศุภโชคพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวและโดยที่ไม่มีใครคาดคิดเขาก็ปราดเข้ามาถึงตัวกฤตตะวันอย่างรวดเร็วก่อนจะเงื้อกำปั้นขึ้นซึ่งเป้าหมายก็คือใบหน้าของกฤตตะวันนั่นเอง

“อย่านะคุณโชค!” ศันลิตารีบร้องห้ามเสียงหลงแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว

ขวับ!!! หวืด!!!

“โอ๊ยยยยย!!!”

ถ้าใครคิดว่าเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดนี้เป็นเสียงของกฤตตะวัน ศันลิตาขอบอกว่าคนๆ นั้นเข้าใจผิดอย่างมหันต์ เพราะนี่คือเสียงร้องของศุภโชคซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเหวี่ยงกำปั้นเข้าใส่ใบหน้าของกฤตตะวัน แต่ทว่าพลาดเป้าเพราะชายหนุ่มเอียงตัวหลบได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะลุกขึ้นยืนคว้าแขนข้างนั้นของศุภโชคเอาไว้แล้วจับบิดไขว้ไปไว้ด้านหลังของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าถ้าใครกะพริบตาก็คงจะดูไม่ทันอย่างแน่นอน

กฤตตะวันมองหน้าชายหนุ่มที่บังอาจจะมาลูบคมเขาด้วยดวงตาวาวโรจน์พลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สั่นประสาทคนฟังว่า

“นายกล้าดียังไงถึงจะมาชกหน้าฉัน ถ้าหน้าฉันมีริ้วรอยแม้แต่นิดเดียวฉันรับรองได้เลยว่าแขนนายได้เข้าเฝือกแน่นอนศุภโชค”

“โอ๊ยยยยย! ปล่อยฉัน! ฉันเจ็บนะไอ้กฤตตะวัน” ศุภโชคร้องลั่นด้วยสีหน้าเจ็บปวด จึงทำให้ศันลิตาได้สติหลังจากที่ยืนตกตะลึงเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ก่อนที่ใครต่อใครจะพากันวิ่งเข้ามาในห้องทำงานของหญิงสาวเพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของศุภโชค

“เกิดอะไรกันขึ้นน่ะ” เกศวรางค์ซึ่งเปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดีถามขึ้นด้วยท่าทางตกใจเมื่อเห็นน้องชายกำลังจับแขนชายหนุ่มอีกคนบิดไขว้หลังเอาไว้แน่น

“คุณกฤต ปล่อยคุณโชคก่อนเถอะค่ะ” ศันลิตาบอกชายหนุ่ม

“นั่นสิคะ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันนะคะอย่ามีเรื่องกันเลยค่ะคุณกฤต” ศิริวรรณขอร้องอีกคน กฤตตะวันจึงยอมปล่อยแขนศุภโชคแต่โดยดีพลางผลักอีกฝ่ายออกห่างจากร่างสูงของเขา ก่อนที่ศิริวรรณจะหันไปบอกน้องสาว

“พาคุณโชคออกไปข้างนอกก่อนเถอะต้า”

“ค่ะ” ศันลิตารับคำพี่สาวเบาๆ ก่อนจะเดินมาจับแขนศุภโชคให้เดินตามออกไปข้างนอก ชัยพร วีณา และแพรจึงรีบเดินตามทั้งสองคนออกไปด้วยเพราะทุกคนต่างก็ทิ้งหน้าร้านวิ่งเข้ามาข้างในกันหมดเมื่อได้ยินเสียงร้องของศุภโชค เหลือเพียงเกศวรางค์ ศิริวรรณ และเพทายเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ในห้องกับกฤตตะวัน

“ตกลงเมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้นน่ะกฤต” เกศวรางค์ถามน้องชาย

กฤตตะวันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเล่าเหตุการณ์เมื่อครู่ให้ทั้งสามสาวฟัง เมื่อได้รู้ความจริงศิริวรรณก็กล่าวคำขอโทษชายหนุ่มแทนศุภโชค กฤตตะวันบอกกับศิริวรรณว่าเธอไม่จำเป็นต้องขอโทษเขาเลยสักนิดแต่เขาต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายขอโทษที่ทำให้ทุกคนในร้านต้องพลอยตกอกตกใจกันไปหมด

ชายหนุ่มเล่าให้ศิริวรรณกับเพทายฟังว่าเขากับศุภโชคเป็นเพื่อนร่วมรุ่นคนละคณะสมัยที่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย โดยกฤตตะวันเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ส่วนศุภโชคเรียนอยู่คณะบริหารธุรกิจซึ่งทั้งสองหนุ่มไม่ค่อยจะลงรอยกันนัก และปัจจุบันนี้เขากับศุภโชคก็ยังเป็นคู่แข่งทางการค้ากันด้วย เพราะสัตยา เรียลเอทสเตท กับ ทรัพย์ทวี พร็อพเพอร์ตี้ ต่างก็ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เหมือนกัน

หลังจากที่กฤตตะวันเล่าจบ เกศวรางค์ก็ถามสองสาวว่าศุภโชคกับศันลิตาเป็นแฟนกันหรือเปล่า ซึ่งเป็นคำถามที่กฤตตะวันก็อยากจะรู้คำตอบเช่นกัน ศิริวรรณจึงเล่าให้เกศวรางค์ฟังด้วยท่าทางอ่อนอกอ่อนใจว่าศุภโชคตามจีบศันลิตามานานหลายปีแล้วตั้งแต่ช่วงที่ศันลิตายังทำงานธนาคารอยู่กับเพทายจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งศันลิตาปฏิเสธศุภโชคมาโดยตลอดแต่ชายหนุ่มก็ยังตามตื๊อไม่ยอมเลิกรา

ส่วนเพทายก็เสริมคำพูดของศิริวรรณว่าศุภโชคมาคอยตามหึงตามหวงศันลิตาจนมีเรื่องโดนหญิงสาวต่อว่าไปหลายครั้งหลายหนแล้ว เมื่อโดนต่อว่าเขาก็จะหายหน้าหายตาไปสักพักจากนั้นก็จะกลับมาตามตื๊อศันลิตาใหม่เสมอ ซึ่งศันลิตาเองก็รำคาญและอ่อนใจกับศุภโชคอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่อยากจะพูดจารุนแรงกับเขามากนักเพราะรู้จักกันมานานหลายปีแล้ว

“โดนตามตื๊อแบบนี้ก็น่าเห็นใจต้าเหมือนกันนะคะ” เกศวรางค์พูดด้วยท่าทางเห็นอกเห็นใจศันลิตา

“ต้าเค้าชินแล้วล่ะค่ะ” เพทายพูดจบก็หัวเราะเบาๆ อย่างขบขัน ก่อนที่ศิริวรรณจะเดินนำทุกคนออกไปที่หน้าร้านเพราะคิดว่าศันลิตาน่าจะจัดการเรื่องศุภโชคเรียบร้อยแล้ว

“พี่เกศครับ” กฤตตะวันกระซิบเรียกพี่สาวซึ่งเดินอยู่ข้างๆ เกศวรางค์หันไปมองหน้าน้องชายพลางถาม

“ว่าไง”

“ผมตกลงจะมาช่วยขายหนังสือที่นี่ครับ” กฤตตะวันบอกพี่สาว เกศวรางค์เลิกคิ้วโก่งเรียวขึ้นพลางถามด้วยความประหลาดใจ

“อยู่ดีๆ ทำไมนายถึงตอบตกลง ก็เมื่อกี๊เห็นยังค้านพี่อยู่เลย”

“อ้าว! ก็ถ้าผมไม่มาช่วยขายหนังสือที่นี่เราจะมีคนช่วยตรวจสอบบัญชีบริษัทให้เหรอครับ” กฤตตะวันบอกพี่สาวพลางยิ้มกริ่มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ เกศวรางค์อมยิ้มทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของน้องชายก่อนจะพูดดักคออีกฝ่ายอย่างรู้ทัน

“นี่นายกำลังวางแผนอะไรอยู่ใช่มั้ย”

“ผมก็แค่นึกสนุกอยากจะลองแกล้งคนเล่นสักหน่อย ก็เท่านั้นเองครับ” พูดจบกฤตตะวันก็หัวเราะเบาๆ ในลำคอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ส่วนเกศวรางค์ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าเล่ห์ของน้องชายแต่ก็รู้สึกพึงพอใจที่เขาจะยอมมาช่วยขายหนังสือที่นี่ตามที่เธอต้องการแล้ว

ขณะนี้ศันลิตากำลังยืนกอดอกพลางมองศุภโชคด้วยสีหน้าระอาใจหลังจากที่เดินนำชายหนุ่มออกมาหยุดอยู่ที่หน้าร้าน

“คุณต้าบอกผมมานะครับ ว่าไอ้กฤตตะวันมันมาจีบคุณใช่มั้ย” ศุภโชคคาดคั้นถามเสียงเข้ม ศันลิตาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบชายหนุ่มว่า

“คุณกฤตตะวันกับพี่สาวเค้ามาคุยธุระกับฉัน พอคุยธุระเสร็จพี่สาวเค้าก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นคุณก็เปิดประตูห้องทำงานของฉันเข้าไปโดยไม่เคาะประตูก่อนแล้วคุณก็พรวดพราดพุ่งเข้าไปจะชกคุณกฤตตะวันโดยไม่ถามไถ่อะไรเลย วันนี้คุณเสียมารยาทมากเลยนะคุณศุภโชค” ท้ายประโยคหญิงสาวตำหนิเขาเสียงเข้ม ศุภโชคมีสีหน้าจืดเจื่อนลงทันทีก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อย

“ผมขอโทษนะครับคุณต้า ก็ผมนึกว่าไอ้กฤตตะวันมันมาจีบคุณ ผมก็เลย...”

“ฉันเคยบอกคุณแล้วนะคะคุณศุภโชค ว่าไม่ว่าใครจะมาจีบฉันคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาอาละวาดโวยวายในร้านของฉันแบบนี้ เพราะว่าเรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน” ศันลิตาพูดแทรกขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบประโยค

“แต่ผมเป็นห่วงคุณต้าจริงๆ นะครับ ผมกับหมอนั่นเรียนมหาวิทยาลัยรุ่นเดียวกัน ผมรู้จักนิสัยมันดีว่าเจ้าเล่ห์ขนาดไหน คุณต้าไม่ควรไว้ใจมันนะครับ” ศุภโชคพยายามใส่ไฟกฤตตะวันให้หญิงสาวฟัง ศันลิตาถอนหายใจเบาๆ อย่างเหนื่อยใจก่อนจะตัดบทโดยบอกกับชายหนุ่มว่า

“คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ วันนี้ฉันเหนื่อยกับงานมาทั้งวันไม่มีอารมณ์จะคุยอะไรกับคุณแล้ว สวัสดีนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในร้านทันที ศุภโชคเลยจำต้องเดินคอตกกลับไปที่รถของตนเองโดยไม่กล้าตามเข้าไปเซ้าซี้ศันลิตาเพราะกลัวว่าจะถูกหญิงสาวโกรธมากยิ่งกว่าเดิม

เมื่อกลับเข้ามาในร้านศันลิตาก็กล่าวคำขอโทษเกศวรางค์กับกฤตตะวันแทนศุภโชคซึ่งสองพี่น้องต่างก็บอกว่าไม่เป็นไร ก่อนจะขอตัวกลับบ้านโดยเกศวรางค์บอกว่าจะมาฟังคำตอบจากศันลิตาในวันพรุ่งนี้ ศิริวรรณกับศันลิตาจึงเดินตามออกไปส่งสองพี่น้องที่หน้าร้าน โดยศิริวรรณเดินนำหน้าพลางพูดคุยอยู่กับเกศวรางค์อย่างถูกคอ ส่วนศันลิตากับกฤตตะวันก็เดินตามหลังสองสาวไปเรื่อยๆ

“ยังไงคุณก็อย่าถือสาคุณศุภโชคเลยนะ” ศันลิตาบอกชายหนุ่มเบาๆ ในระหว่างที่เดินไปด้วยกัน

“หืม คุณเป็นห่วงกลัวว่าผมจะโกรธแฟนคุณเหรอ” กฤตตะวันแกล้งตีหน้าซื่อถามทั้งที่รู้จากศิริวรรณกับเพทายแล้วว่าศุภโชคไม่ใช่แฟนของศันลิตาแต่เขาก็ยังอยากจะแกล้งแหย่อีกฝ่ายเล่น แล้วก็เป็นอย่างที่ชายหนุ่มคาดเอาไว้เมื่อเห็นหญิงสาวหันขวับมามองเขาด้วยแววตาขุ่นเคืองพลางปฏิเสธเสียงเขียว

“คุณศุภโชคไม่ใช่แฟนฉัน”

“อ้าว! เหรอ ผมเห็นคุณเป็นห่วงหมอนั่นก็เลยนึกว่าพวกคุณเป็นแฟนกัน แต่ว่าได้ยินคุณพูดแบบนี้ผมก็ค่อยโล่งอกหน่อย” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ

“โล่งอกอะไรของคุณ” หญิงสาวถามพลางขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“เอ้า! ก็โล่งอกที่คุณกับหมอนั่นไม่ได้เป็นแฟนกันไง”

“แล้วคุณจะมาโล่งอกทำไมมิทราบ” ศันลิตาถามพลางเผลอมองค้อนชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว

“ก็โล่งอกตรงที่ผมไม่ต้องมานั่งหนักใจ คิดว่าผมควรจะสงสารคุณหรือว่าสงสารหมอนั่นดีถ้าหากพวกคุณสองคนเป็นแฟนกันจริงๆ เพราะว่าคนนึงก็ซุ่มซ่ามเฟอะฟะเป็นประจำ ส่วนอีกคนก็งี่เง่าขี้โวยวายน่ารำคาญ” พูดจบชายหนุ่มก็หัวเราะเบาๆ อย่างขบขัน ในขณะที่ศันลิตาแยกเขี้ยวใส่เขาทันทีพลางถามอย่างฉุนๆ

“พูดอย่างนี้คุณมาต่อยกับฉันเลยดีกว่ามั้ย”

กฤตตะวันมองหน้าหญิงสาวแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์พลางพูด

“ไม่ล่ะ ผมไม่ชอบใช้กำลังกับผู้หญิงแต่ถ้าให้ทำอย่างอื่นค่อยว่ากัน”

“ทำอะไรของคุณ” ศันลิตาเผลอถามออกไปแล้วก็รู้ว่าเธอพลาดอย่างมหันต์ทีเดียวเมื่อได้ยินคำกระซิบตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มจากชายหนุ่ม

“อ้าว! ก็ถ้าให้ผมจูบคุณค่อยน่าสนใจหน่อยไง” พูดจบกฤตตะวันก็รีบก้าวยาวๆ ตรงไปที่รถของตนเองซึ่งขณะนี้เกศวรางค์กับศิริวรรณเดินไปยืนรออยู่ก่อนแล้วทันที

ส่วนศันลิตาหยุดยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ก่อนที่ใบหน้าเนียนจะกลายเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ ทั้งโกรธทั้งอายกับคำพูดประโยคเมื่อครู่ของชายหนุ่ม เธออยากจะตะโกนต่อว่าเขาเสียงดังก็ทำไม่ได้เพราะอยู่หน้าร้านซึ่งมีผู้คนสัญจรไปมามากมายอีกทั้งศิริวรรณกับเกศวรางค์ก็ยืนอยู่ด้วย ดังนั้นหญิงสาวจึงได้แต่ยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันมองตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างเดือดดาลพลางบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

“ฮึ่ย! ผู้ชายบ้า! กวนประสาทขนาดนี้มันน่าช่วยมั้ยเนี่ย”

หลังจากที่รถของกฤตตะวันแล่นออกไปแล้วศันลิตากับศิริวรรณก็เดินกลับเข้าไปในร้านซึ่งขณะนี้เพทายกับคนอื่นๆ กำลังรับประทานขนมที่ศุภโชคซื้อมาฝากกันอย่างเอร็ดอร่อยทั้งสองสาวจึงเข้าไปร่วมวงด้วย

“ต้าคุยกับคุณเกศ คุณกฤตแล้ว ตกลงว่ายังไงล่ะจ๊ะ” ศิริวรรณถามขึ้น ศันลิตาจึงเล่าเรื่องการพูดคุยกันระหว่างเธอกับสองพี่น้องให้ทุกคนฟังก่อนจะสรุปว่า

“ต้าขอพี่เกศคิดดูก่อนค่ะ พรุ่งนี้ถึงจะให้คำตอบ”

“ตอบตกลงไปเลยต้า ถ้าพี่เกศจะให้คุณกฤตมาช่วยทำงานที่ร้านก็ดีสิ ได้พนักงานขายหล่อๆ มารับรองว่าดึงลูกค้าสาวๆ ได้เพียบแน่นอน ส่วนฉันก็จะได้แวะมาที่นี่เพื่อเจอกับคุณกฤตทุกวันด้วยไงจะได้สนิทกัน” เพทายแนะนำด้วยน้ำเสียงรื่นเริง ศันลิตามองค้อนเพื่อนรักอย่างหมั่นไส้พลางต่อว่า

“ให้ฉันตอบตกลงเพื่อให้เธอได้เจอหน้าผู้ชายบ่อยๆ นี่นะยัยเพทาย ไร้สาระที่สุดเลย”

“ฉันล้อเล่นหรอกน่า แต่ฉันอยากให้เธอช่วยพี่เกศกับคุณกฤตจริงๆ นะ เพราะฟังดูแล้วท่าทางพวกเค้าจะเดือดร้อนมากเลย”

“นั่นสิต้า พี่เห็นด้วยกับเพทายนะ เพราะถ้าตรวจสอบไม่ได้คนที่ทุจริตก็สบายเลย โกงเงินบริษัทไปมากแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ น่าเห็นใจครอบครัวของคุณเกศกับคุณกฤตนะ”

จากนั้นทุกคนในร้านก็ช่วยกันคะยั้นคะยอให้ศันลิตายอมช่วยเหลือเกศวรางค์กับกฤตตะวัน โดยให้เหตุผลต่างๆ นานาว่าเพื่อความยุติธรรมบ้างเพื่อมนุษยธรรมบ้าง จนกระทั่งหญิงสาวใจอ่อนตกลงใจที่จะช่วยเหลือสองพี่น้องในที่สุด

เกศวรางค์อมยิ้มอย่างนึกขำเมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นแล้วเห็นน้องชายแต่งตัวลงมานั่งรออยู่พร้อมด้วยกุญแจรถเพื่อจะไปที่ร้านมุมสบาย บุ๊ค เซ็นเตอร์ ตั้งแต่บ่ายสามโมงทั้งที่นัดกันเอาไว้ว่าจะไปประมาณบ่ายสี่โมงเย็น

“ไงจ๊ะพ่อหนุ่มน้อย ใจร้อนอยากจะรีบไปเจอหน้าสาวรึไงถึงได้รีบลงมานั่งรอพี่อยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอนนี้น่ะ” พลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวอีกตัวที่ยังว่างอยู่

“อะไรกันครับพี่เกศ ผมก็แค่ลงมานั่งเล่นเฉยๆ เพราะอยู่บนห้องไม่มีอะไรจะทำ” กฤตตะวันแก้ตัว

“เหรอ…” เกศวรางค์ทวนถามพลางแกล้งลากเสียงยาวด้วยแววตาล้อเลียนอย่างไม่เชื่อถือในคำพูดของน้องชายนัก เธอเป็นพี่สาวทำไมจะดูไม่ออกว่ากฤตตะวันเริ่มสนใจหญิงสาวสวยเจ้าของร้านหนังสือเข้าแล้ว เพราะสังเกตเห็นจากท่าทางที่เขาพูดจาเย้าแหย่และกลั่นแกล้งหญิงสาวรุ่นน้องคนนั้นซึ่งกฤตตะวันไม่เคยแสดงทีท่าแบบนั้นกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย

“ไหนๆ นายก็ลงมานั่งรออยู่แล้ว ถ้างั้นไปกันเลยดีกว่าพี่ก็อยากจะรู้เร็วๆ เหมือนกันว่าต้าเค้าจะยอมช่วยเหลือเรารึเปล่า” พูดจบเกศวรางค์ก็ขยับลุกขึ้นยืนทันที แล้วก็ต้องพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้เมื่อเห็นกฤตตะวันขยับลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่มีทีท่าลังเลแต่อย่างใด

สองพี่น้องใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็เดินทางมาถึงร้านมุมสบาย บุ๊ค เซ็นเตอร์ เมื่อเข้ามาภายในร้านหลังจากทักทายทุกคนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศันลิตาก็ให้คำตอบกับสองพี่น้องว่าเธอยินดีจะช่วยเหลือตรวจสอบบัญชีให้ซึ่งสร้างความยินดีให้เกศวรางค์กับกฤตตะวันเป็นอันมาก

กฤตตะวันบอกกับศันลิตาว่าเขาจะเตรียมเอกสารต่างๆ กับงบการเงินมาให้หญิงสาว และจะมาช่วยงานที่ร้านนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป จากนั้นสองพี่น้องก็ลากลับไป

วันรุ่งขึ้นเมื่อเดินทางมาถึงบริษัทกฤตตะวันก็เรียกดนัยเข้ามาในห้องแล้วสั่งให้เลขานุการส่วนตัวไปขอเอกสารการลงบัญชีทั้งหมดกับสำเนางบการเงินของบริษัทย้อนหลังไปอีกห้าปีจากแผนกบัญชีมาเพิ่มเติมหลังจากที่ชายหนุ่มเคยให้ดนัยไปขอมาก่อนหน้านั้นแล้วแต่ยังไม่ครบทั้งหมด โดยบอกกับเลขานุการส่วนตัวว่าเขาหาคนช่วยตรวจสอบบัญชีบริษัทย้อนหลังได้แล้ว ซึ่งดนัยก็รีบไปจัดการตามคำสั่งของกฤตตะวันทันที

หลังจากที่ดนัยออกไปจากห้องแล้วชายหนุ่มก็โทรศัพท์ไปหาฐิติวัฒน์เพื่อบอกกับเพื่อนรักว่าเขาหาคนที่จะช่วยตรวจสอบบัญชีบริษัทย้อนหลังได้แล้ว พร้อมทั้งเล่าเรื่องที่เขาได้พบกับคู่ปรับเก่าอย่างศุภโชคให้ฐิติวัฒน์ฟังด้วย คนทางปลายสายหัวเราะอย่างขบขันเมื่อรู้ว่ากฤตตะวันกำลังวางแผนจะกลั่นแกล้งศุภโชคก่อนจะแสดงความยินดีที่เขาหาคนตรวจสอบบัญชีได้แล้ว จากนั้นฐิติวัฒน์ก็ขอตัววางสายไปเนื่องจากต้องเข้าประชุมด่วน

เมื่อดนัยมาถึงแผนกบัญชีก็ได้พบกับนีรนุชสมุห์บัญชีสาวสวยของบริษัทซึ่งรีบลุกขึ้นมาต้อนรับชายหนุ่มพร้อมด้วยรอยยิ้มแสนหวานทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามาในแผนก

“สวัสดีค่ะคุณดนัย”

“สวัสดีครับคุณนีรนุช วันนี้คุณกฤตให้ผมมาขอเอกสารในการลงบัญชีกับสำเนางบการเงินของบริษัทย้อนหลังห้าปีครับ” เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาดนัยจึงรีบแจ้งความประสงค์ของตนเองกับหญิงสาวทันที

นีรนุชเลิกคิ้วโก่งเรียวที่ถูกเขียนเอาไว้อย่างเป็นระเบียบขึ้นเล็กน้อย พลางยิ้มเยือนเมื่อถามเลขานุการส่วนตัวของท่านประธานกรรมการบริษัท

“ไม่ทราบว่าคุณกฤตจะเอาเอกสารกับสำเนางบการเงินย้อนหลังไปทำไมตั้งห้าปีเหรอคะคุณดนัย”

ดนัยยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามที่เขาคาดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องเจออย่างแน่นอน ซึ่งเขาได้เตรียมคำตอบเอาไว้แล้วเช่นกัน

“สงสัยคุณกฤตคงอยากจะหัดทำบัญชีเองมั้งครับคุณนีรนุช พักนี้เจ้านายผมชอบศึกษาหาความรู้สาขาต่างๆ อยู่ตลอดเวลาเลย ผมก็ได้แต่หวังว่าคุณกฤตจะไม่ทำงานเก่งทุกอย่างจนไม่ต้องการเลขาฯ นะครับ ไม่งั้นผมคงต้องตกงานแน่ๆ”

นีรนุชหัวเราะเบาๆ กับคำพูดติดตลกของดนัยที่แอบเม้าท์เจ้านายหนุ่มลับหลัง ก่อนจะบอกกับเขาว่า

“แหม...คนเก่งแบบคุณดนัยไม่มีทางตกงานหรอกค่ะ แต่ว่าเอกสารที่คุณกฤตขอมาเยอะมากคงต้องใช้เวลาหาสักพักนะคะคุณดนัย”

“ไม่เป็นไรครับ แต่ขอให้ได้ภายในวันนี้นะครับเพราะว่าคุณกฤตต้องการด่วน” ดนัยบอกหญิงสาว

“รับทราบค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะให้เสมียนทุกคนช่วยกันจัดเตรียมเอกสารเลย ถ้าได้ครบแล้วจะรีบส่งขึ้นไปให้นะคะ” นีรนุชบอกชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดนัยจึงกล่าวคำขอบคุณหญิงสาวก่อนจะขอตัวกลับขึ้นไปทำงานต่อ

เมื่อลับร่างของดนัยใบหน้าที่ยิ้มแย้มของนีรนุชเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นครุ่นคิดขึ้นมาทันที หญิงสาวสั่งให้พนักงานในแผนกไปช่วยกันค้นหาแฟ้มเอกสารการลงบัญชีย้อนหลังในห้องเก็บเอกสารของแผนกบัญชีออกมา ส่วนตนเองก็จัดเตรียมสำเนางบการเงินย้อนหลังด้วยความสงสัยว่ากฤตตะวันต้องการจะเอาเอกสารพวกนี้ไปทำอะไร

ดนัยกลับไปรายงานกฤตตะวันว่าขณะนี้ทางแผนกบัญชีกำลังจัดเตรียมเอกสารอยู่เมื่อได้ครบแล้วจะรีบนำขึ้นมาให้ทันที ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะถามว่ามีใครสงสัยเรื่องที่เขาขอเอกสารกับงบการเงินหรือเปล่า ดนัยจึงเล่าเรื่องที่นีรนุชถามให้เจ้านายหนุ่มฟัง

“ดีแล้วที่คุณตอบคุณนีรนุชไปแบบนั้น เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะต้องไปขอเอกสารจากฝ่ายบัญชี ปล่อยให้เค้าสงสัยไปแต่ยังไงก็ต้องพยายามไม่ให้ใครรู้หรือไม่ก็รู้ช้าที่สุดว่าผมกำลังทำอะไรอยู่”

ประมาณบ่ายสามโมงเศษพนักงานจากฝ่ายบัญชีก็ทยอยขนแฟ้มเอกสารขึ้นมาให้กฤตตะวันเป็นจำนวนมาก เมื่อเห็นแฟ้มเอกสารทั้งหมดชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันทีเพราะกลัวว่าศันลิตาจะตรวจสอบบัญชีบัญชีย้อนหลังให้ไม่ไหวเนื่องจากมีเอกสารมากมายเสียจนชายหนุ่มเองยังรู้สึกท้อใจตั้งแต่ได้เห็น

“คุณกฤตจะขนแฟ้มพวกนี้ไปที่รถทั้งหมดเลยมั้ยครับ” ดนัยถามเมื่อพนักงานจากแผนกบัญชีกลับไปหมดแล้ว กฤตตะวันนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบเลขาส่วนตัวว่า

“ไม่ดีกว่าถ้าผมขนเอกสารพวกนี้ไปขึ้นรถทั้งหมดคนที่เห็นจะต้องสงสัยแน่นอนว่าผมจะขนไปทำอะไร ผมว่าค่อยๆ ทยอยเอาไปดีกว่าจะได้ไม่เป็นจุดสนใจมากนัก วันนี้ผมจะเอาเอกสารกับงบการเงินของปีที่แล้วไปก่อนคุณช่วยจัดแยกออกมาให้ผมด้วย”

ดนัยพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับความคิดของเจ้านายหนุ่ม จากนั้นกฤตตะวันก็สั่งให้เลขาส่วนตัวช่วยจัดเอกสารกับงบการเงินของเมื่อห้าปีที่แล้วแยกออกมาก่อนเพื่อที่วันนี้เขาจะได้นำไปให้ศันลิตาเริ่มตรวจสอบ หลังจากดนัยจัดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ได้แฟ้มที่จะต้องขนไปในวันนี้พร้อมกับงบการเงินรวมทั้งหมดสิบแฟ้ม กฤตตะวันขยับลุกขึ้นยืนพลางบอกกับเลขาส่วนตัวว่า

“วันนี้ผมกลับเลยดีกว่าจะได้รีบเอาเอกสารพวกนี้ไปให้นักบัญชีตรวจ เดี๋ยวคุณช่วยผมขนแฟ้มไปที่รถหน่อยนะดนัย”

“ได้ครับคุณกฤต” จากนั้นสองหนุ่มก็ช่วยกันหอบแฟ้มเอกสารทั้งหมดไปที่รถของกฤตตะวันทันที




แก้วแสงจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2557, 20:04:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มิ.ย. 2557, 20:04:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1090





<< ตอนที่ 8   ตอนที่ 10 >>
yimyum 11 มิ.ย. 2557, 22:17:57 น.
จะมีใครสงสัยมั้ยว้าาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account