แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ
คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”
คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”
คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”
และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ
คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”
คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”
คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”
และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”
Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา
ตอน: 9 ผู้หญิงเจ้าแผนการ
9
ผู้หญิงเจ้าแผนการ
แก้วกัลยาตื่นแต่เช้า ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยสีสันของเครื่องสำอางนั้นสดใสกว่าทุกวัน สองเท้าก้าวออกจากห้องด้วยท่าทีมาดมั่นสุด ๆ วันนี้แก้วกัลยาอยู่ในชุดสีแดงรัดรูปดูเก๋ไก๋ที่พึ่งถอยออกจากร้านมาไม่กี่วันก่อน ด้วยชุดที่สั้นทำให้ได้อวดโชว์เรียวขาเรียวยาวสวยไร้รอยราคี ในมือถือกระเป๋าสีเดียวกับชุดเดินลงมาด้านล่าง บรรยากาศในบ้านเงียบอีกเช่นเคย เธอเดินลงมาเห็นสมาชิกสองคนของบ้านกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร รักจิราดูรีบร้อนกว่าทุกวันกำลังรีบยัดขนมปังปิ้งเข้าไปในปากและวิ่งออกจากบ้านไป วันวิวาห์ได้แต่มองโดยไม่ได้คิดถาม แก้วกัลยาเดินมาทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับวันวิวาห์ที่กำลังกินน้ำเต้าหู้อยู่
“รักซื้อมาเผื่อ เอาไหม” แก้วกัลยาพยักหน้า วันวิวาห์เดินไปหยิบแก้วน้ำเต้าหู้ที่เทรอไว้แล้วมาวางให้
“ขอบใจ แล้วยัยรักรีบไปไหนอีก ออกจากบ้านเช้าอีกแล้ว” แก้วกัลยาถาม และหยิบไอโฟนขึ้นมาเปิดเช็คข่าวของวันนี้ โดยตั้งใจเลือกข่าวซุบซิบไฮโซทันทีที่เปิดมาเจอข่าวแรก เรียวปากสวยได้รูปที่ทาด้วยลิปสติกสีแดงก็เหยียดยิ้มทันที
“ทำงาน เห็นว่าไปสายไม่ได้ แล้ววันนี้จะไปไหนอีกแต่งตัวเสียสวยเยิ้มขนาดนี้ ดูเหมือนวันนี้จะอารมณ์ดี หาวิธีจับเจ้าชายได้แล้วหรือไง” แก้วกัลยาไม่ได้โกรธคำพูดของวันวิวาห์และส่งโทรศัพท์ให้วันวิวาห์ดู วันวิวาห์มองภาพในจอ สีหน้าไม่ได้แปรเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่นัก เมื่อเห็นรูปในสมาร์ตโฟนเครื่องนี้ รูปเหตุการณ์สด ๆ ร้อน ๆ จากเมื่อวาน เธอคิดไว้แล้วว่าแก้วกัลยาคงไม่ยอมคว้าน้ำเหลียวกลับมามือเปล่าแน่ ๆ แล้วก็จริง เมื่อเธอได้ผลงานชิ้นโบว์แดงกลับมานั่นคือ ข่าวของเธอกับเพทายตอนนี้กำลังลุกโหมขึ้นตามที่แก้วกัลยาต้องการ เธอตั้งใจไปนั่งกินข้าว ถลาตัวเข้าไปกอด และหอมแก้มโชว์ปาปารัสซี่ที่ดักรออยู่ ต้องการขึ้นหน้าหนึ่งในเพทายรู้ว่าถ้าเธออยากได้ยังไงก็ต้องได้ และนี่ก็แค่น้ำจิ้มเท่านั้นของจริงคือหลังจากนี้ต่างหาก
“วิธีนี้จะได้ผลหรอ”
“ก็ไม่รู้สิ แต่งานนี้ฉันเดินเครื่องเต็มที่ เตรียมพร้อมดับเครื่องชน ไม่ได้ให้รู้ไป ว่าแต่ แล้วเธอล่ะวัน มีเวลาไม่มากหรอกนะ ไม่หาไว้ระวังต้องแต่งงานกับเฮียเหมานะ เอาอย่างนี้ให้ฉันช่วยไหม”
“ไม่ล่ะ ถึงตอนนั้นถ้าไม่มีก็ไม่มี ฉันจะคุยกับอากงอีกครั้ง”
“เธอจะเย็นชาไปถึงไหนกันวัน ผู้ชายตั้งมากตั้งมายเข้ามาขายขนมจีบ รับเขาไว้พิจารณาบ้างก็ได้นะมันไม่ได้เสียหาย ฉันรู้เธอไม่สนเรื่องความรัก เธอไม่ยึดติด ไม่ต้องการ แต่ฉันอยากให้เธอให้โอกาสตัวเองบ้าง เปิดใจให้กว้าง เธอจะต้องเจอความรักที่สวยงามแน่ ๆ” วันวิวาห์ทำหน้าไม่สนใจสิ่งที่แก้วกัลยาพูด หยิบแก้วไปวางไว้ในซิงค์ล้างจานและเดินออกไป แก้วกัลยามองวันวิวาห์และส่ายหน้ากับท่าทีที่เย็นชา เพราะเรื่องของแม่เป็นบทเรียนสอนให้วันวิวาห์ไม่เชื่อใจในความรัก จากไม่เชื่อ ไม่สน กลายเป็นเย็นชา เย็นชาจนด้านชา ใคร ๆ ยื่นไมตรีจิตให้เธอก็ไม่ตอบรับ แถมยังทำให้ผู้ยื่นไมตรีช้ำใจด้วยท่าทีที่เย็นชาสุด ๆ เธอไม่รู้ว่าทำไมบรรดาพี่น้องของเธอถึงมีปัญหาที่แตกต่างกันขนาดนี้ แต่เธอต่างจากวันวิวาห์ แม้จะต้องเสียใจมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอเชื่อว่าสักวันเธอจะเจอรักแท้ เจอผู้ชายที่จะมาเป็นโลกทั้งใบของเธอ และเขาก็คือเพทาย แก้วกัลยารีบเก็บแก้วและเดินถือกระเป๋าวิ่งออกจากบ้านไป จุดหมายในเช้าวันนี้คือค่ายเพลง วีนัส เรคคอร์ด ครึ่งชั่วโมงต่อมาแก้วกัลยามาถึงจุดหมาย ฝ่าด่านรถติดมาจนถึงด้วยใจที่กำลังเบิกบานสุด ๆ ประชาสัมพันธ์หันมามองเธอและส่งยิ้มหวานให้ทันที
“ไม่ได้มานานเลยนะคะคุณแก้ว” แก้วกัลยายื่นถุงขนมที่ซื้อมาฝากส่งให้ประชาสัมพันธ์หน้าหมวยที่ยิ้มรับอย่างยินดี ตลอดระยะเวลาครึ่งปีที่เธอตามเพียรตามตื้อเพทาย เมื่อเขาไม่ต้องรับขับสู้เธอ เธอใช้เวลาเหล่านั้นตีสนิทคนทั้งบริษัทตั้งแต่แม้บ้าน ยันศิลปิน ดังนั้นคนที่เห็นเธอไม่มีใครเอ่ยปากไล่เหมือนช่วงแรก ๆ เธอซื้อใจคนทั้งบริษัทมาเป็นพวกหมดแล้ว ก็เหลือซื้อใจของผู้บริหารค่ายเพลงนี่ล่ะที่ไม่ยอมใจอ่อนเสียที
“วันนี้คุณเพชรอยู่ไหมคะ” แก้วกัลยาถาม
“อยู่ค่ะ ว่าแต่ ภาพในนิตยสารเมื่อเช้า จริงไหมคะ” ประชาสัมพันธ์สาวขาเม้าส์เอ่ยถาม พลางหยิบนิตยสารขึ้นมาเปิดโชว์ ในวันนี้นิตยสารซุบซิบไฮโซทุกฉบับมีภาพของเธอและเขาปรากฏอยู่ในเล่ม และหน้าปกอย่างแน่นอน
“ไม่รู้สิคะ แก้วขอขึ้นไปข้างบนนะคะ แล้วก็ขอยืมนิตยสารเล่มนี้ด้วย”
“เอาไปเลยค่ะ เอ่อ...แต่อย่าบอกนะคะว่าพี่ปล่อยให้ขึ้นไป” แก้วกัลยาพยักหน้าและเดินไปที่ลิฟต์กดชั้นสูงสุดของตึก ซึ่งเป็นชั้นผู้บริหาร ลิฟต์เปิดออกแก้วกัลยาเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องมีโต๊ะของเลขาตั้งอยู่ แต่ไร้เงาของเลขา ซึ่งเธอสืบรู้มาแล้วว่าเลขาของเพทายลาออกไปแล้ว น่าเสียดาย เพราะแหวนเลขาคนเก่าคนนี้เธอตีซี้จนหล่อนยอมบอกเรื่องเพทายทุกอย่าง แม้แต่ตารางงาน ทำให้เธอมาหาเขาได้ถูกจังหวะทุกครั้งที่เขาว่าง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แก้วกัลยาไม่รอให้เจ้าของห้องตอบรับ เปิดประตูเข้าไปทันที เจ้าของห้องกำลังนั่งเปิดแฟ้มเอกสาร ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสนใจเธอแม้แต่น้อย แก้วกัลยาเองก็ยังยืนนิ่งไม่เอ่ย เพราะเธออยากเห็นหน้าเขาตอนเงยหน้ามาเจอเธอแบบตะลึง ๆ มากกว่า เพทายเองเริ่มแปลกใจว่าแขกที่เข้ามาทำไมไม่พูดเสียที จึงเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสาร ใบหน้าหล่อตกใจอย่างที่คิดไว้ ก่อนมันจะถูกกลบเกลื่อนด้วยความเรียบเฉย เขาทำท่าจะก้มหน้าลงไปสนใจแฟ้มต่อ แต่แก้วกัลยากลับเดินอ้อมโต๊ะมาหยุดยินข้าง ๆ เก้าอี้ของเขา และวางนิตยสารลงตรงหน้าเขาอย่างตั้งใจ
“คุณทำอะไรของคุณ คุณ...”
“แก้วกัลยาค่ะ” แก้วกัลยายิ้ม เธอชอบที่เห็นหน้าเขาตอนโกรธบ้าง โมโหบ้าง ไม่ใช่ว่าเธอโรคจิต แต่สีหน้าสุภาพ อ่อนโยนนั่นมันคือหน้ากากของสังคมที่เขาสร้างขึ้น เธอไม่ได้อยากได้ใบหน้าที่อยู่ต่อหน้าสังคม การที่เขาโมโหนั่นหมายว่าว่านี่ต่างหากคือตัวตนของเขาอีกด้าน ยิ่งหน้าเขาแดงก่ำเวลาโกรธมันตลกพิลึก เจ้าตัวคงไม่รู้เลยว่ากำลังลายเป็นของเล่นของเธอโดยไม่รู้ตัว
“ผมรู้ แต่คุณทำอะไรของคุณ เอาหนังสือนี่ออกไปจากโต๊ะผมได้แล้ว ผมไม่ว่างมาอ่านนิตยสารก๊อสซิบพวกนี้หรอก ถ้าไม่มีธุระอะไรก็เชิญ” เขาเอ่ยปากไล่ตรง ๆ เพราะบทเรียนที่ผ่านมาสอนเขาว่าผู้หญิงคนนี้พูดอ้อม ๆ ยิ่งตีความมั่วซั่ว และพูดตรงเธอก็ไม่ได้เจ็บกระเทือนอะไรแม้แต่น้อย ยังปั้นหน้ายิ้มใส่เขาได้เหมือนเช่นทุกครั้ง
“อะไรกันที่รักใจร้ายกับแก้วแต่เช้าเลยนะคะ ดูก่อนสิคะ ดูเสร็จแล้วจะขว้างทิ้งก็ไม่ว่า” เขามองรูปในนิตยสาร สายตาแปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจอย่างรุนแรง พลางสบมองคนที่ยังยืนยิ้งแฉ่งอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน
“คุณทำอะไรของคุณ”
“ฉันเปล่านะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะวันนี้” แก้วกัลยายืนทำหน้าซื่อตาใสใส่เขากลับไป
“แล้วข่าวบ้านี่มันอะไร คุณวางแผนไว้ใช่ไหม แก้วกัลยา” เขามองภาพในนิตยสารด้วยสีหน้าโกรธมาก พลางคิดไปว่าเขาพลาดอีกแล้ว เขาพลาดที่เผลอตัวทำตามแผนของผู้หญิงคนนี้
“ก็ไม่รู้สินะ แต่ฉันไม่ได้ฉลาดขนาดวางแผนเป็นฉากเป็นตอนขนาดนั้นเสียหน่อย คุณเองที่เดินตามฉันมา คุณเองที่ดึงตัวฉันกลับมา ที่เหลือมันก็ตามน้ำค่ะ อย่าซีเรียตสิคะ ดูสิเดี๋ยวไม่หล่อนะคะ คุณไม่ได้เป็นอย่างในข่าวบอกจะร้อนตัวไปทำไม ข่าวซุบซิบสองสามวันก็ซาลงไปแล้ว อย่าคิดมากสิคะที่รัก” แก้วกัลยามองใบหน้าที่กำลังเดือดสุด ๆ เพทายข่มความโกรธลงไป ไม่อยากต่อความอีกจึงออกปากไล่ทันที
“คุณมีอะไรอีกแก้วกัลยา ถ้าไม่มีก็เชิญ ผมมีงานมีการต้องทำ” เขาเลือกตัดปัญหา ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับสาวตรงหน้าอีก
“ใครบอกว่าไม่มี ฉันเอานี่มาคืนคุณ คุณดาหวันโทรหาคุณทั้งคืน ฉันเลยต้องปิดเครื่องทิ้ง เช้านี้ก็โทรมาอีก แต่ฉันไม่ได้รับนะ เห็นไหมว่าฉันมีมารยาทพอ”
“ถ้าคืนแล้วก็กลับไปสิ”
“ยังไม่หมดธุระของฉัน” เขาทำหน้าตึงขึ้นมาอีกครั้งกับผู้หญิงที่พูดไม่รู้เรื่อง
“คุณมีอะไรอีก ถ้าธุระของคุณมันไร้สาระ ผมจะเรียกรปภ.ขึ้นมาลากคุณลงไป” แก้วกัลยายังไม่ยอมวางโทรศัพท์คืนให้เขา พลางคิดว่าผู้ชายคนนี้นับวันยิ่งใจร้ายกับเธอขึ้นเรื่อย ๆ แต่แค่นี้มันขี้เล็บ เธออยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะหนีเธอพ้นได้ยังไง แล้วจะใจแข็งกับเธออีกนานแค่ไหน น้ำหยดลงหินทุกวันมันยังกร่อนได้ นับประสาอะไรกับใจคน
“ใจร้ายกับฉันอีกแล้วนะคะ ฉันพึ่งรู้ว่าคุณแหวนพึ่งลาออก ตอนนี้ตำแหน่งเลขาคุณว่าง ฉันเลย...”
“ผมไม่รับ” เขาปฏิเสธออกไปทันทีอย่างรู้ทัน เขามองออกว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ เรื่องอะไรเขาจะหาเรื่องให้ตัวเองโดยใช่เหตุ ขืนยอมให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาปั่นป่วนในชีวิตเขามากกว่านี้ เขาคงได้ปวดประสาทตายแน่
“อะไรปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเลยหรอคะ เอาอย่างนี้ไหมคะ ฉันมีข้อเสนอ”
“ผมไม่รับข้อเสนออะไรจากคุณทั้งนั้น คุณว่างมากหรือไงแก้วกัลยา คุณเอาเวลาที่คุณตามผมไปทำงานมันจะมีประโยชน์กว่านี้นะ” ปกติถ้าโดนคำนี้คงจะวิ่งหนีไปอย่างรับไม่ได้ แต่แก้วกัลยาผู้ไม่ย่อท้อมองข้ามคำด่าเหล่านั้น และยังลอยหน้าลอยตาพูดต่ออย่างไม่สะทกสะท้านคำพูดใด ๆ ของเขา
“ฟังหน่อยสิคะ แลกกับอิสรภาพของคุณ จากนี้ฉันจะไม่มาตามคุณอีก ถ้าคุณยอมรับข้อเสนอนี้” เขามองหน้าเธอนิ่ง ๆ อย่างไม่เชื่อ แก้วกัลยาชูนิ้วขึ้นสามนิ้วเป็นการยืนยันคำสาบาน โดยมืออีกครั้งกำลังไขว้กันในท่ากากบาทไว้ เพทายนิ่งไปพักใหญ่ เหมือนกำลังคิดถึงผลลัพธ์จากข้อเสนอนี้ ถ้ามันทำให้เธอออกไปจากชีวิตเขาได้ตลอดกาลก็น่าจะลองเสี่ยงดู แต่เสี่ยงกับผู้หญิงคนนี้มันจะคุ้มไหม
“ข้อเสนออะไรของคุณ ว่ามา” น้ำเสียงของเขาห้วยสั้นอีกเช่นเคย
“อะไรกันอยากเขี่ยฉันออกจากชีวิตขนาดนั้นเลยหรอคะ ไม่เห็นต้องทำหน้าดุเลยนี่คะ ข้อเสนอของฉันมันสั้น ๆ ง่าย ๆ เลยค่ะ คุณให้เวลาฉันทำงานกับคุณสามเดือน ถ้าเกิดครบตามกำหนด แล้วคุณไม่ได้ชอบฉันมากขึ้น ฉันจะยอมออกไปจากชีวิตคุณทันที” เพทายยิ้มออกมาทันที เพราะผลลัพธ์มันแน่นอนอยู่แล้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่สามเดือน สามปี เขาก็คงไม่มีวันหลงไปพิศวาสผู้หญิงคนนี้แน่ ๆ ผู้หญิงคนนี้นอกจากหน้าตาไม่มีอะไรให้หน้าพิศวาสเลยสักนิด ห่างไกลจากผู้หญิงในสเปคเขามากโข
“คุณจะบอกว่าคุณจะทำให้ผมรักคุณให้ได้ภายในสามเดือนงั้นสิ”
“ก็ประมาณนั้น แค่คุณให้โอกาสฉันได้อยู่ใกล้คุณ ด้วยการรับฉันมาทำงานในฐานะผู้ช่วยชั่วคราวก็ได้ หลังจากนี้ครบสามเดือนถ้าคุณยังยืนยันว่าไม่ ฉันจะไม่ยุ่งกับคุณอีก เป็นไงคุณได้ประโยชน์เต็ม ๆ มีแต่ฉันที่เสียประโยชน์” แก้วกัลยายิ้มออกมานิด ๆ พลางมองใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มตรงหน้าที่กำลังทำสีหน้าพินิจพิจารณา เธอรู้ยังไงเขาก็ต้องตกลง แสดงออกเสียขนาดนั้นว่ารังเกียจเธอ แต่อีกสามเดือนข้างหน้าใบหน้าที่รังเกียจเธอนี้จะเปลี่ยนไป เธอจะทำให้เขากลายเป็นแมวน้อยที่ตามเธอต่อย ๆ ให้ดู
“ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่ผิดคำพูด” เพทายถามและมองผู้หญิงที่กล้าต่อลองเขา แก้วกัลยากล้าต่อลองแบบนี้ แสดงว่าต้องมีบางอย่างแอบแฝงแน่ ๆ เขาพอจะมองความเจ้าเล่ห์ของผู้หญิงคนนี้ออก
“ฉันไม่เคยผิดคำพูด สำหรับฉันพูดคำไหนคำนั้น ฉันมีเวลาแค่สามเดือน ถ้าถึงวันนั้นคุณยังยืนยันฉันจะยอมถอย ถึงฉันจะด้านแค่ไหน แต่ฉันก็มีขีดจำกัดนะคะ ว่าไงคะ ถ้าคุณตกลง จากนี้อีกสามเดือน ถ้าคุณไม่ต้องการพบหน้าฉัน ฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก”
“ก็ได้ แต่จำคำของคุณไว้ก็แล้วกัน อย่าผิดคำพูด สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือคนที่ไม่รักษาคำพูด และอีกสิ่งที่ผมเกลียดไม่แพ้กัน คือผู้หญิงช่วงตื้อแบบคุณ” แก้วกัลยาทำหน้าเศร้าที่ดูก็รู้ว่าเสแสร้งสุด ๆ
“ที่รักใจร้ายกับเค้าอีกแล้วนะคะ มันเจ็บนะรู้ไหม แต่เค้าให้อภัยที่รักได้เสมอ ต่อให้ที่รักจะด่าจะว่าเค้าก็ยังรักที่รักนะคะ” แก้วกัลยาดวงตาคมที่จ้องมองเธอเหมือนอยากจะไล่ให้เธอออกไปเต็มทีแล้ว
“ก็ได้ ๆ ฉันจะไม่กวนคุณแล้ว ชอบทำหน้าโหด ระวังแก่เร็วแล้วสาวจะหนี แต่ไม่ต้องกลัวเค้าไม่หนีที่รักหรอก โอ๊ะ...โอเค ๆ ไม่เล่นแล้วค่ะ เรื่องงานล่ะคะ” แก้วกัลยามองผู้ชายที่หล่อแต่ดุสุด ๆ
“แล้วคุณไม่ทำงานของคุณหรือไง”
“ฉันจัดการได้ คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันจะทำงานที่คุณมอบหมายไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลย นี่ค่ะโทรศัพท์คุณ” เพทายคว้ามือจะเอื้อม แต่เจ้าตัวกลับดึงมือกลับ ใบหน้าคมคร้ามเริ่มฉายแววไม่พอใจมากขึ้น สุดท้ายแก้วกัลยาก็ยอมยื่นโทรศัพท์ให้เขาอีกครั้ง เพทายรับโทรศัพท์จากมือของแก้วกัลยา ครั้งนี้เขาคิดว่าหล่อนต้องเล่นมุกเดินจึงกะจะคว้าโทรศัพท์แล้วดึงกลับมา แต่ไม่คิดว่าแก้วกัลยาจะจับมือเขาไว้ ในจังหวะกระชากทำให้ตัวเธอถลาเข้ามาด้วย และกลายเป็นว่ากระตุกเธอล้มลงมานั่งอยู่บนตักตัวเอง ซึ่งเจ้าตัวตอนแรกที่แสดงสีหน้าตกใจ แต่มันก็หายไปชั่ววินาทีหนึ่ง เธอเปลี่ยนเอามามือทั้งสองข้างมาคล้องคอเขาไว้ และเอียงหน้ามาซบอกกว้างอย่างไม่อายสายตาเขา
“อยากให้เค้ากอดก็ไม่บอก ที่รักไม่ต้องอายนะคะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ กอดแล้วหอมแก้มด้วยดีไหมคะ” แก้วกัลยายังไม่เลิก และแกล้งต่อด้วยความสนุกสนานในใจ เขาพยายามจะแกะมือนุ่มของเธอออก แต่มือตุ๊กแกของเธอไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกง่าย ๆ แถมเจ้าตัวยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูประออก ผู้หญิงสองคนก้าวเข้ามาในห้อง ใบหน้าของแก้วกัลยาและเพทายหันไปมองแขกที่เดินเข้ามา แก้วกัลยากระหยิ่มยิ้มขึ้นมาในใจ เมื่อเห็นแขกที่มาปรากฏกายอยู่หน้าประตูห้อง
“ดาหวัน” เพทายมองผู้หญิงที่เป็นว่าที่แฟนของเขา เขาพยายามแกะมือที่ไม่ต่างจากตีนตุ๊กแกของแก้วกัลยาออก แต่เจ้าตัวกลับล็อคคอเขาไว้แน่น และยังเอียงหน้าซบอกเหล่ตามองดารินทิพย์ และสุจิรา ซึ่งคนที่เดือดออกมาจากสีหน้าอย่างเห็นได้ชัดคือสุจิรา
“น่าเกลียดที่สุด” สุจิราเอ่ย ดารินทิพย์มองภาพนั้นและรีบเดินออกจากห้องไป ส่วนสุจิรามองเพื่อนที่ยอมล่าถอยออกไปง่าย ๆ อย่างไม่พอใจ พลางปลายตามองมาที่แก้วกัลยาอีกครั้ง สุดท้ายก็วิ่งตามเพื่อนไป
“ดาหวัน” เพทายเอ่ยเรียกชื่อสาวน้อยที่วิ่งออกไปอย่างตกใจ
“โอ๊ะ ฉันลืมบอกคุณไปได้ยังไงกันนะ ว่าฉันมีมารยาทที่จะไม่รับโทรศัพท์คุณ แต่ฉันก็ไม่มีมารยาทพอจะส่งข้อความไปหาคุณดาหวัน ว้า...ลืมบอกได้ยังไงนะ” เพทายมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตาโกรธ เขาแกะมือแก้วกัลยาออกได้สำเร็จ แต่อาจเป็นเพราะยอมแก้วกัลยาคลายมือออกด้วย มือของแก้วกัลยาจึงหลุดออกมาง่าย ๆ แต่แก้วกัลยาไม่คิดว่าเขาจะกล้าผลักเธอล้มลงไปกองกับพื้นและวิ่งออกจากห้องไป ร่างบางของแก้วกัลยากระเด็นไปชนกับเหลี่ยมตู้ที่ตั้งอยู่มุมห้อง เกิดเป็นรอยแผลเล็ก ๆ และเลือดไหลซึมออกมา แก้วกัลยาเช็ดน้ำที่ไหลลงมาจากหางคิ้วในตอนแรกคิดว่าเหงื่อ แต่เมื่อเห็นเป็นเลือดใบหน้าหวานก็ซีดขึ้นมาทันที
“เลือด เล่นแรงขนาดนี้เลยหรอ ดีถ้าฉันไม่ได้คุณ ฉันจะต้องเล่นงานคุณให้เจ็บแสบเลย” แก้วกัลยาบ่น และดันร่างตัวเองลุกขึ้นยืน สิ่งแรกที่ทำคือไปหาหมอ ใบหน้าสวยของเธอต้องไม่มีรอยแผลเป็นเด็ดขาด แต่เดินมาได้ถึงหน้าประตูห้องก็เห็นเพทายเดินออกจากลิฟต์มา เดาว่าคงตามดารินทิพย์ไปไม่ทัน เขามองแก้วกัลยาด้วยสายตาไม่พอใจ แต่พอหันมาเห็นเลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลเล็ก ๆ ความรู้สึกผิดก็แล่นเข้ามาในใจ
“ที่รักใจร้ายกับเค้ามากไปแล้วนะคะ ครั้งหน้าเค้าจะไม่ยอมให้ที่รักทำกับเค้าแบบนี้ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” แก้วกัลยาเอ่ยและเดินผ่านหน้าเขาไปได้เพียงไม่กี่ก้าว
“เดี๋ยว” แก้วกัลยาหันมาส่งยิ้มให้เขา
“เลิกทำหน้าเหมือนคนบ้าสักที หัวคุณแตก ไปทำแผลก่อน” แก้วกัลยายิ้มกว้างออกมามากกว่าเก่าและวิ่งเข้ามาเกาะแขนเขาไว้อย่างได้ใจ
“ผมไม่ได้ทำเพราะพิศวาสคุณหรอกนะ แต่เพราะมนุษยธรรมต่างหาก” และเขาก็ดึงแขนตัวเองออกและเดินกลับเข้าไปในห้อง แก้วกัลยายิ้มมองผู้ชายที่ทำตัวใจร้ายแต่ก็แอบใจดีอยู่ลึก ๆ แบบนี้สามเดือนยังไงเธอก็ต้องคว้าหัวใจเขามาให้ได้อย่างแน่นอน
ตึก ตึก ตึก
หนุ่มหล่อหน้าหวานคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีกองทัพแฟนคลับออกจากซอยแห่งหนึ่ง ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ หนุ่มหล่อหน้าใส และหวานดั่งผู้หญิงคนนี้คือ ...คีตภัทร วรรณเวศย์... หนังร้องหนุ่มที่กำลังเป็นเบอร์ต้น ๆ ของวงการเพลงในขณะนี้ หลังจากที่เคลียร์คิวจนว่างเจ้าตัวจึงตัดสินใจมาทำบุญที่วัดในวันว่าง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนคือเกิดไปเจอแฟนคลับสาวที่ประมูลเดตของเขาในงานการกุสลได้ แต่แค่เดตเดียวแม่คุณก็ตีตนไปเองว่าเป็นแฟน ทั้งที่เขาบอกแล้วว่าเขาแค่ทำตามหน้าที่ เขาคงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ถ้าไม่เห็นบุคคลชุดดำจำนวนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ เขาก็รู้ทันทีว่ามันไม่บังเอิญแล้ว แต่เจ้าหล่อนตั้งใจมาดักรอเขาต่างหาก และเมื่อที่เจ้าหล่อนเห็นหน้าเขา เธอก็สลัดทุกสิ่งทิ้งและวิ่งตามเขามา แต่เพราะเขาวิ่งหนีเธอก็เลยตะโกนชื่อเขาเสียดังลั่น ทำให้เหล่าบรรดามวลชนที่อยู่ในที่แห่งนั้นหันมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นดาราก็พากันวิ่งตาม นอกจากกลุ่มคนชุดดำคนของคุณหนูไฮโซเขาก็ต้องวิ่งหนีเหล่าบรรดาแฟนคลับด้วย เกือบยี่สิบนาทีที่เขาวิ่งหาที่หลบ แต่กลับมีตาดีหันมาเจอ เขาจึงต้องวิ่งมาราธอน และวิ่งลัดเลาะซอยซึ่งยังมีเสียงที่ตามดังมาไม่ขาดสาย เขาตัดสินใจวิ่งข้ามถนนโดยไม่ได้มองทางในจังหวะนั้นรถคันหนึ่งก็วิ่งพุ่งเข้ามา คีตภัทรหันไปมองดวงตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นกันแดดสีดำกำลังฉายแววตาที่ตกใจสุด ๆ เมื่อรถคันหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาชนเขา เขาก้าวถอยหลังล้มลงไปกองกับพื้นในช่วงวินาทีแห่งชีวิตนั้น
เอี๊ยด!!!
เสียงเจ้าของรถที่เหยียบเบรกดังหวีดก้องไปทั่วถนน ส่วนตัวเขาเองก็ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มตั้งแต่เห็นว่ารถกำลังจะพุ่งเข้ามาชนเขานั่นแหละ เจ้าของรถที่เมื่อคิดว่าอยู่ในระยะที่ปลอดภัยก็วิ่งลงมาจากรถ เพื่อดูอาการของชายที่วิ่งเข้ามาตัดหน้ารถ เจ้าของรถคือสาวสวย รูปร่างสูงโปร่ง เธอคือน้องสาวลำดับสามของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา เธอคือวันวิวาห์ วันวิวาห์ที่ตั้งสติได้รีบเปิดประตูลงมาดูชายที่วิ่งตัดหน้ารถของเธอ เธอเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนพื้น
“คุณคะ” เมื่อเห็นหนุ่มที่ตนเกือบจะขับรถชนยังไม่ยอมเงยหน้าจึงเอ่ยเรียก คีตภัทรที่รู้สึกได้ว่าตัวเองปลอดภัยแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงหวานแต่กลับเย็นเยียบ พลันดวงตาที่สวยหวานไม่แพ้ผู้หญิงก็นิ่งงันราวกับต้องมนตร์สะกด เขามองเธอนิ่งค้างไปพักใหญ่ จนเธอต้องถือวิสาสะเขย่าตัวเขาอีกครั้ง
“คุณไม่ได้เป็นอะไรนะคะ” เธอถามอีกครั้ง เมื่อเห็นบาดแผลที่มีเลือดไหลมาจากศีรษะ และเสียงหวานที่ดังอยู่ตรงหน้าอีกครั้งก็ทำให้หนุ่มหน้าหวานขวัญใจประชาชนกลับมาได้สติ
“เอ่อ...”
“คีตะ” เสียงของแฟนคลับสาวที่ตามไม่เลิกดังขึ้น คีตภัทรตัดสินใจดึงตัวสาวสวยเจ้าของรถไปนั่งประจำตำแหน่งข้างคนจับ ส่วนตัวเองวิ่งอ้อมกลับไปนั่งตำแหน่งคนขับ เจ้าของรถคนสวยเองอยากจะท้วง แต่เห็นใบหน้าตื่น ๆ กับกลุ่มคนที่กำลังร้องเรียกและวิ่งตามทำให้ยอมเงียบเสียงให้คนแปลกหน้าขับรถออกไป เธอลอบสังเกตผู้ชายแปลกหน้าที่ใส่แว่นดำพลางไว้ แต่มันก็ปิดความหล่อแบบมีออร่าไว้ไม่มิด เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนเธอออกจากบ้านแวะมาทำบุญที่วัดก่อนจะแวะเข้าไปที่โรงพยาบาล แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์วุ่นวายแต่เช้า
“คือ...ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้อยากจะทำตัวเสียมารยาท แต่คุณเข้าใจใช่ไหม” เขาพูดขณะขับรถมาจอดลงในวัดอีกแห่งที่เงียบและสงบไปแพ้กัน ก่อนจะหันมามองสาวเจ้าของรถที่มองหน้าเขาและขมวดคิ้ว
“คือ...”
“คุณหัวแตก” คีตภัทรเอามือคลำหัวตัวเอง และนึกขึ้นได้ตอนที่วิ่งหนีกองทัพแฟนคลับตนวิ่งไปชนเสามา แต่ไม่คิดว่าหัวจะถึงกับแตก วันวิวาห์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หนุ่มที่กำลังนั่งนิ่งเหม่อลอย
“เอ่อ...ขอบคุณครับ” เขามองน้ำใจที่สาวแปลกหน้า แต่สวยสง่าหยิบยื่นให้อย่างขอบคุณและซึ้งใจ
“เดี๋ยวฉันทำแผลให้แล้วกัน ลงมาสิคะ” วันวิวาห์เอ่ยและเปิดหยิบกล่องปฐมพยาบาลกล่องเล็กที่ตนพกติดรถไว้เสมอลงมาด้วย ส่วนคนที่หัวแตกที่ได้แต่เดินลงจากรถเดินตามไปนั่งใต้ต้นไม้ เขาถอดแว่นออก ใบหน้าของสาวสวยยังคงนิ่งงันไม่มีท่าทีว่าจะคุ้นหน้า หรือตกใจที่เห็นนักร้องดังอย่างเขา
“เอ่อ...คุณไม่รู้จักผมงั้นหรอ” ดวงตาเย็น ๆ สบมองเขาและส่ายหน้าแทนคำตอบ เธอค่อย ๆ ทำแผลอย่างเบามือจนสุดท้ายเมื่อปิดพลาสเตอร์เสร็จก็จัดการเก็บของเดินหันหลับขึ้นรถ แต่
“คุณไม่รู้จักผมจริง ๆ สิ” วันวิวาห์พยักหน้าอีกครั้ง เขาเดินมาขวางหน้าเธอไว้
“ผมคีตภัทร ผมเป็นนักร้อง แต่ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ คนครึ่งค่อนประเทศรู้จักผมกันทั้งนั้น แถมรูปผมยังติดอยู่ตามแผ่นป้ายตั้งเยอะ ละครผมก็เล่น ตอนนี้ก็ยังออนแอร์อยู่ คุณจะไม่รู้จักผมได้ยังไง” คีตภัทรไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่วูบหนึ่งเขาเห็นสายตาไม่พอใจของเธอหรือเพราะมันจะกลืนหายไปพร้อมกับดวงตาที่แสนเย็นชาอย่างรวดเร็วทำให้เขาไม่แน่ใจ
“คุณเป็นนักร้อง ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะรู้จักคุณหรอกนะคะ คุณคงหารถกลับเองได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัว” วันวิวาห์เดินอ้อมตัวเขาจะขึ้นรถ แต่คีตภัทรที่ยังข้องใจจึงจับมือเธอไว้ ดวงตาสวยคมตวัดกลับมามองเขาในทันที เขารู้สึกขนลุกไปวูบหนึ่งและรีบปล่อยมือเธอออกทันที
“คือ...ผมอยากจะถามว่าคุณชื่ออะไร เผื่อเราเจอกันอีก” วันวิวาห์ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าไปจากเดิม
“ฉันไม่ชอบแนะนำตัวกับคนแปลกหน้า และคิดว่าเราคงไม่ได้เจอกันแล้ว ขอตัวนะคะ” พูดจบเจ้าตัวก็เปิดประตูรถขึ้นไปและขับออกไปทันที ทิ้งให้ซุปเปอร์สตาร์คนดังรู้สึกเสียเซลฟ์ที่เคยคิดว่าตนมีชื่อเสียงมาก และไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนที่ไม่รู้จักเขา และไม่หลงเสน่ห์เขาอีกคน
“ผู้หญิงอะไร หน้าตาก็สวย แต่เย็นชาชะมัด” นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินไปรับโทรศัพท์ที่พึ่งติดต่อมา
.....ติดตามตอนต่อไป....
รอติดตามกันในตอนต่อไปว่าแก้วกัลยาของเราคิดจะทำอะไร เธอจะพิชิตคุณเพชรได้ยังไง
ต้องช่วยกันลุ้น ช่วยกันติดตาม
ขอบคุณคำคอมเมนต์ ขอบคุณที่เข้ามาติดตามนะคะ
ผู้หญิงเจ้าแผนการ
แก้วกัลยาตื่นแต่เช้า ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยสีสันของเครื่องสำอางนั้นสดใสกว่าทุกวัน สองเท้าก้าวออกจากห้องด้วยท่าทีมาดมั่นสุด ๆ วันนี้แก้วกัลยาอยู่ในชุดสีแดงรัดรูปดูเก๋ไก๋ที่พึ่งถอยออกจากร้านมาไม่กี่วันก่อน ด้วยชุดที่สั้นทำให้ได้อวดโชว์เรียวขาเรียวยาวสวยไร้รอยราคี ในมือถือกระเป๋าสีเดียวกับชุดเดินลงมาด้านล่าง บรรยากาศในบ้านเงียบอีกเช่นเคย เธอเดินลงมาเห็นสมาชิกสองคนของบ้านกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร รักจิราดูรีบร้อนกว่าทุกวันกำลังรีบยัดขนมปังปิ้งเข้าไปในปากและวิ่งออกจากบ้านไป วันวิวาห์ได้แต่มองโดยไม่ได้คิดถาม แก้วกัลยาเดินมาทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับวันวิวาห์ที่กำลังกินน้ำเต้าหู้อยู่
“รักซื้อมาเผื่อ เอาไหม” แก้วกัลยาพยักหน้า วันวิวาห์เดินไปหยิบแก้วน้ำเต้าหู้ที่เทรอไว้แล้วมาวางให้
“ขอบใจ แล้วยัยรักรีบไปไหนอีก ออกจากบ้านเช้าอีกแล้ว” แก้วกัลยาถาม และหยิบไอโฟนขึ้นมาเปิดเช็คข่าวของวันนี้ โดยตั้งใจเลือกข่าวซุบซิบไฮโซทันทีที่เปิดมาเจอข่าวแรก เรียวปากสวยได้รูปที่ทาด้วยลิปสติกสีแดงก็เหยียดยิ้มทันที
“ทำงาน เห็นว่าไปสายไม่ได้ แล้ววันนี้จะไปไหนอีกแต่งตัวเสียสวยเยิ้มขนาดนี้ ดูเหมือนวันนี้จะอารมณ์ดี หาวิธีจับเจ้าชายได้แล้วหรือไง” แก้วกัลยาไม่ได้โกรธคำพูดของวันวิวาห์และส่งโทรศัพท์ให้วันวิวาห์ดู วันวิวาห์มองภาพในจอ สีหน้าไม่ได้แปรเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่นัก เมื่อเห็นรูปในสมาร์ตโฟนเครื่องนี้ รูปเหตุการณ์สด ๆ ร้อน ๆ จากเมื่อวาน เธอคิดไว้แล้วว่าแก้วกัลยาคงไม่ยอมคว้าน้ำเหลียวกลับมามือเปล่าแน่ ๆ แล้วก็จริง เมื่อเธอได้ผลงานชิ้นโบว์แดงกลับมานั่นคือ ข่าวของเธอกับเพทายตอนนี้กำลังลุกโหมขึ้นตามที่แก้วกัลยาต้องการ เธอตั้งใจไปนั่งกินข้าว ถลาตัวเข้าไปกอด และหอมแก้มโชว์ปาปารัสซี่ที่ดักรออยู่ ต้องการขึ้นหน้าหนึ่งในเพทายรู้ว่าถ้าเธออยากได้ยังไงก็ต้องได้ และนี่ก็แค่น้ำจิ้มเท่านั้นของจริงคือหลังจากนี้ต่างหาก
“วิธีนี้จะได้ผลหรอ”
“ก็ไม่รู้สิ แต่งานนี้ฉันเดินเครื่องเต็มที่ เตรียมพร้อมดับเครื่องชน ไม่ได้ให้รู้ไป ว่าแต่ แล้วเธอล่ะวัน มีเวลาไม่มากหรอกนะ ไม่หาไว้ระวังต้องแต่งงานกับเฮียเหมานะ เอาอย่างนี้ให้ฉันช่วยไหม”
“ไม่ล่ะ ถึงตอนนั้นถ้าไม่มีก็ไม่มี ฉันจะคุยกับอากงอีกครั้ง”
“เธอจะเย็นชาไปถึงไหนกันวัน ผู้ชายตั้งมากตั้งมายเข้ามาขายขนมจีบ รับเขาไว้พิจารณาบ้างก็ได้นะมันไม่ได้เสียหาย ฉันรู้เธอไม่สนเรื่องความรัก เธอไม่ยึดติด ไม่ต้องการ แต่ฉันอยากให้เธอให้โอกาสตัวเองบ้าง เปิดใจให้กว้าง เธอจะต้องเจอความรักที่สวยงามแน่ ๆ” วันวิวาห์ทำหน้าไม่สนใจสิ่งที่แก้วกัลยาพูด หยิบแก้วไปวางไว้ในซิงค์ล้างจานและเดินออกไป แก้วกัลยามองวันวิวาห์และส่ายหน้ากับท่าทีที่เย็นชา เพราะเรื่องของแม่เป็นบทเรียนสอนให้วันวิวาห์ไม่เชื่อใจในความรัก จากไม่เชื่อ ไม่สน กลายเป็นเย็นชา เย็นชาจนด้านชา ใคร ๆ ยื่นไมตรีจิตให้เธอก็ไม่ตอบรับ แถมยังทำให้ผู้ยื่นไมตรีช้ำใจด้วยท่าทีที่เย็นชาสุด ๆ เธอไม่รู้ว่าทำไมบรรดาพี่น้องของเธอถึงมีปัญหาที่แตกต่างกันขนาดนี้ แต่เธอต่างจากวันวิวาห์ แม้จะต้องเสียใจมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอเชื่อว่าสักวันเธอจะเจอรักแท้ เจอผู้ชายที่จะมาเป็นโลกทั้งใบของเธอ และเขาก็คือเพทาย แก้วกัลยารีบเก็บแก้วและเดินถือกระเป๋าวิ่งออกจากบ้านไป จุดหมายในเช้าวันนี้คือค่ายเพลง วีนัส เรคคอร์ด ครึ่งชั่วโมงต่อมาแก้วกัลยามาถึงจุดหมาย ฝ่าด่านรถติดมาจนถึงด้วยใจที่กำลังเบิกบานสุด ๆ ประชาสัมพันธ์หันมามองเธอและส่งยิ้มหวานให้ทันที
“ไม่ได้มานานเลยนะคะคุณแก้ว” แก้วกัลยายื่นถุงขนมที่ซื้อมาฝากส่งให้ประชาสัมพันธ์หน้าหมวยที่ยิ้มรับอย่างยินดี ตลอดระยะเวลาครึ่งปีที่เธอตามเพียรตามตื้อเพทาย เมื่อเขาไม่ต้องรับขับสู้เธอ เธอใช้เวลาเหล่านั้นตีสนิทคนทั้งบริษัทตั้งแต่แม้บ้าน ยันศิลปิน ดังนั้นคนที่เห็นเธอไม่มีใครเอ่ยปากไล่เหมือนช่วงแรก ๆ เธอซื้อใจคนทั้งบริษัทมาเป็นพวกหมดแล้ว ก็เหลือซื้อใจของผู้บริหารค่ายเพลงนี่ล่ะที่ไม่ยอมใจอ่อนเสียที
“วันนี้คุณเพชรอยู่ไหมคะ” แก้วกัลยาถาม
“อยู่ค่ะ ว่าแต่ ภาพในนิตยสารเมื่อเช้า จริงไหมคะ” ประชาสัมพันธ์สาวขาเม้าส์เอ่ยถาม พลางหยิบนิตยสารขึ้นมาเปิดโชว์ ในวันนี้นิตยสารซุบซิบไฮโซทุกฉบับมีภาพของเธอและเขาปรากฏอยู่ในเล่ม และหน้าปกอย่างแน่นอน
“ไม่รู้สิคะ แก้วขอขึ้นไปข้างบนนะคะ แล้วก็ขอยืมนิตยสารเล่มนี้ด้วย”
“เอาไปเลยค่ะ เอ่อ...แต่อย่าบอกนะคะว่าพี่ปล่อยให้ขึ้นไป” แก้วกัลยาพยักหน้าและเดินไปที่ลิฟต์กดชั้นสูงสุดของตึก ซึ่งเป็นชั้นผู้บริหาร ลิฟต์เปิดออกแก้วกัลยาเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องมีโต๊ะของเลขาตั้งอยู่ แต่ไร้เงาของเลขา ซึ่งเธอสืบรู้มาแล้วว่าเลขาของเพทายลาออกไปแล้ว น่าเสียดาย เพราะแหวนเลขาคนเก่าคนนี้เธอตีซี้จนหล่อนยอมบอกเรื่องเพทายทุกอย่าง แม้แต่ตารางงาน ทำให้เธอมาหาเขาได้ถูกจังหวะทุกครั้งที่เขาว่าง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แก้วกัลยาไม่รอให้เจ้าของห้องตอบรับ เปิดประตูเข้าไปทันที เจ้าของห้องกำลังนั่งเปิดแฟ้มเอกสาร ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสนใจเธอแม้แต่น้อย แก้วกัลยาเองก็ยังยืนนิ่งไม่เอ่ย เพราะเธออยากเห็นหน้าเขาตอนเงยหน้ามาเจอเธอแบบตะลึง ๆ มากกว่า เพทายเองเริ่มแปลกใจว่าแขกที่เข้ามาทำไมไม่พูดเสียที จึงเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสาร ใบหน้าหล่อตกใจอย่างที่คิดไว้ ก่อนมันจะถูกกลบเกลื่อนด้วยความเรียบเฉย เขาทำท่าจะก้มหน้าลงไปสนใจแฟ้มต่อ แต่แก้วกัลยากลับเดินอ้อมโต๊ะมาหยุดยินข้าง ๆ เก้าอี้ของเขา และวางนิตยสารลงตรงหน้าเขาอย่างตั้งใจ
“คุณทำอะไรของคุณ คุณ...”
“แก้วกัลยาค่ะ” แก้วกัลยายิ้ม เธอชอบที่เห็นหน้าเขาตอนโกรธบ้าง โมโหบ้าง ไม่ใช่ว่าเธอโรคจิต แต่สีหน้าสุภาพ อ่อนโยนนั่นมันคือหน้ากากของสังคมที่เขาสร้างขึ้น เธอไม่ได้อยากได้ใบหน้าที่อยู่ต่อหน้าสังคม การที่เขาโมโหนั่นหมายว่าว่านี่ต่างหากคือตัวตนของเขาอีกด้าน ยิ่งหน้าเขาแดงก่ำเวลาโกรธมันตลกพิลึก เจ้าตัวคงไม่รู้เลยว่ากำลังลายเป็นของเล่นของเธอโดยไม่รู้ตัว
“ผมรู้ แต่คุณทำอะไรของคุณ เอาหนังสือนี่ออกไปจากโต๊ะผมได้แล้ว ผมไม่ว่างมาอ่านนิตยสารก๊อสซิบพวกนี้หรอก ถ้าไม่มีธุระอะไรก็เชิญ” เขาเอ่ยปากไล่ตรง ๆ เพราะบทเรียนที่ผ่านมาสอนเขาว่าผู้หญิงคนนี้พูดอ้อม ๆ ยิ่งตีความมั่วซั่ว และพูดตรงเธอก็ไม่ได้เจ็บกระเทือนอะไรแม้แต่น้อย ยังปั้นหน้ายิ้มใส่เขาได้เหมือนเช่นทุกครั้ง
“อะไรกันที่รักใจร้ายกับแก้วแต่เช้าเลยนะคะ ดูก่อนสิคะ ดูเสร็จแล้วจะขว้างทิ้งก็ไม่ว่า” เขามองรูปในนิตยสาร สายตาแปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจอย่างรุนแรง พลางสบมองคนที่ยังยืนยิ้งแฉ่งอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน
“คุณทำอะไรของคุณ”
“ฉันเปล่านะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะวันนี้” แก้วกัลยายืนทำหน้าซื่อตาใสใส่เขากลับไป
“แล้วข่าวบ้านี่มันอะไร คุณวางแผนไว้ใช่ไหม แก้วกัลยา” เขามองภาพในนิตยสารด้วยสีหน้าโกรธมาก พลางคิดไปว่าเขาพลาดอีกแล้ว เขาพลาดที่เผลอตัวทำตามแผนของผู้หญิงคนนี้
“ก็ไม่รู้สินะ แต่ฉันไม่ได้ฉลาดขนาดวางแผนเป็นฉากเป็นตอนขนาดนั้นเสียหน่อย คุณเองที่เดินตามฉันมา คุณเองที่ดึงตัวฉันกลับมา ที่เหลือมันก็ตามน้ำค่ะ อย่าซีเรียตสิคะ ดูสิเดี๋ยวไม่หล่อนะคะ คุณไม่ได้เป็นอย่างในข่าวบอกจะร้อนตัวไปทำไม ข่าวซุบซิบสองสามวันก็ซาลงไปแล้ว อย่าคิดมากสิคะที่รัก” แก้วกัลยามองใบหน้าที่กำลังเดือดสุด ๆ เพทายข่มความโกรธลงไป ไม่อยากต่อความอีกจึงออกปากไล่ทันที
“คุณมีอะไรอีกแก้วกัลยา ถ้าไม่มีก็เชิญ ผมมีงานมีการต้องทำ” เขาเลือกตัดปัญหา ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับสาวตรงหน้าอีก
“ใครบอกว่าไม่มี ฉันเอานี่มาคืนคุณ คุณดาหวันโทรหาคุณทั้งคืน ฉันเลยต้องปิดเครื่องทิ้ง เช้านี้ก็โทรมาอีก แต่ฉันไม่ได้รับนะ เห็นไหมว่าฉันมีมารยาทพอ”
“ถ้าคืนแล้วก็กลับไปสิ”
“ยังไม่หมดธุระของฉัน” เขาทำหน้าตึงขึ้นมาอีกครั้งกับผู้หญิงที่พูดไม่รู้เรื่อง
“คุณมีอะไรอีก ถ้าธุระของคุณมันไร้สาระ ผมจะเรียกรปภ.ขึ้นมาลากคุณลงไป” แก้วกัลยายังไม่ยอมวางโทรศัพท์คืนให้เขา พลางคิดว่าผู้ชายคนนี้นับวันยิ่งใจร้ายกับเธอขึ้นเรื่อย ๆ แต่แค่นี้มันขี้เล็บ เธออยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะหนีเธอพ้นได้ยังไง แล้วจะใจแข็งกับเธออีกนานแค่ไหน น้ำหยดลงหินทุกวันมันยังกร่อนได้ นับประสาอะไรกับใจคน
“ใจร้ายกับฉันอีกแล้วนะคะ ฉันพึ่งรู้ว่าคุณแหวนพึ่งลาออก ตอนนี้ตำแหน่งเลขาคุณว่าง ฉันเลย...”
“ผมไม่รับ” เขาปฏิเสธออกไปทันทีอย่างรู้ทัน เขามองออกว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ เรื่องอะไรเขาจะหาเรื่องให้ตัวเองโดยใช่เหตุ ขืนยอมให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาปั่นป่วนในชีวิตเขามากกว่านี้ เขาคงได้ปวดประสาทตายแน่
“อะไรปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเลยหรอคะ เอาอย่างนี้ไหมคะ ฉันมีข้อเสนอ”
“ผมไม่รับข้อเสนออะไรจากคุณทั้งนั้น คุณว่างมากหรือไงแก้วกัลยา คุณเอาเวลาที่คุณตามผมไปทำงานมันจะมีประโยชน์กว่านี้นะ” ปกติถ้าโดนคำนี้คงจะวิ่งหนีไปอย่างรับไม่ได้ แต่แก้วกัลยาผู้ไม่ย่อท้อมองข้ามคำด่าเหล่านั้น และยังลอยหน้าลอยตาพูดต่ออย่างไม่สะทกสะท้านคำพูดใด ๆ ของเขา
“ฟังหน่อยสิคะ แลกกับอิสรภาพของคุณ จากนี้ฉันจะไม่มาตามคุณอีก ถ้าคุณยอมรับข้อเสนอนี้” เขามองหน้าเธอนิ่ง ๆ อย่างไม่เชื่อ แก้วกัลยาชูนิ้วขึ้นสามนิ้วเป็นการยืนยันคำสาบาน โดยมืออีกครั้งกำลังไขว้กันในท่ากากบาทไว้ เพทายนิ่งไปพักใหญ่ เหมือนกำลังคิดถึงผลลัพธ์จากข้อเสนอนี้ ถ้ามันทำให้เธอออกไปจากชีวิตเขาได้ตลอดกาลก็น่าจะลองเสี่ยงดู แต่เสี่ยงกับผู้หญิงคนนี้มันจะคุ้มไหม
“ข้อเสนออะไรของคุณ ว่ามา” น้ำเสียงของเขาห้วยสั้นอีกเช่นเคย
“อะไรกันอยากเขี่ยฉันออกจากชีวิตขนาดนั้นเลยหรอคะ ไม่เห็นต้องทำหน้าดุเลยนี่คะ ข้อเสนอของฉันมันสั้น ๆ ง่าย ๆ เลยค่ะ คุณให้เวลาฉันทำงานกับคุณสามเดือน ถ้าเกิดครบตามกำหนด แล้วคุณไม่ได้ชอบฉันมากขึ้น ฉันจะยอมออกไปจากชีวิตคุณทันที” เพทายยิ้มออกมาทันที เพราะผลลัพธ์มันแน่นอนอยู่แล้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่สามเดือน สามปี เขาก็คงไม่มีวันหลงไปพิศวาสผู้หญิงคนนี้แน่ ๆ ผู้หญิงคนนี้นอกจากหน้าตาไม่มีอะไรให้หน้าพิศวาสเลยสักนิด ห่างไกลจากผู้หญิงในสเปคเขามากโข
“คุณจะบอกว่าคุณจะทำให้ผมรักคุณให้ได้ภายในสามเดือนงั้นสิ”
“ก็ประมาณนั้น แค่คุณให้โอกาสฉันได้อยู่ใกล้คุณ ด้วยการรับฉันมาทำงานในฐานะผู้ช่วยชั่วคราวก็ได้ หลังจากนี้ครบสามเดือนถ้าคุณยังยืนยันว่าไม่ ฉันจะไม่ยุ่งกับคุณอีก เป็นไงคุณได้ประโยชน์เต็ม ๆ มีแต่ฉันที่เสียประโยชน์” แก้วกัลยายิ้มออกมานิด ๆ พลางมองใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มตรงหน้าที่กำลังทำสีหน้าพินิจพิจารณา เธอรู้ยังไงเขาก็ต้องตกลง แสดงออกเสียขนาดนั้นว่ารังเกียจเธอ แต่อีกสามเดือนข้างหน้าใบหน้าที่รังเกียจเธอนี้จะเปลี่ยนไป เธอจะทำให้เขากลายเป็นแมวน้อยที่ตามเธอต่อย ๆ ให้ดู
“ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่ผิดคำพูด” เพทายถามและมองผู้หญิงที่กล้าต่อลองเขา แก้วกัลยากล้าต่อลองแบบนี้ แสดงว่าต้องมีบางอย่างแอบแฝงแน่ ๆ เขาพอจะมองความเจ้าเล่ห์ของผู้หญิงคนนี้ออก
“ฉันไม่เคยผิดคำพูด สำหรับฉันพูดคำไหนคำนั้น ฉันมีเวลาแค่สามเดือน ถ้าถึงวันนั้นคุณยังยืนยันฉันจะยอมถอย ถึงฉันจะด้านแค่ไหน แต่ฉันก็มีขีดจำกัดนะคะ ว่าไงคะ ถ้าคุณตกลง จากนี้อีกสามเดือน ถ้าคุณไม่ต้องการพบหน้าฉัน ฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก”
“ก็ได้ แต่จำคำของคุณไว้ก็แล้วกัน อย่าผิดคำพูด สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือคนที่ไม่รักษาคำพูด และอีกสิ่งที่ผมเกลียดไม่แพ้กัน คือผู้หญิงช่วงตื้อแบบคุณ” แก้วกัลยาทำหน้าเศร้าที่ดูก็รู้ว่าเสแสร้งสุด ๆ
“ที่รักใจร้ายกับเค้าอีกแล้วนะคะ มันเจ็บนะรู้ไหม แต่เค้าให้อภัยที่รักได้เสมอ ต่อให้ที่รักจะด่าจะว่าเค้าก็ยังรักที่รักนะคะ” แก้วกัลยาดวงตาคมที่จ้องมองเธอเหมือนอยากจะไล่ให้เธอออกไปเต็มทีแล้ว
“ก็ได้ ๆ ฉันจะไม่กวนคุณแล้ว ชอบทำหน้าโหด ระวังแก่เร็วแล้วสาวจะหนี แต่ไม่ต้องกลัวเค้าไม่หนีที่รักหรอก โอ๊ะ...โอเค ๆ ไม่เล่นแล้วค่ะ เรื่องงานล่ะคะ” แก้วกัลยามองผู้ชายที่หล่อแต่ดุสุด ๆ
“แล้วคุณไม่ทำงานของคุณหรือไง”
“ฉันจัดการได้ คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันจะทำงานที่คุณมอบหมายไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลย นี่ค่ะโทรศัพท์คุณ” เพทายคว้ามือจะเอื้อม แต่เจ้าตัวกลับดึงมือกลับ ใบหน้าคมคร้ามเริ่มฉายแววไม่พอใจมากขึ้น สุดท้ายแก้วกัลยาก็ยอมยื่นโทรศัพท์ให้เขาอีกครั้ง เพทายรับโทรศัพท์จากมือของแก้วกัลยา ครั้งนี้เขาคิดว่าหล่อนต้องเล่นมุกเดินจึงกะจะคว้าโทรศัพท์แล้วดึงกลับมา แต่ไม่คิดว่าแก้วกัลยาจะจับมือเขาไว้ ในจังหวะกระชากทำให้ตัวเธอถลาเข้ามาด้วย และกลายเป็นว่ากระตุกเธอล้มลงมานั่งอยู่บนตักตัวเอง ซึ่งเจ้าตัวตอนแรกที่แสดงสีหน้าตกใจ แต่มันก็หายไปชั่ววินาทีหนึ่ง เธอเปลี่ยนเอามามือทั้งสองข้างมาคล้องคอเขาไว้ และเอียงหน้ามาซบอกกว้างอย่างไม่อายสายตาเขา
“อยากให้เค้ากอดก็ไม่บอก ที่รักไม่ต้องอายนะคะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ กอดแล้วหอมแก้มด้วยดีไหมคะ” แก้วกัลยายังไม่เลิก และแกล้งต่อด้วยความสนุกสนานในใจ เขาพยายามจะแกะมือนุ่มของเธอออก แต่มือตุ๊กแกของเธอไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกง่าย ๆ แถมเจ้าตัวยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูประออก ผู้หญิงสองคนก้าวเข้ามาในห้อง ใบหน้าของแก้วกัลยาและเพทายหันไปมองแขกที่เดินเข้ามา แก้วกัลยากระหยิ่มยิ้มขึ้นมาในใจ เมื่อเห็นแขกที่มาปรากฏกายอยู่หน้าประตูห้อง
“ดาหวัน” เพทายมองผู้หญิงที่เป็นว่าที่แฟนของเขา เขาพยายามแกะมือที่ไม่ต่างจากตีนตุ๊กแกของแก้วกัลยาออก แต่เจ้าตัวกลับล็อคคอเขาไว้แน่น และยังเอียงหน้าซบอกเหล่ตามองดารินทิพย์ และสุจิรา ซึ่งคนที่เดือดออกมาจากสีหน้าอย่างเห็นได้ชัดคือสุจิรา
“น่าเกลียดที่สุด” สุจิราเอ่ย ดารินทิพย์มองภาพนั้นและรีบเดินออกจากห้องไป ส่วนสุจิรามองเพื่อนที่ยอมล่าถอยออกไปง่าย ๆ อย่างไม่พอใจ พลางปลายตามองมาที่แก้วกัลยาอีกครั้ง สุดท้ายก็วิ่งตามเพื่อนไป
“ดาหวัน” เพทายเอ่ยเรียกชื่อสาวน้อยที่วิ่งออกไปอย่างตกใจ
“โอ๊ะ ฉันลืมบอกคุณไปได้ยังไงกันนะ ว่าฉันมีมารยาทที่จะไม่รับโทรศัพท์คุณ แต่ฉันก็ไม่มีมารยาทพอจะส่งข้อความไปหาคุณดาหวัน ว้า...ลืมบอกได้ยังไงนะ” เพทายมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตาโกรธ เขาแกะมือแก้วกัลยาออกได้สำเร็จ แต่อาจเป็นเพราะยอมแก้วกัลยาคลายมือออกด้วย มือของแก้วกัลยาจึงหลุดออกมาง่าย ๆ แต่แก้วกัลยาไม่คิดว่าเขาจะกล้าผลักเธอล้มลงไปกองกับพื้นและวิ่งออกจากห้องไป ร่างบางของแก้วกัลยากระเด็นไปชนกับเหลี่ยมตู้ที่ตั้งอยู่มุมห้อง เกิดเป็นรอยแผลเล็ก ๆ และเลือดไหลซึมออกมา แก้วกัลยาเช็ดน้ำที่ไหลลงมาจากหางคิ้วในตอนแรกคิดว่าเหงื่อ แต่เมื่อเห็นเป็นเลือดใบหน้าหวานก็ซีดขึ้นมาทันที
“เลือด เล่นแรงขนาดนี้เลยหรอ ดีถ้าฉันไม่ได้คุณ ฉันจะต้องเล่นงานคุณให้เจ็บแสบเลย” แก้วกัลยาบ่น และดันร่างตัวเองลุกขึ้นยืน สิ่งแรกที่ทำคือไปหาหมอ ใบหน้าสวยของเธอต้องไม่มีรอยแผลเป็นเด็ดขาด แต่เดินมาได้ถึงหน้าประตูห้องก็เห็นเพทายเดินออกจากลิฟต์มา เดาว่าคงตามดารินทิพย์ไปไม่ทัน เขามองแก้วกัลยาด้วยสายตาไม่พอใจ แต่พอหันมาเห็นเลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลเล็ก ๆ ความรู้สึกผิดก็แล่นเข้ามาในใจ
“ที่รักใจร้ายกับเค้ามากไปแล้วนะคะ ครั้งหน้าเค้าจะไม่ยอมให้ที่รักทำกับเค้าแบบนี้ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” แก้วกัลยาเอ่ยและเดินผ่านหน้าเขาไปได้เพียงไม่กี่ก้าว
“เดี๋ยว” แก้วกัลยาหันมาส่งยิ้มให้เขา
“เลิกทำหน้าเหมือนคนบ้าสักที หัวคุณแตก ไปทำแผลก่อน” แก้วกัลยายิ้มกว้างออกมามากกว่าเก่าและวิ่งเข้ามาเกาะแขนเขาไว้อย่างได้ใจ
“ผมไม่ได้ทำเพราะพิศวาสคุณหรอกนะ แต่เพราะมนุษยธรรมต่างหาก” และเขาก็ดึงแขนตัวเองออกและเดินกลับเข้าไปในห้อง แก้วกัลยายิ้มมองผู้ชายที่ทำตัวใจร้ายแต่ก็แอบใจดีอยู่ลึก ๆ แบบนี้สามเดือนยังไงเธอก็ต้องคว้าหัวใจเขามาให้ได้อย่างแน่นอน
ตึก ตึก ตึก
หนุ่มหล่อหน้าหวานคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีกองทัพแฟนคลับออกจากซอยแห่งหนึ่ง ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ หนุ่มหล่อหน้าใส และหวานดั่งผู้หญิงคนนี้คือ ...คีตภัทร วรรณเวศย์... หนังร้องหนุ่มที่กำลังเป็นเบอร์ต้น ๆ ของวงการเพลงในขณะนี้ หลังจากที่เคลียร์คิวจนว่างเจ้าตัวจึงตัดสินใจมาทำบุญที่วัดในวันว่าง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนคือเกิดไปเจอแฟนคลับสาวที่ประมูลเดตของเขาในงานการกุสลได้ แต่แค่เดตเดียวแม่คุณก็ตีตนไปเองว่าเป็นแฟน ทั้งที่เขาบอกแล้วว่าเขาแค่ทำตามหน้าที่ เขาคงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ถ้าไม่เห็นบุคคลชุดดำจำนวนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ เขาก็รู้ทันทีว่ามันไม่บังเอิญแล้ว แต่เจ้าหล่อนตั้งใจมาดักรอเขาต่างหาก และเมื่อที่เจ้าหล่อนเห็นหน้าเขา เธอก็สลัดทุกสิ่งทิ้งและวิ่งตามเขามา แต่เพราะเขาวิ่งหนีเธอก็เลยตะโกนชื่อเขาเสียดังลั่น ทำให้เหล่าบรรดามวลชนที่อยู่ในที่แห่งนั้นหันมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นดาราก็พากันวิ่งตาม นอกจากกลุ่มคนชุดดำคนของคุณหนูไฮโซเขาก็ต้องวิ่งหนีเหล่าบรรดาแฟนคลับด้วย เกือบยี่สิบนาทีที่เขาวิ่งหาที่หลบ แต่กลับมีตาดีหันมาเจอ เขาจึงต้องวิ่งมาราธอน และวิ่งลัดเลาะซอยซึ่งยังมีเสียงที่ตามดังมาไม่ขาดสาย เขาตัดสินใจวิ่งข้ามถนนโดยไม่ได้มองทางในจังหวะนั้นรถคันหนึ่งก็วิ่งพุ่งเข้ามา คีตภัทรหันไปมองดวงตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นกันแดดสีดำกำลังฉายแววตาที่ตกใจสุด ๆ เมื่อรถคันหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาชนเขา เขาก้าวถอยหลังล้มลงไปกองกับพื้นในช่วงวินาทีแห่งชีวิตนั้น
เอี๊ยด!!!
เสียงเจ้าของรถที่เหยียบเบรกดังหวีดก้องไปทั่วถนน ส่วนตัวเขาเองก็ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มตั้งแต่เห็นว่ารถกำลังจะพุ่งเข้ามาชนเขานั่นแหละ เจ้าของรถที่เมื่อคิดว่าอยู่ในระยะที่ปลอดภัยก็วิ่งลงมาจากรถ เพื่อดูอาการของชายที่วิ่งเข้ามาตัดหน้ารถ เจ้าของรถคือสาวสวย รูปร่างสูงโปร่ง เธอคือน้องสาวลำดับสามของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา เธอคือวันวิวาห์ วันวิวาห์ที่ตั้งสติได้รีบเปิดประตูลงมาดูชายที่วิ่งตัดหน้ารถของเธอ เธอเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนพื้น
“คุณคะ” เมื่อเห็นหนุ่มที่ตนเกือบจะขับรถชนยังไม่ยอมเงยหน้าจึงเอ่ยเรียก คีตภัทรที่รู้สึกได้ว่าตัวเองปลอดภัยแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงหวานแต่กลับเย็นเยียบ พลันดวงตาที่สวยหวานไม่แพ้ผู้หญิงก็นิ่งงันราวกับต้องมนตร์สะกด เขามองเธอนิ่งค้างไปพักใหญ่ จนเธอต้องถือวิสาสะเขย่าตัวเขาอีกครั้ง
“คุณไม่ได้เป็นอะไรนะคะ” เธอถามอีกครั้ง เมื่อเห็นบาดแผลที่มีเลือดไหลมาจากศีรษะ และเสียงหวานที่ดังอยู่ตรงหน้าอีกครั้งก็ทำให้หนุ่มหน้าหวานขวัญใจประชาชนกลับมาได้สติ
“เอ่อ...”
“คีตะ” เสียงของแฟนคลับสาวที่ตามไม่เลิกดังขึ้น คีตภัทรตัดสินใจดึงตัวสาวสวยเจ้าของรถไปนั่งประจำตำแหน่งข้างคนจับ ส่วนตัวเองวิ่งอ้อมกลับไปนั่งตำแหน่งคนขับ เจ้าของรถคนสวยเองอยากจะท้วง แต่เห็นใบหน้าตื่น ๆ กับกลุ่มคนที่กำลังร้องเรียกและวิ่งตามทำให้ยอมเงียบเสียงให้คนแปลกหน้าขับรถออกไป เธอลอบสังเกตผู้ชายแปลกหน้าที่ใส่แว่นดำพลางไว้ แต่มันก็ปิดความหล่อแบบมีออร่าไว้ไม่มิด เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนเธอออกจากบ้านแวะมาทำบุญที่วัดก่อนจะแวะเข้าไปที่โรงพยาบาล แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์วุ่นวายแต่เช้า
“คือ...ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้อยากจะทำตัวเสียมารยาท แต่คุณเข้าใจใช่ไหม” เขาพูดขณะขับรถมาจอดลงในวัดอีกแห่งที่เงียบและสงบไปแพ้กัน ก่อนจะหันมามองสาวเจ้าของรถที่มองหน้าเขาและขมวดคิ้ว
“คือ...”
“คุณหัวแตก” คีตภัทรเอามือคลำหัวตัวเอง และนึกขึ้นได้ตอนที่วิ่งหนีกองทัพแฟนคลับตนวิ่งไปชนเสามา แต่ไม่คิดว่าหัวจะถึงกับแตก วันวิวาห์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หนุ่มที่กำลังนั่งนิ่งเหม่อลอย
“เอ่อ...ขอบคุณครับ” เขามองน้ำใจที่สาวแปลกหน้า แต่สวยสง่าหยิบยื่นให้อย่างขอบคุณและซึ้งใจ
“เดี๋ยวฉันทำแผลให้แล้วกัน ลงมาสิคะ” วันวิวาห์เอ่ยและเปิดหยิบกล่องปฐมพยาบาลกล่องเล็กที่ตนพกติดรถไว้เสมอลงมาด้วย ส่วนคนที่หัวแตกที่ได้แต่เดินลงจากรถเดินตามไปนั่งใต้ต้นไม้ เขาถอดแว่นออก ใบหน้าของสาวสวยยังคงนิ่งงันไม่มีท่าทีว่าจะคุ้นหน้า หรือตกใจที่เห็นนักร้องดังอย่างเขา
“เอ่อ...คุณไม่รู้จักผมงั้นหรอ” ดวงตาเย็น ๆ สบมองเขาและส่ายหน้าแทนคำตอบ เธอค่อย ๆ ทำแผลอย่างเบามือจนสุดท้ายเมื่อปิดพลาสเตอร์เสร็จก็จัดการเก็บของเดินหันหลับขึ้นรถ แต่
“คุณไม่รู้จักผมจริง ๆ สิ” วันวิวาห์พยักหน้าอีกครั้ง เขาเดินมาขวางหน้าเธอไว้
“ผมคีตภัทร ผมเป็นนักร้อง แต่ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ คนครึ่งค่อนประเทศรู้จักผมกันทั้งนั้น แถมรูปผมยังติดอยู่ตามแผ่นป้ายตั้งเยอะ ละครผมก็เล่น ตอนนี้ก็ยังออนแอร์อยู่ คุณจะไม่รู้จักผมได้ยังไง” คีตภัทรไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่วูบหนึ่งเขาเห็นสายตาไม่พอใจของเธอหรือเพราะมันจะกลืนหายไปพร้อมกับดวงตาที่แสนเย็นชาอย่างรวดเร็วทำให้เขาไม่แน่ใจ
“คุณเป็นนักร้อง ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะรู้จักคุณหรอกนะคะ คุณคงหารถกลับเองได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัว” วันวิวาห์เดินอ้อมตัวเขาจะขึ้นรถ แต่คีตภัทรที่ยังข้องใจจึงจับมือเธอไว้ ดวงตาสวยคมตวัดกลับมามองเขาในทันที เขารู้สึกขนลุกไปวูบหนึ่งและรีบปล่อยมือเธอออกทันที
“คือ...ผมอยากจะถามว่าคุณชื่ออะไร เผื่อเราเจอกันอีก” วันวิวาห์ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าไปจากเดิม
“ฉันไม่ชอบแนะนำตัวกับคนแปลกหน้า และคิดว่าเราคงไม่ได้เจอกันแล้ว ขอตัวนะคะ” พูดจบเจ้าตัวก็เปิดประตูรถขึ้นไปและขับออกไปทันที ทิ้งให้ซุปเปอร์สตาร์คนดังรู้สึกเสียเซลฟ์ที่เคยคิดว่าตนมีชื่อเสียงมาก และไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนที่ไม่รู้จักเขา และไม่หลงเสน่ห์เขาอีกคน
“ผู้หญิงอะไร หน้าตาก็สวย แต่เย็นชาชะมัด” นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินไปรับโทรศัพท์ที่พึ่งติดต่อมา
.....ติดตามตอนต่อไป....
รอติดตามกันในตอนต่อไปว่าแก้วกัลยาของเราคิดจะทำอะไร เธอจะพิชิตคุณเพชรได้ยังไง
ต้องช่วยกันลุ้น ช่วยกันติดตาม
ขอบคุณคำคอมเมนต์ ขอบคุณที่เข้ามาติดตามนะคะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มิ.ย. 2557, 09:50:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มิ.ย. 2557, 11:27:01 น.
จำนวนการเข้าชม : 1327
<< 8 เจ้านายคนใหม่ หรือเจ้ากรรมคนเดิม | 10 ก่อร่างสร้างหนี้ >> |

แก้วจินดา 12 มิ.ย. 2557, 13:08:37 น.
เปิดคู่ของคุณหมอวันวิวาห์แล้วใช่ไหมคะ
เปิดคู่ของคุณหมอวันวิวาห์แล้วใช่ไหมคะ

รวิกานต์ 12 มิ.ย. 2557, 14:56:33 น.
แก้วจะทำอะไรต่อนี่ล่ะที่น่าลุ้น
แก้วจะทำอะไรต่อนี่ล่ะที่น่าลุ้น

แว่นใส 12 มิ.ย. 2557, 20:49:30 น.
เจ้าแผนการจริง ๆ
เจ้าแผนการจริง ๆ