แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 10 ก่อร่างสร้างหนี้

10
ก่อร่างสร้างหนี้

ผ่านไปกว่าหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เธอต้องมาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะดารา เกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย เธอพึ่งเริ่มทำงานได้สองวัน และภายในสองวันเธอเปลี่ยนงานไปไม่ต่ำกว่าสิบงาน เธอทำทุกอย่างจนเกือบจะครบแล้ว ตั้งแต่เด็กเสิร์ฟ ยันแม่บ้าน เธอจำได้วันแรกคิมหันต์พาเธอไปทำในตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารอิตาเลี่ยนภายในโรงแรม และมันก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ทันทีที่เสิร์ฟโต๊ะแรกเธอก็เผลอสะดุดขาตัวเองทำข้าวของที่ถืออยู่หกใส่ลูกค้าที่นั่งอยู่ รอบนั้นเธอโดยผู้จัดการต่อว่าเกือบชั่วโมง ผู้จัดการเปลี่ยนให้เธอไปล้างจาน เธอไม่ได้ทำจานที่ล้างอยู่ในมือแตก แต่เธอทำจานที่คนล้างจานอีกคนล้างเสร็จและยกจะไปจัดเก็บแตก นับรวมก็ร่วมสามสิบใบ ผู้จัดการแทบจะบีบคอเธอ ผู้จัดการแทบจะไม่ให้เธอจับงานอะไร เลยให้เธอนั่งอยู่เฉย ๆ ระหว่างรอคิมหันต์มารับ แต่ใครจะไปคิดว่าแค่เดินไปเข้าห้องน้ำ เธอกับทำของประดับตกแต่งจำพวกแจกันที่ตั้งเรียงสวยงามนั่นแตก เธออยากจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ผู้จัดการจึงสั่งให้เธอออกไปรอนอกร้าน จนคิมหันต์มารับเธอและพาเธอไปทำงานในแผนกทำความสะอาด นั่นคือแม่บ้าน แต่เธอก็ไปก่อปัญหา วันแรกเท่ากับเธอไม่ได้ทำงานอะไรนอกจากสร้างปัญหา ในวันที่สองเธอทำพังทุกอย่างไม่แพ้วันแรก เธอไม่ได้ตั้งใจ แค่หยิบของชิ้นหนึ่งอีกชิ้นกลับพัง เธอทำท่อน้ำในห้องน้ำแตก ทำผ้าขาวกลายเป็นผ้าสี ทำกระจกห้องแตก วันที่สองจบลงด้วยความวินาศเช่นเดิม และในวันที่สามเธอไม่รู้เลยว่าเธอจะไปสร้างเรื่องอะไรอีก ถ้าเธอมีสติกว่านี้คงจะไม่เกิดเรื่อง เพียงเหม่อนิดเดียวทุกอย่างก็เละในพริบตา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขวัญชีวันรีบกดรับสายทันที

(เจ๊ขวัญเค้าขอโทษที่ไม่ได้โทรไปสองวัน ช่วงนี้เค้าต้องทำงานเยอะ แล้วตัวเป็นยังไงบ้างเจ๊ขวัญ งานทำได้ไหม) รักจิราเอ่ยถาม ขวัญชีวันเงียบไปพักใหญ่

“เรียบร้อยดี รักไม่ต้องเป็นห่วงตัวนะ วันนี้วันหยุดหรอถึงโทรมาช่วงทำงานแบบนี้”

(เปล่าหรอก แอบไอ้...เอ่อ...บก.มาโทร เค้าโอนเงินไปให้อีตามาเฟียนั่นแล้ว เค้าจะรีบหาเงินไปใช้ให้ครบ ตัวทนอีกนิดนะ แต่อย่าสร้างหนี้เพิ่มก็พอ อะไรที่ทำไม่ได้ตัวอย่าทำนะ) ขวัญชีวันไม่กล้าบอกว่าเธอได้ทำการสร้างหนี้เพิ่มไปแล้ว

(ที่เค้าพูดไม่ใช่ห่วงหนี้เพิ่มนะ แต่เค้าห่วงตัวนะเจ๊ขวัญ ถ้าตัวต้องเจ็บตัวด้วยเค้ารู้สึกไม่ดี เจ๊แก้ว กับเจ๊วันฝากบอกคิดถึงตัวด้วยนะ สองคนนั้นก็ยุ่งไม่แพ้กัน คนหนึ่งเรื่องงาน อีกคนเรื่องผู้ชาย ตัวรู้ไหมเจ๊แก้วเนียนเข้าไปทำงานกับคุณเพชรได้แล้วนะ)

“คุณขวัญ” ขวัญชีวินหันไปมองคิมหันต์ที่เดินเข้ามาหาเธอ ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้ม ทั้งที่เธอสร้างเรื่องมากมายในสองวันที่ผ่านมา

“วันนี้จะให้ฉันทำอะไรคะ เหลืออะไรที่ฉันยังไม่ทำพังอีก ฉัน...”

“อย่าทำหน้าเศร้าสิครับ คุณไม่ได้ตั้งใจ”

“แต่ฉันทำพังหมดเลย แทนที่จะได้ใช้หนี้ฉันกลับสร้างหนี้เพิ่ม ฉันขอโทษนะคะ คุณวาทินเธอต้องฆ่าฉันแน่ ๆ” คิมหันต์มองผู้หญิงที่มีท่าทีขี้กลัวคล้ายกระต่าย

“คุณวาทินไม่ใจร้ายอย่างนั้นหรอกครับ อย่าพึ่งท้อสิครับ”

“ฉันทำงานมาสองวันแทนที่หนี้จะลดลง ฉันรู้สึกว่าหนี้มันจะเพิ่มขึ้นยังไงไม่รู้ มีหวังชาตินี้ฉันใช้หนี้ไม่หมดแน่ เพราะแทนที่จะทำงานใช้ ฉันกับทำงานเพิ่มหนี้ ฉัน...”

“วันนี้ผมคุยกับผู้จัดการร้านอาหารเอาไว้”

“ฉันไม่เสิร์ฟแล้วนะคะ” ขวัญชีวันเอ่ยขึ้นทันที

“ไม่เสิร์ฟก็ได้ครับ ผมรู้ว่าคุณเป็นเจ้าของร้านขนม ผมจะให้คุณไปช่วยงานในร้านขนมของโรงแรม ถ้าคุณได้ทำอะไรเกี่ยวกับที่คุณชอบ มันอาจจะดีขึ้น ผมจะให้คุณทำงานง่าย ๆ ก่อน แล้วสักพักคุณลองทำขนม ดีไหมครับ” พอได้ยินคำว่าขนมขวัญชีวันก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาทันที คิมหันต์ยิ้มกับท่าทีของขวัญชีวันที่ไม่ต่างจากเด็กสาว

“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเลยครับ” ขวัญชีวันรีบเดินตามคิมหันต์ไปที่ร้านขนมที่อยู่ในตัวโรงแรม

“นี่นะหรอคะพนักงานใหม่ที่คนทั้งโรงแรมพากันล่ำลือ” ผู้จัดการร้านขนมแห่งนี้เป็นหญิงสาวที่มีอายุมากกว่าขวัญชีวันสี่ห้าปี ใบหน้าดูใจดีน่าคบหากว่าผู้จัดการร้านอาหารที่เธอเคยไปทำเยอะ

“ผมฝากคุณขวัญด้วยนะครับคุณบุษย์ เธอเป็นเจ้าของร้านขนม ลองฝึกงานเธอดูหน่อย ให้เธอช่วยหยิบจับโน่นนี่ก่อนก็ได้ ถ้าไม่มีปัญหาผมจะให้เธอมาทำงานที่นี่”

“ค่ะ คุณคิมไม่ต้องห่วงเดี๋ยวดิฉันจะดูแลให้” ขวัญชีวันหันมองคิมหันต์ที่ยิ้มให้กับเธอ

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ ยังไงก็ขอให้คุณโชคดี จำไว้นะครับทำอะไรต้องใช้สติ ถ้าครั้งนี้เกิดมีปัญหา คุณได้ไปช่วยสร้างตึกแน่รอบนี้” ขวัญชีวันพยักหน้าและมองคมที่เดินออกไป เขาช่างดีกับเธอเหลือเกิน เทียบกับมือขวาของวาทินอีกคนหนึ่งที่มองเธอแทบทะลุทะลวงอยู่แล้ว สายตาเขาแทบจะฆ่าเธอ โชคดีที่คิมหันต์เป็นคนมาดูแลเธอ ไม่อย่างนั้นเธอคงโดนฆ่าทิ้งตั้งแต่วันแรกแล้ว

“คุณขวัญ”

“เอ่อ...เรียกฉันขวัญเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ฉันมาเป็นลูกจ้าง” ผู้จัดการสาวยิ้ม พลางคิดในใจ ลูกจ้างหรอ สายตาของคิมหันต์คนสนิทของวาทินมองผู้หญิงคนนี้มันมากกว่านั้น แถมทำเรื่องตั้งเยอะยังไม่ถูกไล่ออก คงเป็นเพราะผู้ชายคนนี้จัดการให้ แล้วจะเป็นลูกจ้างธรรมดาได้อย่างไร เห็นทีคราวนี้มือซ้ายหนุ่มหล่อคนนี้คงจะมีข่าวดีให้คนบนเกาะรู้เร็ว ๆ นี้ คิมหันต์เป็นที่ชื่นชอบของคนบนเกาะนี้มากกว่าทิม เพราะความเป็นมิตรของหนุ่มหล่อคนนี้มีมากกว่านั่นเอง

“เดี๋ยวเราจะทำการทดสอบคุณว่าคุณเหมาะจะทำตำแหน่งไหน ส่วนถ้าคุณอยากจะมาเป็นเชฟของร้านเรา ฉันจะให้คุณได้ทดสอบอีกครั้ง วันนี้ร้านค่อนข้างวุ่น ยังไงคุณก็คอยช่วยหยิบจับของไปก่อน” บุษกรสั่งและเดินพาขวัญชีวินไปแนะนำให้บรรดาพนักงานในร้านรู้จัก และพนักงานในร้านนี้เป็นมิตรมาก ทุกคนยิ้มทักทายขวัญชีวันอย่างเป็นกันเองทำให้ขวัญชีวันลดอาการเกร็งลง เธอได้ไปช่วยหยิบจับขนมวางลงที่ถาด ร้านขนมแห่งนี้เป็นร้านที่อยู่ในตัวโรงแรม เป็นหนึ่งในร้านเครือของโรงแรม มีการทำสดใหม่อยู่ตลอดเวลา ขนมในร้านมีตั้งแต่ขนมไทย ไปจนถึงขนมนานาชาติ ขวัญชีวันช่วยหยิบจัดใส่ถาดและส่งให้พนักงานนำไปจัดวาง ขวัญชีวินพึ่งสังเกตเห็นว่ามีลูกค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะวันนี้ ในร้านจึงวุ่นวายอย่างที่บุษกรบอก

“คุณนุสราต้องการนาไนโม บาร์ ให้เอาไปห้องรับรอง ตอนนี้พวกเราไม่มีใครว่างเลย คนเยอะมากวันนี้” พนักงานคนหนึ่งบ่น ขณะที่จัดขนมวางลงถาด สายตาหันไปมองเห็นขวัญชีวินที่ยกถาดส่งให้พนักงานที่มารับถาดขนมที่พึ่งทำเสร็จ ขวัญชีวินรับรู้ถึงสายตาที่มองจึงหันไปมอง

“เอ่อ...ขวัญ ช่วยอะไรพวกเราหน่อยได้ไหม” ขวัญชีวันพยักหน้ารับ

“คือพวกเราต้องรับรองแขกในร้าน วันนี้พนักงานน้อย แต่ลูกค้าเยอะ เธอช่วยเอาขนมไปเสิร์ฟที่ห้องรับรองแขก ที่อยู่ชั้นสองได้ไหม” ขวัญชีวันทำหน้าไม่มั่นใจ แต่ในที่นี่มีเธอที่ยังไม่มีงานทำเป็นกิจจะลักษณะ เธอจึงพนักหน้า

“คุณนุสรานี่เธอเป็นใครหรอ”

“หุ้นส่วนสปาดาราวดีที่ทำร่วมกับคุณวาทินไง สปาอยู่ที่รีสอร์ทดาราวดีบนฝั่งที่ตอนนี้มาเปิดสาขาใหม่ที่เกาะด้วย นี่อย่าเอ็ดไปนะ ฉันรู้มาว่าคุณนุสราเนี่ยอยากจะมาเป็นนายหญิงของที่นี่” ขวัญชีวันทำตาโต

“เม้าส์อะไรกัน ทำไมไม่ไปทำงาน” บุษกรเดินเข้ามาขัดการสนทนา ทำให้วงสนทนาแตกกระจายไป พนักงานสาวร่างบางหันไปสั่งขวัญชีวันเป็นครั้งสุดท้าย ขวัญชีวันถือถาดเดินออกจากร้านอย่างระวัดระวังจุดหมายเธออยู่ที่ชั้นสอง ร้านขนมแห่งนี้นอกจากกินที่ร้าน สั่งกลับบ้าน ยังรับส่งแบบเดลิเวอร์รี่ ซึ่งจำกัดแค่พื้นที่ในโรงแรม ขวัญชีวันเดินไปที่ห้องรับรองที่อยู่ใกล้กับห้องบอลรูมหนึ่ง ห้องรับรองเป็นห้องโล่งที่มีห้องชุดจัดแยกสำหรับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัว พนักงานเปิดประตูให้ขวัญชีวันที่ถือถาดขนมขึ้นมาให้เข้าไปตามที่แขกได้แจ้งไว้ ห้องรับรองแบ่งห้องออกเป็นจำนวนสิบห้อง ใช้สำหรับให้นักธุรกิจเปิดคุยธุรกิจเป็นการส่วนตัว ขวัญชีวันเดินมาหยุดที่หน้าห้องหมายเลขเจ็ด ชายผู้ใส่ชุดสูทสีดำที่ยืนเฝ้าหน้าห้องเปิดประตูให้ขวัญชีวันก้าวเข้าไป

“อะไรกัน ฉันบอกว่าฉันต้องการพบคุณวาทิน ป่านนี้ยังไม่ได้แจ้งอีกหรอ” ขวัญชีวันหยุดยืนนิ่งเมื่อเสียงแหลมของสาวสวยแต่งตัวน่าหวาดเสียวเอ่ยส่งเสียงโวยวาย ขวัญชีวันรอบสังเกตผู้หญิงที่พนักงานในร้านเล่าให้ฟัง นุสรา นอกจากจะเป็นหุ้นส่วนของสปา และรีสอร์ทที่ทำร่วมกับวาทิน รวมถึงสามีของนุสรายังเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของโรมแรมดารารัตน์แห่งนี้ด้วย แต่สามีของนุสราเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน เมื่อสิ้นสามีสมบัติทุกอย่างจึงตกเป็นของนุสรา เพราะสามีที่อายุมากกว่าเธอเกืบสองรอบคนนี้ไม่มีญาติที่ไหน นุสราจึงใช้อภิสิทธิ์นี้มาเกาะบ่อย ๆ อีกสาเหตุหนึ่งก็เพื่อทอดสะพานไปหาหนุ่มหล่อเจ้าของเกาะแห่งนี้

“คุณวาทินติดประชุม ยังไม่ว่างลงมาพบคุณนุสรา และคุณวาทินยังบอกอีกว่าถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญไม่ให้เข้าไปรบกวน ถ้าคุณนุสราอยากพบคงต้องรอก่อน”

“นี่เธอจะบอกว่าธุระของฉันไม่สำคัญงั้นสิ”

“ไม่ใช่นะคะ ดิฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ดิฉัน...”

“หุบปากแล้วออกไปได้แล้ว ฉันต้องการพบคุณวาทิน ไม่ใช่เธอ เธอต้องไปแจ้งคุณวาทินให้ฉัน” สาวสวยทำหน้าพยายามรักษาสีหน้า ทั้งที่ตอนนี้กำลังเดือดกับผู้หญิงที่พูดไม่รู้เรื่อง เจ้านายเธอไม่ต้องการพบแล้วยังทู่ซี้จะพบอีก เธอหันหลังเดินออกไป
“เธอเข้ามาทำไม” เสียงแหลมตวาดใส่ขวัญชีวันที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู

“คือ...ดิฉันมาจากร้าน Café Garden ค่ะ”

“แล้วยืนเซ่ออยู่ทำไมล่ะ” ขวัญชีวันเดินเข้ามาเสิร์ฟ ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป จังหวะที่กำลังจะเดินถึงโต๊ะ เธอเดินผ่านหน้าผู้หญิงอีกคนที่น่าจะเป็นคนสนิทยกขาขึ้นสกัดขาขวัญชีวัน ร่างของขวัญชีวันที่เดินไม่ทันระวังจึงถลาเข้าไปหานุสราที่นั่งอยู่ ขนมที่อยู่ในถอดก็กระเด็นมาบนตักของเธอ ชุดสีม่วงสุดเก๋เปรอะเปื้อน

“กรี๊ด นังบ้า แกทำอะไรของแก” นุสราลุกขึ้นปัดของที่เปื้อนอยู่บนตักออก ขวัญชีวันที่ยืนหน้าซีดตัวสั้นยกมือขึ้นขอโทษ และก้าวถอยหลังจากหนีแม่ม่ายสาวชุดม่วง แต่ก็ไม่ทัน เพราะเลขาสาวที่เป็นคนสกัดขาเธอจับตัวเธอล็อคไว้

เพียะ!!!

“โอ๊ย!!!” ขวัญชีวันร้อง เจ็บระบบไปที่แก้มขวา เลือกสีแดงซึมออกมาที่มุมปาก แก้มใสอมชมพูแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง ปรากฏเป็นรอยมือของนุสรา

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน”

เพียะ!!!

“แกรู้ไหมชุดฉันราคาเหยียบหมื่น หน้าอย่างแกมีปัญญาใช้หรอ” นุสรายกมือขึ้นเตรียมจะตกเธออีกครั้ง แต่สาวสวยผู้เป็นเลขาหน้าห้องทำงานของวาทินที่ยังไม่ทันเดินไปไหนเปิดประตูกับเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงโวยวายของนุสรา ร่างบางของขวัญชีวันถูกพลักล้มลง นุสราสาดน้ำเปล่าที่อยู่บนโต๊ะใส่ขวัญชีวัน และเตรียมจะเข้าไปทำร้ายอีกครั้ง

“พอก่อนค่ะ นี่มันอะไรกันคะ” เลขาสาววิ่งเข้าไปพยุงร่างของขวัญชีวันที่กำลังสั่นเพราะกลัวกับเหตุการณ์ที่เผชิญ เกิดมาจนอายุยี่สิบแปด เอไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ปกติจะมีคนคอยดูแลเสมอมา ต่อให้เธอซุ่มซ่ามเป็นเรื่องแค่ไหน จะมีแก้วกัลยากับรักจิราคอยปกป้อง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ขวัญชีวันตั้งรับไม่ทัน ได้แต่ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว

“ก็นังนี่มันแกล้งฉัน”

“แกล้งอะไรคะ”

“มันแกล้งทำของหกใส่ฉัน เธอต้องไปเรียกคุณวาทินมาจัดการให้ฉัน ฉันไม่ยอมเด็ดขาด ถ้าไม่เรียกคุณวาทินลงมาฉันจะจัดการนังนี่เอง” พริมรตาเลขาสาวของวาทินแอบเบ้หน้าในทันที จุดประสงค์เอชัดเจนแล้ว ว่าต้องการพบคุณวาทินให้ได้
“แต่คุณวาทินไม่ว่างจริง ๆ นะคะ ถ้าคุณนุสราต้องการความรับผิดชอบ ทางโรงแรมจะรับผิดชอบให้”

“ไม่ ถ้าไม่เรียกคุณวาทินมา เธอต้องส่งนังพนักงานนั่นมาให้ฉัน” พริมรตามองขวัญชีวันที่น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างสงสาร แต่ก่อนที่จะมีเรื่องไปมากกว่านี้ ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับการก้าวเข้ามาของวาทิน ดวงตาคมตวัดมองขวัญชีวันที่พริมรตากำลังโอบไหล่ไว้อยู่ ส่วนเจ้าตัวดูเหมือนจะหลุดไปจากวงโคจรแล้ว มัวแต่ทำหน้าตื่น น้ำตาไหล

“คุณวาทิน” นุสราเดินเข้าไปจะกอดแขนเขา แต่ทิมเดินเข้ามาตัดหน้าไว้ไม่ให้นุสราเข้าถึงตัวเจ้านาย นุสราชักสีหน้าไม่พอใจคนสนิทของวาทิน

“คุณเลขาบอกว่าคุณติดประชุม ฉันมารอพบคุณตั้งแต่เช้า”

“ครับ ผมกำลังประชุม แต่มีคนทำเรื่องให้ผมต้องลงมา ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ”

“ก็นังพนักงานนี่มันแกล้งนุส ทำขนมหกใส่นุส”

“ไม่ใช่นะคะ คุณคนนั้นเขา” สติสตางค์ที่หายไปกลับคืนมา และพยายามแก้ต่างให้กับตัวเอง

“เธอยังกล้าปฏิเสธอีกหรอ คนทั้งห้องก็เห็นว่าตั้งใจเทขนมใส่ตัวฉัน ถ้าคุณวาทินไม่จัดการมันให้นุส นุสจะขอจัดการเอง” นุสรามองลูกน้อง ผู้ชายสองคนทำท่าจะเดินเข้ามหาขวัญชีวัน แต่ทิมเดินเข้ามาขวางไว้

“ใจเย็น ๆ ดีกว่าครับ เรื่องเล็กน้อยอย่าให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เอาอย่างนี้ผมจะให้ทางโรงแรมชดใช้ให้”

“ฉันก็มีหุ้นส่วนในโรงแรม ฉันไม่ใช่ลูกค้าที่จะให้ชดใช้ด้วยฟรีค่าใช้จ่าย”

“ผมจะให้เปิดกล้องวงจรปิดในห้อง จะได้รู้ว่าใครผิด” วาทินเองเริ่มทนไม่ไหวกับเสียงแหลม ๆ ของนุสราจึงจบปัญหาด้วยการเอ่ยขู่ นุสราและคนสนิทรีบหันไปมองมุมห้อง พึ่งสังเกตเห็นกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่

“เอ่อ...คือเรื่องแค่นี้ฉันไม่ติดใจเอาความหรอกค่ะ ตามจริงวันนี้ฉันมีเรื่องงานจะมาคุยกับคุณค่ะ” นุสราหน้าเจื่อนไปในทันที ทิมมองพริมรตาส่งสายตาให้พาขวัญชีวันออกไป ขวัญชีวันถูกพาขึ้นไปบนห้องทำงานชั้นบนสุดของผู้บริหาร โดนพาไปนั่งรอที่ห้องรับรองที่อยู่ข้าง ๆ กับห้องทำงานของวาทิน

“นั่งรออยู่ในนี้สักพัก คุณวาทินมีเรื่องจะพูดกับคุณ” ขวัญชีวันพยักหน้ารับ พริมรตาจึงเดินเลี่ยงออกไป ระหว่างที่นั่งอยู่ผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามา ขวัญชีวันที่หันไปมองรีบก้มหน้าหลบตาลง ทิมบอดี้การ์ดหนุ่มหรือมือขวาคนสนิทของวาทินเดินเข้ามา ดวงตาดุใบหน้าคมคายที่ไม่แย้มยิ้มยิ่งทำให้ดุขึ้นไปอีกจน ขวัญชีวันไม่กล้ามอง

“ฉันคิดไว้แล้วเชียว ว่าเธอมันตัวปัญหา ถ้าคิมไม่ช่วยเธอ เธอโดนจับโยนลงทะเลไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วรู้ตัวบ้างไหม” ทิมเอ่ยเสียงดุ ขวัญชีวันยิ่งก้มหน้าต่ำลง เขามองสำรวจตามเนื้อตามตัวมีแต่ร่องรอยบาดแผล และรอยช้ำ ที่มีทั้งแผลใหม่และเก่า เนื้อตัวยังเปียกชื้นจากเหตุการณ์เมื่อครู่ มองไปมองมาทิมเริ่มสงสาร ตอนแรกที่เขากลับขึ้นมากะจะมาต่อว่าผู้หญิงที่สร้างความวุ่นวานไปทั้งเกาะ ผู้หญิงที่ทำงานเพียงสามวันคนงานทั้งหมดพากันร่ำลือถึงความซุ่มซ่าม ที่ไม่รู้ว่าหรือเพราะเธอเป็นตัวทำลายกันแน่ ยิ่งเห็นท่าทีสั่น ๆ เป็นลูกนกทำให้ที่ต่อว่าไปเมื่อครู่เริ่มรู้สึกผิด

“ฉันจะให้คุณพริมมาทายาให้” แล้วเขาก็เดินออกไป อย่างมองสภาพที่น่าสมเพชรของเธอไม่ไหว ขวัญชีวันเงยหน้าขึ้นมองเขาที่เดินออกไปด้วยใจเต้น ใจที่เต้นแรงถี่เกิดจากความกลัว เธอกลัวลูกน้องคนนี้ไม่แพ้เจ้านายอย่างวาทินเลย พริมรตาถือกล่องยากเดินเข้ามาพร้อมกับผ้าขนหนู เธอยื่นผ้าส่งให้ขวัญชีวันเช็ดหน้าเช็ดตัว และเปิดกล่องปฐมพยาบาล

“ฉันทำเองก็ได้ค่ะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ แผลเยอะขนาดนี้ทำคนเดียวได้ยังไงคะ ฉันเป็นเลขาของคุณวาทิน ชื่อพริมรตาเรียกพริมก็ได้ค่ะ”

“เอ่อ...ฉัน”

“ฉันรู้จักคุณค่ะ คุณชื่อคุณขวัญชีวัน ฉันเรียกคุณขวัญแล้วกัน มาฉันทำแผลให้ คุณวาทินมาแล้วและรออยู่ในห้อง แต่ทิมให้ฉันมาทายาให้คุณก่อนที่จะเข้าไป เห็นทิมหน้าดุ ๆ แต่เขาก็ขี้สงสารนะคะ” แล้วเธอก็ทายาตามรอยช้ำ รวมถึงทายารอยแผลสดที่พึ่งเกิด

“คุณเป็นผู้หญิงต้องหัดระวังตัวนะคะ ผิวขาว ๆ เวลาเป็นแผลถ้าเป็นแผลเป็นขึ้นมามันจะชัดมาก มาค่ะฉันจะพาคุณไปพบคุณวาทิน” ขวัญชีวันเดินตามพริมรตาเข้าไปในห้องทำงานของวาทินอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอก้าวเข้ามาในห้องนี้ ครั้งแรกเธอมากับรักจิรา เธอรู้สึกอุ่นใจ เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรักจิราไม่มีวันทิ้งเธอแน่ แต่ครั้งที่สองเธอต้องมาเผชิญกับเขาเพียงลำพัง ถ้าเกิดเขาคิดจะฆ่าเธอ เธอไม่มีทางหนีได้แน่นอน และถ้าเลือกได้เธอไม่อยากให้มีครั้งที่สามอีก เธอว่าดวงตาดุ ๆ ของทิมน่ากลัวแล้ว แต่ดวงตาของวาทินหน้ากลัวกว่า มันไม่ใช่แค่ดุ มันเย็นเยือก และหนาวเหน็บ ดวงตาน่ากลัวของเขาคู่นี้คล้ายกับสัตว์ป่าที่เลือดเย็น มันสามารถสะกดทุกคนที่ถูกเขามองให้ก้าวขาไม่ออกได้ แม้เขาจะหล่อมาก แต่เธอก็กลัวเขามาก ไม่อยากพบหรือเผชิญหน้า เธอถูกพาเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงานเขาอีกครั้ง ขวัญชีวันไม่ยอมเงยหน้ามองเขาแม้แต่น้อย วาทินที่ในมือถือแฟ้มประวัติของผู้หญิงตรงหน้าจึงเป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองอย่างขัดใจ

“ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอ เธอถึงไม่เงยหน้ามามองฉัน เงยหน้า” ขวัญชีวันยิ่งก้มหน้าหนักกว่าเก่า “ฉันสั่งให้เงยหน้า เดี๋ยวนี้” ขวัญชีวันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ปรากฏน้ำตาที่ไหลอาบแก้ว ทิมที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เองก็ทำหน้าไม่ถูก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ถูกปกป้องมาตลอด คงจะรับไม่ได้กับสภาวะกดดันของเจ้านายเขา

“เธอจะร้องไห้ทำไม ฉันไม่ได้จะฆ่าเธอสักหน่อย หยุดร้องได้แล้ว” เขาเบนสายตาหนี ขวัญชีวันพยายามเช็ดน้ำตา แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหลออกมา วาทินถอดหายใจฮึดฮัด เขาไม่เคยพบเคยเจอคนที่กลัวเขาขนาดนี้

“หยุดร้องก่อนที่เจ้านายฉันจะโมโห” ทิมที่ขยับมายื่นข้าง ๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำตาที่อ่อนลง เขาเองก็ปลอบคนไม่เก่ง ถ้าคิมหันต์อยู่คงจะดีกว่านี้ จะได้มาจัดการให้แม่กระต่ายน้อยคนนี้เงียบสักที

“เจ้านายฉันไม่ได้จะฆ่าเธอ แค่อยากจะคุยด้วยเรื่องหนี้ ถ้าเธอยังร้องไม่หยุดก็จะคุยไม่ได้ ถ้าเธอยังอยากกลับบ้านต้องหยุดร้อง” น้ำตาค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่อได้ยินคำว่ากลับบ้าน วาทินออกคำสั่งทางสายตาว่าให้ทิมยืนอยู่ตรงนั้น ทิมจึงยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ขวัญชีวัน

“เอาล่ะทีนี้เราคุยกันได้หรือยัง ฉันสัญญาฉันจะไม่ทำอะไรเธอ ถ้าเธอยอมคุยดี ๆ ไม่ร้องไห้แบบเมื่อกี๋ และมองหน้าฉันไม่ใช่ก้มหน้า ฉันไม่ชอบให้คนที่พูดกับฉันก้มหน้ามองพื้น” ขวัญชีวันหันไปมองทิมที่ตอนนี้เธอต้องใช้เขาเป็นที่ยืดเหนี่ยวชั่วคราวทั้งที่กลัวเขา แต่วาทินน่ากลัวกว่า ทิมพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ทำตามซะ ขวัญชีวันยอมพยักหน้ารับ อาการที่สั่นเมื่อครู่ค่อย ๆ ลดลง

“เอาล่ะทีนี้เรามาคุยกัน อย่างแรกที่เธอควรจะรู้ไว้ ฉันไม่ใช่มาเฟีย ไม่ฆ่าคนเป็นผลักปลา อย่าทำเหมือนฉันเป็นฆาตกรโรคจิต ถ้าเธอคิดจะยังทำงานใช้หนี้อยู่” ขวัญชีวันพยักหน้ารับ และเงยหน้าขึ้นมองเขาที่มองเธอด้วยแววตาที่ยอมอ่อนลง เขามองสำรวจเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยบาดแผลและส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนผู้หญิงอย่างขวัญชีวันมีอยู่บนโลก ถ้าไม่มีคนยืนยันว่าเธอเป็นคนที่โก๊ะมาก เขาต้องคิดว่าเธอเป็นพวกมาโซคิส นิยมความเจ็บปวดเป็นชีวิตจิตใจแน่ ๆ มีที่ไหนแผลเก่ายังไม่หายแผลใหม่ตามมาอีกแล้ว ตอนแรกที่เขาเรียกเธอขึ้นมาเขากะว่าจะต่อว่าผู้หญิงที่พังเกาะเขาอีกรอบ แต่เห็นสภาพแบบนี้แล้วเขาต่อว่าไม่ลง

“หลังจากที่คิมให้เธอไปทดลองงานต่าง ๆ ฉันเห็นว่านอกจากว่ามันจะไม่ได้ช่วยให้เธอสามารถใช้หนี้ได้ มันยังทำให้หนี้ของเธอมากขึ้น ฉันมีงานใหม่ให้เธอทำ” ครั้งนี้ดวงตากลมใสซื่อของเธอมองสบเขาโดยไม่ได้หวาดกลัวอย่างในตอนแรก แต่ก็ยังมีร่องรอยของความหวั่น ๆ

“งานอะไรคะ” เธอเอ่ยถามเสียงเบา แต่เขาก็ยังพอจะได้ยิน

“ฉันจะให้เธอไปเลี้ยงน้องอีฟ ลูกสาวฉัน”

“ผมว่าไม่น่าจะดีจะครับ” ทิมเอ่ยแทนขวัญชีวันที่ก็กะจะพูดประโยคเดียวกับเขา มีอย่างที่ไหนขนาดตัวเองยังดูแลไม่ได้ และให้เธอไปดูแลลูกเขา เธอไม่เอาด้วยแน่ ๆ

“ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะให้เธอดูแลน้องอีฟระหว่างปิดเทอม ฉันดูประวัติเธอแล้ว เธอเล่นเปียโนได้ แถมยังเคยเป็นแชมป์เปียโนระดับประเทศ ไวโอลินเธอก็เป็น ฉันพูดผิดไหม” ขวัญชีวันส่ายหน้า เธอไม่ได้อยากจะเล่นเป็นสักหน่อย แต่แก้วกัลยาเป็นพวกชอบหางานอดิเรกทำ แต่ไม่อยากไปคนเดียวเลยชวนเธอไปด้วย แก้วกัลยาเรียกได้สามวันเบื่อก็เลือกในขณะที่เธอก็ยังคงเรียนเพราะเสียดายเงินค่าครอสเรียน กลายเป็นว่าเธอต้องเรียนตามแก้วกัลยาทุกอย่าง ในขณะที่แก้วกัลยาไม่เป็นอะไรเลยเพราะขี้เบื่อ แต่เธอกลับทำได้ทุกอย่าง

“ฉันจะจ้างเธอสองหมื่นต่อเดือน ไม่รวมโอที ถ้าเกิดเธอต้องดูแลน้องอีฟนอกสถานที่ ถ้าน้องอีฟต้องการไปเที่ยว ว่าไงเธอจะทำไหม” ขวัญชีวันเริ่มลังเล เงินตั้งสองหมื่น แถมยังมีโอทีดูแลนอกสถานที่ด้วย ขวัญชีวันกำลังลังเลใจ แต่ถ้าเธอยังเปลี่ยนงานไปมา เธอจะไม่มีทางหาเงินใช้หนี้เขาได้สำเร็จ

“ถ้าฉันตกลงล่ะคะ”

“แน่นอนว่าเธอจะได้เริ่มทำงานพรุ่งนี้ แต่มีข้อแม้” ขวัญชีวันทำหน้าวิตกกับข้อแม้ “เธอต้องดูแลลูกฉันชนิดยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม แม้แต่รอยหมดกัดห้ามมี และถ้าน้องอีฟจะไปไหนต้องรายงานผ่านทิม หรือคิมมาที่ฉัน แค่นี้เธอจะทำได้ไหม” ขวัญชีวันกำลังลังเลใจ แต่ถ้าเธอตั้งใจ ใช้สติมาก ๆ มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่ผ่านมาก็ได้ เธอไม่มีทางเลือกมากอีกแล้ว ถ้าเธอไม่ลองทำ เธอต้องได้ไปแบกปูนที่ไซต์งานก่อสร้างที่ตอนนี้วาทินกำลังจะสร้างภัตตาคารบนเกาะแห่งนี้แน่ ๆ

“ค่ะ แต่ถ้าเกิดน้องอีฟเกิดมีรอยแผลล่ะคะ”

“ชีวิตเธอเอามาแลก” ขวัญชีวันยืนนิ่งอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินคำพูดของวาทิน แต่เธอคงไม่รู้ว่าในใจเขากำลังหัวเราะขวัญชีวันอยู่ หลอกนิดเดียวก็เชื่อแล้ว นี่นะผู้หญิงที่บรรลุนิติภาวะไปนานแล้ว

ตู้ม!!!

เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น ขวัญชีวันสะดุ้งอย่างตกใจ และหันหน้าไปมองทิศทางของเสียง มันไม่ได้ดังมาจากหน้าเกาะ แต่มันดังมาจากหลังเกาะ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทิมกดรับสายนั้นทันที ใหบ้นาดุปรากฏรอยความเครียดก่อนจะกดวางสายและมองหน้าเจ้านาย

“นายครับ เกิดเรื่องที่อู่เรือหลังเกาะ เรือที่รับส่งนักท่องเที่ยวที่ใช้โดยสารกลับมาระเบิดครับ” ใบหน้าที่ผ่อนคลายเมื่อครู่เครียดขึงขึ้นมาอีกครั้ง

“มีใครได้รับบาดเจ็บไหม”

“ไม่มีครับ เรือนั้นมีปัญหา ถูกส่งมาซ่อม ผมคิดว่าพวกมันน่าจะคิดจะให้นักท่องเที่ยวที่โดยสารเรือลำนั้นตาย จะได้เป็นผลเสียกับเรา แต่โชคร้ายที่เรือเกิดใช้ไม่ได้ครับ”

“ประกาศออกไปให้นักท่องเที่ยวรู้ว่า เสียงที่ดังเป็นเสียงของพลุที่เราใช้ทดลองในงานเลี้ยงของเกาะในอาทิตย์หน้า และให้คนของเราจุดพลุที่เตรียมไว้ทดลอง กลบข่าวให้เรียบร้อยอย่าให้เกาะดารามีข่าวเสียหาย”

“ครับนาย” ทิมเดินออกจากห้องไป

“ส่วนเธอ กลับไปเก็บของ ฉันจะให้คนมารับไปที่บ้านพักของฉัน เธอต้องไปพักอยู่ที่นั่นระหว่างดูแลน้องอีฟ ถ้าน้องสาวเธอหาเงินมาใช้หนี้หมด ก็ถือว่าจบ งานของเธอจะเริ่มพรุ่งนี้” วาทินเอ่ยและต่อสายเรียกพริมรตาเข้ามารับขวัญชีวันออกไป ขวัญชีวันมองเรื่องราวที่ได้รับรู้ด้วยความครุ่นคิด พลางคิดไปว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องงานในคืนนั้นแน่ ๆ



.....ติดตามตอนต่อไปค่ะ....



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มิ.ย. 2557, 18:05:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 มิ.ย. 2557, 18:06:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1368





<< 9 ผู้หญิงเจ้าแผนการ   11 งานใหม่ภาระที่ใหญ่กว่าเดิม >>
yimyum 13 มิ.ย. 2557, 18:31:13 น.
อ้าวๆๆ จะเพิ่มหนี้อีกไหมเนี่ย--"


รวิกานต์ 14 มิ.ย. 2557, 12:28:44 น.
สุด ๆ อ่ะ


แว่นใส 14 มิ.ย. 2557, 21:08:29 น.
หนี้บานเลย


oolong 20 มิ.ย. 2557, 09:47:44 น.
ชอบคู่นี้ที่สุด ขวัญน่าสงสารจริง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account