แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 11 งานใหม่ภาระที่ใหญ่กว่าเดิม

11
งานใหม่ภาระใหญ่กว่าเดิม

แก้วกัลยาขึ้นไปที่ตึกวีนัส มีเดียด้วยท่าทีเพลียสุด ๆ เธอกำลังคิดว่าเธอคิดผิดหรือเปล่าที่จะเอาชนะใจเพทายด้วยวินาทีนี้ แทนที่จะได้เข้าใกล้ เขากลับผลักภาระงานล้นตัวให้กับเธอแทน และวัน ๆ เขาก็ประชุมจนไม่มีเวลาให้เธอได้เข้าไปทำคะแนน สำคัญที่สุดเขารับเลขาใหม่มาแล้ว เธอแค่ผู้ช่วยชั่วคราวทำงานมากกว่าเลขาใหม่เสียอีก นี่เจตนาเขาต้องการให้เธอยอมแพ้ เรื่องอะไรเธอไม่ยอมเสียหรอก วันนี้โชคดีที่เพทายมีประชุมแต่เช้าเรื่องโปรเจ็คใหม่ของคีตภัทร นักร้องเบอร์ต้น ๆ ของค่ายเพลง นอกจากโปรเจ็คใหม่ ยังประชุมเรื่องคอนเสิร์ตใหญ่เต็มตัวคอนเสิร์ตแรกของคีตภัทร หลังจากเข้าวงจรนักร้องมาได้สามปี แต่ยังไม่ได้มีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นของตัวเอง และปีนี้ยังเป็นปีพิเศษของวีนัส ปีนี้เป็นปีที่บริษัทวีนัส มีเดีย มีอายุครบรอบสามสิบปี เป็นปีที่พิเศษดังนั้นงานของผู้บริหารจึงเยอะมาก และเขายังช่วยเผื่อแผ่มาให้เธอ เมื่อเธอเสนอตัวเข้ามาช่วย อาจจะเรียกว่าใช้ก็ได้

“คุณแก้ว” มินตราเลขาคนใหม่เอ่ยเรียกแก้วกัลยาที่วันนี้เข้าบริษัทสายกว่าทุกวัน เธอเข้ามาทำงานวันเดียวกับที่แก้วกัลยามาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเพทาย เธอมองใบหน้าสวยใสที่ตอนนี้มันหมองลงต่างจากวันแรก แต่เธอก็ยังคงความสวยด้วยสไตล์การแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์ ดูเซ็กซี่แต่ไม่โป๊ เปิดในที่ควรเปิด ปิดในที่ควรปิด แม้จะดูเชิ่ด ๆ แต่ก็เป็นคนน่ารัก

“มีอะไรคะ” ดวงตาของแก้วกัลยาปรือแทบจะปิดหันไปสบกับมินตรา เลขาสาวลุคเชยคุณป้าที่เธอเป็นคนส่งมาให้เพทายเลือก เธอเคยบอกแล้วว่าเธอสนิทพนักงานแทบทุกระดับของที่นี่ รวมถึงพนักงานบุคคลที่รับสมัครเลขาใหม่ให้เพทาย เธอจึงแอบไปขอคัดคนที่จะมาสัมภาษณ์ โดยเลือกคนที่ถ้าไม่สวยก็อายุมาก ถ้าไม่อายุมากก็เป็นผู้ชาย สุดท้ายผู้ผ่านการสัมภาษณ์โหดหินของเพทายมาได้ก็คือ มินตรา สาวหน้าตาธรรมดาแต่งตัวดั่งคุณป้าปกติแก้วกัลยาเป้นประเภทที่ทนมองคนสภาพไม่สวยไม่ได้ แต่มินตราเธอยกเว้นให้ ถ้าเกิดแปลงโฉมให้สวมแล้วไปต้องตาต้องใจเพทายขึ้นมาเธอก็แน่สิ

“ท่านประธานฝากของให้คุณแก้วค่ะ” แก้วกัลยามองสมุดหนังสีน้ำตาลที่มีจดหมายแนบมาด้วย แก้วกัลยามองอย่างระแวง รู้สึกเหมือนกำลังโดยแกล้ง แต่ก็รับมาและเดินไปนั่งโต๊ะที่ของตัวเองที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับมินตรา แก้วกัลยาแกะซองจดหมายออก ตัวอักษรหวัด ๆ แต่เป็นระเบียบแบบนี้ลายมือของเพทายแน่นอน เขาลงทุนเขียนสั่งการเองเลยหรอ

‘ผู้จัดการส่วนตัวของคีตะไม่อยู่สองอาทิตย์ ตั้งแต่วันนี้คุณไปดูแลคีตะในฐานะผู้จัดการส่วนตัว คุณแค่จัดการควบคุมดูแลคีตะให้ไปตามงานในตารางที่ผู้จัดการของคีตะได้จัดไว้ให้แล้ว ห้ามรับงานอีเว้นท์เพิ่ม มีอะไรโทรถามคุณจีน่า ผู้จัดการส่วนตัวของคีตะ’

“นี่มันอะไร ฉันจะไปพบคุณเพชร”

“ไม่ได้นะคะ ไม่ได้ คือ...ว่า...”

“ฉันต้องการพบคุณเพชร ฉันจะขึ้นไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง นี่มันเกินไปไหม เขาแกล้งฉันอยู่ชัด ๆ” แก้วกัลยาทำท่าจะเดินออกไปแต่ก็ก็ชะงัก และหันไปมองหน้ามินตราที่มีพิรุธผิดปกติ เธอหมุนตัวเดินกลับไปบานประตูห้องทำงานของผู้บริหาร มินตรารีบเดินมาขวางไว้ในทันที

“เธอมาขวางฉันทำไม” มินตราไม่กล้าเอ่ย และกลับใบหน้ายิ่งตื่นตนก เผยพิรุธออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสังเกตเห็นได้ชัด “ถอยไป ท่านประธานไม่ได้ประชุมใช่ไหม ฉันถาม ใช่ไหม” มินตราทำหน้าไม่ถูก และจังหวะที่กำลังหาทางแก้วตัวเป็นตัวคำพูด แก้วกัลยาก็เดินอ้อมหลงมินตราและเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อคเข้าไป และเป็นอย่างที่คิด เพทายไม่ได้ประชุม เขานั่งคุยอยู่กับดารินทิพย์ด้วยท่าทีสนิทสนม นี่เขาตั้งใจไม่บอกเธอว่าการประชุมถูกเลื่อนออกไปเป็นวันพรุ่งนี้ เพราะต้องการนักดารินทิพย์มาคุยปรับความเข้าใจกับเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อน

“คุณแก้ว!!!” ดารินทิพย์ทำสีหน้าระคนปนแปลกใจที่เห็นแก้วกัลยายืนอยู่ แก้วกัลยายิ้มทักทายและหันไปมองผู้ชายที่กล้างัดข้อกับเธอ

“ดิฉันต้องการคุยกับคุณเพชร....เรื่องงาน....เป็นการส่วนตัว” แก้วกัลยาพูดพลางปรายตามองดารินทิพย์ ซึ่งเธอต้องการพูดคำว่าส่วนตัวเพื่อไล่ดารินทิพย์ออกไป เพทายมองแก้วกัลยาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขาทำท่าจะรั้งดารินทิพย์ไว้ แต่เพราะดารินทิพย์เผลอหันไปสบตากับแก้วกัลยาที่ตอนนี้กำลังถลึงตาใส่เธออยู่ ดารินทิพย์รีบเก็บของลุกขึ้น

“คือ...เอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีนะคะพี่เพชร ดาว่าดากลับก่อนดีกว่า พี่เพชรจะได้คุยเรื่องงานกับคุณแก้ว” ดารินทิพย์พูดจบก็เดินออกไป ระหว่างที่เดินออกไปเธอต้องเดินสวนกับแก้วกัลยาที่หน้าประตู ขาทั้งสองข้างหยุดชะงักลง เมื่อแก้วกัลยาหันมาพูดประโชคหนึ่งกับเธอ

“ถ้ายังอยากมีที่ยืนบนสังคมอย่างสวยงาม ถอยออกไปจากเกมส์นี้ซะ อย่ามายุ่งกับคุณเพชร อย่าให้ฉันต้องแฉเธอเลยคุณดาหวัน เพราะฉันไม่อยากทำร้ายคุณหรอก” ดารินทิพย์หันสบตากับแก้วกัลยาในทันที เธอมองเห็นประกายบางอย่างที่แก้วกัลยาดูมั่นใจมาก และเธอก็รีบเดินออกไป

“คุณพูดอะไรกับน้องดา” แก้วกัลยาเบ้หน้ากับสรรพนามที่ใช้เรียกคุณหนูหน้าหวานแสนเปราะบาง
“ฉันไม่อยากคุยเรื่องผู้หญิงคนอื่นกับคุณ”

“น้องดาไม่ใช่คนอื่น”

“หรอคะ” แก้วกัลยายิ้ม แต่เหมือนนึกขึ้นได้ว่าจุดประสงค์ที่เธอมาที่นี่เพื่อมาคุยเรื่องงาน “ฉันมีเรื่องจะถามคุณนี่มันอะไรคะ” แก้วกัลยาวางสมุดบันทึกและจดหมายลงบนโต๊ะ

“ก็งานคุณไง”

“ฉันไม่ทำ คุณใช้ฉันมากไปแล้วนะคะ ฉันตกลงกับคุณแล้วว่าฉันต้องทำให้คุณชอบฉัน แต่คุณเล่นเขี่ยฉันออกห่างตลอดเวลา แล้วฉันจะมีโอกาสแทะ...เอ่อ...ทำคะแนนได้ยังไงคะ” แก้วกัลยาเอ่ย

“นั่นมันเรื่องของคุณ คุณบอกเองว่าจะมาทำงานในฐานะผู้ช่วย ผมก็ให้คุณทำแล้วคุณจะเอายังไงอีก”

“แต่...”

“ถ้าไม่ทำก็ออกไป เรื่องสัญญาที่ตกลงกันไว้ก็ถือว่าเป็นโมฆะ เชิญออกไปได้แล้วครับผมจะทำงาน” แก้วกัลยาแย้มยิ้มที่มุมปากและเดินมาที่หน้าเก้าอี้ตั้งใจหมุนเก้าอี้ให้หันมาหาตนก่อนจะวางมือซ้ายเท้าไว้ที่พนักพิงหลัง เพทายทำท่าจะลุกขึ้นหนี แต่แก้วกัลยาก็ใช้มืออีกข้างผลักเขาให้กลับลงไปนั่ง มือเรียวสวยวางทาบลงที่อกของเขาและลูบเบา ๆ ใบกน้าสวยยิ้มอย่างที่ตนคิดว่าเซ็กซี่สุด ๆ

“คุณ...คุณจะทำอะไรคุณแก้ว”

“นั่นสิทำอะไรดีนะ ในเมื่อคุณอยากเขี่ยฉันออกห่างจากคุณถึงสองอาทิตย์ ฉันใช้วิธีลัดดีมะ” เพทายขมวดคิ้ว

“วิธีลัดอะไร”

“ก็จับคุณปล้ำ ทีนี้ก็จบแล้ว ถึงคุณไม่รับผิดชอบ คุณน้าก็ต้องให้คุณรับผิดชอบ” แก้วกัลยาพูดและยิ้มเมื่อเห็นสีหน่าที่ตกตะลึงกับคำพูดเธอของเขา เธอพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้

“มันไม่ตลกนะคุณ”

“โธ่ที่รัก ทำเป็นไม่เคยไปได้ มามะให้เค้าหอมแก้มที่รักหน่อยดีกว่า” แก้วกัลยาทำท่าจะก้มหน้าลงไป เพทายดันเก้าอี้ถอยหลังไปทันที แก้วกัลป์บาที่ทรงตัวไม่ได้เพราะเพทายเลื่อนเก้าอี้ในจังกวะที่เธอไม่ได้ตั้งตัว มือที่วางอยู่จึงไถลออก ร่างบางของแก้วกัลยาที่เมื่อครู่กำลังจะแกล้งเขาถลาเข้าไปหาเขาในทันที ดวงหน้าหวานที่เมื่อครู่เลื่อนเข้าไปหาใบหน้าหล่อเหลาของเขาพุ่งเข้าชนกับหน้าเขาเต็ม ๆ ริมฝีปากสีแดงอวบได้รูปประทับเข้าที่ริมฝีปากของหนุ่มหล่อ ใบหน้าหวานที่ไม่ได้เตรียมการตั้งรับกับเหตุการณ์ตรงหน้าตื่นตะลึงตาม เธอถอยตัวกลับไปยืนใบหน้าเห็นชัดว่าทำอะไรไม่ถูก

“ฉัน...ฉันตกลงทำงานที่คุณส่ง ฉันไปนะ ฉันสรุปแฟ้มเอกสารให้คุณแล้ว ขอตัวนะคะ” แล้วแก้วกัลยาก็เดินออกไป เพทายที่ตกใจแต่มองปฏิกิริยาของผู้หญิงใจกล้าด้วยสายตาขบขัน ผู้หญิงที่ท่าทางมั่นใจ ชอบแทะโลมเขาทั้งคำพูดและการกระทำ แต่แค่ถลาเข้ามาจุมพิตเขาเพียงแตะ ๆ กลับเขินอาย เขายิ้มออกและส่ายหน้ากับท่าทีแปลกใหม่ของแก้วกัลยาที่ไม่เคยพบ


แก้วกัลยาเปิดประตูวิ่งหน้าตื่นออกมา มินตราหันมองแก้วกัลยาด้วยความแปลกใจกับท่าทีที่ไม่เคยพบเจอ แก้วกัลยาเดินเหม่อมานั่งแหมะลงที่เก้าอี้ของตนเองและลูบริมฝีปากเบา ๆ อาการตกใจค้างยังคงอยู่ เกิดมาในชีวิตผู้ชายที่เคยออกเดทกับเธอ เคยคบกันแค่จับมือกันเธอก็ไม่ยอมแล้ว แม้เธอจะไปเรียนเมืองนอกมานาน เรืองแบบนี้พบเห็น และมีเพื่อนถ่ายถอดประสบการณ์ให้ฟังอยู่บ่อยครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยลองภาคทฤษฎี แม้นี่จะเป็นเพียงการแจะปากยังไม่ได้จูบอย่างลึกซึ้ง แต่เพทายก็ขโมยจูบแรกที่เธอจะเก็บไว้มอบให้เจ้าบ่าวของเธอในอนาคต แต่เขาเอามันไปแล้ว เขาต้องรับผิดชอบ เขาต้องเป็นแฟน เขาต้องเป็นของเธอเท่านั่น เพราะนี่ถือว่าเขาตีตราจองเธอแล้ว อย่าหวังว่าเธอจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ

“คุณแก้วคะ คุณแก้ว คุณแก้ว!!!” แก้วกัลยาสะดุ้งและหันกลับไปมองมินตรา

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” แก้วกัลยาส่ายหน้า

“เปล่านี่ เอ่อ...ฉันขอตัวนะ มีธุระต้องทำ อ่อ...มิน ถ้าเกิดมีผู้หญิงมาหาคุณเพชร โทรรายงานฉันด้วย ต่อให้เป็นยัยดาหวันนั่นก็โทรมานะ”

“เอ่อ...ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ได้ค่ะ” แก้วกัลยายิ้มอย่างพอใจ และถือกระเป๋าเดินลงจากตึกไป แก้วกัลยามองสมุดตารางงานของคีตภัทร โชคดีที่ผู้จัดการของคีตภัทรรับงานช่วงสองอาทิตย์ไม่เยอะ เพื่อให้คีตภัทรได้มีเวลามาซ้อมเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตแรกของเขาที่กำลังจะเกิดขึ้น วันนี้คีตภัทรมีถ่ายโฆษณา มีโน้ตที่เขียนตัวปากกาแดงว่าให้เธอไปรับคีตภัทรออกมา ซึ้งในสมุดตารางงานมีเบอร์ของคีตภัทรและที่อยู่พร้อม สองอาทิตย์นี้เธอต้องกลายเป็นผู้จัดการดารา อีกอย่างที่เธอยอมออกห่างจากเพทายง่าย ๆ เพราะเธอต้องการเวลาหลบไปทำใจ เหตุการณ์เมื่อครู่ยังทำให้เธอตกใจไม่หาย เธอไม่อยากหลุดท่าทีที่ดูอ่อนไหวออกมาให้เสียเซลล์



รักจิราฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอทำงานในฐานะผู้ช่วยบรรณาธิการ เธอพบสัจธรรมที่เที่ยงแท้ในวันนี้เองว่าผู้ช่วยบรรณาธิการคือเบ๊ของบรรณาธิการดี ๆ นี่เอง เพราะเขาโยนภาระงานต่าง ๆ มาให้เธอทำ หน้าที่ผู้ช่วยของเธอไม่ต่างจากผู้ประสานงาน ด้วยหนังสือพิมพ์เป็นหนังสือพิมพ์รายวันเธอต้องเป็นผู้ประสานงานตรวจสอบงาน ทั้งที่นี่เป็นหน้าที่ของบรรณาธิการ พอเธอเถียงเขากลับอ้างต้องการให้เธอรู้จักความละเอียดอ่อน สุดท้ายงานข่าวก็ต้องผ่านตาเขาทุกชิ้น นั่นสิเมื่อมันต้องผ่านตาเขา แล้วจะเอามาให้เธอตรวจดูเพื่ออะไร นอกจากนั้นเธอต้องประสานงานเรื่องโฆษณา ประสานงานกับหัวหน้าข่าวแต่ละโต๊ะ โทรตามต้นฉบับที่ต้องส่งให้ทันก่อนจะตีพิมพ์ ตอนนี้เธอทำงานหัวหมุนไปหมดแล้ว รวม ๆ แล้วทั้งวันเธอต้องนั่งทำงานงก ๆ ภาระหนักกว่าตอนที่เป็นนักข่าวเสียอีก

“รัก รัก รักจิรา” อัสนีที่เดินมาที่โต๊ะทำงานของเธอเอ่ยเรียก ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่ม เธอควรจะกลับบ้านได้แล้ว แต่กลับมาหลังอยู่ที่โต๊ะทำงาน ใบหน้าสวยใสดูเหนื่อยอ่อน เขารู้ว่าเธอเหนื่อยแค่ไหนจากคนที่วิ่งตามข่าวแต่วันหนึ่งมาทำงานที่ไม่ใช่สิ่งที่ถนัด แต่นี่จะเป็นการสั่งสอนควบคู่ไปกับการให้เธอได้เรียนรู้ อีกนัยหนึ่งอาจจะเป็นอย่างที่เธอค่อนขอดเขาว่าเขาต้องการแก้เผ็ดเธอเรื่องที่เธอเคยสร้างไว้ในอดีต ผู้หญิงตรงหน้าคือคนที่บอกเลิกเขาโดยที่ตัวเขาไม่เคยรู้ว่าตัวเองผิดอะไร เธอสร้างตราบาปที่เจ็บปวดให้กับเขา แม้เวลาจะผ่านไปเกือบสิบปีแล้ว แต่เขาไม่ลืมหรอก ดังนั้นจนกว่าเขาจะพอใจเธอไม่มีทางหนีเขาได้แน่นอน

“สาย...ฟ้า” เขาก้มหน้าไปใกล้เธอมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเธอบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่พอเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตากลมโตที่แข็งกระด้างกลับลืมขึ้น ใบหน้าสวย ๆ แสดงความตกใจก่อนจะ

พลั่ก!!!!

“โอ๊ย!!!”

“ไอ้บ้ากาม นี่คิดว่าเป็นเจ้านายแล้วจะขมเหงฉันหรอ ตายซะเถอะ” รักจิราเข้าไปในจังหวะที่อัสนีไม่ทันตั้งตัว ชกหน้าเขาอีกครั้ง มือคว้าจับบ่าก่อนจะตีเข่าไปที่กลางกายเขา

“ยัย...” เขาอ้าปากจะอธิบาย แต่ดูเหมือนรักจิราจะไม่ฟังตามประสาผู้หญิงบ้าดีเดือด ที่พออารมณ์ขึ้นก็ใช้อารมณ์ลูกเดียว แค่ครั้งนี้เขาไม่ปล่อยให้เธอได้ใจเข้ามาทำร้ายเขาอีก มือที่ทำท่าจะชกเข้ามาถูกรับไว้ด้วยมือที่แข็งแกร่งของบุรุษผู้มีกำลังมากกว่า เมื่อจับมือได้เขาก็ดึงตัวเธอมารวบตัวเข้ากอดไว้

“ไอ้...สายฟ้า ปล่อยนะเว้ย ถ้าฉันหลุดได้ฉันฆ่านายแน่ ไอ้ชีกอ”

“เจ็รัก ผมมา....รับ...เอ่อ...อุ้ย!!! ขอโทษครับ...ต่อกันเลย” นิรุธที่เดินกลับเข้ามาในสำนักงานเพราะรักจิราโทรตามให้มารับ เขาไม่เห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเอง เลยเดินเข้ามาในห้องบรรณาธิการ พอเปิดเข้าไปก็เจอภาพคล้ายกับหนุ่มสาวที่กำลังง้องอนกอดกันกลม

“เฮ้ย!!! ไอ้รุธ รอด้วย มารับฉันก่อน” นิรุธวิ่งออกไปไกลแล้ว รักจิราหันหน้ากลับมาต้องมองผู้ชายที่นอกจากจะลักหลับเธอแล้ว ยังหลอกแต๊ะอั๋งเธออีก รักจิราเริ่มโวยวาย ตอนนี้ในสำนักงานแทบจะไม่มีคนอยู่แล้ว เพราะนักข่าวส่วนใหญ่ก็ออกไปปฏิบัติงาน บางคนก็กลับบ้าน ภายในตึกสำนักงานมีคนอยู่น้อยมาก บวกกับห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียงตะโกนคอแทบแตกก็คงไม่มีใครเข้ามาเห็น รักจิราเริ่มเหนื่อยหยุดดิ้น หยุดโวยวาย และตวัดสายตาขึ้นมองคนที่ยังไม่ยอมปล่อยเธอออก ดวงตากลมโตที่แข็งกร้าวอ่อนลง เช่นเดียวกับดวงตาคมคร้ามที่ชอบมองเธอด้วยแววตากวนโมโหค่อย ๆ หายไปแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาที่แสนจะคุ้นเคย ดวงตาที่มองแล้วให้ความรู้สึกอ่อนโยน ดวงตาของพี่ฟ้า ผู้ชายที่เธอเคยรักมาก

“อารมณ์ร้อนไปเคยเปลี่ยน ทำอะไรไม่เคยคิด กี่ปี ๆ นิสัยแบบนี้ก็แก้ไม่หาย” รักจิรามองผู้ชายที่กำลังเอ่ยเสียงคล้ายเหนื่อยหน่ายใจ ไม่ใช้น้ำเสียงเยาะเย้ยเช่นเคย แต่ก่อนที่รักจิราจะตกอยู่ในภวังค์ไปนานกว่านี้ เธอก็พลักความรู้สึกเก่า ๆ ที่ถูกกลบฝังไปนานแล้วออกไป

“ปล่อยได้แล้ว ไม่ตองมาทำบ่น ใครใช้ให้นายคิดจะลักหลับฉันล่ะ” รักจิราเอ่ยตะโกนใส่หน้าเขา ดวงตาของรักจิรากลับมาแข็งกร้าวอีกครั้ง และเมื่อได้ยินคำพูดประโยคท้าย รอยยิ้มกวน ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง

“ฉันเนี่ยนะลักหลับเธอ” รอยยิ้มกวน ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ

“ใช่ ฉันลืมตาขึ้นมานายกำลัง...”

“ฉันจะบอกให้ ให้ฉันไปจูบก้นหมายังดีกว่ามาลักหลับเธอเลย ยัยเพ้อเจ้อ ฉันได้ยินเธอบ่นอะไรก็ไม่รู้ กลัวว่าจะโดนผีอำ เลิกคิดได้เลยฉันไม่มีทางพิศวาสเธออีกเป็นครั้งที่สองแน่ ยัยตัวอสบเอ๊ย!!!” อัสนีปล่อยรักจิราออกเดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองและเดินออกไป รักจิรายืนนิ่งค้าง คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าหัวใจมันกระตุกวูบอย่างแรง

“จะไม่กลับบ้านหรอ” เสียงเขาดังขึ้น พร้อมกับโผล่หน้าเข้ามาในห้อง

“กลับ”

“กลับก็มาสิ ฉันจะแวะไปส่ง นี่เห็นว่าทำงานดึกหรอก” รักจิราไม่ยอมเดินตามเขาไป หลอกใช้งานเธอทั้งวันแล้วอยู่ ๆ จะมาใจดีเธอไม่เชื่อหรอก เขาอาจจะแกล้งขับรถไปปล่อยเธอไว้กลางทางก็ได้ รักจิราเก็บกระเป๋า และเดินไปจะขึ้นแท็กซี่กลับ แต่อัสนีกลับตามเธอมา

“นี่ฉันบอกฉันจะไปส่งไง”

“ไปต้อง ฉันกลับเองได้ และนี่มันหมดเวลางานแล้ว ไม่ต้องมาออกคำสั่งฉัน” รักจิราหยุดเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน รักจิรากดรับเมือเห็นว่านิรุธโทรมา ตอนแรกเธอกะจะต่อว่าที่กล้าวิ่งหนีทิ้งเธอไว้ แต่เพราะปลายสายพูดขึ้นมาตัดหน้าเอก่อนด้วยน้ำเสียงที่ตกใจสุด ๆ

(เจ๊เกิดเรื่องแล้ว เจ๊หนิมตายแล้ว ตำรวจพึ่งพบศพเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน) รักจิรานิ่งงันลงไปทันที นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องเล่น ๆ แล้ว สัปดาห์ที่ผ่านมานับจากวันที่อุมาตาย หนิมหรือกมลชนก รุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนสนิทของอุมาเป็นรายที่สามที่ถูกฆาตกรรม รายที่สองที่พึ่งถูกพบศพเมื่อสามวันก่อนคือทวิศหัวหน้าข่าวโต๊ะสังคมที่ก็สนิทกับอุมา ทั้งสามคนตายในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ตายเหตุจากการฆาตกรรม

“ฉันจะรีบไป ที่เกิดเหตุ”

(ลานจอดรถชั้นห้าที่คอนโดเจ๊หนิม) รักจิรากดวางสาย ถ้ารอรถมีหวังไม่ได้ไปแน่ เธอหันกลีบไปมองอัสนีที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ และเขาคงได้ยินแล้ว เสียงที่พูดในโทรศัพท์ดังขนาดนี้

“ไปสิ” เขาพูดและดึงแขนเธอให้ตามไป แต่รักจิราสะบัดแขนออก อัสนีทำหน้าเบื่อหน่ายและเดินนำไปที่รถของตัวเองที่ตอนนี้สภาพกลับมาเหมือนเดิมแล้วหลังจากที่รักจิราไปก่อเรื่องไว้ และคนที่ต้องไปจัดการก็คือรักจิรานั่นแหละ


รักจิราเปิดประตูลงจากรถเมื่อมาถึงจุดหมายเธอวิ่งไปที่เกิดเหตุ ตำรวจล้อมที่เกิดเหตุไว้กันคนนอกไม่ให้เข้าไปยุ่ง กมลชนกมีสภาพการตายคล้ายกับอุมาพร เธอโดนฆ่าตายบนรถ โดนยิงตัดขั้วหัวใจ ไม่มีร่องรอยการค้นใด ๆ รักจิราเดินไปหานิรุธที่กำลังยืนคุยอยู่กับตำรวจคนหนึ่งอยู่

“ไอ้รุธ” รักจิราเดินเข้ามาขัดกลางวงสนทนา ด้านหลังคืออัสนีที่รีบตามมาหลังจอดรถเรียบร้อย

“เจ๊รัก บอกอ” นิรุธมองรุ่นพี่สาวที่เดินมาหยุดอยู่ข้างตน รักจิราหันมองตำรวจหนุ่มหล่อคมที่ยืนอยู่ตรงหน้า หนุ่มหล่อคนนี้คือ ร้อยตำรวจเอกอติพงษ์ ยุทธนาปกรณ์ ตำรวจหนุ่มที่เป็นผู้ดูแลคดีนี้

“เอ่อ...พี่ติ นั่นเจ้านายผมคุณอัสนีเป็นบอกอหนังสือพิมพ์ที่ผมทำงานอยู่แล้วก็เป็นเจ้านายของพี่หนิมที่ตาย ส่วนผู้หญิงสวยแต่กินไม่ได้นั่นชื่อรักจิรา หรือเจ๊รัก บอกอ เจ๊รักนี่ผู้กองอติพงษ์ เป็นเพื่อนของพี่ชายผม แล้วก็เป็นคนที่มาดูแลคดีนี้” รักจิราหันไปมองผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะคลี่ยิ้มส่งให้เป็นการทักทายตามนิสัยของรักจิรา อัสนีมองดวงตาแข็งกร้าวที่มองนายตำรวจตรงหน้าอย่างสนใจ

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณรัก คุณอัสนี” อัสนีเพียงยิ้มและพยักหน้ารับเท่านั้น รักจิราไม่ได้สนใจอัสนีที่จะทักทายตำรวจหนุ่มหล่อยังไง เธอสนใจคดีมากกว่า

“คือได้หลักฐานอะไรบ้างไหมคะ” รักจิราถาม ศพของกมลชนกถูกนำตัวออกไปแล้ว เธออาจจะไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับคนทั้งสำนักงานข่าว แต่บุคคลที่ตายก็เป็นคนพบปะเคยทักทายหยอกล้อกันทุกครั้งที่พบ และทั้งหมดล้วนเป็นรุ่นพี่ในสายงาน เธอเองก็เป็นเดือดเป็นร้อนแทน เธอไม่รู้ว่านี่จะเป็นรายสุดท้ายหรือเปล่า ยิ่งคดีไม่ได้คืบหน้าเธอก็ยิ่งเป็นกังวลแทนเพื่อนร่วมงานของเธอที่เริ่มเป็นกังวล

“ไม่ครับ คนร้ายไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้เลย รวมถึงคนร้ายหลบจุดกล้องวงจรปิดเหมือนเตรียมตัวมาดีแล้ว กล้องที่ด้านหน้าจับภาพรถคั้นหนึ่งได้ แต่เป็นรถไม่มีป้ายทะเบียน เรากำลังตรวจสอบคงจะได้รู้เร็ว ๆ นี้”

“ผู้กองคิดว่าสามคดีที่มีนักข่าวตายมันจะเกี่ยวโยงกันไหมคะ” รักจิราถาม

“เป็นไปได้ จากคำให้การของคุณครั้งก่อน พวกเราตรวจสอบแล้วรถที่ขี่ตามรถคุณอุมาไปถูกจอดทิ้งไว้บ้านร้างหลังหนึ่ง ตรวจสอบทะเบียนรถ ทะเบียนที่ใช้ก็เป็นทะเบียนปลอม ตอนนี้เรากำลังตรวจสอบรถคันนั้นอีกครั้ง อาจจะเชื่อมโยงอะไรได้บ้าง”

“คุณตำรวจคิดยังไงกับคดีนี้”

“ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐานที่มากพอ คนร้ายไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้เลย คนร้ายคงจะเป็นมืออาชีพมาก นอกจากคำให้การรวมถึงสิ่งที่เราตรวจพบในที่เกิดเหตุ มันมีโอกาสเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจเป็นคนเดียวกัน หรือบางทีอาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่ถ้าคนร้ายเป็นคนเดียวกันจริง ๆ ผมสันนิษฐานว่าบางทีคนร้ายอาจจะเป็นคู่แข่งทางผลประโยชน์ที่ต้องการทำลายภาพลักษณ์หนังสือพิมพ์ หรือบางทีอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับผลประโยชน์อะไรเลย แต่เกี่ยวกับตัวผู้ตายโดยตรง เป็นไปได้สูงบางที่ทั้งสามที่ตายอาจจะไปรู้อะไรบางอย่างเข้า”

“ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นเหตุผลที่สองมากกว่านะคะ เพราะบ้านของพี่อุมาโดยรื้อค้นด้วย รวมถึงบ้านของพี่ทวิศเองก็โดยรื้อค้นเหมือนกัน”

“ผมให้ตำรวจขึ้นไปตรวจบนห้องของคุณกมลชนก ผมคิดว่าห้องของเธอหน้าจะถูกคนร้ายเข้าไปค้นหลังจากฆ่าคุณกมลชนกแล้ว และมันเป็นเรื่องบังเอิญที่กล่องวงจรปิดชั้นสิบเกือบทุกตัวถูกถอดออกเพื่อเปลี่ยนเป็นกล้องวงจรตัวใหม่รวมถึงกล้องตัวที่อยู่ห้องห้องของคุณกมลชนกด้วย ส่วนตัวที่ใช้ได้ก็จับภาพไม่ได้ คาดว่าคนร้ายคงจะใช้บันไดหนีไฟหนีออกไป คนร้ายน่าจะมาสำรวจทางหนีทีไล่ไว้ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่หลบกล้องวงจรปิดพ้น หลักฐานเดียวในตอนนี้คือเราต้องตามรถคันนั้น”

“คือถ้าฉันจะขอเบอร์ผู้กองได้ไหมคะ” รักจิราเอ่ยออกไป อัสนีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หันมอง

“เฮ้ยเจ๊ เจ๊บ้าป่ะ อยู่ ๆ ไปขอเบอร์โทรพี่ติแบบนี้ เจ๊เป็นผู้หญิง” นิรุธเอ่ยขึ้นแทนเสียก่อน รักจิราเคยขอเบอร์ผู้ชายก่อนที่ไหน นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้

“แกคิดไปถึงไหน ฉันไม่ได้จะจีบผู้กองเขาอย่างที่แกคิดหรอก ฉันแค่อยากจะขอเบอร์โทรไว้ เอาไว้อยากปรึกษาเรื่องคดีไง” รักจิราอธิบายเมื่อเห็นสีหน้ารุ่นน้องกำลังมองมาที่เธออย่างจับสังเกต

“แต่คดีนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอนะรักจิรา” อัสนีที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น

“ไม่เกี่ยวยังไง คนที่ตายก็รุ่นพี่ที่ทำงานฉัน และบางทีมันอาจจะมีเรื่องร้ายแรงกว่านี้ ขอเบอร์ผู้กองไว้ไม่เห็นจะเสียหายอะไรเกิดเรื่องก็โทรหาผู้กองเลย สะดวกดี”

“191 ก็โทรได้”

“แต่ฉันจะเอาเบอร์ผู้กอง สนิทกับตำรวจไว้ไม่เสียหายอะไร มีปัญหาผู้กองจะได้ช่วย” รักจิราเอ่ย

“แต่มันน่าเกลียด เธอเป็นผู้หญิงจะไปขอเบอร์ผู้ชายก่อนได้ยังไง” อัสนีเอ่ยขึ้น รักจิรามองหน้าเขาอย่างรำคาญและหันกลับไปมองหน้าอติพงษ์อีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นผู้กองก็ขอเบอร์ฉันสิคะ” รักจิราเบื่ออัสนีที่อ้างโน่นอ้างนี่ไปมาน่ารำคาญจึงคัดปัญหา พลางคิดในใจว่าอะไรกันนักกันหนา กะแค่ขอเบอร์โทรเธอไม่ได้ขอเบอร์เขาไม่ทำคุณไสยซะหน่อย ในขณะที่อติพงษ์ที่ยืนเป็นคนกลางอยู่กับนิรุธมองหน้ารักจิราและมองไปที่อันสีและรู้สึกเหมือนงานเข้า เพราะสายตาอัสนีมองมาที่เขามันดูไม่เป็นมิตรเลย เขาไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่ไม่อยากมีปัญหามากกว่า

“คือ...”

“กลับบ้านได้แล้วมืดแล้ว อยากรู้อะไรไว้คุยวันหลัง เดี่ยวคนที่บ้านเธอจะเป็นห่วง” แล้วอัสนีก็ดึงรักจิราเดินออกไปทันที อติพงษ์มองอัสนีที่เดินลากรักจิราที่พยายามยื้อตัวไว้ไม่ยอมไป แต่สู้แรงไม่ได้เลยถลาตามแรงดึงของอัสนี อติพงษ์มองทั้งคู่อย่างงงงวย
“เจ้านายแกกับรุ่นพี่แกเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่า”

“เปล่าพี่ติ ผมเองก็งงเหมือนกัน ตอนแรกผมก็ว่าเปล่าตอนนี้ผมไม่แน่ใจ เอ่อ...เดี๋ยวผมกลับก่อนดีกว่า ถ้าเกิดมีอะไรคืบหน้าโทรหาผมด้วยนะ” แล้วนิรุธก็เดินกลับไป โดยที่ในหัวยังนึกถึงภาพที่ตนเห็นในห้องทำงานของอัสนี และท่าทางของทั้งคู่ เขารู้สึกว่าทั้งคู่เหมือนแฟนทะเลาะกันแล้วไม่ยอมคุยกันดี ๆ มากกว่า


“ฉันยังคุยไม่เสร็จเลยนะ” รักจิราเอ่ยหลังจากอัสนีปล่อยแจนเธอ นั่นหลังจากที่จับเธอยัดเขารถได้แล้ว เขาทำหน้าไม่สนและขับรถไปส่งตามหน้าที่ โดยไม่ยอมคุยกับเธอแถมยังทำลอยหน้าลอยตาใส่อีกด้วย
“แล้วนี่ฉันขอให้ไปส่งแล้วหรือไง”

“เงียบ ๆ เถอะ น่ารำคาญส่งเสียงดังเอ๊ะอะโวยวาย แบบนี้ไงถึงไม่มีใครมาจีบ” อัสนีเอ่ย

“ไม่มีใครมาจีบมันก็เรื่องของฉัน แต่นายมีสิทธิ์อะไรมาบังคับฉัน แล้วฉันยังไม่เสร็จธุระกับผู้กองอติพงษ์ อยู่ ๆ ลากออกมาทำไม เสียมารยาทที่สุด หรือว่าที่นายไม่ยอมให้ฉันคุยกับคุณผู้กอง เพราะว่าหวงฉัน” คำพูดที่พูดออกมาหน้าตายไม่ได้สะทกสะท้ายเขินอายแบบผู้หญิงคนอื่นทำให้อัสนีเหยียบเบรกรถจนเสียงล้อที่บดถนนส่งเสียง

เอี๊ยด!!!

“เธอว่าไงนะ”

“การที่นายขัดขวางฉันแบบนี้มันมีอยู่สองเหตุผลเหตุผลแรกนายกลัวว่าถ้าเกิดฉันคุยกับผู้กองอติพงษ์ไปเรื่อยๆ ฉันกับเขาอาจจะสปาร์กกันขึ้นมา และทีนี้ฉันก็จะนำหน้านายไปไกล นายกลัวเสียหน้าใช่ไหมล่ะ กลัวแพ้ฉันที่หาแฟนได้ก่อนนาย” อัสนีเงียบ

“หรืออีกเหตุผลหนึ่งนายหวงก้าง ไม่อยากให้ฉันมีแฟน หรือคุยกับใคร เพราะนายยังไม่ลืมฉัน มันก็น่าคิดนะ หรือบางทีที่นายไม่มีแฟนทุกวันนี้ที่ก็เพราะนายยังไม่ลืมฉัน ใช่ไหม” รักจิรามองสบตากับเขา เขาก็สบตากับเธอ เธอสัมผัสได้ถึงความวูบไหวบางอย่าง อัสนียังคงเงียบ ยังไม่ยอมตอบอะไร แม้จะเป็นการถามแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่เธอกลับรู้สึกลุ้น ลุ้นกับคำตอบของเขาเหลือเกิน แต่แล้ว

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อยู่ ๆ อัสนีก็ระเบิดหัวเราะออกมา รักจิรามองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“หัวเราะบ้าอะไร”

“ไอ้นิสัยมั่นใจบางทีก็ทิ้งมันไปบ้างนะ คิดได้ยังไง ฉันเนี่ยนะหวงเธอ เฮอะ แล้วฉันเนี่ยนะไม่ลืมเธอ นี่จะบอกให้รู้นะหล่อ ๆ อย่างฉันมีแฟนเพี๊ยบ ยิ่งไปนอกไม่อยากจะคุย รอคิวให้ฉันควงบานเถอะ แล้วหวงเธอคิดว่าเธอสวยมากเลยหรอ สวยขนาดที่ฉันต้องรั้งไว้เลยหรอ บอกให้รู้ ว่าสิ่งผิดพลาดที่สุดของฉันคือไปคบกับเธอ และฉันยอมผิดพลาดแค่ครั้งเดียว และขออธิบายก่อนเธอจะคิดเองเออเองไปมากกว่านี้ ที่ฉันขวางเธอ เพราะไม่อยากให้เธอเข้าไปยุ่งกับคดีไปมากกว่านี้ คดีนี้ถ้ามีหนึ่งสอง แสดงว่าจะมีสามสี่ห้าตามมา ฉันเลยไม่อยากให้เธอเข้าไปยุ่ง กันเธอออกจากคดี”

“ทำไม”

“ฉันยังหาผู้ช่วยบรรณาธิการใหม่ไม่ได้ ถ้าเกิดเธอเป็นอะไรขึ้นมา ฉันก็ต้องทำงานประสานอะไรคนเดียว ดังนั้นฉันก็ต้องดึงเธอไว้ก่อน และอย่าคิดอะไรน่าขำอีกนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เขาส่งเสียงหัวเราะ รักจิรากำมือแน่น มือกำลังสั่นขากแรงโกรธ ใบหน้าสวยมองเขาด้วยแววตาวาวโรจน์ก่อนจะ

พลั่ก!!!!

“โอ๊ย!!!”

“คนเฮงซวย พรุ่งนี้ฉันลาหยุด และไม่ต้องไปส่งแล้วฉันกลับเองได้” รักจิราเปิดประตูรถลงไปโบกแท็กซี่และขึ้นรถกลับไป ในขณะที่อัสนียังช็อคที่โดนจู่โจมโดยที่ไม่ทันตั้งตัว รู้ตัวอีกทีรักจิราก็หายไปแล้ว เขาสบถออกมา

“ยัยตัวแสบเอ๊ย ต่อยแล้วหนีเลยหรอ”


....ติดตามตอนต่อไป....



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 มิ.ย. 2557, 15:12:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มิ.ย. 2557, 11:29:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1696





<< 10 ก่อร่างสร้างหนี้   12 ปองรัก ปองร้าย >>
แว่นใส 16 มิ.ย. 2557, 19:29:35 น.
สมควร


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account