อ้อนรักเดิมพันหัวใจ (สนพ.กรีนมายด์)
เพราะการพบกันครั้งแรกเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจสำหรับ “ศันลิตา” หญิงสาวสวยน่ารักเจ้าของร้านหนังสือจึงทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ “กฤตตะวัน” หนุ่มหล่อขี้เก๊กเจ้าแผนการ โดยไม่รู้ว่าเขาคือทายาทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง เพราะความจำเป็นทำให้กฤตตะวันต้องเข้ามาเป็นพนักงานขายในร้านหนังสือเพื่อแลกกับความช่วยเหลือบางอย่างจากศันลิตา เกมรักที่มีหัวใจเป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับความจริงซึ่งนำพาไปสู่อันตราย
“พูดแบบนี้แสดงว่าคุณไม่กล้าเดิมพันกับผม เพราะกลัวว่าจะหลงรักผมใช่มั้ยล่ะ” กฤตตะวันถามพลางมองสบตาหญิงสาวอย่างท้าทาย
“อย่างฉันเนี่ยนะต้องกลัวหลงรักคุณ รู้จักศันลิตาน้อยไปซะแล้ว ตกลงฉันรับเดิมพันกับคุณแต่ถ้าครบกำหนดสามเดือนแล้วคุณไม่สามารถทำให้ฉันพูดว่ารักคุณได้ ต่อไปคุณห้ามมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีกนะ” ศันลิตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะที่กฤตตะวันคลี่ยิ้มอย่างสมหวังดวงตาคู่คมเป็นประกายพราวระยับเมื่อโน้มใบหน้าคมเข้มลงมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูหญิงสาวอย่างใกล้ชิดว่า
“ตกลงตามนั้นและนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณหลงรักผมแล้วนะศันลิตา”
เดิมพันหัวใจครั้งนี้ใครจะแพ้ ใครจะชนะ ใครเจ้าเล่ห์กว่าใครในเกมรัก เชิญร่วมลุ้นไปกับพวกเขาใน “อ้อนรักเดิมพันหัวใจ” ค่ะ

ขอแจ้งให้นักอ่านทราบล่วงหน้าว่านิยายเรื่องนี้จะลงเนื้อเรื่องเพียงแค่ 60% เท่านั้น ไรเตอร์จะทยอยอัพให้อ่านวันละตอนนะคะ เนื่องจากนิยายได้รับการตีพิมพ์แล้วจะวางแผงในเดือนมิถุนายน 2257 นี้ค่ะ ใครสนใจสั่งจองได้ที่เว็บกรีนมายด์เลยนะคะ

Tags: รัก, กุ๊กกิ๊ก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 11

เมื่อคืนกฤตตะวันกับเกศวรางค์ไปรอรับบิดามารดาที่สนามบินในตอนเที่ยงคืนและเดินทางกลับมาถึงบ้านเกือบตีสอง กว่าจะได้นอนก็เป็นเวลาเกือบตีสามแต่ชายหนุ่มก็ยังสามารถลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก่อนเก้าโมงเช้าเพราะตั้งใจว่าจะรีบไปช่วยศันลิตากับคนอื่นๆ จัดร้านในวันนี้ตามที่ได้บอกกับหญิงสาวเอาไว้

“อ้าว! นั้นจะออกไปข้างนอกเหรอกฤต เมื่อคืนกว่าจะกลับจากสนามบินมาถึงบ้านก็เกือบตีสองแล้วไม่ง่วงรึไงลูก” คุณวารุณีซึ่งกำลังนั่งดูรูปอยู่กับคุณกรียงไกรและเกศวรางค์ทักถามขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงของลูกชายคนเล็กเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นตอนเก้าโมงเช้าในชุดเตรียมพร้อมออกนอกบ้าน

“ผมจะไปทำงานครับคุณแม่” กฤตตะวันตอบมารดา ซึ่งก็ทำให้คุณวารุณีกับคุณเกรียงไกรถึงกับมองหน้าลูกชายด้วยความประหลาดใจทันทีก่อนที่คุณเกรียงไกรจะถามขึ้นว่า

“มีงานเร่งที่บริษัทรึไงถึงต้องไปทำวันอาทิตย์”

“ไม่ใช่งานที่บริษัทหรอกค่ะคุณพ่อคุณแม่ เดี๋ยวเกศเล่าให้ฟังเองค่ะ” เกศวรางค์บอกบิดามารดาก่อนจะหันมาบอกน้องชาย

“ส่วนนายก็ไปทำงานได้แล้วเดี๋ยวจะสายมาก”

กฤตตะวันพยักหน้าก่อนจะเอ่ยขอตัวกับบิดามารดาจากนั้นร่างสูงจึงก้าวออกไปจากห้องนั่งเล่น เมื่อลับร่างของกฤตตะวันเกศวรางค์จึงเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้บิดามารดาฟังทันที

“แล้วเกศกับกฤตแน่ใจเหรอว่าเจ้าของร้านหนังสือคนนั้นเก่งพอที่จะช่วยตรวจสอบบัญชีให้เราได้” คุณเกรียงไกรถามขึ้นหลังจากที่ฟังลูกสาวคนโตเล่าจบ

“ต้าเค้าเคยทำงานฝ่ายบัญชีที่ธนาคาร...ค่ะคุณพ่อแล้วเค้าก็เป็นนักบัญชีอิสระด้วย เกศมั่นใจว่าเค้าน่าจะช่วยเหลือเราได้ค่ะ”

“แล้วหนูต้าคนนี้อายุเท่าไหร่กันจ๊ะเกศถึงได้มั่นอกมั่นใจในฝีมือเค้าขนาดนั้น” คุณวารุณีถามขึ้นบ้าง

“อายุยี่สิบเจ็ดค่ะคุณแม่ หน้าตาสวยน่ารักนิสัยก็ดีด้วยนะคะ” เกศวรางค์ตอบมารดาด้วยพร้อมด้วยรอยยิ้มมีความหมาย คุณวารุณีหัวเราะเบาๆ กับคำตอบของลูกสาวคนโตก่อนจะกระเซ้าว่า

“แม่ถามแค่อายุแล้วทำไมมีแถมเรื่องหน้าตากับนิสัยมาด้วยล่ะจ๊ะ”

“ก็แบบว่า...เกศรู้สึกถูกชะตากับต้าค่ะอยากได้มาเป็นน้องสะใภ้” เกศวรางค์ตอบมารดาตามตรง คุณเกรียงไกรเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางถามลูกสาวคนโตอย่างขบขัน

“หืม ถึงขนาดถูกชะตาจนอยากได้มาเป็นน้องสะใภ้เลยเหรอลูก ท่าทางเด็กคนนี้จะมีอะไรพิเศษถึงได้สะดุดตามาดามเกศวรางค์ได้”

“พิเศษสิคะคุณพ่อ เพราะเกศไม่เคยเห็นนายกฤตตามตอแยแล้วก็แกล้งแหย่ผู้หญิงคนไหนเหมือนต้ามาก่อนเลย ปกติก็คุยกับผู้หญิงแค่ไม่กี่คำตามมารยาทเท่านั้น แต่คนนี้ถึงขนาดเดินตามแกล้งพูดจากวนประสาทเค้าเลยนะคะ”

“ตากฤตนี่นะตามตอแยแล้วก็แกล้งผู้หญิง” คุณวารุณีทวนถามอย่างไม่ค่อยเชื่อหูตนเองนักเพราะรู้จักนิสัยของลูกชายคนเล็กดีว่าเป็นคนขี้รำคาญและไม่ชอบวุ่นวายกับผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไร ถึงแม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาเกศวรางค์จะพยายามหาแฟนให้เขาอยู่ตลอดเวลาแต่กฤตตะวันก็ปฏิเสธผู้หญิงทุกคนที่พี่สาวพามาแนะนำให้รู้จัก

“ใช่ค่ะ เกศว่านายกฤตสนใจผู้หญิงคนนี้จริงๆ นะคะ รับรองว่าเร็วๆ นี้คุณพ่อคุณแม่ได้ลูกสะใภ้แน่นอนค่ะ” เกศวรางค์พูดอย่างมั่นใจ

“พ่อชักอยากจะเห็นหนูต้าคนนี้แล้วสิว่าสวยขนาดไหน ถึงได้ทำให้คนขี้รำคาญผู้หญิงอย่างเจ้ากฤตตามตอแยได้” คุณเกรียงไกรพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน จากนั้นสามคนพ่อแม่ลูกก็พากันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปสนใจกับอัลบั้มรูปต่อ

วันนี้บรรยากาศการจัดร้านมุมสบายฯ เป็นไปอย่างสนุกสนานเพราะมีเพทายซึ่งเป็นคนขี้เล่น คุยเก่ง คอยพูดจากระเซ้าเย้าแหย่คนนั้นทีคนนี้ทีโดยมีวีณากับแพรช่วยเป็นกองหนุน ในขณะที่กฤตตะวันกับชัยพรเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการช่วยโยกย้ายเปลี่ยนมุมชั้นวางหนังสือตามที่ศันลิตาต้องการ ส่วนศิริวรรณทำหน้าที่เป็นกองเสบียงคอยหาเครื่องดื่มกับขนมนมเนยมาบริการทุกคนอยู่ตลอดเวลา

เมื่อกฤตตะวันกับชัยพรช่วยกันปรับเปลี่ยนมุมของชั้นวางหนังสือเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ช่วยกันจัดหนังสือเข้าชั้นตามหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบ ศันลิตาเห็นว่ามีที่ว่างพอที่จะจัดหนังสือใหม่ซึ่งเพิ่งส่งมาเมื่อวานนี้เข้าไปเพิ่มเติมบนชั้น ดังนั้นหญิงสาวจึงขึ้นไปเอาหนังสือบนชั้นสองเพื่อมาจัดเข้าชั้นโดยมีกฤตตะวันเดินตามไปช่วยด้วย

“คุณต้องจัดร้านใหม่แบบนี้เป็นประจำเลยเหรอ” กฤตตะวันถามในระหว่างที่เขากำลังเดินตามหญิงสาวขึ้นบันได

“ทุกสองเดือนฉันจะจัดร้านใหม่เพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศในร้านน่ะ ลูกค้าเข้ามาจะได้ไม่เซ็ง” ศันลิตาตอบพลางเปิดประตูห้องก้าวเข้าไป หญิงสาวกวาดตามองไปตามชั้นวางกล่องหนังสืออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปยกบันไดพับมากางออกแล้วทำท่าจะปีนขึ้นไป

“เฮ้ๆ นั่นคุณจะทำอะไรน่ะ” กฤตตะวันร้องถามเสียงหลงเมื่อเห็นการกระทำของหญิงสาว

“ก็ปีนขึ้นไปหยิบกล่องหนังสือไงคุณ” ศันลิตาตอบพลางก้าวขาเหยียบบันไดขึ้นไปตามความเคยชินเพราะเธอปีนขึ้นไปยกกล่องหนังสือเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ยังช้ากว่ากฤตตะวันที่รีบก้าวพรวดเดียวถึงตัวหญิงสาวพลางจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้แล้วพูดว่า

“คุณเป็นผู้หญิงจะปีนขึ้นไปได้ยังไง”

“ฉันก็ปีนของฉันเป็นประจำอยู่แล้วไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” ศันลิตาพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“แล้วคุณจะให้ผมซึ่งเป็นผู้ชายยืนดูคุณขึ้นปีนขึ้นไปยกกล่องนี่นะ คุณยืนอยู่เฉยๆ เลยเดี๋ยวผมจะปีนขึ้นไปยกกล่องลงมาให้เอง” กฤตตะวันบอกหญิงสาวเสียงเข้ม

“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณสุภาพบุรุษ แล้วก็กรุณาอย่าทำกล่องหล่นลงมาใส่หัวฉันล่ะ” ศันลิตาแกล้งพูดล้อเลียนชายหนุ่ม กฤตตะวันยิ้มก่อนจะย้อนหญิงสาวกลับมาหน้าตาเฉยว่า

“ผมไม่ได้ซุ่มซ่ามเหมือนคนบางคนที่เคยทำถุงหมูยอหล่นใส่หัวผมนะครับคุณสุภาพสตรี”

“มันคืออุบัติเหตุนะคุณ” ศันลิตาแย้งเสียงขุ่นเมื่อถูกชายหนุ่มยกเอาเหตุการณ์บนเครื่องบินมาทำให้เธอต้องรู้สึกขายหน้าอีกครั้ง

“อุบัติเหตุนั่นเกิดขึ้นเพราะความซุ่มซ่ามของคุณต่างหาก” กฤตตะวันโต้ยิ้มๆ พลางปีนบันไดขึ้นไปดึงกล่องหนังสือออกมาจากชั้นวาง หญิงสาวมองค้อนแผ่นหลังคนพูดอย่างหมั่นไส้พลางพูดคาดโทษเขา

“คอยดูเถอะถ้าคุณซุ่มซ่ามเมื่อไหร่ฉันจะสมน้ำหน้าคุณบ้าง” ศันลิตาพูดยังไม่ทันขาดคำ กฤตตะวันก็ร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเขาก้าวขาลงมาบันไดขั้นสุดท้ายพลาดทำให้ร่างสูงเสียหลักทันที

“โอ๊ะ!”

“ว้าย! ระวังนะคุณ” ศันลิตาร้องอุทานขึ้นด้วยความตกใจพอกันพลางรีบเข้าไปช่วยประคองกล่องในมือของเขาเอาไว้เพื่อให้ชายหนุ่มสามารถทรงตัวได้ไม่เสียหลักล้ม

“เอ๊ะ!” หญิงสาวชะงักทันทีเมื่อรู้สึกว่ากล่องที่เธอช่วยจับเอาไว้ไร้น้ำหนักอย่างสิ้นเชิง พอเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่กำลังมองเธอพลางยิ้มกริ่มอยู่ศันลิตาก็รู้ตัวทันทีว่าเธอเสียรู้ถูกเขาหลอกอีกแล้ว

“คุณหลอกฉัน!” หญิงสาวว่าพลางดึงกล่องไปจากมือชายหนุ่มแล้วก็พบว่ามันคือกล่องเปล่าจริงๆ

“ผมล้อเล่นน่าคุณ” พูดจบชายหนุ่มก็หัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี

ในขณะที่คนถูกแกล้งกำลังนึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจอยากจะทุ่มกล่องในมือใส่หนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ตรงหน้าเหลือเกินที่เขาช่างสรรหาเรื่องมากลั่นแกล้งเธอได้ทุกครั้งที่มีโอกาส หลังจากนับหนึ่งถึงสิบอยู่ครู่หนึ่งศันลิตาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะบอกชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานว่า

“ฉันขี้เกียจทะเลาะกับคุณแล้ว เสียเวลาเปล่าๆ คุณรีบขึ้นไปยกกล่องหนังสือลงมาเถอะจะได้เอาลงไปจัดใส่ชั้น”

เมื่อเห็นหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกฤตตะวันจึงไม่อยากจะแกล้งอีกฝ่ายให้เสียเวลาทำงาน ดังนั้นชายหนุ่มจึงปีนบันไดขึ้นไปตามที่หญิงสาวบอกอย่างว่าง่าย โดยไม่เห็นเลยว่าคนที่อยู่ข้างล่างกำลังแอบอมยิ้มเพราะคิดแผนเอาคืนคนเจ้าเล่ห์ได้แล้ว

ทุกคนที่กำลังช่วยกันจัดหนังสือเข้าชั้นต่างพากันเบิกตากว้างทันทีเมื่อหันมาเห็นกฤตตะวันยกกล่องหนังสือสองกล่องซึ่งคงจะหนักพอควรซ้อนกันเดินตามหลังศันลิตามาด้วยท่าทางทุลักทุเล ส่วนคนที่เดินนำหน้ากำลังยิ้มระรื่นอย่างสบายอารมณ์ ชัยพรรีบเดินเข้าไปช่วยรับกล่องหนังสือจากกฤตตะวันมาหนึ่งกล่องแล้วนำไปวางลงตรงชั้นหนังสือที่ว่างอยู่

“อ้าว! ทำไมต้าให้คุณกฤตยกหนังสือมาซะเยอะแยะเลยมีชั้นว่างวางหนังสือได้แค่แปดเล่มเองนะ” ศิริวรรณถามน้องสาวอย่างไม่เข้าใจ

พอหญิงสาวรุ่นพี่พูดจบประโยคกฤตตะวันก็รู้ตัวแล้วว่าเขาถูกศันลิตาแกล้งให้ยกกล่องหนังสือหนักอึ้งลงมาถึงสองกล่องเต็มๆ ทั้งที่บนชั้นวางหนังสือได้เพียงแค่แปดเล่มเท่านั้นเอง เมื่อหันไปมองใบหน้าเนียนสวยของคนที่กำลังยืนกอดอกทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ เพทาย กฤตตะวันก็นึกหมั่นเขี้ยวอยากจะคว้าร่างเพรียวระหงมาจับพาดบ่าแล้วตีก้นสักทีสองทีให้หลาบจำโทษฐานที่เธอแกล้งหลอกเขาเมื่อครู่ แต่ในเมื่อขณะนี้ยังทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้ดังนั้นกฤตตะวันจึงขอรวบยอดเอาไว้ทบต้นต้นดอกคิดบัญชีเมื่อมีโอกาสก็แล้วกัน

“สรุปว่ามีชั้นว่างวางหนังสือได้แค่แปดเล่มเองเหรอคะต้านึกว่าจะวางได้เยอะกว่านั้นซะอีก ถ้างั้นเดี๋ยวหยิบหนังสือออกมากล่องละสี่เล่มแล้วก็ให้คุณกฤตยกกล่องหนังสือขึ้นไปเก็บเลยดีกว่านะคะจะได้ไม่เกะกะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินมาเปิดกล่องแล้วหยิบหนังสือออกมาจากกล่องทั้งสองใบอย่างละสี่เล่มแล้วส่งให้วีณากับแพรไปจัดใส่ชั้นก่อนจะหันมาบอกกฤตตะวันว่า

“เดี๋ยวคุณช่วยยกกล่องหนังสือสองกล่องนี่ขึ้นไปเก็บด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”

กฤตตะวันมองสบตาหญิงสาวเป็นเชิงบอกว่าฝากเอาไว้ก่อนแล้วเขาจะเอาคืนในภายหลังอย่างแน่นอน ในขณะที่ศันลิตาอมยิ้มอย่างขบขันเมื่อเห็นแววตาขุ่นเคืองของชายหนุ่ม

“เดี่ยวพี่ช่วยคุณกฤตยกกล่องหนังสือขึ้นไปเก็บคนละกล่องดีกว่านะ” ชัยพรอาสาพลางขยับจะยกกล่องหนังสือขึ้น แต่ศันลิตาก็รีบพูดขัดขึ้นทันที

“ให้คุณกฤตยกขึ้นไปคนเดียวเถอะค่ะแค่สองกล่องเองคุณกฤตยกไหวอยู่แล้ว ส่วนพี่ชัยต้าขอแรงมาช่วยย้ายกระถางต้นไม้ข้างประตูร้านไปไว้ตรงมุมห้องด้านโน้นหน่อยค่ะ”

“แต่พี่ว่า...” ชัยพรทำท่าจะแย้ง กฤตตะวันจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า

“เดี๋ยวผมยกขึ้นไปเองครับผมยกไหว พี่ชัยไปช่วยคุณต้าย้ายกระถางต้นไม้เถอะครับ” พูดจบชายหนุ่มก็ยกกล่องหนังสือมาซ้อนกันก่อนจะยกเดินขึ้นไปเก็บบนชั้นสอง

“เธอแกล้งคุณกฤตใช่มั้ยยัยต้า” เพทายถามขึ้นทันทีเมื่อลับร่างชายหนุ่มในขณะที่คนอื่นต่างพากันหันมามองหน้าหญิงสาวอย่างรอคอยคำตอบเช่นกัน ศันลิตายกไหล่เล็กน้อยก่อนจะปฏิเสธหน้าตาเฉย

“ฉันเปล่าแกล้งเค้าซะหน่อย”

“ไม่ได้แกล้ง แล้วทำไมต้าถึงให้คุณกฤตยกหนังสือลงมาตั้งสองกล่อง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าบนชั้นจะวางหนังสือได้อีกกี่เล่ม” ศิริวรรณถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงเข้มงวด

“เค้าแกล้งต้าก่อนนี่ ต้าก็ต้องเอาคืนบ้างสิคะพี่วรรณ” ศันลิตาตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนักเพราะถึงอย่างไรเธอก็ยังรู้สึกเกรงใจพี่สาวเสมอในยามที่ศิริวรรณพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบนี้ พอตอบคำถามพี่สาวเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็รีบชักชวนชัยพรไปช่วยกันเคลื่อนย้ายกระถางต้นไม้ทันที

“สองคนนี้ยังไงกันนะเจอหน้ากันทีไรเป็นต้องหาเรื่องแกล้งกันทุกทีเลย” ศิริวรรณพูดพลางส่ายหน้าอย่างระอาใจระคนแปลกใจเพราะกฤตตะวันดูเป็นคนนิ่งๆ เวลาพูดคุยกับเธอหรือคนอื่นเขาจะมีท่าทางสุภาพและรักษาระยะห่างเอาไว้เสมอ แต่กับน้องสาวของเธอชายหนุ่มกลับหาเรื่องกลั่นแกล้งและชวนทะเลาะได้ทุกครั้งที่มีโอกาส

“แกล้งกันไปแกล้งกันมาแบบนี้เพทายว่ามันชักจะยังไงๆ อยู่นะคะพี่วรรณ” เพทายกระซิบบอกหญิงสาวรุ่นพี่ด้วยรอยยิ้มประหลาด ศิริวรรณมองหน้าเพื่อนรักของน้องสาวทันทีพลางถามด้วยความสงสัย

“ไอ้ยังไงๆ นี่คืออะไรเหรอเพทาย”

“ก็ที่คุณกฤตชอบหาเรื่องแกล้งยัยต้านี่แหละค่ะพี่วรรณไม่รู้สึกว่าแปลกๆ บ้างเหรอคะ”

“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง” ศิริวรรณพูดด้วยท่าทางไม่ใส่ใจนักถึงแม้ลึกๆ จะเริ่มรู้สึกผิดปกติกับทีท่าของกฤตตะวันอยู่บ้างก็ตาม แต่เพทายกลับมองไปทางศันลิตาแล้วอมยิ้มเพราะสัญชาตญาณกำลังบอกกับเธอว่าอีกไม่นานจะต้องมีเรื่องสนุกๆ เกิดขึ้นภายในร้านหนังสือแห่งนี้อย่างแน่นอน

หลังจากที่จัดหนังสือเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้วทุกคนก็ช่วยกันทำความสะอาดร้านโดยเพทาย วีณา และแพรช่วยกันปัดกวาดเช็ดถูพื้น ส่วนชัยพรนั้นปีนขึ้นไปเช็ดทำความสะอาดโคมไฟแขวนทุกดวงในร้านโดยมีศิริวรรณคอยช่วยเหลือคอยบิดผ้าส่งให้ และกฤตตะวันรับหน้าที่ทำความสะอาดกระจกหน้าร้านคู่กับศันลิตาซึ่งก็เป็นโอกาสให้หญิงสาวได้หาทางแกล้งชายหนุ่มอีกจนได้

“ตรงนั้นคุณยังเช็ดกระจกไม่สะอาดเลยนะ” ศันลิตาส่งเสียงบอกบอกชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่บนบันไดพลางชี้มือไปที่มุมกระจกด้านบนสุด กฤตตะวันมองตามมือหญิงสาวไปก่อนจะประชดมาว่า

“ผมเช็ดมุมนั้นไปสามรอบแล้วนะคุณ กระจกมันใสจนแมลงวันจะบินชนตายได้แล้วมั้ง”

“ก็ฉันยังเห็นกระจกมีรอยอยู่นี่ ฉันบอกให้เช็ดคุณก็เช็ดไปเถอะน่า”

“รับทราบแล้วครับเจ้านาย” กฤตตะวันประชดอีกรอบก่อนจะยื่นแขนไปเช็ดกระจกตามคำสั่งหญิงสาว ส่วนศันลิตาแอบหัวเราะอยู่คนเดียวอย่างสะใจที่สามารถกลั่นแกล้งชายหนุ่มได้

“กำลังทำความสะอาดร้านกันอยู่เหรอครับ”

เสียงทักถามอย่างคุ้นเคยของชายหนุ่มซึ่งหายหน้าหายตาไปนานหลายวันที่เพิ่งจะผลักประตูร้านก้าวเข้ามาทำให้ทุกคนต้องชะงักมือจากงานที่กำลังทำอยู่แล้วหันมามองเจ้าของเสียงทันที ศุภโชคส่งยิ้มให้ทุกคนพลางทักทาย

“สวัสดีครับทุกคนผมไม่รู้ว่าวันนี้ทำความสะอาดร้านก็เลยไม่ได้มาช่วยตั้งแต่เช้า เอ๊ะ! นายมาทำอะไรที่นี่” ท้ายประโยคศุภโชคถามพลางชักสีหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นกฤตตะวันปีนลงมาจากบันได

“ก็มาช่วยทำความสะอาดร้านไง” กฤตตะวันตอบหน้าตาเฉย

“นายมีสิทธิ์อะไรมาช่วยทำความสะอาดร้าน” ศุภโชคกระชากเสียงถามพลางก้าวเข้ามายืนเผชิญหน้ากับกฤตตะวันแต่ก็ยังรักษาระยะห่างเอาไว้พอสมควร

“คุณกฤตเป็นพนักงานชั่วคราวที่นี่ก็เลยต้องมาช่วยทำความสะอาดตามหน้าที่ค่ะคุณโชค” ศันลิตาเป็นคนตอบคำถามเขาแทนกฤตตะวัน

“อะไรนะ! พนักงานชั่วคราว หมายความว่ายังไงแล้วทำไมคุณต้าต้องรับหมอนี่เข้ามาเป็นพนักงานด้วย” ศุภโชคโวยวายใส่หญิงสาวอย่างลืมตัว ศันลิตาตั้งท่าจะโต้ชายหนุ่มขี้วีนจอมเหวี่ยงกลับ แต่ก็ยังช้ากว่าคนร่างสูงซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเธอที่ถามศุภโชคขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ว่า

“แล้วทำไมนายต้องมาโวยวายเสียงดังใส่ผู้หญิงแบบนี้ด้วย”

“มันเป็นเรื่องระหว่างฉันกับคุณต้า นายไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยว”

“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ในเมื่อศันลิตาเป็นแฟนฉัน” กฤตตะวันพูดสวนขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบทันทีที่ศุภโชคพูดจบประโยค และคำพูดของชายหนุ่มก็ทำให้ทุกคนถึงกับเบิกตากว้างแล้วอุทานออกมาพร้อมๆ กันพลางมองหน้าคนพูดอย่างคาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบนั้นออกมาไม่เว้นแม้กระทั่งศันลิตาที่ถูกแอบอ้างโดยไม่รู้ตัว

“หา!”

“นายกับคุณต้าไปเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ นายอย่ามาโกหกฉันนะ!” ศุภโชคถามเสียงห้วนหลังจากตั้งสติได้

“นั่นสิฉันไป…” ศันลิตาซึ่งเพิ่งจะหาเสียงตัวเองเจอทำท่าจะแย้งคำพูดของกฤตตะวัน แต่แล้วก็ต้องชะงักกลางคันเมื่อชายหนุ่มกระซิบบอกเบาๆ อย่างรวดเร็วอยู่ทางด้านหลังว่า

“ผมจะช่วยไล่นายตัวน่ารำคาญนี่ให้คุณ เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องช่วยให้ความร่วมมือกับผมด้วย”

หญิงสาวเหลือบไปมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มครู่หนึ่ง เมื่อกฤตตะวันขยิบตาให้อีกครั้งศันลิตาจึงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจบอกกับศุภโชคว่า

“ฉันกับคุณกฤตเพิ่งจะตกลงเป็นแฟนกันเมื่อวานนี้เองค่ะคุณโชค” คำพูดของศันลิตาไม่ได้ทำให้ศุภโชครู้สึกตกใจเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่รวมทั้งศิริวรรณ ชัยพร วีณา แพร และเพทายด้วยที่ประสานเสียงอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจอีกรอบ ส่วนกฤตตะวันยืนอมยิ้มพลางหลุบเปลือกตาลงซ่อนแววตาเจ้าเล่ห์พราวระยับเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น

“ไม่จริง! คุณต้ากำลังล้อผมเล่นใช่มั้ย คุณไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับหมอนี่ใช่มั้ย หรือว่าคุณโดนหมอนี่บังคับบอกมาเลยผมจะจัดการให้เอง” ศุภโชคโวยวายถามเสียงดังลั่นอย่างไม่ยอมง่ายๆ ในขณะที่กฤตตะวันมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างเอือมระอาพลางถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“นายจะจัดการกับฉันยังไงเหรอ”

“ก็...” ศุภโชคอ้ำอึ้งเพราะเขาเองก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะจัดการกับกฤตตะวันอย่างไร ครั้นจะชกต่อยเขาก็รู้ตัวดีว่าสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะกฤตตะวันมีรูปร่างที่สูงแข็งแรงกว่าเขามากแถมอีกฝ่ายยังเป็นถึงอดีตนักกีฬาเทควันโดของมหาวิทยาลัยด้วย และที่สำคัญก็คือศุภโชคยังรู้สึกเข็ดหลาบกับการโดนบิดแขนไขว้ไปไว้ข้างหลังอยู่เพราะเขายังเจ็บต้นแขนไม่หายถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตาม

“ว่าไงล่ะ นายคิดว่านายมีวิธีไหนที่จะจัดการกับฉันเหรอช่วยบอกหน่อยสิฉันอยากรู้” กฤตตะวันถามพลางยิ้มอย่างใจเย็น ส่วนศันลิตากับคนอื่นๆ ต่างก็รอฟังอยู่เหมือนกันว่าศุภโชคจะตอบกฤตตะวันว่าอย่างไร แต่แล้วเขาก็ร้องขึ้นมาอย่างอับจนหนทางว่า

“ฉันยังไม่รู้! แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่เชื่อเด็ดขาดว่านายเป็นแฟนกับคุณต้า”

“นายไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของนายฉันไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ฉันขอบอกนายเอาไว้ก่อนเลยนะว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนายไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับแฟนของฉันอีก” กฤตตะวันบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เรื่องอะไรล่ะ! ฉันไม่ยอมหรอก” ศุภโชคโวยวายเขาไม่มีทางยอมเสียผู้หญิงที่เขาหลงรักและตามจีบมานานหลายปีให้กับคู่ปรับเก่าอย่างกฤตตะวันแน่นอน

“ฉันสนเมื่อไหร่กันว่านายจะยอมหรือไม่ยอม ฉันสนแต่ว่าถ้านายมาป้วนเปี้ยนเข้าใกล้แฟนฉันอีก ฉันไม่รับรองความปลอดภัยของนายก็เท่านั้นเอง นายคงยังจำได้อยู่ใช่มั้ยว่าโดนบิดแขนมันเจ็บแค่ไหน” กฤตตะวันพูดหน้าตาเฉย ในขณะที่ศุภโชคถึงกับใบหน้าซีดเผือดราวกับไก่ต้มทันทีแต่เขาก็ยังพูดอย่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ว่า

“นี่นายกำลังข่มขู่ฉันอยู่นะ แล้วนายก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งห้ามฉันแบบนี้ด้วย”

“ฉันว่าฉันมีสิทธิ์เต็มที่เลยนะที่จะชกหน้าผู้ชายทุกคนที่เข้ามายุ่มย่ามกับแฟนฉัน นายจะลองดูเลยมั้ย”

กฤตตะวันถามพลางขยับตัวทำท่าจะก้าวเข้ามาหาศุภโชค อีกฝ่ายจึงรีบก้าวถอยหลังทันทีพลางพูด

“นายอย่ามาทำตัวเป็นอันธพาลแถวนี้นะ ฉันไม่กลัวนายหรอก...”

“จริงเหรอ” กฤตตะวันถามพลางย่างสามขุมเข้าหาอีกฝ่ายทันที เท่านั้นเองศุภโชคก็รีบถอยหลังพลางพูดขึ้นว่า

“ฉันไม่อยากมีเรื่องกับนายในร้านของคุณต้า ฝากเอาไว้ก่อนเถอะยังไงฉันก็ไม่มีทางยอมยกคุณต้าให้นายหรอก” ศุภโชคพูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยแววตาโกรธแค้นก่อนจะรีบหมุนตัวจ้ำอ้าวออกไปจากร้านทันที โดยไม่คิดที่จะเสียเวลาบอกลาศันลิตาหรือคนอื่นๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อลับร่างของศุภโชคกฤตตะวันก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขันพลางพูด

“นายคนเก่งโกยอ้าวไม่เหลียวหลังเลย”

“คุณสะใจมากล่ะสิที่แกล้งคุณโชคได้” ศันลิตาว่าชายหนุ่มพลางส่ายหน้าอย่างระอาใจ กฤตตะวันเลยหันมามองหน้าหญิงสาวพลางถาม

“ผมอุตส่าห์ช่วยคุณไล่หมอนั่นไปนะ นอกจากไม่ขอบคุณแล้วคุณยังจะมาว่าผมอีกเหรอ”

“ขอบคุณมากที่คุณกรุณาช่วยเหลือฉัน” ศันลิตาประชดพลางมองค้อนชายหนุ่มอย่างหมั่นไส้ที่เขาทวงคำขอบคุณจากเธอ ส่วนกฤตตะวันยืนอมยิ้มเมื่อเห็นกิริยาอาการของหญิงสาว

“เอ่อ สรุปว่าเมื่อกี๊ที่ต้าบอกว่าตกลงเป็นแฟนกับคุณกฤตแล้วไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ยจ๊ะ” ศิริวรรณถามขึ้นหลังจากที่หายงง

“ใช่ซะที่ไหนกันล่ะค่ะ แผนของคนเจ้าเล่ห์บางคนที่หาทางไล่คุณโชคต่างหากค่ะ” ศันลิตาตอบพี่สาวแล้วถือโอกาสว่าคนร่างสูงที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างหลังเธอด้วย

“อ้าว! ทำไมว่าแฟนตัวเองแบบนี้ล่ะคุณ” กฤตตะวันแกล้งแหย่หญิงสาว

“ฉันไม่ใช่แฟนคุณ” ศันลิตาปฏิเสธทันควันก่อนจะออกคำสั่งเสียงเข้ม “แล้วคุณก็กรุณารีบปีนกลับขึ้นไปเช็ดกระจกต่อได้แล้วเสียเวลาทำงาน”

“ครับ คุณแฟนสุดที่รัก” กฤตตะวันแกล้งกระซิบล้อเลียนหญิงสาวอีกครั้งแล้วรีบปีนบันไดกลับขึ้นไปเช็ดกระจกต่อทันที

“กวนประสาท!” ศันลิตาบ่นพึมพำพลางค้อนลมค้อนแล้งอยู่คนเดียว ในขณะที่ใบหน้าเนียนรู้สึกร้อนวูบวาบอย่างไม่อาจห้ามได้เพราะคำพูดประโยคสุดท้ายของเขาที่แกล้งพูดแหย่เธอเมื่อครู่อย่างที่ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกล้าพูดมาก่อนแม้แต่ศุภโชคซึ่งตามจีบหญิงสาวมานานหลายปี และน่าแปลกที่ศันลิตากลับไม่ได้รู้สึกโกรธคนพูดอย่างที่ควรจะเป็นเลยสักนิดนอกจากรู้สึกหมั่นไส้เขาเท่านั้น

“อ้าว! แล้วทำไมไม่ไปทำงานกันต่อล่ะคะ มายืนมองต้าทำไม” หญิงสาวถามขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อหันมาเห็นว่าทุกคนกำลังยืนมองหน้าเธอนิ่งอยู่พร้อมทั้งอมยิ้มด้วยแววตาแปลกๆ

“เปล่านี่ ไม่มีอะไร” เพทายปฏิเสธแทนคนอื่นก่อนจะชักชวนกันไปทำงานที่ทำค้างเอาไว้ต่อ แต่หลังจากนั้นศันลิตากับกฤตตะวันก็ถูกทุกคนจับตามองพลางซุบซิบกันไปมาเมื่อเห็นสองหนุ่มสาวต่อล้อต่อเถียงกันอยู่ตลอดเวลาที่ทำงานร่วมกัน



แก้วแสงจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มิ.ย. 2557, 19:52:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 มิ.ย. 2557, 19:52:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1121





<< ตอนที่ 10   ตอนที่ 12 >>
yimyum 13 มิ.ย. 2557, 20:36:32 น.
ชักจะยังไงๆ กันแล้วนะคะ คู่นี้อะ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account