ปมร้าย หัวใจเสน่หา
รัชต์ วิศวกรหนุ่มออกตามหาความจริงเกี่ยวกับการตายของ ดวงดาว น้องสาวที่ตำรวจลงความเห็นว่าเธอฆ่าตัวตาย แต่อยู่ๆเขาก็ได้พบกับรักแรกอีกครั้งเธอเป็นคนช่วยเขาตามหาความจริง แต่ความจริงที่ว่ากลับทำให้เขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว!!
Tags: ปมร้ายหัวใจเสน่หา
ตอน: ตอนที่ 11 แผลที่หัวใจ
ปานใจวิ่งไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเธอตกใจเมื่อได้รับโทรศัพท์เรื่องของรัชต์ นัทยืนรอคอยอยู่แล้ว ท่าทางของเขาดูกระวนกระวายมากด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิท หมอเวรเดินออกมาจากห้องผ่าตัดสีหน้าเครียดพลอยทำให้คนที่รอคอยทั้งคู่วิตกไปด้วย
“คนไข้เป็นยังไงบ้างค่ะพี่ ”ปานใจถามหมอหนุ่มรุ่นพี่เสียงสั่น
“อืม ปลอดภัยแล้ว ต้องดูอาการตอนที่ฟื้นด้วยเพราะหัวโดนกระแทกแต่อาการภายนอกไม่เป็นอะไรมากนะครับ”หมอเดินออกไปแล้วปานใจจึงเข้าไปในห้องเธอปราดเข้าไปหารัชต์ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ปานใจร้องไห้ลูบแขนรัชต์ไปมาเหมือนกันหวาดกลัวการจากไปของชายหนุ่ม ภาพปานใจร้องไห้กอดร่างรัชต์แน่น นัทมองภาพที่เห็นด้วยอาการตกใจ สิ่งที่เห็นเป็นได้มากกว่าการพูดเป็นไหน ๆ โต้เดินเข้ามาถึงห้องด้วยอาการเหนื่อยหอบเพราะเขาเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลหลังจากนัทโทรศัพท์ไปหาแต่เมื่อเห็นปานใจกอดร่างเพื่อนชายที่นอนอยู่บนเตียงแล้วก็นิ่งไป แม้เขาจะรู้ว่าปานใจรู้สึกอย่างไรแต่เธอก็ไม่เคยเผยอะไรอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้มาก่อน นัทดึงแขนเพื่อนชายออกมาจากห้อง โต้ถอนหายใจยาว
“แล้วกีละ”นัทถามเสียงเบาหวิว
“ติดต่อไม่ได้ แล้วทำไมอยู่ ๆ รัชต์ถึงได้ขับรถไปเสยกับเกาะกลางถนนอย่างนั้นละ”โต้หันมาถามบ้าง นัทส่ายหน้า
“ช่วงนี้มันแปลก ๆ ตั้งแต่วันที่ฉันโทร.หามันเรื่องกี มันก็พูดเหมือนงอน ๆ ไอ้กีอยู่ นายรู้เรื่องกีบ้างหรือเปล่า ”
“ถึงรู้ มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ ”
“นายตั้งใจจะปิดบังมันเพื่อตัวเองหรือเปล่า”โต้หันขวับไปมองนัทที่กล้าพูดอย่างนั้นทั้ง ๆที่จริงนัทไม่ใช่คนที่จะพูดตรง ๆ ทำร้ายจิตใจใครได้แต่วันนี้เขากลับพูดอย่างนั้นเพราะความเป็นห่วงเพื่อน แต่เมื่อสำนึกตัวเองได้เขาก็รีบพูดแก้ทันที
“ขอโทษที่พูดอย่างนั้น แต่ฉันทนไม่ได้ที่เห็นรัชต์เป็นอย่างนี้ เจ็ดปีก่อน มันยอมดร็อปเรียนเพื่อตามหากี มันเหมือนคนบ้าไม่มีผิด เป็นบ้าตามหาผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ได้ตั้งปี จนเจอกีอีกครั้งฉันก็อดห่วงมันไม่ได้ ถ้ากีจะกลับมาเพื่อทำร้ายมันอีกครั้งก็อย่ากลับมาเลย รัชต์แม้จะดูเหมือนเข้มแข็งแต่มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ ฉันเคยคิดว่าถ้ากีจากไปอีกครั้งรัชต์จะทนได้เหมือนครั้งแรกหรือเปล่า ตอนนี้ฉันรู้คำตอบแล้ว มันคงตาย ถ้าไม่มีกี ”นัทนั่งลงพิงตัวกับผนังเหมือนหมดแรงเต็มที โต้ถอนหายใจยาวไม่คิดว่าเรื่องจะกลับกลายเป็นอย่างนี้
“ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นเพื่อตัวเองแน่ๆ กีขอร้องฉันไว้ อย่าคิดว่ามีแค่รัชต์ที่เจ็บปวดกับเรื่องนี้กีเองก็เจ็บ เธอต้องเจอกับอะไรมากกว่าที่เราคิด และแม้ว่าฉันจะโกหกอะไรเพื่อปิดบังแต่ฉันก็ไม่สามารถรักกีได้หรอกนะ ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือรัชต์ คนที่จะช่วยกีกับรัชต์ได้ มันไม่ใช่ฉัน แต่เป็นนาย ”คำตอบนั้นทำให้นัทสงสัยซึ่งคนพูดนั้นไม่ได้อยู่ให้ถามแต่เดินจากไปแล้ว โต้เดินออกไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
“ฉันอย่างนั้นเหรอ หมายความว่ายังไง”นัทธีรำพึงกับตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ
เอลินนั่งดื่มกาแฟในตอนเช้าที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ กับที่ทำงานเพื่อลดเวลาการเดินทางและไม่ต้องรีบร้อนอะไรมากนัก แต่เช้านี้เธอมาเร็วกว่าปกติเพราะมีนัดกับกีรติ คนที่โทรศัพท์มานัดเธอเพิ่งเดินเข้ามาในร้าน จริง ๆ แล้วทั้งคู่เจอกันก่อนหน้านี้ประมาณสองเดือน ระหว่างที่เธอเพิ่งเจอกับนัทแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปตามที่สัญญากับกีรติไว้
“ขอโทษที่ให้มาแต่เช้า”กีรติบอกพร้อมทั้งนั่งลง
“อืม ไม่เป็นไร แล้วมีอะไร” กีรติควักเอารูปถ่ายในกระเป๋ายื่นให้เอลิน หญิงสาวรับมาดูด้วยความแปลกใจ
“คืออะไรเหรอ?” เอลินถามเสียงแปลกใจ
“เธอช่วยดูหน่อยได้ไหมว่า มีอะไรผิดปกติในรูปนี้บ้าง ”กีรติบอกพร้อมกับก้มลงหาของในกระเป๋าต่อ
“ผู้หญิงคนนี้ตายแล้วใช่ไหม”เอลิน
“เธอเห็นอะไรบ้าง”
“ไม่ ไม่เห็น บ้าหรือเปล่าฉันไม่ใช่นิติเวชนะจะได้พิสูจน์ได้ ฉันเป็นแค่ช่างภาพ”เอลินยกมือขึ้นกุมขมับ
กีรติได้แต่ถอนหายใจเหมือนกับว่าหมดแรงที่จะทำอะไรต่อไป
“เฮ้ สวัสดีครับพี่ลิน ของผม”เสียงทักนั้นดังอยู่ด้านหลังของกีรติเธอสะดุดคำว่า ของผม มากกว่าคำทักทายใด ๆ กีรติหัวเราะ
“มีอะไรไอ้หนู มาทำอะไรแถวนี้นี่ไม่ใช่เส้นทางไปมหาวิทยาลัยนายซะหน่อยนะ”เอลินทักตอบเสียงเขียว หนึ่งเดียวอมยิ้มไม่โกรธที่เธอว่าเขาเลยซักนิด เอลินหยิบรูปเข้ากระเป๋าตัวเองกันลืมปล่อยให้หนึ่งเดียวเดินเข้ามาหาคนทั้งคู่ กีรติหันไปมองเด็กหนุ่มที่ทักเพื่อนสาวตัวเองแต่เมื่อเห็นหน้าชัด ๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจ
“สวัสดีครับ ผมชื่อหนึ่งเดียว กำลังจีบเพื่อนคุณอยู่น่ะครับ”หนึ่งเดียวประกาศเจตนารมณ์เสียงดัง เอลินส่ายหน้ากับความเป็นเด็กของหนึ่งเดียว
“งั้นเหรอ ”คำตอบของกีรติทำให้หนึ่งเดียวเลิกคิ้วสูง
“ไม่แปลกใจเลยที่พวกคุณเป็นเพื่อนกัน เย็นชาชะมัดเลย”หนึ่งเดียวบ่น เอลินมองหน้าเพื่อนสาวที่ทำตาเขม็งมาที่เธอเหมือนเป็นเป้านิ่ง
“ฉันเปล่านะกี เด็กมันมาหาเองฉันไม่เกี่ยว ไม่ได้พรากผู้เยาว์ด้วยเพราะเขาเรียนมหาวิทยาลัยปี4แล้ว อีกอย่างแบบนี้ไม่ใช่เสปกฉันแน่ ๆ”เอลินปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาทันที
“ฉันไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่จะบอกว่าทำไมต้องเป็นเด็กคนนี้ด้วย ”
“ห๊า ผมไม่ใช่เด็กซักหน่อยนะเจ๊”หนึ่งเดียวขวางท่าทางเข้ม
“ไม่เด็กงั้นเหรอ แกหวังเครมน้องชายฉันเหรอเอลิน ”หนึ่งเดียวและเอลินตาโตเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“หนึ่งเดียว สุวัจนาภรณ์ นายอย่าซ่าให้มาก นี่เพื่อนฉัน ฉัน กีรติ สุวัจนาภรณ์พี่สาวนาย ”
“ห๊า ”หนึ่งเดียวร้องเสียงหลง
“ฉันว่า แกรีบไปทำงานดีกว่านะ ”น้ำเสียงของเอลินทำให้กีรติแปลกใจจนเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของกีรติดังขึ้นทำให้เธอต้องก้มลงไปควานหาในกระเป๋าหน้าจอมือถือบอกชื่อว่าเป็นโต้เธอจึงรับสาย
“กี แกปิดเครื่องทำไมวะ เกิดเรื่องแล้ว ”
“อะไร ”
“รัชต์รถคว่ำ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล มาด่วนเลยนะ”เสียงโต้ไม่ทันจะพูดจบกีรติก็รีบปิดลุกขึ้นวิ่งไปที่รถทำให้เอลินตกใจรีบวิ่งตามไป
“เกิดอะไรขึ้นน่ะกี”
“รัชต์ รัชต์ รถคว่ำ”เสียงสั่นเครือนั้นแสดงถึงอารมณ์คนพูดเป็นอย่างดี เอลินจึงรีบคว้ากุญแจรถจากมือเพื่อนสาว
“ฉันขับให้ดีกว่า ขึ้นรถเถอะ ”
“ผมไปด้วยค๊าบ”เสียงหนึ่งเดียวแทรกขึ้นมาเอลินไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาก็เลยปล่อยตามเลย ไม่นานเอลินก็ขับรถมาถึงโรงพยาบาล กีรติวิ่งขึ้นไปโดยไม่ได้สนใจเพื่อนและน้องชายที่ตามมาด้วยเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอหรือเปล่า นั่นคือสิ่งที่เธอตั้งคำถามกับตัวเอง คำพูดนั้นทำร้ายรัชต์มาก เธอรู้แต่ก็ยังทำ กีรติมาถึงหน้าห้องพักฟื้นพอดีกับนัทเดินออกมาจากห้องพัก
“กี ”นัทเอ่ยขึ้นเสียงเบา
“รัชต์เป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ฟื้นเลย ”คำตอบของนัททำให้กีรติรีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นสภาพของรัชต์ก็ทำให้เธอตกใจน้ำตาอยู่ ๆ ก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ขอโทษนะรัชต์ ฉันขอโทษ ”กีรติเอื้อมมือเข้ามาแตะแขนชายหนุ่ม รัชต์รู้สึกตัวก่อนหน้าที่กีรติจะเข้ามาเพียงครู่เดียวเขาหลับตาลงเมื่อได้ยินว่าเธอมา เหมือนกับไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว
“ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ฉันคงไม่ได้ตัวคนที่ฆ่าดาว อีกนิดเดียวเท่านั้นนะรัชต์ฉันจะสะสางคดีนี้ได้ ขอโทษนะ”อยู่ดี ๆ มือที่อยู่ข้างเตียงนั้นก็คว้ามือเธอไว้ รัชต์ค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นมามองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาเศร้า
“ฉันไม่อยากรู้อีกแล้ว กี ฉันไม่อยากรู้อีกแล้ว มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวแต่ ฉันเหนื่อยเกินไปแล้ว ฉันรักเธอจนไม่อยากเสียเธอไปอีก แต่ดูเหมือนว่าแม้ฉันจะบอกรักซักกี่พันครั้งเธอก็ไม่มีทางหันกลับมาหาฉันเลย ”กีรติมองหน้ารัชต์ด้วยความรู้สึกเสียใจแต่เสียงประตูเปิดทำให้ทั้งคู่หันไปมองปานใจวิ่งเข้ามาปัดแขนกีรติออกไป
“เธอจะทำอะไรรัชต์อีก ”เสียงปานใจแผดดังขึ้นจนทุกคนตกใจ เอลินที่เดินเข้ามาถึงเจอเห็นการณ์พอดีก็ถามขึ้นเสียงดังเช่นกัน
“ใครกันแน่ที่ทำ เธอว่าใครเป็นคนทำร้ายเขาอย่างนั้นเหรอ”
“อย่าพูดมั่ว ๆนะยัยทอม คนที่ทำให้รัชต์เป็นอย่างนี้ก็เพราะกีรติ เธอทำร่ายจิตใจเขา เธอเอาผู้ชายคนอื่นมาเย้ยเขา ”กีรตินิ่งไปเธอรู้สึกว่าตัวเองทำให้รัชต์เจ็บจริง ๆ
“นี่หล่อน คนที่มั่วน่ะหล่อนมากกว่า ตั้งแต่เรื่องคราบอสุจิแล้ว นึกเหรอว่าเธอพูดอะไรแล้วเขาจะเชื่อทั้งหมดน่ะ ฉันนี่แหละเป็นคนให้เพื่อนที่เช็คข้อมูลให้ ไม่มีทางที่ดาวจะโดนข่มขืนแน่ ๆ เธอแค่ต้องการให้รัชต์หันมาสนใจถึงกับโกหกเรื่องของคนตาย ไม่รู้สึกบาปมั่งเลยหรือไงเจ๊ ”เอลินกอดอกพูดเสียงดังเธอไม่ชอบปานใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งหล่อนมาทำหน้าใหญ่ด่าเพื่อนสาวเธอแล้วยิ่งทำให้ฉุน นัทมองเอลินหลังจากได้ยินประโยคนั้น แน่นอน ถ้าเธอเป็นคนเช็คข้อมูลเรื่องนั้นแสดงว่า เอลินรู้เรื่องของกีรติก่อนหน้าที่จะรู้จักเขาเสียอีก นัทปรายตาไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเอลินแล้วก็ยิ่งรู้สึกโมโหนิดหน่อย ทำไมสองคนนี้ถึงมาด้วยกัน?
“โอเค ฉันยอมรับเรื่องนั้น แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่ทำร้ายรัชต์ ที่รัชต์เป็นอย่างนี้ก็เพราะใคร เพราะเธอนะกีรติ สำนึกผิดแล้วก็เลิกมาหาเขาเสียที”
“ฉันว่าเธอพูดทำร้ายจิตใจเพื่อนมากไปแล้วนะปาน พอเถอะ”นัทเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม รัชต์ก้มหน้าลงนิ่งเขาปวดหัวเหมือนกับจะระเบิดอยู่แล้ว
“ฉันไม่ได้พูดทำร้ายใครเพราะมันคือเรื่องจริง”
“พอเถอะ ทุกคนออกไปให้หมด ฉันขออยู่คนเดียว”รัชต์เป็นฝ่ายพูดขึ้นทำให้ทุกคนเงียบลงฉับพลันนัทเข้ามาดึงแขนปานใจออกไปจากห้องทำให้ทุกคนทยอยเดินตามออกไป กีรติหันกลับมามองรัชต์ที่ก้มหน้านิ่ง
“รัชต์ อย่าทำอย่างนี้อีกเลยนะ อย่าทำร้ายตัวเองเพื่อฉันเพราะฉันไม่ดีพอสำหรับใคร ”เธอพูดก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั้น รัชต์ก้มหน้า เขาไม่อยากให้ใครเห็นมัน ความเสียใจที่บ่งบอกบนใบหน้าของเขา นัทเปิดประตูเข้ามาเห็นเพื่อนรักยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย นัทกอดอกมองเพื่อนรักสีหน้ากรุ่นด้วยความโกรธ
“ถ้าแกปกติ ฉันจะชกแกซักหมัด เลิกบ้าเสียทีเถอะรัชต์ กีรติเขาก็ต้องมีชีวิตของเขา แกจะเอาชีวิตไปผูกติดกับกีทำไม ฉันไม่เข้าใจ แกบอกเองว่าดาวไม่ควรที่จะฆ่าตัวตาย แล้วแกละ การกระทำของแกมันทำให้ฉันรู้สึกแย่ จงใจฆ่าตัวตายเพื่ออะไร เพื่อให้กีรู้สึกผิดงั้นเหรอ ความรักของแกคืออะไร คือการฉุดรั้งเขาไว้อย่างนั้นเหรอ เมื่อ 7 ปีก่อนฉันยังรู้สึกว่าแกจัดการกับชีวิตตัวเองได้แต่ตอนนี้ทำไมถึงทำอย่างนี้ แกทำเหมือนกับฉันไม่ใช่เพื่อน ฉันช่วยอะไรแกไม่ได้เลยหรือไงรัชต์ ”
“ฉัน คิดอะไรไม่ออก แค่คำว่าไม่รักมันก็เจ็บจนทนไม่ไหว เจ็บจนอยากจะตายไปเสียตรงนั้น แกก็รู้ฉันรักเขามากแค่ไหน รักมาก ”
“แล้วยังไง แค่เขาไม่รักแกก็จะตายอย่างนั้นเหรอ แล้วเพื่อนอย่างฉันมีไว้ทำไม ฉันต่างหากที่ต้องเสียใจที่มีเพื่อนอย่างแก ”นัทหันหลังกลับ
“ฉันขอโทษ ”เสียงนั้นทำให้นัทหยุดเดินเขาหันกลับไปมองเพื่อนอีกครั้ง
“ฉันขอโทษ เวลานั้นฉันคิดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด ฉันขอโทษ ทั้ง ๆที่เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแท้ๆ ฉันไม่เคยคิดถึงแกเลย ”นัทมองรัชต์ก่อนจะหัวเราะในลำคอ
“แค่นี้แหละ แค่นี้ที่ฉันอยากให้แกพูด แต่ฉันคงไม่กล้ากอดแกหรอกวะ กลัวคนอื่นเข้าใจผิด ถ้าเป็นตอนเด็ก ๆ คงไม่ซีเรียสวะ แต่ตอนนี้ไม่กล้าพูดว่า รัชต์ ฉันรักแกวะ เลย เฮ่อ ”เสียงถอนหายใจแต่ขัดกับสีหน้านั้นทำให้รัชต์มีสีหน้าดีขึ้น เขาเข้าใจในสิ่งที่นัทพูดแต่ก็คงยังทำใจไม่ได้อยู่ดี คำพูดของกีรติไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาเลย เธอไม่ได้ให้ความหวังเขาสักนิด แม้แต่ประโยคสุดท้ายนั้น
”อย่าทำร้ายตัวเองเพื่อฉันเพราะฉันไม่ดีพอสำหรับใคร” ทำไม? ทำไมถึงไม่ดีพอในเมื่อเขาเองก็ไม่ใช่คนที่ดีเลิศเช่นกัน
รัชต์นั่งเหม่อไปนอกหน้าต่าง สีหน้าของเขาเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ทำให้ปานใจมองตามด้วยสีหน้าเศร้า ไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรเขาก็ไม่มีทีท่าที่จะหายเศร้าได้เลย ทุกอย่างเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น ไม่ว่าเธอจะทำยังไงเขาก็ไม่มองเธอด้วยแววตาอย่างที่มองกีรติเลยแม้แต่น้อย
“รัชต์ ทานผลไม้หน่อยนะ เมื่อเช้ากินข้าวไปนิดเดียวเองนะ”ปานใจยิ้มกว้างพร้อมทั้งเอ่ยขึ้นเสียงใสทำให้รัชต์หันกลับมาหาเธอแต่แววตานั้นไม่ใช่แววตาที่เธอต้องการเห็นเลยแม้แต่น้อย ความเจ็บปวดทำให้ปานใจต้องชะงักรอยยิ้ม
“ขอบใจนะ แต่เรายังไม่หิวเลย แล้วปานไม่ไปทำงานเหรอ มาเฝ้าเราทั้งวัน”
“ก็รัชต์ไม่มีใครนี่ เราอยากอยู่ข้าง ๆ รัชต์ ”คำตอบนั้นทำให้รัชต์นิ่งไป เขารู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่ปานใจทำให้แต่จะทำยังไงเขาก็รักเธอไม่ได้
“เย็นนี้พ่อเราก็มาถึงกรุงเทพฯแล้ว ไม่เป็นไรหรอก เราอยู่ได้ ไม่ได้เจ็บหนักอะไรเลย”
“ไม่ได้หรอกนะเราปล่อยรัชต์ไว้คนเดียวไม่ได้อีกแล้ว เราไม่อยากเสียรัชต์ไปนะ”สีหน้าร้อนรนนั้นทำให้รัชต์รู้สึกผิด หรือว่า นี่คือ สิ่งที่กีรติรู้สึกกับเขา แค่รู้สึกผิด เสียใจที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกรักนั้นได้ ถ้าเจ็ดปีที่แล้วกีรติตอบคำถามเขา ว่าไม่ได้รักเขาเลย ทุกอย่างอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ เขาอาจจะไม่รู้สึกเหมือนรอคอยใครอยู่ตลอดเวลา เขาอาจจะไม่ต้องเจ็บปวดที่ได้ยินคำตอบเมื่อมันสายไปแล้ว
“ปานใจ เราไม่อยากพูดประโยคนั้นซ้ำ ๆเพราะเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ เราไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว นอกจากกี เราก็รักใครไม่ได้อีกแล้ว ขอโทษนะ แต่เราไม่อยากให้ปานเจ็บเหมือนที่เราเป็น ”ปานใจมองรัชต์ด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ฉันรู้ รู้ตลอดว่ารัชต์ไม่ได้รักฉัน แต่ฉันรักรัชต์ รักมาตลอด เมื่อ7ปีก่อน วันนั้นฉันกับโต้เดินไปหลังโรงเรียนเห็นรัชต์กับกี ฉันได้ยินมันเต็มสองหูว่ารัชต์รักกี แต่ฉันก็ไม่เชื่อ ฉันรักรัชต์มาตลอด ฉันทำเพื่อรัชต์มาตลอดทำไมไม่เป็นฉัน ทำไมถึงไม่รักฉัน ทำไมต้องเป็นกีรติ ผู้หญิงคนนั้นฆ่าคนตาย ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ดีอย่างที่ใคร ๆ เห็นซักนิด ทำไมละ ฉันพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะแทนที่เธอ ทำไมนายไม่เห็นมัน รัชต์ทำไมนายไม่ยอมมองฉันเลย ”รัชต์หน้าตื่นเมื่อได้ยินเรื่อง เขาจับบ่าปานใจเขย่าให้เธอเลิกคร่ำครวญเสียที
“อะไรนะ เธอรู้เรื่องกีอย่างนั้นเหรอ ”ปานใจสะบัดแขนออกมองหน้ารัชต์ด้วยสายตาเคียดแค้นและเจ็บปวด
“ทำไม !! กีฆ่าเด็กพวกนั้น ฉันให้ยัยนั่นแลกค่ารักษาน้องกับโควตาเรียนที่ได้ เพื่อให้ฉันได้เรียนแทน ให้นายหันมามองฉันบ้าง แต่กลับกลายเป็นว่านายไม่แม้แต่จะมองฉันกลับเป็นบ้าตามหายัยนั่นอยู่ได้ นี่น่ะเหรอ สิ่งที่ฉันควรได้รับ นี่น่ะเหรอ ทำไมนายไม่มองฉันบ้าง ทำไม ”รัชต์ลูบหน้าตัวเองเหมือนกับอยากให้สิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นแค่ฝัน
“นี่เป็นเพราะฉันเองงั้นเหรอ ”เขาพูดออกมาเสียงเบาหวิว
“กีไม่ใช่คนดีทำไมนายยังรักอยู่ได้ ”ปานใจพูดทั้งน้ำตาก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องพักคนไข้ รัชต์ถอนหายใจยาวเหมือนกับสิ่งที่เจอนั้นทำให้เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน ที่กีรติเป็นอย่างนั้นก็เพราะเขาเอง เพราะเขาเอง
นัทนั่งมองปลาในตู้โชว์กำลังแวกว่ายไปมาด้วยหน้าตาแก้มป่อง เขามองเจ้าปลาทองนั้นว่ามีความสุขเสียจริง ๆ ทั้ง ๆที่คนก็ทุกข์กันจัง วันนี้พ่อเรียกให้เขากลับบ้านเพราะตั้งแต่ครั้งที่แล้วพยายามเลี่ยงจนตอนนี้หาเรื่องเลี่ยงไม่ได้แล้วก็เลยต้องมาจริง ๆ
“หายหน้าไปเลยนะเจ้านัท”พ่อทักลูกชายเสียงเขียว
“โธ่พ่อ ผมงานยุ่งน่ะ แล้ววันนี้มีเรื่องอะไรครับเรียกมาด่วนเลย”
“ถ้าไม่ด่วนแกก็ไม่มาสิ วันนี้วันเกิดแม่แก จำไม่ได้หรือไง”พ่อทำหน้าเข้มแต่คนเป็นลูกชายหัวเราะร่วน
“ทำไมจะจำไม่ได้ ผมเล่นมุกไปอย่างนั้นเอง ”ว่าแล้วก็โชว์กล่องของขวัญสีชมพูให้พ่อดู พ่อยิ้มเมื่อเห็นกล่องของขวัญ แม่เดินเข้ามาถึงห้องรับแขกเห็นนัทก็โผเข้ากอด
“ตายจริง นัท แม่รู้สึกเหมือนไม่ได้เห็นลูกมาเป็นปี”นัททำหน้าเหวอเจอแม่ประชดเข้าให้
“โธ่แม่ครับ อย่าพูดซะจนผมรู้สึกผิดอย่างนั้นสิครับ” คุณหญิงวราภรณ์แม่ของนัทยิ้มกว้างหันไปมองยุทธนัยสามีเธอไม่ค่อยชอบใจนักที่จะเอางานวันเกิดของตัวเองเป็นสะพานอะไรบางอย่างของสามีเสียงรถแล่นเข้ามาจอดในบ้านทำให้ทุกคนหันไปมอง
“ลุงเอกคงมาแล้ว นัทไปรับลุงหน่อย”เสียงพ่อสั่งทำให้นัทต้องเดินไปรับลุงเอกพลที่หน้าประตูซึ่งทุกปีลุงเอกจะมาพร้อมกับครอบครัวก็คือ ป้านิตยาและสหรัถหรือสองลูกชายคนโตของลุงเอกพล แต่เมื่อเห็นคนที่ลงมาจากรถทั้งหมดแล้วนัทก็ได้แต่ขมวดคิ้ว หนึ่งเดียว!! เจ้าเด็กกวนประสาทคนนั้น ผู้หญิงที่เดินตามป้านิตยาทำให้นัทได้แต่อ้าปากเหวอ กีรติ!!
“อ้าว นัท เป็นไงบ้างไม่เจอกันเลยนะเรา”ลุงเอกทักน้ำเสียงมีความสุข นัทยกมือไหว้ลุงและป้าก่อนจะหันมามองกีรติอีกครั้ง เธอทำหน้านิ่งเฉยมากเหมือนกับ
พยายามบอกว่าไม่ให้พูดอะไรออกไป
“อ้อ นี่ลูกสาวลุงเอง กีรติแล้วก็นั่นเจ้าหนึ่งลูกชายอีกคนของลุงพอดีวันนี้ว่างเลยพามาด้วย ”หนึ่งเดียวยกมือไหว้นัทก่อนจะยักคิ้วให้ทำท่าทางกวนประสาทเต็มที่ นัทเดินนำทุกคนไปที่ห้องอาหารพลางคิดเรื่องของกีรติ เขาพยายามสบตาเธออยู่เสมอแต่ดูเหมือนเธอจะไม่ตอบรับอะไรเลย
“นี่มันเรื่องอะไร”เขากระซิบเมื่อได้จังหวะ กีรติเหลือบมองเพื่อนชายก่อนจะถอนหายใจยาว
“เดี๋ยวก็รู้เอง ”กีรติตอบได้แค่นั้นก็นั่งลงที่เก้าอี้โดยมีนัทนั่งลงข้าง ๆ
“รู้จักกันแล้วนะ จะได้คุ้นเคยกันไว้ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน ดูท่าทางอายุก็คงไล่เลี่ยกัน”เอกพลถามน้ำเสียงมีความสุข นัทพยักหน้ารับเขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ลาง ๆ
“ครับ ”
“แล้วนี่สองไปไหนไม่มาด้วยกันเหรอ”ยุทธนัยหันมาถามเพื่อนรัก
“ไปซ้อมบาสเก็ตบอลน่ะเห็นว่าจะอีกสองวันจะแข่งจริง”เอกพลตอบน้ำเสียงภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้เหลือเกิน หนึ่งเดียวเบ้ปากเซ็งกับท่าทางของพ่อ กีรติมองน้องชายแววตาสังเกต เธอเองก็เพิ่งรู้ว่าหนึ่งกับสองไม่ถูกกันแม้จะเป็นพี่น้องคลานตามกันมาเพียงปีเดียวเท่านั้นเอง
“เข้าทีมชาติมากี่ปีแล้วนะ ”
“ปีกว่าแล้ว กำลังรุ่ง”
“ดีจังนะคะทั้งเรียนเก่งทั้งอยู่ทีมชาติอีกเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคมากนะคะอย่างนี้สาว ๆ คงเยอะ”วราภรณ์แทรกถามน้ำเสียงยินดี พลอยทำให้นิตยายิ้มไปด้วย
“ไม่มีเลยคะ เขาชอบเก็บตัว เป็นเด็กดีมาตลอด”
“นี่ผิดกับนัทเขาเลยนะรายนี้ชอบไปกับเพื่อนอยู่ไม่ติดบ้านเสียที ว่าไงหนูกีรับได้ไหมข้อเสียของนัทข้อนี้”ยุทธนัยหันไปถามกีรติทำให้นัทสำลักข้าวที่กำลังกินอยู่
“ตายจริง เป็นอะไรไหมตานัท”นิตยาหันไปถามหลานชาย นัทเข้าใจเหตุผลของพ่อและลุงในทันทีหลังจากประโยคนั้น ที่แท้ทุกคนก็จับคู่ให้เขากับกีรติ เรื่องนี้กีรติคงรู้อยู่แล้วรวมไปถึงโต้ ’คนที่จะช่วยกีกับรัชต์ได้ มันไม่ใช่ฉัน แต่เป็นนาย’ หรือแม้แต่ เอลิน .’ถ้าบังเอิญ วันหนึ่ง คุณมีสิทธิ์มากกว่าเพื่อนคุณ คุณจะยังทำเพื่อเพื่อนคุณอีกหรือเปล่า’
“ไม่เป็นไรครับ ”เสียงโทรศัพท์มือถือของกีรติทำให้ทุกคนเลิกสนใจนัท กีรติควักมือถือออกมาจากกระเป๋ามองชื่อบนหน้าจอ สุดเขตโทรศัพท์มาในวันหยุดคงเป็นเรื่องด่วนเพราะถ้าไม่มีเหตุจำเป็นนายคนนี้จะไม่ยอมโทร.หาเธอเป็นอันขาด
“ขออนุญาตคะ”เธอบอกพร้อมกับลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกไปรับโทรศัพท์อีกด้านหนึ่ง
“สวัสดีคะ”
“เกิดเรื่องแล้วครับสารวัตร หมวดศิระฆ่าตัวตายที่ห้องพักตอนนี้ผมกำลังไปที่เกิดเหตุ ท่านจะมาหรือเปล่า”คำพูดที่ผ่านมาจากเครื่องมือสื่อสารนั้นเหมือนกับหยุดเวลาไว้แค่นั้น
“ไป ฉันจะไป ”แค่นั้นเธอพูดได้แค่นั้นก็กดวางสาย นัทซึ่งยืนอยู่ด้านหลังมองหน้าเพื่อนสาวที่ซีดเผือดก็ตกใจ
“เป็นอะไร มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”
“ฉันต้องไป ฉันต้องไปหาพี่ซีก่อน ”กีรติพูดสีหน้าตกใจ
“ใคร?พี่ซีคือใคร ”
“ช่วยพาฉันไปทีนะ ”คำอ้อนวอนนั้นทำให้นัทมองเพื่อนสาวแววตาอ่อนใจเต็มที
นัทขับรถไปตามทางที่กีรติบอกเขาไม่กล้าถามหรือพูดในสิ่งที่เขาสงสัยเลยแม้แต่น้อยเพราะสีหน้าที่วุ่นวายใจของเพื่อนสาวนั้นทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรอะไรไป เมื่อไปถึงบ้านพักหลังหนึ่งมีรถตำรวจและรถมูลนิธิจอดอยู่ก่อนแล้วทั้งกลุ่มคนยืนมุงอยู่นอกรั้วบ้านเต็มไปหมด เมื่อจอดรถกีรติแทบจะกระโดดลงไปเธอวิ่งเข้าไปในบ้านหลังนั้นทันที สุดเขตหันไปมองหญิงสาวเขายืนมองศพอยู่ก่อนหน้าเธอไม่ถึงห้านาที สภาพศพตรงหน้านั้นทำให้กียืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มสวมเครื่องแบบตำรวจเต็มยศนั่งเอนตัวอยู่บนเก้าอี้หวายในห้องนั่งเล่นในมือข้างซ้ายกุมจดหมายสีขาวอยู่ที่หน้าอก มือขวาทิ้งตัวอยู่ข้างเก้าอี้ด้านล่างมีปืนหล่นอยู่ เลือดและเศษมันสมองกระจายอยู่รอบ ๆ บริเวณเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ กีรติสวมถุงมือก่อนจะเดินเข้าไปหยิบจดหมายในมือของซี
“พี่ซี ทำไมถึงทำแบบนี้ ”เธอเอ่ยเพียงแผ่วเบา กีรติถอนหายใจยาวเปิดจดหมายนั้นออกอ่าน
“ พี่รู้ ว่ากีจะเป็นคนแรกที่เปิดจดหมายฉบับนี้ออกอ่าน พี่สัญญากับกีไว้แล้วว่าจะมอบตัว .พี่ก็ทำตามนั้น พี่ขอโทษที่ตัดสินใจอย่างนี้ แต่มันคือทางเดียวที่จะจบทุกอย่างไว้ที่พี่ พี่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ถ้ายังจำได้เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว มีคดียาเสพติดคดีหนึ่งที่เกิดเหตุยิงกันระหว่างตำรวจกับผู้ค้ายา พ่อของพี่เป็นหนึ่งในคนที่ถูกพ่อค้ายาฆ่าตายและพวกมันจับพี่กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งไว้เป็นตัวประกัน พี่รอดแต่เด็กคนนั้นตาย กีคงรู้ว่าพี่หมายความถึงใคร นับแต่นั้นทำให้พี่ตั้งใจที่จะเป็นตำรวจ แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นเหมือนความฝันและความตั้งใจ ที่ผ่านมาพี่เจออะไรมามาก สิ่งที่พี่อยากทำมาตลอดก็คือ การเป็นตำรวจที่ดี แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เพียงครึ่งที่กีมี กี พี่รักเธอมากนะ แม้ว่าการเจอกันของเราจะเกิดจากหน้าที่แต่พี่ก็หลงรักเธอ จดหมายนี้อาจจะเป็นคำให้การสุดท้ายที่พี่จะทำให้กีได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะพี่เอง พี่ฆ่าดาว พี่ฆ่าอาร์ม ดังนั้นพี่ขอจบมันด้วยชีวิตพี่เอง อย่าพยายามสืบต่อไป เพราะมันจะทำให้กีมีอันตราย จบมันที่พี่ จบมันซะ ”กีรติมองหน้าซีอีกครั้งเขาคิดว่าสิ่งที่ทำนี้คือการจบคดี แต่สำหรับเธอไม่ใช่
“กีขอโทษ กีขอโทษนะพี่ซี แต่ทุกอย่างจะจบลงด้วยความถูกต้อง ทำไมพี่ถึงได้ทำอย่างนี้ เพื่อใคร เพื่ออะไรอย่างนั้นเหรอคะ ”กีรติพูดแม้จะไม่ดังนักแต่สุดเขตก็ได้ยินเขาถอนหายใจยาวเอื้อมมือมาขอจดหมายในมือของหญิงสาว
“ศพนี้จะเป็นศพสุดท้ายหรือเปล่า ”สุดเขตถามหญิงสาวแม้จะรู้ว่าเป็นคำถามที่โง่เง่าสิ้นดีแต่เขาก็อยากถามมันออกมา
“หวังไว้อย่างนั้น ”กีรติพูดทั้งยืนจดหมายให้สุดเขต
“เขาเขียนถึงฉัน ก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้มอบตัวใช่ไหม ”
“ครับ อ้อ เพื่อนคุณรอยู่ที่รถนะครับพอดีเขาเข้ามาเจอ ศพ แล้วทนไม่ไหวเลยออกไปรอที่รถแทน ”สุดเขตบอกสีหน้ายิ้มเพราะนึกถึงสภาพอาการพะอืดพะอมของผู้ชายคนนั้น
“เขามีญาติพี่น้องที่ไหนหรือเปล่า”
“ไม่มีนะ เท่าที่รู้หมวดศิระไม่มีญาติที่ไหนเขาเป็นเด็กกำพร้า เดี๋ยวผมจะไปสืบประวัติเขามาอีกที ”สุดเขตรับคำพร้อมกับเดินออกไป กีรติกวาดสายตามองดูห้องพักของซี เขาแต่งห้องเรียบง่ายเหมือนกับแทบจะไม่มีใครอยู่ มีเพียงห้องที่เขานั่งเท่านั้นที่ไม่มีฝุ่น หญิงสาวก้มลงดูลิ้นชักสีไม้ที่อยู่ติดผนังห้องที่จับวาววับเหมือนกับมีการเปิดเข้า-ออกเป็นประจำ เธอดึงมันออกมาแต่ก็ติด มันถูกล็อคกุญแจไว้ กีรติหันไปมองที่ศพแล้วเข้าไปสำรวจหาอะไรซักอย่างในตัวเขา กีรติดึงกุญแจดอกเล็ก ๆนั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกงของผู้ตาย เธอหันกลับไปไขลิ้นชักนั้นออกมาสิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอได้แต่ยืนนิ่ง ภาพของดาวอยู่ในลิ้นชักใบนี้มากมาย ทั้งอาร์มและซี ทั้งสามคนรู้จักกันมาก่อนเพราะดูจากท่าทางการถ่ายรูปแล้วคงมากกว่าคนรู้จักกัน สีหน้าท่าทางที่สนิทสนมกันนั้นทำไห้กีรตินึกไม่ออกเลยว่าเหตุจูงใจในการฆ่านั้นคืออะไรหรือ ซีแค่ปกป้องใครบางคนที่เป็นฆาตรกรจริง ๆ เขาไม่ใช่ฆาตรกรอย่างที่บอก !!
“คนไข้เป็นยังไงบ้างค่ะพี่ ”ปานใจถามหมอหนุ่มรุ่นพี่เสียงสั่น
“อืม ปลอดภัยแล้ว ต้องดูอาการตอนที่ฟื้นด้วยเพราะหัวโดนกระแทกแต่อาการภายนอกไม่เป็นอะไรมากนะครับ”หมอเดินออกไปแล้วปานใจจึงเข้าไปในห้องเธอปราดเข้าไปหารัชต์ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ปานใจร้องไห้ลูบแขนรัชต์ไปมาเหมือนกันหวาดกลัวการจากไปของชายหนุ่ม ภาพปานใจร้องไห้กอดร่างรัชต์แน่น นัทมองภาพที่เห็นด้วยอาการตกใจ สิ่งที่เห็นเป็นได้มากกว่าการพูดเป็นไหน ๆ โต้เดินเข้ามาถึงห้องด้วยอาการเหนื่อยหอบเพราะเขาเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลหลังจากนัทโทรศัพท์ไปหาแต่เมื่อเห็นปานใจกอดร่างเพื่อนชายที่นอนอยู่บนเตียงแล้วก็นิ่งไป แม้เขาจะรู้ว่าปานใจรู้สึกอย่างไรแต่เธอก็ไม่เคยเผยอะไรอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้มาก่อน นัทดึงแขนเพื่อนชายออกมาจากห้อง โต้ถอนหายใจยาว
“แล้วกีละ”นัทถามเสียงเบาหวิว
“ติดต่อไม่ได้ แล้วทำไมอยู่ ๆ รัชต์ถึงได้ขับรถไปเสยกับเกาะกลางถนนอย่างนั้นละ”โต้หันมาถามบ้าง นัทส่ายหน้า
“ช่วงนี้มันแปลก ๆ ตั้งแต่วันที่ฉันโทร.หามันเรื่องกี มันก็พูดเหมือนงอน ๆ ไอ้กีอยู่ นายรู้เรื่องกีบ้างหรือเปล่า ”
“ถึงรู้ มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ ”
“นายตั้งใจจะปิดบังมันเพื่อตัวเองหรือเปล่า”โต้หันขวับไปมองนัทที่กล้าพูดอย่างนั้นทั้ง ๆที่จริงนัทไม่ใช่คนที่จะพูดตรง ๆ ทำร้ายจิตใจใครได้แต่วันนี้เขากลับพูดอย่างนั้นเพราะความเป็นห่วงเพื่อน แต่เมื่อสำนึกตัวเองได้เขาก็รีบพูดแก้ทันที
“ขอโทษที่พูดอย่างนั้น แต่ฉันทนไม่ได้ที่เห็นรัชต์เป็นอย่างนี้ เจ็ดปีก่อน มันยอมดร็อปเรียนเพื่อตามหากี มันเหมือนคนบ้าไม่มีผิด เป็นบ้าตามหาผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ได้ตั้งปี จนเจอกีอีกครั้งฉันก็อดห่วงมันไม่ได้ ถ้ากีจะกลับมาเพื่อทำร้ายมันอีกครั้งก็อย่ากลับมาเลย รัชต์แม้จะดูเหมือนเข้มแข็งแต่มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ ฉันเคยคิดว่าถ้ากีจากไปอีกครั้งรัชต์จะทนได้เหมือนครั้งแรกหรือเปล่า ตอนนี้ฉันรู้คำตอบแล้ว มันคงตาย ถ้าไม่มีกี ”นัทนั่งลงพิงตัวกับผนังเหมือนหมดแรงเต็มที โต้ถอนหายใจยาวไม่คิดว่าเรื่องจะกลับกลายเป็นอย่างนี้
“ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นเพื่อตัวเองแน่ๆ กีขอร้องฉันไว้ อย่าคิดว่ามีแค่รัชต์ที่เจ็บปวดกับเรื่องนี้กีเองก็เจ็บ เธอต้องเจอกับอะไรมากกว่าที่เราคิด และแม้ว่าฉันจะโกหกอะไรเพื่อปิดบังแต่ฉันก็ไม่สามารถรักกีได้หรอกนะ ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือรัชต์ คนที่จะช่วยกีกับรัชต์ได้ มันไม่ใช่ฉัน แต่เป็นนาย ”คำตอบนั้นทำให้นัทสงสัยซึ่งคนพูดนั้นไม่ได้อยู่ให้ถามแต่เดินจากไปแล้ว โต้เดินออกไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
“ฉันอย่างนั้นเหรอ หมายความว่ายังไง”นัทธีรำพึงกับตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ
เอลินนั่งดื่มกาแฟในตอนเช้าที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ กับที่ทำงานเพื่อลดเวลาการเดินทางและไม่ต้องรีบร้อนอะไรมากนัก แต่เช้านี้เธอมาเร็วกว่าปกติเพราะมีนัดกับกีรติ คนที่โทรศัพท์มานัดเธอเพิ่งเดินเข้ามาในร้าน จริง ๆ แล้วทั้งคู่เจอกันก่อนหน้านี้ประมาณสองเดือน ระหว่างที่เธอเพิ่งเจอกับนัทแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปตามที่สัญญากับกีรติไว้
“ขอโทษที่ให้มาแต่เช้า”กีรติบอกพร้อมทั้งนั่งลง
“อืม ไม่เป็นไร แล้วมีอะไร” กีรติควักเอารูปถ่ายในกระเป๋ายื่นให้เอลิน หญิงสาวรับมาดูด้วยความแปลกใจ
“คืออะไรเหรอ?” เอลินถามเสียงแปลกใจ
“เธอช่วยดูหน่อยได้ไหมว่า มีอะไรผิดปกติในรูปนี้บ้าง ”กีรติบอกพร้อมกับก้มลงหาของในกระเป๋าต่อ
“ผู้หญิงคนนี้ตายแล้วใช่ไหม”เอลิน
“เธอเห็นอะไรบ้าง”
“ไม่ ไม่เห็น บ้าหรือเปล่าฉันไม่ใช่นิติเวชนะจะได้พิสูจน์ได้ ฉันเป็นแค่ช่างภาพ”เอลินยกมือขึ้นกุมขมับ
กีรติได้แต่ถอนหายใจเหมือนกับว่าหมดแรงที่จะทำอะไรต่อไป
“เฮ้ สวัสดีครับพี่ลิน ของผม”เสียงทักนั้นดังอยู่ด้านหลังของกีรติเธอสะดุดคำว่า ของผม มากกว่าคำทักทายใด ๆ กีรติหัวเราะ
“มีอะไรไอ้หนู มาทำอะไรแถวนี้นี่ไม่ใช่เส้นทางไปมหาวิทยาลัยนายซะหน่อยนะ”เอลินทักตอบเสียงเขียว หนึ่งเดียวอมยิ้มไม่โกรธที่เธอว่าเขาเลยซักนิด เอลินหยิบรูปเข้ากระเป๋าตัวเองกันลืมปล่อยให้หนึ่งเดียวเดินเข้ามาหาคนทั้งคู่ กีรติหันไปมองเด็กหนุ่มที่ทักเพื่อนสาวตัวเองแต่เมื่อเห็นหน้าชัด ๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจ
“สวัสดีครับ ผมชื่อหนึ่งเดียว กำลังจีบเพื่อนคุณอยู่น่ะครับ”หนึ่งเดียวประกาศเจตนารมณ์เสียงดัง เอลินส่ายหน้ากับความเป็นเด็กของหนึ่งเดียว
“งั้นเหรอ ”คำตอบของกีรติทำให้หนึ่งเดียวเลิกคิ้วสูง
“ไม่แปลกใจเลยที่พวกคุณเป็นเพื่อนกัน เย็นชาชะมัดเลย”หนึ่งเดียวบ่น เอลินมองหน้าเพื่อนสาวที่ทำตาเขม็งมาที่เธอเหมือนเป็นเป้านิ่ง
“ฉันเปล่านะกี เด็กมันมาหาเองฉันไม่เกี่ยว ไม่ได้พรากผู้เยาว์ด้วยเพราะเขาเรียนมหาวิทยาลัยปี4แล้ว อีกอย่างแบบนี้ไม่ใช่เสปกฉันแน่ ๆ”เอลินปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาทันที
“ฉันไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่จะบอกว่าทำไมต้องเป็นเด็กคนนี้ด้วย ”
“ห๊า ผมไม่ใช่เด็กซักหน่อยนะเจ๊”หนึ่งเดียวขวางท่าทางเข้ม
“ไม่เด็กงั้นเหรอ แกหวังเครมน้องชายฉันเหรอเอลิน ”หนึ่งเดียวและเอลินตาโตเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“หนึ่งเดียว สุวัจนาภรณ์ นายอย่าซ่าให้มาก นี่เพื่อนฉัน ฉัน กีรติ สุวัจนาภรณ์พี่สาวนาย ”
“ห๊า ”หนึ่งเดียวร้องเสียงหลง
“ฉันว่า แกรีบไปทำงานดีกว่านะ ”น้ำเสียงของเอลินทำให้กีรติแปลกใจจนเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของกีรติดังขึ้นทำให้เธอต้องก้มลงไปควานหาในกระเป๋าหน้าจอมือถือบอกชื่อว่าเป็นโต้เธอจึงรับสาย
“กี แกปิดเครื่องทำไมวะ เกิดเรื่องแล้ว ”
“อะไร ”
“รัชต์รถคว่ำ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล มาด่วนเลยนะ”เสียงโต้ไม่ทันจะพูดจบกีรติก็รีบปิดลุกขึ้นวิ่งไปที่รถทำให้เอลินตกใจรีบวิ่งตามไป
“เกิดอะไรขึ้นน่ะกี”
“รัชต์ รัชต์ รถคว่ำ”เสียงสั่นเครือนั้นแสดงถึงอารมณ์คนพูดเป็นอย่างดี เอลินจึงรีบคว้ากุญแจรถจากมือเพื่อนสาว
“ฉันขับให้ดีกว่า ขึ้นรถเถอะ ”
“ผมไปด้วยค๊าบ”เสียงหนึ่งเดียวแทรกขึ้นมาเอลินไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาก็เลยปล่อยตามเลย ไม่นานเอลินก็ขับรถมาถึงโรงพยาบาล กีรติวิ่งขึ้นไปโดยไม่ได้สนใจเพื่อนและน้องชายที่ตามมาด้วยเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอหรือเปล่า นั่นคือสิ่งที่เธอตั้งคำถามกับตัวเอง คำพูดนั้นทำร้ายรัชต์มาก เธอรู้แต่ก็ยังทำ กีรติมาถึงหน้าห้องพักฟื้นพอดีกับนัทเดินออกมาจากห้องพัก
“กี ”นัทเอ่ยขึ้นเสียงเบา
“รัชต์เป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ฟื้นเลย ”คำตอบของนัททำให้กีรติรีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นสภาพของรัชต์ก็ทำให้เธอตกใจน้ำตาอยู่ ๆ ก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ขอโทษนะรัชต์ ฉันขอโทษ ”กีรติเอื้อมมือเข้ามาแตะแขนชายหนุ่ม รัชต์รู้สึกตัวก่อนหน้าที่กีรติจะเข้ามาเพียงครู่เดียวเขาหลับตาลงเมื่อได้ยินว่าเธอมา เหมือนกับไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว
“ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ฉันคงไม่ได้ตัวคนที่ฆ่าดาว อีกนิดเดียวเท่านั้นนะรัชต์ฉันจะสะสางคดีนี้ได้ ขอโทษนะ”อยู่ดี ๆ มือที่อยู่ข้างเตียงนั้นก็คว้ามือเธอไว้ รัชต์ค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นมามองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาเศร้า
“ฉันไม่อยากรู้อีกแล้ว กี ฉันไม่อยากรู้อีกแล้ว มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวแต่ ฉันเหนื่อยเกินไปแล้ว ฉันรักเธอจนไม่อยากเสียเธอไปอีก แต่ดูเหมือนว่าแม้ฉันจะบอกรักซักกี่พันครั้งเธอก็ไม่มีทางหันกลับมาหาฉันเลย ”กีรติมองหน้ารัชต์ด้วยความรู้สึกเสียใจแต่เสียงประตูเปิดทำให้ทั้งคู่หันไปมองปานใจวิ่งเข้ามาปัดแขนกีรติออกไป
“เธอจะทำอะไรรัชต์อีก ”เสียงปานใจแผดดังขึ้นจนทุกคนตกใจ เอลินที่เดินเข้ามาถึงเจอเห็นการณ์พอดีก็ถามขึ้นเสียงดังเช่นกัน
“ใครกันแน่ที่ทำ เธอว่าใครเป็นคนทำร้ายเขาอย่างนั้นเหรอ”
“อย่าพูดมั่ว ๆนะยัยทอม คนที่ทำให้รัชต์เป็นอย่างนี้ก็เพราะกีรติ เธอทำร่ายจิตใจเขา เธอเอาผู้ชายคนอื่นมาเย้ยเขา ”กีรตินิ่งไปเธอรู้สึกว่าตัวเองทำให้รัชต์เจ็บจริง ๆ
“นี่หล่อน คนที่มั่วน่ะหล่อนมากกว่า ตั้งแต่เรื่องคราบอสุจิแล้ว นึกเหรอว่าเธอพูดอะไรแล้วเขาจะเชื่อทั้งหมดน่ะ ฉันนี่แหละเป็นคนให้เพื่อนที่เช็คข้อมูลให้ ไม่มีทางที่ดาวจะโดนข่มขืนแน่ ๆ เธอแค่ต้องการให้รัชต์หันมาสนใจถึงกับโกหกเรื่องของคนตาย ไม่รู้สึกบาปมั่งเลยหรือไงเจ๊ ”เอลินกอดอกพูดเสียงดังเธอไม่ชอบปานใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งหล่อนมาทำหน้าใหญ่ด่าเพื่อนสาวเธอแล้วยิ่งทำให้ฉุน นัทมองเอลินหลังจากได้ยินประโยคนั้น แน่นอน ถ้าเธอเป็นคนเช็คข้อมูลเรื่องนั้นแสดงว่า เอลินรู้เรื่องของกีรติก่อนหน้าที่จะรู้จักเขาเสียอีก นัทปรายตาไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเอลินแล้วก็ยิ่งรู้สึกโมโหนิดหน่อย ทำไมสองคนนี้ถึงมาด้วยกัน?
“โอเค ฉันยอมรับเรื่องนั้น แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่ทำร้ายรัชต์ ที่รัชต์เป็นอย่างนี้ก็เพราะใคร เพราะเธอนะกีรติ สำนึกผิดแล้วก็เลิกมาหาเขาเสียที”
“ฉันว่าเธอพูดทำร้ายจิตใจเพื่อนมากไปแล้วนะปาน พอเถอะ”นัทเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม รัชต์ก้มหน้าลงนิ่งเขาปวดหัวเหมือนกับจะระเบิดอยู่แล้ว
“ฉันไม่ได้พูดทำร้ายใครเพราะมันคือเรื่องจริง”
“พอเถอะ ทุกคนออกไปให้หมด ฉันขออยู่คนเดียว”รัชต์เป็นฝ่ายพูดขึ้นทำให้ทุกคนเงียบลงฉับพลันนัทเข้ามาดึงแขนปานใจออกไปจากห้องทำให้ทุกคนทยอยเดินตามออกไป กีรติหันกลับมามองรัชต์ที่ก้มหน้านิ่ง
“รัชต์ อย่าทำอย่างนี้อีกเลยนะ อย่าทำร้ายตัวเองเพื่อฉันเพราะฉันไม่ดีพอสำหรับใคร ”เธอพูดก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั้น รัชต์ก้มหน้า เขาไม่อยากให้ใครเห็นมัน ความเสียใจที่บ่งบอกบนใบหน้าของเขา นัทเปิดประตูเข้ามาเห็นเพื่อนรักยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย นัทกอดอกมองเพื่อนรักสีหน้ากรุ่นด้วยความโกรธ
“ถ้าแกปกติ ฉันจะชกแกซักหมัด เลิกบ้าเสียทีเถอะรัชต์ กีรติเขาก็ต้องมีชีวิตของเขา แกจะเอาชีวิตไปผูกติดกับกีทำไม ฉันไม่เข้าใจ แกบอกเองว่าดาวไม่ควรที่จะฆ่าตัวตาย แล้วแกละ การกระทำของแกมันทำให้ฉันรู้สึกแย่ จงใจฆ่าตัวตายเพื่ออะไร เพื่อให้กีรู้สึกผิดงั้นเหรอ ความรักของแกคืออะไร คือการฉุดรั้งเขาไว้อย่างนั้นเหรอ เมื่อ 7 ปีก่อนฉันยังรู้สึกว่าแกจัดการกับชีวิตตัวเองได้แต่ตอนนี้ทำไมถึงทำอย่างนี้ แกทำเหมือนกับฉันไม่ใช่เพื่อน ฉันช่วยอะไรแกไม่ได้เลยหรือไงรัชต์ ”
“ฉัน คิดอะไรไม่ออก แค่คำว่าไม่รักมันก็เจ็บจนทนไม่ไหว เจ็บจนอยากจะตายไปเสียตรงนั้น แกก็รู้ฉันรักเขามากแค่ไหน รักมาก ”
“แล้วยังไง แค่เขาไม่รักแกก็จะตายอย่างนั้นเหรอ แล้วเพื่อนอย่างฉันมีไว้ทำไม ฉันต่างหากที่ต้องเสียใจที่มีเพื่อนอย่างแก ”นัทหันหลังกลับ
“ฉันขอโทษ ”เสียงนั้นทำให้นัทหยุดเดินเขาหันกลับไปมองเพื่อนอีกครั้ง
“ฉันขอโทษ เวลานั้นฉันคิดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด ฉันขอโทษ ทั้ง ๆที่เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแท้ๆ ฉันไม่เคยคิดถึงแกเลย ”นัทมองรัชต์ก่อนจะหัวเราะในลำคอ
“แค่นี้แหละ แค่นี้ที่ฉันอยากให้แกพูด แต่ฉันคงไม่กล้ากอดแกหรอกวะ กลัวคนอื่นเข้าใจผิด ถ้าเป็นตอนเด็ก ๆ คงไม่ซีเรียสวะ แต่ตอนนี้ไม่กล้าพูดว่า รัชต์ ฉันรักแกวะ เลย เฮ่อ ”เสียงถอนหายใจแต่ขัดกับสีหน้านั้นทำให้รัชต์มีสีหน้าดีขึ้น เขาเข้าใจในสิ่งที่นัทพูดแต่ก็คงยังทำใจไม่ได้อยู่ดี คำพูดของกีรติไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาเลย เธอไม่ได้ให้ความหวังเขาสักนิด แม้แต่ประโยคสุดท้ายนั้น
”อย่าทำร้ายตัวเองเพื่อฉันเพราะฉันไม่ดีพอสำหรับใคร” ทำไม? ทำไมถึงไม่ดีพอในเมื่อเขาเองก็ไม่ใช่คนที่ดีเลิศเช่นกัน
รัชต์นั่งเหม่อไปนอกหน้าต่าง สีหน้าของเขาเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ทำให้ปานใจมองตามด้วยสีหน้าเศร้า ไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรเขาก็ไม่มีทีท่าที่จะหายเศร้าได้เลย ทุกอย่างเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น ไม่ว่าเธอจะทำยังไงเขาก็ไม่มองเธอด้วยแววตาอย่างที่มองกีรติเลยแม้แต่น้อย
“รัชต์ ทานผลไม้หน่อยนะ เมื่อเช้ากินข้าวไปนิดเดียวเองนะ”ปานใจยิ้มกว้างพร้อมทั้งเอ่ยขึ้นเสียงใสทำให้รัชต์หันกลับมาหาเธอแต่แววตานั้นไม่ใช่แววตาที่เธอต้องการเห็นเลยแม้แต่น้อย ความเจ็บปวดทำให้ปานใจต้องชะงักรอยยิ้ม
“ขอบใจนะ แต่เรายังไม่หิวเลย แล้วปานไม่ไปทำงานเหรอ มาเฝ้าเราทั้งวัน”
“ก็รัชต์ไม่มีใครนี่ เราอยากอยู่ข้าง ๆ รัชต์ ”คำตอบนั้นทำให้รัชต์นิ่งไป เขารู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่ปานใจทำให้แต่จะทำยังไงเขาก็รักเธอไม่ได้
“เย็นนี้พ่อเราก็มาถึงกรุงเทพฯแล้ว ไม่เป็นไรหรอก เราอยู่ได้ ไม่ได้เจ็บหนักอะไรเลย”
“ไม่ได้หรอกนะเราปล่อยรัชต์ไว้คนเดียวไม่ได้อีกแล้ว เราไม่อยากเสียรัชต์ไปนะ”สีหน้าร้อนรนนั้นทำให้รัชต์รู้สึกผิด หรือว่า นี่คือ สิ่งที่กีรติรู้สึกกับเขา แค่รู้สึกผิด เสียใจที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกรักนั้นได้ ถ้าเจ็ดปีที่แล้วกีรติตอบคำถามเขา ว่าไม่ได้รักเขาเลย ทุกอย่างอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ เขาอาจจะไม่รู้สึกเหมือนรอคอยใครอยู่ตลอดเวลา เขาอาจจะไม่ต้องเจ็บปวดที่ได้ยินคำตอบเมื่อมันสายไปแล้ว
“ปานใจ เราไม่อยากพูดประโยคนั้นซ้ำ ๆเพราะเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ เราไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว นอกจากกี เราก็รักใครไม่ได้อีกแล้ว ขอโทษนะ แต่เราไม่อยากให้ปานเจ็บเหมือนที่เราเป็น ”ปานใจมองรัชต์ด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ฉันรู้ รู้ตลอดว่ารัชต์ไม่ได้รักฉัน แต่ฉันรักรัชต์ รักมาตลอด เมื่อ7ปีก่อน วันนั้นฉันกับโต้เดินไปหลังโรงเรียนเห็นรัชต์กับกี ฉันได้ยินมันเต็มสองหูว่ารัชต์รักกี แต่ฉันก็ไม่เชื่อ ฉันรักรัชต์มาตลอด ฉันทำเพื่อรัชต์มาตลอดทำไมไม่เป็นฉัน ทำไมถึงไม่รักฉัน ทำไมต้องเป็นกีรติ ผู้หญิงคนนั้นฆ่าคนตาย ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ดีอย่างที่ใคร ๆ เห็นซักนิด ทำไมละ ฉันพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะแทนที่เธอ ทำไมนายไม่เห็นมัน รัชต์ทำไมนายไม่ยอมมองฉันเลย ”รัชต์หน้าตื่นเมื่อได้ยินเรื่อง เขาจับบ่าปานใจเขย่าให้เธอเลิกคร่ำครวญเสียที
“อะไรนะ เธอรู้เรื่องกีอย่างนั้นเหรอ ”ปานใจสะบัดแขนออกมองหน้ารัชต์ด้วยสายตาเคียดแค้นและเจ็บปวด
“ทำไม !! กีฆ่าเด็กพวกนั้น ฉันให้ยัยนั่นแลกค่ารักษาน้องกับโควตาเรียนที่ได้ เพื่อให้ฉันได้เรียนแทน ให้นายหันมามองฉันบ้าง แต่กลับกลายเป็นว่านายไม่แม้แต่จะมองฉันกลับเป็นบ้าตามหายัยนั่นอยู่ได้ นี่น่ะเหรอ สิ่งที่ฉันควรได้รับ นี่น่ะเหรอ ทำไมนายไม่มองฉันบ้าง ทำไม ”รัชต์ลูบหน้าตัวเองเหมือนกับอยากให้สิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นแค่ฝัน
“นี่เป็นเพราะฉันเองงั้นเหรอ ”เขาพูดออกมาเสียงเบาหวิว
“กีไม่ใช่คนดีทำไมนายยังรักอยู่ได้ ”ปานใจพูดทั้งน้ำตาก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องพักคนไข้ รัชต์ถอนหายใจยาวเหมือนกับสิ่งที่เจอนั้นทำให้เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน ที่กีรติเป็นอย่างนั้นก็เพราะเขาเอง เพราะเขาเอง
นัทนั่งมองปลาในตู้โชว์กำลังแวกว่ายไปมาด้วยหน้าตาแก้มป่อง เขามองเจ้าปลาทองนั้นว่ามีความสุขเสียจริง ๆ ทั้ง ๆที่คนก็ทุกข์กันจัง วันนี้พ่อเรียกให้เขากลับบ้านเพราะตั้งแต่ครั้งที่แล้วพยายามเลี่ยงจนตอนนี้หาเรื่องเลี่ยงไม่ได้แล้วก็เลยต้องมาจริง ๆ
“หายหน้าไปเลยนะเจ้านัท”พ่อทักลูกชายเสียงเขียว
“โธ่พ่อ ผมงานยุ่งน่ะ แล้ววันนี้มีเรื่องอะไรครับเรียกมาด่วนเลย”
“ถ้าไม่ด่วนแกก็ไม่มาสิ วันนี้วันเกิดแม่แก จำไม่ได้หรือไง”พ่อทำหน้าเข้มแต่คนเป็นลูกชายหัวเราะร่วน
“ทำไมจะจำไม่ได้ ผมเล่นมุกไปอย่างนั้นเอง ”ว่าแล้วก็โชว์กล่องของขวัญสีชมพูให้พ่อดู พ่อยิ้มเมื่อเห็นกล่องของขวัญ แม่เดินเข้ามาถึงห้องรับแขกเห็นนัทก็โผเข้ากอด
“ตายจริง นัท แม่รู้สึกเหมือนไม่ได้เห็นลูกมาเป็นปี”นัททำหน้าเหวอเจอแม่ประชดเข้าให้
“โธ่แม่ครับ อย่าพูดซะจนผมรู้สึกผิดอย่างนั้นสิครับ” คุณหญิงวราภรณ์แม่ของนัทยิ้มกว้างหันไปมองยุทธนัยสามีเธอไม่ค่อยชอบใจนักที่จะเอางานวันเกิดของตัวเองเป็นสะพานอะไรบางอย่างของสามีเสียงรถแล่นเข้ามาจอดในบ้านทำให้ทุกคนหันไปมอง
“ลุงเอกคงมาแล้ว นัทไปรับลุงหน่อย”เสียงพ่อสั่งทำให้นัทต้องเดินไปรับลุงเอกพลที่หน้าประตูซึ่งทุกปีลุงเอกจะมาพร้อมกับครอบครัวก็คือ ป้านิตยาและสหรัถหรือสองลูกชายคนโตของลุงเอกพล แต่เมื่อเห็นคนที่ลงมาจากรถทั้งหมดแล้วนัทก็ได้แต่ขมวดคิ้ว หนึ่งเดียว!! เจ้าเด็กกวนประสาทคนนั้น ผู้หญิงที่เดินตามป้านิตยาทำให้นัทได้แต่อ้าปากเหวอ กีรติ!!
“อ้าว นัท เป็นไงบ้างไม่เจอกันเลยนะเรา”ลุงเอกทักน้ำเสียงมีความสุข นัทยกมือไหว้ลุงและป้าก่อนจะหันมามองกีรติอีกครั้ง เธอทำหน้านิ่งเฉยมากเหมือนกับ
พยายามบอกว่าไม่ให้พูดอะไรออกไป
“อ้อ นี่ลูกสาวลุงเอง กีรติแล้วก็นั่นเจ้าหนึ่งลูกชายอีกคนของลุงพอดีวันนี้ว่างเลยพามาด้วย ”หนึ่งเดียวยกมือไหว้นัทก่อนจะยักคิ้วให้ทำท่าทางกวนประสาทเต็มที่ นัทเดินนำทุกคนไปที่ห้องอาหารพลางคิดเรื่องของกีรติ เขาพยายามสบตาเธออยู่เสมอแต่ดูเหมือนเธอจะไม่ตอบรับอะไรเลย
“นี่มันเรื่องอะไร”เขากระซิบเมื่อได้จังหวะ กีรติเหลือบมองเพื่อนชายก่อนจะถอนหายใจยาว
“เดี๋ยวก็รู้เอง ”กีรติตอบได้แค่นั้นก็นั่งลงที่เก้าอี้โดยมีนัทนั่งลงข้าง ๆ
“รู้จักกันแล้วนะ จะได้คุ้นเคยกันไว้ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน ดูท่าทางอายุก็คงไล่เลี่ยกัน”เอกพลถามน้ำเสียงมีความสุข นัทพยักหน้ารับเขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ลาง ๆ
“ครับ ”
“แล้วนี่สองไปไหนไม่มาด้วยกันเหรอ”ยุทธนัยหันมาถามเพื่อนรัก
“ไปซ้อมบาสเก็ตบอลน่ะเห็นว่าจะอีกสองวันจะแข่งจริง”เอกพลตอบน้ำเสียงภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้เหลือเกิน หนึ่งเดียวเบ้ปากเซ็งกับท่าทางของพ่อ กีรติมองน้องชายแววตาสังเกต เธอเองก็เพิ่งรู้ว่าหนึ่งกับสองไม่ถูกกันแม้จะเป็นพี่น้องคลานตามกันมาเพียงปีเดียวเท่านั้นเอง
“เข้าทีมชาติมากี่ปีแล้วนะ ”
“ปีกว่าแล้ว กำลังรุ่ง”
“ดีจังนะคะทั้งเรียนเก่งทั้งอยู่ทีมชาติอีกเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคมากนะคะอย่างนี้สาว ๆ คงเยอะ”วราภรณ์แทรกถามน้ำเสียงยินดี พลอยทำให้นิตยายิ้มไปด้วย
“ไม่มีเลยคะ เขาชอบเก็บตัว เป็นเด็กดีมาตลอด”
“นี่ผิดกับนัทเขาเลยนะรายนี้ชอบไปกับเพื่อนอยู่ไม่ติดบ้านเสียที ว่าไงหนูกีรับได้ไหมข้อเสียของนัทข้อนี้”ยุทธนัยหันไปถามกีรติทำให้นัทสำลักข้าวที่กำลังกินอยู่
“ตายจริง เป็นอะไรไหมตานัท”นิตยาหันไปถามหลานชาย นัทเข้าใจเหตุผลของพ่อและลุงในทันทีหลังจากประโยคนั้น ที่แท้ทุกคนก็จับคู่ให้เขากับกีรติ เรื่องนี้กีรติคงรู้อยู่แล้วรวมไปถึงโต้ ’คนที่จะช่วยกีกับรัชต์ได้ มันไม่ใช่ฉัน แต่เป็นนาย’ หรือแม้แต่ เอลิน .’ถ้าบังเอิญ วันหนึ่ง คุณมีสิทธิ์มากกว่าเพื่อนคุณ คุณจะยังทำเพื่อเพื่อนคุณอีกหรือเปล่า’
“ไม่เป็นไรครับ ”เสียงโทรศัพท์มือถือของกีรติทำให้ทุกคนเลิกสนใจนัท กีรติควักมือถือออกมาจากกระเป๋ามองชื่อบนหน้าจอ สุดเขตโทรศัพท์มาในวันหยุดคงเป็นเรื่องด่วนเพราะถ้าไม่มีเหตุจำเป็นนายคนนี้จะไม่ยอมโทร.หาเธอเป็นอันขาด
“ขออนุญาตคะ”เธอบอกพร้อมกับลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกไปรับโทรศัพท์อีกด้านหนึ่ง
“สวัสดีคะ”
“เกิดเรื่องแล้วครับสารวัตร หมวดศิระฆ่าตัวตายที่ห้องพักตอนนี้ผมกำลังไปที่เกิดเหตุ ท่านจะมาหรือเปล่า”คำพูดที่ผ่านมาจากเครื่องมือสื่อสารนั้นเหมือนกับหยุดเวลาไว้แค่นั้น
“ไป ฉันจะไป ”แค่นั้นเธอพูดได้แค่นั้นก็กดวางสาย นัทซึ่งยืนอยู่ด้านหลังมองหน้าเพื่อนสาวที่ซีดเผือดก็ตกใจ
“เป็นอะไร มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”
“ฉันต้องไป ฉันต้องไปหาพี่ซีก่อน ”กีรติพูดสีหน้าตกใจ
“ใคร?พี่ซีคือใคร ”
“ช่วยพาฉันไปทีนะ ”คำอ้อนวอนนั้นทำให้นัทมองเพื่อนสาวแววตาอ่อนใจเต็มที
นัทขับรถไปตามทางที่กีรติบอกเขาไม่กล้าถามหรือพูดในสิ่งที่เขาสงสัยเลยแม้แต่น้อยเพราะสีหน้าที่วุ่นวายใจของเพื่อนสาวนั้นทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรอะไรไป เมื่อไปถึงบ้านพักหลังหนึ่งมีรถตำรวจและรถมูลนิธิจอดอยู่ก่อนแล้วทั้งกลุ่มคนยืนมุงอยู่นอกรั้วบ้านเต็มไปหมด เมื่อจอดรถกีรติแทบจะกระโดดลงไปเธอวิ่งเข้าไปในบ้านหลังนั้นทันที สุดเขตหันไปมองหญิงสาวเขายืนมองศพอยู่ก่อนหน้าเธอไม่ถึงห้านาที สภาพศพตรงหน้านั้นทำให้กียืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มสวมเครื่องแบบตำรวจเต็มยศนั่งเอนตัวอยู่บนเก้าอี้หวายในห้องนั่งเล่นในมือข้างซ้ายกุมจดหมายสีขาวอยู่ที่หน้าอก มือขวาทิ้งตัวอยู่ข้างเก้าอี้ด้านล่างมีปืนหล่นอยู่ เลือดและเศษมันสมองกระจายอยู่รอบ ๆ บริเวณเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ กีรติสวมถุงมือก่อนจะเดินเข้าไปหยิบจดหมายในมือของซี
“พี่ซี ทำไมถึงทำแบบนี้ ”เธอเอ่ยเพียงแผ่วเบา กีรติถอนหายใจยาวเปิดจดหมายนั้นออกอ่าน
“ พี่รู้ ว่ากีจะเป็นคนแรกที่เปิดจดหมายฉบับนี้ออกอ่าน พี่สัญญากับกีไว้แล้วว่าจะมอบตัว .พี่ก็ทำตามนั้น พี่ขอโทษที่ตัดสินใจอย่างนี้ แต่มันคือทางเดียวที่จะจบทุกอย่างไว้ที่พี่ พี่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ถ้ายังจำได้เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว มีคดียาเสพติดคดีหนึ่งที่เกิดเหตุยิงกันระหว่างตำรวจกับผู้ค้ายา พ่อของพี่เป็นหนึ่งในคนที่ถูกพ่อค้ายาฆ่าตายและพวกมันจับพี่กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งไว้เป็นตัวประกัน พี่รอดแต่เด็กคนนั้นตาย กีคงรู้ว่าพี่หมายความถึงใคร นับแต่นั้นทำให้พี่ตั้งใจที่จะเป็นตำรวจ แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นเหมือนความฝันและความตั้งใจ ที่ผ่านมาพี่เจออะไรมามาก สิ่งที่พี่อยากทำมาตลอดก็คือ การเป็นตำรวจที่ดี แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เพียงครึ่งที่กีมี กี พี่รักเธอมากนะ แม้ว่าการเจอกันของเราจะเกิดจากหน้าที่แต่พี่ก็หลงรักเธอ จดหมายนี้อาจจะเป็นคำให้การสุดท้ายที่พี่จะทำให้กีได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะพี่เอง พี่ฆ่าดาว พี่ฆ่าอาร์ม ดังนั้นพี่ขอจบมันด้วยชีวิตพี่เอง อย่าพยายามสืบต่อไป เพราะมันจะทำให้กีมีอันตราย จบมันที่พี่ จบมันซะ ”กีรติมองหน้าซีอีกครั้งเขาคิดว่าสิ่งที่ทำนี้คือการจบคดี แต่สำหรับเธอไม่ใช่
“กีขอโทษ กีขอโทษนะพี่ซี แต่ทุกอย่างจะจบลงด้วยความถูกต้อง ทำไมพี่ถึงได้ทำอย่างนี้ เพื่อใคร เพื่ออะไรอย่างนั้นเหรอคะ ”กีรติพูดแม้จะไม่ดังนักแต่สุดเขตก็ได้ยินเขาถอนหายใจยาวเอื้อมมือมาขอจดหมายในมือของหญิงสาว
“ศพนี้จะเป็นศพสุดท้ายหรือเปล่า ”สุดเขตถามหญิงสาวแม้จะรู้ว่าเป็นคำถามที่โง่เง่าสิ้นดีแต่เขาก็อยากถามมันออกมา
“หวังไว้อย่างนั้น ”กีรติพูดทั้งยืนจดหมายให้สุดเขต
“เขาเขียนถึงฉัน ก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้มอบตัวใช่ไหม ”
“ครับ อ้อ เพื่อนคุณรอยู่ที่รถนะครับพอดีเขาเข้ามาเจอ ศพ แล้วทนไม่ไหวเลยออกไปรอที่รถแทน ”สุดเขตบอกสีหน้ายิ้มเพราะนึกถึงสภาพอาการพะอืดพะอมของผู้ชายคนนั้น
“เขามีญาติพี่น้องที่ไหนหรือเปล่า”
“ไม่มีนะ เท่าที่รู้หมวดศิระไม่มีญาติที่ไหนเขาเป็นเด็กกำพร้า เดี๋ยวผมจะไปสืบประวัติเขามาอีกที ”สุดเขตรับคำพร้อมกับเดินออกไป กีรติกวาดสายตามองดูห้องพักของซี เขาแต่งห้องเรียบง่ายเหมือนกับแทบจะไม่มีใครอยู่ มีเพียงห้องที่เขานั่งเท่านั้นที่ไม่มีฝุ่น หญิงสาวก้มลงดูลิ้นชักสีไม้ที่อยู่ติดผนังห้องที่จับวาววับเหมือนกับมีการเปิดเข้า-ออกเป็นประจำ เธอดึงมันออกมาแต่ก็ติด มันถูกล็อคกุญแจไว้ กีรติหันไปมองที่ศพแล้วเข้าไปสำรวจหาอะไรซักอย่างในตัวเขา กีรติดึงกุญแจดอกเล็ก ๆนั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกงของผู้ตาย เธอหันกลับไปไขลิ้นชักนั้นออกมาสิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอได้แต่ยืนนิ่ง ภาพของดาวอยู่ในลิ้นชักใบนี้มากมาย ทั้งอาร์มและซี ทั้งสามคนรู้จักกันมาก่อนเพราะดูจากท่าทางการถ่ายรูปแล้วคงมากกว่าคนรู้จักกัน สีหน้าท่าทางที่สนิทสนมกันนั้นทำไห้กีรตินึกไม่ออกเลยว่าเหตุจูงใจในการฆ่านั้นคืออะไรหรือ ซีแค่ปกป้องใครบางคนที่เป็นฆาตรกรจริง ๆ เขาไม่ใช่ฆาตรกรอย่างที่บอก !!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มิ.ย. 2554, 10:57:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2554, 08:49:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 2122
<< ตอนที่ 10 ฝืนตัวเอง | ตอนที่ 12 ความโหดร้ายของความจริง >> |

violette 27 มิ.ย. 2554, 14:31:32 น.
สนุกค่ะ แต่น่าสงสารทั้งพระเอกนางเอก นางร้ายเลย
สนุกค่ะ แต่น่าสงสารทั้งพระเอกนางเอก นางร้ายเลย

lovemuay 27 มิ.ย. 2554, 14:34:04 น.
ชอบจังเลยค่ะ ซับซ้อนดี ^^
ชอบจังเลยค่ะ ซับซ้อนดี ^^

ปูสีน้ำเงิน 27 มิ.ย. 2554, 22:42:47 น.
ไม่รู้ทำไมรู้สึกว่าพ่อยัยกีคงมีเอี่ยวด้วย
ไม่รู้ทำไมรู้สึกว่าพ่อยัยกีคงมีเอี่ยวด้วย