ปมร้าย หัวใจเสน่หา
รัชต์ วิศวกรหนุ่มออกตามหาความจริงเกี่ยวกับการตายของ ดวงดาว น้องสาวที่ตำรวจลงความเห็นว่าเธอฆ่าตัวตาย แต่อยู่ๆเขาก็ได้พบกับรักแรกอีกครั้งเธอเป็นคนช่วยเขาตามหาความจริง แต่ความจริงที่ว่ากลับทำให้เขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว!!
Tags: ปมร้ายหัวใจเสน่หา

ตอน: ตอนที่ 12 ความโหดร้ายของความจริง



นัทมองเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ในรถด้วยกันนั้นด้วยสีหน้าเงียบขรึม เขาขับรถไปพลางนึกหาคำพูดดี ๆ มาคุยกับเธอให้เข้าใจ
“ฉันไม่คิดจะแย่งแฟนเพื่อนหรอกนะ เธอก็คงรู้” นัทพูดทั้งมองไปข้างหน้า กีรติถอนหายใจยาว

“แต่สำหรับฉัน ต้องทำ เพราะรับปากพ่อไว้แล้ว ฉันต้องทำตามที่เขาต้องการ ”

“ไม่ว่าจะเป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่”

“เธอเลือดเย็นจังเลยกีรติ ”คำพูดนั้นเหมือนมีดกรีดหัวใจคนฟังไปด้วย

“...” ไม่มีคำพูดอะไรเอ่ยขึ้นมาอีก

“แต่สำหรับฉัน รัชต์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดฉันไม่มีทางที่จะทรยศเขา”

“มันอาจจะไม่ใช่เหตุผลเดียวกันแต่คนที่ฉันต้องขัดคำสั่งคือคนที่ให้ชีวิตฉันมาเหมือนกันนะนัท ”กีรติบอกเขาแม้เธอจะไม่อยากให้เขารู้สึกแย่มากไปกว่านี้ก็ตาม แต่มันก็ต้องทำ

“ใช่ ในเมื่อเธอขัดคำสั่งไม่ได้ฉันก็จะเป็นคนทำมันเอง ”นัทหันมายักคิ้วให้เพื่อนสาว กีรติหัวเราะออกมองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกขอบคุณแต่มันก็คงทำได้แค่นั้น

“ถึงไม่ใช่เธอ พ่อก็ต้องหาคนอื่นมาอยู่ดี รู้ไหมทำไมก่อนหน้านี้ฉันถึงได้เลือกที่จะมาหาพวกนาย เพราะฉันรู้อนาคตต่อไปของตัวเอง ความจริงไม่เหมือนกับสิ่งที่เราฝันหรอกนะ มันเหนื่อยและเจ็บปวดกว่ามาก”แววตาเศร้าของกีรติทำให้นัทถอนหายใจ เขารู้สึกสงสารเพื่อนทั้งกีรติและรัชต์

“ฉันจะทำให้รัชต์กลายเป็นคนที่พ่อเธอต้องการเอง เชื่อมือฉันเถอะ”นัทยกมือขึ้นแสดงความเป็นเจ้าพลังให้กีรติดู เธอหัวเราะออกมาได้จากที่ไม่เคยหัวเราะได้อย่างนี้มาก่อน

มันอาจจะฟังดูง่ายแต่จริง ๆแล้วมันยากกว่านั้นมากมายเหลือเกิน กีรติรู้ดี เธอให้นัทพาไปส่งที่โรงพักที่เธอประจำอยู่ กีรติเอาหลักฐานทุกอย่างที่ได้มาวางบนโต๊ะวิเคราะห์สิ่งที่ได้มาเริ่มต้นตั้งแต่การสืบเรื่องของดาว ความสัมพันธ์ระหว่างดาวและอาร์ม ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันสนิทมากเพราะเรียนห้องเดียวกัน อาร์มเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลของมหาวิทยาลัย ไม่มีอะไรที่จะสามารถโยงได้ว่าซีจะรู้จักกับสองคนนี้?นอกเสียจากเป็นการคาดเดาของเธอเองว่า ซีรับหน้าที่ดูแลลูก ๆ ของนายตำรวจคนใดคนหนึ่งแม้จะพยายามคิดว่าคน ๆนั้นไม่ใช่พ่อเธอก็ตามแต่หลายอย่างมันชี้ไปว่าเป็นเช่นนั้น

จากการชันสูตรศพของดาวโดยหมอนิติเวชซึ่งเป็นเพื่อนของเอลิน ดวงดาวเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจจริงสภาพศพมือสองข้างอยู่ในสภาพบิดไปด้านหลังมีรอยเขียวคล้ำเหมือนถูกมัดมาก่อนจนทำให้ไม่สามารถคืนสภาพเดิมซึ่งหมายความว่าเธอเสียชีวิตก่อนที่จะถูกแก้มัด รอยเชือกบนคอมีสองรอย สภาพห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ลูกกรงเหล็กดัดที่หน้าต่างถูกงัดออกให้กว้างเพื่อหย่อนศพลงไปได้ และนั่นทำให้มีรอยที่แขนของศพ แต่ทุกที่ไม่มีรอยนิ้วมือ!! กีรติตั้งสมมุติฐานเบื้องต้นว่า ดวงดาวอาจจะถูกฆ่าที่อื่นไม่ใช่ห้องของผู้ตาย

ตามหลักฐานในที่เกิดเหตุที่อาร์มเสียชีวิตไม่มีร่องรอยของลายนิ้วมือบุคคลอื่นนอกจากตัวผู้ตายแสดงว่าฆาตรกรรู้วิธีการลบรอยนิ้วมือ จากการชันสูตรศพ ผู้ตายเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ มีการพิสูจน์ชัดพบรอยคล้ำรอบลำคอเหมือนคนร้ายใช้สายเอ็นเส้นเล็ก ๆในการรัดคอผู้ตายก่อนจะโยนศพลงน้ำทำให้ดูเหมือนกับว่าพลั้งตกลงคลองลงไปเอง พร้อมทั้งโยนขวดเหล้าลงไปไว้ใกล้ ๆ เพื่อให้เหมือนกับเมาจึงเป็นเหตุผลที่หนักแน่นขึ้นมาว่าผู้ตายอาจจะเมาเหล้าแล้วพลั้งตกลงไปในคลองเอง? ทำให้ดูเหมือนเป็นอย่างนั้น สิ่งเดียวที่พอจะเป็นเบาะแสได้ใกล้เคียงที่สุดก็คือเพื่อนของอาร์มที่ให้การว่ามีชายคนหนึ่งไปตามหาอาร์มก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ซึ่งให้การลักษณะคล้ายกับลุงเจ้าของร้านอาหารในหอพักของดาวว่าเป็นผู้ชายท่าทางดี รูปร่างสูง ผิวขาว แต่งกายสุภาพ ผมสั้นสีดำ อายุประมาณสามสิบปี ซึ่งบุคลิกนี้ ใกล้เคียงกับ ศิระ?หรือซี

เสียงเคาะประตูทำให้กีรติเงยหน้าขึ้นไปมองเมื่อประตูเปิดทำให้เธอแปลกใจเพราะคนที่เดินเข้ามา คือ โต้ เขาหายหน้าไปตั้งแต่เกิดเรื่องกับรัชต์

“อ้าว โต้ เป็นไงมาไงเนี่ย?” ชายหนุ่มยิ้มจืด ๆให้เพื่อนสาว

“ฉันมีเรื่องจะบอก พอดีฉันไปเจอเรื่องหนึ่งเข้าตอนที่ประชุมผู้บริหารของมหาวิทยาลัย”

“เรื่องอะไรเหรอ?ทำไมทำสีหน้าเครียดอย่างนั้น”กีรติมองแฟ้มในมือของโต้เขาวางมันลงตรงหน้าของเธอก่อนจะถอนหายใจยาว

“บางทีสิ่งนี้อาจจะช่วยทำให้เธอไขคดีนี้ได้เร็วขึ้น”กีรติรับแฟ้มนั้นมาพร้อมกับเปิดออกดูภายในนั้นเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ถูกตัดแปะติดไว้ เหมือนกับเป็นการเก็บผลงานไว้ ในหน้านั้นเป็นคอลัมน์เกี่ยวกับกีฬาของมหาวิทยาลัย กีรติจ้องลงไปในรูปใบนั้นทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองโต้อีกครั้ง

“หมายความว่ายังไง นี่ หนึ่งเดียวอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับดาวงั้นเหรอ”โต้พยักหน้า ภาพในแฟ้มนั้นเป็นภาพทีมบาสเก็ตบอลของมหาวิทยาลัยชนะเลิศ สองถือถ้วยรางวัลอยู่ตรงกลางส่วนด้านซ้ายสุดเป็นดวงดาวและหนึ่งเดียว ถัดลงมาที่ทำสีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ก็คือ อาร์ม

“ใช่ ฉันสืบมาแล้วพวกเขาอยู่กลุ่มเดียวกัน หนึ่งเดียวน่ะเป็นแฟนกับดาวมาก่อนแต่ช่วงสามสี่เดือนก่อนที่ดาวจะตายทั้งคู่ห่างกันไป ข่าวว่า ดาวไปทำแท้ง ”คำตอบนั้นทำให้กีรตินิ่งไป โต้มองหน้าเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วง

“บางทีอาจจะไม่ใช่หนึ่งก็ได้ จากที่สอบถามมา หนึ่งเดียวรู้จักกับดาวเพราะสองเป็นคนแนะนำให้รู้จักเพราะดาวเป็นคนดูแลทีมบาสเก็ตบอลของมหาวิทยาลัยอยู่พอสองทำให้สองคนนี้รู้จักกันก็ไปเก็บตัวเข้าทีมชาติก็เลยปล่อยให้สองคนนั้นคบกัน แต่ดูท่าทางอาร์มจะไม่ค่อยชอบใจนักเพราะว่าหนึ่งเดียวมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีเรื่องผู้หญิง เธอเองก็คงรู้ แต่หลังจากคบกันได้แค่สามเดือนทั้งคู่ก็เลิกกัน ไม่รู้เพราะอะไร แล้วดาวก็ฆ่าตัวตาย”

“ฉันรู้แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงเจอตอ ”

“กี”น้ำเสียงนั้นทำให้กีรติรู้ดีว่าโต้เป็นห่วงเธอมากแค่ไหน สีหน้าของโตแสดงออกถึงความเป็นห่วงจนทำให้กีรติรีบหัวเราะกลบเกลื่อนความกังวลใจของเพื่อนชาย

“อะไรกัน ดูทำน้ำเสียง ทำสีหน้าเข้าสิ ฉันเป็นตำรวจนะโต้ ”

“เธอมีชีวิตใหม่ได้เพราะอะไรเธอก็น่าจะรู้ดีนะกี ถ้าเธอขุดเรื่องนี้ขึ้นมา เธออาจจะ ”

“ไม่เป็นไรหรอก อย่าตีตนไปก่อนไข้อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้เหมือนที่นายว่าไง อาจจะแค่รู้จักกัน ”กีรติทำสีหน้าไม่สนใจเธอพยายามไม่ให้โต้กังวลอะไรอีก เธอก้มลงเก็บเอกสารบางอย่างลงไปในลิ้นชักแม้จะได้ประเด็นเพิ่มแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เธอเข้าใจได้เลยว่า ซี รู้จักเด็กกลุ่มนี้ได้ยังไง .

เอลินนั่งมองภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่องค์ประกอบที่เธอต้องการสื่อสารไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจนัก พอเบื่อที่จะทำงานก็หันไปคว้ากระเป๋าเอารูปที่ได้จากกีรติมาดูอีกครั้งครั้งนี้ไม่มีแรงดึงดูดเหมือนครั้งแรกที่เห็นอาจจะเป็นเพราะช่วงเวลานั้นวิญญาณของดาวอยู่ใกล้ ๆก็เป็นได้ แต่ภาพที่ดาวกอดหนึ่งเดียวนั้นยังคงติดตาเธออยู่ มันจะต้องมีอะไรมากกว่าที่เป็น หนึ่งเดียวต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับดาวไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน คนที่ถ่ายรูปนี้ คือใคร? เอลินจ้องมองภาพเหมือนต้องการเข้าไปในนั้นให้ได้ กระจกด้านหลังของคนทั้งคู่ทำให้เอลินลุกขึ้นนั่งตัวตรงคนที่ถ่ายรูปนี้อยู่ในเงากระจก?คิดได้แล้วเธอก็ฟุบลงกับโต๊ะ

“ไอ้กี .ฉันไม่ได้เป็นอัจฉริยะขนาดมองเห็นคนที่อยู่ในเงากระจกได้หรอกนะ บ้าหรือเปล่า เฮ่ยยยย”

“พี่ลิน มีแขกมาหา”เสียงเรียกจากนักศึกษาฝึกงานที่อยู่โต๊ะหน้าสำนักงานทำให้เอลินเงยหน้าขึ้นไปมองเมื่อเห็นแขกที่เด็กนั้นว่าก็รีบลุกขึ้นทันที

“ผมเป็นตัวแทนจากบริษัทมีเดียพลัสมาคุยเรื่องโฆษณาของนิตยสารอีสน่ะครับ”นัทเอ่ยน้ำเสียงเป็นทางการสีหน้าเรียบเฉยทำให้คนฟังนึกหมั่นไส้ขึ้นมาทันที

“ค่ะ เดี๋ยวเชิญรอที่ห้องด้านในก่อนนะคะ”เอลินพูดพร้อมกับเดินนำไปที่ห้องประชุมเล็กเชิญให้เขาเข้าไปนั่งรอ

“น้อง เอาน้ำเสิร์ฟแขกหน่อย พี่โป้ง!!มาคุยเรื่องโฆษณาหน่อย”เอลินหันไปเรียกรุ่นพี่ที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะตัวเอง แต่น้ำเสียงแข็ง ๆ นั่นทำให้กาแฟในแก้วแทบกระฉอกออกมา

“เป็นอะไรของมันวะ เลือดลมไม่ดีหรือไง เมื่อเช้ายังทำหน้าระรื่นอยู่เลย ท่าทางจะเข้าวัยทอง ”โป้งพูดเบา ๆ พร้อมกับเก็บเอกสารบนโต๊ะเดินเข้าไปในห้องประชุมเล็ก เอลินเดินตามเข้าไปนั่งข้าง ๆ โป้ง นัทยื่นนามบัตรให้กับทั้งคู่

“ผมชื่อนัทธีครับเป็นครีเอทีฟของมีเดียพลัสเป็นคนที่จะรับผิดชอบโปรเจ็คของอีสครับ”นัทพูดโดยไม่มองหน้าเอลินเลยเขามองโป้งตลอด

“แหม่ ดูเป็นทางการยังไงไม่รู้นะครับ คุณนัทธีมีชื่อเล่นไหมครับ”

“เอ่อ นัทครับ”

“ครับสวัสดีครับคุณนัท ผมชื่อปราการนะครับเรียกว่าโป้งเฉย ๆ ก็ได้ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”โป้งยื่นมือไปจับมือนัทพร้อมกับส่งยิ้มให้หันมาด้านข้างเอลินยังนั่งเฉยไม่สนใจอะไรทำให้เขาต้องใช้ศอกกระทุ้งเอลินเบา ๆ

“สวัสดีคะ เอลิน ทานากะคะ”เอลินพูดแค่นั้น นัทมองหน้าเอลินแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับมาที่โป้ง โป้งมีความรู้สึกเหมือนขนลุกขึ้นมาแวบหนึ่ง

“ทำไมบรรยากาศมันแปลก ๆ จังเลยวะ”โป้งพูดเบา ๆก้มลงมองเอกสารตรงหน้า

“คือผมจะเป็นคนช่วยดูคอนเซฟต์ของงานครับแต่ว่าคนที่จะรับผิดชอบจริง ๆ ก็คือเอลิน ผมเป็นบรรณาธิการของอีส ส่วนเอลินเขาเป็นช่างภาพพอดีเพิ่งย้ายมาจากญี่ปุ่นตอนนี้ฝ่ายการตลาดเราเพิ่งลาออกไปเลยไม่มีคนรับผิดชอบก็เลยขอร้องให้เอลินเขามาช่วยน่ะครับ เพราะตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นเห็นว่าเคยอยู่ฝ่ายโฆษณามาก่อน ว่าไงไม่พูดอะไรมั่งเหรอ”โป้งชักเริ่มทนอาการนิ่งของรุ่นน้องไม่ได้

“ค่ะ ก็ต้องรบกวนคุณนัทธีด้วยนะคะ ฉันเองก็ไม่มีประสบการณ์เท่าไหร่ มาพูดเรื่องคอนเซฟต์ของงานเลยดีไหมค่ะ”เอลินพูดเข้าเรื่องก่อนจะเล่ารายละเอียดที่นิตสารต้องการให้นัทฟัง นัทมองเอลินด้วยความรู้สึกแปลกๆ เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องโกรธเธอ เพราะเธอโกหกเรื่องกีรติอย่างเดียวเช่นนั้นหรือเปล่า

“...สรุปก็คือ อยากแสดงความเป็นตัวตนของเรา ค่ะ” เอลินสรุปก่อนจะปิดแฟ้มตรงหน้าลงไปเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงข้ามซึ่งนั่งมองหน้าเธออยู่ก่อนแล้ว นัทเมื่อสบตาหญิงสาวเขาก็รีบหันหน้าไปมองโป้งแทน

“ครับ งั้นผมขอเวลาซักสามวันนะครับแล้วจะเอาสตอรี่บอร์ดมาให้ดู”

“เอ่อ ครับ ว่าไงเอลิน”โป้งหันมาถามลูกน้อง

“ค่ะ ”คำตอบสั้น ๆ ทำให้ทั้งโป้งและนัทเงียบไป เสียงโทรศัพท์มือถือทำให้บรรยากาศเครียด ๆ นั้นผ่อนคลายลงไปบ้าง เอลินมองชื่อบนหน้าจอก่อนจะขอตัวรับโทรศัพท์

“ขอโทษนะคะ.”พูดจบเธอก็เดินเลี่ยงออกไป

“มีอะไร”

“พี่ลินทำอะไรอยู่ครับ”

“ทำงานสิ ฉันไม่ได้ว่างงานนะ”

“โห คำตอบทำเอาสะดุ้งเลย ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว พี่กีให้ผมชวนพี่ไปกินข้าวด้วยกัน ”

“อืม เดี๋ยวซักแป๊บนะตอนนี้คุยงานอยู่ ”

“งั้นผมไปรอรับเลยนะ”พูดจบเขาก็วางสายไป เอลินเกาหัวด้วยอาการงงเดินกลับเข้าไปในห้องประชุม

“ขอโทษนะคะ เรามาคุยกันต่อเลยนะคะ”

“พี่คุยค้างไว้กับคุณนัทว่าเขาน่าจะมาดูเราทำงานจะได้เห็นภาพชัดขึ้น วันศุกร์นี้แกจะไปเชียงใหม่ไม่ใช่เหรอพอดีเลย”

“อะไรนะ!!”น้ำเสียงนั้นตกใจพอสมควร

“ทำไมแกต้องตกใจขนาดนั้นด้วยวะ ก็จะได้ไม่เสียเที่ยวได้สองอย่างพร้อมกันไง”

“ลินไปบนดอยนะไม่ได้ไปเที่ยว ลำบากนะไม่ได้ทำงานสบาย ๆ เดี๋ยวคุณนัทเขาจะลำบากเสียเปล่า ๆ”เอลินปฏิเสธ โป้งเลิกคิ้วข้างหนึ่งก่อนจะเหลือบไปมองคนที่ถูกพาดพิงสีหน้าของนัทไม่พอใจพอสมควร

“ผมไปได้”แม้จะไม่ได้พูดอะไรต่อแต่โป้งเข้าใจว่าตอนนี้บรรยากาศเริ่มแย่ลงไปอีกแล้ว

“เอ่อ เอาอย่างนี้ลองไปดูก่อนนะครับหลังจากกลับมาค่อยเอาสตอรี่บอร์ดมาให้ดูก็ได้ ส่วนแกก็ดูแลคุณนัทเขาดีๆ”โป้งทำเสียงเขียวกับเอลินเพื่อให้หญิงสาวรู้สึกว่าจะเสียมารยาทกับแขกเกินไปหน่อย

“ค่ะ จะไม่ให้ริ้นไรเกาะเลยละ”นัทอมยิ้มกับน้ำเสียงประชดของอีกฝ่าย

“ขอบคุณครับ”นัทตอบขอบคุณพร้อมกับยักคิ้วให้ โป้งมองทั้งฝ่ายแดงและน้ำเงินแล้วก็ถอนใจ

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ เจอกันวันศุกร์นะครับ”นัทขอตัวเดินออกมา

“พี่ลินมีคนมาหาครับ”เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับคนที่เป็นแขกเดินสวนเข้ามา หนึ่งเดียวโบกมือหยอย ๆให้กับเอลิน นัทเหลือบตามองหญิงสาวนิดหนึ่ง

“อ้าววว พี่ชายน่ะเอง ทำงานที่เดียวกันหรอกหรือครับ ”

“เปล่า มาติดต่องาน ฉันไปแล้ว”ว่าแล้วก็เดินหน้าบึ้งออกไปปล่อยให้หนึ่งเดียวทำท่าทางงงกับอาการของนัท

“เป็นอะไรของเขาวะ?”

“มาเร็วจริง นี่เหาะมาหรือไงมิทราบ”เอลินประชดเข้าให้แสดงออกให้เห็นว่าอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หนึ่งเดียวเลยทำหน้าบึ้ง

“เอ้า เอาเข้าไปโดนสองเด้งเลย นี่กินรังแตนมาหรือไงเจ๊ อ๋อ ทะเลาะกับพี่นัทเขาหรือไงท่าทางจะเป็นอย่างนั้นนะเนี่ย”คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้โป้งขมวดคิ้ว เอลินรีบเข้ามาฉุดแขนหนึ่งเดียวไว้

“อย่าพูดเชียวนะ ”

“พี่โป้งเดี๋ยวลินไปกินข้าวกับน้องชายนะคะ เอ้าไหว้ลุงเขาสิ”เอลินตบหัวหนึ่งเดียวให้ก้มเคารพรุ่นพี่ทันที หนึ่งเดียวลูบหัวตัวเองเบา ๆไม่ทันที่จะตั้งตัวเอลินก็ฉุดแขนหนึ่งเดียวออกไปจากที่ทำงาน โป้งอ้าปากค้างเพราะกะไว้ว่าจะด่าที่บังอาจเรียกลุงเสียหน่อยก็ไม่ทันซะแล้ว

เอลินนั่งมองกับข้าวที่สั่งมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเต็มที่ ส่วนหนึ่งเดียวตักข้าวใส่ปากสีหน้ามีความสุขเหลือเกิน

“ไหนว่ากีจะมาไง”หนึ่งเดียวเลิกคิ้วสูง

“ถ้าไม่บอกอย่างนั้นพี่จะมากับผมเหรอ ”

“อ้าว มีหน้ามาโกหกอีก ”เอลินบ่นเบา ๆ พอนึกขึ้นได้เรื่องภาพที่เห็นจึงคิดจะถามหนึ่งเดียวบ้าง

“เอ่อ หนึ่งนายเคยมี แฟนไหม” คำถามนั้นให้หนึ่งเดียวหัวเราะ

“ทำไมเหรอฮะ ตอนนี้ผมไม่มีใครหรอก ผมมีพี่คนเดียว” หนึ่งเดียวตอบสายตายิ้มแย้ม เอลินส่ายหน้า เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้นเสียหน่อย

“เฮ่อ ฉันหมายความว่านายมีแฟนบ้างหรือเปล่าทำไมต้องมายุ่งกะฉันด้วยเล่า”

“ก็ผมชอบของผมน่ะ ทำไมเหรอ ”

“ท่าทางจะไม่ได้เรื่องนะเนี่ย แค่คิดว่าคนอย่างนายนี่นะ ท่าทางกวนประสาทอย่างนี้จะมีผู้หญิงที่ไหนมาชอบหรือเปล่าเท่านั้นเอง ”

“ผม เคยมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ”น้ำเสียงและสีหน้าของหนึ่งเดียวเศร้าไปในทันที

“เพราะอะไรเหรอ ”เอลินถามอยากรู้จริง ๆ

“ เพราะ ผมไม่ดีพอมั้ง ”เอลินขมวดคิ้วกับคำตอบ

“แต่ผมไม่เคยโทษเธอเลยนะ สิ่งที่เธอเลือกคือสิ่งที่เป็นข้อยุติความรักของผม แล้วตอนนี้เธอก็ อยู่ในที่ ๆเธอต้องการแล้ว”

“หมายความว่ายังไง”

“เธอ ตายแล้ว ฆ่าตัวตาย!!!!”

“ห๊ะ!! ”

“ตั้งแต่เกิดมาผมเสียใจอยู่แค่สองครั้งเท่านั้นเอง ครั้งแรก คือตอนที่เกิดอุบัติเหตุทำให้ผมไม่สามารถสอบเข้านายร้อยตำรวจอย่างที่พ่อหวังได้ ครั้งที่สองก็คือ อกหัก เพราะผู้หญิงที่ผมรักเธอดันไปรักคนอื่น ผมไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดมากเท่านี้มาก่อนเลย ”เอลินเริ่มรู้สึกสนใจในตัวหนึ่งเดียวขึ้นมาทันที เขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของดวงดาวไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน

เอลินขับรถพลางคิดเรื่องที่หนึ่งเดียวพูด เธอพยายามคะยั้นคะยอให้เขาเล่าเรื่องระหว่างเขากับดาวให้เธอฟัง หนึ่งเดียวรู้จักกับดาวได้เพราะสองเป็นคนแนะนำ ดาวเป็นคนดูแลทีมบาสเก็ตบอลของมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นทั้งคู่ก็คบกันแต่ไม่นานเธอก็เลือกที่จะคบคนอื่น

“คนรักใหม่ของดาวคือใคร?”คำถามนั้นทำให้หนึ่งเดียวนิ่งเหมือนกับชั่งใจที่จะตอบคำถามนี้

“คนใกล้ตัว เลิกพูดดีกว่ายิ่งพูดผมก็ยิ่งรู้สึกแย่ตอนนี้ผมมีพี่อยู่แล้วจะไม่คิดถึงใครอีกแน่ะ ๆ”เอลินขมวดคิ้วกับท่าทางใหม่ของหนี่งเดียว

“บ้า ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยเล่า”

“ก็ผมชอบพี่ ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปอีกแน่ ๆ”ประโยคท้าย ๆ นี้เองทำให้เอลินชะงัก”แย่ง” เอลินโทรศัพท์หากีรติทันที เพื่อนสาวรับสายด้วยน้ำเสียเนือย ๆ ทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วง

“กี ฉันรู้เรื่องหนึ่งเดียวมา ไม่รู้จะช่วยเธอได้มากน้อยแค่ไหน”

“อืม ฉันรู้แล้วละลิน ขอบใจนะ ”

“แต่ว่า ฉันว่ามันแปลก ๆ หนึ่งเดียวโดนใครบางคนแย่งดาวไป เขาบอกว่าคนใกล้ตัว บางทีคน ๆ นั้นอาจจะเป็นฆาตรกรก็ได้ อีกอย่างหนึ่งเดียวเชื่อว่าดาวฆ่าตัวตายมากกว่าการฆาตกรรม”เอลินบอกพร้อมทั้งเลี้ยวรถไปด้วย

“หลักฐานทุกอย่าง มันชี้ไปที่พี่ซี ก็จริง แต่ฉันไม่เชื่อว่าพี่ซีจะทำอย่างนั้นได้เหมือนกับ เขาต้องการปกป้องใครสักคนมากกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ยังคิดว่า หนึ่งเดียวเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย”

“ไม่ใช่เสียทีเดียว”คำตอบนั้นทำให้เอลินจอดรถ

“นั่นน้องชายเธอนะ ”

“น้องชายกับหน้าที่ เธอเลือกได้หรือกี”คำถามนั้นทำเอาอีกฝ่ายนิ่งงันไป

“ฉันเลือกความถูกต้อง ไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่คือความถูกต้อง”คำตอบนั้นหนักแน่นและทำให้เอลินยิ้มออกมาได้ เธอเชื่อมันในตัวกีรติมาตลอดผู้หญิงคนนี้จะไม่มี
ทางทำเรื่องเลวร้ายได้แน่ ๆ เพราะกาลเวลาและประสบการณ์ทำให้เธอแข็งแกร่ง เสียงสายเข้าทำให้เอลินต้องวางสายกีรติเสียก่อนแต่เมื่อเห็นชื่อที่โทร.เข้ามานั้นก็ทำให้เธอแปลกใจเพราะท่าทางเขาไม่สนใจใยดีอะไรเธอเลยเมื่อกลางวันทำให้เธอคิดว่าเขาคงไม่กล้าพอที่จะโทร.หาเธออีกแน่ ๆ

“สวัสดีคะคุณนัทธี มีอะไรให้รับใช้เหรอคะ”คำพูดนั่นทำให้อีกฝ่ายผ่อนลมหายใจระงับอารมณ์บางอย่าง

“ผม แค่สงสัยว่าคุณจะไปยังไงวันศุกร์นี้”เอลินเลิกคิ้วสูง เรื่องแค่นี้น่ะเหรอที่โทร.หาเธอ จริง ๆ ถ้าเขาไม่อยากเสวนากับคนอย่างเธอก็น่าจะโทรศัพท์ไปหาโป้งมากกว่า

“อย่างนั้นเหรอคะ ขับรถไปค่ะคุณมาขึ้นรถที่บริษัทฉันได้ไหมละคะ”

“ได้ งั้นอีกสองวันเจอกัน อ้อ คุณคงรู้เรื่องของผมกับกีแล้ว ”เอลินเบ้ปาก

“ยินดีด้วยคะ ”คำตอบนั้นทำให้นัทยิ่งรู้สึกโมโห

“ไม่คิดว่าคุณจะยินดีกับผมหรอกนะ ”

“ทำไมละ ฉันไม่ใช่คนใจจืดใจดำขนาดนั้นหรอกนะคะคุณนัทธี ”

“ก็ เพราะ อะไรคุณน่าจะรู้ดีกว่าผมนะ ”เอลินกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ

“อ๋อ เรื่องที่ฉันเคยบอกว่าชอบคุณน่ะเหรอ ใช่ ฉันมันคนใจง่ายพูดให้ตรงกับใจง่าย ๆ ไม่ยึกยักเก็บไว้หรอก แล้วฉันก็ไม่เคยเสียใจที่ได้พูดมันออกไปแม้ว่าผลที่จะออกมามันจะเป็นยังไงก็ตาม จริง ๆ มันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้วนะ นี่คุณยังจำได้อีกเหรอ ฉันเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย ”นัทมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

“นี่คุณลืมไปแล้วจริง ๆ น่ะเหรอ ”

“อ้าว ก็ในเมื่อความรู้สึกนั้นมีแค่ฉันคนเดียวที่เป็นก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันจะยังจดจำไว้ หาใหม่ไม่ดีกว่าหรือไง”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้ว คุณนี่ใจง่ายจริง ๆสินะ ”แค่นั้นเขาก็กดวางสายปล่อยให้เอลินกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ เจ็บไปถึงหัวใจเลยทีเดียว



ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 มิ.ย. 2554, 18:27:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 มิ.ย. 2554, 18:27:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1993





<< ตอนที่ 11 แผลที่หัวใจ    ตอนที่ 13 ความพยายามกับความอดทน..แตกต่างกันหรือเปล่า >>
lovemuay 1 ก.ค. 2554, 18:26:33 น.
ว่าเค้าแอบนั้น เพราะเอาเข้าจริงๆ รักเค้าไปแล้วหล่ะสิ ^^


ปูสีน้ำเงิน 1 ก.ค. 2554, 19:42:53 น.
แต่ล่ะคนนี่นะ ปากแข็งใจแข็งกันซะจริง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account