UnRomantic Love หนีไม่พ้นใจ (เล่ห์ลวงจันทร์)
เขียนจันทร์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมารับพ่อที่กำลังเกษียณไปอยู่บ้าน
วันแรกที่กลับมาเธอก็พบผู้ชายปากร้าย แข็งกระด้าง มาตามหาพี่สาวของเธอ
ปากก็บอกตามหา แต่ทุกวันก็ยังวนเวียนอยู่กับเธอ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป
ทำไมผู้ชายนิสัยแบบนี้ คุมสถานบันเทิงใหญ่ จะเลี้ยงเด็กที่เขาบอกว่าเป็นลูกได้ดีเหรอ
แล้วทำไมถึงได้ยัดเยียดลูกให้เธอเลี้ยง ส่วนตัวเองก็ร่อนไปหาพี่สาวเธอแบบนี้เล่า
นายรักษ์ชาติ...นายมันผู้ชายยอดแย่ที่สุด
แล้วทำไมวันที่เธอมีปัญหาที่สุด คนแย่ๆ แบบเขากลับไม่ยอมทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว
กลัวจะไม่มีเบ๊ไว้ให้ใช้ล่ะสิท่า...อย่าคิดว่าคนอย่างเธออ่านเกมเขาไม่ออก
วันแรกที่กลับมาเธอก็พบผู้ชายปากร้าย แข็งกระด้าง มาตามหาพี่สาวของเธอ
ปากก็บอกตามหา แต่ทุกวันก็ยังวนเวียนอยู่กับเธอ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป
ทำไมผู้ชายนิสัยแบบนี้ คุมสถานบันเทิงใหญ่ จะเลี้ยงเด็กที่เขาบอกว่าเป็นลูกได้ดีเหรอ
แล้วทำไมถึงได้ยัดเยียดลูกให้เธอเลี้ยง ส่วนตัวเองก็ร่อนไปหาพี่สาวเธอแบบนี้เล่า
นายรักษ์ชาติ...นายมันผู้ชายยอดแย่ที่สุด
แล้วทำไมวันที่เธอมีปัญหาที่สุด คนแย่ๆ แบบเขากลับไม่ยอมทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว
กลัวจะไม่มีเบ๊ไว้ให้ใช้ล่ะสิท่า...อย่าคิดว่าคนอย่างเธออ่านเกมเขาไม่ออก
Tags: เขียนจันทร์ รักษ์ชาติ จักรตรากูล กองพัน
ตอน: บทที่ 25 : พบกันครั้งสุดท้าย
บทที่ 25
สายตาคาดโทษ และการบอกชัดว่าบดินทร์ภัทรจะไม่มีวันกลับมาหาเธออีกแล้วเป็นเหมือนยาพิษที่กำลังเกาะกินใจไรรดา หญิงสาวกระดกน้ำสีอำพันรสขมปร่าดับความทุกข์ในใจตลอดคืน กว่าเธอจะได้สติ เวลาก็บ่ายคล้อยในวันรุ่งขึ้น เธอรู้ว่าบดินทร์ภัทรนั้นหากตัดสินใจอะไรสักอย่างลงไป
ไรรดาไม่รู้จักเส้นทางในเมืองไทย และเธอก็ไม่นึกอยากขับรถให้หลง เวลานี้เธอคงไม่สามารถติดต่อบดินทร์ภัทรได้อย่างที่แล้วมา หญิงสาวหัวเราะขมขื่น น้ำตาเอ่อคลอแต่ความหยิ่งยโส และไม่อยากเสียน้ำตาให้กับเรื่องเดิมๆ อีกบังคับให้หญิงสาวต้องแกร่ง
หญิงสาวที่เป็นถึงคุณหนูที่ใครๆ ต่างก็ต้องตามใจ ผู้หญิงแสนมั่นใจที่คิดว่าหัวใจของใครก็ต้องหยุดที่เธอ ไม่แม้แต่คนที่เธอ...รัก ภาพในอดีตบดินทร์ภัทรเป็นคนแอบรักแอบชอบเธอ หลายครั้งที่เธอเปิดโอกาสให้บดินทร์ภัทรเข้ามา แต่ฝ่ายนั้นกลับพอใจที่จะมองเธออยู่แค่ห่างๆ และทำตัวเป็นเพียงเพื่อนคนไทย ทั้งที่เธอรู้ตัวมาตลอดว่าเขาแอบมองเธอเสมอ
และเวลาที่ต้องจากกัน เธอจึงต้องเป็นฝ่ายบอกเขาก่อน เธอมั่นใจว่าเธอรู้คำตอบของเขาอยู่แล้ว...มันจะไปเกินคาดได้ยังไง
ไรรดาเหยียดยิ้ม ส่ายหน้าไปมา สาวลูกครึ่งผู้ไม่เคยต้องยอมรับสภาพว่าตัวเองกำลังแพ้พลิกคว่ำหน้าไปบนหมอนอย่างหมดสภาพ เธอมั่นใจว่าเขารักเธอ แม้ว่าห้าปีที่นับเวลาเจอกันได้น้อยนิด หญิงสาวก็ยังมั่นใจว่าความรู้สึกของบดินทร์ภัทรยังไม่เปลี่ยนแปลง
แล้วเธอผิดเหรอที่ออกปากหลังจากเรียนจบขอให้บดินทร์ภัทรย้ายไปอยู่ที่อังกฤษอย่างถาวร เวลานั้นบดินทร์ภัทรจึงเลือกตัดความสัมพันธ์กับเธอ...ง่ายดาย ไม่มีการเจรจาใดๆ ต่อกันอีก ทำเหมือนเธอไม่ได้มีค่าอะไร
มานึกถึงตอนนี้บดินทร์ภัทรก็คงไม่กลับมา และมีแต่เกลียดเธอมากขึ้นเรื่อยๆ หากเธอยังดันทุรัง และทำร้ายคนสำคัญของเขาอย่างคนไร้สติ
สาวลูกครึ่งหัวเราะหึ ดวงตาเลื่อนลอยเริ่มกลับมาได้สติ ต่อให้หัวใจเจ็บหนึบ เธอจะไม่อ้อนวอนอย่างคนไร้ศักดิ์ศรีอีก เธอควรจะยอมรับ
...ทุกอย่างมันจบตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว เธอเองจะหาผู้ชายที่ดีกว่านี้ หล่อกว่านี้ ทำไมจะหาไม่ได้ เธอเองก็ไม่ได้โง่ที่จะปล่อยเวลาห้าปีโดยไม่มีใคร แต่พอรู้ว่าบดินทร์ภัทรกำลังจะหลุดมือไปถาวร เธอถึงเพิ่งรู้ว่าหัวใจเธอมันกำลังทุรนทุรายขนาดไหน
ร่างสูงชันตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าเบ้เมื่อลมหายใจยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์หลงเหลือ เธอไม่เคยเมาหมดสภาพขนาดนี้มานาน และตอนเมาเธอก็คิดว่ามันไมได้ทำให้สมองเธอคิดได้เท่ากับตอนมีสติครบถ้วนในเวลานี้
โทรศัพท์สีเงินกดหารายชื่อของคนที่เธอไม่นึกว่าฝ่ายนั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไร...กับคำขอของเธอ
“บดินทร์คะ ฉันอยากพบคุณครั้งสุดท้าย...คุณกับคู่หมั้นมาหาฉันที่โรงแรมนะ”
“เราได้รับเลือกเป็นโรงแรมรับรองให้กับผู้เข้าร่วมประชุมสำคัญระดับโลกที่ไทยเป็นเจ้าภาพ งานนี้ฉันจะมาตรวจตราเองทุกขั้นตอน เราจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด เราอุตส่าห์ได้เป็นสถานที่จัดงานประชุมการค้ามาด้วย”
เขียนจันทร์ยิ้มแย้มกับงานใหญ่ที่เข้ามาให้โรงแรมได้มีรายได้เข้าไม่ขาด ช่วงนี้นั้นทางดีเอสเริ่มคลี่คลายสถานการณ์ เธอได้ยินว่าลัลริกากำลังจะรวมธุรกิจโรงแรมของดีเอสกับทางธวัชเดชาด้วยการไปครอบครองในแบบหุ้น หากดีเอสขยับขยายความใหญ่โตเพิ่มขึ้น จักรตรากูลของเธอก็ต้องเป็นปึกแผ่น เธอเชื่อเสมอว่าหากที่พักดี บริการเยี่ยม และส่วนบันเทิงครบครัน ลูกค้าก็ย่อมไม่หายไปไหน
เธอกลับมองตรงข้ามกับทางดีเอสอยู่อย่าง ในขณะที่ทางนั้นกำลังขยับฐานไปด้วยฐานลูกค้ากระเป๋าหนัก เธอกลับคิดสร้างฐานจากลูกค้ากระเป๋าไม่หนักมาก แต่ปริมาณมากแทน เธอกำลังใช้ประสบการณ์จากการไปอยู่ต่างประเทศมานานจับธุรกิจที่พักสำหรับแบ็กแพ็กเกอร์ซึ่งเมืองท่องเที่ยวในเมืองไทยมีนักท่องเที่ยวลักษณะนี้อยู่มาก และการทำที่พักประเภทนี้ก็แค่รีโนเวตตึกเก่าด้วยช่างฝีมือดี ปรับเปลี่ยนภายใน และตกแต่งให้มีเอกลักษณ์ ต้นทุนไม่สูงมาก และเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลาย
นราจดรายละเอียดการประชุมที่นายสาวว่ามา ก่อนจะชะงักเล็กน้อย “คุณเขียนจะให้ดิฉันนัดตัวแทนธากิตมาประชุมเรื่องโครงการใหม่ไหมคะ ตอนนี้เรื่องปรับปรุงโรงแรมทางธากิตจะเริ่มเข้ามาปรับปรุงโรงแรมใหญ่ของเราตึกแรกก่อนในสัปดาห์หน้าค่ะ จะเข้ามาปรับปรุงในส่วนแรกก่อน การปรับปรุงใหญ่จะมีอีกครั้งหลังการประชุมผ่านพ้น”
เขียนจันทร์นึกถึงโครงการปรับปรุงโรงแรมครั้งใหญ่ ที่ต้องค่อยๆ ทำ และไม่ให้กระทบกับผู้เข้าพักทำให้เวลาปรับปรุงยาวนานถึงสองปี บริษัทธากิตเดิมได้ทำให้จักรตรากูลเหมือนคนป่วยกะปอดกะแปดมานานจากการใช้วัสดุ และการใช้ช่างไม่ชำนาญ จำนวนเงินก็ถูกคดโกงไปไม่น้อย
“เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเรียกให้เขาเข้ามาประชุมนะคะ” เขียนจันทร์นึกถึงระบบภายในธากิตที่เจ้าของใหม่แทบล้างบาง ผู้จัดการใหญ่ และเป็นนายช่างใหญ่แห่งธากิตเป็นคนรู้จักกับรักษ์ชาติ ซึ่งฝ่ายหลังออกปากเองว่าธากิตจะกลับเข้าสู่ช่วงเวลารุ่งโรจน์หากเขายังคอยเฝ้าสังเกต
ไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกว่ารักษ์ชาติเป็นมนุษย์ที่ไม่เคยไม่มั่นใจตัวเองเลย
เลขานุการิณีขอตัวออกไปจัดการงานที่เจ้านายสาวให้มา เขียนจันทร์ที่ยังนั่งอยู่บนโต๊ะประจำตำแหน่งก็แอบยืดเส้นยืดสายด้วยความเมื่อยขบ เธอยังคงรักการดูแลสัตว์ และคล่องกับการเป็นสัตวแพทย์มากกว่าอยู่ดี เมื่อวานในงานแต่งงานของบิดามารดาเธอ เธอก็ได้รับคำชักชวนของโชติรสว่าให้ไปทำงานที่นั่นได้ และเธอก็ไม่โง่ทิ้งโอกาสครั้งที่สองนี้ เวลาที่เธอทำงานคือวันจันทร์ถึงศุกร์ ช่วงนี้งานอาจจะหนักหน่อย แต่ถ้าพ้นช่วงนี้ไป เธอคงมีเวลาว่างในตอนเย็น บ่ายแก่ หรือวันว่างสักวันไปทำหน้าที่รักษาสัตว์อย่างที่ร่ำเรียนมา
และยังมีเวลาพากองพันไปพบปะสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ทำให้จิตใจเด็กชายอ่อนโยนขึ้น
ห้องพักที่มีไว้สำหรับพักหากต้องอยู่ทำงานดึกเปิดผัวะออกมา ภาพวิจิตรหน้ามุ่ยยามส่งเครื่องมือสื่อสารที่กำลังส่องแสงหน้าจอขึ้นว่า ‘เบอร์ต้องห้าม’
“พี่รับแล้วจะซวยไหม”
คนมีวันหยุดยาวค้อนหน้าคว่ำ ช่วงนี้ภาพวิจิตรคร่ำเคร่งกับการทำปัญหาพิเศษ เพื่อรอสอบอย่างเดียว จึงไม่ต้องออกไปตะลอนที่ไหนอีก ว่างๆ จึงมักหลีกมาพักยังห้องพักในห้องทำงานใหญ่นี้ และวันนี้ภาพวิจิตรกำลังหงุดหงิด และคิดว่าเวลาพักของเธอถูกก่อกวน
“ลองรับสิ ภาพน่าจะซวยมากกว่า”
เขียนจันทร์ร้องเอ้า แต่ก็ยอมกดรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แกมหยอกน้องสาวด้วยรู้ว่าเบอร์ต้องห้ามในช่วงนี้น่าจะมีเพียงคนเดียว
“น้องภาพ”
“ไม่ใช่ภาพค่ะคุณชาย ฉันเขียน แต่น้องภาพก็ยืนอยู่ข้างๆ นี่แหละค่ะ” เขียนจันทร์ล้อสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกภาพวิจิตร สภาพ ‘น้องภาพ’ ที่กำลังยกกำปั้นขึ้น หน้าตาบูดเบี้ยวกรีดร้องอย่างไร้เสียงทำให้คนมองหลุดขำคิก
“ยาหยีอยากพบพี่กับน้องภาพเป็นครั้งสุดท้ายค่ะ...ก่อนที่เธอจะกลับอังกฤษ”
ใบหน้ายิ้มแย้มเลือนหายไปจากหน้าของเขียนจันทร์ ความเครียด และกังวลฉายแทนที่ หญิงสาวกำลังไม่มั่นใจว่าไรรดาจะมาไม้ไหน จะหาว่าเธอคิดมากก็คงไม่แปลก เพราะที่ผ่านมาเธอก็คิดน้อยเกินไปจนเกิดเรื่องไม่รู้จบขึ้นมา
“ฉันไปด้วยได้ไหมคะคุณชาย”
“มาสิคะ...น้องภาพก็คงอยากให้น้องเขียนมา ตอนนี้พี่รออยู่ที่ห้องอาหารในโรงแรมน้องเขียนนะคะ”
“ค่ะ ฉันจะพาภาพไป”
ภาพวิจิตรจับบทสนทนาไม่ได้ว่ามันออกไปทิศทางไหน เพราะทีแรกเขียนจันทร์ก็ยิ้ม อีกทีก็เครียด ที่แน่ๆ คือเธอต้องไปที่ไหนสักที่กับเขียนจันทร์
“มีอะไรพี่เขียน”
เขียนจันทร์จรดปากกาเซ็นลงไปในแฟ้มงานที่ยังคั่งค้างในแฟ้มนั้นก่อนปิดแฟ้ม และลุกขึ้นยืน เดินตรงมาหาน้องสาวแล้วดึงแขนให้ลุกขึ้นอีกคน
“ใกล้จะจบแล้วภาพ”
“อะไรใกล้...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับภาพ หรือเรื่องไอ้คุณชายขี้สุภาพ”
คำเรียกเหน็บแนมสร้างความปวดหัวให้เขียนจันทร์พอควร นับตั้งแต่เลยเวลาหมั้นมายังไม่พ้นยี่สิบสี่ชั่วโมง ภาพวิจิตรก็มีแต่อคติ และด้านลบต่อคุณชายบดินทร์ภัทรเพิ่มมากขึ้น
“ก็ทำนองนั้น ได้เวลามาทำหน้าที่คู่หมั้นที่แสนดี และรักคุณชายจับจิตเถอะ คุณไรรดาเขาอยากจะพบ” เขียนจันทร์ดุนหลังน้องสาวที่ตั้งท่าจะโวยวายให้ชาวบ้านชาวช่องได้ยิน และอธิบายต่ออย่างใจเย็นที่สุด “พี่ก็ไปด้วย เอาน่าภาพ ถ้าเธอทำว่ารักคุณชาย ดีกับเขาที่สุด ภาพอาจไม่ต้องใส่หน้ากากอีกเลยก็ได้ เพราะคุณไรรดากำลังจะจากไป”
“จะแน่ใจได้แค่ไหน” ภาพวิจิตรถามอย่างหวาดระแวง
เขียนจันทร์ส่ายหน้า และไหวไหล่ประกอบ “มันอยู่ที่ภาพจะแนบเนียนแค่ไหน”
คำตอบนั้นทำให้น้องสาวย่นจมูกขัดใจ ทำเสียงเข่นเขี้ยวในลำคอ สิ่งที่เธอทำได้ห่วยที่สุดก็คือการสวมหน้ากากทำเป็นว่ารักว่าชอบไอ้คุณชายขี้สุภาพนี่แหละ...มันไม่ใช่เลย
ผู้หญิงที่นั่งหลังตรง มาดนางพญาหงส์งามสง่า ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลสวยจ้องจิกภาพวิจิตรตั้งแต่อีกฝ่ายเดินผ่านโค้งประตูห้องอาหารเข้ามา และยังเผื่อแผ่ความไม่ถูกชะตามายังเขียนจันทร์ที่ฝากรอยนิ้วบนหน้าเธอไว้ตอนเมื่อวาน เพียงแค่นึกถึงหน้าเธอก็รู้สึกชาขึ้นมา
“ขอโทษที่ปล่อยให้รอนะคะ” เขียนจันทร์ยิ้มนักธุรกิจส่งไปให้ไรรดา ราวกับเมื่อวานนี้ทั้งสองไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใดๆ ต่อกัน
“กลัวฉันรังแกน้องคุณเหรอ ถึงได้แท็กทีมมาเตรียมถล่มฉันแบบนี้”
น้ำเสียงหยันแกมสบประมาทเรียกขมับของภาพวิจิตรให้เต้นตุบ เจ้าหล่อนแทบถลามาฉีกอกแม่สาวสวย ชาติตระกูลนักเลงดูสักที แต่ยังดีที่เขียนจันทร์ปรามทางสายตา และพามานั่งตรงข้ามคนทั้งคู่อย่างไม่ให้น้ำขุ่นไปมากกว่านี้
“เมื่อวานนี้ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำอะไรไปอย่างสมควรแบบนั้น...ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่ศาล แต่คุณก็ไม่ใช่ผู้ตัดสินเหมือนกัน ลูกขุนยังเด็ก คุณไม่ควรทำร้ายเด็กเพื่อความสะใจ” วาจาที่ไม่ได้อยากขอโทษทำให้หน้าตาเชิดเกิดอาการกระตุก เขียนจันทร์ยังคงยิ้มธุรกิจมอบให้ ทั้งที่ปากเพิ่งจะเชือดคนฟังไป
“ยาหยี คุณมีอะไรจะพูดกับน้องภาพหรือเปล่า”
“น้องภาพ!” ไรรดากุมมือแน่น เล็บแทบจะจิกเนื้อมือตัวเองให้เลือดซิบ บดินทร์ภัทรมาขัดจังหวะปะทะคารมของเธอด้วยน้ำมันที่ราดลงกลางใจ น้ำเสียงเอ็นดูที่ใช้เรียกแบบนั้นทำเธออิจฉา ทั้งที่ไม่อยากจะรู้สึกอีก แต่มันทนไม่ได้
“อิจฉาเหรอคุณ...ขอโทษที่ฉันเกิดช้าให้พี่ชายบดินทร์เรียกฉันว่าน้องได้นะคะ” ภาพวิจิตรที่เริ่มหมั่นไส้สาวปากแดง หน้าขาวตรงหน้าก็เริ่มนึกสนุก เห็นอีกฝ่ายแทบดิ้นพล่านเธอก็ยิ่งสะใจ...ไม่ใช่เพราะเจ้าหล่อนเหรอเธอถึงต้องมาหมั้นทั้งที่ไม่อยากหมั้นแบบนี้
“ไม่นี่คะ...เพราะคุณคงเกิดช้าจริงๆ ตลอดเวลาที่ฉันอยู่อังกฤษ ฉันถึงไม่เคยได้ยินชื่อคุณเลย ไม่ใช่ว่าหมั้นเพื่อหลอกฉันใช่ไหม”
“ครอบครัวฉันกับพี่ชายบดินทร์” ภาพวิจิตรแอบเบะปากกับชื่อเรียกแสลงลิ้น “เรารู้จักกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ยาวนานจนคุณนึกไม่ถึง ซึ่งเราก็ผูกพันกันมานานนม และฉันก็ไม่ได้อยากสนใจใคร่รู้ในเรื่องของคุณกับพี่ชายบดินทร์เท่าไหร่ ฉันรู้แค่ว่าฉันเป็นปัจจุบันของเขา”
ไรรดาขบฟันแน่น มองรอยยิ้มมั่นใจ และไหล่ที่ตั้งตรงอย่างมั่นคงของภาพวิจิตรแล้วได้แต่เค้นสมอง เพราะดูอย่างไรเด็กกะโปโล ดูแสบๆ ซนๆ ตรงหน้าเธอนี่ ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะกับบดินทร์ภัทรเลยแม้แต่น้อย
“บดินทร์ชอบทานอะไร”
“มะระขี้นกจิ้มน้ำพริกกะปิ” ภาพวิจิตรตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ซ้ำยังกอดอกยักคิ้วหลิ่วตาใส่สาวลูกครึ่งให้ต้องมองอย่างน่าหมั่นไส้
“อะไรนะ! บดินทร์ชอบทานข้าวต้มปลาต่างหาก”
“แล้วคุณรู้เหรอว่ามะระขี้นกจิ้มน้ำพริกกะปิคืออะไร” ภาพวิจิตรยิ้มมุมปากถาม
เขียนจันทร์กลั้นยิ้ม อยากจะหัวเราะครืนกับใบหน้าเครื่องหมายคำถามของอีกฝ่าย ภาพวิจิตรรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกครึ่ง ที่แม้จะรู้ภาษาไทย แต่ก็เติบโตที่ต่างแดน ย่อมไม่รู้หลายๆ อย่างที่เป็นของไทยแท้
“มันเป็นอาหารโปรดของผม หาทานที่อังกฤษไม่ได้” บดินทร์ภัทรไกล่เกลี่ยด้วยรอยยิ้มอบอุ่น และเผื่อแผ่ไปให้คนตอบที่ตั้งใจแกล้งล้วนๆ
“สีโปรดล่ะ” ไรรดายังไม่หยุด
“แมลงทับสามพันโบก” คำตอบมั่วๆ ผสมโดยเน้นคำไทยมีแต่เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นบนหน้าไรรดา คนไม่รู้ความหมายกัดฟันกรอด แอบสงสัยครามครัน เพราะหลายคำถาม คำตอบสั้นๆ คำตอบจากปากภาพวิจิตรก็ยาว และแปลกหู ถึงเธอจะสงสัย แต่บดินทร์ภัทรก็ยังยิ้ม และสำทับด้วยคำเดิมๆ
“ครับ...ผมชอบมาก”
ไรรดากำลังขมวดคิ้วฉับ เมื่อคำถามสุดท้ายของเธอถามว่าบดินทร์ภัทรชอบเที่ยวที่ไหน และคำตอบ ‘ป่าละเมาะ’ ทำให้เธอเหนื่อยที่จะถามต่อ ในเมื่อถามไปก็ไม่รู้อะไรเลยอยู่ดี มีแต่อารมณ์เสียกับอาการลูกคู่เยินยอของอดีตคนรักที่รับว่าชอบทุกอย่างที่ภาพวิจิตรตอบมา
“ฉันจะหาคู่ควงที่ดีกว่าคุณให้ได้ อย่างน้อยๆ ถ้าฉันได้ยืนเคียงข้างคนระดับคุณ หรือดีกว่าคุณ ฉันจะเหมาะสมกว่าผู้หญิงคนนี้แน่นอน” ไรรดามองเหยียด ดูแคลนภาพวิจิตร
ภาพวิจิตรขมุบขมิบปากด่า แต่เบาให้เพียงตัวเองได้ยิน “จ้า...แม่คนประเสริฐ แตะดินไม่เป็น”
“ฉันดีใจที่คุณไม่ทำให้คุณชายลำบากใจไปมากกว่านี้นะคะ” เขียนจันทร์พูดนิ่มๆ แต่เหมือนลิ่มตอกหน้าผากไรรดากับข้อหาทำให้บดินทร์ภัทร ‘ลำบากใจ’ ซึ่งหน้าของอีกฝ่ายตึงเปรี๊ยะเตรียมฉีกขาดกับการถูกสองพี่น้องรุมกระหน่ำด้วยท่าทีที่มั่นคงไม่สั่นไหว
“ถึงฉันจะไม่อยากทำให้บดินทร์ลำบากใจ แต่ถ้าใครทำให้เพื่อนคนสำคัญของฉันเจ็บ ฉันเล่นงานหนักแน่” ไรรดาเชิดหน้าบอก มีร่องรอยพอใจเมื่อจับจุดอ่อนของภาพวิจิตรได้ “ฉันจะจับตาดูเธอกับบดินทร์”
“คุณปล่อยคุณชาย แล้วทำไมไม่ปล่อยให้ตลอดไปคะ” เขียนจันทร์ชักกลัวแทนน้อง เธอรู้ว่านิ้วนางข้างขวาที่ถูกกุมอยู่ใต้โต๊ะกำลังเตรียมรูดแหวนออกมาวางคืนบนโต๊ะทุกเมื่อยามที่ไรรดาพ้นสายตาไป เท่านี้ภาพวิจิตรก็ฝืนตัวเองมาพอ และหย่อนปากหาเรื่องไรรดามาไม่น้อยแล้ว ขืนไปทำอะไรไม่ถูกใจ ชีวิตสงบๆ ของจักรตรากูลได้มีอันปั่นป่วนรอบสอง
“มันเรื่องของฉัน...บดินทร์สำคัญกับฉัน จนกว่าฉันจะได้เห็นเขาแต่งงาน ฉันถึงจะปล่อยเขาไปจากสายตาจริงๆ”
“เฮ่ย! เกินไปหรือเปล่า” ภาพวิจิตรหลุดให้เขียนจันทร์ต้องหลับตาหนีอย่างเสียวไส้ น้องสาวของเธอตบโต๊ะปัง ลืมว่าต้องเก็บอาการมากแค่ไหน
แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้มันจะเป็นประโยชน์ เมื่อแหวนบนนิ้วนางส่องประกายล้อแสงเข้าตาคนมอง ไรรดาจ้องมองตาคว่ำ
“ทำไมใส่ข้างขวา”
ภาพวิจิตรหายใจเข้าลึกๆ มองสีหน้าปรามจากพี่สาวก็รู้ว่าเธอยังอยู่รอดปลอดภัยดี “ไว้แต่งค่อยเปลี่ยนนิ้วสิ”
“แล้วไป” ไรรดาเบือนหน้าไปทางอื่น ปล่อยให้สองพี่น้องผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมเพรียงกันด้วยความโล่งอก จะอย่างไรก็ไม่มีใครอยากแกว่งเท้าหาเสี้ยน หาเรื่องใส่ตัวกันหรอก เลี่ยงได้เป็นเลี่ยงจะดีกว่า
“ฉันอยากไปขอโทษเด็กคนนั้น”
คำขอของไรรดาจุดประกายแปลกใจในดวงตาคนทั้งสาม เขียนจันทร์รู้สึกว่าเธอมองไรรดาดีขึ้นมาจากเดิมนิดหนึ่ง อย่างน้อยๆ คนที่รู้ว่าผิด และขอโทษก็สมควรได้รับการให้อภัย
แล้วเธอล่ะ...เมื่อไหร่จะให้โอกาสรักษ์ชาติจริงๆ จังๆ สักที บางทีมันอาจถึงเวลาที่เธอจะฟังเสียงหัวใจมากกว่าใช้สมอง และตรรกะทั้งหลายแหล่
โทรศัพท์ของเขียนจันทร์ดังฉุดความคิดทั้งมวล หญิงสาวกดรับ ก่อนจะรู้สึกเสียดายที่ไปกับไรรดาไม่ได้
“มีงานด่วนเข้ามา ภาพไปเป็นเพื่อนคุณไรรดาทีนะ พี่ต้องรีบไปต้อนรับลูกค้าวีไอพี”
ภาพวิจิตรทำหน้าม่อย แต่ก็ยอมรับปากอย่างไม่เต็มใจ
“เดี๋ยวภาพรับน้องขุนกลับด้วยเลย พี่เขียนจะได้ไม่ต้องไปอีกรอบ”
“แล้วเจอกันตอนเย็น” เขียนจันทร์เดินเร็วลับไป ทิ้งภาระชิ้นโตอย่างไรรดา และคุณชายที่เธอต้องปั้นหน้าเป็นมิตรใส่อย่างไม่เต็มใจ
...หวังว่าหัวเธอคงไม่ถูกไรรดาเขมือบระหว่างทางหรอกนะ ไหนจะคลื่นไส้กับรอยยิ้มแสนสุภาพของบดินทร์ภัทรอีก
รถของบดินทร์ภัทรกลายเป็นพาหนะเพียงหนึ่งเดียวที่นำทั้งสามชีวิตมาถึงโรงเรียนของกองพัน ไรรดาปรายตามองคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่ทางเบาะหลังด้วยความหมั่นไส้มาตลอดทาง
“รอให้ลูกขุนเลิกเรียนก่อนไหมครับ” บดินทร์ภัทรพยายามไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างสองสาว ในฐานะคนกลางเขาสัมผัสได้ถึงความอึดอัดนับตั้งแต่เขียนจันทร์ปลีกตัวไปทำงาน สองคนไม่ยอมพูดคุยกัน และเขาต้องเจรจาให้ผ่านพ้นไปได้
“ไม่ต้องรอหรอกค่ะ เข้าไปตอนนี้แหละ เด็กอนุบาลจะเรียนอะไรกันนักหนา” ไรรดาออกไปจากรถโดยไม่รั้งรอ ปล่อยให้ภาพวิจิตรเบะปากไล่หลัง
“ตอนเด็กคงเรียนมาน้อย โตขึ้นถึงได้เป็นแบบนี้”
วาจาเราะร้ายจากปากภาพวิจิตรทำให้คนขับรถกิตติมศักดิ์ส่ายหน้าด้วยไม่รู้ว่าใครแย่กว่าใครระหว่างไรรดาหรือภาพวิจิตร แต่ไปท้วงไม่ให้ทะเลาะกันก็ดูว่าจะยากยิ่งกว่า เพราะเขาเองในสายตาภาพวิจิตรก็ไม่ได้มีอะไรดีนักหรอก
แต่ก่อนที่ทั้งสองทันได้ลงจากรถ ชายชุดดำสวมโม่งปิดหน้าปิดตาในรถแวนฟิล์มดำที่เพิ่งแล่นมาจอดหน้าโรงเรียนเปิดประตูลงมา คนพวกนั้นกรูเข้าไปในโรงเรียน และก่อนที่ภาพวิจิตรจะได้ลงไปอย่างมนุษย์ใจร้อน บดินทร์ภัทรก็รั้งแขนไว้ ส่ายหน้าช้าๆ
“จะบ้าเหรอ เด็กๆ อยู่ในโรงเรียนตั้งเยอะ”
“พี่ชายยาหยีไม่ปล่อยให้น้องสาวเขาเป็นอะไรหรอกครับ” บดินทร์ภัทรไม่ได้บอกกับภาพวิจิตรว่าตั้งแต่ออกมาจากโรงแรม รถของพี่ชายไรรดาก็แล่นตามมาไม่ห่าง เขารู้เพราะฝ่ายนั้นลงมาหาเขาว่าให้จัดการเคลียร์สัมพันธ์ค้างคานี้ให้จบก่อนที่เขาจะเข้าไปในห้องอาหารของโรงแรม
ภาพวิจิตรหันมองตาม พบว่าหนุ่มลูกครึ่งผมน้ำตาล ตาสีฟ้า สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์นำขบวนผู้ชายชุดลำลองพอกันอีกสามคนเดินเข้าไปในโรงเรียนด้วยท่าทางสงบ ไม่รีบเร่ง หนึ่งในสามคนอยู่ควบคุมรถแวนต้นเหตุ เขาเข้าไปมะรุมมะตุ้มจนรถสะเทือน และหญิงสาวที่มองดูอยู่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าไม่กี่นาทีต่อมาคนของพี่ชายไรรดาก็เปิดประตูฝั่งคนขับรถแวนออกมาจุดบุหรี่สูบสบายใจ และพ่นควันอัดหน้าคนที่ตนเพิ่งซ้อมจนหมดสภาพ ตรงช่องประตูทำให้เธอเห็นหน้าตาบวมปูดของนักเลงชุดดำ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าทั้งที่ยาวไม่ถึงห้านาที หนุ่มลูกครึ่งที่ดูจะได้รับเชื้อยุโรปเข้มข้นก็เดินกลับมา ข้างๆ มีไรรดาที่ยังหน้าตาตื่นตระหนก และมือที่กุมมือเล็กของกองพันที่ยังทำหน้างงงัน ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
บดินทร์ภัทรเปิดประตูรถลงไป ภาพวิจิตรจึงรีบลงตาม เมื่อกองพันเห็นคนสองคนที่ตนรู้จักดีจึงรีบวิ่งมาหา
“เกิดอะไรขึ้นลูกขุน มีใครทำอะไรเราหรือเปล่า” ภาพวิจิตรย่อตัวอยู่ระดับเดียวกับเด็กชายถาม
“คนพวกนั้นกรูเข้ามา แต่ยังไม่ทันทำอะไร พี่ชายฉันก็จัดการพวกนั้นเงียบๆ ซะก่อน” ไรรดายังตระหนกไม่หาย เธอยังเดินไม่ถึงห้องเรียนของกองพัน คนพวกนั้นก็วิ่งกรูเข้ามา เธอเห็นเจตนาที่ไม่ดี ยังไม่ทันคิดว่าต้องทำอะไร พี่ชายเธอก็มาช่วยไว้ก่อน
“คนพวกนั้นต้องการอะไร” ภาพวิจิตรคิดถึงศัตรูไม่ออก แต่พอเห็นว่าช่วงนี้ชีวิตคนในจักรตรากูลพบเจออะไรมาบ้าง เธอก็พอจะคิดได้ไม่ยากว่าใครทำ
“ไปถามเองสิ” ไรรดาโบกมือขี้เกียจตอบ เดินมาหยุดตรงหน้าเด็กชายที่ยังมีอาการมองคนโน้นที คนนี้ทีว่าจะมีใครให้คำตอบตนได้บ้าง แต่ก็ไม่แสดงความอ่อนแอออกมา “ถือว่าหายกัน ฉันช่วยเธอมาจากพวกลักพาตัวแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
เด็กชายกะพริบตาปริบ ดวงตากลมโตเริ่มเข้าใจอะไรได้ลางๆ ก่อนจะยิ้มอย่างน่ารักให้ คนโตกว่าที่เคยทำร้ายเด็กชายอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเริ่มรู้สึกผิด ไรรดาเข้าใจแล้วว่าเด็กน้อยบริสุทธิ์ และใจสะอาดแค่ไหน
“ไอ้เสี่ยหลงใช่ไหม” ภาพวิจิตรเข่นเขี้ยว ซัดกำปั้นใส่ฝ่ามือตัวเองด้วยความแค้นเคือง ฝ่ายนั้นไม่ยอมจบกับจักรตรากูลสักที
“พี่เขียนล่ะ” ภาพวิจิตรเพิ่งนึกออก ว่าถ้าคนที่เสี่ยหลงต้องการจัดการคือคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องล้มเสี่ยหลงล่ะก็ กองพันอาจเกี่ยวในเรื่องเป็นเด็ก เป็นลูกรักของพี่สาวเธอกับรักษ์ชาติ แล้วตัวเขียนจันทร์ในเวลานี้อีกล่ะ...จะปลอดภัยไหม
ภาพวิจิตรรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อติดต่อปลายทาง แต่เธอก็ต้องผิดหวัง หน้าตายิ่งเต็มไปด้วยความไม่สบายใจยามหันมาบอกกับบดินทร์ภัทรอย่างสิ้นหวัง
“ฉันติดต่อพี่เขียนไม่ได้”
การประชุมงาน และวางแผนงานที่จะจัดเตรียมงานแสดงจิวเวอรี่ผ่านพ้นไป เขียนจันทร์เดินออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าอ่อนล้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพบว่าหน้าจอมืดสนิท น่าจะมาจากเธอลืมชาร์ตแบตไว้ตอนกลางคืน ป่านนี้กองพันน่าจะถึงบ้านแล้ว
หญิงสาวเดินมาส่งลูกค้าที่หน้าโรงแรม ผู้ชายที่คุ้นหน้าเธอก็วางหน้าตาตื่นเข้ามา ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ มีเพียงความร้อนรน
“คุณเขียนไปอยู่ที่ไหนมาครับ” ศดาธรหน้าตาซีดเผือด เขาพยายามวิ่งตระเวนหาไปทั่วโรงแรมแต่ไม่พบ รถของเขียนจันทร์ก็จอดนิ่งสนิทที่เดิม หรือแม้แต่เลขาสาวของเขียนจันทร์เขาก็ติดต่อไม่ได้
“พอดีมีประชุมงานด่วนค่ะ ฉันก็อยู่ในจักรตรากูลนี่แหละค่ะ เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าคะคุณก้อง”
ศดาธรมองรอบข้างที่เงียบงัน เวลาหัวค่ำ และหน้าโรงแรมต่างเงียบเชียบเป็นใจ “เสี่ยหลงส่งคนไปจับตัวคุณลูกขุนครับ”
“อะไรนะคะ!” เขียนจันทร์กัดปากด้วยหัวใจที่ร่วงไปกองอยู่แถวตาตุ่ม
“ครับ แต่พี่ชายคุณไรรดาช่วยไว้ทัน ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว พวกเรากลัวว่าคุณเขียนจะมีอันตรายไปอีกคน พยายามติดต่อ แต่ติดต่อไม่ได้”
“ตอนนี้ฉันอยู่นี่แล้ว...ฉันปลอดภัยแล้วจริงไหมคะ”
คนสนิทรักษ์ชาติหน้ายังคงแสดงอาการย่ำแย่เหมือนเดิม ร่องรอยหวาดกลัวเด่นชัด “เราจับตัวเสี่ยหลงได้ตั้งแต่เมื่อวานครับ แต่เสี่ยหลงเขาจ้างคนมาจับตัวคุณลูกขุนก่อน ตอนนี้คุณขุนก็รู้เรื่องหมดแล้ว ยกเว้นเรื่องของคุณเขียน ตั้งแต่โทรแจ้งคุณขุนไปจนถึงตอนนี้ไม่มีใครติดต่อคุณขุนได้ครับ”
“รีบพาฉันไปหาเขา” เขียนจันทร์กลืนน้ำลายด้วยอาการฝืดคอ สังหรณ์ใจแง่ร้ายเล่นงานเธอจนยืนไม่ติดที่...เธอคิดว่ารู้จักรักษ์ชาติดี เวลาเขาโกรธเลือดขึ้นหน้ามานั้นน่ากลัวขนาดไหน ตอนที่เธอเจออาจเป็นแค่สิบส่วนในร้อยส่วนของเขาก็ได้
ผู้ชายอารมณ์ร้อน อารมณ์ร้ายอย่างรักษ์ชาติเวลาโกรธไม่เคยทำให้เธอวางใจได้เลย...และเธอกลัวใจรักษ์ชาติทำอะไรโดยไม่คิดให้ดีที่สุด
เธอกลัวรักษ์ชาติกลายเป็นฆาตกร!
.........................................
คุณ ร้อยวจี ขอบคุณค่า มาต่อให้แล้วนะคะ ^^
คุณ อัศวินนภา ตอนหน้าดราม่าก็เกลี้ยงกระเป๋าแล้วค่ะ เอ๊ะ? ฮา
คุณ ameerah เจ้าขุนร้ายมาเยอะ เดี๋ยวตอนหน้าเจอโหมดดาร์กแอบเกรียนของขุนต่อนะคะ อิอิ ส่วนคู่คุณชาย ก็ไม่รู้สินะ — ยิ้มเจ้าเล่ห์
คุณ kaelek ครั้งที่แล้วรอสี่วัน ครั้งนี้รอวันเดียวนะคะ ฮา ดีใจที่รอคอยตอนใหม่นะคะ มีกำลังใจมากๆ
คุณ ใบบัวน่ารัก ร้านเค้กยังไม่เปิดค่า รอไปทานเค้กในสวีทดีซีสเนอะ ฮา ค้างเรื่องนั้นมาจริงๆ แปะโป้งผ่านไปสามเรื่อง พี่ภีมก็ยังไม่สมหวัง รอเจ้าขุนกับเขียนสมหวังก่อนนะคะ โปรแกรมหน้ายังไม่วางเลย
คุณ ผักหวาน กานต์ก็มีความแค้นกับเสี่ยหลงอยู่ค่า ตอนหน้ามาคลายปมกันเนอะ ดีใจที่ตามอ่านจนครบเลยค่ะ ^_^
คุณ Wasineenart Mon พาคุณชาย ภาพ และยาหยีมาให้ตอนนี้เต็มๆ เลยค่า อยากได้สองแต่จัดสาม ฮา
ขอบคุณมากๆ สำหรับความคิดเห็น ไลค์ และคนที่เข้ามาอ่านทุกท่านนะคะ ฮึบๆ อีกอึดใจ (ไม่รู้กี่ตอน) ใกล้จบแล้ว เย้
สายตาคาดโทษ และการบอกชัดว่าบดินทร์ภัทรจะไม่มีวันกลับมาหาเธออีกแล้วเป็นเหมือนยาพิษที่กำลังเกาะกินใจไรรดา หญิงสาวกระดกน้ำสีอำพันรสขมปร่าดับความทุกข์ในใจตลอดคืน กว่าเธอจะได้สติ เวลาก็บ่ายคล้อยในวันรุ่งขึ้น เธอรู้ว่าบดินทร์ภัทรนั้นหากตัดสินใจอะไรสักอย่างลงไป
ไรรดาไม่รู้จักเส้นทางในเมืองไทย และเธอก็ไม่นึกอยากขับรถให้หลง เวลานี้เธอคงไม่สามารถติดต่อบดินทร์ภัทรได้อย่างที่แล้วมา หญิงสาวหัวเราะขมขื่น น้ำตาเอ่อคลอแต่ความหยิ่งยโส และไม่อยากเสียน้ำตาให้กับเรื่องเดิมๆ อีกบังคับให้หญิงสาวต้องแกร่ง
หญิงสาวที่เป็นถึงคุณหนูที่ใครๆ ต่างก็ต้องตามใจ ผู้หญิงแสนมั่นใจที่คิดว่าหัวใจของใครก็ต้องหยุดที่เธอ ไม่แม้แต่คนที่เธอ...รัก ภาพในอดีตบดินทร์ภัทรเป็นคนแอบรักแอบชอบเธอ หลายครั้งที่เธอเปิดโอกาสให้บดินทร์ภัทรเข้ามา แต่ฝ่ายนั้นกลับพอใจที่จะมองเธออยู่แค่ห่างๆ และทำตัวเป็นเพียงเพื่อนคนไทย ทั้งที่เธอรู้ตัวมาตลอดว่าเขาแอบมองเธอเสมอ
และเวลาที่ต้องจากกัน เธอจึงต้องเป็นฝ่ายบอกเขาก่อน เธอมั่นใจว่าเธอรู้คำตอบของเขาอยู่แล้ว...มันจะไปเกินคาดได้ยังไง
ไรรดาเหยียดยิ้ม ส่ายหน้าไปมา สาวลูกครึ่งผู้ไม่เคยต้องยอมรับสภาพว่าตัวเองกำลังแพ้พลิกคว่ำหน้าไปบนหมอนอย่างหมดสภาพ เธอมั่นใจว่าเขารักเธอ แม้ว่าห้าปีที่นับเวลาเจอกันได้น้อยนิด หญิงสาวก็ยังมั่นใจว่าความรู้สึกของบดินทร์ภัทรยังไม่เปลี่ยนแปลง
แล้วเธอผิดเหรอที่ออกปากหลังจากเรียนจบขอให้บดินทร์ภัทรย้ายไปอยู่ที่อังกฤษอย่างถาวร เวลานั้นบดินทร์ภัทรจึงเลือกตัดความสัมพันธ์กับเธอ...ง่ายดาย ไม่มีการเจรจาใดๆ ต่อกันอีก ทำเหมือนเธอไม่ได้มีค่าอะไร
มานึกถึงตอนนี้บดินทร์ภัทรก็คงไม่กลับมา และมีแต่เกลียดเธอมากขึ้นเรื่อยๆ หากเธอยังดันทุรัง และทำร้ายคนสำคัญของเขาอย่างคนไร้สติ
สาวลูกครึ่งหัวเราะหึ ดวงตาเลื่อนลอยเริ่มกลับมาได้สติ ต่อให้หัวใจเจ็บหนึบ เธอจะไม่อ้อนวอนอย่างคนไร้ศักดิ์ศรีอีก เธอควรจะยอมรับ
...ทุกอย่างมันจบตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว เธอเองจะหาผู้ชายที่ดีกว่านี้ หล่อกว่านี้ ทำไมจะหาไม่ได้ เธอเองก็ไม่ได้โง่ที่จะปล่อยเวลาห้าปีโดยไม่มีใคร แต่พอรู้ว่าบดินทร์ภัทรกำลังจะหลุดมือไปถาวร เธอถึงเพิ่งรู้ว่าหัวใจเธอมันกำลังทุรนทุรายขนาดไหน
ร่างสูงชันตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าเบ้เมื่อลมหายใจยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์หลงเหลือ เธอไม่เคยเมาหมดสภาพขนาดนี้มานาน และตอนเมาเธอก็คิดว่ามันไมได้ทำให้สมองเธอคิดได้เท่ากับตอนมีสติครบถ้วนในเวลานี้
โทรศัพท์สีเงินกดหารายชื่อของคนที่เธอไม่นึกว่าฝ่ายนั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไร...กับคำขอของเธอ
“บดินทร์คะ ฉันอยากพบคุณครั้งสุดท้าย...คุณกับคู่หมั้นมาหาฉันที่โรงแรมนะ”
“เราได้รับเลือกเป็นโรงแรมรับรองให้กับผู้เข้าร่วมประชุมสำคัญระดับโลกที่ไทยเป็นเจ้าภาพ งานนี้ฉันจะมาตรวจตราเองทุกขั้นตอน เราจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด เราอุตส่าห์ได้เป็นสถานที่จัดงานประชุมการค้ามาด้วย”
เขียนจันทร์ยิ้มแย้มกับงานใหญ่ที่เข้ามาให้โรงแรมได้มีรายได้เข้าไม่ขาด ช่วงนี้นั้นทางดีเอสเริ่มคลี่คลายสถานการณ์ เธอได้ยินว่าลัลริกากำลังจะรวมธุรกิจโรงแรมของดีเอสกับทางธวัชเดชาด้วยการไปครอบครองในแบบหุ้น หากดีเอสขยับขยายความใหญ่โตเพิ่มขึ้น จักรตรากูลของเธอก็ต้องเป็นปึกแผ่น เธอเชื่อเสมอว่าหากที่พักดี บริการเยี่ยม และส่วนบันเทิงครบครัน ลูกค้าก็ย่อมไม่หายไปไหน
เธอกลับมองตรงข้ามกับทางดีเอสอยู่อย่าง ในขณะที่ทางนั้นกำลังขยับฐานไปด้วยฐานลูกค้ากระเป๋าหนัก เธอกลับคิดสร้างฐานจากลูกค้ากระเป๋าไม่หนักมาก แต่ปริมาณมากแทน เธอกำลังใช้ประสบการณ์จากการไปอยู่ต่างประเทศมานานจับธุรกิจที่พักสำหรับแบ็กแพ็กเกอร์ซึ่งเมืองท่องเที่ยวในเมืองไทยมีนักท่องเที่ยวลักษณะนี้อยู่มาก และการทำที่พักประเภทนี้ก็แค่รีโนเวตตึกเก่าด้วยช่างฝีมือดี ปรับเปลี่ยนภายใน และตกแต่งให้มีเอกลักษณ์ ต้นทุนไม่สูงมาก และเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลาย
นราจดรายละเอียดการประชุมที่นายสาวว่ามา ก่อนจะชะงักเล็กน้อย “คุณเขียนจะให้ดิฉันนัดตัวแทนธากิตมาประชุมเรื่องโครงการใหม่ไหมคะ ตอนนี้เรื่องปรับปรุงโรงแรมทางธากิตจะเริ่มเข้ามาปรับปรุงโรงแรมใหญ่ของเราตึกแรกก่อนในสัปดาห์หน้าค่ะ จะเข้ามาปรับปรุงในส่วนแรกก่อน การปรับปรุงใหญ่จะมีอีกครั้งหลังการประชุมผ่านพ้น”
เขียนจันทร์นึกถึงโครงการปรับปรุงโรงแรมครั้งใหญ่ ที่ต้องค่อยๆ ทำ และไม่ให้กระทบกับผู้เข้าพักทำให้เวลาปรับปรุงยาวนานถึงสองปี บริษัทธากิตเดิมได้ทำให้จักรตรากูลเหมือนคนป่วยกะปอดกะแปดมานานจากการใช้วัสดุ และการใช้ช่างไม่ชำนาญ จำนวนเงินก็ถูกคดโกงไปไม่น้อย
“เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเรียกให้เขาเข้ามาประชุมนะคะ” เขียนจันทร์นึกถึงระบบภายในธากิตที่เจ้าของใหม่แทบล้างบาง ผู้จัดการใหญ่ และเป็นนายช่างใหญ่แห่งธากิตเป็นคนรู้จักกับรักษ์ชาติ ซึ่งฝ่ายหลังออกปากเองว่าธากิตจะกลับเข้าสู่ช่วงเวลารุ่งโรจน์หากเขายังคอยเฝ้าสังเกต
ไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกว่ารักษ์ชาติเป็นมนุษย์ที่ไม่เคยไม่มั่นใจตัวเองเลย
เลขานุการิณีขอตัวออกไปจัดการงานที่เจ้านายสาวให้มา เขียนจันทร์ที่ยังนั่งอยู่บนโต๊ะประจำตำแหน่งก็แอบยืดเส้นยืดสายด้วยความเมื่อยขบ เธอยังคงรักการดูแลสัตว์ และคล่องกับการเป็นสัตวแพทย์มากกว่าอยู่ดี เมื่อวานในงานแต่งงานของบิดามารดาเธอ เธอก็ได้รับคำชักชวนของโชติรสว่าให้ไปทำงานที่นั่นได้ และเธอก็ไม่โง่ทิ้งโอกาสครั้งที่สองนี้ เวลาที่เธอทำงานคือวันจันทร์ถึงศุกร์ ช่วงนี้งานอาจจะหนักหน่อย แต่ถ้าพ้นช่วงนี้ไป เธอคงมีเวลาว่างในตอนเย็น บ่ายแก่ หรือวันว่างสักวันไปทำหน้าที่รักษาสัตว์อย่างที่ร่ำเรียนมา
และยังมีเวลาพากองพันไปพบปะสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ทำให้จิตใจเด็กชายอ่อนโยนขึ้น
ห้องพักที่มีไว้สำหรับพักหากต้องอยู่ทำงานดึกเปิดผัวะออกมา ภาพวิจิตรหน้ามุ่ยยามส่งเครื่องมือสื่อสารที่กำลังส่องแสงหน้าจอขึ้นว่า ‘เบอร์ต้องห้าม’
“พี่รับแล้วจะซวยไหม”
คนมีวันหยุดยาวค้อนหน้าคว่ำ ช่วงนี้ภาพวิจิตรคร่ำเคร่งกับการทำปัญหาพิเศษ เพื่อรอสอบอย่างเดียว จึงไม่ต้องออกไปตะลอนที่ไหนอีก ว่างๆ จึงมักหลีกมาพักยังห้องพักในห้องทำงานใหญ่นี้ และวันนี้ภาพวิจิตรกำลังหงุดหงิด และคิดว่าเวลาพักของเธอถูกก่อกวน
“ลองรับสิ ภาพน่าจะซวยมากกว่า”
เขียนจันทร์ร้องเอ้า แต่ก็ยอมกดรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แกมหยอกน้องสาวด้วยรู้ว่าเบอร์ต้องห้ามในช่วงนี้น่าจะมีเพียงคนเดียว
“น้องภาพ”
“ไม่ใช่ภาพค่ะคุณชาย ฉันเขียน แต่น้องภาพก็ยืนอยู่ข้างๆ นี่แหละค่ะ” เขียนจันทร์ล้อสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกภาพวิจิตร สภาพ ‘น้องภาพ’ ที่กำลังยกกำปั้นขึ้น หน้าตาบูดเบี้ยวกรีดร้องอย่างไร้เสียงทำให้คนมองหลุดขำคิก
“ยาหยีอยากพบพี่กับน้องภาพเป็นครั้งสุดท้ายค่ะ...ก่อนที่เธอจะกลับอังกฤษ”
ใบหน้ายิ้มแย้มเลือนหายไปจากหน้าของเขียนจันทร์ ความเครียด และกังวลฉายแทนที่ หญิงสาวกำลังไม่มั่นใจว่าไรรดาจะมาไม้ไหน จะหาว่าเธอคิดมากก็คงไม่แปลก เพราะที่ผ่านมาเธอก็คิดน้อยเกินไปจนเกิดเรื่องไม่รู้จบขึ้นมา
“ฉันไปด้วยได้ไหมคะคุณชาย”
“มาสิคะ...น้องภาพก็คงอยากให้น้องเขียนมา ตอนนี้พี่รออยู่ที่ห้องอาหารในโรงแรมน้องเขียนนะคะ”
“ค่ะ ฉันจะพาภาพไป”
ภาพวิจิตรจับบทสนทนาไม่ได้ว่ามันออกไปทิศทางไหน เพราะทีแรกเขียนจันทร์ก็ยิ้ม อีกทีก็เครียด ที่แน่ๆ คือเธอต้องไปที่ไหนสักที่กับเขียนจันทร์
“มีอะไรพี่เขียน”
เขียนจันทร์จรดปากกาเซ็นลงไปในแฟ้มงานที่ยังคั่งค้างในแฟ้มนั้นก่อนปิดแฟ้ม และลุกขึ้นยืน เดินตรงมาหาน้องสาวแล้วดึงแขนให้ลุกขึ้นอีกคน
“ใกล้จะจบแล้วภาพ”
“อะไรใกล้...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับภาพ หรือเรื่องไอ้คุณชายขี้สุภาพ”
คำเรียกเหน็บแนมสร้างความปวดหัวให้เขียนจันทร์พอควร นับตั้งแต่เลยเวลาหมั้นมายังไม่พ้นยี่สิบสี่ชั่วโมง ภาพวิจิตรก็มีแต่อคติ และด้านลบต่อคุณชายบดินทร์ภัทรเพิ่มมากขึ้น
“ก็ทำนองนั้น ได้เวลามาทำหน้าที่คู่หมั้นที่แสนดี และรักคุณชายจับจิตเถอะ คุณไรรดาเขาอยากจะพบ” เขียนจันทร์ดุนหลังน้องสาวที่ตั้งท่าจะโวยวายให้ชาวบ้านชาวช่องได้ยิน และอธิบายต่ออย่างใจเย็นที่สุด “พี่ก็ไปด้วย เอาน่าภาพ ถ้าเธอทำว่ารักคุณชาย ดีกับเขาที่สุด ภาพอาจไม่ต้องใส่หน้ากากอีกเลยก็ได้ เพราะคุณไรรดากำลังจะจากไป”
“จะแน่ใจได้แค่ไหน” ภาพวิจิตรถามอย่างหวาดระแวง
เขียนจันทร์ส่ายหน้า และไหวไหล่ประกอบ “มันอยู่ที่ภาพจะแนบเนียนแค่ไหน”
คำตอบนั้นทำให้น้องสาวย่นจมูกขัดใจ ทำเสียงเข่นเขี้ยวในลำคอ สิ่งที่เธอทำได้ห่วยที่สุดก็คือการสวมหน้ากากทำเป็นว่ารักว่าชอบไอ้คุณชายขี้สุภาพนี่แหละ...มันไม่ใช่เลย
ผู้หญิงที่นั่งหลังตรง มาดนางพญาหงส์งามสง่า ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลสวยจ้องจิกภาพวิจิตรตั้งแต่อีกฝ่ายเดินผ่านโค้งประตูห้องอาหารเข้ามา และยังเผื่อแผ่ความไม่ถูกชะตามายังเขียนจันทร์ที่ฝากรอยนิ้วบนหน้าเธอไว้ตอนเมื่อวาน เพียงแค่นึกถึงหน้าเธอก็รู้สึกชาขึ้นมา
“ขอโทษที่ปล่อยให้รอนะคะ” เขียนจันทร์ยิ้มนักธุรกิจส่งไปให้ไรรดา ราวกับเมื่อวานนี้ทั้งสองไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใดๆ ต่อกัน
“กลัวฉันรังแกน้องคุณเหรอ ถึงได้แท็กทีมมาเตรียมถล่มฉันแบบนี้”
น้ำเสียงหยันแกมสบประมาทเรียกขมับของภาพวิจิตรให้เต้นตุบ เจ้าหล่อนแทบถลามาฉีกอกแม่สาวสวย ชาติตระกูลนักเลงดูสักที แต่ยังดีที่เขียนจันทร์ปรามทางสายตา และพามานั่งตรงข้ามคนทั้งคู่อย่างไม่ให้น้ำขุ่นไปมากกว่านี้
“เมื่อวานนี้ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำอะไรไปอย่างสมควรแบบนั้น...ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่ศาล แต่คุณก็ไม่ใช่ผู้ตัดสินเหมือนกัน ลูกขุนยังเด็ก คุณไม่ควรทำร้ายเด็กเพื่อความสะใจ” วาจาที่ไม่ได้อยากขอโทษทำให้หน้าตาเชิดเกิดอาการกระตุก เขียนจันทร์ยังคงยิ้มธุรกิจมอบให้ ทั้งที่ปากเพิ่งจะเชือดคนฟังไป
“ยาหยี คุณมีอะไรจะพูดกับน้องภาพหรือเปล่า”
“น้องภาพ!” ไรรดากุมมือแน่น เล็บแทบจะจิกเนื้อมือตัวเองให้เลือดซิบ บดินทร์ภัทรมาขัดจังหวะปะทะคารมของเธอด้วยน้ำมันที่ราดลงกลางใจ น้ำเสียงเอ็นดูที่ใช้เรียกแบบนั้นทำเธออิจฉา ทั้งที่ไม่อยากจะรู้สึกอีก แต่มันทนไม่ได้
“อิจฉาเหรอคุณ...ขอโทษที่ฉันเกิดช้าให้พี่ชายบดินทร์เรียกฉันว่าน้องได้นะคะ” ภาพวิจิตรที่เริ่มหมั่นไส้สาวปากแดง หน้าขาวตรงหน้าก็เริ่มนึกสนุก เห็นอีกฝ่ายแทบดิ้นพล่านเธอก็ยิ่งสะใจ...ไม่ใช่เพราะเจ้าหล่อนเหรอเธอถึงต้องมาหมั้นทั้งที่ไม่อยากหมั้นแบบนี้
“ไม่นี่คะ...เพราะคุณคงเกิดช้าจริงๆ ตลอดเวลาที่ฉันอยู่อังกฤษ ฉันถึงไม่เคยได้ยินชื่อคุณเลย ไม่ใช่ว่าหมั้นเพื่อหลอกฉันใช่ไหม”
“ครอบครัวฉันกับพี่ชายบดินทร์” ภาพวิจิตรแอบเบะปากกับชื่อเรียกแสลงลิ้น “เรารู้จักกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ยาวนานจนคุณนึกไม่ถึง ซึ่งเราก็ผูกพันกันมานานนม และฉันก็ไม่ได้อยากสนใจใคร่รู้ในเรื่องของคุณกับพี่ชายบดินทร์เท่าไหร่ ฉันรู้แค่ว่าฉันเป็นปัจจุบันของเขา”
ไรรดาขบฟันแน่น มองรอยยิ้มมั่นใจ และไหล่ที่ตั้งตรงอย่างมั่นคงของภาพวิจิตรแล้วได้แต่เค้นสมอง เพราะดูอย่างไรเด็กกะโปโล ดูแสบๆ ซนๆ ตรงหน้าเธอนี่ ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะกับบดินทร์ภัทรเลยแม้แต่น้อย
“บดินทร์ชอบทานอะไร”
“มะระขี้นกจิ้มน้ำพริกกะปิ” ภาพวิจิตรตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ซ้ำยังกอดอกยักคิ้วหลิ่วตาใส่สาวลูกครึ่งให้ต้องมองอย่างน่าหมั่นไส้
“อะไรนะ! บดินทร์ชอบทานข้าวต้มปลาต่างหาก”
“แล้วคุณรู้เหรอว่ามะระขี้นกจิ้มน้ำพริกกะปิคืออะไร” ภาพวิจิตรยิ้มมุมปากถาม
เขียนจันทร์กลั้นยิ้ม อยากจะหัวเราะครืนกับใบหน้าเครื่องหมายคำถามของอีกฝ่าย ภาพวิจิตรรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกครึ่ง ที่แม้จะรู้ภาษาไทย แต่ก็เติบโตที่ต่างแดน ย่อมไม่รู้หลายๆ อย่างที่เป็นของไทยแท้
“มันเป็นอาหารโปรดของผม หาทานที่อังกฤษไม่ได้” บดินทร์ภัทรไกล่เกลี่ยด้วยรอยยิ้มอบอุ่น และเผื่อแผ่ไปให้คนตอบที่ตั้งใจแกล้งล้วนๆ
“สีโปรดล่ะ” ไรรดายังไม่หยุด
“แมลงทับสามพันโบก” คำตอบมั่วๆ ผสมโดยเน้นคำไทยมีแต่เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นบนหน้าไรรดา คนไม่รู้ความหมายกัดฟันกรอด แอบสงสัยครามครัน เพราะหลายคำถาม คำตอบสั้นๆ คำตอบจากปากภาพวิจิตรก็ยาว และแปลกหู ถึงเธอจะสงสัย แต่บดินทร์ภัทรก็ยังยิ้ม และสำทับด้วยคำเดิมๆ
“ครับ...ผมชอบมาก”
ไรรดากำลังขมวดคิ้วฉับ เมื่อคำถามสุดท้ายของเธอถามว่าบดินทร์ภัทรชอบเที่ยวที่ไหน และคำตอบ ‘ป่าละเมาะ’ ทำให้เธอเหนื่อยที่จะถามต่อ ในเมื่อถามไปก็ไม่รู้อะไรเลยอยู่ดี มีแต่อารมณ์เสียกับอาการลูกคู่เยินยอของอดีตคนรักที่รับว่าชอบทุกอย่างที่ภาพวิจิตรตอบมา
“ฉันจะหาคู่ควงที่ดีกว่าคุณให้ได้ อย่างน้อยๆ ถ้าฉันได้ยืนเคียงข้างคนระดับคุณ หรือดีกว่าคุณ ฉันจะเหมาะสมกว่าผู้หญิงคนนี้แน่นอน” ไรรดามองเหยียด ดูแคลนภาพวิจิตร
ภาพวิจิตรขมุบขมิบปากด่า แต่เบาให้เพียงตัวเองได้ยิน “จ้า...แม่คนประเสริฐ แตะดินไม่เป็น”
“ฉันดีใจที่คุณไม่ทำให้คุณชายลำบากใจไปมากกว่านี้นะคะ” เขียนจันทร์พูดนิ่มๆ แต่เหมือนลิ่มตอกหน้าผากไรรดากับข้อหาทำให้บดินทร์ภัทร ‘ลำบากใจ’ ซึ่งหน้าของอีกฝ่ายตึงเปรี๊ยะเตรียมฉีกขาดกับการถูกสองพี่น้องรุมกระหน่ำด้วยท่าทีที่มั่นคงไม่สั่นไหว
“ถึงฉันจะไม่อยากทำให้บดินทร์ลำบากใจ แต่ถ้าใครทำให้เพื่อนคนสำคัญของฉันเจ็บ ฉันเล่นงานหนักแน่” ไรรดาเชิดหน้าบอก มีร่องรอยพอใจเมื่อจับจุดอ่อนของภาพวิจิตรได้ “ฉันจะจับตาดูเธอกับบดินทร์”
“คุณปล่อยคุณชาย แล้วทำไมไม่ปล่อยให้ตลอดไปคะ” เขียนจันทร์ชักกลัวแทนน้อง เธอรู้ว่านิ้วนางข้างขวาที่ถูกกุมอยู่ใต้โต๊ะกำลังเตรียมรูดแหวนออกมาวางคืนบนโต๊ะทุกเมื่อยามที่ไรรดาพ้นสายตาไป เท่านี้ภาพวิจิตรก็ฝืนตัวเองมาพอ และหย่อนปากหาเรื่องไรรดามาไม่น้อยแล้ว ขืนไปทำอะไรไม่ถูกใจ ชีวิตสงบๆ ของจักรตรากูลได้มีอันปั่นป่วนรอบสอง
“มันเรื่องของฉัน...บดินทร์สำคัญกับฉัน จนกว่าฉันจะได้เห็นเขาแต่งงาน ฉันถึงจะปล่อยเขาไปจากสายตาจริงๆ”
“เฮ่ย! เกินไปหรือเปล่า” ภาพวิจิตรหลุดให้เขียนจันทร์ต้องหลับตาหนีอย่างเสียวไส้ น้องสาวของเธอตบโต๊ะปัง ลืมว่าต้องเก็บอาการมากแค่ไหน
แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้มันจะเป็นประโยชน์ เมื่อแหวนบนนิ้วนางส่องประกายล้อแสงเข้าตาคนมอง ไรรดาจ้องมองตาคว่ำ
“ทำไมใส่ข้างขวา”
ภาพวิจิตรหายใจเข้าลึกๆ มองสีหน้าปรามจากพี่สาวก็รู้ว่าเธอยังอยู่รอดปลอดภัยดี “ไว้แต่งค่อยเปลี่ยนนิ้วสิ”
“แล้วไป” ไรรดาเบือนหน้าไปทางอื่น ปล่อยให้สองพี่น้องผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมเพรียงกันด้วยความโล่งอก จะอย่างไรก็ไม่มีใครอยากแกว่งเท้าหาเสี้ยน หาเรื่องใส่ตัวกันหรอก เลี่ยงได้เป็นเลี่ยงจะดีกว่า
“ฉันอยากไปขอโทษเด็กคนนั้น”
คำขอของไรรดาจุดประกายแปลกใจในดวงตาคนทั้งสาม เขียนจันทร์รู้สึกว่าเธอมองไรรดาดีขึ้นมาจากเดิมนิดหนึ่ง อย่างน้อยๆ คนที่รู้ว่าผิด และขอโทษก็สมควรได้รับการให้อภัย
แล้วเธอล่ะ...เมื่อไหร่จะให้โอกาสรักษ์ชาติจริงๆ จังๆ สักที บางทีมันอาจถึงเวลาที่เธอจะฟังเสียงหัวใจมากกว่าใช้สมอง และตรรกะทั้งหลายแหล่
โทรศัพท์ของเขียนจันทร์ดังฉุดความคิดทั้งมวล หญิงสาวกดรับ ก่อนจะรู้สึกเสียดายที่ไปกับไรรดาไม่ได้
“มีงานด่วนเข้ามา ภาพไปเป็นเพื่อนคุณไรรดาทีนะ พี่ต้องรีบไปต้อนรับลูกค้าวีไอพี”
ภาพวิจิตรทำหน้าม่อย แต่ก็ยอมรับปากอย่างไม่เต็มใจ
“เดี๋ยวภาพรับน้องขุนกลับด้วยเลย พี่เขียนจะได้ไม่ต้องไปอีกรอบ”
“แล้วเจอกันตอนเย็น” เขียนจันทร์เดินเร็วลับไป ทิ้งภาระชิ้นโตอย่างไรรดา และคุณชายที่เธอต้องปั้นหน้าเป็นมิตรใส่อย่างไม่เต็มใจ
...หวังว่าหัวเธอคงไม่ถูกไรรดาเขมือบระหว่างทางหรอกนะ ไหนจะคลื่นไส้กับรอยยิ้มแสนสุภาพของบดินทร์ภัทรอีก
รถของบดินทร์ภัทรกลายเป็นพาหนะเพียงหนึ่งเดียวที่นำทั้งสามชีวิตมาถึงโรงเรียนของกองพัน ไรรดาปรายตามองคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่ทางเบาะหลังด้วยความหมั่นไส้มาตลอดทาง
“รอให้ลูกขุนเลิกเรียนก่อนไหมครับ” บดินทร์ภัทรพยายามไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างสองสาว ในฐานะคนกลางเขาสัมผัสได้ถึงความอึดอัดนับตั้งแต่เขียนจันทร์ปลีกตัวไปทำงาน สองคนไม่ยอมพูดคุยกัน และเขาต้องเจรจาให้ผ่านพ้นไปได้
“ไม่ต้องรอหรอกค่ะ เข้าไปตอนนี้แหละ เด็กอนุบาลจะเรียนอะไรกันนักหนา” ไรรดาออกไปจากรถโดยไม่รั้งรอ ปล่อยให้ภาพวิจิตรเบะปากไล่หลัง
“ตอนเด็กคงเรียนมาน้อย โตขึ้นถึงได้เป็นแบบนี้”
วาจาเราะร้ายจากปากภาพวิจิตรทำให้คนขับรถกิตติมศักดิ์ส่ายหน้าด้วยไม่รู้ว่าใครแย่กว่าใครระหว่างไรรดาหรือภาพวิจิตร แต่ไปท้วงไม่ให้ทะเลาะกันก็ดูว่าจะยากยิ่งกว่า เพราะเขาเองในสายตาภาพวิจิตรก็ไม่ได้มีอะไรดีนักหรอก
แต่ก่อนที่ทั้งสองทันได้ลงจากรถ ชายชุดดำสวมโม่งปิดหน้าปิดตาในรถแวนฟิล์มดำที่เพิ่งแล่นมาจอดหน้าโรงเรียนเปิดประตูลงมา คนพวกนั้นกรูเข้าไปในโรงเรียน และก่อนที่ภาพวิจิตรจะได้ลงไปอย่างมนุษย์ใจร้อน บดินทร์ภัทรก็รั้งแขนไว้ ส่ายหน้าช้าๆ
“จะบ้าเหรอ เด็กๆ อยู่ในโรงเรียนตั้งเยอะ”
“พี่ชายยาหยีไม่ปล่อยให้น้องสาวเขาเป็นอะไรหรอกครับ” บดินทร์ภัทรไม่ได้บอกกับภาพวิจิตรว่าตั้งแต่ออกมาจากโรงแรม รถของพี่ชายไรรดาก็แล่นตามมาไม่ห่าง เขารู้เพราะฝ่ายนั้นลงมาหาเขาว่าให้จัดการเคลียร์สัมพันธ์ค้างคานี้ให้จบก่อนที่เขาจะเข้าไปในห้องอาหารของโรงแรม
ภาพวิจิตรหันมองตาม พบว่าหนุ่มลูกครึ่งผมน้ำตาล ตาสีฟ้า สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์นำขบวนผู้ชายชุดลำลองพอกันอีกสามคนเดินเข้าไปในโรงเรียนด้วยท่าทางสงบ ไม่รีบเร่ง หนึ่งในสามคนอยู่ควบคุมรถแวนต้นเหตุ เขาเข้าไปมะรุมมะตุ้มจนรถสะเทือน และหญิงสาวที่มองดูอยู่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าไม่กี่นาทีต่อมาคนของพี่ชายไรรดาก็เปิดประตูฝั่งคนขับรถแวนออกมาจุดบุหรี่สูบสบายใจ และพ่นควันอัดหน้าคนที่ตนเพิ่งซ้อมจนหมดสภาพ ตรงช่องประตูทำให้เธอเห็นหน้าตาบวมปูดของนักเลงชุดดำ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าทั้งที่ยาวไม่ถึงห้านาที หนุ่มลูกครึ่งที่ดูจะได้รับเชื้อยุโรปเข้มข้นก็เดินกลับมา ข้างๆ มีไรรดาที่ยังหน้าตาตื่นตระหนก และมือที่กุมมือเล็กของกองพันที่ยังทำหน้างงงัน ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
บดินทร์ภัทรเปิดประตูรถลงไป ภาพวิจิตรจึงรีบลงตาม เมื่อกองพันเห็นคนสองคนที่ตนรู้จักดีจึงรีบวิ่งมาหา
“เกิดอะไรขึ้นลูกขุน มีใครทำอะไรเราหรือเปล่า” ภาพวิจิตรย่อตัวอยู่ระดับเดียวกับเด็กชายถาม
“คนพวกนั้นกรูเข้ามา แต่ยังไม่ทันทำอะไร พี่ชายฉันก็จัดการพวกนั้นเงียบๆ ซะก่อน” ไรรดายังตระหนกไม่หาย เธอยังเดินไม่ถึงห้องเรียนของกองพัน คนพวกนั้นก็วิ่งกรูเข้ามา เธอเห็นเจตนาที่ไม่ดี ยังไม่ทันคิดว่าต้องทำอะไร พี่ชายเธอก็มาช่วยไว้ก่อน
“คนพวกนั้นต้องการอะไร” ภาพวิจิตรคิดถึงศัตรูไม่ออก แต่พอเห็นว่าช่วงนี้ชีวิตคนในจักรตรากูลพบเจออะไรมาบ้าง เธอก็พอจะคิดได้ไม่ยากว่าใครทำ
“ไปถามเองสิ” ไรรดาโบกมือขี้เกียจตอบ เดินมาหยุดตรงหน้าเด็กชายที่ยังมีอาการมองคนโน้นที คนนี้ทีว่าจะมีใครให้คำตอบตนได้บ้าง แต่ก็ไม่แสดงความอ่อนแอออกมา “ถือว่าหายกัน ฉันช่วยเธอมาจากพวกลักพาตัวแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
เด็กชายกะพริบตาปริบ ดวงตากลมโตเริ่มเข้าใจอะไรได้ลางๆ ก่อนจะยิ้มอย่างน่ารักให้ คนโตกว่าที่เคยทำร้ายเด็กชายอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเริ่มรู้สึกผิด ไรรดาเข้าใจแล้วว่าเด็กน้อยบริสุทธิ์ และใจสะอาดแค่ไหน
“ไอ้เสี่ยหลงใช่ไหม” ภาพวิจิตรเข่นเขี้ยว ซัดกำปั้นใส่ฝ่ามือตัวเองด้วยความแค้นเคือง ฝ่ายนั้นไม่ยอมจบกับจักรตรากูลสักที
“พี่เขียนล่ะ” ภาพวิจิตรเพิ่งนึกออก ว่าถ้าคนที่เสี่ยหลงต้องการจัดการคือคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องล้มเสี่ยหลงล่ะก็ กองพันอาจเกี่ยวในเรื่องเป็นเด็ก เป็นลูกรักของพี่สาวเธอกับรักษ์ชาติ แล้วตัวเขียนจันทร์ในเวลานี้อีกล่ะ...จะปลอดภัยไหม
ภาพวิจิตรรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อติดต่อปลายทาง แต่เธอก็ต้องผิดหวัง หน้าตายิ่งเต็มไปด้วยความไม่สบายใจยามหันมาบอกกับบดินทร์ภัทรอย่างสิ้นหวัง
“ฉันติดต่อพี่เขียนไม่ได้”
การประชุมงาน และวางแผนงานที่จะจัดเตรียมงานแสดงจิวเวอรี่ผ่านพ้นไป เขียนจันทร์เดินออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าอ่อนล้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพบว่าหน้าจอมืดสนิท น่าจะมาจากเธอลืมชาร์ตแบตไว้ตอนกลางคืน ป่านนี้กองพันน่าจะถึงบ้านแล้ว
หญิงสาวเดินมาส่งลูกค้าที่หน้าโรงแรม ผู้ชายที่คุ้นหน้าเธอก็วางหน้าตาตื่นเข้ามา ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ มีเพียงความร้อนรน
“คุณเขียนไปอยู่ที่ไหนมาครับ” ศดาธรหน้าตาซีดเผือด เขาพยายามวิ่งตระเวนหาไปทั่วโรงแรมแต่ไม่พบ รถของเขียนจันทร์ก็จอดนิ่งสนิทที่เดิม หรือแม้แต่เลขาสาวของเขียนจันทร์เขาก็ติดต่อไม่ได้
“พอดีมีประชุมงานด่วนค่ะ ฉันก็อยู่ในจักรตรากูลนี่แหละค่ะ เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าคะคุณก้อง”
ศดาธรมองรอบข้างที่เงียบงัน เวลาหัวค่ำ และหน้าโรงแรมต่างเงียบเชียบเป็นใจ “เสี่ยหลงส่งคนไปจับตัวคุณลูกขุนครับ”
“อะไรนะคะ!” เขียนจันทร์กัดปากด้วยหัวใจที่ร่วงไปกองอยู่แถวตาตุ่ม
“ครับ แต่พี่ชายคุณไรรดาช่วยไว้ทัน ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว พวกเรากลัวว่าคุณเขียนจะมีอันตรายไปอีกคน พยายามติดต่อ แต่ติดต่อไม่ได้”
“ตอนนี้ฉันอยู่นี่แล้ว...ฉันปลอดภัยแล้วจริงไหมคะ”
คนสนิทรักษ์ชาติหน้ายังคงแสดงอาการย่ำแย่เหมือนเดิม ร่องรอยหวาดกลัวเด่นชัด “เราจับตัวเสี่ยหลงได้ตั้งแต่เมื่อวานครับ แต่เสี่ยหลงเขาจ้างคนมาจับตัวคุณลูกขุนก่อน ตอนนี้คุณขุนก็รู้เรื่องหมดแล้ว ยกเว้นเรื่องของคุณเขียน ตั้งแต่โทรแจ้งคุณขุนไปจนถึงตอนนี้ไม่มีใครติดต่อคุณขุนได้ครับ”
“รีบพาฉันไปหาเขา” เขียนจันทร์กลืนน้ำลายด้วยอาการฝืดคอ สังหรณ์ใจแง่ร้ายเล่นงานเธอจนยืนไม่ติดที่...เธอคิดว่ารู้จักรักษ์ชาติดี เวลาเขาโกรธเลือดขึ้นหน้ามานั้นน่ากลัวขนาดไหน ตอนที่เธอเจออาจเป็นแค่สิบส่วนในร้อยส่วนของเขาก็ได้
ผู้ชายอารมณ์ร้อน อารมณ์ร้ายอย่างรักษ์ชาติเวลาโกรธไม่เคยทำให้เธอวางใจได้เลย...และเธอกลัวใจรักษ์ชาติทำอะไรโดยไม่คิดให้ดีที่สุด
เธอกลัวรักษ์ชาติกลายเป็นฆาตกร!
.........................................
คุณ ร้อยวจี ขอบคุณค่า มาต่อให้แล้วนะคะ ^^
คุณ อัศวินนภา ตอนหน้าดราม่าก็เกลี้ยงกระเป๋าแล้วค่ะ เอ๊ะ? ฮา
คุณ ameerah เจ้าขุนร้ายมาเยอะ เดี๋ยวตอนหน้าเจอโหมดดาร์กแอบเกรียนของขุนต่อนะคะ อิอิ ส่วนคู่คุณชาย ก็ไม่รู้สินะ — ยิ้มเจ้าเล่ห์
คุณ kaelek ครั้งที่แล้วรอสี่วัน ครั้งนี้รอวันเดียวนะคะ ฮา ดีใจที่รอคอยตอนใหม่นะคะ มีกำลังใจมากๆ
คุณ ใบบัวน่ารัก ร้านเค้กยังไม่เปิดค่า รอไปทานเค้กในสวีทดีซีสเนอะ ฮา ค้างเรื่องนั้นมาจริงๆ แปะโป้งผ่านไปสามเรื่อง พี่ภีมก็ยังไม่สมหวัง รอเจ้าขุนกับเขียนสมหวังก่อนนะคะ โปรแกรมหน้ายังไม่วางเลย
คุณ ผักหวาน กานต์ก็มีความแค้นกับเสี่ยหลงอยู่ค่า ตอนหน้ามาคลายปมกันเนอะ ดีใจที่ตามอ่านจนครบเลยค่ะ ^_^
คุณ Wasineenart Mon พาคุณชาย ภาพ และยาหยีมาให้ตอนนี้เต็มๆ เลยค่า อยากได้สองแต่จัดสาม ฮา
ขอบคุณมากๆ สำหรับความคิดเห็น ไลค์ และคนที่เข้ามาอ่านทุกท่านนะคะ ฮึบๆ อีกอึดใจ (ไม่รู้กี่ตอน) ใกล้จบแล้ว เย้

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 มิ.ย. 2557, 01:12:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 มิ.ย. 2557, 01:12:15 น.
จำนวนการเข้าชม : 2073
<< บทที่ 24 : ไม่แน่ใจ | บทที่ 26 : หล่อแอ๊บแตก >> |

คิมหันตุ์ 20 มิ.ย. 2557, 07:11:29 น.
ลุ้นแฮะ คุณขุนหายไปไหน
ลุ้นแฮะ คุณขุนหายไปไหน

Auuuu 20 มิ.ย. 2557, 07:37:43 น.
ชอบเที่ยวป่าละเมาะ 55555
ชอบเที่ยวป่าละเมาะ 55555

ameerah 20 มิ.ย. 2557, 07:59:25 น.
ตอนนี้เจ้าขุนหายไปเลยอ่ะ มาต่อเร็วๆนะ คิดถึงเจ้าขุน 555 รอลุ้นคู่นคุณชาย เอ๊ะรึว่าจะให้ภาพคู่กะพี่ชายของยาหยีดี
ตอนนี้เจ้าขุนหายไปเลยอ่ะ มาต่อเร็วๆนะ คิดถึงเจ้าขุน 555 รอลุ้นคู่นคุณชาย เอ๊ะรึว่าจะให้ภาพคู่กะพี่ชายของยาหยีดี

ใบบัวน่ารัก 20 มิ.ย. 2557, 08:40:04 น.
ตกใจ นึกว่าจะดักตบกัน
หากไม่อยากรักไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกันคุณชายก็กลับไปเถอะ
ลูกขุนไม่ตกใจไม่มีบทพูดบ้างเลย น่าน้อยใจจัง ให้ลูกขุนพูดบ้างดิ
พี่ชายไรรดา หล่อไหม แก่ยัง มีลูกมีเมียยัง เถื่อนๆเหมือนเจ้าขุนปะเห็นว่าเป็นเพื่อนกัน
เอาไปเขียนในเรื่องหน้า ไม่ต้องจับคู่กะภาพ นะ ไปโหดเรื่องอื่นคนอื่นบ้างเถอะนะ
ตกใจ นึกว่าจะดักตบกัน
หากไม่อยากรักไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกันคุณชายก็กลับไปเถอะ
ลูกขุนไม่ตกใจไม่มีบทพูดบ้างเลย น่าน้อยใจจัง ให้ลูกขุนพูดบ้างดิ
พี่ชายไรรดา หล่อไหม แก่ยัง มีลูกมีเมียยัง เถื่อนๆเหมือนเจ้าขุนปะเห็นว่าเป็นเพื่อนกัน
เอาไปเขียนในเรื่องหน้า ไม่ต้องจับคู่กะภาพ นะ ไปโหดเรื่องอื่นคนอื่นบ้างเถอะนะ

konhin 20 มิ.ย. 2557, 09:18:50 น.
คุณขุนจะห้าวไปไหนนน
คุณขุนจะห้าวไปไหนนน

kaelek 20 มิ.ย. 2557, 10:38:54 น.
แอบกลัวใจนายขุน.. แต่แอบลุ้น" น้องภาพกะคุณชาย"
ปล. ไรเตอร์ หายไปแค่หนึ่งวัน ก็แย่แล้ว อย่านานแบบครั้งก่อนอีกเลย มันจะลงแดงเอานะ
แอบกลัวใจนายขุน.. แต่แอบลุ้น" น้องภาพกะคุณชาย"
ปล. ไรเตอร์ หายไปแค่หนึ่งวัน ก็แย่แล้ว อย่านานแบบครั้งก่อนอีกเลย มันจะลงแดงเอานะ

ร้อยวจี 20 มิ.ย. 2557, 15:21:09 น.
น้องภาพพูดซะยาหยีงง รอลุ้นคู่คุณชายกับน้องภาพต่อค่ะ แล้วนายขุนหายไปไหนค่ะ คิดถึงค่ะ
น้องภาพพูดซะยาหยีงง รอลุ้นคู่คุณชายกับน้องภาพต่อค่ะ แล้วนายขุนหายไปไหนค่ะ คิดถึงค่ะ


yasta 20 มิ.ย. 2557, 15:46:53 น.
เห็นด้วยกับคุณ kaelek อย่าหายไปนานๆนะคะ
คิดถึงคุณขุน..แต่ตอนนี้แอบมโนน้องภาพกะพี่ชายของไรรดาอ่ะ
น่าจะเข้ากันได้ดีเพราะคนนึงออกแนวมาเฟียกับสาวแก่นแก้ว
เอหรือว่าจะเข้ากับคุณชายดีนะ..เอามาเป็นเรื่องหน้าดีไหมคะ...น่าสนใจอยู่นะคะ
เห็นด้วยกับคุณ kaelek อย่าหายไปนานๆนะคะ
คิดถึงคุณขุน..แต่ตอนนี้แอบมโนน้องภาพกะพี่ชายของไรรดาอ่ะ
น่าจะเข้ากันได้ดีเพราะคนนึงออกแนวมาเฟียกับสาวแก่นแก้ว
เอหรือว่าจะเข้ากับคุณชายดีนะ..เอามาเป็นเรื่องหน้าดีไหมคะ...น่าสนใจอยู่นะคะ

อัศวินนภา 20 มิ.ย. 2557, 21:50:14 น.
หวานๆๆขอหวานหน่อยน่ะ พ่อขุนขา อย่าก่อเรื่องนะ
จะได้หวานอีกนะ 555
หวานๆๆขอหวานหน่อยน่ะ พ่อขุนขา อย่าก่อเรื่องนะ
จะได้หวานอีกนะ 555

ผักหวาน 24 มิ.ย. 2557, 19:32:08 น.
ตอนนี้พี่ขุนหลุดเฟรมไปซะงั้น อิอิ น้องภาพออกโรงซะน่ารักเชียว แมลงทับสามพันโบก ต้องไปดูที่อุบลฯแล้วมั้งจ๊ะ 555
ตอนนี้พี่ขุนหลุดเฟรมไปซะงั้น อิอิ น้องภาพออกโรงซะน่ารักเชียว แมลงทับสามพันโบก ต้องไปดูที่อุบลฯแล้วมั้งจ๊ะ 555