UnRomantic Love หนีไม่พ้นใจ (เล่ห์ลวงจันทร์)
เขียนจันทร์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมารับพ่อที่กำลังเกษียณไปอยู่บ้าน

วันแรกที่กลับมาเธอก็พบผู้ชายปากร้าย แข็งกระด้าง มาตามหาพี่สาวของเธอ

ปากก็บอกตามหา แต่ทุกวันก็ยังวนเวียนอยู่กับเธอ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป

ทำไมผู้ชายนิสัยแบบนี้ คุมสถานบันเทิงใหญ่ จะเลี้ยงเด็กที่เขาบอกว่าเป็นลูกได้ดีเหรอ

แล้วทำไมถึงได้ยัดเยียดลูกให้เธอเลี้ยง ส่วนตัวเองก็ร่อนไปหาพี่สาวเธอแบบนี้เล่า

นายรักษ์ชาติ...นายมันผู้ชายยอดแย่ที่สุด

แล้วทำไมวันที่เธอมีปัญหาที่สุด คนแย่ๆ แบบเขากลับไม่ยอมทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว

กลัวจะไม่มีเบ๊ไว้ให้ใช้ล่ะสิท่า...อย่าคิดว่าคนอย่างเธออ่านเกมเขาไม่ออก
Tags: เขียนจันทร์ รักษ์ชาติ จักรตรากูล กองพัน

ตอน: บทที่ 26 : หล่อแอ๊บแตก

บทที่ 26

“กูถามว่ามึงเอาเขียนไปไว้ที่ไหนฮะ!”

เสียงตะโกนดังลั่นโกดังเก่าย่านชานเมือง ตอนได้ยินข่าวว่าเขียนจันทร์หายไป และไหนจะยังการส่งคนไปดักจับกองพันอีก เพียงแค่สองสิ่งนี้ก็ทำรักษ์ชาติโกรธถึงขีดสุด ไม่นับสิ่งที่หลงเคยทำมาก่อนหน้านั้นเลย

ร่างที่ถูกมัดไว้ มีร่องรอยของการถูกซ้อมเต็มตัวหัวเราะลั่น หน้าตาสาแก่ใจ ไม่สนว่าการหัวเราะของตนจะไปยั่วให้ไอ้เด็กรุ่นลูกมันซัดปากเอาอีกแผลหรือไม่

“กูไปรู้เหรอ ป่านนี้อีนังนั่นตายไปแล้วมั้ง”

“ไอ้หลง!” รักษ์ชาติถีบเก้าไม้ที่หลงนั่งอยู่จนล้มหงายหลังตึง ร่างที่มัดล้มกลิ้งพร้อมอาการจุก แต่พอตั้งตัวได้มันก็เริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“ฆ่ากูเลย กูจะได้ไปหาอีนังนั่นในนรกให้ ดีไหม ฮ่าๆๆ”

เสียงหัวเราะหลอนประสาทของหลงมีแต่ให้บรรยากาศในโกดังร้างคุกรุ่นมากขึ้น รักษ์ชาติจ่อปลายกระบอกปืนไปยังคนที่นอนหงายบนพื้นด้วยความแค้นจัด

“มึงมันโง่ที่ไม่หนีไป” รักษ์ชาติรู้สึกว่าต่อให้ซ้อมหลงต่อไป เขาก็ไม่มีวันรู้ว่าเขียนจันทร์ไปอยู่ที่ไหน...สู้ฆ่ามันให้ตายรู้แล้วรู้รอดไปยังง่ายกว่า “กูจะไม่ปล่อยมึงมาทำร้ายคนที่กูรักได้อีก”

“เอาเลย...มึงจะได้ตกนรกไปพร้อมกู” หลงจ้องตาแทบถลน ประกาศกร้าวอย่างยินดีในความตาย

“มึงตาย!”

“อย่านะ!” เสียงหวานอันคุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง พร้อมกับที่ร่างระหงนั้นวิ่งมากอดแนบแผ่นหลังของรักษ์ชาติไว้ทั้งน้ำตา หยาดน้ำอุ่นรินรดแผ่นหลังเขา ค่อยๆ เรียกสติที่ขาดผึงไปชั่วครู่คืนกลับมา “พอแล้ว...อย่าฆ่าใครเลยนะ”

“เขียน...นี่คุณ” รักษ์ชาติหันกลับมารวบร่างที่สั่นเทาไปด้วยความกลัวไว้แนบอก เขากลัวเหลือเกินในช่วงเวลาที่ไม่รู้ว่าเขียนจันทร์เป็นตายร้ายดียังไง โกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เลย

“อย่าทำอะไรขาดสติอีกนะ ฉันไม่อยากให้คุณเป็นปีศาจในร่างคน...ฉันรักคนที่มองชีวิตคนอื่นเป็นผักเป็นปลาไม่ได้ มันมีวิธีที่จะลงโทษเขาได้ตามกฎหมาย อย่าทำตัวเป็นศาลเตี้ยเลยนะ”

ปืนที่กำไว้แน่นคลายลงข้างตัว รักษ์ชาติปลอบเขียนจันทร์ และปลอบใจตัวเองที่เคยหวาดกลัว และโกรธที่สุดในชีวิตให้ใจเย็นโดยเร็ว “ไม่มีอะไรแล้ว...ผมไม่ทำอะไรใครแล้วนะเขียน”

“มึงต้องยิงกูสิโว้ย!”

หลงดิ้นและเริ่มตะเกียกตะกายเพื่อจะตะครุบปืนมา แต่รักษ์ชาติก็ไวพอที่จะเหน็บปืนไว้ตรงเอว ยิ้มเหี้ยมใส่อย่างคนที่ไม่เสียอะไรเลยสักอย่าง

“นี่มึงขี้ขลาดขนาดต้องให้กูเป็นคนลั่นไกใส่ชีวิตเส็งเคร็งของมึงเชียวเหรอ...ไอ้หลง!” ถึงทีที่รักษ์ชาติจะหัวเราะออกมาได้สะใจ หากไม่มีเขียนจันทร์เขาก็คงสนองความต้องการมนุษย์เลวอย่างหลงไปแล้ว “มึงไปชดใช้ชีวิตในคุกเถอะ”

“ปิดหูซะเขียน” รักษ์ชาติใช้น้ำเสียงอ่อนโยนกับร่างบาง ขณะที่ยกปืนขึ้นมาและเล็งไปยังร่างที่นอนบอบช้ำบนพื้น เขียนจันทร์รีบรั้งแขนหนาไว้ด้วยความหวาดหวั่น รักษ์ชาติก้มลงกระซิบให้หญิงสาวยอมปล่อยมือที่รั้งไว้ขึ้นมาปิดหูตัวเอง “เชื่อผม ผมจะไม่ทำในสิ่งที่คุณกลัว ผมก็แค่อยากสั่งสอนคนแก่”

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!


เสียงปืนดังลั่นโกดังจนครบแม็ก มาพร้อมๆ กับเสียงหวอรถตำรวจ ประกายพรึกวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก กลัวว่าคนที่ถูกยิงจะมีพี่สาวของตนที่กำชับว่าให้ยืนเฝ้าอยู่แต่ข้างนอกว่าได้รับอันตรายอะไรหรือไม่ อาวุธสีดำกระสุนจุดสามแปดดึงมาไว้ใช้ป้องกัน เผื่อมันจะได้ใช้

“ไอ้เวรเอ้ย...มึงจะฆ่ากูก็ฆ่าเลย” เสียงของเสี่ยหลงดังขึ้น ประกายพรึกเยี่ยมหน้าไปมองพบว่าเสี่ยหลงที่นอกจากรอยฟกช้ำตามตัว อวัยวะก็ยังอยู่ครบดี มีเพียงปลอกกระสุนเกลื่อนอยู่รอบตัว และร่องรอยการยิงตามพื้น

“ไม่มีใครเป็นอะไรใช่ไหม”

“ไม่มีหรอก นอกจากคนแก่ฉี่เรี่ยราด” รักษ์ชาติตอบประกายพรึก

อดีตทหารหนุ่มแก้เชือกที่มัดคนแก่เป้าเปียกจนเลอะพื้นด้วยสีหน้าสะใจ เขียนจันทร์ส่ายหน้าให้กับนิสัยห่ามๆ ของรักษ์ชาติ จะว่าโล่งอกก็ใช่ที่เธอมาทัน แต่การแกล้งคนแก่ให้กลัวขนาดนี้ก็เกรงว่าจะเกิดการทำให้คนแก่หัวใจวายตายได้

“พรึกเจ้านายนายมาน่ะ” กานต์เดินเข้ามาบอกด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย มองไปยังหลงด้วยความเซ็งในเล่ห์เหลี่ยมตาเฒ่า “คงสั่งให้ตามพวกเรามาตั้งแต่เมื่อคืน”

“ฆ่ากูซะ” หลงตะเกียกตะกายลุกขึ้นดวงตาเหลือกถลน มือพยายามจะเอื้อมคว้าปืน แต่กลับถูกรักษ์ชาติยันยอดอกจนล้มกลิ้งไปคลุกฝุ่นดังเดิม

“อย่าหาว่ารังแกคนแก่เลยนะ คนแก่ตรงหน้ามันไม่อยู่ในกรณีน่าสงสารว่ะ” รักษ์ชาติอยากจะเตะป้าบอีกสักที แต่เขียนจันทร์รีบไปรั้งไว้ ถึงอย่างไรเสี่ยหลงก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถึงไม่เอาให้ตาย แต่สภาพหมดท่าของนักเลงเก่าอย่างเสี่ยหลงก็ดูไม่จืดพอแล้ว

ประกายพรึกเก็บปืนเข้าซอง เดินเข้าไปเพื่อรวบตัวเสี่ยหลง ใส่กุญแจมือให้จบเรื่องจบราว เขาอยากจะทำมาตั้งแต่เมื่อคืน แต่ทั้งรักษ์ชาติ ทั้งกานต์มีความแค้นกับหลงมากจึงตุบตับ มัดกับเก้าอี้ตากน้ำค้างอีกคืนให้สาแก่ใจ เพิ่งจะมีมาเดือดช่วงบ่ายนี้เองที่เสี่ยหลงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“จบเรื่องนะ” ประกายพรึกถอนหายใจด้วยความอึดอัด เครียดมาตลอดวันตลอดคืนทั้งที่แม่กับพ่อเพิ่งจะมีงานมงคลไปเมื่อวานนี้แท้ๆ

“กูไม่จบโว้ย!” หลงฉวยโอกาสช่วงประกายพรึกเผลอคว้าปืนออกมาจากซองที่ติดกับเอวตำรวจหนุ่ม หลงเล็งปืนไปยังเขียนจันทร์ และลั่นไกไม่มีการบอกกล่าวอีก

ปัง!

รักษ์ชาติตั้งใจจะใช้ตัวเองเป็นเกราะ แต่เขียนจันทร์ยกแขนมาผลักร่างโตออกไปให้พ้นทางก่อน และกระสุนก็ฝังเข้าไปในเนื้อขาวบริเวณต้นแขนที่ยกมาแทนที่จะเป็นตำแหน่งบริเวณอก เลือดสีแดงฉานเริ่มหยดติ๋งลงพื้น หน้าของเขียนจันทร์ซีดเผือด แทบไม่รู้สึกอะไรอีกนอกจากความเจ็บปวดที่ค่อยๆ แผ่ออกมาทางเส้นประสาท

ภาพหลงที่ยิงเขียนจันทร์อยู่ในสายตาตำรวจที่เพิ่งวิ่งมาถึง เจ้านายของประกายพรึกชะงักอยู่ตรงประตูโกดัง เมื่อสถานการณ์พลิกผัน ในทีแรกหลงกับเขาตกลงกันว่าหากได้ยินเสียงปืนเวลาที่หลงอยู่กับรักษ์ชาติเมื่อไหร่ ให้คิดได้ว่ารักษ์ชาติฆ่าตนแน่ และเขาจะฉวยโอกาสนั้นไปจับตัวรักษ์ชาติในข้อหาเจตนาฆ่าคน เพราะฝ่ายหลังก็คอยขัดแข้งขัดขา และทำงานคนละสายกับเขามาตลอด ไม่คิดฝันว่าเรื่องมันกลับตาลปัตร

ประกายพรึกเตะมือหลงจนปืนกระเด็น กานต์เก็บปืนไว้ให้ ปล่อยให้ตำรวจรุ่นน้องเตะข้อพับหลง และใช้เข่ากดร่างนั้นไว้ไม่ให้กระดิกตัวก่อเรื่องได้อีก

เสียงไซเรนดังมาอีกรอบ เขียนจันทร์ในอ้อมกอดรักษ์ชาติเผยรอยยิ้มซีดเซียวออกมา มองคนตัวโตพยายามจะห้ามเลือดเธอไว้ด้วยการฉีกชายเสื้อเชิ้ตตัวเองออกมาใช้แทนสำลี

“ฉันให้ก้องกับดามไปแจ้งตำรวจที่คุณไว้ใจได้มา...พวกเขาจะต้องช่วยคุณจัดการคดีเสี่ยหลงได้แน่ๆ”

“เรื่องอื่นช่างมันเถอะ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล ผมขอโทษนะเขียนที่ทำให้คุณเป็นอันตราย มันควรจะเป็นผมที่เจ็บตัว” รักษ์ชาติฝังจมูกไปบนหน้าผากเนียน ลูบไรผมที่ปรกหน้าเขียนจันทร์ออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะอุ้มร่างบางไว้แนบอก ไม่สนว่าเลือดจากบาดแผลที่ถูกยิงกำลังซึมผ่านผิวเสื้อเขาไปมากขนาดไหน

“คุณรักษ์ชาติ คุณต้องให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่นะครับ” นายตำรวจผู้บังคับบัญชาของประกายพรึกยืนขวาง ทั้งที่ใจยังกล้าๆ กลัวๆ สายตาวาววับอีกฝ่ายเป็นประกายจ้า ขณะที่กระชับร่างในอ้อมแขนเข้าหาตัวมากขึ้น

“ใครขวางกู...กูไม่ปล่อยให้มันโตไปกว่านี้แน่ ไม่เชื่อก็ลองท้าทายดู”

นายตำรวจผู้ใหญ่อีกคนรีบวิ่งมาจากรถตำรวจคันหลัง สั่งให้ลูกน้องเปิดทางพารักษ์ชาติไปยังรถแวนที่ศดาธรและเกียรติยศประจำที่รอ ก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็วสูง

นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เขียนจันทร์ไปแจ้งให้มาสั่งลูกน้องให้เข้าไปจัดการเคลียร์สถานการณ์ภายในโกดัง ประกายพรึกกับกานต์เดินออกมา คุมตัวหลงไว้

“ท่านจะมาก้าวก่ายงานของผมไม่ได้” ผู้บังคับบัญชาของประกายพรึกตวาดลั่น เพราะทั้งตนกับลูกน้องถูกกันออกจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทั้งหมด

“ไม่ต้องห่วง ผมให้ท่านมีส่วนร่วมในงานนี้ด้วยแน่นอน...ไอ้โม่งกลุ่มใหญ่ที่มีคนมาส่งให้เราเมื่อเย็น มันซัดทอดว่าพวกมันเป็นตำรวจเก่า มีท่านเป็นผู้บังคับบัญชา บอกว่าท่านสั่งให้พวกมันไปจับเด็กเป็นตัวประกัน” ตำรวจใหญ่ยิ้มเชือด เขาเองทำงานกับรักษ์ชาติมานาน ใครดีใครร้ายเขาย่อมรู้ดี “เชิญท่านไปที่โรงพักด้วยนะครับ”

ประกายพรึกส่งตัวหลงให้กานต์เป็นคนดูแลต่อ ส่วนตัวเองมาคุมตัวอดีตผู้บังคับบัญชาไปขึ้นรถด้วยตัวเอง

“ผมผิดหวังในตัวคุณมากเลยนะ”

“ผมก็ผิดหวังที่ต้องทนเห็นผู้บังคับบัญชาหนุนหลังนักเลงโต แอบกินใต้โต๊ะ ทำเป็นไม่รู้เห็นเวลาคนเลวทำผิด ผมผิดหวังที่คุณทำให้ตำรวจน้ำดีเสื่อมเสียในสายตาประชาชนไปด้วย”

“จะมาดีจริงสักกี่คน ไปก้มหัวให้ไอ้ขุนมัน แล้วต่างจากฉันตรงไหน”

ตำรวจหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะ “พวกเรายอมเป็นคนดีที่ไม่มีคนเห็น ดีกว่าทำดีเอาหน้า พี่ขุนเขาไม่ใช่คนเลว แล้วจะแปลกอะไรถ้าตำรวจจะช่วยเหลือคนดี”

ประตูรถตำรวจปิดดังปังตัดบทสนทนากับอดีตเจ้านาย ประกายพรึกร้องเยสด้วยความยินดีกับอิสรภาพที่ได้มาเสียที หลังจากเฝ้ารอให้ชีวิตการทำงานสะดวกโยธินมาเนิ่นนาน

พอความดีใจผ่านพ้น ประกายพรึกก็เริ่มนึกเป็นห่วงพี่สาว เขาคงไม่พร้อมจะเล่าเรื่องให้พ่อแม่ที่เพิ่งจะมีความสุข มารับรู้เรื่องเกือบตายของพี่กับกองพัน ยิ่งหม่อมยายที่อายุเยอะ อาจรับไม่ไหวกับสิ่งที่หลานคนโปรดเผชิญมา

ประกายพรึกนึกถึงพี่สาวคนโตที่น่าจะมารับหน้าที่หนังหน้าไฟร้อนๆ แทนเขาได้

ประกายพรึกหยิบโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องไปตั้งแต่จับเสี่ยหลงมาขัง ไล่เบอร์จนพบวาดตะวัน

“พี่วาด...พี่เขียนถูกยิง”


วาดตะวันถอนหายใจอีกเฮือก หลังจากถอนใจไปหลายเฮือกแล้วก่อนหน้า เพราะรักษ์ชาติที่นั่งนิ่งหน้าซีดอย่างกับถูกยิงเองเป็นภาพที่ไม่ได้ชินตาสำหรับเธอเท่าไหร่

“พี่ขุนบอกเองว่าไม่ได้โดนจุดสำคัญ มีอะไรต้องกังวลอีกคะ” วาดตะวันมองร่างที่ยังสลบไม่ได้สติ บนเตียงคนไข้หลังจากเพิ่งผ่าเอากระสุนออกจากต้นแขนไป เขียนจันทร์เสียเลือดไปพอควรจึงทำให้ร่างกายยังอ่อนเพลีย

“พี่รู้สึกแย่ที่ปกป้องเขียนไม่ได้ ดีแต่ทำให้เขียนเจ็บ” รักษ์ชาติพูดอย่างหมดแรง นาทีที่ไม่รู้ว่าเขียนจันทร์หายไปไหนมันว่าทรมานแล้ว แต่การเห็นหญิงสาวถูกยิงต่อหน้า รักษ์ชาติก็รู้ว่าใจเขานั้นทุรนทุรายเพียงใด “พี่ยังพยายามทำทุกอย่างให้เขียนไม่มากพอ พี่ก็ทำมันแย่ลง”

“คิดมากจัง” คนเจ็บค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ดวงตาแม้จะยังอ่อนล้า แต่ก็สดใสมากขึ้น รักษ์ชาติกับวาดตะวันรีบลุกขึ้นมายืนประชิดขอบเตียงด้วยความดีใจ

“เจ็บตรงไหนไหมเขียน เดี๋ยวพี่ตามหมอมาให้”

“ไม่ได้บอกหม่อมยายใช่ไหมคะ” เขียนจันทร์รอฟังด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ

“อยากให้บอกไหมล่ะ” วาดตะวันถามหน้ายิ้มๆ เหลือบมองรักษ์ชาติที่คล้ายว่าตัวหดเล็กลงเหลือสองนิ้ว “ใครแถวนี้จะได้โดนกันออกไปจากชีวิตเขียนจริงๆ จังๆ”

เขียนจันทร์หัวเราะหึ ส่ายหน้าแทนคำตอบ “โอกาสไม่ได้สร้างใหม่ง่ายๆ นะคะ”

“เขียนจะให้พี่โทรบอกเหรอ” วาดตะวันทำเสียงสูง แสร้งไม่เข้าใจว่าน้องสาวสื่อไปทางไหน เพราะรักษ์ชาติเองก็กำลังคอตก และเตรียมรอรับชะตากรรมทุกอย่างที่เขียนจันทร์หยิบยื่นให้

คนเจ็บหันไปมองค้อนพี่สาวที่แกล้งถามยั่ว ส่วนมือข้างที่ไม่เจ็บก็เอื้อมไปกุมมือหนาที่เย็นชืดของรักษ์ชาติไว้ สบดวงตาดำขลับของรักษ์ชาติที่วันนี้ไม่เหมือนแววตาดังเดิมที่เขาเคยมีเลย...เธอรู้ว่าเขากำลังกลัว

“มันจบแล้วใช่ไหมคะ จะไม่มีการทำร้ายใครอีก...ใช่ไหม ฉันไม่อยากเผชิญปีศาจในตัวคุณอีก ฉันกลัวว่าฉันจะดึงคุณกลับมาไม่ไหว...ฉันเป็นห่วงคุณนะคะ”

ถ้าหากรักษ์ชาติพลังมือฆ่าเสี่ยหลงไป เสียงนัดปืนนัดนั้นคงเรียกเหล่าตำรวจที่เสี่ยหลงบอกไว้ให้มาจับตัวรักษ์ชาติไป ไหนจะทำให้เสี่ยหลงลาโลกนี้ไปอย่างสมใจอยาก ทั้งที่ตัวเองขลาดเขลาเกินกว่าจะทำร้ายตัวเองได้...โชคดีที่เธอไปทัน ห้ามรักษ์ชาติไว้ได้ และทำให้คนเลวๆ อย่างเสี่ยหลงไร้สิ้นหนทางหนีอีก

เธอเจ็บตัวแค่นี้...ก็ช่างมันเถอะ

“ทำไมคุณไม่ด่าว่าผมแรงๆ นะเขียน” รักษ์ชาติกุมมือเขียนจันทร์ไว้อย่างทะนุถนอม จรดปลายจมูกลงไปบนหลังมือด้วยหัวใจที่ไม่แห้งผากอีกต่อไป “ผมยอมร้ายกับคนทั้งโลก ยกเว้นคุณนะ”

“อะแฮ่ม...ฉันด้วยก็ได้นะพี่ขุน หวานจนฉันขนลุก” วาดตะวันยื่นหน้ามาขัดจังหวะอารมณ์หวานด้วยความหมั่นไส้

“อย่ามาอิจฉากันน่าวาด จากนี้พี่ไม่มีเวลามาดีใส่วาดแล้ว...พี่อยากดูแลเขียนคนเดียว”

“แหวะ...ออกไปตามหมอเลย” นางแบบสาวแยกมือที่กุมกันไว้ออก ก่อนดันร่างหนาออกไปนอกห้อง แล้วปิดประตูใส่ ปล่อยให้คนตัวโตบ่นพึมพำด้วยความน้อยใจ

คนที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าหัวเราะก่อนจะร้องโอ้ยหน้าเบ้เพราะแผลกระเทือน วาดตะวันย่นจมูกขณะเดินกลับมานั่งไขว่ห้างกอดอกอย่างกับผู้ปกครองคุมความประพฤติ

“ต่อหน้าผู้ใหญ่ระริกระรี้กับผู้ชายเชียวนะ” วาดตะวันเก๊กหน้านิ่ง พอเห็นน้องสาวอ้าปากค้างเธอถึงยอมหัวเราะออกมาให้รู้ว่าพูดเล่น “ก็แค่สมมติท่าทางหม่อมยาย ถ้ามาเจอเราจับมือพี่ขุนเท่านั้นเอง”

“เขียนใจหายใจคว่ำหมด กลัวหม่อมยายจะโกรธคุณขุน ไม่ชอบขี้หน้ากว่าเดิม อุตส่าห์พยายามชนะใจหม่อมยายแล้วแท้ๆ” เขียนจันทร์ทำเสียงอ่อย แผลที่แขนก็ยังเจ็บอยู่มาก แต่ก็ยังนึกเป็นห่วงรักษ์ชาติมากกว่า

วาดตะวันมองน้องสาวด้วยความหมั่นไส้กว่าเดิม ยกมือบีบจมูกรั้นของเขียนจันทร์เบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว “เจ็บขนาดนี้ใจยังห่วงพี่ขุนสุดโหดสุดห่ามอีก ถ้าไม่มีพี่มาจัดการสั่งให้น้องๆ สงบปากปิดเรื่องนี้ให้ ป่านนี้ยัยภาพได้แจ้นโทรรายงานแล้ว พี่ไม่โง่ขนาดให้หม่อมยายมาเก็บเธอเข้ากรุหรอกน่า”

“ขอบคุณนะคะพี่วาด”

น้ำเสียงหวานแววตาซึ้งใจทำให้วาดตะวันปล่อยมือด้วยความขนลุก ถอยมายืนพลางทำหน้าแหยใส่ พวกมีความรักหวานซึ้งชีวิตมันน่าขนลุกแบบนี้ตลอดเลยหรือไงก็ไม่รู้

“พักผ่อนได้แล้ว ร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็วๆ ถ้าหายช้าพี่จะฟ้องหม่อมยายจริงๆ ด้วย”

เขียนจันทร์รีบปิดเปลือกตาให้สนิท ไม่สนทนาต่อ พลอยทำให้คนขู่ถึงกับหัวเราะในลำคอ ส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ไม่ใช่ว่าเพราะเขียนจันทร์เป็นแบบนี้มาแต่เด็กเหรอ แกล้งง่าย และแกล้งสนุก รักษ์ชาติถึงได้แกล้งเอาๆ แกล้งจนตัวเองไม่รู้ว่าเผลอชอบเข้าไปโดยไม่รู้ตัวตอนไหน

แต่เขียนจันทร์แสดงตัว เปิดเผยความรู้สึกออกมาชัดเจนในวันนี้แล้วนั้น...เข้าทางรักษ์ชาติเต็มๆ

หญิงสาวลุ้นๆ ขวางๆ คู่นี้มาจนเหนื่อย เป็นไม้กันหมามาก็ไม่น้อย เพราะใจหนึ่งก็ยังกลัวรักษ์ชาติทำเขียนจันทร์ให้เสียใจ และผู้ชายเหล่ากิ๊กของเธอที่กระเจิงหายเพราะรักษ์ชาติอีกเท่าไหร่...ถึงคราวหมดทุกข์หมดโศกของเธอสักที

ถ้าทุกข์และโศกของเธอคือการปล่อยมนุษย์ห่ามๆ ห้าวเป้งอย่างรักษ์ชาติให้ครองคู่กับน้องล่ะก็นะ...เจริญเธอเลย!


บดินทร์ภัทรนั่งมองภาพแม่น้ำที่สั่นกระเพื่อมตามแรงลม ผืนกำมะหยี่สะท้อนภาพความมืดบนฟากฟ้า ข้างกายมีอดีตคนรักนั่งเหยียดขายาวปล่อยอารมณ์ว่างเปล่าไปเรื่อยๆ

“รู้ไหมว่าฉันเป็นคนที่โง่ที่สุด...ที่มารู้ใจตัวเองในวันที่สายเกินไป” สาวลูกครึ่งกับหน้าตาน่ามองเบือนมาหาบดินทร์ภัทรด้วยรอยยิ้มมุมปาก “ครั้งนี้ไม่รู้เลยนะคะว่าฉันผิดที่ไม่ปล่อยคุณ หรือคุณที่ไม่ปรับตัวเข้าหาฉัน”

บดินทร์ภัทรยกยิ้มตอบ เขาทำตามคำขอของไรรดาก่อนที่จะจากกันไกลถึงครึ่งโลก และคงมีโอกาสน้อยที่จะยังติดต่อกัน ยกเว้นว่าไรรดาจะยอมมองเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งได้

“คุณก็รู้ว่าบ้านผมอยู่ที่นี่นะยาหยี ผมทิ้งครอบครัวเพื่อคุณไม่ได้ และจะไม่มีวันเปลี่ยนการตัดสินใจนั้นด้วย”

“แล้วถ้าฉันเป็นฝ่ายย้ายมาที่นี่ล่ะคะ...มาเป็นคนไทยในแผ่นดินไทย คุณจะเปลี่ยนความคิดเรื่องที่เราต้องเลิกกันไหม” ไรรดาถามเสียงแผ่ว กลืนก้อนแข็งลงคอ แม้ปากจะบอกว่าเธอปล่อยเขา แต่ใจจริงมันก็ยังยากเย็นในการทำใจ เธอไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย

“มันไม่ใช่คุณหรอกยาหยี คุณจะเหนื่อยเกินไปที่ต้องปรับตัวที่นี่” บดินทร์ภัทรพูดด้วยความเข้าใจ

“รู้ไหมคะว่าคุณไม่เคยขอให้ฉันมาอยู่ที่นี่เลยสักครั้ง ไม่เคยบอกว่าชอบฉันก่อน ฉันอยากรู้ว่าคุณกลัวอะไร บดินทร์คะ...ช่วยตอบให้ฉันเข้าใจทีได้ไหม”

“ผมกลัวทำให้คุณเหนื่อย คุณเสียใจ กลัวว่าจะให้ทุกอย่างกับคุณได้ไม่เท่าที่ครอบครัวของคุณให้คุณ ผมต่างจากคุณมากนะยาหยี” บดินทร์ภัทรอธิบายความจริงในใจที่เก็บไว้ในอกตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยเข้าหาไรรดาก่อน ไม่เคยขอร้องอะไรจากเธอ...เธอสูงส่ง และเป็นดังนางฟ้าที่เขารู้ว่าสักวันคนเดินดินอย่างเขาก็มิอาจเอื้อม

ไรรดากะพริบตาขับไล่หยดน้ำบางอย่างไปจากขอบตา พยายามฝืนยิ้มทั้งที่ยังรู้สึกอยากร้องไห้ ผู้ชายที่เธอคบๆ ที่ผ่านมา ไม่มีใครเลยที่จะทำให้เธอมีความสุขทางใจได้เท่าบดินทร์ภัทร แต่วันนี้เขาก็ยังคงเหมือนเดิมนับตั้งแต่วันที่เลิกกัน...ยังคงไล่เธอ

“คุณไม่มีความสุขเพราะฉันใช่ไหมคะ คุณควรจะมีความสุขกับการตัดสินใจ ควรมีความสุขกับรักครั้งใหม่ให้มากๆ แล้วก็ลืมฉันไปซะ ฉันจะรักษาตัวเองให้ดี และก็จะย้ำเตือนไว้เสมอ ว่าถ้าฉันจะรักใครสักคน ฉันจะไม่เลือกคนที่มองฉันสูงส่ง ฉันต้องการให้เขามองฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งของเขา ผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างเขาได้ ผู้หญิงที่เขาพร้อมจะจับมือเดินกันไป ไม่ใช่ปล่อยมือกันอย่างนี้”

บดินทร์ภัทรสบดวงตาที่สั่นไหวด้วยหัวใจที่กำลังเจ็บร้าวอย่างกับถูกกรีด...เขาไม่เคยเอาตัวเองไปยืนเทียบกับไรรดา ไม่เคยแม้แต่จะคิด ที่อังกฤษไรรดาเปรียบดังเจ้าหญิง เธอโดดเด่น และสง่า เธอมีพร้อมทุกอย่างที่นั่น และเขาไม่อยากเห็นแก่ตัวด้วยการพาเธอมาปรับตัวยังที่นี่ และไม่พร้อมจะทำเพื่อเธอด้วยการย้ายไปอยู่ที่โน่น

“ที่นี่ก็คือบ้านฉัน...เลือดครึ่งหนึ่งในตัวฉันคือที่นี่ แม่ฉันสอนภาษาไทยให้ฉันตั้งแต่เกิด ฉันก็รักที่นี่ แค่คุณขอให้ฉันอยู่ วันนี้ฉันก็จะอยู่ ฉันเชื่อว่าแค่มีคุณ...ฉันจะอยู่ได้”

คุณหมอหลับตาลง ยกมือกุมปิดบังใบหน้าตัวเองไว้ ความรู้สึกอึดอัดและตีในอกกลับมา...ตั้งแต่เขาพบไรรดามาที่นี่วันแรก เขาก็รู้ว่าเขาจะไม่มีความสุข ทั้งที่คิดว่าชีวิตเขากลับสู่ปกติได้แล้วนับตั้งแต่เลิกรากันไป แต่มันก็เหมือนเรื่องราวที่เขาใช้หลอกตัวเอง เขาไม่เคยมีใครใหม่ ไม่เคยเริ่มต้นกับใครอีกครั้ง ซ้ำร้ายเขายังดึงภาพวิจิตรเข้ามาเพียงเพื่อคิดว่าตนจะเข้มแข็งขึ้น

...เวลานี้เขารู้แล้วว่าตัวเองอ่อนแอเพียงใด

“หยุดรื้อฟื้นเถอะยาหยี ผมทำร้ายน้องภาพไม่ได้”

“คุณคิดว่าตัวเองฉลาดหลอกฉันได้เหรอ คุณกับผู้หญิงคนนั้นหมั้นกันเพื่อทำให้ฉันถอยออกมา ทำไมฉันจะดูไม่ออกว่าคุณใช้คนที่ไม่เต็มใจ” ไรรดาส่งเสียงเหอะ มองปฏิกิริยานิ่งงันของอีกฝ่ายเธอก็รู้ว่าบดินทร์ภัทรคงพร้อมจะปล่อยเธอไปจริงๆ “ฉันขอโทษที่เข้ามาทำให้คุณไม่มีความสุข”

ร่างสาวลุกครึ่งหยัดกายลุกขึ้นด้วยท่าทีมั่นคง ไม่หวั่นไหว ที่ผ่านมาเธอวิ่งตามความรักที่หลุดลอยไปมามากพอแล้ว จากนี้เธอจะไม่ทำอย่างนั้นอีก

“พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปทันที คุณจะแต่งจะหมั้นกับใคร...ฉันจะไม่สนใจอีก ฉันจะอยู่อย่างมีความสุขโดยไม่มีคุณให้ได้ ฉันเชื่อว่าตัวฉันจะมีความสุขได้ก่อนคุณ”


“ฉันจะเข้าไป”

เสียงร้องโวยวายของภาพวิจิตรถูกปิดด้วยมือใหญ่ทั้งห้านิ้ว รักษ์ชาติใช้มือข้างเดียวยันหน้าสาวจอมแก่นไว้สุดแขน ก่อนดันออกไปให้พ้นเขตที่พักของเขียนจันทร์ที่เพิ่งหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมงให้พ้นวิถีความวุ่นวาย พอเขาปล่อยเจ้าตัวแสบที่ไม่เคยกลัวเขาสักครั้งแม่เจ้าประคุณก็แทบจะกระโดดมาบีบคอเขาตาย

“ไอ้รุนแรง ฉันน้องพี่เขียนนะ”

“เออ ฉันก็แฟนพี่สาวเธอเหมือนกันเว้ย!” รักษ์ชาติเท้าสะเอวว่าหายใจแรง

ภาพวิจิตรเงยหน้าหัวเราะลั่น “ต๊าย...ผู้ชายแอ๊บแตก” แล้วต้องวิ่งหลบวิถีมือที่รักษ์ชาติจะคว้าถึงไปอยู่หลังเสา

โชคดีที่ห้องพักนี้ใหญ่ที่สุดในโรงพยาบาล มีห้องแยกออกมาให้ชายหนุ่มทะเลาะกับภาพวิจิตร รักษ์ชาติพ่นลมออกทางจมูกฟืดฟาดอย่างกับกระทิงดุเตรียมไล่ขวิดมาธาดอร์สาว และมาธาดอร์คนนั้นก็ทำหน้าตาส่ายหัวดุ๊กดิ๊กยั่วอารมณ์รักษ์ชาติเป็นที่สุด

“ฉันขอแช่งให้เธอลงเอยกับไอ้คุณชายบดินทร์มันตลอดชาติเลยไอ้เด็กแสบ”

เสียงแหลมเล็กกรีดร้องออกมา และถูกปิดปากได้อย่างรวดเร็ว หน้าตาคนฟังส่ายไปมารับไม่ได้ เท้าปัดป่ายไปมา แต่ก็ไม่เกินความสามารถของรักษ์ชาติที่จะอุ้มโยนออกไปนอกห้องอย่างไม่ปรานีปราศรัย ร้อยปีร้อยชาติเขาก็คงจะดีกับภาพวิจิตรยากจริงๆ

“คนจืดชืดอย่างกับข้าวค้างคืนใครจะอยากลงเอยด้วย ไม่ใช่อ่ะ ถอนคำพูดเลยนะ ไม่งั้นฉันแช่งกลับ ให้พี่เขียนทนปีศาจสตอเบอแหลไม่ได้จนต้องไปบวช”

มะเหงกงามๆ เขกลงบนกลางศีรษะภาพวิจิตร รักษ์ชาติเกือบจะใช้ท่าเฮดล็อกกับภาพวิจิตรจับทุ่มกับพื้นให้สิ้นฤทธิ์ คุณชายหมอที่ถูกกล่าวขานว่าเหมือนข้าวค้างคืนก็เดินเข้ามาได้ถูกจังหวะ ในสภาพหมดอาลัยตายอยาก ถึงจะพยายามยิ้มให้ทั้งสองคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคู่หมั้นของตัวเองแต่ก็ทำมันออกมาได้ยอดแย่เกินทน

“เฮ่ย! หมอ วันนี้ฉันขอบใจหมอมากเลยนะ ที่ช่วยดูแลลูกขุนจนพาไปส่งที่จักรตรากูลให้” รักษ์ชาติพยักหน้าเรียก สีหน้าห้าว น้ำเสียงกลับมาเป็นรักษ์ชาติคนเดิมที่ไม่ต้อง ‘สร้างภาพ’ อีก

“พี่เขียนตื่นมาต้องพบเจอฝันร้ายแน่ๆ ผีร้ายกลับมาแบบนี้”

รักษ์ชาติล็อกคอคนที่สูงเพียงแค่อกเขาไว้ด้วยแขนข้างเดียว คนเป็นผีร้ายใช้น้ำเสียงขู่ แต่ไม่ได้จริงจัง “ฉันจะน่ารัก เป็นผู้ชายสตอเบอแหลของเขียนคนเดียว เธอไม่ใช่เขียน ฉันไม่แอ๊บให้เหนื่อยหรอกโว้ย”

น้องสาวของเขียนจันทร์ถูกยีจนหัวยุ่ง และผลักออกมาข้างหน้าจนเกือบประชิดบดินทร์ภัทร ให้หญิงสาวต้องไปแยกเขี้ยวใส่คนผลัก แต่เมื่อหันกลับมาเหมือนขนาดว่าเธอเกือบเอาหัวไปโขกใต้คางบดินทร์ภัทรเขาก็ยังดูคล้ายคนไม่รู้สึกตัว

“นี่เป็นไรอีก อย่าเพิ่งเบลอเดินชนเสาล่ะ”

“สภาพอย่างนี้ยังเป็นน้อยกว่าฉัน ตอนที่ทำเขียนเสียใจ...นิดหนึ่ง รู้สึกผิด รู้สึกโลกพังไปตรงหน้า แต่ฉันฉลาดกว่านายหน่อยไอ้คุณชายที่ฉันไม่ปล่อยให้โลกของฉันถล่มไปต่อหน้าต่อตา แล้วก็ลากตัวปัญหามาเพิ่มให้วุ่นวายหนัก ฉันส่งตัวช่วยนายมาให้ ดันไปเลือกตัวปัญหาของชีวิต...ฉลาดหรือโง่ก็ไม่รู้” รักษ์ชาติตบบ่าเล็กของตัวปัญหาดังป้าบ ก่อนจะลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่เห็น “เป็นฉันไม่เริ่มใหม่ให้เสียเวลา ถ้าคนสองคนยังรัก และพร้อมจะปรับตัวเข้าหากันหรอกนะ”

“จริง!” ภาพวิจิตรโพล่งออกมาอย่างลิงโลด เหมือนเห็นแสงไฟที่ปลายอุโมงค์ ถึงจะถูกเหน็บถูกแขวะจากผู้ชายปากปีจอนิสัยปีศาจ ก็ช่างเถอะ รักษ์ชาติกำลังชี้ทางสว่างให้เธอ “จะเริ่มใหม่ทำไม เริ่มกับใคร ฉันบอกแล้วว่าฉันช่วยเพราะตอนนั้นพี่เขียนเป่าหูด้วยปัญหาของลูกขุน แต่ตอนนี้ไม่มีใครเดือดร้อน ลูกขุนสบายดี คุณไรรดายอมจากไปง่ายๆ มีอะไรต้องกังวลอีกคะ ในเรื่องนี้คนที่เป็นปัญหามากที่สุด ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่คุณไรรดาหรอก มันคือคุณ...ถ้าหากเขาไปแล้วคุณยังทำหน้าจะตายให้ได้ สู้ไปตามเขากลับมาไม่ดีกว่าเหรอ ดูก็รู้ว่าคุณไรรดารักคุณ เขารู้จักคุณดี”

บดินทร์ภัทรทรุดตัวลงนั่งยังเก้าอี้หน้าวอร์ด การสนทนา และการรบราที่ไม่เกรงใจผู้ป่วยของรักษ์ชาติและภาพวิจิตรดูจะสงบขึ้น โชคดีที่ผู้ป่วยในชั้นนี้ต่างรู้จักรักษ์ชาติ จึงไม่มีใครกล้าออกมาอาละวาดพ่อเจ้าประคุณให้โดนเพ่งเล็ง

ประกายพรึกกับวาดตะวันที่ไม่ได้อยากได้ยินบททะเลาะ หรือบทสั่งสอนคนจากปากรักษ์ชาติและภาพวิจิตรจำต้องออกมาจากในห้องพักของน้องสาวมาดูทิศลมของสถานการณ์ด้วย สองพี่น้องรู้ดีว่าใครที่เหมือนน้องสาวคลานตามกันมาของรักษ์ชาติที่สุดถ้าไม่ใช่ภาพวิจิตร น้องพยศร้าย ที่ก็อปปี้ความร้ายของรักษ์ชาตินั้นปกติยืนอยู่คนละข้างมาตลอด ครั้งนี้เป็นเห็นดีเห็นงามในเรื่องเดียวกันอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

สี่ชีวิตลุ้นผลการตัดสินใจของหนึ่งหนุ่ม เลือกเก็บปากเงียบไม่ยื่นปากไปปั่นคนที่กำลังคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว กระทั่งร่างของคุณหมอหนุ่มลุกขึ้น สี่ชีวิตก็ลุ้นคำตอบรับจนตัวโก่ง โดยเฉพาะคนที่จะมีผลต่อการตัดสินใจของบดินทร์ภัทรในครั้งนี้

“คุณรู้ไหมครับว่ายาหยีจะกลับกี่โมง...แล้วที่ไหน” หน้าปัดนาฬิกาบนกำแพงที่กำลังเดินเข้าสู่เวลาเช้าเป็นช่วงเวลาที่ใกล้จากลาระหว่างเขากับไรรดาอย่างแท้จริง

รักษ์ชาติถอนหายใจอย่างโล่งอก พูดชื่อสถานที่ออกมาอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะผิวปากกลับเข้าห้องของเขียนจันทร์ไปอย่างอารมณ์ดี หมดความสนใจกับเรื่องของคนอื่น จากนี้เขาจะไม่ยุ่งเรื่องของใครอีก...ยกเว้นเขียนจันทร์

วาดตะวันจะเดินเข้าไปบ้าง แต่ทำได้แค่หมุนลูกบิดห้องพักไปมาด้วยความแค้นเคือง “พี่มันร้ายกาจ...ฉันจะฟ้องเขียนว่าพี่ร้าย นิสัยเสียไม่เปลี่ยนเลย”

“เชิญ!” เสียงที่ตอบกลับมาทำให้คนฟ้องไม่ได้ปิดปากส่งเสียงกรีดร้องขัดใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าผู้ชายร้ายกาจอย่างนี้ เขียนจันทร์ยังรักลงไปได้

เข้าสู่ช่วงราหูอมจันทร์สินะ...

“พอเห็นเขียนอภัยให้หน่อย กร่างเชียว!” วาดตะวันกลับมาฮึดฮัดให้น้องชายฟัง ก่อนจะทำหน้าฉงนเมื่อเห็นว่าเหลือเพียงแค่น้องชาย “ยัยภาพกับคุณชายไปไหน”

“ไปแล้ว” ประกายพรึกก็มีสีหน้าขุ่นเคืองไม่ต่างกัน “ภาพแย่งกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ผมไปด้วย”

สองพี่น้องถอนหายใจเฮือกพร้อมกัน ต่างรู้ดีว่าคนที่ทำให้พวกตนขุ่นเคืองทั้งคู่นั้น...แสบสันต์ด้วยกันทั้งคู่!

..........................................................

ใครเชียร์ภาพกับคุณชายล่ะก็ เค้าขอโทษ เกิดการพลิกล็อกเล็กน้อยถึงปานกลาง จริงๆ คือแค่อยากให้พี่น้องสามคนกระจายบทกัน ไม่คิดว่าภาพที่เปิดตัวหลังชาวบ้านชาวช่องจะมาแรงแซงโค้งค่ะ

คุณ คิมหันต์ พาคุณขุนกลับมา แต่เหมือนจะกลับมาร้ายด้วยค่า ฮา

คุณ Auuuu ภาพเธอซนๆ และแอบกวน (ไม่) น้อย เป็นคนเดียวที่กล้าตีหัวเจ้าขุนด้วยค่ะ

คุณ ameerah ให้ภาพกับคุณชายเป็นคู่จิ้นเถอะนะคะ ไม่ใช่คู่จริง ฮา พาคุณเจ้าขุนกลับมาเข้าร่างแล้ว กลัวจะมีคนคิดถึงกันเยอะ ดิบ เถื่อน โหดใส่เต็มที่

คุณ ใบบัวน่ารัก พลิกล็อกเรื่องคู่ของคุณชายแล้วนะคะ อาจมีเงิบกันไป ฮา ส่วนลูกขุนไว้โผล่มาในฉากน่ารักๆ นะคะ ฉากที่แล้วลูกขุนยังงงๆ

คุณ konhin บทนี้เจ้าขุนสิงร่างเดิมแล้วค่ะ และท่าทางไม่ยอมออกจากร่างง่ายๆ กลัวคนจะคิดถึงความร้ายกาจของเขากัน ฮา

คุณ kaelek ดีใจที่รอนะคะ ^^ นายขุนเกือบพลาดไป แต่เขียนพลาดโดนยิงเลย ส่วนภาพกับคุณชาย เค้าจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ ฮา

คุณ ร้อยวจี อาจจะเรียกได้ว่าคู่คุณชายกับภาพลุ้นไม่ขึ้นนะคะ เพราะไม่ใช่แค่ภาพคนเดียวที่ไม่มาตลอด คุณชายเองก็ยังรักยาหยีอยู่ แอบทิ้งสายตาคุณชายไว้ที่งานเดินแบบตอนที่ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกในรอบหลายปี อิอิ

คุณ yasta เรื่องของภาพยังไม่มีแพลนนะคะ แต่ในอนาคตอันใกล้คงได้หยิบมาปัดฝุ่นแน่นอนค่า ดีใจที่รอนะคะ คนเขียนออกอาการอู้ไม่ได้เลย ฮา เรื่องนี้ใกล้จบแล้วค่ะ

คุณ อัศวินนภา ตอนนี้ขุนจบเรื่องกับเสี่ยหลงได้อย่างสมบูรณ์ จากนี้จะเติมน้ำตาลไม่ยั้งมือนะคะ สรุป ความเกรียน ความห้าว ความร้ายของเจ้าขุนกลบความหวานของเรื่องไปหมด ฮา คนร้ายกาจเขากลับมาแล้ว

คุณ Wasineenart Mon คู่ภาพกับคุณชายถึงเวลาปิดตัว เอ๊ะ หรือจะยังมีลุ้น ฮา หนูภาพเขาฝากมาบอกว่า เรื่องนี้ภาพจะไม่ยอมค่ะ ฮา

ตอนหน้าปิดตัวคู่คุณชายค่า หากมีมากกว่านี้เห็นทีว่าเจ้าขุนจะต้องมาบีบคอปวรากันถึงในฝันค่ะ ฮา เค้ายังไม่อยากฝันร้าย ขอบคุณสำหรับทุกๆ ความคิดเห็นเลยนะคะ ปลื้มปริ่มมาก ยัยภาพมาวินเกินคาดค่ะ ^^ ขอบคุณทุกไลค์ และนักอ่านทุกท่านนะคะ หวังว่าจะมีความสุขกับภาคเจ้าขุนภาคเดิมมาสถิตนะคะ ภาคหล่อแอ็บไว้ให้เขียนเขาเจอคนเดียว



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2557, 05:20:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2557, 05:27:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1935





<< บทที่ 25 : พบกันครั้งสุดท้าย   บทที่ 27 : หล่อร้าย >>
ใบบัวน่ารัก 21 มิ.ย. 2557, 05:36:00 น.
แอ๊ฟแตกแน่ๆๆนายขุน ชิ ทำให้เขียนเจ็บตัวอีกแล้ว
เรื่องคุณชายกะยาหยีคงอีกนาน เอาไปเขียนต่อเรื่องหน้าเถอะ
กว่าจะปรับตัว ทำใจ ไหนจะครอบครัวพ่อแม่อีก ยากนิ เอาแต่ใจมาก


konhin 21 มิ.ย. 2557, 07:17:03 น.
โอ๊ะ ยังดีที่ภาพไม่ติดกับ ปล่อยคุณชายไปหารักเถอะ


ร้อยวจี 21 มิ.ย. 2557, 09:14:42 น.
สรุปว่าภาพกับคุณชายไม่ใช่คู่กัน ไม่เป็นไรค่ะ ภาพกับพี่ชายยาหยีก็ได้ ท่าทางแสบพอกัน


คิมหันตุ์ 21 มิ.ย. 2557, 09:30:55 น.
อ้าว!!อุส่าลุ้นภาพกับคุณชาย บิ้วว่าไม่คืนดีกันมาตั้งนาน แหง่วเลย!!!


อัศวินนภา 21 มิ.ย. 2557, 10:05:27 น.
เอาแบบนั่นก็ได้ สงสารยาหยีเหมือนกัน มีคนที่รักแต่ไม่สามารถจับมือเดินไปด้วยกันได้ เจ็บจริงๆ แต่หนูภาพอ่ะแย่งซีนจนเกือบเข้าใจผิดเชียว


ผักหวาน 24 มิ.ย. 2557, 20:17:19 น.
หนูภาพจะกลายเป็นคู่หมั้นสะท้านโลกของคุณหมอไปจริงๆ หรือคะเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account