เงารักเงาใจ
เมื่อ...



เขาและเธอต้องใช้ชีวิตคู่โดยปราศจากความรัก





และ…



เขา ชายหนุ่มผู้ที่เคยพึงพอใจผู้หญิงอีกคนแต่กลับ

ต้องแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน





ส่วน…

เธอ หญิงสาวผู้ชอกช้ำจากความรัก

และใช้การแต่งงานกับผู้ชายอีกคนเพื่อตัดใจจากคนรักเก่า





แต่…

จะเป็นเช่นไรเมื่อคนที่เขาพยายามลืมกลับจำ

และ...คนที่เป็นรักแรกของเธอต้องการจะรื้อฟื้น





เรามาช่วยกันลุ้นกับพวกเขาสองคนว่า

จะสามารถฟันฝ่า อุปสรรคไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่

ใน นิยายรักดราม่า

เงารักเงาใจ

(เปลี่ยนชื่อจากสุดรักจากใจ)




Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เงารักเงาใจ ตอนที่ 2 60 เปอร์เซ็นต์

“ปรางค์ ผมรักคุณ ได้ยินไหมว่าผมรักคุณ” สุปรางวดีหน้าซีดไม่กล้าสบตาภาคดนัยกลัวจะเจอกับสายตาไม่พอใจของเขา ฝ่ายภาคดนัยก็ได้แต่ยืนนิ่งเหมือน ยอมรับว่าคิดไม่ถึงว่าสุปรางวดีจะพาผู้ชายมานอนค้างด้วย สมองอันฉลาดของเขากำลังใช้ความคิด เอ่ยปากถามเธออย่างอย่างใจเย็นและมีสติที่สุด



“คนนั้นนะหรือ คนรักเก่าของคุณ” สุปรางวดีเงยหน้าขึ้นมอง แววตาแปลกใจ



“คุณรู้เรื่องนี้ด้วยหรือคะ”



“ก็คุณพ่อคุณ ท่านเล่าให้ผมฟังแต่ผมก็รู้ในเท่าที่ผมควรรู้ เบื้องลึกเบื้องหลังเป็นยังไงคงต้องให้คุณเป็นคนเล่าต่อ” สุปรางวดีก้มหน้าลง พยักหน้าหงึกๆ





“ค่ะ เขาคืออดีตคนรักของฉัน” ภาคดนัยพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้โซฟา สุปรางวดีเดินมานั่งลงข้างๆ เขา เอามือเล็กสองข้างวางบนลำแขนของเขา “เรื่องนี้ฉันอธิบายได้นะคะ” ภาคดนัยมองหน้าเธอ มืออีกข้างวางบนมือของเธอเอ่ยอย่างใจเย็น



“แล้วเมื่อคืนคุณนอนห้องนั้นด้วยหรือเปล่า”



“เปล่านะคะ ฉันนอนห้องนี้” สุปรางวดีชี้ไปที่ห้องอีกห้อง เมื่อคืนเธอไม่ได้นอนห้องเดียวกับเพชรกล้าและแม้ตอนคบกันเธอก็ไม่เคยมีอะไรกับเพชรกล้า



ร่างหนาลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่ห้องอีกห้อง ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเห็นเพชรกล้านอนอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าอยู่ครบ ความขุ่นข้องใจยังไม่หมด เท้าหนาหมุนตัวเดินไปดูอีกห้องที่สุปรางวดีบอกว่าเมื่อคืนเธอนอนห้องนี้ สายตาคมมองสำรวจไปที่เตียงเห็นสภาพเตียงยับพอควร ผ้าห่มวางไม่เรียบร้อย แถมมีเสื้อคลุมตกอยู่ที่พื้นห้อง ใบหน้าคมยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปมองเธอ เห็นหญิงสาวยืนก้มหน้าสองมือประสานเข้าหากันราวกับกลัวว่าเขาจะโกรธ ภาคดนัยเดินเข้ามาหาแล้วดึงสุปรางวดีเข้ามากอด สุปรางวดียอมให้กอดโดยไม่พูดอะไร



มือหนาขึ้นลูบเส้นผมยาวสลวยส่วนอีกข้างก็กอดเธอไว้แน่น ปากหนาฝั่งแน่นที่ซอกคอหอมกรุ่นของเธอ ไม่ลืมเอ่ยถามเพื่อทำความเข้าใจกับเธอ “คุณมีอะไรจะอธิบายไหม” สุปรางวดีดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา ทำสายตาเว้าวอน



“มีค่ะ แต่ฉันไม่รู้ว่าถ้าฉันพูดออกไปแล้วมันจะเหมือนเป็นการแก้ตัวหรือเปล่า”



“งั้นก็ยิ่งต้องเล่าเพราะผมจะได้รู้ว่าทั้งหมดที่คุณพูดมามันเป็นเรื่องจริงมากน้อยแค่ไหน” สุปรางวดีมองสบตาเขา อยากจ้องตาคู่คมคู่นั้นเผื่อจะได้เห็นบางอย่างที่ซ่อนอยู่ เธออยากเข้าไปอยู่ในหัวใจของเขาเพื่อตรวจดูว่าเขาเชื่อเธอจริงๆ หรือแค่หวาดระแวงอยู่ในใจ มือเล็กหยิบมือหนามากุมแล้วพามานั่งลงที่ปลายเตียง ภาคดนัยก้มมองมือเล็กที่กุมมือเขาไว้ไม่ปล่อยแม้จะนั่งลงแล้วก็ตาม



“ผู้ชายคนนั้นชื่อคุณเพชรกล้า สิริชาติสกุลค่ะ” นามสกุลนี้ทำให้ภาคดนัยต้องถามกลับ “ถ้าผมจำไม่ผิด เขาแต่งงานแล้ว” สุปรางวดีพยักหน้า หันหน้าไปมองทางอื่น นิ้วเรียวของภาคดนัยจึงทำหน้าที่ดึงใบหน้างามรูปนั้นให้หันกลับมา



“แล้วยังไงต่อ” สุปรางวดียกขึ้นมาดึงมือเขาออกจากคางเธอ เอ่ยเสียงอ่อน



“ฉันเองก็ไม่รู้ค่ะว่าคุณเพชรมาหาฉันอีกทำไม ความจริงเรื่องของเรามันควรจะจบไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณเพชรแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นซึ่งมันก็เกือบสองเดือนเข้าไปแล้ว”



“แล้วภายในสองเดือนที่ผ่านมา เขามาหาคุณบ้างไหม” สุปรางวดีส่ายหน้า



“ไม่ค่ะ เราขาดการติดต่อจนกระทั่งเมื่อคืน คุณเพชรมางานแต่งงานของเรา” ภาคดนัยเริ่มเข้าใจบางอย่างแล้ว การที่ธิดารัตน์ต้องยืนร้องไห้อยู่แบบนั้นก็เพราะสามีเธอไม่เคยเลี้ยวแล เพชรกล้ายังรักสุปรางวดี ในขณะที่ธิดารัตน์รักเพชรกล้าถึงได้ปฏิเสธเขา ภาคดนัยสบตาสุปีรางวดีอยากรู้ใจเธอ ในเมื่อตอนนี้สุปรางวดีเป็นภรรยาของเขาแล้ว ฉะนั้น เธอยังจะมีใจให้เพชรกล้าอยู่อีกไหม



“แล้วคุณละครับ คุณยังรักผู้ชายคนนั้นอยู่อีกไหม” สุปรางวดีชะงัก แววตายังมีความลังเลใจ ภาคดนัยพยักหน้า “ผมเข้าใจ ว่าผู้ชายคนนั้นคือรักแรกของคุณ แต่ผมก็อยากให้คุณตัดใจ ลืมผู้ชายคนนั้นไปซะเพื่อคุณจะได้มีความสุขมากกว่าความทุกข์ ถึงยังไงความจริงก็คือสิ่งที่ตัวคุณต้องยอมรับว่าผู้ชายคนนั้นแต่งงานไปแล้วและที่สำคัญ ผู้ชายคนนั้นกับผม เราเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ ผมไม่อยากให้คุณไปยุ่งกับนายเพชรกล้าอีก” สุปรางวดีเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง หญิงสาวพยักหน้ารับทราบ เห็นเขาลุกขึ้นยืนเธอจึงลุกตาม



“คุณรีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมจะออกไปรอคุณอยู่ที่เก้าอี้รับแขกข้างนอก เสร็จแล้วก็รีบออกมาหาผม ผมมีเรื่องบางอย่างจะคุยกับคุณ” ภาคดนัยว่า สุปรางวดีจับมือถามย้ำ



“คุณไม่โกรธฉันใช่ไหมคะ ที่ฉันยังเห็นใจเขา” ภาคดนัยยิ้มยกมือเล็กขึ้นมาหอม



“ผมเคยบอกคุณแล้วยังไงว่าเราควรมีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน นี่ก็เพิ่งผ่านแค่วันเดียวเอง ต่อให้มันจะมีอะไรที่มากกว่านี้ ยังไงผมก็เชื่อใจคุณ สุปรางวดี” สุปรางวดียิ้มให้เขาส่งท้าย ยืนมองเขาเดินออกจากห้องไป ด้านนอกภาคดนัยกำลังนั่งหน้าเครียด สีหน้าบ่งบอกว่าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร หากเขาไม่มาหาสุปรางวดีที่คอนโด เหตุการณ์ต่อจากนี้มันจะเป็นยังไง มือหนาหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาเลขาคนเก่งของเขา



‘คุณสกล ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยจัดการหน่อย’





ภาคดนัยนั่งรอสุปรางวดีที่โซฟาสีแดงในห้องรับแขก สุปรางวดีในชุดแซกสีน้ำเงินเข้มถือกาแฟอุ่นๆ มาเสิร์ฟให้เขาก่อนจะนั่งลงตรงข้ามภาคดนัยแววตายังสงสัย ภาคดนัยหยิบกาแฟขึ้นมาจิบทีละนิดก่อนจะวางมันลงแล้วมองหน้าเธออย่างรู้ใจ สุปรางวดีถามซ้ำ



“ตกลงว่าเรื่องดอกไม้นี่” เธอชี้สายตาไปที่ลิลลี่ช่อใหญ่วางบนเคาว์เตอร์ใกล้ห้องครัว ภาคดนัยตอบเสียงอ่อน



“เพื่อขอโทษที่เมื่อคืนผมไม่ได้ทำหน้าที่สามีที่ดีให้คุณ และเพื่อเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเรา ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้” สุปรางวดียิ้มมุมปาก รู้สึกดีที่เขาเป็นสุภาพบุรุษและรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา หญิงสาวเดินไปหยิบช่อลิลลี่มาถือ ใช้เสาตรงหน้าเขาเป็นที่พิงก่อนจะก้มลงไปดมหากลิ่น เงยหน้าตอบอีกฝ่าย



“เหมือนเราจะมีอะไรที่เหมือนกัน เมื่อก่อนฉันก็เคยชอบดอกลิลลี่ค่ะตอนนี้รู้สึกเฉยๆ แล้ว แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณมากนะคะที่ซื้อมาให้ฉัน” ภาคดนัยมองสบตาหญิงสาว แววตาคู่นั้นดูเหมือนมีอะไรที่เก็บซ่อน ถึงเขาจะเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่บังเอิญเดินผ่านเข้ามาและได้มาเป็นสามีของเธอ แต่เขาก็อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้แววตาคู่นั้นดูเศร้าและเหมือนเขาจะเดาออก



“เพราะผู้ชายคนนั้นใช่ไหม คุณถึงไม่ชอบลิลลี่แล้ว” สุปรางวดีพยักหน้าตอบตามตรง



“ความเจ็บปวดมันทำให้ฉันชาชินกับมัน แต่คุณกำลังจะทำให้ฉันชอบมันอีกครั้ง ขอบคุณนะคะที่เชื่อใจฉัน ต่อไปฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคุณเพชรอีก ถึงแม้เรื่องเมื่อคืนเขาจะเป็นฝ่ายมาหาฉันเองก็ตาม” คนตอบสีหน้าดูไม่สู้ดี ภาคดนัยลุกขึ้นมายืนพิงเสาด้วยอีกคน มือหนาโอบไหล่เธอแล้วดึงให้เธอขยับมาใกล้ๆ สุปรางวดีไม่ขัดขืน



“คุณไม่ต้องกังวลหรือคิดมากอีกแล้วเพราะผมได้จัดการให้คุณเรียบร้อยแล้ว” สุปรางวดีทำหน้างง ไม่นานมือถือภาคดนัยก็ดังขึ้น ชายหนุ่มรับสายแล้วกดวางเมื่อได้รับรายงานจากอีกฝ่ายว่าทำงานให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เอ่ยเสียงอ่อนกับภรรยา “คุณรีบไปเก็บเสื้อผ้าเถอะ ผมมีบางอย่างอยากให้คุณ”



“อยากให้หรือคะ อะไรคะ แล้วฉันจะต้องตอบแทนอะไรคุณกลับไปบ้าง” สุปรางวดีถาม ภาคดนัยฉงนงงถามกลับ



“ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นละครับ”



“ก็คุณเป็นนักธุรกิจ ผลประโยชน์ย่อมมาเป็นที่หนึ่ง ถ้าคิดว่าทำแล้วขาดทุนหรือเสมอคุณก็คงไม่ทำหรอก จริงไหมคะ” ภาคดนัยหัวเราะ รู้สึกอารมณ์ดีมากกว่าจะโกรธเธอที่รู้ว่าในคอนโดของเธอมีผู้ชายมานอนด้วย



“ผมชอบคนที่พูดตรงไปตรงมาแบบคุณ ความจริงวันนี้ผมไม่ได้ว่าง ผมต้องไปตรวจเช็คสินค้าที่โรงงานกับคุณสกลแล้วก็มีนัดกับคุณวิวัฒน์ต่อ” สุปรางวดีพยักหน้ารออีกฝ่ายพูดให้จบ



“แต่ที่ผมมาหาคุณก่อนเพราะรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ถูก คุณเป็นเมียผมแล้วแต่ผมกลับแสดงตัวห่างเหินกับคุณ วันนี้ผมเลยถือโอกาสแก้ตัวและหวังว่าคุณจะให้โอกาสผม” สุปรางวดียิ้มแล้วจู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ภาคดนัยช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอปากไม่วายถามคนขี้แหย



“ร้องไห้ทำไมละครับ”



“ฉันแค่ดีใจที่คุณให้เกียรติฉันมากขนาดนี้ มันทำให้ฉันรู้แล้วว่าความรักมันไม่สำคัญกับฉันอีกแล้ว ความดีและความอ่อนโยนของคุณต่างหากที่สำคัญกับฉัน” ภาคดนัยคลี่ยิ้มแล้วถูกเธอสวมกอด ภาคดนัยกอดตอบแล้วทั้งสองก็คลายกอด สุปรางวดีเอ่ยก่อนลุกขึ้น



“งั้นฉันขอไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะคะ”



“ไม่อยากรู้แล้วหรือว่าผมให้คุณเก็บเสื้อผ้าทำไม” หญิงสาวส่ายหน้า



“ไม่ค่ะ เพราะฉันคิดว่าคุณคงไม่เอาฉันไปทิ้งไว้ที่ไหน” ภาคดนัยยิ้มเห็นฟันแล้วทำหน้าเข้มเมื่อเธอหันหลังเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว แววตาแน่นิ่งไร้รอยยิ้มก่อนจะกดเบอร์โทรหาสกลอีกครั้ง



‘วันนี้ผมเปลี่ยนใจไม่เข้าโรงงานแล้ว คุณสกล คุณทำหน้าที่เช็คของแทนผมไปเลยส่วนคุณวิวัฒน์เดี๋ยวผมจะส่งลายแบบที่ผมต้องการให้เขาดูทางไลน์’ ฝ่ายสกลวางสายจากเจ้านายหนุ่มแล้วทำหน้างงงันหันมาทางวิวัฒน์



“ผมสงสัย”



“สงสัยอะไร” วิวัฒน์ถามไม่นานก็ได้ยินเสียงข้อความเข้า วิวัฒน์เปิดอ่านถึงได้รู้ว่าเป็นข้อความจากบอสหนุ่ม เงยหน้ามองเพื่อนร่วมงาน “ว่ายังไงล่ะคุณสกล สงสัยอะไร”



“ก็สงสัยว่าบอสติดธุระอะไรถึงมาไม่ได้” วิวัฒน์พูดเสียงขำ โน้มหน้ามากระซิบใกล้ๆ



“จะไปติดธุระอะไร ก็เมื่อคืนนอนดึก ตื่นมาเพลีย ก็เลยมาทำงานไม่ไหว”



“พูดเหมือนเป็นตัวบอสเองเลยนะเนี่ย”



“ก็ผมเคยผ่านจุดนี้มาก่อน คุณเองก็เถอะสกล รีบๆ หาละ จะได้เข้าใจกับเขาบ้าง” วิวัฒน์ว่าแล้วเดินจากไป สกลเดินถามตามหลัง



“คุณวิวัฒน์จะให้ผมเข้าใจเรื่องอะไรละครับ”





คนในร่างหนาเริ่มขยับตัวเมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนที่กำลังสาดลงมากระทบกาย ชายหนุ่มนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงก่อนที่เปลือกตาคมจะเปิดขึ้นพร้อมทั้งเอามือขึ้นกุมขมับ “โอ๊ย ทำไมปวดหัวอย่างนี้” มือหนาตบศีรษะเบาๆ ก่อนจะใช้สายตากวาดมองโดยรอบ แล้วมาสะดุดที่รูปภาพบนโต๊ะข้างๆ เตียง ใต้กรอบรูปมีเศษกระดาษเสียบไว้ ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาอ่าน



“ถ้าออกไปแล้วช่วยล๊อกห้องด้วยนะคะ” ลงท้ายด้วยชื่อของสุปรางวดี เพชรกล้าทำหน้าเศร้ามือกำกระดาษโน้ตไว้



บนถนนภาคดนัยกำลังขับรถอยู่ มีสุปรางวดีนั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มเหลียวหน้ามองหญิงสาวที่นั่งมาด้วยเห็นสายตาหวานมองจ้องเขาไม่เลิกตั้งแต่ก่อนออกจาคอนโดเธอแล้ว ฝีปากหนาเพียงอมยิ้มเฉยๆ หันหน้ากลับไปมองเบื้องหน้าจนอีกฝ่ายต้องเป็นคนถามด้วยความข้องใจ



“ตกลงคุณจะพาฉันไปไหนคะ”



“ไปบ้านผมเองครับ”



“ที่บ้านคุณ” สุปรางวดีรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยพูดถึงคอนโด “นี่หรือค่ะสิ่งที่คุณอยากให้ฉัน”



“ใช่ครับ ผมอยากให้คุณมาอยู่ที่บ้านของผม”



“แต่ว่าฉันชอบอยู่คอนโดมากกว่า คุณพ่อฉันยังเคยบ่นเลยนะคะว่าฉันเป็นลูกที่ไม่เคยอยู่ติดบ้าน” เธอพูดแล้วหัวเราะ ภาคดนัยพูดต่อ



“แต่ตอนนี้ผมให้คุณสกลจัดการเรื่องขายคอนโดคุณทิ้งแล้ว”



“หา ว่ายังไงนะคะ” เสียงหัวเราะเมื่อครู่หายไปเพราะไม่คิดว่าเขาจะถึงขั้นเอาคอนโดเธอขาย



กรงแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 มิ.ย. 2557, 06:15:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 มิ.ย. 2557, 06:16:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1038





<< เงารักเงาใจ ตอนที่ 2 30 เปอร์เซ็นต์   เงารักเงาใจ ตอนที่ 2 100 เปอร์เซ็นต์ >>
Zephyr 22 มิ.ย. 2557, 15:37:36 น.
ขายคอนโดทิ้ง อืมมมมม
เหตุผล หึง รึป่าวนะ เร็วไปๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account