ภารกิจปราบพยศ (ชุดหน่วยซีล เล่ม 2)
ผู้หญิงที่จะมาเคียงข้างเขา ไม่จำเป็นต้องเป็นหญิงเก่งกาจมาจากไหน ไม่ต้องสวยมาก ไม่ต้องร่ำรวยหรือมีหน้ามีตาในสังคม สิ่งต่างๆ เหล่านั้นล้วนไม่สำคัญกับเขาเท่ากับ...
นม!
"บอกไว้เลย ฉันไม่ชอบผู้หญิงนมแบน!"

.............................................................................

หลังจากที่ได้เอกสารลึกลับจากผู้ที่ใช้ชื่อสั้นๆ ว่า 'Ang'
องค์กรก่อการร้ายลึกลับที่ใช้ชื่อว่า 'โครนอส' จึงถูกเปิดโปง
เรดทีมและซิลเวอร์ทีมของซีลทีมซิกซ์จึงต้องทำงานกวาดล้างกลุ่มคนอันตรายนี้อย่างหนัก รวมทั้งการตามล่าหาตัว 'Ang' ด้วย
เพราะมั่นใจว่าเขาหรือเธอคนนั้นจะต้องตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงแน่นอน

แต่แล้วในวันที่ได้หยุดพักหลังภารกิจอันแสนยาวนาน
เจสัน ฟอสเตอร์ แห่งหน่วยซีลรู้สึกว่าตัวเองดวงตกสุดขีด ที่มาขับรถชนผู้หญิงคนหนึ่ง
ยายตัวสูงเก้งก้าง ทาปากแดงแจ๋ แต่งตัวโอเวอร์แบรนด์เนม
แถมยายผู้หญิงสติแตกคนนี้กลับจำความไม่ได้เลย พูดแต่ว่ากำลังโดนตามฆ่า
หลักฐานใดๆ ก็หายไปหมดแล้ว
สวย...ก็สวยอยู่หรอกนะ แต่สเปคเขาต้องสาวตัวเล็กๆ น่ารัก ไม่ใช่เสาไฟฟ้าบ้าพลังอย่างยายนี่
เจสันกำลังจะส่งยายคนสติแตกนี่ให้เอฟบีไอแท้ๆ แต่แล้วก็พบว่าเธอไม่ได้บ้าอย่างที่เข้าใจ
แต่เธอโดนตามล่าจริงๆ!!!
หรือว่าเธอจะคือ 'Ang' พยานบุคคลสำคัญที่พวกเขากำลังตามหา!!!


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 2 ที่พึ่งยามยาก 50%







บทที่ 2 ที่พึ่งยามยาก



โครม!


“ห่าเอ๊ย หมาที่ไหนวิ่งตัดหน้าวะ!” เสียงสบถดุดันดังขึ้นทันทีที่เบรกรถได้ทันท่วงทีก่อนที่จะชน ‘หมา’ ตายอยู่ข้างทาง นี่มันซวย ซวย ซวยมหาซวยหรืออย่างไร เจอสาวในผับตรงสเป็คทุกอย่าง หน้าจิ้มลิ้ม เสียงหวานและทรวงอกคู่มหึมา สานต่อกันอย่างเมามันจนเขาอยากจะฝากชีวิตไว้ด้วย ที่ไหนได้แม่เจ้าประคุณก็หนีลูกหนีสามีออกมาเที่ยวเสียได้ อารมณ์หงุดหงิดยังไม่จางหาย ยังมีตัวบ้าอะไรมาวิ่งตัดหน้ารถเขาอีก


‘ฉิบหายหมดแล้ว นังหนูของพ่อ’ หนุ่มเจ้าของคามาโร่แต่งลายซิ่งโอดครวญ ในใจเดือดพล่านเพราะคนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือมาชนรถที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงของเขา นี่ยังคิดไม่ออกเลยว่าเขาหยุดรถไว้ไม่ทัน ‘นังหนู’ แต่งลายที่เขาทั้งรักทั้งหวงมันจะเป็นอย่างไร


ร่างสูงก้าวลงมาจากรถของตัวเองแล้วสาวเท้าเร็วๆ ไปมอง ‘ตัวบ้า’ ที่บังอาจมาตัดหน้ารถเขา แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นเรือนร่างแบบบางน่าทะนุถนอมของผู้หญิงคนหนึ่งนอนสลบเหมือดอยู่หน้ารถเขานี่เอง


“ผู้หญิงที่ไหนวะ” เจ้าของน้ำเสียงเข้มเอ่ยขณะหรี่ตามองร่างแบบบางในสภาพขะมุกขะมอมที่ยังไม่ได้สติ สองข้างทางก็เปลี่ยวร้าง รถราก็ใช่จะเยอะเสียหน่อย แล้วทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ทะเล่อทะล่าวิ่งมาชนรถของเขาได้ จะถึงบ้านอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับมาเกิดเรื่องเสียก่อน เจสันได้แต่สบถแล้วสบถอย่างหัวเสีย เขาคว้ากิ่งไม้จากข้างทางมาเขี่ยๆ ที่ร่างปริศนา


“ก็ยังไม่ตายนี่หว่า สลบจริงหรือแกล้งวะ” ในเมื่อใช้ไม้เขี่ยก็ไม่ได้ผล เจสันจึงเข้าไปเขย่าร่างบางเบาๆ แต่ก็เหมือนเดิม เธอไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย


“นี่กูไปทำกรรมที่ไหนมาวะเนี่ย!” หนุ่มร่างสูงบ่นอุบ เขามองซ้ายมองขวา ก่อนจะตัดสินใจพยุงร่างแบบบางขึ้นมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ แล้วเริ่มรื้อค้นหาเอกสารหลักฐานแสดงตัวของเธอ


ไม่มี!


ในกระเป๋าสะพายไม่มีอะไรไปมากกว่าเงินสดหลายพันดอลล่าร์ แผนที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งคุ้นตาเขาอย่างประหลาด ถ้าจำไม่ผิดนี่คือบ้านที่ผู้กองนอร์ด หัวหน้าทีมของเขาประกาศขายไม่ใช่หรือ


แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร!


เจสันเอื้อมมือไปปัดผมเผ้ารุงรังให้พ้นใบหน้าของเธออย่าถือวิสาสะ เธอเป็นผู้หญิงตัวผอมสูงเหมือนพวกนางแบบ หุ่นเล็กบางนิดเดียว หน้าตาไม่แต่งแต่กลับทาลิปสติกสีแดงแปร๊ดจนเขายังผวา


“นี่คนบ้าหรือเปล่าวะเนี่ย” เขาสบถออกมาอีกเป็นชุด จับใบหน้าขาวๆ พลิกซ้ายพลิกขวาดูก็พบรอยแตกที่เหนือคิ้วขวา แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ


“แล้วฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลได้ยังไงเนี่ยยายบ้า” นายทหารเรือหนุ่มสบถกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะตัดสินใจขับรถกลับบ้านตัวเองไปแทน ไว้รอผู้หญิงคนนี้ฟื้นก่อนแล้วก็ค่อยถามไถ่แล้วไล่ออกจากบ้านไปก็ยังสาย


แน่นอน...เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงผอมเป็นก้างปลาแบบนี้ ลองถ้าสวยอวบอึ๋มกว่านี้อีกสักหน่อยสิ เขาจะเต็มใจให้เธออยู่กับเขานานตราบเท่าที่ต้องการเชียว แต่นี้...


เจ้าของดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มหันกลับมามองหญิงสาวที่ยังสลบไสลไม่ได้สติอยู่ข้างกาย สวย...ก็สวยดีอยู่หรอก แต่แต่งตัวแต่งหน้าเหมือนคนบ้าแบบนี้ก็ไม่ไหว แค่ช่วยให้มีชีวิตรอดก็พอ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังก็ได้





บ้านของเจสันอยู่ในย่านที่พักอาศัยทางตอนใต้ของลอสแองเจลิส พวกที่อยู่ที่นี่ส่วนมากเป็นพวกผู้มีอันจะกินกันทั้งนั้น ซึ่งพ่อแม่ของเขาซื้อบ้านหลังนี้ได้ไม่กี่ปีก็ตาย และเขาก็อาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด บางครั้งก็จะมีโอกาสต้นรับอาและพี่ชายบ้างแต่ก็น้อย เวลาของเขาไม่ค่อยตรงใครอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยได้พบปะญาติตัวเองเท่าที่ควร และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขารู้สึกเหงาเหลือเกิน ใช้ชีวิตเสี่ยงตายทุกวินาทีไม่พอ กลับบ้านก็ยังไม่มีใครห่วงหาอีก ครั้งหนึ่งเขาเคยตามเจ.ที. มือสไนเปอร์หนุ่มกลับไปบ้านของเคลย์ตันผู้เป็นหน่วยสื่อสารและวิทยุของทีม พอเห็นทั้งเจ.ทีและเคลย์ตันต่างก็มีคนที่รออยู่ข้างหลัง เขาก็อิจฉาขึ้นมาทันที


แล้วตอนนี้อย่างไรล่ะ...ในบ้านของเจสัน ฟอสเตอร์ก็มีคนอยู่แล้วจริงๆ แต่เธอไม่ใช่ผู้หญิงของเขา แค่คนไม่ได้สติคนหนึ่งเท่านั้น!


ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว เจสันนั่งเท้าคางมองผู้หญิงที่สลบเหมือนตายคนนี้มาหลายชั่งโมงเต็มที แต่เธอก็ไม่มีวี่แววจะตื่นขึ้นมาเลย สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำล้างกลิ่นเหล้าและบุหรี่ออกเสียบ้าง ส่วนผู้หญิงเจ้าปัญหาคนนั้นก็ปล่อยเธอนอนอยู่บนโซฟาเบดตัวโปรดของเขาต่อไปแล้วกัน

คล้อยหลังเจสันไปได้ไม่เท่าไหร่ คนที่เขาคิดว่าจะไม่ฟื้นตื่นขึ้นมาเสียแล้วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า ความเจ็บที่เหนือคิ้วขวาและความรวดร้าวไปทั่วร่างทำให้ใบหน้างามบิดเบี้ยวเล็กน้อย เธอหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะลืมขึ้นมาใหม่แล้วเริ่มกวาดตามองไปรอบตัว


บ้าน...ช่างไม่คุ้นตาเอาเสียเลย บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังใหญ่พอสมควร สร้างจากไม้ทั้งหลังก็จริงแต่กลับตกแต่งด้วยเครื่องเรือนหรูหราดูมีอันจะกิน แน่นอนว่ามันไม่ใช่บ้านของเธอ แล้วมันคือบ้านของใครกันแน่ อังควิภานิ่วหน้า ความทรงจำทั้งหมดทั้งมวลหลั่งไหลเข้าสู่สมอง ใช่แล้ว...เธอถูกตามล่าจากคนปริศนา พอจับได้ก็เอาเธอไปทรมานเสียนานสองนานจนสมองเบลอไปหมด เธอกำลังจะมุ่งหน้าไปยังซานดิเอโกเพื่อหานายหน้าที่ขายบ้านของนายทหารคนหนึ่ง ทว่ากลับถูกรถชนเสียก่อน


อังควิภาหลับตาลงอย่างหวาดหวั่น ปรารถนาเหลือเกินว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น หวังว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้ว เธอก็จะเป็นอังควิภา ลอว์เลนซ์คนเดิม สาวสวยรวยความสามารถที่นั่งทำงานอยู่ในตึกยูเอ็น มีหน้ามีตาในสังคม ไม่ใช่คนที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนอย่างนี้


แต่สิ่งที่เธอหวังนั้นมันไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้ว หญิงสาวก็ยังนอนอยู่ที่เดิม ห้องเดิม บ้านหลังเดิมที่ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนแรก ดวงตาคู่กลมโตเหลียวซ้ายแลขวา จนกระทั่งสายตาไปปะทะเข้ากับรูปของชายคนหนึ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเตี้ยใกล้ตัว ผู้ชายคนนั้นมีรูปร่างกำยำ เครื่องหน้ากระด้างดุดันแต่แววตาฉายแววรักสนุกอย่างเห็นได้ชัด เขาอยู่ในชุดทหารเรือสีขาว ที่อกซ้ายมีตราไทรเดนท์หรือสามง่ามซีลอยู่ด้วย


บ้านทหารหรอกหรือนี่!


ราวกับมีใครเปิดไฟให้ความหวังเธออีกครั้ง ต่อให้ไปบ้านของนายทหารคนนั้นไม่ได้ อย่างน้อยการที่อยู่ที่นี่ก็ทำให้เธอปลอดภัยได้เหมือนกัน คิดได้ดังนั้นอังควิภาก็ยิ้มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เธอพยายามชันกายลุกขึ้น พอดีกับที่ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี


ตาต่อตาสอบมองกัน เท่านั้นเอง ขนเส้นเล็กๆ ของนักแปลสาวสวยก็ลุกชันไปทั้งร่าง!


พระเจ้า...ตัวจริงเขาทั้งสูงทั้งใหญ่กว่าในรูปเสียอีก สูงราวหกฟุตสองเห็นจะได้ ใบหน้าคมคายประดับด้วยไรหนสดเครา ผลเผ้าไม่ได้ตัดเกรียนเหมือนทหารทั่วไป จมูกโด่งเป็นสันที่มีรอยหักน้อยๆ กรามแกร่งและริมฝีปากหยักได้รูป ทำให้เขาดูดิบเถื่อนแฝงไปด้วยอันตราย แต่เมื่อมองจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มนั้น จู่ๆ อังควิภาก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที


“ตื่นแล้วหรือ” เขาถามสั้นๆ พาร่างกำยำที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงผ้าขาหนูผืนเดียวเข้ามาหาแล้วนั่งแหมะลงบนโซฟาเบดตัวเดียวกับเธอ ทั้งยังถ่างแข้งถ่างขานั่งไม่อายใครอีก จนอังควิภาเบิกตากว้าง แล้วรีบเบนสายตาหนีทันที


ให้ตาย! คนอะไรหน้าด้านได้อีก

“เป็นใบ้ด้วยหรือ”

คนถูกถามสะดุ้งเล็กน้อย มองดวงตาคู่สีน้ำตาลทองด้วยความประหม่า เพราะเขายังไม่ยอม ‘หุบขา’ เสียที ยังจะนั่งโชว์อยู่นั่นแหละ จนเธอต้องพยายามรวบรวมสติ แล้วส่ายหน้า ลิ้นมันจุกปากจนพูดไม่ออก ได้แต่มองเขาอย่างเดียว


“ไม่เป็นใบ้แล้วทำไมไม่พูด”

“ก็...” ใบหน้านวลขึ้นสีก่ำ จำต้องหันมาสบตากับเขาในที่สุด เธออ้าปากพยายามเค้นเสียงออกมาแต่กลับพูดออกมาไม่เป็นคำเลย สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า


“หายดีแล้วก็ออกไป”

ฮะ!

นักแปลสาวสวยยิ้มค้าง หลงคิดว่าเขาจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้าง เธอเจ็บจะตายก็ควรจะถามไถ่บ้างว่าหายดีหรือยัง หรือว่าเจ็บปวดอะไรตรงไหนไหม ไม่ใช่จู่ๆ ก็ไล่ออกไปเฉยเลย


“แผลที่คิ้วนั่นนิดเดียวเอง หายเจ็บแล้วล่ะมั้ง”


“แต่คุณทำให้ฉันบาดเจ็บนะ”

“นี่อย่าปากเสียแถวนี้นะ ใครว่าฉันทำเธอ เธอนั่นแหละที่ทำตัวเองทั้งนั้น เดินข้ามถนนอย่างไรไม่ได้ดูทางเลย”


“ก็ฉัน...”


“แล้วชื่ออะไร”


“...” อังควิภาเงียบอยู่นาน ไม่รู้ว่าจะไว้ใจเขาได้ไหม จึงตัดสินใจบอกชื่อเพื่อนชาวไต้หวันสมัยเรียนของเธอไปแทนดีกว่า “ฉันชื่อคริสตัล เหลียง”


“ลูกครึ่งจีนเหรอ”

“ใช่” เอาเป็นว่าหน้าตาเธอก็พอถูไถไปทางคนจีนอยู่หรอก เพราะแม่ของเธอเป็นคนไทยเชื้อสายจีนด้วย


“แล้วเอกสารของเธอไปไหนหมด”

“ฉันถูกตามฆ่า”

“ถูกตามฆ่าเหรอ” เจสันทวนคำพลางมองหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาไม่ใคร่เชื่อนัก คนที่ถูกตามฆ่าจริงๆ นะพกเงินมามากมายขนาดนี้หรือ บางทีเธออาจจะไม่ได้ถูกตามฆ่าก็ได้ แต่ว่า...


“นี่แน่ใจนะว่าไม่ได้หนีผัวมา” เขาตอกกลับเสียจนสาวตรงหน้าหน้าหงาย อ้าปากมองเขาตาค้าง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะคิดได้!


“ก็ถึงแม้สภาพไปยับเยินไปหน่อยก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกตามล่าจริงๆ ไม่ใช่หรือ” นายทหารเรือสำทับเสียงเข้ม ประเมินจากทางสายตาแล้ว สาวตรงหน้าดูไม่เต็มเต็งมากกว่าถูกตามล่าเสียอีก


คนถูกกล่าวหายังตะลึงไม่หาย แค่ละคำพูดที่เขาพูดออกมานี่ไม่ได้มีดีเลย ไหนจะสายตาหยาบโลนนี่ก็อีก ทำเอาเหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายไปทั่งดวงหน้าและไรผม เธอหายใจไม่ออกแล้ว คนอะไรถึงได้กักขฬะได้ถึงขนาดนี้นะ!


“หน้าซีดๆ สงสัยจริง” กิริยาและคำพูดแสนหยาบคายของเขาทำให้อังควิภาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว นี่เขากล้าดีอย่างไรมาว่าเธอสารพัด ผู้หญิงอย่างอังควิภาไม่เคยยอมใครมาก่อน และต่อให้อยากได้ความช่วยเหลือจากเขา แต่เธอก็จะไม่ยอมให้เขาว่าฉอดๆ อยู่ฝ่ายเดียวแน่!


“ฉันไม่ได้หนีสามีมานะ ฉันถูกตามฆ่าจริงๆ!”


“ไปโรงพยาบาลไหม”

“ไม่!” นักแปลสาวตอบเสียงแข็ง ใบหน้าอ่อนใสส่ายรัวเร็ว ให้ตายเธอก็ไม่ยอมออกไปไหนทั้งนั้น “ฉันไม่ไป ขออยู่ที่นี่ได้ไหม”


“ไม่ได้”

“ทำไมล่ะ ฉันไม่วุ่นวายหรอก ขอติดต่อเพื่อนได้แล้วจะรีบไปเลย”


“เธอมีคนคบด้วยเหรอ”

อีตาบ้า!

อังควิภาชักเหลืออดกับท่าทางแปลกใจสุดชีวิตของเขา นี่เขาคิดว่าเธอเป็นคนอย่างไรกันแน่ ทำไมถึงจะไม่มีคนคบกันเล่า


“เธอแน่ใจนะเธอชื่อคริสตัล เหลียง จริงๆ”

เอ๊ะ!

“นี่นิ้วอะไรบ้าง” เขายกนิ่วชี้กับนิ้วก้อยขึ้นมาแล้วถามต่อ “วันนี้วันอะไร ประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกาคือใคร คนปัจจุบันคือใคร อยู่พรรคไหน”


“ทำไมต้องถามแบบนี้เล่า!”

“ฉันก็จะเชคสมองเธอน่ะสิ ไม่ได้บ้าก็ตอบมาเถอะน่า” สองมือหนากร้านแตะลงบนพวงแก้มนุ่มทั้งสองของหญิงสาวบนโซฟาเบด แล้วบังคับให้สบตากับเขา “ตอบมาสิว่าเมื่อกี้ฉันยกนิ้วอะไรขึ้นมาบ้าง แล้วประธานาธิบดีคนแรกกับคนปัจจุบันชื่ออะไร”


“หลุยส์ วิตตอง ละมั้ง!” เพราะโมโหมากไปหน่อย จึงได้ตอบประชดไปเสียเลย ในเมื่อเขาคิดว่าเธอบ้า เธอก็จะบ้าให้ดู เอาให้สมจริงไปเลย!


“บ้าจริงๆ ด้วยแฮะ” เขางึมงำอยู่คนเดียวแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปแต่งตัว ไม่นานนักก็กลับมาในสภาพกางเกงยีนตัวเดียว ส่วนท่อนบนนั้นเปลือยเปล่า โชว์รอยสักที่เหนือท้องน้อยค่อนมาทางด้านซ้ายที่เขียนไว้เป็นภาษาจีนอ่านว่า ‘เปี๋ย เพิ่ง หว่อ’ แปลว่า ‘อย่ามาแตะตัวฉัน’

อังควิภามองแล้วก็แอบเบ้ปาก ‘ใครอยากจะแตะต้องตัวแกกันหาไอ้คนปากเสีย!’


ในเมื่อเขาคิดว่าเธอบ้า สติไม่ดีหรืออะไรก็แล้วแต่ เธอก็จะสวมบทบาทเพื่อความสมจริงไปเลย สะใจดีเหมือนกัน เธอเริ่มอยากรู้เสียแล้วว่าเขาจะรับมือกับ ‘คนบ้า’ อย่างไร คิดแล้วก็ได้แต่ซ่อนยิ้ม สาวเจ้าปรับสีหน้าเสียใหม่ ทำตาโตๆ ใสๆ แล้วมองเขาด้วยแววตาใสซื่อเหลือประมาณ เธอไม่เชื่อหรอกว่าผู้ชายคนนี้จะไม่แพ้มารยาหญิง!


“ตกลงว่าขอฉันอยู่ที่นี่จนกว่าจะติดต่อเพื่อนได้ คุณจะว่าอะไรไหม”


หนุ่มเจ้าของบ้านมองสาวตรงหน้าด้วยแววตาเคลือบแคลง นึกสงสัยว่าเธอจะมาไม้ไหนกันแน่ จึงพยักหน้าตอบไปก่อน “ก็ได้ อยู่ที่นี่ได้จนกว่าจะติดต่อเพื่อนเธอได้แล้วกัน”


คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวยิ้มอย่างมีความหวัง แต่คำพูดต่อไปนี่สิทำเอาใบหน้าสาวเห่อร้อนขึ้นมาทันที




.......................................................................................

มาอัพแล้วค่าาาาาาาาาาาาาา
ช้าไปนิดนึงน้า ตูนยังปั่นไปอัพไปอยู่เลย
พระเอกเราเป็นยังไงบ้างคะ อีว่านางเอกเป้นหมาไม่พอ เอาไม้ไปเขี่ยๆ อีก
โอยยยยยยยยยยยย นั่นนางเอกพี่นะไม่ใช่กองอุนจิ


เอาล่ะ เดี๋ยวมาต่อนะคะ บางทีอาจจะขึ้นว่าอัพแล้วแต่ยังไม่มีตอนใหม่มาเพิ่ม เอาไว้สำหรับเผื่อคนที่ไม่เห็นว่าอัพนิยายแล้ว เอาเป็นว่าอัพหรือไม่อัพให้ติดตามที่แฟนเพจตูนนะคะ ตูนจะแจ้งทุกครั้งที่อัพนิยายค่ะ

อ่านแล้วเม้นต์ด้วยนะ เดี๋ยวจะไม่ลง เดี๋ยวๆๆๆๆ

ฮี่ๆๆ

รักคนอ่านเสมอมาค่ะ

กรรัมภา (กนิษวิญา)





กนิษวิญากรรัมภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 มิ.ย. 2557, 11:17:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 มิ.ย. 2557, 11:17:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1141





<< บทที่ 1 ชีวิตที่พลิกผัน 100%   บทที่ 2 ที่พึ่งยามยาก 100% >>
yimyum 20 มิ.ย. 2557, 16:21:10 น.
พูดไร พูดราย พูดร้ายยยยยย อยากรู้วววว!!!><


แว่นใส 20 มิ.ย. 2557, 21:34:48 น.
นายช่างทำได้นะ


nasa 23 มิ.ย. 2557, 00:50:47 น.
ปากสุดยอด ว่าแต่ประโยคต่อมาคืออะไร จะเด็ดขนาดไหนน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account