ภารกิจปราบพยศ (ชุดหน่วยซีล เล่ม 2)
ผู้หญิงที่จะมาเคียงข้างเขา ไม่จำเป็นต้องเป็นหญิงเก่งกาจมาจากไหน ไม่ต้องสวยมาก ไม่ต้องร่ำรวยหรือมีหน้ามีตาในสังคม สิ่งต่างๆ เหล่านั้นล้วนไม่สำคัญกับเขาเท่ากับ...
นม!
"บอกไว้เลย ฉันไม่ชอบผู้หญิงนมแบน!"

.............................................................................

หลังจากที่ได้เอกสารลึกลับจากผู้ที่ใช้ชื่อสั้นๆ ว่า 'Ang'
องค์กรก่อการร้ายลึกลับที่ใช้ชื่อว่า 'โครนอส' จึงถูกเปิดโปง
เรดทีมและซิลเวอร์ทีมของซีลทีมซิกซ์จึงต้องทำงานกวาดล้างกลุ่มคนอันตรายนี้อย่างหนัก รวมทั้งการตามล่าหาตัว 'Ang' ด้วย
เพราะมั่นใจว่าเขาหรือเธอคนนั้นจะต้องตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงแน่นอน

แต่แล้วในวันที่ได้หยุดพักหลังภารกิจอันแสนยาวนาน
เจสัน ฟอสเตอร์ แห่งหน่วยซีลรู้สึกว่าตัวเองดวงตกสุดขีด ที่มาขับรถชนผู้หญิงคนหนึ่ง
ยายตัวสูงเก้งก้าง ทาปากแดงแจ๋ แต่งตัวโอเวอร์แบรนด์เนม
แถมยายผู้หญิงสติแตกคนนี้กลับจำความไม่ได้เลย พูดแต่ว่ากำลังโดนตามฆ่า
หลักฐานใดๆ ก็หายไปหมดแล้ว
สวย...ก็สวยอยู่หรอกนะ แต่สเปคเขาต้องสาวตัวเล็กๆ น่ารัก ไม่ใช่เสาไฟฟ้าบ้าพลังอย่างยายนี่
เจสันกำลังจะส่งยายคนสติแตกนี่ให้เอฟบีไอแท้ๆ แต่แล้วก็พบว่าเธอไม่ได้บ้าอย่างที่เข้าใจ
แต่เธอโดนตามล่าจริงๆ!!!
หรือว่าเธอจะคือ 'Ang' พยานบุคคลสำคัญที่พวกเขากำลังตามหา!!!


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 2 ที่พึ่งยามยาก 100%



“ตกลงว่าขอฉันอยู่ที่นี่จนกว่าจะติดต่อเพื่อนได้ คุณจะว่าอะไรไหม”


หนุ่มเจ้าของบ้านมองสาวตรงหน้าด้วยแววตาเคลือบแคลง นึกสงสัยว่าเธอจะมาไม้ไหนกันแน่ จึงพยักหน้าตอบไปก่อน “ก็ได้ อยู่ที่นี่ได้จนกว่าจะติดต่อเพื่อนเธอได้แล้วกัน”


คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวยิ้มอย่างมีความหวัง แต่คำพูดต่อไปนี่สิทำเอาใบหน้าสาวเห่อร้อนขึ้นมาทันที


“แต่เธอต้องอยู่ในที่ของเธอ อย่ามาวุ่นวายเวลาฉันพาผู้หญิงเข้าบ้านมาด้วย เพราะบางทีก็รอบบ้านนี่แหละ ได้ยินเสียงอะไรก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ไปแล้วกัน” เขาพูดทั้งทำแววตาหื่นกระหายอย่างเห็นได้ชัด แจนอังควิภาเบ้หน้า ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีใครหน้าด้านหน้าทนเท่าเขาอีกแล้ว ไม่เคยเจอที่ไหนก็ได้เจอกันที่นี่แหละ จึงต้องรีบเปลี่ยนประเด็น ไพล่ถามไปเรื่องอื่นแทน


“คุณเป็นทหารหรือ”


เจสันปรายตามองไปที่รูปในเครื่องแบบของตัวเอง แล้วจึงหันกลับตอบ “ใช่”


“จะอยู่ที่นี่นานไหม ต้องไปประจำการที่ไหนหรือเปล่า”

“แล้วมันใช่เรื่องของเธอไหม” เขาย้อนหน้าตาย “ถ้าว่างขนาดนั้นเอาเวลาไปคิดหาทางให้ได้สติกลับมาแล้วรีบออกจากบ้านฉันไปสักทีเถอะ” เขาล่ะเบื่อเรื่องยุ่งยากที่จะตามมาที่สุด ดังนั้นก็ขอให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้แทนแล้วกัน คิดได้ดังนั้นเขาก็หมุนตัวเดินออกไป ทว่า...


“แล้วคุณชื่ออะไร”

“ฉันชื่อเจสัน...เจสัน ฟอสเตอร์”


“แล้วจะไปไหน”


“ไปนอนน่ะสิ หิวก็หาอะไรกินไปแล้วกัน” แล้วเขาก็เดินหายขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านทันที และไม่ได้สนใจเธออีกเลย


อังควิภาอ้าปากค้าง อ้าแล้วหุบหุบแล้วอ้าเหมือนปลาขาดน้ำอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเจอใครเหมือนเขามาก่อนเลยจริงๆ ผู้ชายอะไรกวนประสาท ปากร้าย ใจดำทมิฬหินชาติได้ขนาดนี้ ไม่เข้าใจเลยว่าเขามีชีวิตอยู่จนโตป่านนี้ได้อย่างไร ปากแบบนี้ไม่น่าอยู่ถึงอายุ 20 ด้วยซ้ำ


คิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าปลงๆ หญิงสาวลุกยืนขึ้นแล้วก้มงงมองตัวเอง เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยเลอะเทอะไปทั้งตัว อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับอังควิภาคนก่อนเลย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเธอกำลังหนีตายอยู่ แค่เอาตัวรอดไปก่อนก็พอ เรื่องอื่นค่อยว่ากันใหม่


ตอนนี้เธอเริ่มมองเห็นทางรอดแล้ว ที่นี่คือบ้านของทหารเรือคนหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะปลอดภัยที่สุด ถ้าอยู่ที่นี่สักพัก ไม่แน่เธออาจจะติดต่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนได้ เพราะสามีของโรซาลินเป็นเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัย และเป็นหน่วยอารักษาของรัฐมนตรีคนหนึ่งด้วย ถ้าได้คุยได้ให้เหตุผลกับเขา เขาก็น่าจะช่วยเธอไม่ใช่หรือ


แต่เขาคิดว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงสติไม่ดีคนหนึ่งนี่สิเรื่องใหญ่ เพราถ้าเขายังคิดอยู่อย่างนั้น ให้ตายอย่างไรก็ไม่มีวันคุยกันรู้เรื่องแน่นอน


นักแปลสาวสวยถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม เธอคิดอะไรอยู่นานก็เริ่มล้า อยากล้างหน้าล้างตาเหลือเกิน ร่างเพรียวบางเดินหาห้องน้ำอยู่ไม่นานก็เจอ ทว่าเมื่อส่องกระจก เธอกลับต้องผวาเฮือก เข้าใจแล้วว่าทำไมนายเจสันอะไรนั่นถึงคิดว่าเธอเป็นคนบ้าตลอดเวลา เพราะภาพสะท้อนจากกระจกในห้องน้ำคือผู้หญิงกระเซอะกระเซิงคนหนึ่ง ผมฟู มาสคาร่าไหลย้อยมาจากดวงตาคู่กลมโต ใบหน้าเลอะคราบลิปสติกสีแดงแจ๋!


“เหมือนคนบ้าจริงๆ ด้วย!” อังควิภาน้องอย่างเสียขวัญ แม้แต่เธอยังกลัวตัวเองเลย แล้วประสาอะไรจะไม่ให้เขาสงสัยว่าเธอบ้ากันเล่า


“แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะคุยกันรู้เรื่องเนี่ย!” ไม่ดีแน่ถ้าเขายังไม่ยอมเลิกคิดว่าเธอบ้า เขาจะไม่มีวันเชื่อว่าเธอกำลังหนีตายอยู่!


แต่คนบ้าทำอะไรก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือ...นั่นก็จะทำเธอหาข้ออ้างขออาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่นี่ ให้เขาคิดว่าเธอบ้าก็ดีเพราะอย่างน้อยเขาจะได้ไม่กล้าแตะต้องเธอ และเธอก็จะอาศัยความเหมือนคนบ้าของตัวเองหลบพวกที่ตามล่าเธอด้วย


สาวร่างเพรียวบางวาดแผนการไว้สวยหรู ยอมสละมาดนางหงส์ไว้ชั่วคราว แล้วจัดการล้างหน้าเสียใหม่ ผมเผ้าก็หวีลวกๆ แล้วทาลิปสติกสีแดงสดเหมือนเคย จริงดังคาด เพราะแค่เดินออกไปแล้วเจสันก็ยืนกอดอกมองเธออยู่ที่หน้าประตู พอเห็นเธอเท่านั้นแหละ เขาก็สะดุ้งทันที


“ไม่นอนแล้วเหรอ” อังควิภาทำหน้าซื่อตาใสพลางฉีกยิ้มหวาน ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองอย่างพรั่นพรึง แล้วพยักหน้า


“หิว นอนไม่หลับ เธอทำอาหารได้ไหม”

“ไม่” ที่จริงเธอทำเป็น แต่ถ้าทำให้เขา...เขาก็รู้น่ะสิว่าเธอไม่ได้บ้า อังคิวภาคิดแล้วก็ยิ้มซุกซน แน่นอนว่ามันทำให้คนมองเริ่มระแวงว่าสาวตรงหน้าจะคุ้มดีคุ้มร้ายขึ้นมาเมื่อไหร่


“อยากกินอะไรล่ะ”

“คุณทำเป็นหรือ”

“ไม่เป็น” เขาตอบหน้าตาย


“อ้าว!”

“แต่มันก็กินกันตายได้นั่นแหละ” ร่างสูงใหญ่เดินนำเข้าไปในครัวทันที แล้วมันก็เหมือนเดิมทุกอย่าง นั่นคือเขาไม่มองหน้าเธอเลย ทำราวกับเธอไร้ตัวตนก็ไม่ปาน


อังควิภาหน้าเหลอ นี่เขาเป็นผู้ชายประเภทไหนกันแน่ กวนประสาทจริงๆ ดูลอยไปลอยมาไร้สาระ ไม่ได้เรื่องอะไรเลย ถ้าตัดความกวนประสาทของเขาออกไปแล้วล่ะก็...เขาคงเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้ สาวตัวเล็กถอนหายใจหนักอก แล้วเดินตามเขาเข้าไปแต่โดยดี


ห้องครัวของเจสันนั้นกว้างใหญ่พอสมควร สมกับที่เป็นบ้านคนรวยไม่ผิด ทั้งกว้างใหญ่และตกแต่งด้วยเครื่องครัวเนื้อดีทุกอย่าง มีโต๊ะอาหารตั้งอยู่กลางห้อง ข้าวของเครื่องใช้ล้วนวางเป็นระเบียบเกินกว่าที่ผู้ชายแท้ๆ เขาจะทำกัน


“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นคริสตัล เวลาผู้หญิงมานอนกับผม เธอจะเข้าครัวทำมื้อเช้าและเก็บของให้เป็นระเบียบเสมอ” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาหน้าตาเฉย จนคนที่กำลังดื่มน้ำอยู่สำลักพรวด แล้วมองชายหนุ่มอย่างเหลือเชื่อ


นี่เขาหน้าไม่อายเกินไปแล้วนะ เรื่องแบบนี้มันสวมควรพูดออกมาหรืออย่างไร!


“ลืมไปว่าเธอไม่ค่อยเต็มดี เอาเป็นว่าเดี๋ยวคืนนี้จะสาธิตให้ดู”


อังควิภาถอยหลังกรูด ยกมือขึ้นมากุมคอเสื้อตัวเองไว้อย่างระแวดระวัง พลางมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาหวาดหวั่น นี่อย่าบอกนะว่าคนบ้าก็ไม่เว้น!


“อย่าทำหน้าอย่างนั้นน่า ฉันไม่แตะเธอหรอก อย่างเธอน่ะไม่ใช่สเป็คฉันเลยคริสตัล ต่อให้ไม่บ้าฉันก็ไม่เอา”

ไอ้คนบ้า ไอ้ลามก ไอ้โรคจิต!

อังควิภาปรารถนาจะตะโกนใส่หน้าเขาเหลือเกิน คนอะไรปากเสีย ลิ้นคมจนผู้หญิงยังอาย ปากแบบนี้นี้มัน...


“ฉันไม่ชอบผู้หญิงนมแบน”


พรึ่บ!

สองแขนเล็กยกขึ้นกอดอกทันที พลางมองหน้านิ่งๆ แต่แววตาเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างหวาดๆ สงสัยเธอจะหนีเสือปะจรเข้เข้าแล้ว!


“ฉันหิว”

“ก็กินสิ รออะไรล่ะ” เขาโบ้ยปากไปทางตู้เย็น


“ไหนคุณบอกจะทำอาหาร แล้วไหนล่ะ”

“นี่ไง” เขายื่นคอร์นเฟล็กและนมสดมาให้ “ฉันยังไม่ได้พูดเลยสักคำว่าจะทำอาหาร”


คราวนี้อังควิภาเองก็จนคำพูด ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบกับผู้ชายอย่างเขาได้แล้ว หญิงสาวจำต้องนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา แล้วฉวยทั้งกล่องคอร์นเฟล็กและนมสดออกมา


“มานั่งนี่สิ” เจสันบุ้ยปากมาตรงที่นั่งข้างกาย แต่อังควิภายังไม่ยอมขยับ จนเขาต้องเอ่ยซ้ำรอบสองด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ “มาเถอะน่า ไม่ทำอะไรเธอหรอก บอกแล้วว่าไม่ชอบผู้หญิงนมแบน”


ไม่เคยมีใครกล้าดูถูกหน้าอกที่ยัดฟองน้ำมาสามก้อนมาก่อน เธอหน้าแดงด้วยความโกรธ อ้าปากจะเถียงเขาอยู่แล้ว ทว่าสมองอันชาญฉลาดก็หยุดยั้งไว้ได้ทัน ในฐานะผู้อาศัย เธอจะไปต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเขาได้ หญิงสาวได้แต่ขบฟันแน่นไม่ให้แผดเสียงด่าเขาเสียก่อน ปกติคนอย่างอังควิภายอมใครเสียที่ไหน แต่นี่เพราะเธอไม่มีทางเลือกต่างหาก จึงต้องยอมตกเป็นเบี้ยล่างเขาขนาดนี้


“ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอหรอกน่า ฉันก็แค่จะดูแลเธอก็เท่านั้น กลัวจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้”


“...”

“วันนี้ฉันพาเพื่อนมานะ”

พรวด! อังควิภาสำลักออกมาเป็นคำรบสอง นี่เขาจะพาเพื่อนผู้หญิงมาทำอะไรกันอีกอย่างนั้นหรือ


“เพื่อนฉันมีคนรู้จักเป็นพยาบาล มาดูแลเธอสักหน่อยคงจะดี” เขากล่าวต่อเรื่อยๆ ไม่สนใจแก้มแดงๆ ของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย


“ฉันไม่เอา ไม่ให้เพื่อนคุณดู!”

“ต้องดู เพราะถ้าบ้าจริงฉันจะได้เอาไปส่งโรงพยาบาล!”

“ไม่ไปโรงพยาบาล!” อังควิภาร้องลั่น เธอไม่ได้บ้าจริงๆ เสียหน่อย ถ้าไปโรงพยาบาลบ้า เธอได้บ้าจริงๆ แน่!

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปสถานีตำรวจ”

“ฉันไม่ไปสถานีตำรวจ!” เธอประสบมากับตัวเองแล้ว ตำรวจพวกนั้นจะไว้ใจได้แค่ไหนกันเชียว เพราะขนาดมีผู้หญิงตายแทนเธออยู่ในเซนทรัลปาร์ค ยังไม่เห็นได้ยินข่าว เธอไม่ไว้ใจใครแล้วนอกจากสัญชาติญาณของตัวเอง


“ไม่ได้ เธอต้องไป ไม่อย่างนั้นฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอไม่ได้คนร้ายหรืออาชญากรที่หนีตำรวจมา”


“โฮ!” สาวเจ้าร้องไห้โฮออกมาทันที น้ำตาไหลทะลักทลายราวกับเขื่อนแตก คราวนี้เธอไม่ได้แกล้งเลยแม้แต่น้อย แต่เธอกลัวจริงๆ ถ้าแจ้งความไปแล้วมีคนในสำนักงานตำรวจเป็นพรรคพวกของคนที่ตามล่าเธอเล่า อย่างไรก็ตายอยู่ดี


เจ้าของดวงตาคู่สีน้ำตาลทองมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างครุ่นคิด พอเห็นสาวเจ้าร้องไห้เป็นเผาเต่าทั้งที่เมื่อครู่ยังหัวเราะดีๆ ก็จำต้องพยักหน้าในที่สุด


“ก็ได้ ถ้าเธอมั่นใจว่าจะติดต่อเพื่อนได้ ฉันให้เวลาแค่สามวัน แต่ระกว่างนี้ต้องให้พยาบาลของเพื่อนฉันตรวจอาการเธอก่อน ทำแผลให้เธอด้วย”


“ก็ได้” คนแกล้งบ้าคลายสะอื้น พอจะหายใจทั่วท้องได้บ้างที่เขายอมเชื่อว่าเธอไม่เต็มจริงๆ


“แล้วเธอบอกฉันได้ไหมคริสตัลว่าเอาเงินมาจากไหน”

“ของฉัน”

“เธอพูดจริงหรือ”

“ฉันรู้ว่าคุณคิดว่าฉันบ้า” ปากก็พูดไป แต่อังควิภายังไม่ลืมทำตาใสซื่อใส่เขา ก่อนจะบีบน้ำตาจนมันไหลออกมาแหมะ นี่แหละงานถนัดของเธอทีเดียว

“ก็...”

“ฉันบ้าแต่ฉันไม่โกหกนะ” ทำตาเป็นประกายใสซื่อไม่พอ จึงตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานเยิ้มหยดย้อยจนเจสันสะดุ้ง ผละออกห่างหญิงสาวทันที คนอะไรเดี๋ยวก็หัวเราะเดี๋ยวก็ร้องไห้อยู่ได้ทั้งวัน


“เชื่อก็ได้ รีบกินให้อิ่มแล้วไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวเพื่อนฉันก็มา”

“เพื่อนคุณใจร้ายไหม”

“ทำไมถามแบบนั้น”

“ก็คุณยังปากเสียขนาดนี้” ก็เธอบ้าไม่ใช่หรือ คนบ้าทำอะไรก็ไม่ผิด...อังควิภาคิดแล้วลอบยิ้มอย่างแนบเนียน สะใจเหลือเกินที่เห็นใบหน้าถอดสีของนายเจสัน

“ทีหลังอย่าพูดแบบนี้อีกนะ”

“ฉันพูดผิดหรือ”

“ใช่” คนหน้าด้านยอมรับหน้าตาเฉย “อย่างฉันเขาไม่ได้เรียกปากเสีย เขาเรียกเจ้าคารมต่างหาก”

“เหรอ” นักแปลสาวสวยแสร้งยิ้มหวาน แต่พอเขาเผลอเธอก็ลอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ผู้ชายอะไรยกหางตัวเองก็ได้

“เพื่อนฉันก็เป็นคนดี เดี๋ยวเธอก็เจอ เขาจะมาพร้อมพยาบาลสาวสวยชื่อไอรา”

“คุณชอบล่ะสิ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” เขาพยักหน้า แล้วเทคอร์นเฟล็กอีกจนเต็มชาม
“เธอสวยมากเลยนะ ใจดีด้วย”


“หน้าอกใหญ่ด้วยใช่ไหม”

“ใช่”

“ผู้ชายไม่มีสมองเท่านั้นแหละที่จะชอบผู้หญิงที่หน้าอกอย่างเดียวน่ะ” เธอย้อนเข้าให้ หวังจะเล่นงานเขาให้หน้าหงายบ้าง แล้วก็ได้ผลเสียด้วย เพราะนายคนป่าเถื่อนกำลังโมโหจนหน้าดำหน้าแดง อังควิภาจึงแกยิ้มหวานใส่เสียเลย “ก็ครูฉันสอนมาแบบนี้นี่”


พอถูกย้อนศรเข้าชายหนุ่มก็ได้แต่หรี่ตามองผู้หญิงตรงหน้า เธอเหมือนจะสติไม่เต็มก็จริง แต่กลับยอกย้อนได้อย่างน่าโมโห แต่พอเขาจะโกรธจริงเข้า แม่เจ้าประคุณก็ทำยิ้มเยื้อนลอยหน้าลอยตาจนเหมือนคนสติไม่ดีอีกครั้ง จนชายหนุ่มได้แต่สบถสาบานอยู่ในใจที่ทำอะไรเธอไม่ได้เสียที รอให้ไอรามาถึงแล้วตรวจให้แน่ก่อนเถอะว่าผู้หญิงตรงหน้าบ้าจริงหรือไม่ แล้วถ้าไม่ล่ะก็...เขาจะเล่นงานให้น่าดูเชียว


“อิ่มแล้ว...คุณมีเสื้อผ้าให้ฉันสวมบ้างไหม”

“ไม่”

“อ้าว!” สาวแกล้งบ้าร้องเสียงหลง พลางมองเขาด้วยสายตาเหลือเชื่อ “แล้วจะให้ฉันใส่อะไร”

“คนบ้าเขาไม่ใส่อะไรกันหรอก” ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มละไมราวกับกำลังปลอบเด็กเล็กๆ แต่อังควิภารู้ดีว่านี่มันรอยยิ้มของหมาป่าชัดๆ!


“ฉันบ้าแต่ฉันไม่โง่นะ” สาวเจ้าค้อนขวับ แล้วเดินย่ำโครมขึ้นบ้านไปทันที ถ้าไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิงเลยจริงๆ เธอใส่เสื้อของเขาก็ได้ แต่เธอไม่บ้าจี้พอที่จะแก้ผ้าอยู่กับเขาเด็ดขาด ขืนทำอย่างนั้นก็เข้าทางจอมหื่นแน่


อังควิภาต้องพยายามปลอบใจตัวเองว่าอย่างดีเขาก็แค่หยอกไปตามเรื่อง เพราะเขาก็ประกาศแล้วว่าไม่ชอบผู้หญิงหน้าอกเล็ก หญิงสาวก้มลงมองหน้าอกของตัวเองแล้วก็ถอนหายใจโล่งอกทันที พลางคิดในใจว่าเธอไม่เคยรักอกแบนๆ ของตัวเองเท่าตอนนี้มาก่อนเลยจริงๆ เพราะถ้าใหญ่กว่านี้อีกสักหน่อย รับรอง เสร็จหมาป่าล่าเนื้ออย่างเจสันแน่นอน








...............................................

มาแล้ววววววววววววววววว
โดนผู้อ่านเอาไล่แทงหลังเลยต้องรีบมาอัพ โฮฮฮฮฮฮ
ช่วงนี้เค้าติดบอลโลก
คริคริ

เป็นยังไงคะ พ่อคุณทูนหัวเจสัน ฟอสเตอร์ของเรา
มีสาวไหนอยากเป็นแม่บ้านให้อิเจสันบ้างงงงงงงงงงงงง
ไปหัดลับฝีมือกันก่อนนะคะ
ฮ่าๆๆๆ

ต่อจากนี้เวลาพระเอกเราทำอะไรเพี้ยนๆ ไปบ้าง อย่าเพิ่งถอดใจไม่อ่านนะคะ เพราะทุกอย่าง มันคือ 'แผน' ค่ะ


รักคนอ่านเสมอมา

กรรัมภา (กนิษวิญา)




กนิษวิญากรรัมภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มิ.ย. 2557, 22:08:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มิ.ย. 2557, 22:08:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1279





<< บทที่ 2 ที่พึ่งยามยาก 50%   บทที่ 3 ผู้ชายปากเสีย 50% >>
แว่นใส 27 มิ.ย. 2557, 07:38:21 น.
แน่ใจเหรอว่าจะรอดตลอดไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account