สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง
Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ
ตอน: อีกครึ่งของหัวใจ
อีกครึ่งของหัวใจ
รถญี่ปุ่นสี่ประตูสีขาวสภาพกลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้ามาจอดยังลานจอดรถของโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพ กรณ์ในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำเปิดกระดุมสองเม็ดบนและกางเกงสแล็คสีดำสนิทลงมาจากรถด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ มือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดไว้แนบหูก่อนจะปิดประตูรถเดินตรงมายังลิฟท์โดยสารชั้นสี่ จุดมุ่งหมายคือห้องพักของหญิงสาวเอาแต่ใจที่อยู่ชั้นสิบ
กรณ์ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างสุดเซ็งที่ต้องมาเจอกับคู่กรณีสาวที่ถึงแม้จะสวยเซ็กซี่ถูกสเป็คของเขาไม่เบา แต่เจ้าหล่อนก็น่ารำคาญที่คอยบงการราวกับเขาเป็นทาสก็ไม่ปานซึ่งสร้างความลำบากใจให้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“โอเค โอเค.. เจอกัน”
“จะไปไหนกันอีกนะ ยัยคุณนาย เมื่อไหร่จะหายซะทีชักจะมากไปแล้ว เจอหน้าคงต้องโวยซะหน่อยแล้ว”
หลังจากวางสายจากสาวเอาแต่ใจที่กำลังจะเจอในอีกไม่กี่นาทีนับจากนี้ กรณ์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันหมายมั่นปั้นมือว่าจะเอาเรื่องราเชลให้ได้
ทันทีที่ประตูห้องเป้าหมายที่อยู่ชั้นสิบเปิดออกมาตามเสียงกริ่งของประตูที่กรณ์กดรัว ราเชลในชุดเสื้อยืดแขนกุดสีแดงกางเกงยีนส์ขาสั้นสีฟ้าชายกระรุ่งกระริ่งคลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีขาวบางเบายืนเท้าแขนอย่างหงุดหงิดอยู่หน้าประตู ขาเรียวสวยมีเฝือกหนาอยู่ตรงข้อเท้าทำให้กรณ์ที่เผลอมองเรียวขายาวได้แต่อึ้งอย่างรู้สึกผิด
“มาช้า... ฉันรอตั้งนานแล้ว” ราเชลบ่นกระปอดกระแปด ผมสีดำยาวสลวยสะบัดใส่หน้ากรณ์ที่เดินตามเข้ามาทำเอาชายหนุ่มถึงกับหลบพัลวัน
“มาให้เห็นก็บุญแล้วขอบอก วันนี้ผมมีธุระแต่คุณก็ยังโทรมากวนรู้มั๊ยบ้านผมอยู่ไหน ประจวบนะ.. ประจวบ ไม่ใช่ลาดพร้าวจะได้รีบมาเร็วทันใจคุณ” กรณ์โวยไม่จริงจังนักก่อนจะนั่งลงบนโซฟากลางห้องอย่างแรง ราเชลถึงกับเบ้ปากให้หนุ่มรุ่นน้องอย่างหมั่นไส้
“นี่.. ไม่ต้องมากวนเลย ฉันอายุมากกว่าคุณตั้งกี่ปี พูดจาให้มันดีๆหน่อย วันนี้ฉันจะไปช็อปปิ้งหาซื้อชุดเป็นทางการไปพบผู้ใหญ่หน่อย แล้วก็คุณต้องคอยรับส่งฉันวันนี้ทั้งวันห้ามปฏิเสธ”
ราเชลเดินกระเผลกผ่านหน้ากรณ์ลงมานั่งยังโซฟาตรงกันข้ามอย่างประวิงเวลาแกล้งกรณ์ ทำเอาชายหนุ่มมองตามขาอ่อนขาวๆของสาวตรงหน้าอย่างลืมตัว กว่าจะรู้สึกตัวก็เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาเหยี่ยวของราเชลเข้าจนต้องรีบกลบเกลื่อน
“เอ่อ..แล้วจะไปกันรึยังล่ะ จะไปไหนก็บอก ผมต้องรีบกลับประจวบเย็นนี้มีนัดสำคัญ”
“เมื่อกี้ว่าจะกลับประจวบเหรอ นายรู้จักรีสอร์ทที่ชื่อบ้านสวนโฮมสเตย์มั๊ย” ราเชลแสดงความสนใจทันทีที่นึกได้ถึงจุดมุ่งหมายอีกแห่งที่หล่อนจะต้องไปให้ได้
“รู้จักสิ ถามทำไม” กรณ์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยทันทีที่เห็นรอยยิ้มกวนปนร้ายจากใบหน้าสวย
“ฮึ ไม่ต้องสนใจ เอาเป็นว่าวันนี้เราคงกลับดึก แล้วฉันก็อยากไปประจวบกับนาย ไปที่บ้านสวนอะไรนั่นนะแหละ เสร็จธุระแล้วพรุ่งนี้พาไปหน่อย”
และแล้วการเดินทางของชานนท์และเอรินก็สิ้นสุดลงทันทีที่เรือแอร์สองท้องแล่นเข้ามาจอดยังท่าเรือทุ่งมะขามป้อม หาดทรายรีจังหวัดชุมพรโดยสวัสดิภาพ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติต่างพากันทยอยลงจากเรือกันเรื่อยๆ แต่ชานนท์ยังคงนั่งมองเอรินที่หลับซบอยู่กับไหล่ของเขาอย่างเอ็นดู มือเรียวเล็กจับมือของเขาแน่นไม่ยอมปล่อย ชานนท์ค่อยๆแกะมือน้อยที่มีแหวนทองคำขาวสีฟ้าประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายออกอย่างเบามือ ก่อนจะสะกิดปลุกคนขี้เซาให้ตื่น
“เอริน เอริน เราถึงแล้วนะ คนลงจะหมดลำเรือแล้ว ตื่นได้แล้วยัยกุหลาบชมพูจอมขี้เซา” ชานนท์กระซิบเบาๆข้างใบหู เอรินถึงกับลืมตาโพลงทันทีที่รู้สึกตัว
“ไหน!! เราถึงไหนแล้วคะ โอ๊ย!! ทำไมคุณไม่ปลุกคะ เค้าลงกันหมดเหลือแต่เราสองคนแล้วนะ” เอรินกระวีกระวาดลุกขึ้นก่อนจะดันชานนท์ให้เดินนำไปตามทางเดินแคบของเรืออย่างเร่งรีบ
“เดี๋ยวๆสิ เอรินใจเย็นๆ เดี๋ยวก็สะดุดกันพอดี”
“อื๊อ..คุณน่ะ เงอะงะไม่ทันใจมานี่เลย ตามมาเร็วๆเข้า”
แล้วก็เป็นเอรินที่จูงมือชานนท์เดินตัวปลิวตามกันออกมาจนถึงสะพานเล็กข้ามระหว่างเรือเทียบท่า ด้วยความเร่งรีบทำเอาเกือบจะพลาดตกเพราะรองเท้าส้นเล็กสะดุดเข้ากับขอบของสะพาน
“อ๊ะ!! คุณ” ชานนท์รีบประคองเอรินไว้แทบไม่ทันทำเอาหญิงสาวถึงกับหน้าเสีย
“บอกแล้วใช่มั๊ยว่าใจเย็นๆ เชื่อฟังกันหน่อยสิเธอเนี่ย” ชานนท์โอบประคองเอรินให้ค่อยๆเดินลงมาจนถึงพื้นโดยสวัสดิภาพ
ทันทีที่ลงจากเรือ เจ้าปื๊ดที่รออยู่ก่อนตามเวลานัดหมายที่เอรินโทรบอกไว้เมื่อตอนเช้าก็เดินยิ้มกริ่มเข้ามา เพราะเห็นเหตุการณ์ฉุกเฉินเมื่อครู่ นัยน์ตาเจ้าจอมยุ่งสอดส่ายหาความผิดปกติระหว่างเจ้านายสาวและแขกหนุ่มเป็นระยะอย่างจับสังเกต
“คุณหนู.. ลงมาคนสุดท้ายแล้วมั้งเนี่ย ปื๊ดรอน๊านนาน”
ไม่ทันที่เอรินจะได้เอ่ยทัก เจ้าปื๊ดก็ตัดพ้อต่อว่าเข้าเสียก่อนทำเอาเอรินและชานนท์หันมาสบตากันก่อนที่เอรินจะยิ้มแหย
“ขอโทษนะปื๊ด พอดีฉันหลับเพลินไปหน่อย คุณเค้าก็ไม่ปลุก เนี่ยเลยลงมาช้าเลย” เอรินยู่ปากใส่คนเดินตามหลัง ชานนท์ได้แต่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นกระเป๋าให้เจ้าปื๊ดรับไปถือเอาไว้
“ไปกันเถอะครับคุณหนู ป่านนี้ป้าคงเตรียมอาหารไว้รอรับแล้ว นี่ลุงพัชอุตส่าห์ออกเรือเองไปหาปลาตัวโตๆ มารอรับคุณหนูกับลูกเขย.. เอ๊ย แขก เลยนะครับ”
ปื๊ดเดินนำไปที่รถ ปากก็ยังพร่ำพูดไม่หยุดตามประสาคนพูดไปเรื่อย เอรินที่ได้ฟังถึงกับตาโตตรงรี่เข้าไปประชิดคนปากมากทันที
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะปื๊ด อยากโดนใช่มั๊ย นี่แน่ะ” เอรินหยิกหมับเข้าให้ที่บั้นเอวเจ้าตัวยุ่งจนร้องโอดโอยอย่างน่าหมั่นไส้
“โอ๊ย..คุณหนู จี้ใจดำใช่มั๊ยเนี่ย คนฉลาดอย่างปื๊ดก็งี้แหละคร๊าบ รู้ทันคุณหนูหมดแหละ”
เจ้าปื๊ดทำหน้าล้อเลียนเสร็จรีบวิ่งฉากไปที่รถอย่างรวดเร็วจนเอรินจะวิ่งตามไปจัดการแต่ไม่ทันเมื่อชานนท์คว้าแขนสาวน้อยไว้เสียก่อน
“เอาน่า เอริน ยังไงฉันก็เป็นลูกเขยของพ่อแม่เธออยู่ดี ไม่เห็นต้องอายเลยนี่”
“แต่เราตกลงกันว่าไงคะ เราจะยังไม่บอกพ่อกับแม่ฉันไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็จนกว่าฉันจะเกริ่นกับพ่อแม่ก่อน ฉันกลัวท่านหัวใจวายซะก่อน” เอรินออดเบาๆด้วยสีหน้าลำบากใจ แต่ชานนท์ก็กระซิบข้างหูให้เอรินได้อายอีกจนได้
“ได้ยังไง บอกพวกท่านเลยเถอะ ฉันเหงานะถ้าไม่มีเมียสุดที่รักนอนกอดทุกคืนน่ะ เอาเป็นว่าฉันรับผิดชอบเองท่านคงไม่ฆ่าไม่แกงลูกเขยที่พาลูกสาวแก่นกะโหลกของพวกท่านลงจากคานหรอกใช่มั๊ย”
เอรินถึงกับหน้าเหวอกับคำพูดหน้าตาเฉยของชานนท์ หญิงสาวถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกก่อนจะตอบอ้อมแอ้มเบี่ยงเบนประเด็น “วันนี้คุณนอนคนเดียว ฉันไม่เกี่ยว”
“เรื่องสิ..”
ชานนท์ตอบกวนๆอย่างไม่ใส่ใจคำพูดหล่อนนักก่อนจะโอบไหล่เอรินให้เดินเคียงกันไป แต่เอรินเบี่ยงตัวหลบเสียก่อนทันทีที่เห็นสายตาเจ้าปื๊ดมองมาอย่างจับผิด ทำเอาชานนท์ถึงกับหน้าหงิก เอรินเลยรีบกระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินกันสองคนทันทีที่มาถึงตัวรถ จนชานนท์ได้แต่ตกลงอย่างเสียไม่ได้
“คุณคะ.. ขอร้องห้ามงอแง เราตกลงกันไว้ว่ายังไง ขอเวลาฉันหน่อยนะให้ฉันค่อยๆ บอกคุณพ่อคุณแม่ก่อนแล้วเราค่อยบอกเรื่องของเราให้ท่านรับรู้”
“แล้วกี่วันล่ะ เอริน หนึ่งวัน สองวัน สามวัน แล้วเมื่อไหร่เราจะได้อยู่ด้วยกันล่ะ ฉันหมายถึงอยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยาทั่วไปน่ะ ฉันอยากให้เธอมาอยู่ที่บ้านต้นไม้ด้วยกันกับฉัน จนกว่า.. ”
ชานนท์กระเง้ากระงอดภรรยาสาวน้อยที่ทำหน้ายู่อย่างขัดใจที่สามีตัวโตอยู่ดีๆก็พูดไม่รู้เรื่องขึ้นมาเฉยๆ ทั้งที่ก่อนจะลงเรือกลับมาจากสมุยยังรับปากรับคำดิบดี แต่แล้วเอรินก็ต้องชะงักเมื่อชานนท์หยุดพูดไปเสียเฉยๆ
“จนกว่าอะไรคะ แล้วคุณจะอยู่นานแค่ไหนเนี่ย” เอรินหยุดเดินทันทีแล้วหันมาถามชานนท์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาชายหนุ่มถึงกับอึกอัก
“เอ่อ.. จนกว่าคุณแม่ฉันกลับจากลอนดอน ฉันจะให้ท่านมาขอเธออย่างเป็นทางการให้เร็วที่สุด ฉันอยากให้คุณแม่ของฉันได้เจอกับคุณพ่อของเธอ” ชานนท์พูดตะกุกตะกักอย่างสับสนใจ ก่อนจะรีบเดินเอากระเป๋าไปเก็บที่รถทำเอาเอรินได้แต่มองตามกิริยาเงียบๆของเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย อะไรของเขานะ”
แล้วเอรินและเจ้าปื๊ดก็ต้องนั่งรอชานนท์อยู่ในรถกระบะบุโรทั่งของตน ในขณะที่ชานนท์หายตัวไปรับโทรศัพท์เรื่องงานเสียเป็นนาน เอรินถึงกับโบกมือไปมาขับไล่ความร้อนระอุจากแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านเข้ามาในตัวรถที่ติดฟิล์มบาง เจ้าปื๊ดได้แต่มองเจ้านายสาวอย่างเป็นห่วง
“คุณหนูครับ.. ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั๊ย” เจ้าปื๊ดกลั้นใจถามคำถามที่ตนอยากรู้ด้วยความเป็นห่วงเจ้านายสาวของตนหนักหนา
“อะไรเหรอ” เอรินหันมามองเจ้าปื๊ดที่ถามเสียงเรียบผิดปกติวิสัยเล่นลิ้นด้วยความสงสัย แล้วเจ้าปื๊ดก็ถามคำถามที่ทำเอาสาวน้อยถึงกับอึ้ง
“คุณหนูกับคุณคนนั้นมีอะไรมากกว่าความเป็นไกด์กับลูกทัวร์ใช่มั๊ยครับ” เจ้าปื๊ดสบตาเอรินนิ่ง สีหน้าแสดงความเป็นห่วงที่ฉายชัดในแววตาของคนขี้เล่นอย่างเจ้าปื๊ดทำเอาเอรินถึงกับตอบไม่ถูก
“ทะ..ทำไมถึงคิดยังงั้นล่ะ ปื๊ด มีอะไรที่ทำให้คิดไปอย่างนั้นเหรอ หื๊อ” เอรินหลบสายตาก่อนจะถามกลับแทนคำตอบ
“คุณสองคนสนิทสนมกันมากผิดปกติ ไม่เหมือนคนเพิ่งเจอกัน คุณสองคนใส่แหวนนิ้วนางข้างซ้ายที่คล้ายกันมาก คุณสองคนจับมือถือแขนกัน เดี๋ยวโอบ เดี๋ยวจับมือใครๆก็เห็นกันไปทั่วท่าเรือ แล้วก็คุณสองคนก็..” เจ้าปื๊ดสาธยายออกมาเสียเป็นหางว่าวจนเอรินรีบพูดขัดอย่างจนใจ
“พอ..พอแล้ว ปื๊ด เอาเป็นว่าก็เป็นอย่างที่เห็นน่ะแหละ แต่ปื๊ดอย่าเพิ่งบอกใครนะโดยเฉพาะพ่อกับแม่ ฉันจะเป็นคนบอกพ่อกับแม่เอง คงเร็วๆนี้แหละ” เอรินสีหน้าหวั่นวิตกเมื่อนึกถึงบิดามารดาที่อาจจะตกใจจนแทบช็อคจากการกระทำไม่ยั้งคิดของหล่อน
“ถ้าพ่อกับแม่ยอมรับแล้ว ฉันก็จะแต่งงานกับเขา” เอรินพึมพำเบาๆ แต่คำพูดบางเบาของเอรินก็ทำเอาเจ้าปื๊ดถึงกับตาโตอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ห๊า.. คุณหนู นี่มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ ยังเจอกันไม่ครบอาทิตย์เลยน๊า ผมแอบได้ยินลุงพัชคุยกับป้าอยู่ว่ารู้สึกแปลกๆกับผู้ชายคนนั้นน่ะ”
“ยังไงเหรอปื๊ด พ่อฉันพูดอะไรถึงเขาบ้าง” เอรินคะยั้นคะยอเจ้าปื๊ดด้วยน้ำเสียงอยากรู้เสียจนเจ้าปื๊ดได้แต่ส่ายหน้า
“ผมก็ไม่รู้ แต่ได้ยินว่าเห็นแววตาคุณคนนั้นแล้วลุงพัชไม่ค่อยสบายใจ สงสัยจะเหมือนคนรู้จัก ว่าแต่คุณหนูยังไม่ตอบผมเลยว่าที่จะแต่งงานกับเค้าน่ะ คิดดีแล้วเรอะ ผมว่ามันเร็วไปหน่อยนา”
“เร็วไปงั้นเหรอ..ไม่เร็วไปหรอกปื๊ด.. เพราะฉันรอเขามานานแล้ว”
ขณะเดียวกันชานนท์ก็กำลังเคร่งเครียดกับธุระที่คุยผ่านโทรศัพท์อยู่เป็นนานสองนานด้วยสีหน้าหงุดหงิดไม่เบา ทำเอาคนปลายสายถึงกับหงอเอ่ยตอบรับเสียงสั่น
“ได้ครับเจ้านาย ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดครับ”
ปลายสายรับคำด้วยน้ำเสียงสั่นอย่างหวาดหวั่น ชานนท์ถึงกับยิ้มออกมาอย่างพอใจทันทีที่รับฟังคำตอบรับจากปลายสายเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“ดีมาก ก่อนงานแต่งของฉัน ฉันหวังว่าโฉนดจะต้องตกอยู่ในมือฉัน แล้วฉันจะมีรางวัลให้นายอย่างงาม”
ชานนท์ยิ้มออกมาอย่างสมใจ ทันทีที่วางสายเขารู้สึกสบายใจไม่น้อยที่รู้ว่าสิ่งที่ต้องการในไม่ช้าก็จะต้องตกมาอยู่ในมือของเขาทั้งสองอย่าง ทั้งเอรินและบ้านสวนโฮมสเตย์ที่เขาจะเอาคืนจากพัชระ.. คนโฉดที่ทำลายครอบครัวของเขา โดยที่ชานนท์ไม่เคยรู้เลยว่าภิรณีย์.. มารดาบุญธรรมที่แสนประเสริฐของตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น และไม่เคยรู้เลยว่าพัชระทำแบบนั้นลงไปเพื่ออะไร...
ชานนท์ยิ้มให้เอรินที่ยิ้มแย้มโบกมือเรียกอยู่ในรถด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก อีกไม่นานหล่อนอาจจะได้รู้ถึงสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งกับบ้านสีขาวของเขาที่เอรินรักและผูกพันมาแต่เล็กแต่น้อย และบ้านสวนโฮมสเตย์ที่เป็นสมบัติเพียงอย่างเดียวของครอบครัวของหล่อนกำลังจะตกมาเป็นของเขาในไม่ช้า เอรินอาจจะโกรธเขา แต่ถึงอย่างไรตอนนี้หล่อนก็เป็นสมบัติของเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
ชานนท์ถอนหายใจออกมาบางเบากับความคิดเห็นแก่ตัวของตน ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติ เดินยิ้มกว้างเข้าไปใกล้เอรินที่รออยู่ในรถกระบะบุโรทั่งกับเจ้าปื๊ดใกล้มากเข้าไปเรื่อยๆ
‘จนกว่าจะถึงวันนั้น.. อย่าเกลียดกันก็พอนะ.. เอริน’
‘ฉันจะมอบความรักให้เธอมากยิ่งขึ้นทุกๆวัน เพื่อลบล้างความผิดหวังที่เธอจะได้รับจากการรักฉันนะ.. เอริน’
.....................................................................................................................................................................................
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^____^
รถญี่ปุ่นสี่ประตูสีขาวสภาพกลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้ามาจอดยังลานจอดรถของโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพ กรณ์ในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำเปิดกระดุมสองเม็ดบนและกางเกงสแล็คสีดำสนิทลงมาจากรถด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ มือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดไว้แนบหูก่อนจะปิดประตูรถเดินตรงมายังลิฟท์โดยสารชั้นสี่ จุดมุ่งหมายคือห้องพักของหญิงสาวเอาแต่ใจที่อยู่ชั้นสิบ
กรณ์ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างสุดเซ็งที่ต้องมาเจอกับคู่กรณีสาวที่ถึงแม้จะสวยเซ็กซี่ถูกสเป็คของเขาไม่เบา แต่เจ้าหล่อนก็น่ารำคาญที่คอยบงการราวกับเขาเป็นทาสก็ไม่ปานซึ่งสร้างความลำบากใจให้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“โอเค โอเค.. เจอกัน”
“จะไปไหนกันอีกนะ ยัยคุณนาย เมื่อไหร่จะหายซะทีชักจะมากไปแล้ว เจอหน้าคงต้องโวยซะหน่อยแล้ว”
หลังจากวางสายจากสาวเอาแต่ใจที่กำลังจะเจอในอีกไม่กี่นาทีนับจากนี้ กรณ์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันหมายมั่นปั้นมือว่าจะเอาเรื่องราเชลให้ได้
ทันทีที่ประตูห้องเป้าหมายที่อยู่ชั้นสิบเปิดออกมาตามเสียงกริ่งของประตูที่กรณ์กดรัว ราเชลในชุดเสื้อยืดแขนกุดสีแดงกางเกงยีนส์ขาสั้นสีฟ้าชายกระรุ่งกระริ่งคลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีขาวบางเบายืนเท้าแขนอย่างหงุดหงิดอยู่หน้าประตู ขาเรียวสวยมีเฝือกหนาอยู่ตรงข้อเท้าทำให้กรณ์ที่เผลอมองเรียวขายาวได้แต่อึ้งอย่างรู้สึกผิด
“มาช้า... ฉันรอตั้งนานแล้ว” ราเชลบ่นกระปอดกระแปด ผมสีดำยาวสลวยสะบัดใส่หน้ากรณ์ที่เดินตามเข้ามาทำเอาชายหนุ่มถึงกับหลบพัลวัน
“มาให้เห็นก็บุญแล้วขอบอก วันนี้ผมมีธุระแต่คุณก็ยังโทรมากวนรู้มั๊ยบ้านผมอยู่ไหน ประจวบนะ.. ประจวบ ไม่ใช่ลาดพร้าวจะได้รีบมาเร็วทันใจคุณ” กรณ์โวยไม่จริงจังนักก่อนจะนั่งลงบนโซฟากลางห้องอย่างแรง ราเชลถึงกับเบ้ปากให้หนุ่มรุ่นน้องอย่างหมั่นไส้
“นี่.. ไม่ต้องมากวนเลย ฉันอายุมากกว่าคุณตั้งกี่ปี พูดจาให้มันดีๆหน่อย วันนี้ฉันจะไปช็อปปิ้งหาซื้อชุดเป็นทางการไปพบผู้ใหญ่หน่อย แล้วก็คุณต้องคอยรับส่งฉันวันนี้ทั้งวันห้ามปฏิเสธ”
ราเชลเดินกระเผลกผ่านหน้ากรณ์ลงมานั่งยังโซฟาตรงกันข้ามอย่างประวิงเวลาแกล้งกรณ์ ทำเอาชายหนุ่มมองตามขาอ่อนขาวๆของสาวตรงหน้าอย่างลืมตัว กว่าจะรู้สึกตัวก็เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาเหยี่ยวของราเชลเข้าจนต้องรีบกลบเกลื่อน
“เอ่อ..แล้วจะไปกันรึยังล่ะ จะไปไหนก็บอก ผมต้องรีบกลับประจวบเย็นนี้มีนัดสำคัญ”
“เมื่อกี้ว่าจะกลับประจวบเหรอ นายรู้จักรีสอร์ทที่ชื่อบ้านสวนโฮมสเตย์มั๊ย” ราเชลแสดงความสนใจทันทีที่นึกได้ถึงจุดมุ่งหมายอีกแห่งที่หล่อนจะต้องไปให้ได้
“รู้จักสิ ถามทำไม” กรณ์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยทันทีที่เห็นรอยยิ้มกวนปนร้ายจากใบหน้าสวย
“ฮึ ไม่ต้องสนใจ เอาเป็นว่าวันนี้เราคงกลับดึก แล้วฉันก็อยากไปประจวบกับนาย ไปที่บ้านสวนอะไรนั่นนะแหละ เสร็จธุระแล้วพรุ่งนี้พาไปหน่อย”
และแล้วการเดินทางของชานนท์และเอรินก็สิ้นสุดลงทันทีที่เรือแอร์สองท้องแล่นเข้ามาจอดยังท่าเรือทุ่งมะขามป้อม หาดทรายรีจังหวัดชุมพรโดยสวัสดิภาพ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติต่างพากันทยอยลงจากเรือกันเรื่อยๆ แต่ชานนท์ยังคงนั่งมองเอรินที่หลับซบอยู่กับไหล่ของเขาอย่างเอ็นดู มือเรียวเล็กจับมือของเขาแน่นไม่ยอมปล่อย ชานนท์ค่อยๆแกะมือน้อยที่มีแหวนทองคำขาวสีฟ้าประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายออกอย่างเบามือ ก่อนจะสะกิดปลุกคนขี้เซาให้ตื่น
“เอริน เอริน เราถึงแล้วนะ คนลงจะหมดลำเรือแล้ว ตื่นได้แล้วยัยกุหลาบชมพูจอมขี้เซา” ชานนท์กระซิบเบาๆข้างใบหู เอรินถึงกับลืมตาโพลงทันทีที่รู้สึกตัว
“ไหน!! เราถึงไหนแล้วคะ โอ๊ย!! ทำไมคุณไม่ปลุกคะ เค้าลงกันหมดเหลือแต่เราสองคนแล้วนะ” เอรินกระวีกระวาดลุกขึ้นก่อนจะดันชานนท์ให้เดินนำไปตามทางเดินแคบของเรืออย่างเร่งรีบ
“เดี๋ยวๆสิ เอรินใจเย็นๆ เดี๋ยวก็สะดุดกันพอดี”
“อื๊อ..คุณน่ะ เงอะงะไม่ทันใจมานี่เลย ตามมาเร็วๆเข้า”
แล้วก็เป็นเอรินที่จูงมือชานนท์เดินตัวปลิวตามกันออกมาจนถึงสะพานเล็กข้ามระหว่างเรือเทียบท่า ด้วยความเร่งรีบทำเอาเกือบจะพลาดตกเพราะรองเท้าส้นเล็กสะดุดเข้ากับขอบของสะพาน
“อ๊ะ!! คุณ” ชานนท์รีบประคองเอรินไว้แทบไม่ทันทำเอาหญิงสาวถึงกับหน้าเสีย
“บอกแล้วใช่มั๊ยว่าใจเย็นๆ เชื่อฟังกันหน่อยสิเธอเนี่ย” ชานนท์โอบประคองเอรินให้ค่อยๆเดินลงมาจนถึงพื้นโดยสวัสดิภาพ
ทันทีที่ลงจากเรือ เจ้าปื๊ดที่รออยู่ก่อนตามเวลานัดหมายที่เอรินโทรบอกไว้เมื่อตอนเช้าก็เดินยิ้มกริ่มเข้ามา เพราะเห็นเหตุการณ์ฉุกเฉินเมื่อครู่ นัยน์ตาเจ้าจอมยุ่งสอดส่ายหาความผิดปกติระหว่างเจ้านายสาวและแขกหนุ่มเป็นระยะอย่างจับสังเกต
“คุณหนู.. ลงมาคนสุดท้ายแล้วมั้งเนี่ย ปื๊ดรอน๊านนาน”
ไม่ทันที่เอรินจะได้เอ่ยทัก เจ้าปื๊ดก็ตัดพ้อต่อว่าเข้าเสียก่อนทำเอาเอรินและชานนท์หันมาสบตากันก่อนที่เอรินจะยิ้มแหย
“ขอโทษนะปื๊ด พอดีฉันหลับเพลินไปหน่อย คุณเค้าก็ไม่ปลุก เนี่ยเลยลงมาช้าเลย” เอรินยู่ปากใส่คนเดินตามหลัง ชานนท์ได้แต่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นกระเป๋าให้เจ้าปื๊ดรับไปถือเอาไว้
“ไปกันเถอะครับคุณหนู ป่านนี้ป้าคงเตรียมอาหารไว้รอรับแล้ว นี่ลุงพัชอุตส่าห์ออกเรือเองไปหาปลาตัวโตๆ มารอรับคุณหนูกับลูกเขย.. เอ๊ย แขก เลยนะครับ”
ปื๊ดเดินนำไปที่รถ ปากก็ยังพร่ำพูดไม่หยุดตามประสาคนพูดไปเรื่อย เอรินที่ได้ฟังถึงกับตาโตตรงรี่เข้าไปประชิดคนปากมากทันที
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะปื๊ด อยากโดนใช่มั๊ย นี่แน่ะ” เอรินหยิกหมับเข้าให้ที่บั้นเอวเจ้าตัวยุ่งจนร้องโอดโอยอย่างน่าหมั่นไส้
“โอ๊ย..คุณหนู จี้ใจดำใช่มั๊ยเนี่ย คนฉลาดอย่างปื๊ดก็งี้แหละคร๊าบ รู้ทันคุณหนูหมดแหละ”
เจ้าปื๊ดทำหน้าล้อเลียนเสร็จรีบวิ่งฉากไปที่รถอย่างรวดเร็วจนเอรินจะวิ่งตามไปจัดการแต่ไม่ทันเมื่อชานนท์คว้าแขนสาวน้อยไว้เสียก่อน
“เอาน่า เอริน ยังไงฉันก็เป็นลูกเขยของพ่อแม่เธออยู่ดี ไม่เห็นต้องอายเลยนี่”
“แต่เราตกลงกันว่าไงคะ เราจะยังไม่บอกพ่อกับแม่ฉันไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็จนกว่าฉันจะเกริ่นกับพ่อแม่ก่อน ฉันกลัวท่านหัวใจวายซะก่อน” เอรินออดเบาๆด้วยสีหน้าลำบากใจ แต่ชานนท์ก็กระซิบข้างหูให้เอรินได้อายอีกจนได้
“ได้ยังไง บอกพวกท่านเลยเถอะ ฉันเหงานะถ้าไม่มีเมียสุดที่รักนอนกอดทุกคืนน่ะ เอาเป็นว่าฉันรับผิดชอบเองท่านคงไม่ฆ่าไม่แกงลูกเขยที่พาลูกสาวแก่นกะโหลกของพวกท่านลงจากคานหรอกใช่มั๊ย”
เอรินถึงกับหน้าเหวอกับคำพูดหน้าตาเฉยของชานนท์ หญิงสาวถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกก่อนจะตอบอ้อมแอ้มเบี่ยงเบนประเด็น “วันนี้คุณนอนคนเดียว ฉันไม่เกี่ยว”
“เรื่องสิ..”
ชานนท์ตอบกวนๆอย่างไม่ใส่ใจคำพูดหล่อนนักก่อนจะโอบไหล่เอรินให้เดินเคียงกันไป แต่เอรินเบี่ยงตัวหลบเสียก่อนทันทีที่เห็นสายตาเจ้าปื๊ดมองมาอย่างจับผิด ทำเอาชานนท์ถึงกับหน้าหงิก เอรินเลยรีบกระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินกันสองคนทันทีที่มาถึงตัวรถ จนชานนท์ได้แต่ตกลงอย่างเสียไม่ได้
“คุณคะ.. ขอร้องห้ามงอแง เราตกลงกันไว้ว่ายังไง ขอเวลาฉันหน่อยนะให้ฉันค่อยๆ บอกคุณพ่อคุณแม่ก่อนแล้วเราค่อยบอกเรื่องของเราให้ท่านรับรู้”
“แล้วกี่วันล่ะ เอริน หนึ่งวัน สองวัน สามวัน แล้วเมื่อไหร่เราจะได้อยู่ด้วยกันล่ะ ฉันหมายถึงอยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยาทั่วไปน่ะ ฉันอยากให้เธอมาอยู่ที่บ้านต้นไม้ด้วยกันกับฉัน จนกว่า.. ”
ชานนท์กระเง้ากระงอดภรรยาสาวน้อยที่ทำหน้ายู่อย่างขัดใจที่สามีตัวโตอยู่ดีๆก็พูดไม่รู้เรื่องขึ้นมาเฉยๆ ทั้งที่ก่อนจะลงเรือกลับมาจากสมุยยังรับปากรับคำดิบดี แต่แล้วเอรินก็ต้องชะงักเมื่อชานนท์หยุดพูดไปเสียเฉยๆ
“จนกว่าอะไรคะ แล้วคุณจะอยู่นานแค่ไหนเนี่ย” เอรินหยุดเดินทันทีแล้วหันมาถามชานนท์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาชายหนุ่มถึงกับอึกอัก
“เอ่อ.. จนกว่าคุณแม่ฉันกลับจากลอนดอน ฉันจะให้ท่านมาขอเธออย่างเป็นทางการให้เร็วที่สุด ฉันอยากให้คุณแม่ของฉันได้เจอกับคุณพ่อของเธอ” ชานนท์พูดตะกุกตะกักอย่างสับสนใจ ก่อนจะรีบเดินเอากระเป๋าไปเก็บที่รถทำเอาเอรินได้แต่มองตามกิริยาเงียบๆของเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย อะไรของเขานะ”
แล้วเอรินและเจ้าปื๊ดก็ต้องนั่งรอชานนท์อยู่ในรถกระบะบุโรทั่งของตน ในขณะที่ชานนท์หายตัวไปรับโทรศัพท์เรื่องงานเสียเป็นนาน เอรินถึงกับโบกมือไปมาขับไล่ความร้อนระอุจากแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านเข้ามาในตัวรถที่ติดฟิล์มบาง เจ้าปื๊ดได้แต่มองเจ้านายสาวอย่างเป็นห่วง
“คุณหนูครับ.. ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั๊ย” เจ้าปื๊ดกลั้นใจถามคำถามที่ตนอยากรู้ด้วยความเป็นห่วงเจ้านายสาวของตนหนักหนา
“อะไรเหรอ” เอรินหันมามองเจ้าปื๊ดที่ถามเสียงเรียบผิดปกติวิสัยเล่นลิ้นด้วยความสงสัย แล้วเจ้าปื๊ดก็ถามคำถามที่ทำเอาสาวน้อยถึงกับอึ้ง
“คุณหนูกับคุณคนนั้นมีอะไรมากกว่าความเป็นไกด์กับลูกทัวร์ใช่มั๊ยครับ” เจ้าปื๊ดสบตาเอรินนิ่ง สีหน้าแสดงความเป็นห่วงที่ฉายชัดในแววตาของคนขี้เล่นอย่างเจ้าปื๊ดทำเอาเอรินถึงกับตอบไม่ถูก
“ทะ..ทำไมถึงคิดยังงั้นล่ะ ปื๊ด มีอะไรที่ทำให้คิดไปอย่างนั้นเหรอ หื๊อ” เอรินหลบสายตาก่อนจะถามกลับแทนคำตอบ
“คุณสองคนสนิทสนมกันมากผิดปกติ ไม่เหมือนคนเพิ่งเจอกัน คุณสองคนใส่แหวนนิ้วนางข้างซ้ายที่คล้ายกันมาก คุณสองคนจับมือถือแขนกัน เดี๋ยวโอบ เดี๋ยวจับมือใครๆก็เห็นกันไปทั่วท่าเรือ แล้วก็คุณสองคนก็..” เจ้าปื๊ดสาธยายออกมาเสียเป็นหางว่าวจนเอรินรีบพูดขัดอย่างจนใจ
“พอ..พอแล้ว ปื๊ด เอาเป็นว่าก็เป็นอย่างที่เห็นน่ะแหละ แต่ปื๊ดอย่าเพิ่งบอกใครนะโดยเฉพาะพ่อกับแม่ ฉันจะเป็นคนบอกพ่อกับแม่เอง คงเร็วๆนี้แหละ” เอรินสีหน้าหวั่นวิตกเมื่อนึกถึงบิดามารดาที่อาจจะตกใจจนแทบช็อคจากการกระทำไม่ยั้งคิดของหล่อน
“ถ้าพ่อกับแม่ยอมรับแล้ว ฉันก็จะแต่งงานกับเขา” เอรินพึมพำเบาๆ แต่คำพูดบางเบาของเอรินก็ทำเอาเจ้าปื๊ดถึงกับตาโตอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ห๊า.. คุณหนู นี่มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ ยังเจอกันไม่ครบอาทิตย์เลยน๊า ผมแอบได้ยินลุงพัชคุยกับป้าอยู่ว่ารู้สึกแปลกๆกับผู้ชายคนนั้นน่ะ”
“ยังไงเหรอปื๊ด พ่อฉันพูดอะไรถึงเขาบ้าง” เอรินคะยั้นคะยอเจ้าปื๊ดด้วยน้ำเสียงอยากรู้เสียจนเจ้าปื๊ดได้แต่ส่ายหน้า
“ผมก็ไม่รู้ แต่ได้ยินว่าเห็นแววตาคุณคนนั้นแล้วลุงพัชไม่ค่อยสบายใจ สงสัยจะเหมือนคนรู้จัก ว่าแต่คุณหนูยังไม่ตอบผมเลยว่าที่จะแต่งงานกับเค้าน่ะ คิดดีแล้วเรอะ ผมว่ามันเร็วไปหน่อยนา”
“เร็วไปงั้นเหรอ..ไม่เร็วไปหรอกปื๊ด.. เพราะฉันรอเขามานานแล้ว”
ขณะเดียวกันชานนท์ก็กำลังเคร่งเครียดกับธุระที่คุยผ่านโทรศัพท์อยู่เป็นนานสองนานด้วยสีหน้าหงุดหงิดไม่เบา ทำเอาคนปลายสายถึงกับหงอเอ่ยตอบรับเสียงสั่น
“ได้ครับเจ้านาย ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดครับ”
ปลายสายรับคำด้วยน้ำเสียงสั่นอย่างหวาดหวั่น ชานนท์ถึงกับยิ้มออกมาอย่างพอใจทันทีที่รับฟังคำตอบรับจากปลายสายเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“ดีมาก ก่อนงานแต่งของฉัน ฉันหวังว่าโฉนดจะต้องตกอยู่ในมือฉัน แล้วฉันจะมีรางวัลให้นายอย่างงาม”
ชานนท์ยิ้มออกมาอย่างสมใจ ทันทีที่วางสายเขารู้สึกสบายใจไม่น้อยที่รู้ว่าสิ่งที่ต้องการในไม่ช้าก็จะต้องตกมาอยู่ในมือของเขาทั้งสองอย่าง ทั้งเอรินและบ้านสวนโฮมสเตย์ที่เขาจะเอาคืนจากพัชระ.. คนโฉดที่ทำลายครอบครัวของเขา โดยที่ชานนท์ไม่เคยรู้เลยว่าภิรณีย์.. มารดาบุญธรรมที่แสนประเสริฐของตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น และไม่เคยรู้เลยว่าพัชระทำแบบนั้นลงไปเพื่ออะไร...
ชานนท์ยิ้มให้เอรินที่ยิ้มแย้มโบกมือเรียกอยู่ในรถด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก อีกไม่นานหล่อนอาจจะได้รู้ถึงสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งกับบ้านสีขาวของเขาที่เอรินรักและผูกพันมาแต่เล็กแต่น้อย และบ้านสวนโฮมสเตย์ที่เป็นสมบัติเพียงอย่างเดียวของครอบครัวของหล่อนกำลังจะตกมาเป็นของเขาในไม่ช้า เอรินอาจจะโกรธเขา แต่ถึงอย่างไรตอนนี้หล่อนก็เป็นสมบัติของเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
ชานนท์ถอนหายใจออกมาบางเบากับความคิดเห็นแก่ตัวของตน ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติ เดินยิ้มกว้างเข้าไปใกล้เอรินที่รออยู่ในรถกระบะบุโรทั่งกับเจ้าปื๊ดใกล้มากเข้าไปเรื่อยๆ
‘จนกว่าจะถึงวันนั้น.. อย่าเกลียดกันก็พอนะ.. เอริน’
‘ฉันจะมอบความรักให้เธอมากยิ่งขึ้นทุกๆวัน เพื่อลบล้างความผิดหวังที่เธอจะได้รับจากการรักฉันนะ.. เอริน’
.....................................................................................................................................................................................
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^____^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ค. 2557, 12:21:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ค. 2557, 12:21:53 น.
จำนวนการเข้าชม : 1393
<< ตอนที่ 15 : พันธนาการรัก.. | ตอนที่ 17 ระหว่างรัก..และ.. >> |

แรมรติ 6 ก.ค. 2557, 08:40:16 น.
อืม .. อย่างที่ปื๊ดว่า เร็วไปนะ .. ถ้าจะให้ดีแต่งพรุ่งนี้สิ .. ไม่น่าเกลียด อิอิ
อืม .. อย่างที่ปื๊ดว่า เร็วไปนะ .. ถ้าจะให้ดีแต่งพรุ่งนี้สิ .. ไม่น่าเกลียด อิอิ

