สาปคำสัตย์
เรื่องของเด็กผู้หญิง 1 คนถูกคำสัตย์ของพี่สาวตนเองจากอดีตชาติขีดชะตาไว้
สามเรื่องราว จิตที่สื่อถึงโลกอื่น พลังจากสิ่งที่เธอมี และการเป็นนาคีกลับชาติมาเกิดของเธอ
การตามหา หารควบคุมพลัง การช่วยเหลือ ชีวิตเธอจะยุ่งและวุ่นวายขนาดไหน ติดตามได้ใน "สาปคำสัตย์"
สามเรื่องราว จิตที่สื่อถึงโลกอื่น พลังจากสิ่งที่เธอมี และการเป็นนาคีกลับชาติมาเกิดของเธอ
การตามหา หารควบคุมพลัง การช่วยเหลือ ชีวิตเธอจะยุ่งและวุ่นวายขนาดไหน ติดตามได้ใน "สาปคำสัตย์"
Tags: พญานาค
ตอน: สิ่งที่กำลังจะเกิด...
-1-
เพียงคำร่ำขานเพียงตำนาน เพียงความเชื่อ เพียงสิ่งเร้นลับ เพียงสิ่งที่เหมือนไม่มีความจริง เพียงสิ่งที่พิเศษที่สุด เพียงสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นเพียงสิ่งที่ไร้ตัวตน...
แสงอาทิตย์ยามเช้า ปลุกฉันให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ “ยังไม่อยากลุกเลยนะ” ฉันพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปส่องกระจกที่มุมห้อง ทันทีที่ส่องกระจก เพล้ง!!!!! ฉันสะดุ้งและถอยห่างจากกระจกนั่นโดยอัตโนมัติ กระจกใบนั้นแตกเป็นสี่ยงๆ “เกิดอะไรขึ้น?” ฉันยังงุนงง กับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ฉันคงไม่ขี้เหร่เกินไปที่จะส่องกระจกแล้วแตกหรอกนะ
เหมือนโลกหมุนขว้าง ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ก่อนที่จะ...วูบไป
“ที่ไหนเนี่ย?” ฉันลุกขึ้นมาจากเตียงสีขาว กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ ลอยมาตามสายลม
ผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดไทยโบราณ สีขาวบริสุทธิ์ ดวงตาคม จมูกโด่งเป็นคมสัน เดินเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว “สิ่งที่เธอมี คือสิ่งที่ฉันให้ คือสิงที่เธอต้องใช้ในภายหน้า คือสิ่งที่เธอต้องรักษา คือสิ่งที่เธอต้องตระหนักถึงอานุภาพของมัน คือสิ่งที่เธอต้องระวัง คือสิ่งที่เธอต้องเรียนรู้..” ผู้หญิงคนนั้นพูดกับฉันโดยไม่ได้ขยับปากเลยสักนิด ฉันชื่นชมในความงามของเธอนะ งดงามมาก แต่กลับมีรอยยิ้มที่เย็นชา กลับมีสายตาที่แฝงความเศร้าหมอง ผู้หญิงคนนี้เธอดูเหมือนฉันเลย ฉันอาจยิ้มแบบเย็นชา อาจมีดวงตาที่แฝงความเศร้าแบบนี้ก็ได้....
“จำไว้นะ..สิ่งที่สนองคุณ สิ่งนั้นย่อมสนองโทษเช่นกัน นำสิ่งที่ฉันให้ไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด” ทุกสิ่งเริ่มเลือนรางค่อยๆจางหายไป มีเพียงเสียงผู้หญิงคนนั้นที่ดังก้องกังวาน และค่อยๆแผ่วเบาไปเช่นกัน...
ฉันตื่นมาอีกครั้ง พร้อมหัวที่หนักอึ้ง ฉันคงคิดมากไปสินะทำให้สมองฉันหนักอึ้งแบบนี้ เป้นความคิดขำๆแต่มันกลับทำให้ฉันต้องหัวเราะไม่ออก กระจกบานนั้นมันแตกจริง!!! ฉันไม่ได้ฝันไป รอบๆตัวฉันมีแต่เศษกระจก ฉัน....ฉันไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง....
ฉันรีบลุกขึ้นและควานหาโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะกดโทรออกที่เบอร์ของ “ม๊า” “ฮัลโหล ม๊าค่ะ ยุนอยากกลับบ้านแล้ว ม๊ามารับยุนหน่อยสิ นะๆ ยุนต้องกลับเดี๋ยวนี้!!!” ฉันพูดอย่างร้อนรน ฉันว่า ม๊าของฉันคงรับรู้ได้ของการกระวนกระวายของฉัน ก่อนที่จะตัดสายไป ..
“ยุน!!! แกจะไปไหน!!??” แบมเปิดประตูเข้ามาและเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะเขย่าตัวฉันอย่างแรง “โอ๊ย! แบมฉันเจ็บ แกจะเขย่าทำไม แล้วจะร้องทำไม จะเว่อร์ไปไหน!?!? ฉันก็แค่จะกลับบ้าน” ฉันสลัดแขนแบมที่จับข้อมือฉันไว้อย่างแรง
“ไม่ได้นะ แกจะไปไหนไม่ได้ แกต้องอยู่ที่นี่!!!! ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ยินไหม!!! แกต้องอยู่ที่นี่!!!!” แบมจับข้อมือฉันอีกครั้งและบิดมันอย่างแรง สายตาแสนเกรี้ยวกราดนั้น ฉันจำได้ และจำได้ดีมากซะด้วย “หยุดซะที!!!!!! แกเลิกเป็นแบบนี้นานแล้วนะ!! มีสติหน่อยสิ” ฉันสลัดข้อมือและผลักแบมออกไป พลั่ก!!!! เสียงร่างบางกระทบผนังอย่างแรง ก่อนที่ร่างนั้นจะไถลตัวลงกับพื้นช้าๆ “ฉันทำอะไรลงไป” ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันพูดแค่นั้นก่อนจะวิ่งออกไป และเจอรถของ ม๊า ที่ขับมาอย่างพอดิบพอดี
ฟอร์จูนเนอร์กระชากตัวออกไปจากที่พักอย่างรวดเร็ว ฉันได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถพลางทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งน้ำตา ฉันทำร้ายเพื่อนของฉัน ทำร้ายคนที่ฉันรัก ฉันทำลงไปด้วยมือคู่นี้ได้ยังไง ฉันได้แต่มองดูมือที่ทำร้ายเพื่อนของฉันอย่างสลดใจ ฉันเป็นอะไรไปนะ สายตาของฉันเหลือบไปเห็นร้านหมอดุที่ตั้งอยู่ไหล่ทางด้านขวาข้างหน้าของรถในทันที สมองฉันสั่งการในทันที “ม๊าค่ะ ยุนอยากไปที่ร้านหมอดูค่ะ จอดหน่อยนะค่ะ” “งั้นก็ได้จ๊ะ” ม๊ายิ้ม แล้วก็จอดรถให้ฉันเดินลงไปที่ร้านหมอดูนั่น อะไรก็ไม่รู้ทำให้ฉันคิดอยากทำแบบนี้
“นั่งก่อนสิ” หมอดูคนนั้นเป็นผู้หญิง ใส่ชุดดำ อายุคงราวๆ 30-40 ฉันว่าคงไม่เกินนี้หรอกนะ “ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้ม แล้วนั่งลงข้างหน้า “คือหนูมีเรื่องให้ช่วยค่ะ..” ไม่ทันได้พูด หมอดูก็ยกมือขึ้นห้ามและพูดตัดบทฉันไป “ฉันรู้ เธอไม่ต้องพูด เธอเป็นธิดาพญานาค รู้ไหม เขาให้ทุกอย่างกับเธอ เขาให้พลังกับเธอ ทั้งด้านจิตที่สื่อกับโลกอื่น กับทั้งพลังสั่งฟ้าฝน และการทำลาย เขาให้เธอมา” ผู้หญิงคนนั้นเอื้อมมือมากุมมือสองข้างของฉันไว้ ทำสีหน้าจริงจังจนฉันกลัว “น้ารู้ได้ยังไงค่ะ? ยังไม่ได้ดู ไม่ได้ถามอะไรเลย “ฉันรุ้...ฉันรุ้ทุกอย่าง...กลับไปซะ..กลับไป..ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอ...อย่ากลับมาที่นี่อีก..อย่ากลับมา” หมอดูคนนั้นไล่ฉันขึ้นรถไปไม่หันมามองฉันอีกเลย.......
เพียงคำร่ำขานเพียงตำนาน เพียงความเชื่อ เพียงสิ่งเร้นลับ เพียงสิ่งที่เหมือนไม่มีความจริง เพียงสิ่งที่พิเศษที่สุด เพียงสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นเพียงสิ่งที่ไร้ตัวตน...
แสงอาทิตย์ยามเช้า ปลุกฉันให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ “ยังไม่อยากลุกเลยนะ” ฉันพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปส่องกระจกที่มุมห้อง ทันทีที่ส่องกระจก เพล้ง!!!!! ฉันสะดุ้งและถอยห่างจากกระจกนั่นโดยอัตโนมัติ กระจกใบนั้นแตกเป็นสี่ยงๆ “เกิดอะไรขึ้น?” ฉันยังงุนงง กับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ฉันคงไม่ขี้เหร่เกินไปที่จะส่องกระจกแล้วแตกหรอกนะ
เหมือนโลกหมุนขว้าง ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ก่อนที่จะ...วูบไป
“ที่ไหนเนี่ย?” ฉันลุกขึ้นมาจากเตียงสีขาว กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ ลอยมาตามสายลม
ผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดไทยโบราณ สีขาวบริสุทธิ์ ดวงตาคม จมูกโด่งเป็นคมสัน เดินเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว “สิ่งที่เธอมี คือสิ่งที่ฉันให้ คือสิงที่เธอต้องใช้ในภายหน้า คือสิ่งที่เธอต้องรักษา คือสิ่งที่เธอต้องตระหนักถึงอานุภาพของมัน คือสิ่งที่เธอต้องระวัง คือสิ่งที่เธอต้องเรียนรู้..” ผู้หญิงคนนั้นพูดกับฉันโดยไม่ได้ขยับปากเลยสักนิด ฉันชื่นชมในความงามของเธอนะ งดงามมาก แต่กลับมีรอยยิ้มที่เย็นชา กลับมีสายตาที่แฝงความเศร้าหมอง ผู้หญิงคนนี้เธอดูเหมือนฉันเลย ฉันอาจยิ้มแบบเย็นชา อาจมีดวงตาที่แฝงความเศร้าแบบนี้ก็ได้....
“จำไว้นะ..สิ่งที่สนองคุณ สิ่งนั้นย่อมสนองโทษเช่นกัน นำสิ่งที่ฉันให้ไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด” ทุกสิ่งเริ่มเลือนรางค่อยๆจางหายไป มีเพียงเสียงผู้หญิงคนนั้นที่ดังก้องกังวาน และค่อยๆแผ่วเบาไปเช่นกัน...
ฉันตื่นมาอีกครั้ง พร้อมหัวที่หนักอึ้ง ฉันคงคิดมากไปสินะทำให้สมองฉันหนักอึ้งแบบนี้ เป้นความคิดขำๆแต่มันกลับทำให้ฉันต้องหัวเราะไม่ออก กระจกบานนั้นมันแตกจริง!!! ฉันไม่ได้ฝันไป รอบๆตัวฉันมีแต่เศษกระจก ฉัน....ฉันไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง....
ฉันรีบลุกขึ้นและควานหาโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะกดโทรออกที่เบอร์ของ “ม๊า” “ฮัลโหล ม๊าค่ะ ยุนอยากกลับบ้านแล้ว ม๊ามารับยุนหน่อยสิ นะๆ ยุนต้องกลับเดี๋ยวนี้!!!” ฉันพูดอย่างร้อนรน ฉันว่า ม๊าของฉันคงรับรู้ได้ของการกระวนกระวายของฉัน ก่อนที่จะตัดสายไป ..
“ยุน!!! แกจะไปไหน!!??” แบมเปิดประตูเข้ามาและเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะเขย่าตัวฉันอย่างแรง “โอ๊ย! แบมฉันเจ็บ แกจะเขย่าทำไม แล้วจะร้องทำไม จะเว่อร์ไปไหน!?!? ฉันก็แค่จะกลับบ้าน” ฉันสลัดแขนแบมที่จับข้อมือฉันไว้อย่างแรง
“ไม่ได้นะ แกจะไปไหนไม่ได้ แกต้องอยู่ที่นี่!!!! ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ยินไหม!!! แกต้องอยู่ที่นี่!!!!” แบมจับข้อมือฉันอีกครั้งและบิดมันอย่างแรง สายตาแสนเกรี้ยวกราดนั้น ฉันจำได้ และจำได้ดีมากซะด้วย “หยุดซะที!!!!!! แกเลิกเป็นแบบนี้นานแล้วนะ!! มีสติหน่อยสิ” ฉันสลัดข้อมือและผลักแบมออกไป พลั่ก!!!! เสียงร่างบางกระทบผนังอย่างแรง ก่อนที่ร่างนั้นจะไถลตัวลงกับพื้นช้าๆ “ฉันทำอะไรลงไป” ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันพูดแค่นั้นก่อนจะวิ่งออกไป และเจอรถของ ม๊า ที่ขับมาอย่างพอดิบพอดี
ฟอร์จูนเนอร์กระชากตัวออกไปจากที่พักอย่างรวดเร็ว ฉันได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถพลางทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งน้ำตา ฉันทำร้ายเพื่อนของฉัน ทำร้ายคนที่ฉันรัก ฉันทำลงไปด้วยมือคู่นี้ได้ยังไง ฉันได้แต่มองดูมือที่ทำร้ายเพื่อนของฉันอย่างสลดใจ ฉันเป็นอะไรไปนะ สายตาของฉันเหลือบไปเห็นร้านหมอดุที่ตั้งอยู่ไหล่ทางด้านขวาข้างหน้าของรถในทันที สมองฉันสั่งการในทันที “ม๊าค่ะ ยุนอยากไปที่ร้านหมอดูค่ะ จอดหน่อยนะค่ะ” “งั้นก็ได้จ๊ะ” ม๊ายิ้ม แล้วก็จอดรถให้ฉันเดินลงไปที่ร้านหมอดูนั่น อะไรก็ไม่รู้ทำให้ฉันคิดอยากทำแบบนี้
“นั่งก่อนสิ” หมอดูคนนั้นเป็นผู้หญิง ใส่ชุดดำ อายุคงราวๆ 30-40 ฉันว่าคงไม่เกินนี้หรอกนะ “ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้ม แล้วนั่งลงข้างหน้า “คือหนูมีเรื่องให้ช่วยค่ะ..” ไม่ทันได้พูด หมอดูก็ยกมือขึ้นห้ามและพูดตัดบทฉันไป “ฉันรู้ เธอไม่ต้องพูด เธอเป็นธิดาพญานาค รู้ไหม เขาให้ทุกอย่างกับเธอ เขาให้พลังกับเธอ ทั้งด้านจิตที่สื่อกับโลกอื่น กับทั้งพลังสั่งฟ้าฝน และการทำลาย เขาให้เธอมา” ผู้หญิงคนนั้นเอื้อมมือมากุมมือสองข้างของฉันไว้ ทำสีหน้าจริงจังจนฉันกลัว “น้ารู้ได้ยังไงค่ะ? ยังไม่ได้ดู ไม่ได้ถามอะไรเลย “ฉันรุ้...ฉันรุ้ทุกอย่าง...กลับไปซะ..กลับไป..ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอ...อย่ากลับมาที่นี่อีก..อย่ากลับมา” หมอดูคนนั้นไล่ฉันขึ้นรถไปไม่หันมามองฉันอีกเลย.......
สิริรัตน์นาวดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มิ.ย. 2557, 21:13:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มิ.ย. 2557, 21:13:50 น.
จำนวนการเข้าชม : 672
<< บทนำ | อสรพิษ >> |