เล่ห์แผนรัก
“ผู้หญิงอย่างเธอนะเหรอที่จะมาเป็นเจ้าสาวฉัน” ราฟาเอลมองลลิตาด้วยสายตาหยามเหยียด “เธอไม่ได้ครึ่งกับผู้หญิงที่ฉันเคยควงสักคน” ราฟาเอลพูดก่อนจะเดินผ่านหน้าลลิตาไป
“ทำไมฉันนี้แหละที่จะทำให้คุณหลงจนโงหัวไม่ขึ้น” ลลิตาตระโกนตามหลังร่างสูงที่เดินไปอย่างติดๆ
“แล้วฉันจะค่อยดู” ราฟาเอลหันมาพูดกับลลิตาด้วยน้ำเสียงเหย่อหยั่น

เขา……..โหดและเย็นชากับทุกคนแต่ทำไหมกับเธอเขาถึงได้อยู่เฉยไม่ได้เมื่อต้องเจอเธอ
เธอ…….. เขาเป็นใครถึงกล้ามาดูถูกฉันเห็นอย่างนี้ฉันก็มีดีทั้งตัวนะ
ทั้งเธอและเขากำลังรอค่อยใครสักคนเพื่อมาเติมเต็มสีสันให้ชีวิตที่เหมือนมีความสุขแต่ไม่ถึงขีดสุด และเมื่อเขาและเธอต้องมาแต่งงานกันจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคนหนึ่งแสนเย็นชาส่วนอีกคนก็ดื้อไม่มีใครเกิน


Tags: หวานมันฮ่า

ตอน: ตอนที่ 7 เหตุจำยอม

“คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับคุณพ่อ” ร่างสูงใหญ่รีบตรงเข้ามาถามบิดาทันทีที่เข้ามาในห้องพักของโรงพยาบาลชื่อดัง
“แม่ของลูกเป็นโรคหัวใจเป็นมาได้สักพักแล้วแต่เขาไม่ได้บอกใครเลย เขาจะแอบมาหาหมอเองเงียบๆ หมอบอกว่าที่คุณแม่ของลูกอาการแย่ลงเพราะว่าพักนี้แม่ของลูกคงไม่ได้ท่านยาที่สั่งและก็คงเครียดหรือกังวลเรื่องอะไรอยู่เขาถึงเป็นอย่างนี้ เป็นความผิดของพ่อเองที่ดูแลแม่เขาไม่ดีไม่รู้เลยว่าแม่ของลูกป่วยหนักขนาดนี้”
เจอราฟตอบลูกชายด้วยน้ำเสียงสั่นๆคลอบตาของเขามีน้ำตาเอ่ออยู่รอบๆเห็นดังนั้นชายหนุ่มก็รีบพูดปลอบบิดาทันที
“คุณพ่ออย่าคิดแบบนั้นเลยครับไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อหรอกครับผมเองก็เป็นลูกที่แย่ไม่ได้ดูแลคุณแม่เลย เอาอย่างนี้ดีไหมครับถ้าคุณแม่ฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่เรามาช่วยกันดูแลคุณแม่ให้ดีกันดีกว่านะครับคุณพ่อ” ราฟาเอลจับไหล่ขอบิดาและบีบมันเบาๆเพื่อเป็นการปลอบใจและคลายความตรึงเครียดที่บิดามีไปด้วย
“ผมว่าอีกสักพักใหญ่กว่าคุณแม่จะฟื้น คุณพ่อจะกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนไหมครับ เดียวผมจะเฝ้าคุณแม่ให้เอง” คงเป็นเพราะรู้ว่าคุณแม่เข้าโรงพยาบาลก็รีบมาทันทีเลยมาทั้งที่อยู่ในชุดออกกอล์ฟอย่างนี้ เมื่อเห็นอย่างนั้นก็อยากให้บิดากลับบ้านไปอาบน้ำให้สบายตัว
“ไม่ละ…พ่อไม่กลับพ่อบอกมะลิให้เอาเสื้อผ้ามาให้พ่อเปลี่ยนแล้วละ อีกอย่างพ่ออยากเฝ้าแม่ของลูกไม่อยากออกไปไหน พอแม่ของลูกฟื้นขึ้นมาจะได้เห็นพ่อเป็นคนแรก” เจอราฟค่อยๆเอื้อมมือไปกุมมือของกิ่งแก้วเอาไว้ก่อนจะเอามือเขี่ยปอยผมที่ปกหน้าให้อย่างนุ่มนวล
เห็นดังนั้นราฟาเอลก็ไม่เซ้าซี้บิดาต่อ นี้ก็บ่ายกว่าๆแล้วคิดว่าบิดาคงยังไม่ได้ท่านอะไรจึงอาสาออกไปซื้อของมาให้บิดารับประทาน

“ไอ้หมอ…คุณแก้วเป็นยังไงบ้าง” เสียงเจอราฟถามพิสุทธเพี่อนสนิทของเขาที่ตอนนี้เป็นหมอเจ้าของไข้ของกิ่งแก้วด้วยความเป็นห่วง คิวของเขาขมวดเข้าหากันเล็นน้อยแสดงให้เห็นถึงความกังวลใจที่มีในตอนนี้
“ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว 2-3 วันก็กลับบ้านได้แล้วลดาต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจไม่อย่างงั้นเธอจะน็อกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตอนนี้ต้องไม่ให้เครียดหรือมีเรื่องกังวลใจอะไรให้กระทบกระเทียนจิตใจ พอกลับบ้านแล้วให้พักฟื้นเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัดลิ้นหัวใจดูแลร่างกายของเธอให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด ยิ่งเธอพร้อมเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี พาเธอมาตรวจความพร้อมทุกๆ 1 เดือน” พิสุทธปิดแฟ้มสรุปการรักษาแล้วเดินเข้ามาจับไหล่เพื่อนเพื่อให้กำลังใจ
“นี่คุณแก้วก็หลับมานานแล้วยังไม่ฟื้นเลย คุณแก้วจะฟื้นเมื่อไหร่” เมื่อเห็นว่าภรรยาหลับมานานหลายชั่วโมงแล้วยังไม่ฟื้นเลยถามด้วยความหวาดระแรงและความหวาดกลัวที่มีอยู่ในใจ
“นายไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้คุณกิ่งแก้วแค่หลับไปเท่านั้นร่างกายของเธอแค่ต้องการ การพักผ่อนเพื่อฟื้นตัวอีกไม่เกินชั่วโมงก็หน้าจะฟื้นแล้ว อาการของคุณกิ่งแก้วดีขึ้นเรื่อยๆคุณกิ่งแก้วก็เหมือนน้องสาวของฉัน ฉันจะรักษาเธออย่างสุดความสามารถ ฉันขอตัวนะมีคนไข้ที่ต้องไปตรวจอีก คุณกิ่งแก้วฟื้นเมื่อไหร่ให้พยาบาลไปแจ้งฉันนะแล้วฉันจะมาตรวจกิ่งแก้วอีกที่แล้วกันนะ” พูดจบหมอพิสุทธก็หันไปสั่งพยาบาลผู้ช่วยต่อ
“คุณหงษ์เดียวคุณไปเอาผลตรวจไตของคุณอนุชิตจากแผนกไตมาให้ผมด้วยนะผมจะไปตรวจคุณขมิ้นหอม ห้อง 1089 ต่อคุณไม่ต้องตามไปหลอกอาการเขาดีขึ้นแล้วพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว” คุณหมอสั่งพยาบาลรุ่นน้องก่อนจะเดินออกจากห้องไป

“ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยวะ” ชายหนุ่มค่อยๆเดินออกมาจากหน้าห้องพักของมารดา เมื่อได้ยินว่าอาหมอพิสุทธกำลังจะเดินออกมา เค้าเดินออกมาเรื่อยจนมาหยุดอยู่ที่ม้านั่งที่สวนข้างหลังของโรงพยาบาลที่มีไว้สำหรับให้คนป่วยได้สูดอาการบริสุทธิ และผ่อนคลายความเครียดความเบื่อหน่ายที่ต้องมานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล
เขานึกถึงเรื่องที่ได้ยินสิ่งที่พ่อของเขาคุณกับอาหมอพิสุทธทำให้เขารู้มารดากำลังป่วยหนัก ทำให้เขาไม่กล้าก้าวเข้าไปในห้องพักของมารดาในใจคิดโทษตัวเองที่ไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจดูแลมารดาเลยมั่วแต่ทำงาน นี่ถ้าเขาไม่ลืมโทรศัพท์มือถือเอาไว้ก็คงไม่มีทางรู้ว่ามารดาป่วยหนักเป็นแน่มารดาของเขาคงสั่งกับบิดาไม่ให้บอกเขาอย่างแน่นอนคงให้บอกเขาแค่ว่าป่วยเป็นโรคหัวใจอ่อนๆไม่อันตรายเพื่อที่เขาจะได้ไม่กังวลใจ
ในชีวิตของเขาสิ่งที่สำคัญและมีค่าที่สุดไม่ใช้ทรัพย์สินที่มีหรือชื่อเสียงแต่เป็นสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว ชายหนุ่มค่อยลุกขึ้นจากม้านั่งก่อนจะยืนเต็มความสูงและแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ตอนนี้กำลังมีแสงแดดอ่อนๆส่องลงมาก่อนจะหลับตาลงนึกถึงความทรงจำสมัยยังเด็กที่มารดาพาไปเที่ยวบ้านพักที่หัวหิน ท้องฟ้าที่นั่นมีสีสดใสตัดกับพื้นทรายสีน้ำตาลอ่อน เด็กน้อยวิ่งไล่จับกับมารดาอย่างสนุกสนาน
“ราฟอย่าวิ่งเร็วสิลูก” เสียงกิ่งแก้วเรียกลูกชายวัย 6 ขวบที่ช่วยตนเล่นวิ่งไล่จับ ก่อนจะตกใจรีบวิ่งไปหาลูกชายตัวน้อยเมื่อเห็นลูกชายล้มลงกับพื้นและร้องไห้เสียงดัง
“ฮือๆๆๆ”
“เป็นยังไงบ้างลูก เจ็บมาไหม” กิ่งแก้วถามพร้อมกับมองสำรวจตัวลูกชายก่อนจะใช่มือปัดเศษทรายที่เกาะอยู่ตามตัวลูกชายออก เมื่อมองสำรวจไม่พบว่าลูกชายได้รับบาดเจ็บคุณกิ่งแก้วจึงดึงลูกชายเข้ามากอดเพราะคิดว่าตกใจที่หกล้ม
“โอ้ เด็กดีไม่มีอะไรครับไม่ต้องกลัวนะแม่อยู่นี้แล้ว” กิ่งแก้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาแล้วบรรจงเช็ดน้ำตาให้ลูกชายอย่างนุ่มนวล จนเด็กน้อยหยุดร้องไห้ก่อนจะเอ่ยออกไป
“ราฟเหนื่อยหรือยังลูก… เรากลับบ้านพักกันเลยไหมครับ” ถามออกไปพร้อมเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาตามไรผมให้ลูกชาย
“ผมยังไม่อยากกลับครับ อยากเดินไปให้ถึงตรงนั้นครับแล้วก็อยากไปเก็บเปลือกหอยด้วยครับ” เด็กชายเงยหน้ามองมารดาและตอบด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นเล็กน้อยก่อนจะชี้นิ้วไปยังชายทะเลที่ไม่ค่อยไกลจากจุดนี้มากนักที่ตรงนั้นจะมีโขดหินอยู่เล็กน้อยดูแลเป็นที่ที่ดูสวยงามจุดหนึ่งเลยที่เดียว
“โอเคครับ…แม่จะพาไป เสร็จแล้วเราค่อยกลับบ้านพักกันแต่มีข้อแม้ว่าลูกจะต้องไม่วิ่งและก็จะต้องจับมือแม่เดินไปตกลงไหม” กิ่งแก้วยื้นข้อเสนอให้ลูกชายก่อนจะลงมือให้ลูกชาย
“ครับ…” เด็กน้อยรับคำมารดา และยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือมารดาไว้
ราฟาเอลค่อยๆลืมตาขึ้น เขายังจำมันได้ดีความทรงจำที่มีความสุขทุกครั้งมารดาดูแลเขาอย่างดีนี่คงถึงเวลาที่เขาจะต้องดูแลเอาใจใส่มารดาเหมือนกับที่มารดาค่อยดูแลเขาอย่างดีมาโดยตลอด เมื่อคิดดังนั่นราฟาเอลจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในโรงพยาบาลอีกครั้ง ริมฝีปากของเขามีรอยยิ้มเล็กๆปรากฎอยู่ตลอดทางจนเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องพักของผู้เป็นแม่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

“ลิต้า…พ่อขอคุยอะไรกับลูกหน่อยได้ไหม” นายกิติพูดขึ้นทันทีเมื่อลิต้าเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่ตนและภรรยานั่งคุยกันอยู่
“ได้สิค่ะ…คุณพ่อมีอะไรจะคุยกับลิต้าหรือค่ะ” ลิต้าเดินไปนั่งที่โซฟาข้างมารดาก่อนจะตอบบิดาด้วยน้ำเสียสงสัย
“พ่อจะคุยเรื่องคุณกิ่งแก้วภรรยาคุณเจอราฟเพื่อนพ่อที่มาบ้านเราเมื่อวันก่อนนะลูกจำได้ไหม” เขาถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่บอกถึงความกังวลใจ
“จำได้ค่ะ…คุณน้ากิ่งแก้ว ทำไมหรอค่ะคุณน้าเขาเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ” เมื่อได้ยินบิดาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บอกถึงความกังวลใจทำให้ลิต้ารู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีเป็นแน่ที่ทำให้ผู้เป็นบิดากังวลได้ถึงขนาดนี้
“คุณกิ่งแก้วเขาเป็นโรคหัวใจและเขาหมดสติไปเมื่อช่วงบ่าย คุณเจอราฟพึ่งบอกให้พ่อฟังตอนพ่อโทรไปหาเมื่อสักครู่นี่เอง” กิติบอกก่อนจะหันไปสบตากับลดาโดยที่ลิต้าไม่ทันเห็น
“เราไปเยี่ยมคุณน้ากันเถอะค่ะคุณพ่อ ลิต้าขอเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า 5 นาทีนะค่ะ” ด้วยความตกใจเธอลุกขึ้นจากโซฟาทันทีและหันไปบอกกับบิดาก่อนจะวิ่งออกจาห้องนั่งเลย แต่ยังไม่ทันที่เท้าของเธอจะก้าวพ้นห้องนั่งเล่นบิดาก็ได้เรียกเธอเอาไว้ซะก่อน
“เดียวก่อนลูกพ่อยังคุยธุระยังไม่จบเลย และอีกอย่างคุณเจอราฟเขาบอกว่าคุณหมอเจ้าของไข้ยังไม่อยากให้ใครเข้าเยี่ยมตอนนี้เขาอยากให้คุณกิ่งแก้วได้นอนพักก่อน” กิติตะโกนบอกลูกสาว
“อ้าวอย่างงั้นเหรอค่ะ” เมื่อรู้ดังนั้นลิต้าจริงเดินกลับมานั่งข้างมารดาอีกครั้งก่อนทำสีหน้าผิดหวังน้อยๆ
“ที่คุณกิ่งแก้วเขามาบ้านเราวันก่อน… เขามาเพื่อสู่ขอลูก เขาอยากให้ลูกแต่งงานกับลูกชายเขา”
“อะไรนะค่ะพ่อ… สู่ขอ…แต่งงานนี่มันเรื่องอะไรกันค่ะหนูงงไปหมดแล้ว” เธอจ้องหน้าบิดามารดาก่อนจะถามขึ้นด้วยความตกใจ
“พ่อเองก็ตกใจเหมือนกันตอนคุณกิ่งแก้วเขามาสู่ขอลูก เขาบอกว่าเขาถูกชะตากับลูกชอบลูก คุณเจอราฟกับคุณกิ่งแก้วเขามีบุญคุณกับครอบครัวเรามาถ้าไม่มีเขาพ่อก็อาจจะไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้วก็ได้” กิติบอกลูกสาว
“พ่อพูดเรื่องอะไรค่ะหนูไม่เห็นจะเข้าใจเลย” ลิต้าถามด้วยความสงสัย
“เมื่อ 1 ปีก่อนตอนที่ลูกไปเรียนเมืองนอกพ่อขับรถชนคน คนๆนั้นอาการสาหัสมากต้องผ่าตัดสมองแล้วเขาไม่ฟื้นญาติของเขาเรียกค่าเสียหาย 10 ล้าน ถ้าพ่อไม่ให้เขาจะแจ้งตำรวจจับพ่อ ตอนนั้นพ่อไม่มีเงินมากขนาดนั้นโชคดีที่คุณเจอราฟให้พ่อยืมเงินไม่มีดอกเบี้ยพ่อเลยผ่านเหตุการณ์ร้ายครั้งนั้นมาได้” กิติเอ่ยออกมาทั้งน้ำตาไม่กล้าที่จะมองสบตาลูกสาว จนผู้เป็นภรรยาต้องเอื้อมมือมากุมมือไว้
“ทำไมเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้คุณพ่อถึงไม่บอกหนูค่ะ” ลิต้าถามบิดาเสียงสั่น คิดว่าการที่เธอไปเรียนต่อเมืองนอกทำให้เธอไม่เคยได้รู้ถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่ครอบครัวได้ประสบไม่ได้อยู่ดูแลพ่อแม่ตอนที่ท่านเป็นทุกข์ เธอจึงรู้สึกเจ็บที่หัวใจจนแทบจะพูดอะไรไม่ออก
“พ่อเขาไม่อยากให้ลูกเครียด อยากให้ลูกตั้งใจเรียนให้จบ” ลดาพูดขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบมานาน
“หนูต้องแต่งงานกับลูกชายคุณกิ่งแก้วเหรอค่ะ” เธอถามหลังจากใช้มือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาจนเปียกข้างแก้มออกช้าๆ
“พ่อไม่รู้ว่าต้องใช้วิธีไหนแล้วลูกพ่อต้องตอบแทนพวกเขา ตอนคุณกิ่งแก้วเอ่ยปากขอลูกพ่อจะปฏิเสธพ่อก็ไม่กล้ายิ่งตอนนี้คุณกิ่งแก้วมาป่วยอีกพ่อก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปดีแล้ว” กิติยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างคนหมดหนทาง
“หนูจะแต่งงานกับลูกชายคุณน้ากิ่งแก้วค่ะ” หลังจากที่เธอนั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาเธอเหมือนคนที่ปล่อยครอบครัวไว้ข้างหลังไม่เคยรับรู้ว่าครอบครัวต้องประสบปัญหาอะไรบ้างมันคงถึงเวลาที่เธอต้องทำอะไรที่พอจะทำได้ให้ครอบครัวบ้างแล้วสินะ



ม่านพระจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มิ.ย. 2557, 23:20:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มิ.ย. 2557, 23:20:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 734





<< ตอนที่ 6 ไม่มีทาง   ตอนที่ 8 แปลกๆ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account