บ้านวุ่น อุ่นไอรัก
นายโปรดน่ะเหรอ... ขี้เก๊ก ปากจัด สำอาง เรื่องเยอะ! นี่ยังน้อยไปเสียอีกที่เธอจะนิยามความเป็นตัวเขาได้หมด พอกันที! เธอจะไม่ทนกับคนที่มีดีแค่หน้าตากับซิกส์แพ็ก แต่สมองแรมน้อยเสียยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าโขกสับอีกต่อไป!

อนาวิลาน่ะเหรอ... ชอบสั่ง ชอบสอน จู้จี้ ขี้งก! ที่สำคัญเธอยังมีลูกสมุนเป็นหมาตั้งสี่ตัว อะไรกัน! นี่เขาต้องอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์ป้าสายพันธุ์หมูพร้อมฝูงหมาเป็นเวลา 365 วัน ใครก็ได้...ให้เขาไปอยู่บ้านผีสิงเสียยังดีกว่าต้องรับมือกับความวุ่นวายนี่

นายโปรดน่ะเหรอ... บางทีเขาก็มีน้ำใจนะ เขาสัญญาว่าจะแปลงโฉมสาวอวบระยะสุดท้ายอย่างเธอให้ผู้ชายที่เธอแอบชอบหันมาสนใจ เขาทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน

อนาวิลาน่ะเหรอ... เธอก็ไม่ได้ขี้บ่นเสียทีเดียวหรอกนะ บางครั้งยัยมนุษย์ป้าก็มักพูดอะไรให้เขาฉุกคิดและกลับมามีกำลังใจมุ่งมั่นทำตามฝัน ไปๆ มาๆ ผู้หญิงอวบอ้วน เชยๆ เฉิ่มๆ ดันกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแฟชั่นเซ็ตนี้ของเขาไปเสียนี่ ไม่อยากเชื่อเลย

เรื่องราววุ่นวายใต้ชายคาเดียวกัน ระหว่างชายหนุ่มเจ้าสำอางกับมนุษย์ป้าร่างอวบ พ่วงด้วยลูกสมุนสี่ขาสี่ตัวพร้อมที่จะมาสร้างรอยยิ้ม หรืออาจเรียกน้ำตาโดยไม่รู้ตัว

http://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๔ (๑๐๐%) พี่สาวน้องชาย

๔ (๑๐๐%)

เช้าวันใหม่ในบ้านของตาไม่เลวร้ายนักหรอกหากไม่มีเสียงสุนัขเห่ากันขรม หรือเสียงมนุษย์ป้านั้นบ้าพูดจากับสุนัขคนเดียว นั่นเพราะเขาได้จ้างช่างมาติดเครื่องปรับอากาศในห้องนอน จึงไม่มีเสียงใดเล็ดลอดเข้ามารบกวนได้

คนที่ตื่นเช้าเป็นนิจผิวปาก จากนาฬิกาบนโทรศัพท์ซึ่งเขาเสียบหูฟังฟังเพลงบอกเวลาแปดนาฬิกา ป่านนี้ผู้ร่วมชายคาออกจากบ้านไปแล้ว

นายโปรดเปิดประตูออกมาสูดอากาศนอกระเบียง เขาอบอุ่นร่างกายอย่างที่ปฏิบัติเป็นกิจวัตร กระทั่งเหงื่อชื้นซึมทั่วกายจึงค่อยผ่อนลมหายใจลงจนหัวใจเต้นแรงลดจังหวะ ก่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในที่สุด

ชายหนุ่มผิวปากพลางลูบผมยาวระท้าวทอยด้วยเจลแต่งผมไปด้านหลัง เปิดหน้าผากนูนสวยรับกับคิ้วโก่งราวผู้หญิง เสื้อยืดแขนยาวสีดำขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาเดฟคือชุดโปรดที่สุดของเขา ทว่าเมื่อนายโปรดก้าวไปหยิบกุญแจรถบนชั้นวางข้างโทรทัศน์ สายตาเขาก็เหลือบเห็นสิ่งซึ่งไม่เข้ากับตนที่สุด

'พวงกุญแจกระต่าย'

อารามดีใจที่เอาชนะยัยป้านั่นได้เมื่อคืนทำให้เขาไม่ได้สนใจพวงกุญแจนี้ชั่วขณะ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มต้องทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเมื่อพยายามถอดตุ๊กตาออกจากกุญแจอย่างไรก็ถอดไม่ออก ในที่สุดก็จำต้องยัดมันลงไปในกระเป๋ากางเกงคับแคบ ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ในคอนโซลหน้ารถอีกที

เขาดึงลูกบิดประตูเปิดพลางกดตอบข้อความในโทรศัพท์มือถือตน แต่แล้วสายตาซึ่งหลุบลงก็เหลือบเห็นขาคน ขา...ขาคนยืนห่างเขาไปเพียงหนึ่งเมตร

นายโปรดค่อยเลื่อนสายตาขึ้นมองภาพตรงหน้าด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ อย่าบอกนะว่าบ้านนี้...บ้านนี้มีวิญญาณสิงอยู่

"เฮ้ย!" ชายหนุ่มอุทานพร้อมกับผงะถอยหลัง

นี่ยิ่งกว่าเจอผีด้วยซ้ำ ยัยมนุษย์ป้าในชุดเดรสสีน้ำตาลที่ดูอย่างไรก็ไม่พอดีตัวยืนค้อมเกาะราวบันไดราวผีในหนังญี่ปุ่นอยู่หน้าห้องเขา ใบหน้าซีดเผือดผิดจากแก้มแดงๆ ที่เขาเคยเห็นประจำ

"ทำไมยังไม่ไปทำงาน นี่อย่าบอกนะว่าเธอคิดอะไรกับ... ฮึ้ย! ยัยบ้า ยัยป้าโรคจิต"

เขายกแขนสองข้างขึ้นปิดบังหน้าอก ทว่าอีกฝ่ายเพียงสั่นศีรษะอ่อนใจ หญิงสาวเจ็บคอเกินกว่าจะตอบโต้ ร่างอวบได้แต่ฝืนสังขารเกาะราวบันไดไว้มือหนึ่ง อีกมือก็กุมท้องที่ปวด ก้าวช้ากระย่องกระแย่งลงไป

"นี่เธอไม่สบายหรือไง หน้าซีดเป็นผีเลย อย่ามาตายในบ้านตาฉันอีกคนนะ"

"ไอ้บ้า" เธอหันไปต่อว่าเขาทั้งเสียงแหบพร่าอย่างเหลืออด

นายโปรดนิ่วหน้า นอกจาก 'เพื่อนทอมเพื่อนเทย' ของเขาแล้วก็ไม่มีใครมีสิทธิ์ต่อว่าเขาทั้งนั้น แล้วยัยมนุษย์ป้าที่ไม่เจียมสังขารตัวเองคนนี้มีสิทธิ์อะไร แม้แต่ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย

"อย่าบอกนะว่าจะไปสอนเด็กอนุบาลลูกศิษย์เธอ เอาเชื้อไปแพร่เขาเปล่าๆ น่ะซี้"

อนาวิลาชะงักมือซึ่งกำลังดึงส้นรองเท้าสวม จริงสินะ เธอมัวแต่ห่วงงานมากไป พอรู้ว่าสายก็รีบฝืนลุกจากเตียงทันที

หญิงสาวกุมท้องที่ปวดขึ้นมาอีกเมื่อเจออากาศเย็น เธอหนาวสะท้านทั้งที่เหงื่อกาฬชื้นท่วมกาย พอฝืนจะลุกยืน ขาก็แทบไร้กำลังจะหยัดยืนขึ้นมาจนต้องนั่งกุมท้องอยู่ข้างประตูนั่นเอง

"ไหวป่ะเนี่ยป้า นี่เธอเป็นโรคอะไรกันแน่ ปวดท้องเหรอ เอ... เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าไส้ติ่งจะแตก" นายโปรดคิดเองเออเองเสร็จสรรพ

"นายจะ...ไปไหนก็ไป...ไป"

ยิ่งอยู่ใกล้เขา เห็นท่าทางและน้ำเสียงตื่นตูม อนาวิลาก็ยิ่งปวดศีรษะจนต้องหลับตาลง

ทว่า...

"อุ๊ย!" เธอหวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ร่างตนก็ลอยหวือขึ้นจากพื้น

ชายหนุ่มไม่ฟังคำใดทั้งนั้น เขาคิดอย่างเดียวว่าจะไม่ยอมให้เจ้าหล่อนมีอันเป็นไปในบ้านหลังนี้ ขืนวิญญาณเธอร่วมมือกับตาเขาล่ะก็ คงเล่นงานเขาจนอยู่ที่นี่ไม่ได้เป็นแน่ แล้วตนก็จะชวดทุกอย่าง รวมทั้งเงินลงทุนเปิดห้องเสื้อห้าล้านบาทจากพ่อด้วย

"โอ๊ย ทำไมหนักอย่างนี้เนี่ย" เขาบ่นอุบขณะช้อนอุ้มคนป่วยผ่านบรรดาสุนัขที่พากันออกมากระดิกหางด้วยความสนใจ

"นายจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ"

"ฉันไม่บ้าปล่อยให้เธอมาตายทุเรศทุรังในบ้านแน่" เขาตอบกระแทก ก่อนจะเซไปก้าวหนึ่งเมื่อพ่อล่ำขวางทาง

อนาวิลาเผลอจ้องมองใบหน้าสวยซึ่งฉายแววบึ้งตึง ถึงคำพูดของเขาจะร้ายกาจ หากเธอก็อยากเชื่อว่าก้นบึ้งจิตใจเขาไม่หยาบกระด้างเกินไปนักหรอก อย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจในเวลาที่เขาคงคิดว่าคับขัน ค่อยสมกับเป็นหลานคุณตาอยู่บ้างสินะคะ

"คนหรือหมูวะเนี่ย"

นายโปรดวางคนป่วยลงบนเบาะรถแรงราวหมดแรงล้าพอดี เขาสบถตามมาอีกเมื่อรถสปอร์ตของตนกำลังจะแปรสภาพเป็นรถขนหมู ก่อนจะปิดประตูแรงอย่างไม่มีทางเลือกดีกว่านี้ หมายเลขโทรศัพท์รถฉุกเฉินหรือโรงพยาบาลเขาก็ไม่มี

"รถราคาเป็นสิบล้าน กลายเป็นรถขนหมูไปเสียฉิบ"

หญิงสาวได้แต่กำมือแน่นอย่างข่มอารมณ์ ถ้าไม่ติดว่าเธอเองต้องการพบแพทย์หรือพอมีเรี่ยวแรงไปโรงพยาบาลเองไหว จะไม่มานั่งบนรถคันนี้ให้เขาค่อนว่าแม้แต่วินาทีเดียว

หนูขอถอนคำพูด ไม่ใช่สิ หนูขอถอนความคิดเมื่อกี้นี้นะคะคุณตา

.................................

คนป่วยต้องปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนใจ นอกจากเธอจะคิดผิดที่มากับคนขี้บ่นตลอดทางแล้ว ตอนนี้ตนก็ต้องปวดศีรษะยิ่งกว่า เมื่อชายหนุ่มขับรถมาจอดยังหน้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชน และทำท่าจะลงไปโวยวายเมื่อเจ้าหน้าที่เข็นเก้าอี้มารับเธอ

"ไปเอาเตียงมาสิ ไม่เห็นเหรอคนป่วยใกล้ตายอยู่แล้ว"

อนาวิลาต้องฝืนลุกเกาะขอบประตูรถสปอร์ตราคากว่าสิบล้านที่เจ้าของว่า ทว่าตลอดทางที่โดยสารมากลับไม่มีความประทับใจสักนิด

"ไม่ต้องค่ะพี่" เธอชิงบอกเจ้าหน้าที่พร้อมกับย้ายไปนั่งยังเก้าอี้เข็น ก่อนจะเอ่ยประโยคหลังลอยๆ ตามมา "แค่ปวดท้อง ไม่ได้ไส้ติ่งจะแตก"

นายโปรดยืนอึ้งมองตามคนเจ็บที่ถูกเข็นเข้าไปภายในห้องฉุกเฉินครู่หนึ่ง ก่อนรถพยาบาลซึ่งตามมาจอดต่อท้ายทำให้เขาต้องผละไปเลื่อนรถ ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันที่ถูกยัยมนุษย์ป้าหลอกใช้อย่างหงุดหงิดใจ

อนาวิลาถูกย้ายให้ไปนอนพักบนเตียงหลังแพทย์สั่งฉีดยาแก้ปวด ร่างกายที่หนักอึ้งราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อครู่นี้ค่อยผ่อนคลาย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอปวดท้องประจำเดือนจนต้องมาฉีดยาเช่นนี้ แต่พอหายก็กลับเบี้ยวนัดพบแพทย์เฉพาะทางร่ำไป

เมื่อความเจ็บป่วยทุเลา เธอก็ประหวัดนึกถึงผู้ที่พาตนมาส่งยังโรงพยาบาล อดขันระคนอ่อนใจไม่ได้ที่เขาช่างกลัวเธอจะมีอันเป็นไปในบ้านเสียเหลือเกิน ถึงขนาดแช่งชักเธอมาตลอดทางนี่นะ ไม่รู้ป่านนี้หมอนั่นจะไปไหนต่อแล้วกระมัง

หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้ง ถ้าได้หลับสักตื่นเธอคงสบายกายขึ้นกว่านี้ หากไม่มีเสียงรูดม่านรอบเตียงเปิดแรง ก่อนร่างสูงของชายหนุ่มจะปรากฏยังปลายเตียง

"อ้าว ยังไม่ไปเหรอ" เธอถามอย่างแปลกใจมากกว่าต้องการจะไล่

นายโปรดมองคนป่วยจากหางตา เขาดึงเก้าอี้ข้างเตียงมานั่ง แม้ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่สักนิด แต่เพราะเขาใช้มันเป็นข้ออ้างที่จะเบี้ยวนัดกีรณาและฟ้าใหม่ในวันนี้

"เอ่อ ออกไปรอข้างนอกก็ได้นะ"

ขืนเขานั่งอยู่ตรงนี้ เธอจะหลับลงได้อย่างไร

นายโปรดทำเสียงจิ๊จ๊ะด้วยความรำคาญ เขานั่งไขว่ห้างหันข้างให้เธอแต่ก็ไม่ยอมลุกไป พร้อมกับที่เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี

อนาวิลามองคนไม่รู้กาลเทศะอย่างอ่อนใจ เธอพยายามใช้นิ้วสะกิดบอกให้ออกไปคุยข้างนอก กระนั้นชายหนุ่มก็เพียงเบี่ยงตัวหนี ยังคงพูดสายด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบต่อไป

"เออ ไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกน่า พายัยป้ามาส่งโรงพยาบาลจริงๆ จะคุยไหมล่ะ"

อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ได้รู้อีกอย่าง ลับหลังเธอกับใครก็แล้วแต่ เขาเรียกเธอว่า 'ป้า' ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ!

หญิงสาวหลับตาลงอย่างไม่อยากสนใจคนไร้มารยาทอีก ก่อนเสียงรอบตัวจะค่อยๆ เงียบเสมือนตนได้เดินทางห่างออกไป เวลาผ่านไปนานเท่าไรก็สุดรู้ที่เธอได้พักผ่อนโดยไม่มีความเจ็บปวดทางกายรบกวนอีก กระทั่งถูกสะกิดเรียกแรงขึ้นๆ

เป็นใครไปไม่ได้ที่ใช้นิ้วจิ้มแรงบนแขนเธอ และเปิดปากด้วยวาจาแสบๆ คันๆ

"นี่ถ้าจะนอนนานขนาดนี้ก็แอดมิตเลยไหม นู่น... หมอมาตรวจแล้ว"

คนป่วยปรายตามองตามที่ชายหนุ่มพยักพเยิด แล้วก็ต้องยิ้มแห้งออกมาเมื่อพบแพทย์หญิงยืนอยู่อีกฝั่งของเตียง นี่เจ้าหล่อนคงได้ยินคำค่อนขอดเธอของนายโปรดเต็มสองหูทีเดียว

"เป็นไงบ้างคะ ปวดท้องอยู่ไหม"

"ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ" เธอตอบอ้อมแอ้ม

"งั้นหมอจะเขียนใบนัดให้ไปพบสูตินรีแพทย์อีกทีนะคะ แล้วก็จ่ายยาลดไข้แก้หวัดให้ด้วย"

อนาวิลาผงกศีรษะรับทราบ ครั้นคุณหมอถามว่ามีสิ่งใดจะสอบถามเพิ่มเติมไหม เธอก็สั่นศีรษะแรง

"น้องชายน่ารักนะคะ อยู่เฝ้าพี่สาวตลอดเลย" คุณหมอกล่าวทิ้งท้าย

"ไม่ใช่นะคะ!"

"เฮ้ย! ไม่ใช่"

สองเสียงปฏิเสธขึ้นพร้อมกัน ทว่าแพทย์สาวเพียงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับผละไปเขียนใบนัดและใบสั่งยา

นายโปรดหันกลับมาจ้องคนบนเตียงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ อนาวิลาลอบถอนหายใจยาวอย่างเข้าใจหัวอกคนอย่างเขาดี ใครจะอยากเป็นพี่น้องกับผู้หญิงอย่างเธอ

"ฉันถึงบอกให้นายรอข้างนอกไง ฉันรู้ว่านายไม่ชอบเกี่ยวพันกับฉันหรอก"

"แล้วเธอชอบงั้นสิ" เขาย้อนเสียงฉุน คำก็ไล่ สองคำก็ไล่ "ฉันก็ไม่ได้พิศวาสอยากเฝ้าเธอนักหรอก นอนก็กรน น้ำลายไหลยืด แต่ข้างนอกที่นั่งมันเต็ม มีคนประสบอุบัติเหตุมา รู้ไว้ซะด้วย!"

นายโปรดตวัดม่านเปิดเดินออกไป หญิงสาวพยายามยันตัวขึ้นนั่ง กระนั้นก็ยังรู้สึกโอนเอนจนต้องปิดเปลือกตานิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง

.........................

หวังว่าบทนี้จะถูกใจคนอ่านนะคะ อิอิ

ปล. แพรวขอใช้พื้นที่ตรงนี้ฝากนิยายเรื่องล่าสุดที่ได้ตีพิมพ์หน่อยนะคะ
เพื่อนๆลองเข้าไปอ่านตัวอย่าง "ยามเมื่อลมห่มฟ้า...มะนิลา" ก่อนได้ที่ http://www.happybanana-online.com/v3/bookstore_view.php?product_id=578
ถ้าสนใจก็ซื้อหาได้ที่ร้านหนังสือทั่วไปเลยค่ะ (ถ้าหาไม่เจอก็ถามพนักงานร้านเลยนะ อิอิ)



ภาพิมล_พิมลภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มิ.ย. 2557, 16:03:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มิ.ย. 2557, 16:03:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1869





<< บทที่ ๔ (๕๐%) ท่าทีที่เปลี่ยนไป   บทที่ ๕ ขอบคุณนะ >>
แว่นใส 24 มิ.ย. 2557, 21:37:47 น.
นายโปรดท่ามาก


ภาพิมล_พิมลภา 24 มิ.ย. 2557, 22:04:16 น.
คุณแว่นใส - ตอนนี้ป้าน่าสงสารอยู่ แต่ต่อไปอาจเปลี่ยนใจสงสาร...ก็ได้นะคะ อิอิ


ใบบัวน่ารัก 26 มิ.ย. 2557, 07:11:12 น.
คนไม่สบาย ปวดท้อง ไม่เข้าใจหรือไง
แค่พามาโรงพยาบาลแล้วทำตัวดีๆๆนะเด็กบ้า


ภาพิมล_พิมลภา 26 มิ.ย. 2557, 17:17:28 น.
คุณใบบัวน่ารัก - น้ำใจยังพอมีแต่ขี้บ่นฝุดๆค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account