แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 15 หยุดหัวใจ



สวัสดีมื้อดึกค่ะ นำตอนร้อน ๆ มาเสิร์ฟอีกตอน พอดีแวะไปลงเด็กดีแล้วนึกได้ว่ายังไม่ได้ลงที่นี่
รีบแวะมาก่อนนอน เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่อยู่แวะมาไม่ได้
ฝากอ่าน ฝากคอมเม้นส์ ฝากทุก ๆ อย่างเลยค่ะ



15
หยุดหัวใจ

หลังจากวางสายรักจิราไปขวัญชีวันก็ยังนั่งอยู่ในห้องครัว ใบหน้ากลมเหมือนกำลังคิดหนักและหนักใจมาก ใบหน้าใสคล้ายเด็กสาวกำลังสับสน ไม่แน่ใจ และเรื่องที่ทำให้ขวัญชีวันต้องมานั่งถอนหายใจก็คือเรื่องที่เธอพึ่งได้คุยกับรักจิรา เรื่องของวาทิน ผู้ชายที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีความรู้สึกแบบนั้น แรก ๆ เธอกลัวเขามาก แต่เขาไม่ได้เลวร้ายน่ากลัวอย่างที่เธอและรักจิราเคยมโนไว้ การได้เห็นมุมอ่อนโยนของเขาที่มีต่อน้องอีฟหรืออเลน่า มันทำให้เธอเห็นภาพคุ้นเคย นั่นก็คือพ่อของเธอ เธอเข้าใจว่าแค่ประทับใจตัวเขา แต่ไม่ได้คิดว่าจะชอบเขาแบบความหมายของรักจิราสักหน่อย เธอก็แค่ชอบเวลาเขายิ้มก็แค่นั้น แค่นี้มันจะหมายความว่าชอบหรือรักได้หรอ เธอแยกความรู้สึกที่ซับซ้อนไม่เก่งเหมือนพี่น้องคนอื่น ๆ เธอไม่เคยมีแฟน หรือคิดจะชอบผู้ชายคนไหนจริง ๆ จัง ๆ สักครั้ง อย่างมากปลื้มรุ่นพี่ก็ถือว่าเยอะแล้ว แล้วเธอจะเข้าใจได้ยังไงว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อวาทินจะเป็นความรู้สึกชอบแบบผู้หญิงที่ชอบผู้ชายจริงหรือเปล่า เธอจะตกหลุมรักเขาไหม ถ้าการที่เธอเห็นหน้าวาทินและหัวใจสั่น เห็นรอยยิ้มให้กับลูกสาวตัวน้อยของเขานั่นหมายความว่าเธอตกหลุมรักเขา ก็หมายความว่าเธอตกหลุมรักเขาเข้าจริง ๆ แต่มันคงไม่ใช่ เธอก็ชอบทุกคนที่ดีกับเธอ ทำไมเธอไม่เข้าใจอะไรสักอย่างแม้แต่ความรู้สึกของตัวเอง และสิ่งที่เธอรู้ดีที่สุดคือวาทินเป็นผู้ชายที่ดูได้แต่ตาแตะต้องไม่ได้ รักไม่ได้ เขาอันตรายเกินไป ตัวเขาน่ะไม่อันตราย แต่รอบตัวเขานั่นต่างหากที่อันตรายและน่ากลัวมาก เสียงระเบิดเมื่อครั้งก่อนน่าจะบอกเธอได้แล้ว ขวัญชีวันได้แต่คิดว่าทำไมความรู้สึกที่เรียกว่ารักมันยากและซับซ้อนนัก เธอไม่เข้าใจสักนิด ขวัญชีวันถอนหายใจอีกครั้งและเดินไปเปิดตู้เย็นเทนมใส่แก้วกำลังจะเดินกลับออกไป พลัน

โครม!!!

เพล้ง!!!

ขวัญชีวันที่ในมือถือแก้วนมจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องสะดุดเข้ากับพื้นปูนยกระดับและล้มหน้าคะมำ ขวัญชีวันเบ้หน้ากับความซุ่มซ่ามที่แก้ไม่หายของตัวเอง พลันก็ได้ยินเสียงเท้าคู่หนึ่งเดินมุ่งหน้ามาที่ห้องครัว และหยุดลงตรงหน้าเธอ ขวัญชีวันเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเท้าที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห่างจากเธอไปไม่มาก ดวงตากลมโตฉายแววตกใจกับการปรากฏตัวของคนตรงหน้า เธออยากจะเปล่งชื่อของเขาออกมาแต่เสียงเธอมันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่หันมาเห็นหน้าเขา วาทินขมวดคิ้วและมองขวัญชีวันที่ยังไม่ยอมลุกขึ้นเสียที แถมยังทำหน้าตาตกใจราวกับเจอผี เขาไม่เข้าใจว่าการเห็นหน้าเขามันน่าตกใจขนาดนั้นเลยหรอ แต่เมื่อเห็นสภาพของขวัญชีวันเขาจึงส่งมือให้กับเธอ แต่เธอกลับมองมือเขาสลับกับหน้าเหมือนกำลังพิจารณาว่าจับดีไหม สุดท้ายก็ส่ายหน้าและดันตัวลุกขึ้นเองโดยเลือกที่จะปฏิเสธน้ำใจของเขา ซึ่งมันทำให้วาทินไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย ผู้หญิงมากมายรอให้เขายื่นโอกาสแบบนี้ให้ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับปฏิเสธ เธอคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหน

“เอ่อ...” ขวัญชีวันที่เห็นหน้าผู้ชายที่ทำให้เอสับสน ว่าวุ่นใจ เธอก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขา จึงหันไปคว้าเก็บเศษแก้วแก้เก้อ แต่รู้สึกได้ว่าเขามองเธออยู่ จากที่ทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้วยิ่งทำไม่ถูก

“โอ๊ย!!!”

“เธอทำบ้าอะไรน่ะขวัญชีวัน นั่นมันแก้วน่ะ เวลาเก็บแก้วใครสอนให้เธอกำมันแบบนั้น ถอยไป เดี๋ยวฉันเก็บเอง บอกให้ถอยไป ยืนทำอะไรอยู่ล่ะ ไปยืนตรงนั่นสิ เดี๋ยวซุ่มซ่ามมาเดินเหยียบอีก” ขวัญชีวันสะดุ้งเมื่อเขาเริ่มดุ และถอยหลังหนีตามคำสั่งทันที วาทินก้มลงเก็บเศษแก้วที่ตกแตก และเมื่อจัดการเรียบร้อยก็หันไปมองคนที่ยืนนิ่งไปยอมไปทำแผล

“ทำไมไม่ไปทำแผลล่ะ” เขาแสดงสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง ผู้หญิงอะไรเป็นแผลเลือดไหลอาบขนาดนี้ยังไม่ยอมไปทำแผล เขาจะบ้าตายกับผู้หญิงคนนี้

“ก็คุณบอกให้ฉันมายืนตรงนี้” วาทินถอนหายใจเหมือนพยายามระงับความโกรธ เขาเป็นพวกความอดทนต่ำ และผู้หญิงคนนี้กำลังทำให้เขาโมโห แต่พอเธอสบตามามอง ก็เห็นแววตาเหมือนจะร้องไห้ของขวัญชีวัน โอเคเขาว่าไม่ลง

“เอาเถอะ ฉันผิดเองที่สั่งไม่เคลียร์ ไปทำแผลได้แล้ว ก่อนที่พื้นบ้านฉันจะมีเลือดเธอท้วม แล้วเธอก็จะจมกองเลือดตัวเองตาย” คำพูดของเขาทำให้ขวัญชีวันหน้าหมอง และตอบกลับไป

“แผลไม่ได้ลึกมาก เป็นแค่นิดเดียวเองค่ะ เช็ดนิด ๆ หน่อย ๆ เลือดก็หยุดไหลแล้วค่ะ” วาทินมองผู้หญิงที่เป็นแผลแล้วยังเถียงไม่เลือก ถ้าเขาเป็นบิดาของเธอเขาสาบานว่าเขาจะตีเธอสักสามที

“นิดเดียวหรอ ฉันว่ามันไม่นิดนะ รวมแผลที่นิ้ว ที่แขน ตามตัว ไม่นิดเลย ทำไมเธอไม่รู้จักระวังตัวบ้างขวัญชีวัน ถ้าเธอไม่รู้จักดูแลตัวเอง ใครจะไปดูแลเธอได้ตลอดเวลา เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่เอาไหนเลยจริง ๆ ถึงว่าอายุขนาดนี้แล้วถึงไม่มีแฟนสักที” ขวัญชีวันก้มหน้า เพราะรู้สึกเหมือนโดยเทศนา ปิดท้ายด้วยคำว่ากระแทกใจเธออย่างแรง ใบหน้าที่หมองอยู่แล้วหมองกว่าเก่า และไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขา เกิดมาจนอายุยี่สิบแปดปี ไม่เคยมีใครดุเธอแบบนี้ วาทินมองหน้าที่ก้มต่ำกว่าเก่าเสียอีก

“ฉันชินแล้วค่ะ เดี๋ยวก็หาย แผลแค่นี้ไม่ทำให้ตายหรอกค่ะ”

“ดีจริง คนบ้านเธอไม่เคยดุเธอเลยสินะ ถึงดื้อเงียบแบบนี้ พูดแล้วชอบเถียง ใครว่าเธอเถียงไม่เก่งกัน” เขามองผู้หญิงที่กำลังจะเดินหนี แต่วูบหนึ่งเขาเห็นคราบน้ำตาที่แก้มใส เขาก็คว้าจับมือเธอไว้ไม่ให้หนีไป

“ไม่ต้องไปไหน นั่งอยู่ตรงนี้แหละ ฉันไปเอากล่องปฐมพยาบาลและทำแผลให้ นั่งอยู่ตรงนี่นะ ถ้าฉันกลับมาไม่เห็นเธอนั่งอยู่ฉันจะตัดเงินเดือนเธอครึ่งหนึ่ง” วาทินเอ่ยและเดินออกไป เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเอง รู้อย่างเดียวว่ามันน่าหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรชักช้าอืดอาด ชอบสร้างปัญหา เขาเกลียดที่สุดคือคนที่ชอบสร้างปัญหาให้ตัวเองแบบขวัญชีวัน แต่พอหันมาสบตากลมโตบ๊องแบ๊วนั่นทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นว่าดวงตากลม ๆ ใส ๆ ของเธอมีหยาดน้ำตาใจก็อ่อนลงทันที

“ยื่นมือมาสิ ไม่ยื่นมือมาแล้วจะทำแผลยังไง”

“เอ่อ...เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้ แผลแค่นี้เอง”

“บอกให้ยื่นมือมาก็ยื่นมา ฉันสั่งให้ทำก็ทำ ไม่ต้องเถียง” ขวัญชีวันยื่นมือให้กับเขา เขาค่อย ๆ ทำแผลให้อย่างเบามือเพราะกลัวขวัญชีวันจะเจ็บ ขวัญชีวันมองความอ่อนโยนของเขาที่ส่งผ่านมา ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจากเมื่อครู่มันเจ็บที่โดนดุ ขวัญชีวันจ้องใบหน้าที่มีมนตร์สะกดของเขาอย่างเพลินตา จนเมื่อปิดพลาสเตอร์แผ่นสุดท้ายเสร็จเขาก็เก็บของใส่กล่องและหันกลับมามองเธอ เธอถึงสะดุ้งรีบก้มหน้าหลบทันทีเพราะกลัวเขาจะรู้ว่าเธอแอบมองเขาอยู่

“เสร็จแล้ว” ขวัญชีวันมองมือตัวเองที่เขาทำแผลให้พึ่งเสร็จไปเมื่อครู่ เขาไม่ได้ทำแค่แผลเดียว เขาทำแผลที่เกิดจากรอยบาดตอนสอนน้องอีฟทำอาหาร มัวแต่เตือนน้องอีฟว่าระวังมีดตัวเองกลับโดนเอง

“ข...ขอบคุณค่ะ” ขวัญชีวันเอ่ยถาม

“เอ่อ....คุณหิวไหมคะ” วาทินมองขวัญชีวันเหมือนแปลกใจ เขาพยักหน้านิด ๆ เมื่อตอนเย็นเขาไม่ได้กลับมากินข้าวเพราะไม่งานด่วน พอกลับมาถึงกะว่าจะมาลองหาอะไรกินกับเจอแม่ตัวยุ่งนี่เสียก่อน

“ถ้าอย่างนั้นฉันทำอะไรให้กินไหมคะ” ดวงตาของขวัญชีวันเป็นประกายขึ้นมาทันที

“ไม่ต้องหรอก มือเธอ...”

“ไม่เป็นไรคะ คอยตรงนี้นะคะ ฉันทำอะไรง่าย ๆ ให้กิน ถือว่าเป็นการขอบคุณเรื่องที่คุณอุตสาห์ทำแผลให้” ขวัญชีวันไม่รอให้เขาตอบตกลงก็ลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นหยิบโน่นหยิบนี่ออกมาอย่างคล่องแคล่ว นี่คือเรื่องน่าแปลกสำหรับเขาผู้หญิงคนนี้เวลาอยู่ในโหมดแม่ครัวกับไม่มีท่าทีของสาวโก๊ะอยู่เลย เธอทำทุกอย่างกระฉับกระเฉงว่องไว เขามองเธอหยิบจับอย่างเพลินตารู้ตัวอีกครั้งอาหารก็วางอยู่ตรงหน้า ข้าวผัดหน้าตาน่ารับประทานส่งกลิ่นหอมจนเขาอดใจไม่ไหว พอตักกินคำแรกเขาก็ยิ้มออกมา แม้มันจะเป็นเพียงการยกมุมปากขึ้นเท่านั้น แต่ก็เป็นปฏิกิริยาไม่บ่อย

“เธอทำอาหารเป็นด้วยหรอ ฉันนึกว่าทำแต่ขนม”

“ฉันต้องดูแลพี่น้องเรื่องปากท้องค่ะ ถ้าฉันทำไม่เป็นทุกคนก็อดสิคะ”

“จริงสินะ เธอมีพี่น้องอีกสามคน คนที่ฉันเจอครั้งก่อน...รักจิรา... คนนั้นเป็นน้องเล็กสินะ” ขวัญชีวันพยักหน้า และแปลกใจเล็กน้อยที่เขาชวนคุยเรื่องสับเพเหระ ลดท่าทีเคร่งขรึมลง

“ว่าแล้วเชียว ดูท่าทางเอาใจตัวเองพอสมควร” ขวัญชีวันมองดวงตาของเขาเป็นประกายเหมือนจะถูกใจรักจิรา

“ค่ะ พ่อกับแม่รักเสียตั้งแต่รักยังเด็ก อากงพามาอยู่ด้วย อากงสงสารรักเลยถูกเลี้ยงตามใจมากกว่าทุกคน”

“แล้วมีแฟนหรือยัง” ถามของเขาทำให้ขวัญชีวันรู้สึกวูบขึ้นมา

“ยังค่ะ รักชอบชีวิตไม่มีกฎเกณฑ์ ชอบอยู่อย่างอิสระ ไม่ชอบการผูกมัด กลัวที่จะรักใครสักคน คงยากค่ะ ฉันยังไม่เคยเห็นใครเอาชนะใจรักได้” ขวัญชีวันเอ่ยและยิ้มเมื่อพูดถึงน้อง วาทินเงยหน้าขึ้นจากอาหาร

“ก็ไม่แปลก ผู้หญิงพยศแบบนี้ปราบยาก เธอบอกว่าไม่มีใครเอาชนะใจน้องเธอได้ แล้วฉันล่ะ เธอคิดว่าไง” ขวัญชีวันมองตาของเขาที่มองเธอนิ่ง ๆ ขวัญชีวันหันหน้าหนี จุกกับคำพูดเขา หรือเขาจะชอบรักจิรา ใช่สิ วันที่รักจิราขึ้นมาพบเขา ขวัญชีวันได้โชว์ความเก่งของเอไว้ วาทินชอบผู้หญิงเก่ง วันนั้นเธอแอบเห็นเขายิ้มเหมือนถูกใจด้วย

“คุณชอบรักหรอคะ” ขวัญชีวันไม่ตอบคำถามเขา แต่เลือกที่จะถามกลับ หัวใจของขวัญชีวันกำลังเต้นอย่างแรง และลุ้นกับคำตอบของเขา ขวัญชีวันได้แต่ภาวนาในใจว่าไม่ ขอให้เขาปฏิเสธ ปฏิเสธ

“รักจิราหรอ... สวย เก่ง ฉลาด คล่องแคล่ว น่าสนใจ ... ฉันชอบ” ขวัญชีวันนิ่งไปทันที รู้สึกเจ็บแปลก ๆ ที่หัวใจ ความรู้สึกนี้มันคืออะไร ผิดหวัง เสียใจ เจ็บปวด ทำไมต้องผิดหวัง ทำไมต้องเสียใจ ทำไมต้องเจ็บปวด เขาชอบน้องสาวเธอ เธอควรจะดีใจไม่ใช่หรอเขาชอบน้องสาวเธอ บางทีเนื้อคู่ของรักจิราที่คัคนางค์พูดไว้อาจจะเป็นเขาก็ได้ ขวัญชีวันไม่รู้ว่าตัวเองหน้าซีดไปแล้ว ขวัญชีวันก้าวถอยหลัง

“ระวัง!!!” ขวัญชีวันลื่นล้มลงกับพื้น เขาทำท่าจะลุกขึ้นมาช่วย

“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ ฉันลุกได้ ฉันขอตัวนะคะ ดึกแล้ว เอ่อ...ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” เขาทำหน้าเหมือนงง ๆ เมื่อขวัญชีวันวิ่งหนีขึ้นไป วาทินรู้สึกเหมือนอยากจะหัวเราะกลับความโก๊ะของขวัญชีวันแต่ก็อดสงสารไม่ได้ หน้าตาของเธอตื่นเหมือนตกใจมาก เขายิ้ม เธอคงตกใจที่เขาบอกว่าชอบน้องสาวของเธอ ทิมเดินเข้ามาด้านในห้องครัว เขาเองก็ยืนเฝ้าเจ้านายอยู่ด้านนอก จนกว่าเจ้านายจะเข้านอนหน้าที่เขายังไม่หมด

“เจ้านายชอบแม่นักข่าวนั่นจริงหรอครับ” ทิมถาม

“ใช่ฉันชอบ ...ชอบความเก่ง ฉลาด รอบคอบของผู้หญิงคนนี้” วาทินเอ่ยและยิ้ม

“หมายความว่า...เจ้านาย”

“ผู้หญิงเก่ง ๆ แบบรักจิราหายาก แต่ยากเกินควบคุม ลุงฉันสอนว่าผู้หญิงที่ควบคุมไม่ได้อย่าเอาไว้ใกล้ตัว อันตรายเกินไป และน่าเสียดายที่ฉันรักใครไม่ได้” เขาพูดและลุกเดินออกจากห้องไป ทิมมองเจ้านายที่เดินขึ้นไป และถอนหายใจเมื่อนึกถึงขวัญชีวัน เขาควรจะเตือนขวัญชีวันไว้ท่าจะดี บทสนทนาเมื่อครู่เขาได้ยิน และมองตา ท่าทางที่แสดงออกมาของขวัญชีวันออกว่าคิดอะไรอยู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะถลำลึกลงไป เขาควรจะเตือนเธอให้อยู่ห่าง ๆ เจ้านายถ้าไม่อยากเสียใจ



ขวัญชีวันมองฝั่งที่เรือกำลังจะไปจอดเทียบท่า วาทินมีประชุมที่ในเมืองภูเก็ต เขาจึงพาลูกสาวของเขามาด้วย เธอจึงต้องติดตามมาในฐานะผู้ดูแลน้องอีฟ เด็กสาวตัวเล็กวัยหกขวบ หน้าตาน่ารักน่าชัง น้องอีฟมีดวงตาสีฟ้าเหมือนกับเอวาแม่ของน้องอีฟ รวมถึงหน้าตา ผิวพรรณที่ถอดแบบผู้เป็นมารดมาทั้งหมด และที่สำคัยเด็กหน้าฝรั่งคนนี้พูดไทยชัดกว่าเจ้าของภาษาเสียอีก หลังจากวาทินขึ้นไปประชุม เธอกับน้องอีฟก็ถูกสั่งให้รออยู่ที่ห้อง ตอนสิบเอ็ดโมงเขาจะมารับไปท่านอาหาร ขวัญชีวันที่กลัวน้องอีฟจะเบื่อก็หากิจกรรมให้ทำทั้งวาดรูป ระบายสี หรือเล่นซ่อนหา ที่ไปชวนบอดี้การ์ดอีกสองสามคนมาเล่น นี่คือสิ่งที่น้องอีฟต่างจากเด็กวัยหกขวบทั่วไป น้องอีฟมีบอดี้การ์ดประมาณเจ็ดคนคอยคุ้มกันอยู่ตลอดเวลา โดยมีสองคนที่อยู่กับน้องอีฟ ส่วนที่เหลือก็ทิ้งระยะห่าง แต่อยู่ไม่ไกลจากตัวน้องอีฟมากนัก บอดี้การ์ดที่สนิทกับน้องอีฟสองคนที่ว่าคือ ดีโน่ และเบน ทั้งสองคนถือว่าเป็นบอดี้การ์ดที่มีอัธยาศัยดี ชวนเล่นอะไรก็เล่นเป็นเพื่อน เขาไม่ต่างจากพี่เลี้ยงน้องอีฟเหมือนกับเธอ

“พี่ขวัญ น้องอีฟอย่างเลี้ยงน้องหมา” น้องอีฟพูดและชี้ไปที่เด็กหญิงคนหนึ่งที่กำลังเล่นกับลูกหมาอยู่ที่ทะเล ขวัญชีวันมองน้องอีฟที่มองภาพนั้นด้วยแววตาเป็นประกาย

“ลองขอคุณพ่อสิคะ”

“น้องอีฟเคยขอแล้ว แต่คุณพ่อบอกว่าน้องอีฟเลี้ยงหนูตัวเล็ก ๆ ยังตาย คุณพ่อบอกว่าให้น้องอีฟอายุมากกว่านี้ และมีความรับผิดชอบมากกว่านี้คุณพ่อจะยอมซื้อให้” ขวัญชีวันมองเบนและดีโน่ที่พยักหน้ายืนยัน

“แล้วถ้าน้องอีฟซื้อมาน้องอีฟจะเลี้ยงมันดีไหมคะ”

“น้องอีฟจะเลี้ยงให้ดีค่ะ น้องอีฟเหงา ถ้าเกิดคุณพ่อไม่อยู่บ้าน พี่ขวัญไม่อยู่ แล้วน้องอีฟจะเล่นกับใคร” ขวัญชีวันมองใบหน้าของเด็กตัวเล็กอย่างสงสาร

“พี่จะคุยกับคุณพ่อให้นะคะ แต่พี่ขวัญไม่สัญญาว่าจะได้หรือเปล่า”

“เย้!!!” เด็กตัวเล็กดีใจไปก่อนแล้ว

“คุณขวัญครับ คุณวาทินให้มาตามคุณลงไป” ขวัญชีวันพยักหน้า และเดินไปหยิบหมวกใบสีขาวปีกกว้างสวมให้กับน้องอีฟ วาทินบอกไว้ว่าจะไปกินอาหารนอกโรงแรม หญิงสาวและเด็กสาวพากันจูงมือไปหาวาทินที่รออยู่ วาทินรับมือนอกอีฟและพาเดินขึ้นไปนั่งด้านหลัง ขวัญชีวันเดินไปนั่งไปเปิดประตุนั่งที่ด้านหน้า คนที่ทำหน้าที่ขับรถคือทิม ขวัญชีวันมองขบวนรถที่ปิดท้ายปิดหน้าและยอมรับจริง ๆ ว่ายิ่งใหญ่มาก ขับมาได้สักพักรถก็จอดลงที่หน้าร้านอาหารทะเลที่อยู่บนแพ เป็นร้านดังในจังหวัดภูเก็ตอีกแห่งหนึ่ง

“ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” ขวัญชีวันเดินแยกออกไป วาทินอุ้มน้องอีฟและพาเดินเข้าไปในร้าน ช่วงวันธรรมดาคนไม่เยอะมาก สองพ่อลูกเดินเข้าไปด้านใน เขาแต่งตัวสบาย ๆ ทำให้ไม่เป็นจุดเด่น รวมถึงบอดี้การ์ดที่ก็ให้แต่งตัวธรรมดาและนั่งกระจายอยู่โต๊ะข้าง ๆ ไม่ให้ยืนเฝ้าเหมือนทุกครั้ง

“ทำไมพี่ขวัญไปนานจังคะ” น้องอีฟถามขึ้น วาทินหันไปมองที่ทางที่ขวัญชีวันวิ่งหายไป ในใจพลางคิดว่าแม่คุณโก๊ะขนาดนั้นจะเดินลื่นล้มในห้องน้ำหรือเปล่า คิดยังไม่ทันได้ขาดคำขวัญชีวันก็เดินมา ในสภาพที่เปียกปอน ทิมหันไปเห็นจึงเดินเข้าไปหาและถอดเสื้อคลุมนอกของตัวเองส่งให้ เขามองลูกน้องของตนกับขวัญชีวันและยิ้มมุมปาก

“ขอบคุณค่ะ” ขวัญชีวันเอ่ยและรับเสื้อสีขาวขึ้นมาสวมทันที ทำไงได้สภาพเธอแม้จะไม่ได้เปียกโชก แต่มันก็เปียก ด้วยวันนี้ชุดที่เธอใส่เป็นชุดกระโปรงสีขาวผ้าโปร่งเมื่อเปียกน้ำทำให้มองเห็นไปถึงเนื้อในแม้จะใส่เสื้อกล้ามทับ แต่เสื้อทับเธอเป็นสีขาว มันไม่ได้ช่วยให้เห็นเนื้อขาว ๆ เธอได้ชัดน้อยลงเลย

“ไปทำอะไรมาอีกล่ะ”

“ล้างมือ แต่ท่อน้ำที่อ้างมันแตกแล้วก็มันกระเด็นใส่ค่ะ” ขวัญชีวันตอบ

“ไปสิคุณอีฟเธอไม่ยอมกินข้าวเพราะรอเธออยู่” ขวัญชีวันพยักหน้าและกึ่งเดินกึ่งวิ่งไป เพราะสีหน้าวาทินเหมือนกำลังโมโห แต่เพราะรีบทำให้ไม่ทันระวังสะดุดขาตัวเองล้มอีกครั้ง ขวัญชีวันที่สะดุดล้มทะยานไปข้าวหน้า เป็นจังหวะเดียวกับที่มีเด็กเสิร์ฟคนหนึ่งยกถาดอาหารเดินมาเตรียมจะเสิร์ฟให้กับโต๊ะของวาทิน มือของขวัญชีวันยื่นไปพลักเด็กเสิร์ฟคนกำลังเดินไปถึงโต๊ะ ถาดในมือกระเด็กล่วงหล่นลงพื้นพร้อมกับสิ่งหนึ่งที่หล่นมาด้วย

โครม!!!

เคร้ง!!!

บอดี้การ์ดที่นั่งสังเกตตามโต๊ะอื่น ๆ พากันลุกขึ้น ร้านเกิดการจลาจลขึ้นชั่วขณะ คนร้ายที่คาดว่าจะเป็นนักฆ่ารุกขึ้นและเข้าไปจับตัวขวัญชีวันที่ล้มอยู่ใกล้ ๆ ไว้ และจับเธอล็อคคอ

“ถอยออกไปถ้าไม่อยากให้แม่นี่ตาย” วาทินสง่ซิกให้คนของเขาพาน้องอีฟหนีออกไป ส่วนเขาและบอดี้การ์ดส่วนหนึ่งยังยืนอยู่ คนร้ายหยิบมีดออกมาและจี้ไปที่คอเกิดรอยแผล ขวัญชีวันตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ดวงตากลมมองวาทินที่สบมองเธออยู่เช่นกัน

“แกเป็นคนของใคร”

“ฉันบอกให้หลบไป ไม่อย่างนั้นฉันฆ่านังนี่แน่” มันถอยหลังออกและดึงตัวขวัญชีวันให้ก้าวตาม ขวัญชีวันแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว วาทินพยักหน้าสั่งให้ทุกคนถอยออก เพราะยังไงมันก็ไม่รอด คนของเขารออยู่ด้านนอกแล้ว ขวัญชีวันตัวสั่นมันกดมีดลงมาอีก น้ำตาเริ่มไหล เกิดมาในชีวิตไม่เคยคิดว่าจะโดยจี้แบบนี้ เธอกลัวจนไม่รู้จะกลัวยังไง เธอไม่ได้เก่งแบบขวัญชีวัน ไม่ได้เข้มแข็งเท่าแก้วกัลยา และไม่เฉยชาต่อทุกสิ่งเช่นวันวิวาห์ เธอขี้กลัว อ่อนแอ เปราะบาง เธออ่อนต่อโลกเกินไป อ่อนต่อการเผชิญอันตรายแบบนี้

ฟึบ!!!

รักจิรารู้สึกเหมือนมีบางอย่างวิ่งเฉี่ยวแก้มเธอไป ขวัญชีวันตัวแข็งชาเมื่อมือของคนร้ายหลุดออก ขวัญชีวันหันไปหลังกลับไปมอง ภาพของคนร้ายสิ้นใจแน่นอน ดวงตาเบิกกว้างค้างจนปรากฏเส้นเลือด ที่กลางหน้าฝากมีมีดเล่มหนึ่งปักค้างมีเลือดไหลตามรอดมีดลงมา ขวัญชีวันมือไม้อ่อน ขายืนทรงตัวไม่อยู่เมื่อเห็นศพที่ตายอยู่ตรงหน้า ก่อนสติของขวัญชีวันจะดับวูบลงไป ชายคนหนึ่งเดินเดินเข้ามาพยุงรับร่างบอบบางของขวัญชีวันไว้ และช้อนตัวขึ้น ลูกน้องของเขาที่สวมสูทสีดำติดเข็มกลัดที่อกซ้าย L.K. วิ่งเข้ามาจะช่วย แต่หนุ่มหล่อรูปร่างสูงหน้าตาคมสันดั่งชาวตะวันตก ดวงตาสีฟ้าประกายดูมีเสน่ห์ แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกอันตราย วาทินวิ่งออกมาเมื่อได้รับการติดตามจากลูกน้องด้านนอกเขาเดินผ่านศพคนร้ายไปอย่างไม่สนใจเดินมาหยุดตรงหน้าหนุ่มหน้าฝรั่งผมทอง

“ลูคัส”

“พอดีฉันผ่านมา เจอแม่สาวไทยคนนี้กำลังโดนทำร้ายน่ะ” เขาเอ่ยภาษาอิตาเลียน วาทินมองผู้ชายตรงหน้าด้วยแววตาแข็งกร้าว

“ส่งเธอคือมา”

“ฉันเก็บได้ต้องเป็นของฉันสิ” ลูคัสเอ่ยและมองผู้หญิงหน้าตาธรรมดาในอ้อมแขน และเงยหน้ามองวาทินอีกครั้ง วาทินยังคงนิ่งไม่ได้แสดงอาการอะไร นอกจากพูดคำเดิม

“ส่งเธอคืนมาลูคัส”

“ก็ได้ กระต่ายน้อยตัวนี้คราวหน้าถ้าฉันเก็บได้ฉันเอานะ เห็นว่าบอดี้การ์ดขวาซ้ายของนายติดใจกันงอมแงม แสดงว่ามีทีเด็ดอยู่สินะ” ทิมที่อารมณ์ร้อนทำท่าจะเข้าไปจัดการคนปากเสีย

“ทิม กลับ” วาทินรับตัวขวัญชีวันที่แม้จะสลบไป แต่ยังมีอาการผวา ที่แก้มซ้ายมีรอยแผลเล็ก ๆ ที่เกิดจากรอยมีดที่ปามาเมื่อครู่ เขาจ้องหน้าลูคัส

“ถ้าฉันรู้ว่านี่เป็นฝีมือนาย นายกับฉันเราเห็นดีกันแน่” แล้ววาทินก็เดินกลับขึ้นไปที่รถ เขาวางร่างบางของขวัญชีวันลงที่ข้าง ๆ ทิมกลับมาทำหน้าที่เป็นพลขับเช่นเดิม

“นายครับนายว่าเป็นฝีมือของลูคัส หรือโจชัวครับ”

“นายก็น่าจะเดาออกนี่ว่าใคร”

“ถ้าไม่ได้ขวัญชีวันนายคงแย่ พวกเราพลาดที่ประมาท”

“ช่างมันเถอะ ถึงมันจะเข้ามาถึงตัวฉันมันก็ทำอะไรฉันไม่ได้นายก็รู้ เดี๋ยวเรียกหมอวสันต์ให้ด้วย” เขามองไปที่ขวัญชีวันผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อที่ข้างเอวเธอและเช็ดรอยแผลเล็ก ๆ ที่มีเลือดซึมออกมาให้ รวมถึงที่ต้นคอ ไม่รู้ว่าดวงเธอซวยหรือยังไง ถึงต้องมาอยู่ร่วมชะตาตอนมีเรื่องเสมอ



ขวัญชีวันลืมตาขึ้น เธอสลบไปเกือบห้าชั่วโมง ใบหน้ามีร่องรอบผวา เมื่อหันไปมองรอบ ๆ เห็นว่าเธออยู่ในห้องนอนไม่ริมชายหาด แต่ความรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ที่แผลตรงต้นคอยังอยู่ทำให้รู้ว่าเหตุการณ์ที่เธอเผชิญมันเป็นเรื่องจริง ขวัญชีวันเปิดประตูลงจากห้อง และเดาว่านี่คงเป็นบ้านพักในเมืองภูเก็ตของวาทิน ขวัญชีวันเดินลงมาเจอกับคิมหันต์

“คุณคิม...”

“คุณขวัญ ผมพึ่งได้ข่าวจากทิมว่าคุณโดนทำร้าย ไม่เป็นอะไรนะครับ” พอพูดใบหน้ากลม ๆ น่ารักของขวัญชีวันก็เริ่มซีดขึ้นมาอีกครั้ง ภาพผู้ชายที่ตายยังติดตามเธอ เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นภาพคนตายชัดขนาดนี้

“พรุ่งนี้เช้าแวะไปทำบุญไหมครับเผื่อคุณจะสบาย” ขวัญชีวันพยักหน้า

“คุณคิมหายไปไหนมาเสียหลายวันคะ” ขวัญชีวันถามและมองใบหน้าของผู้ชายที่อ่อนโยน รอยยิ้มของเขาช่วยขับไล่ความรู้สึกไม่สบายใจออกไป

“ทำงานครับ เดี๋ยวผมขอตัวก่อน พรุ่งนี้เช้าผมจะมารอคุณขวัญที่หน้าบ้านนะครับ” ขวัญชีวันพยักหน้าและมองคิมหันต์ที่เดินเข้าไป ขวัญชีวันถอนหายไจพอหันหน้าไปก็สะดุ้งอย่างตกใจเมื่อเจอหน้าวาทิน

“ดีขึ้นแล้วหรือไง” เขาถามเสียนิ่งเช่นเคย

“ค่ะ...เอ่อ...”

“นี่ยาเก็บไว้ทาจะได้ไม่มีแผลบนหน้า น้องสาวเธอจะได้ไม่มาอาละวาด วันนี้น้องอีฟฉันจะดูเอง เธอไปพักเถอะ” วาทินเอ่ย ขวัญชีวันทำท่าจะเถียงแต่เมื่อเจอสายตาดุ ๆ ของเขาเธอจึงได้แต่พยักหน้ารับ

“เดี๋ยว...” ขวัญชีวันชะงัก และหันกลับไปมองวาทิน

“คะ...”

“ขอบคุณสำหรับวันนี้ แม้เธอจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เธอช่วยฉันกับน้องอีฟ แล้วเรื่องวันนี้ก็ถือเสียว่าฝัน ภาพพวกนั้นถือซะว่าไม่ได้เกิด อะไรไม่ดีก็ไม่ต้องไปนึกถึงมันหรอก จะไม่สบายใจเสียเปล่า ๆ ไปพักเถอะ” และเขาก็หันหลังเดินไป ขวัญชีวันมองเขาและยิ้มออกมา เธอเคยบอกแล้วว่าเขาเป็นคนดีมาก ๆ คนหนึ่ง แต่เป็นคนดีที่อันตรายเกินไป ถ้าเธอไม่อยากเสียใจเธอควรจะถอยห่างสินะ

“คุณวาทินถ้าเป็นผู้หญิงที่รักจะยอมปกป้องด้วยชีวิต แค่อันตรายน่ะคุณวาทินไม่แคร์หรอก แต่จำไว้ว่าคุณวาทินเป็นผู้ชายที่เธอรักไม่ได้ขวัญชีวัน เพราะถ้าเธอรัก มีแต่เธอที่จะเจ็บปวดน่ะขวัญชีวัน หยุดแค่ที่ชอบเถอะ” ขวัญชีวันหันไปมองผู้ชายอีกคน วันนี้ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวคนโน้นปรากฏหน้าคนนี้ปรากฏหลัง แต่ละคนให้ความรู้สึกแตกต่างโดยเฉพาะคนหลังสุด ทำไมทุกคนต้องบอกว่าเธอจะรักเขากัน เธอไม่ได้รักเขา

“ฉันไม่ได้...”

“ฉันไม่ได้กินหญ้านะขวัญชีวัน ตาเธอน่ะมันฟ้องทุกอย่าง เธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่านยาก ฉันหวังดี อย่ารักคุณวาทิน”

“ทำไมคะ” ขวัญชีวันถามออกไป ถึงปากจะบอกไม่ได้ชอบไม่ได้รัก แต่ก็ยังเจ็บหน่วง ๆ ที่หัวใจเมื่อโดยห้าม

“เธอไม่จำเป็นต้องรู้ รู้แค่ว่าคุณวาทินไม่สามารถให้สิ่งที่เธอต้องการตอบได้ วันใดที่น้องเธอหาเงินมาครบเธอจะได้ไม่ต้องเจ็บ” และเขาก็เดินไปทิ้งความเจ็บปวดหน่วง ๆ ให้กับเธอ เธออยากจะถามนี่มันเรื่องอะไรกัน เรื่องที่เธอเจอวันนี้มันยังไม่มากพออีกหรอ แล้วยังมีเรื่องให้เธอต้องคิดมากอีก




เพียะ!!!

“ผมเจ็บนะ” ใบหน้าหล่อสะบัดไปตามแรงตบ มีเลือดไหลซึ่มออกมาจากมุมปาก

“เจ็บสิดีจะได้ไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้นอีก แกทำแบบนี้ไอ้วาทินมันก็รู้ตัวสิว่าพวกเราคิดจะฆ่ามัน มันได้ไหวตัวทัน แล้วไอ้สิ่งที่ทำมามันก็จะสูญเปล่ากันพอดี”

“แต่ลุงสั่งให้ผมจัดการมันนี่ครับ”

“ใช่ แต่ฉันสั่งให้คิดวิธีดี ๆ วิธีโง่ ๆ แบบนี้ไม่เกินวันนี้มันก็สิบจนรู้ว่าแกเป็นคนส่งนักฆ่าฝีมือกระจอกไปฆ่ามัน” ชายหนุ่มที่โดนว่าก้มหน้า

“แต่ถึงมันจะจับได้แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้”

“แต่มันถืออำนาจไว้อยู่ จำใส่กะโหลกหนา ๆ ของแกไว้ด้วย แล้วสิ่งที่แกทำมันจะกลายเป็นประโยชน์ให้กับไอ้ลูคัสแทน ตอนนี้แกอยู่เงียบ ๆ ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องเคลื่อนไหว รอวันประชุมผู้ร่วมตระกูลและผู้ถือหุ้น”

“ลุงครับ ผมว่าเราเลิกเถอะครับ ผม...”

“มันเป็นของแก ทุกสิ่งทุกอย่างมันควรจะเป็นของแก หุบปากแล้วไปทำงานของแกที่ไม่ใช่การวาดภาพและสั่งงานโง่ ๆ ถ้าแกจะไม่ได้อะไร ทุกสิ่งในตระกูลก็ต้องย่อยยับ ฉันไม่ยอมหรอก” แล้วผู้อาวุโสก็เดินหนีไปทิ้งให้หนุ่มหล่อรูปร่างผอมบางแต่สูงสมส่วนยืนนิ่ง



...ติดตามตอนต่อไป...



พบกันตอนต่อไป
อย่าลืมช่วยกันคอมเม้นส์นะคะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มิ.ย. 2557, 23:49:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2557, 23:49:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1072





<< 14 ไม่ใช่ผู้ชาย   16 เป็นข่าว (ฉาว) อีกแล้ว >>
แว่นใส 29 มิ.ย. 2557, 07:33:59 น.
แล้วจะหยุดทันเหรอ


yimyum 29 มิ.ย. 2557, 10:11:33 น.
ใครหว่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account