แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 16 เป็นข่าว (ฉาว) อีกแล้ว

กว่าจะหาเวลาว่าง ไรเตอร์เหนื่ิอยและเพลียมาก ไปสังเกตการสอน
ช่วงนี้เลยไม่ค่อยได้เข้ามาแวะทักทายและอัพตอนเพิ่ม และอาจจะหายไปอีกหลายวัน
แต่ไรเตอร์พยายามจะหาเวลาว่าง วันเสารือาจจะแวะมาลงตอนเพิ่มให้อีกนะคะ




16
เป็นข่าว (ฉาว) อีกแล้ว

แก้วกัลยาขับรถออกจากบ้านแต่เช้า ช่วงนี้เธอออกจากบ้านเช้าติดกันบ่อยมาก ต้นเหตุที่ทำให้เธอรีบออกมาก็เพราะเพทาย อยู่ ๆ ก็มีผู้อ้างตัวตั้งชื่อเว็บบอร์ดว่าแอนตี้วีนัส ปล่อยข่าวเสียหายของบริษัทวีนัสอีกครั้ง วีนัสกลายเป็นประเด็นข่าวในหน้าหนึ่งเมื่อนักร้องในสังกัดอีกหลายคนโดนขุดพฤติกรรมเก่าก่อนจะมาเป็นนักร้องออกมาตีแผ่ และพวกนักข่าวก็ชอบข่าวแรง ๆ และที่สำคัญที่สุดคือนักร้องเบอร์หนึ่งในตอนนี้อย่างคีตภัทรที่โดนโดนขุดอดีตจนรู้ว่าคีตภัทรเป็นลูกของคุณธนากร แต่ไม่ได้เกิดจากคุณพรรณราย แต่เป็นลูกที่เกิดจากเลขาของคุณธนากรซึ่งเป็นเมียน้อย ปมประเด็นนี้กลายเป็นข้อถกเถียงใหญ่โต ขนาดเบอร์หนึ่งอย่างคีตภัทรอย่างโดยขนาดนี้ ภาพลักษณ์ของวีนัสกำลังจะเสียหาย

“คุณกลับไปก่อนนะคุณมงกุฎ” แล้วแก้วกัลยาก็วิ่งกระหือกกระหอบขึ้นไปข้างบน เมื่อเปิดประตูเข้ามาใบหน้าเพทายเครียดขึงกว่าเมื่อวานเสียอีก เธอไม่เข้าใจว่าเพทายดวงตกหรือไง หรือดวงศัตรูเข้าแทรกถึงโดนเละขนาดนี้

“คุณเพชร” เขาเงยหน้าขึ้นจากโน้ตบุ๊ก มองแก้วกัลยาที่ถือกล่องอาหารเดินเข้ามา

“กินอะไรหน่อยนะคะ มินตราโทรมาบอกคุณเข้าบริษัทตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ตอนนี้กินอะไรสักนิดนะคะ เดี๋ยวคุณเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะแย่เอา ปัญหาตอนนี้เยอะพอแล้ว” ในมือแก้วกัลยาถือกล่องอาหารมาวางลงที่โต๊ะเพทาย เขาส่ายหน้า แต่แก้วกัลยาก็เปิดกล่องอาหารและลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เขา

“เลือกเอาจะกินเองหรือให้ฉันป้อน ถ้าฉันป้อน ฉันไม่ใช้มือป้อนนะคะ” เขาถอนหายใจกับความจู้จี้ของแก้วกัลยาแต่ยอมตักข้าวเข้าปากสี่ห้าคำและปิดกล่อง ตอนนี้เขากินอะไรไม่ลง แก้วกัลยามองข้าวที่กินไม่หมด แต่ก็ดีกว่าเขาไม่กิน

“แขนฉันก็เดี้ยง ตามข้อตกลงคุณต้องดูแลฉันจนกว่าฉันจะตัดเฝือกที่ออก นี่อะไร อย่าให้ฉันรู้นะว่าใครมันทำ ฉันจะตามไปถลกหนังหัวมัน บังอาจทำให้ฉันเสียโอกาส” แก้วกัลยาบ่น เพทายเหล่ตามองแก้วกัลยาที่บ่นไม่หยุด สุดท้ายเธอก็หันมาถามเขา

“แล้วรู้หรือยังคะว่าใครปล่อยข่าว แล้วเจ้าของเว็บบอร์ดนั่นเป็นใครถึงรู้เรื่องพวกนี้ได้”

“กระทู้เว็บบอร์ดเป็นนามแฝง ประวัติของผู้สร้างเว็บบอร์ดก็ไม่ใช่ของจริง”

“ฉันเข้าใจว่าการเป็นข่าวฉาวจะช่วยสร้างกระแส แต่นี่เล่นฉาวทั้งบริษัทแบบนี้ เฮ้อ ...ฉันคิดว่าคุณควรรีบจัดแถลงข่าวก่อนมันจะแย่ไปกว่านี้ อีกสามวัน ไม่สิ พรุ่งนี้เลยดีกว่า เพราะถ้าปล่อยให้นานไปบริษัทคุณจะดำดิ่งลงเหวแน่” แก้วกัลยาเสนอความคิด
“คุณคิดว่าผมไม่อยากทำหรือไงแก้วกัลยา แต่ข่าวคีตะ ภีม แบร์ ไหนจะคุณนกโปรดิวเซอร์ของค่ายที่โดยข่าวว่าเป็นเมียน้อยของผู้บริหารช่องแปด ข่าวพวกนี้ใหญ่ เป็นผลกระทบมากกว่าข่าวพวกขุดพฤติกรรมเก่านักร้องเสียอีก”

“ถึงอย่างนั้นคุณก็ต้องแถลงข่าวนะคะคุณเพชร คุณเป็นผู้บริหารฉันว่ามันคงไม่อยากเกินความสามารถคุณหรอก ฉันก็ไม่เคยทำงานบริหารแบบคุณ แต่ฉันพูดในฐานะคนที่บริโภคข่าวสาร ข่าวจะตีออกไปเรื่อย ๆ และไอ้คนที่มันแฝงตัวเป็นเงาร้ายในโลกอินเตอร์เน็ตมันจะเล่นแรงขึ้น ฉันคิดว่าคุณออกตัวไปแถลงข่าว แก้ประเด็นรอง ๆ ของนักร้องคนอื่นก่อน ส่วนข่าวใหญ่ของสี่คน คุณนัดแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยออกไปประกาศชัดเลยว่าข่าวที่เกิดขึ้นเกิดจากคนที่ไม่หวังดี และที่สำคัญคุณอย่าพักงานนักร้องที่เป็นข่าวเด็ดขาด ให้นักร้องที่เป็นข่าวให้ข่าวไปตามความจริง ประชาชนต้องการความจริง ดังนั้นคุณเชื่อฉันว่าจัดแถลงข่าว หาทางยุติข้อโต้แย้งในอินเตอร์เน็ต ให้ทุกคนได้รู้ว่าข่าวที่เกิดขึ้นเกิดจากคนที่ไม่หวังดีต่อวีนัส” เพทายยิ้มให้กับแก้วกัลยาเป็นครั้งแรก แม้จะเป็นยิ้มที่อ่อนล้า

“คุณมินตราเข้ามาพบผมด้วย” มินตราเปิดประตูเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าโต๊ะ

“คุณมินตราคุณโทรไปแจ้งนักข้าวแต่ละสำนักพิมพ์ว่าเราจะจัดแถลงข่าววันพรุ่งนี้ตอนสิบโมง แล้วเรียกตัวนักร้องทุกคนในค่ายในมาพบผมวันนี้ตอนหกโมง” มินตรารับคำสั่งและเดินออกไป

“เรื่องคีตะ ฉันคิดว่าปัญหาไม่ได้ใหญ่ ทำไมไม่เรียกคุณพรรณรายกับคุณธนากรออกมาเคลียร์ล่ะคะ”

“น้าพรรณรายไปปฏิบัติธรรมที่อินเดียกับแม่ผม ถ้าโทรไปตามแม่ผมต้องร้อนใจตามมาแน่ ส่วนลุงธนากร ท่านมีปัญหากับคีตะ บอกว่าจะไม่ยุ่งด้วย เพราะเขาเคยออกตัวแล้วว่าจะไม่เข้าไปมีส่วนเกี่ยว”

“แสดงว่าคุณธนากรกับคีตะก็มีปัญหาในครอบครัวจริง ๆ สิคะ” เพทายมองแก้วกัลยา

“ขอโทษค่ะ ฉันก็แค่แปลกใจ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราก็แก้ปัญหารองไปก่อน ปัญหาหลักฉันว่าคุณคงต้องลงจากเก้าอี้ไปดูเองแล้ว เอาอย่างนี้ไหมคะหลังวันแถลงข่าวเราไปพบภีมดีไหมคะ ข่าวของภีมส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์งานถูกยกเลิกหมดแล้ว ร้ายแรงกว่าคีตะอีก” ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกได้แต่พยักหน้ารับ เขามองสีหน้าของแก้วกัลยาที่เหมือนกำลังช่วยเขาคิดวิธีแก้ปัญหา เขาพึ่งรู้อีกข้อในวันนี้ว่าแก้วกัลยาไม่ใช่ผู้หญิงที่ฉลาดเรื่องโกงและความเจ้าเล่ห์ เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดในความคิด นี่คืออีกมุมที่เขาไม่เคยเห็น แก้วกัลยาไม่ใช่คนที่สวยไปวัน ๆ เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและยืนหยัดด้วยตัวเอง บางทีเขาควรจะมองผู้หญิงคนนี้ในอีกมุมบ้าง เขาอาจจะได้เจออะไรดี ๆ ในตัวเธอก็ได้

“จริงสิคะ เรื่องคีตะ คีตะจะออกจากโงพยาบาลวันนี่คะ ตอนนี้เจ็ดโมง ฉันว่านักข่าวต้องมารอหน้าห้องแล้วแน่ ๆ” เหมือนเพทายจะพึ่งนึกออก มัวแต่คิดเรื่องอื่นจนลืมเรื่องนี้ไปได้

“ถ้าฝ่าออกจากโรงพยาบาลไปได้ก็ต้องไปเจอที่หน้าคอนโด ผมว่าคงต้องพาไปเซฟเฮ้าส์ ผมว่าจะให้คีตะพักงานสองอาทิตย์ รอให้สภาพร่างกายพร้อม เรื่องคนร้ายก็ยังจับตัวไม่ได้ ไม่รู้ว่ามันจะลงมืออีกหรือเปล่า”

“ฉันมีวิธีค่ะ” เพทายพยักหน้าเหมือนอยากฟัง

“คอยแป๊บนะคะ” แก้วกัลยาโทรหาคน ๆ หนึ่งที่จะช่วยได้

(ว่าไงแก้ว)

(วันฉันมีเรื่องให้เธอช่วย คือว่า....) เมื่อเอ่ยสั่งจบก็หันมามองเพทาย

“ทีนี้ก็เรียบร้อยสองสามวันนี้ให้คีตะไปพักที่บ้านฉันก่อน พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ ฉันจะให้วันพาคีตะไปเก็บตัวที่ระยองทีนี้ก็เหลือแค่รีบหาทางเคลียร์ข่าว คุณช่วยไปคุยกับคุณธนากรอีกครั้งได้ไหมคะ ยังไงคุณธนากรก็เป็นพ่อ แล้วช่วยคุณเรื่อง....”

“ทำไมครับ”

“ฉันบอกให้ทำอะไรก็ทำไปเถอะ เชื่อสิว่าวิธีของฉันเวิร์ก ระหว่างนี้ฉันจะหาทางติดต่อกับพวกแฟนคลับของคีตะอีกที วันนี้ฉันมีธุระ คุณอย่าลืมกินข้าวที่เหลือ ไม่ต้องห่วงถ้ามีฉันคุณไม่โดยปลดแน่ บริษัทนี้พ่อคุณสร้างเรื่องอะไรฉันจะยอมให้วาที่สามีฉันเสียมันล่ะ”

“คุณแก้ว” เขาเอ่ยเรียกเสียงดุที่แก้วกัลยาพูดออกมาได้ไม่อาย เขาเป็นผู้ชายเขายังไม่กล้าพูดแบบนี้กับใครเลย ถ้าเธอทำตัวปกติสักนิดเขาอาจจะหวั่นไหวไปแล้ว แต่แบบนี้เขาหวั่นไหวไม่ลง

“เรียกแบบนี้แสดงว่ารักใช่ไหมคะ ก่อนไปขอบอกอะไรอย่างหนึ่งนะคะ สายตาชื่นชมฉันไม่อยากได้ แต่ฉันอยากได้หัวใจ ถ้าอยากตอบแทนที่ฉันช่วยขอใจนะคะ ไม่เอาชื่นชม พอดีฉันโลภมาก ๆ” แล้วแก้วกัลยาก็เดินออกไป แต่อยู่ ๆ ก็เปิดประตูเดินกลับเข้ามาทำเอาเขาตกใจ

“ฉันลืมบอกคุณ รักที่รักของแก้วนะคะ จุ๊บ ๆ แล้วคืนนี้จะโทรมากู๊ดไนท์คิสนะคะ ถ้าไม่รับสายฉันจะขับรถไปกู๊ดไนท์...คิส...ถึงบ้านคุณนะคะ” แล้วแก้วกัลยาก็เดินออกไป การหยอกล้อให้ใบหน้าของเพทายเปลี่ยนไปมากลายเป็นความสุขของเธอไปแล้ว เพราะเวลาหน้าเขาเหลอ ตกใจ งุนงง มันทำให้เธอรู้สึกว่าเขามีชีวิตชีวากว่าสวมหน้ากากแล้วยิ้มสุภาพ ๆ ที่มันดูเสแสร้าง รวมถึงเธอชอบใบหน้าแดง ๆ ของเขาที่เขาเผลอทำออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาไม่รู้หรอกยิ่งทำเธอก็ยิ่งชอบ เธอชอบผู้ชายขี้อายแบบเขานี่ล่ะ และเขาต้องเป็นของเธอ



วันวิวาห์วางโทรศัพท์กำลังจะเดินออกจากห้องตรวจ วันนี้เธอมีเข้าเวรเช้า เธอพึ่งมาถึงไม่นานแก้วกัลยาก็หางานมาให้เธอทำเสียแล้ว วันวิวาห์เปิดประตูออกไปเจอหน้านายตำรวจหนุ่มในชุดเครื่องแบบสีกากี ใบหน้าหล่อเข้มคมสุภาพ จุดเด่นของเขาคือคิ้วเข้ม ๆ นั้นที่มองทำให้รู้ว่าเขานี่แหละต้นแบบหนุ่มไทยแท้ในมือถือตะกร้าขนมและยื่นให้กับเธอ

“สวัสดีครับคุณหมอ”

“อ้าวผู้กอง ทำไมแวะมาได้ล่ะคะ คุณป้าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” วันวิวาห์เอ่ยถามถึงอดีตคนไข้อของเธอทันที

“เปล่าครับ ผมแวะมาทำธุระที่กรุงเทพ แม่ก็เลยฝากขนมมาให้”

“วันเกรงใจค่ะ ทีหลังไม่ต้องนะคะ มาทีไรซื้อขนมมาฝากทุกที แต่ไม่ได้ถึงท้องฉันหรอกนะคะ น้องสาวฉันกินคนเดียวหมด” วันวิวาห์เอ่ย นายตำรวจคนนี้คือ ร้อยตำรวจเอกยศวิน โรจนปิติ ทั้งสองรู้จักกันเมื่อสามปีก่อน เมื่อวันวิวาห์ไปช่วยแม่เขาที่เป็นลมในวัด และแม่ของยศวินยังเป็นคนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดโรคลิ้นหัวใจรั้วไปเมื่อปีก่อน ตอนนี้อาหารทรงตัวดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานคงจำกลับมาเป็นปกติ และยศวินเป็นเพียงชายหนุ่มคนเดียวที่ยังเทียวไล้เทียวขื่อขายขนมจีบให้กับเธอ และยึดคติช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม เขาไมได้ผลีผลามจีบแบบทุก ๆ คน จึงทำให้วันวิวาห์ยอมคุยกับเขานานขนาดนี้

“ไม่เป็นไรครับใครกินก็เหมือนกัน แล้วคุณวันกำลังจะไปตรวจคนไข้หรอครับ”

“เปล่าค่ะ ไปช่วยคนไข้ค่ะ”

“ช่วย...” วันวิวาห์พยักหน้า และรับตะกร้าเข้าไปเก็บในห้องและเดินออกมา

“ไปด้วยกันไหมคะ” วันวิวาห์เอ่ยชวน เขาพยักหน้าและเดินตามคุณหมอสาวแสนสวยไปที่ห้อง 505 ตอนนี้นักข่าวยืนออกเต็มหน้าห้องอย่างที่แก้วกัลยาว่า

“เหมียว” วันวิวาห์เอ่ยเรียกพยาบาลคนหนึ่งที่กำลังเดินมา

“คะคุณหมอ”

“เดี๋ยวช่วยตามบุรุษพยาบาลสักสองคนมาที่ห้อง 505 ให้หมอทีนะ แล้วก็ยืมชุดของบุรุษพยาบาลมาให้หมอด้วย” พยาบาลเหมียวพยักหน้าและเดินไป การ์ดที่เฝ้าหน้าห้องเปิดทางให้วันวิวาห์และยศวินเข้าไปด้านใน ภายในห้องไม่ได้มีแค่คนไข้อย่างคีตภัทร แต่มีผู้จัดการส่วนตัว การ์ดอีกห้าคน หมอยิหวา และมีผู้ชายแปลกหน้าอีกคนหนึ่งที่แต่งตัวคล้ายกับคีตภัทร มีแว่นตาปกปิดพลางหน้าไว้ และมีผ้าปิดจมูกปิดไม้อีกที แต่ลักษณะโดยรวมคือเหมือนมาก วันวิวาห์ไม่คิดว่าเวลาสั้น ๆ แก้วกัลยาจะหาคนที่เหมือนขนาดนี้มาได้ พยาบาลเหมียวเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับบุรุษพยาบาลสองคนที่เข็นวีลแชร์เข้ามาด้านใน พยาบาลเหมียวส่งชุดบุรุษพยาบาลให้กับวันวิวาห์ซึ่งวันวิวาห์ก็ส่งมันให้กับคีตภัทร คีตภัทรรับมาอย่างรู้งาน

“คุณเพชรคงโทรมาแจ้งเรื่องแผนแล้ว ขอบคุณคุณหมอมากนะคะที่ช่วย ดิฉันฝากคีตะด้วยนะคะ” จีน่าผู้จัดการส่วนตัวของคีตภัทรเอ่ยขึ้น วันวิวาห์พยักหน้ารับ

“แผนนี้เวิร์กแน่นะหมอวัน” ยิหวาถามมองผู้ชายที่มีลักษณะเหมือนคีตภัทรแบบถอดแบบกันมาเดินไปนั่งที่วีลแชร์ แม้จะถอดผ้าปิดปากออกแต่ถ้ายังสวมแว่นตา เขาก็คล้ายคีตภัทร ไม่ได้ได้มานั่งจ้องหน้าก็คงไม่มีใครจับได้ ส่วนคีตภัทรตัวจริงเปลี่ยนมาใส่ชุดบุรุษพยาบาล เรือนผมที่เคยยาวถูกตัดให้สั้นอีกเล็กน้อยและเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทไม่ใช่สีน้ำตาลแดง ซึ่งจีน่าเป็นคนจัดการเองทั้งหมดเพื่อกันไม่ให้ข่าวหลุดออกไป พยาบาลเหมียวส่งผ้าปิดปากให้ให้กับคีตภัทรเพื่อกันพลาด

“หมอหวา ฝากด้วยนะคะ คุณวิน ฉันอยากจะให้คุณช่วยอะไรได้ไหมคะ” วันวิวาห์หันไปมองยศวันที่ยิ้มและพยักหน้ารับ ทำเพื่อวันวิวาห์ทำไมจะไม่ได้

“คุณช่วยเดินออกไปพร้อมกับการ์ดที่ต้องพาคุณคีตะพอลงไปส่งที่รถ และคุณช่วยขับรถตามหลังรถคันที่จะพาตัวคุณคีตะตัวปลอมนี้ไปส่งให้ถึงเซฟเฮ้าส์ด้วย รบกวนด้วยนะคะ”

“ครับ แล้วผมจะโทรไปรายงาน ตอนนี้น่าจะพร้อมแล้ว” และการ์ดก็เดินมากันตัวคีตภัทรไว้และเปิดประตูเดินออกไป โดยมีบุรุษพยาบาลตามประกบไปด้วย พร้อมกับจีน่า หมอยิหวาและยศวินที่ตามออกไป พยาบาลเหมียวมองความวุ่นวาย เมื่อนักข่าวเห็นรถวีลแชร์เนออกมาก็พากันกรูเข้าไปถ่ายรูป แต่การ์ดก็กักตัวของคีตภัทรตัวปลอมนั้นไว้ได้ เมื่อนักข่าวหายไปจากหน้าห้อง พยาบาลเหมียวเดินเปิดประตูออกไปสำรวจ

“ไปหมดแล้วค่ะหมอวัน เอ่อ...หมอวันคะ นี่จดหมายผู้อำนวยการสั่งให้ดิฉันนำมาให้เมื่อสักครู่นี้” วันวิวาห์พยักหน้ารับและหันไปมองคีตภัทรให้เดินตามลงไปที่บันไดหนีไฟ นี่เป็นแผนของแก้วกัลยา จากนี้ในบ้านเธอที่เคยมีผู้หญิงล้วนจะมีสมาชิกผู้ชายเพิ่มเข้ามาหนึ่งหน่อ ซึ่งตอนแรกวันวิวาห์ไม่เห็นด้วย แต่เพราะแก้วกัลยาอ้างว่าเพื่อชีวิตของคนไข้ที่ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นตายยังไงหลังจากนี้ เธอเห็นข่าวของคีตภัทรแล้วเมื่อเช้า เธอเองก็พึ่งรู้ว่าเขาเป็นลูกของผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่ที่อึ้งกว่าเก่าคือไม่ใช่ลูกที่เกิดจากภรรยาโดยถูกกฎหมาย ผู้อำนวยการไม่ได้มีท่าทางเป็นคนเจ้าชู้เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อ สุดท้ายเมื่อคุยไปเรื่อย ๆ เธอก็แพ้ให้กับแก้วกัลยาถึงต้องมาเป็นสารถีขับรถให้กับเขานี่ไงล่ะ

“ไปถึงบ้านคุณห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด อีกสามวันฉันจะไปส่งคุณที่ระยอง” คีตภัทรพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงวันวิวาห์ขับพาคีตภัทรฝ่าจราจรที่แน่นเอียดมาถึงบ้านของเธอ คีตภัทรถอดผ้าปิดปากออก แก้วกัลยาเดินออกมาจากบ้าน

“อิจฉานักร้องดังเสียจริง ป่วยแค่เนี้ยนอนค้างโรงพยาบาลซะหลายวัน”

“คุณแก้วแขนหักหรือครับ” แก้วกัลยามองแขนตัวเองและพยักหน้านิด ๆ แต่ไม่พูดอะไรมาก

“แก้วอยู่แล้ว งั้นวันกลับโรงพยาบาลนะ”

“กลับไปไหน ที่มามาเอาของ แล้วก็จะมาบอกว่า ฉันมอบหน้าที่ดูแลคีตะให้กับวัน ฝากด้วยนะ อ่อ จดหมายจากผู้อำนวยการอ่านด้วยนะ” แล้วแก้วกัลยาก็วิ่งออกไป ทิ้งให้วันวิวาห์เอ่ยเรียกชื่อแก้วกัลยาตามหลังไป วันวิวาห์ไม่ได้แสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมายังคงทำหน้านิ่งและหันไปมองคีตภัทรที่ยืนอยู่ด้านหลัง วันวิวาห์มองจดหมายในมือและเปิดออกอ่าน ข้อความประโยคที่ยาวยืด แต่โดยรวมคือ

...พักงานสองสัปดาห์...

“นี่มันอะไรกัน” วันวิวาห์มองหน้าคีตภัทร และนึกถึงแก้วกัลยารีบกดต่อสายโทรหาทันที ไม่ถ่งสองวินาทีแก้วกัลยาก็กดรับสาย

(ว่าไง)

“ทำไมวันถึงโดยสั่งพักงาน ฝีมือแก้วใช่ไหม” วันวิวาห์เอ่ยถาม

(เปล่านะ เอาน่าปกติวันทำงานไม่มีวันหยุด เขาให้หยุดก็อุตสาห์ไปช่วย พักสักสองอาทิตย์จะได้แวะไปหาน้าสาไง แค่นี้ก่อนนะขับรถอยู่) แล้วสายก็ตัดไป วันวิวาห์หันไปมอง

“ตามมาค่ะ ฉันจะพาไปดูห้องคุณ” วันวิวาห์พาคีตภัทรเดินไปที่ห้องพักที่เคยเป็นห้องของมงกุฎที่มาอยู่ดูแลพวกเธอตอนที่มาเรียนในกรุงเทพกัน เป็นห้องพักสำรองที่อยู่ชั้นล่างใกล้กับห้องครัว ในห้องรับรองแขกนี้มีข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน สามารถให้นักร้องหนุ่มอยู่ได้โดยไม่ลำบาก

“คุณอยู่ห้องนี้ไปก่อน ส่วนเสื้อผ้าเดี๋ยวแก้วคงเอามาให้ คุณเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน ข้างบนมีแต่ผู้หญิง คุณคงรู้ว่าไม่ควรขึ้นไปนะคะ” วันวิวาห์เอ่ย เขาพยักหน้ารับและยิ้มให้ รอยยิ้มที่สว่างไสวดั่งพระอาทิตย์ทำให้วันวิวาห์รู้สึกหงุดหงิดใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“คุณหิวไหม”

“ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันออกไปซื้ออะไรให้กิน ฉันทำอาหารไม่เก่ง คงไม่อร่อย” แต่คีตภัทรกับคว้าแขนเขาไว้ วันวิวาห์หันกลับไปมองและปรายตามองมือเขาที่จับมือเธออยู่ คีตภัทรรีบปล่อยมือวันวิวาห์ออก แม้เธอจะไม่ได้ส่งสายตาดุมาให้ แต่สายตาของเธอมันเย็นเยือกมาก

“มีอะไรคะ”

“ผมทำอาหารเป็น ถ้าไม่รังเกียจให้ผมทำ แล้วคุณวันช่วยชิมได้ไหมครับ” วันวิวาห์พยักหน้ารับและเดินเข้าไปด้านใน โชคดีที่รักจิราซื้อพวกผัก เนื้อหมูติดไว้ ซึ่งถ้าเกิดมื้อไหนขี้เกลียดไปรักจิรากับเธอจะเป็นคนช่วยกันทำ แม้จะไม่อร่อยมาก แต่พอประทังชีวิตให้รอดไปอีกมื้อ วันวิวาห์เดินมานั่งที่โต๊ะกลางห้องครัว มองนักร้องดังที่ทำอาหาร จับมีด จับตะหลิวดูคล่องแคล่ว แม้สีหน้าจะไม่ได้แสดงออกมาชัด แต่แววตาเย็น ๆ ของเธอที่แปรเปลี่ยนเป็นเครื่องหมายคำถามทำให้คีตภัทรที่ลอบสังเกตอยู่ดูออก

“ตอนผมเด็ก ๆ แม่ผมป่วย ถ้าผมไม่ทำอะไรเอง แม่ก็จะไม่มีอะไรกิน ผมทิ้งแม้ที่ป่วยไปซื้อกับข้าวไกล ๆ ไม่ได้ พอช่วงเรียนผมก็แยกมาอยู่หอ ทำอะไรเอง ยิ่งตอนเป็นนักร้องถ้าว่างผมก็ชอบทำอาหาร ผมเลยพอทำได้” วันวิวาห์อยากจะพูดเหลือเกินว่านี่ไม่ใช่แค่พอทำได้แล้ว นี่มันระดับเชฟแล้ว

“ถ้าผมไม่เป็นนักร้องเสียก่อน ผมว่าผมจะไปเป็นเชฟ” เขาพูดเหมือนรู้ความคิดเธอ ไม่นานข้าวผัดร้อน ๆ ก็มาวางอยู่ตรงหน้าเธอ เมนูธรรมดาแต่เมื่อถูกจัดแต่งจานส่วนงามมันกลับน่ารับประทานมาก

“ชิมเลยครับ” วันวิวาห์ตักข้าวผัดใส่ปาก และทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อขึ้นมาทันที ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เก่งแค่ท่าทางการทำ แต่อาหารเขามันอร่อยมาก เธอคิดว่าคงไม่มีใครทำอะไรอร่อยไปกว่าแม่ของเธอ ขวัญชีวัน และเหล่าบรรดาป้าและน้าของเธอ แต่เขากลับทำอาหารอร่อยมาก

“เป็นไงครับ” วันวิวาห์พยักหน้า คีตภัทรเดินลงมานั่งข้าง ๆ

“คุณวันไม่ชอบทำอาหารหรอครับ”

“ปกติขวัญ ลูกพี่ลูกน้องอีกคนของฉันเป็นคนทำ แต่ตอนนี้ขวัญไม่อยู่”

“ถ้าอย่างนั้นให้ผมทำอาหารให้พวกคุณทานได้ไหมครับ ถือว่าตอบแทน”

“ถ้าคิดว่าไม่รบกวนคุณมากไปก็ตามสะดวกเถอะค่ะ ถ้า ถ้าอยากได้อะไรจดใส่กระดาษไว้เดี๋ยวตอนเย็นรัก น้องสาวฉันมาฉันจะให้ออกไปซื้อให้” คีตภัทรหยักหน้ารับและยังคงยิ้ม วันวิวาห์ไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้ทำไมยิ้มได้อย่างสุขใจเช่นนี้

“คุณแก้วได้บอกไหมครับว่าอีกสามวันจะให้ผมไปอยู่ที่ไหน”

“ระยอง ไปพักที่บ้านของแม่ฉันเอง รอให้ทุกอย่างเรียบร้อย คุณเพชรจะจัดแถลงข่าวอีกข่าว คุณไม่รู้จริง ๆ น่ะหรอว่าทำไมคนร้ายถึงทำร้ายคุณ”

“ผมไม่รู้ แต่ผมไม่เคยมีเรื่องกับใคร อาจเป็นเรื่องผลประโยชน์ของบริษัท การที่สั่งให้ผมยกเลิกงานทั้งหมดก็บอกอยู่แล้ว เคยมีก่อนหน้านั้นสั่งให้ผมฉีกสัญญาทิ้งด้วยซ้ำ ตอนนี้ผมเป็นนักร้องหลักของค่าย ถ้าเกิดผมไปคนหนึ่งจะมีผลกระทบแน่นอน อย่างตอนนี้ข่าวของผมก็สร้างผลกระทบไม่แพ้ข่าวคนอื่น”

“คุณพอจะเดาออกไหมว่าใครกัน”

“บริษัทคู่แข่งสำคัญของค่าย TM. มิวสิค” วันวิวาห์พยักหน้า แต่เธอไม่รู้จักหรอกว่าค่าย TM.มิวสิคคือพวกไหน แค่รู้จักวีนัส มีเดียก็ถือว่าเธอมีความรู้กว้างแล้ว ถ้าแก้วกัลยาไม่มาหลงใหลเจ้าของบริษัทนั้นและพร่ำเพ้อทุกเมื่อเชื่อวัน เธอก็คงไม่รู้หรอกว่าค่ายวีนัสคือค่ายเพลงอันดับหนึ่ง


.....ติดตามตอนต่อไป....


พบกันตอนต่อไปนะคะ ฝากคอมเม้นส์ด้วยนะคะ จะได้หายเหนื่อย ตอนในสต็อกเริ่มหมด
ต้องเร่งแต่งเพิ่ม อาจเห็นคำผิดอยู่บ้าง ขอโทษด้วยนะคะ และจะตามมาแก้ให้ทีหลัง



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ค. 2557, 19:10:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ค. 2557, 20:19:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1512





<< 15 หยุดหัวใจ   17 ตกหลุมรักอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง >>
yimyum 3 ก.ค. 2557, 20:03:22 น.
อยากรู้เมื่อไหร่วันจะเลิกเย็นชา


แว่นใส 3 ก.ค. 2557, 21:20:05 น.
เรื่องสุ่น ๆ มีได้ตลอด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account