บ้านวุ่น อุ่นไอรัก
นายโปรดน่ะเหรอ... ขี้เก๊ก ปากจัด สำอาง เรื่องเยอะ! นี่ยังน้อยไปเสียอีกที่เธอจะนิยามความเป็นตัวเขาได้หมด พอกันที! เธอจะไม่ทนกับคนที่มีดีแค่หน้าตากับซิกส์แพ็ก แต่สมองแรมน้อยเสียยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าโขกสับอีกต่อไป!
อนาวิลาน่ะเหรอ... ชอบสั่ง ชอบสอน จู้จี้ ขี้งก! ที่สำคัญเธอยังมีลูกสมุนเป็นหมาตั้งสี่ตัว อะไรกัน! นี่เขาต้องอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์ป้าสายพันธุ์หมูพร้อมฝูงหมาเป็นเวลา 365 วัน ใครก็ได้...ให้เขาไปอยู่บ้านผีสิงเสียยังดีกว่าต้องรับมือกับความวุ่นวายนี่
นายโปรดน่ะเหรอ... บางทีเขาก็มีน้ำใจนะ เขาสัญญาว่าจะแปลงโฉมสาวอวบระยะสุดท้ายอย่างเธอให้ผู้ชายที่เธอแอบชอบหันมาสนใจ เขาทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน
อนาวิลาน่ะเหรอ... เธอก็ไม่ได้ขี้บ่นเสียทีเดียวหรอกนะ บางครั้งยัยมนุษย์ป้าก็มักพูดอะไรให้เขาฉุกคิดและกลับมามีกำลังใจมุ่งมั่นทำตามฝัน ไปๆ มาๆ ผู้หญิงอวบอ้วน เชยๆ เฉิ่มๆ ดันกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแฟชั่นเซ็ตนี้ของเขาไปเสียนี่ ไม่อยากเชื่อเลย
เรื่องราววุ่นวายใต้ชายคาเดียวกัน ระหว่างชายหนุ่มเจ้าสำอางกับมนุษย์ป้าร่างอวบ พ่วงด้วยลูกสมุนสี่ขาสี่ตัวพร้อมที่จะมาสร้างรอยยิ้ม หรืออาจเรียกน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
http://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
อนาวิลาน่ะเหรอ... ชอบสั่ง ชอบสอน จู้จี้ ขี้งก! ที่สำคัญเธอยังมีลูกสมุนเป็นหมาตั้งสี่ตัว อะไรกัน! นี่เขาต้องอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์ป้าสายพันธุ์หมูพร้อมฝูงหมาเป็นเวลา 365 วัน ใครก็ได้...ให้เขาไปอยู่บ้านผีสิงเสียยังดีกว่าต้องรับมือกับความวุ่นวายนี่
นายโปรดน่ะเหรอ... บางทีเขาก็มีน้ำใจนะ เขาสัญญาว่าจะแปลงโฉมสาวอวบระยะสุดท้ายอย่างเธอให้ผู้ชายที่เธอแอบชอบหันมาสนใจ เขาทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน
อนาวิลาน่ะเหรอ... เธอก็ไม่ได้ขี้บ่นเสียทีเดียวหรอกนะ บางครั้งยัยมนุษย์ป้าก็มักพูดอะไรให้เขาฉุกคิดและกลับมามีกำลังใจมุ่งมั่นทำตามฝัน ไปๆ มาๆ ผู้หญิงอวบอ้วน เชยๆ เฉิ่มๆ ดันกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแฟชั่นเซ็ตนี้ของเขาไปเสียนี่ ไม่อยากเชื่อเลย
เรื่องราววุ่นวายใต้ชายคาเดียวกัน ระหว่างชายหนุ่มเจ้าสำอางกับมนุษย์ป้าร่างอวบ พ่วงด้วยลูกสมุนสี่ขาสี่ตัวพร้อมที่จะมาสร้างรอยยิ้ม หรืออาจเรียกน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
http://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ ๖ มือป้านิ่มจัง
๖
อนาวิลาไม่รู้หรอกว่าผู้ร่วมชายคาอีกคนกลับเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร แต่เมื่อเธอตื่นไปทำงานในเช้าวันถัดมาพร้อมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อไวรัสแพร่กระจาย เธอก็พบรถสปอร์ตสีแดงจอดอยู่แล้วในโรงรถ
เธอจัดการธุระของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยก่อนออกไปทำงาน แล้วเมื่อกลับมาถึงบ้านตอนเย็น ทุกอย่างก็คงอยู่ในสภาพเดิมราวบ้านนี้ไม่มีผู้อาศัยอีกคน ยกเว้นเครื่องปรับอากาศบนห้องนอนใหญ่ที่เปิดอยู่เท่านั้น
แปลกจัง อ่างล้างจานก็ว่างเปล่า คนคนหนึ่งจะอาศัยอยู่ในบ้านโดยแทบไม่มีร่องรอยได้อย่างไร ที่แน่ๆ เธอไม่คิดว่าเขาจะเก็บล้างทุกอย่างเองหรอก
แล้วเธอจะสนใจทำไม ดีไม่ดีอาจถูกเขาต่อว่าให้เจ็บอีกก็ได้ คิดได้ดังนั้นอนาวิลาก็หยิบไม้กวาดและที่โกยผงหลังบ้าน เดินขึ้นไปเริ่มทำความสะอาดตั้งแต่ชั้นบน
หญิงสาวกวาดเอาเศษฝุ่นผงรวมกันสู่ที่โกยผง เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงจะนำไปเททิ้งในถังขยะพลาสติกบนชั้นเดียวกัน ก่อนจะมัดรวมถุงขยะแล้วนำลงมาทิ้งหน้าบ้าน ทว่าเมื่อเธอเหยียบฝาถังขยะเล็กเปิดก็ต้องพบว่ามีสมุดปกแข็งเล่มใหญ่ขวางอยู่
อนาวิลาก้มหยิบมันขึ้นมาพลิกเปิดดู แล้วจึงพบว่ามันเป็นสมุดวาดเขียนที่เต็มไปด้วยภาพร่างหุ่นสตรีผอมเพรียวในเสื้อผ้าอาภรณ์หลากรูปแบบ
เธอยืนดูเพลินจนถึงภาพสุดท้าย พร้อมกับพรายยิ้มแต้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวเงยขึ้นมองประตูห้องนอนใหญ่อย่างนึกรู้ว่าคงเป็นฝีมือออกแบบของเขา ไม่มีทางที่เจ้าของความคิดจะทิ้งงานของตัวเองไปได้ บางทีเขาอาจหยิบสมุดผิดเล่มทิ้งลงถังขยะ เธอก้าวไปเคาะประตูเรียก น่าเสียดายหากเขาจะทิ้งมันจริงๆ
ประตูห้องนอนบานใหญ่เปิดผางออกพร้อมกับที่ร่างสูงเพรียวยืนเท้าแขนกับกรอบประตูมองมา อนาวิลาสงบใจยื่นสมุดเล่มนั้นออกไปตรงหน้า รอคอยคำค่อนว่าว่าเธอรื้อขยะเหมือนสุนัขจากวัยรุ่นปากร้ายคนนี้อีก
"ฉันทิ้งไปแล้ว" เขาบอกห้วนสั้น
หญิงสาวรีบใช้ชายแขนเสื้อของเสื้อแขนยาวเช็ดหน้าปก แม้มันจะแทบไม่เปื้อนอะไรเลยก็ตาม ก่อนจะพลิกเปิดรูปด้านในให้เขาดู
"นายทิ้งผิดเล่มหรือเปล่า ดูนี่สิ มีแต่รูปวาดแฟชั่นสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ" เธอบอกเขาน้ำเสียงตื่นเต้น ลืมความตั้งใจจะเลิกยุ่งกับชายผู้นี้ชั่วขณะ
นายโปรดลอบมองท่าทางตื่นเต้นราวเด็กได้ของเล่นถูกใจ แล้วก็ให้เต็มตื้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่ดูเหมือนอยู่ในกรอบตลอดชีวิตอย่างเจ้าหล่อนจะยอมรับงานเหล่านี้ได้
"หึ สวยเหรอ เอาไปสิ ยกให้" เขาว่าง่ายๆ
อนาวิลารีบยกมือขวางประตูห้องที่อีกฝ่ายผลักปิด เธอเลิกคิ้วมองเขาก็เห็นชายหนุ่มกลอกตาอ่อนใจ
"ทำไมล่ะ ทำไมจะทิ้งมันเสียล่ะ" เธอเอียงคอถามอย่างไม่เข้าใจ "มันยังไม่เปื้อนหรอกนะ ในถังขยะนั้นมีแค่เปลือกลูกอมแก้เจ็บคอเอง"
"แล้วจะเก็บไว้ทำไมล่ะ ความฝันที่แตกเป็นเสี่ยงเพราะคนอื่นขว้างทิ้ง มันก็เป็นแค่เศษขยะนี่เอง" เขาเอ่ยเสียงขื่นอย่างเหลืออด
"ไม่ใช่" หญิงสาวโต้กลับ "มันเป็นความฝันของนายหรือคนอื่นล่ะ ถ้ามันเป็นความฝันของนายก็ไม่มีใครขว้างมันทิ้งได้ ยกเว้นตัวนายต่างหาก"
อนาวิลากระแทกสมุดส่งให้ นายโปรดเผลอยกมือรับเมื่อมันกำลังจะหล่น และโดยไม่รู้ตัวที่เขาดึงแขนเธอเข้ามาในห้อง เสียงประตูปิดสนิทเมื่อแผ่นหลังหญิงสาวพิงกระแทกมัน
"นายจะทำอะไร" เสียงแหบเครือถามด้วยความตระหนก
ชายหนุ่มจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตาไหวระริก หัวใจเขาโลดแรงขึ้นจนเผลอบีบต้นแขนสองข้างของเจ้าหล่อนแรง เสียงคาดคั้นเอาคำตอบสั่นพร่าตามแรงอารมณ์
"พูดใหม่อีกทีซิ"
"นะ...นายจะทำอะไร" เธอถามด้วยความตื่นกลัว
"ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้เธอพูดว่าอะไร พูดมา!"
อนาวิลาลอบกลืนน้ำลายผ่านลำคอแห้งผาก ท่าทางของเขาราวกับคนใกล้คลุ้มคลั่งเต็มที
"ฉัน...ฉันบอกว่า...ก็ถ้ามันเป็นความฝันของนาย นายต้องรักษามันเอง คนที่จะทิ้งมันไปไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นนาย ฉันไม่ได้จะสั่งสอน..."
คำพูดต่อไปถูกกลืนกลับลงไปเมื่อมือเรียวยกขึ้นมาปิดปากเธอ นายโปรดนิ่วหน้า เขาค่อยปล่อยมือจากเธอพร้อมกับก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก่อนจะเปิดดูสมุดร่างฝันที่เขาภูมิใจกับมัน
นั่นสิ ความฝันเป็นของเขา ใครก็จะทำลายมันไปไม่ได้ ตราบเท่าที่เขาเชื่อมั่นและเก็บรักษามัน แล้วเขาทิ้งมันไปได้ไง เขามันขี้แพ้สิ้นดี
ชายหนุ่มเงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้า ไม่อยากเชื่อเลยว่ายัยมนุษย์ป้าจะเชื่อในความฝันเช่นกัน เธอเป็นคนเก็บรักษามันไว้แทนคนขี้แพ้อย่างเขา ไม่เช่นนั้นต้องเป็นตนที่เสียใจไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน
นายโปรดรวบมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายมากุมไว้แน่น แล้วก็พบว่ามืออวบอูมนั้นนุ่มนิ่มจนเผลอยกมันขึ้นมาแนบใบหน้า ท่ามกลางความตกตะลึงของอนาวิลา
"นาย นายไม่สบายหรือเปล่า"
"อือ ฉันมันบ้าไปแล้วถึงทิ้งความฝันไปได้ แต่ตอนนี้หายดีแล้ว มือเธอนี่นุ่มดีเนอะ"
ยิ่งเขาพูด เธอก็ยิ่งคิดว่าชายหนุ่มอาการหนัก
"เหมือนมือแม่เลย"
เอาล่ะ เธอว่าเขาหายดีแล้ว และเธอก็ควรกลับไปทำงานบ้านของตนเสียที หญิงสาวค่อยชักมือกลับพลางผงกศีรษะเออออไปแกนๆ
"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันต้องทำงานบ้านต่ออีก"
อนาวิลาปิดปากจามก่อนเปิดประตูออกไป เพราะอากาศร้อนๆ หนาวๆ เช่นนี้ ไข้หวัดจึงทำท่าจะหวนมาเล่นงานเธอ
............................
"สุดหล่อ ไม่เล่นซนนะ ฉันซักผ้าถูบ้านอยู่ เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจับอาบน้ำจริงๆ ซะเลย"
เสียงแหบของผู้ที่ยังไม่หายป่วยดีนักบ่นว่าสุนัขเพศผู้หางดาบที่ย่ำขาหน้าของมันลงไปในกะละมังซักล้าง ขณะเธอกำลังซักผ้าถูพื้นอยู่ยังลานปูนที่ต่อออกไปหลังบ้าน ก่อนหญิงสาวจะแหวขึ้นอีกเมื่อพ่อล่ำแลบลิ้นมากินน้ำจากกะละมัง
"ล่ำ! ตะกละใหญ่แล้วนะ ไปกินน้ำในกระบะแกนู่นไป๊"
ดูเถอะ เธอว่าแล้วพวกมันยังกระดิกหาง รวมทั้งเลิฟลี่กับคุณลุงที่ลุกยืนพร้อมใจกันกระดิกหาง ทว่าพวกมันทั้งสี่ตัวแลเลยไปยังด้านหลังเธอ
อนาวิลาหันมองตามเจ้าสี่ขา แล้วจึงพบต้นเหตุของความสนใจทั้งมวลเปิดประตูมุ้งลวดออกมา เธอลอบถอนหายใจเซ็งๆ นี่คงจะลงมาต่อว่าที่เธอพูดคุยเสียงดังกับสุนัขอีกล่ะมัง
นายโปรดเดินไปนั่งไขว่ห้างบนชิงช้าเก่าซึ่งผุพังด้วยสนิมบางส่วน กระนั้นก็ดูแข็งแรงดี เมื่อสุนัขทั้งสี่ตัวไม่ได้รับความสนใจ พวกมันจึงแยกย้ายไปนอนเลียขนไม่ไกล
หญิงสาวชักอึดอัดขึ้นมา แม้เขาไม่ได้จับจ้องมายังตนและทำเหมือนนั่งชมนกชมไม้ก็ตาม นี่มันผิดปกติวิสัยของคุณชายเกินไป
"บ้านนี้ก็ร่มรื่นดีนะ"
นี่มันผิดปกติมากๆ เลยแหละ
"เจ้าสี่ตัวนั่นก็ดูเข้ากับที่นี่มากกว่าฉันซะอีก" เขาเริ่มต้นความตั้งใจสงบศึกด้วยเรื่องสุนัขที่แวบเข้ามาในสายตาพอดี "ตาก็แปลกนะ ไปเอาหมาข้างถนนมาเลี้ยง มันอาจเป็นโรคอะไรก็ได้ ถ้าตาชอบหมาก็น่าจะซื้อสายพันธุ์ดีๆ ที่มีใบเพดดิกรีสิ"
คนฟังนึกเคืองกับทัศนคติของเขาตงิดๆ เขาช่างตื้นเขินและคับแคบต่างจากชายชราผู้มีศักดิ์เป็นตาเหลือเกิน
"ดูเลิฟลี่สิ" เธอพยักพเยิดไปยังสุนัขเพศเมียสีขาวที่หมอบอยู่ไม่ไกล อดสาธยายความเป็นมาไม่ได้ "เลิฟลี่ก็เป็นพุดเดิลแท้ แต่คุณตาเล่าว่าเก็บมันมาจากวัดที่เจ้าของเอามันไปปล่อย ตอนเจอมันเลิฟลี่เป็นเรื้อน ขนแทบจะหมดตัว ทั้งตัวมีแต่แผล คุณตาขอหลวงพี่และพามันขึ้นรถไปรักษา จนมันหายดีอย่างที่เห็นนี่แหละ
"คุณตาบอกว่าทุกชีวิตต้องการโอกาส และโอกาสก็มาถึงพวกมันน้อยกว่าที่ฟาร์มหรือร้านค้าหลายเท่านัก นายว่าไหมล่ะ"
นายโปรดไม่มีคำพูดใดจะเอ่ย นอกจากยอมรับในความคิดของตาโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด
"แล้วล่ำล่ะ" เขาถามด้วยความอยากรู้ขึ้นมา
เมื่อเขาไม่ได้มาหาเรื่องกันอย่างที่คิด อนาวิลาก็พูดคุยได้สะดวกใจมากขึ้น
"พ่อล่ำน่ะมีวีรกรรมเยอะ เมื่อก่อนมันอยู่แถวตลาด เที่ยวหากินเศษอาหาร คุ้ยขยะไปเรื่อย คนเขาคงรังเกียจและรำคาญมัน วันหนึ่งมันโดนแม่ค้าเอาน้ำร้อนสาดไล่ คุณตาเห็นเหตุการณ์เลยพามันไปรักษา แรกๆ ล่ำก็ดุนะ มันคงเจอเรื่องอะไรมาเยอะ คุณตาบอกว่าต้องทั้งขู่ทั้งปลอบมันอยู่นาน"
ชายหนุ่มมองไปยังเจ้าตัวอ้วนสมชื่อ เห็นมันกำลังวิ่งไล่งับหางกุดของตัวเอง ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนหมาดุสักนิด ตาคงเลี้ยงดูมันอย่างดี
"ส่วนเจ้าสุดหล่อ ตัวนั้นคุณตาได้มันมาเลี้ยงตั้งแต่เป็นลูกหมา ช่างที่อู่ซ่อมรถยกมันให้เพราะเขาหมดสัญญาเช่า พอดีกับที่หมาที่เขาเลี้ยงไว้คลอดลูกมาเป็นโขยง ก็เลยต้องไล่แจกหาคนเมตตาพวกมัน"
"งั้นก็โชคดีกว่าเพื่อนน่ะสิ" เขาเปรย
อนาวิลายิ้มรับ ดีใจที่เขาสนใจฟังและมีความคิดเช่นเดียวกับเธอ สุนัขพวกนี้โชคดีที่ได้อยู่กับคุณตา รวมทั้งหญิงสาวอย่างเธอที่ท่านเอ็นดูเหมือนลูกหลาน นายโปรดสมควรรับรู้ความดีของท่านและภาคภูมิใจ
"แล้วไอ้หมาแก่ล่ะ ฉันคิดว่ามันอาจตายทุกครั้งที่เห็นมันนอนนิ่งอย่างนั้น"
เธอมองตามเขาไปก็เห็นคุณลุงนอนหมอบราบสนิทไปกับพื้น เปลือกตาของมันหรี่ลงจนปิดสนิท การนอนอันเป็นกิจกรรมส่วนใหญ่ของมัน
"คุณลุงแก่มากแล้ว มันเป็นหมาเฝ้าสวนที่ต่างจังหวัดของคุณตามาก่อน ก่อนท่านจะเอามันมาเลี้ยงที่บ้านนี้เป็นเพื่อน มันอยู่กับคุณตามานานที่สุด"
อนาวิลาบิดผ้าถูพื้นที่ซักเสร็จจนหมาดน้ำ ก่อนเธอจะนำไปแขวนไว้กับราวเชือกไนล่อนซึ่งผูกโยงระหว่างเสา เธอดูคล่องแคล่ว คุ้นชินกับงานเหล่านี้ดีในความคิดคนที่ไม่เคยต้องทำงานบ้าน เขาลุกตามเมื่อเธอเทอาหารเม็ดให้สมุนทั้งสี่ตัวเป็นงานต่อไป
"เออนี่" นายโปรดถูจมูกเก้อๆ เมื่อตั้งใจจะเริ่มธุระของตนอย่างจริงจัง "ฉันว่าเรามาเริ่มต้นเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันดีไหม ยังไงเราก็ต้องติดแหง็กอยู่อย่างนี้ไปอีกปี เราคงไม่อยากประสาทเสียหรอกนะ"
หญิงสาวหันมองยังร่างสูงที่ยืนซ้อนหลังตน มือไม้เขาดูจะเกะกะงุ่มง่ามเมื่อเจ้าของยกขึ้นเกาจมูก แล้วเดี๋ยวก็ลูบท้ายทอย เขาเหมือนเด็กผู้ชายขี้อายตัวเล็กๆ อย่างลูกศิษย์ของเธอ
"เอาสิ คุณตาต้องดีใจแน่ๆ ที่เราไม่ทะเลาะกันในบ้านของท่าน"
"แล้วฉันก็จะช่วยแบ่งงานเธออีกครึ่ง" เขาบอกด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
อนาวิลาเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อหู ก่อนจะพยายามเกลื่อนสีหน้าไม่ให้ดูยินดีเกินไป ขณะฟังเขาว่าแผนงานของตัวเอง
"ต่อไปนี้ฉันจะเป็นคนให้อาหารเจ้าสี่ตัวตอนเช้า เผื่อเธอต้องรีบไปทำงานอีก แล้วเรื่องงานบ้าน ฉันจองหน้าที่ซักผ้ารีดผ้าเอง เพราะถึงยังไงฉันก็เอาไปส่งให้คนงานที่บ้านทำอยู่แล้ว เธอจะฝากไปด้วยก็ได้นะ"
ยิ่งฟัง รอยยิ้มหญิงสาวก็ค่อยหุบลง ก่อนเธอจะปฏิเสธด้วยรอยยิ้มแหย
"ไม่รบกวนดีกว่า ฉันซักเองก็สบายใจดี"
นายโปรดมองค้อนคนที่เรียกสุนัขมากินอาหารโดยไม่สนใจเขาอีก อดผิดหวังไม่ได้เพราะคิดว่าจะได้เห็นท่าทางดีใจหรือได้ฟังคำขอบคุณของเธอ
"ก็ได้ ตามใจละกัน เป็นอันว่าตามนี้นะ" เขาบอกพลางไหวไหล่
อนาวิลาเหลียวมองดูอีกทีก็เห็นเขาผลักประตูมุ้งลวดเข้าบ้านไปแล้ว เธอยิ้มเนือยพร้อมกับคิดหาว่าอะไรทำให้จู่ๆ เขาก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ก่อนจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถสปอร์ตดังขึ้นพอดี
อยู่ไม่ติดบ้านแบบนี้ ค่อยสมกับเป็นชายหนุ่มคนเดิม หญิงสาวคิดปลง
..........................
การใช้ชีวิตอยู่ร่วมชายคากับหลานชายตัวแสบของคุณตาดำเนินไปอย่างสงบสุขจนกระทั่งถึงสุดสัปดาห์นั้น นับเป็นสุดสัปดาห์แรกที่พวกเธออยู่ด้วยกัน อนาวิลาภาวนาให้เขาขลุกอยู่บนห้องหรือออกไปข้างนอกดังเคย แต่แล้วตนก็คิดได้ว่าผู้ที่ไม่สมควรอยู่ในบ้านหลังนี้คือเธอมากกว่า
"อ้าว จะไปไหนน่ะ" นายโปรดร้องทักเมื่อลงจากบันไดมาเห็นเธอเพิ่งเปิดประตูมุ้งลวดหน้าบ้านออกไป
เธอหันกลับไปก็เห็นเขาอยู่ในชุดนอนเสื้อยืดกับกางเกงขายาว ผมตรงสลวยยาวระท้ายทอย บางส่วนตกลงมาปรกหน้าผากก็มี เขาดูอ่อนเยาว์ลงไปอีกราวเด็กมัธยมปลาย
สภาพอย่างนี้แสดงว่าคุณชายมาดเนี้ยบคงไม่คิดออกไปไหน และเธอก็ตัดสินใจถูกแล้วที่จะไปทำความสะอาดห้องพักเล็กๆ ของตนฆ่าเวลา
"จะไปดูห้องเช่าที่เคยอยู่หน่อยน่ะ"
"เดี๋ยวค่อยไป มาทำอะไรให้กินหน่อยสิ" เขาบอกเหมือนออกคำสั่ง
หญิงสาวโคลงศีรษะอ่อนใจ เธอจำต้องเปิดประตูกลับเข้าไปในบ้านอีก ตามชายหนุ่มที่กำลังรื้อค้นของในตู้เย็นเข้าไปในครัว
"ไม่มีอะไรเลย มีแต่ไข่กับหมูสับ" เขาหันมาบ่น
"มีสปาเก็ตตี้นายนั่นไง ฉันแช่ฟรีซไว้ เอามาอุ่นก็กินได้"
"ฉันไม่กินของเหลือ!" เขาสวนกลับทันควัน "อีกอย่างฉันยกให้เธอ ทำไมยังไม่กินอีกล่ะ"
เหตุการณ์ทำท่าจะกลับเข้าสู่ภาวะตึงเครียดเช่นวันนั้น อนาวิลาเหนื่อยหน่ายไม่อยากทะเลาะ ตนจึงพยายามพูดคุยด้วยดี
"ฉันหุงข้าวไว้ เมื่อเช้ากินกับไข่เจียว นายเอาด้วยไหมล่ะ"
นายโปรดทำหน้าปูเลี่ยน แต่ถ้ามันเป็นอาหารปรุงสุกใหม่ก็ยังดีกว่าสปาเก็ตตี้เก่าเก็บล่ะนะ
"ไข่เจียวฟองหนึ่ง ใส่หมูสับด้วย เอากรอบๆ" เขาบอกพร้อมกับไปนั่งรอยังโต๊ะอาหารที่มองเห็นทุกอย่างในครัว
หญิงสาวพ่นลมพรืดอย่างถอนฉุน นี่เธอกลายเป็นแม่ครัวอย่างเจ๊จูไปอีกคนแล้วกระมัง เธอตอกไข่ใส่ถ้วยแล้วใช้ส้อมตีแรงตามแรงอารมณ์ จนไข่แดงและไข่ขาวรวมกันเป็นสีนวลสวยขึ้นฟองฟอด คราวนี้ได้กรอบถึงใจคนกินแน่นอน
นายโปรดนั่งมองอีกฝ่ายเพลิน โดยเฉพาะเมื่อเนื้อตรงท่อนแขนซึ่งโผล่พ้นเสื้อแขนกุดออกมากระเพื่อมตามแรง เขาต้องกลั้นหัวเราะขณะอดแซวอย่างคะนองปากไม่ได้
"นี่เธอ ใส่แต่หมูสับนะ ไม่ต้องใส่น้ำมันหมูของเธอลงไป เดี๋ยวฉันหลงเสน่ห์ตาย"
อนาวิลาหันขวับมาจ้องคนปากเสียราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ใครมันจะไปผอมแห้งแรงน้อยเหมือนเขากัน
"ไอ้บ้า นั่นมันน้ำมันพรายย่ะ" เธอเถียงกลับ "แล้วถ้าฉันจะวางยานาย ฉันวางยาพิษดีกว่า"
นายโปรดเม้มปากเคืองที่ถูกย้อนกลับ ก่อนเจ้าหล่อนจะหันไปเทไข่ที่ตีไว้ลงกระทะพร้อมด้วยเสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขึ้นบ้าง
ชายหนุ่มกลอกตาอย่างเหลือเชื่อกับผู้หญิงคนนี้ บางครั้งเธอก็ชอบวางมาดผู้ใหญ่ข่มเขา แต่บางทีก็กลับลดตัวลงมาโต้เถียงราวเด็กๆ ซึ่งเขาว่าเขาชอบหญิงสาวคนหลังมากกว่า และชักสนุกที่ได้แกล้งเธอให้หลุดมาดมนุษย์ป้าเสียที
...............................
เสียงสุนัขเห่าดีใจตามด้วยเสียงประตูรั้วถูกเปิดเข้ามาเรียกสติให้คนที่นั่งเอนกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟารีบกดปิดโทรศัพท์มือถือทันที เขาลุกยืนรอผู้ซึ่งเพิ่งกลับเข้ามา แล้วก็ได้เห็นท่าทางเนือยๆ ของหญิงสาวที่เดินผ่านหน้าตนไปโดยไม่ใส่ใจ
"เธอหายไปไหนมาเนี่ย ฉันหิวจนไส้กิ่วแล้ว" เขาโวยพลางเคาะหน้าปัดนาฬิกา "รู้ไหมนี่มันกี่โมง ห้าโมงกว่าแล้ว เธอไปไหนของเธอกันแน่"
"ฉันก็ไปทำความสะอาดที่ห้องฉันน่ะสิ"
ทุกทีเวลาเขาหิว เขาไม่เห็นต้องรอเธอเลยนี่นา หรือว่าไปแล้วเขาสามารถจะสั่งอาหารแพงๆ อะไรมาก็ได้ จะได้โชว์เหนือกว่าเธอด้วยไง
"แอบไปหลับมาล่ะสิ"
นายโปรดเชยคางมนขึ้นแรง เขาจับบังคับให้หันซ้ายหันขวา พร้อมกับหรี่ตามองอย่างพิจารณา
"หน้าบวม ตาบวม นี่เธอไปแอบหลับมาใช่ไหม"
อนาวิลาปัดมืออีกฝ่ายออก เด็กนิสัยเสีย เขามีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์รูปร่างหน้าตาคนอื่น
ทว่าชายหนุ่มคว้ามือนุ่มไว้ได้ทัน เขาออกแรงลากเธอไปหน้าบ้านด้วยกัน ใช้มืออีกข้างหนึ่งเปิดประตูรถสปอร์ต พร้อมกับที่หญิงสาวขืนกายไว้ไม่ยอมถูกบังคับให้ขึ้นไปนั่งทั้งที่งุนงง
"นี่นายจะพาฉันไปไหน" เธอเอี้ยวตัวมาถาม แล้วก็ต้องปะทะเข้ากับแผงอกขาวภายใต้เสื้อยืดคอย้วยของคนที่ยืนซ้อนระหว่างเธอและประตูรถ
นายโปรดก้มมองร่างอวบที่ตกอยู่ในอ้อมแขนตนโดยปริยาย เธอมีใบหน้าค่อนข้างกลม เครื่องหน้าจิ้มลิ้มอย่างคนมีเชื้อสายจีนปะปน กระนั้นก็กลับมีดวงตาสองชั้นกลมสวยที่ตอนนี้กำลังวับวาวอย่างขุ่นเคืองเขาอยู่นี่ไง
ชายหนุ่มรีบดึงสติตัวเองกลับมา เขาออกแรงผลักให้เธอขึ้นรถไปอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบที่ทำให้เจ้าหล่อนต้องคล้อยตาม
"ลุงทนายของเธอโทรมาน่ะสิ ฉันเป็นคนรับสาย เขาบอกพรุ่งนี้จะมากินข้าวกับเรา แล้วตู้เย็นเธอมีอะไรล่ะฮะ ยัยป้าเอ๊ย"
อนาวิลาคิดไกลไปกว่านั้นพร้อมใจเต้นตึกตัก บางทีหากรชตวันว่าง เขาคงติดตามมากับบิดาด้วย เหมือนครั้งแรกที่เธอได้รู้จักเขาตอนสองพ่อลูกนักกฎหมายมาเยี่ยมคุณตาอย่างไร
นายโปรดมองผู้ที่รีบก้าวขึ้นไปนั่งในรถอย่างหมั่นไส้ ทีกับเขาล่ะต้องถามเหตุผลมากมาย พอมีบุคคลนอกเกี่ยวข้องเท่านั้นก็ปักใจเชื่อง่ายดาย
"ลงมาเลยมา" เขาบอกหลังกระชากประตูฝั่งผู้โดยสารเปิด
"เอ๋"
"เอ๋เอ๋ออะไร แล้วใครจะเปิดปิดรั้วถ้าไม่ใช่เธอ"
หญิงสาวกำมือแน่นอย่างสะกดอารมณ์ ทีเมื่อกี้เขายังบังคับพาเธอไปให้ได้อยู่เลย เด็กกวนประสาทเอ๊ย
ร่างอวบเดินกระแทกผ่านเขาไป สุภาพสตรีอย่างเธอต้องออกแรงเข็นรั้วให้ 'กระด้างบุรุษ' ขับรถสปอร์ตออกไป แล้วจึงเข็นรั้วปิดและคล้องแม่กุญแจ เมื่อเธอกลับขึ้นไปนั่งบนรถอีกครั้ง เหงื่อชื้นก็ซึมหลังเสื้อตน
.........................
พอจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหรือยังคะ น้อยมากใช่ไหม 55
แต่ก็ถือว่าเป็นการพูดจาดีๆครั้งแรกแหละเนอะ
ถ้าเกิดป้าเอาชนะด้วยการทะเลาะก็คงไม่มีวันนี้
แต่เป็นเพราะความพยายามเข้าใจทำให้โปรดเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อป้าต่างหากค่ะ
อนาวิลาไม่รู้หรอกว่าผู้ร่วมชายคาอีกคนกลับเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร แต่เมื่อเธอตื่นไปทำงานในเช้าวันถัดมาพร้อมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อไวรัสแพร่กระจาย เธอก็พบรถสปอร์ตสีแดงจอดอยู่แล้วในโรงรถ
เธอจัดการธุระของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยก่อนออกไปทำงาน แล้วเมื่อกลับมาถึงบ้านตอนเย็น ทุกอย่างก็คงอยู่ในสภาพเดิมราวบ้านนี้ไม่มีผู้อาศัยอีกคน ยกเว้นเครื่องปรับอากาศบนห้องนอนใหญ่ที่เปิดอยู่เท่านั้น
แปลกจัง อ่างล้างจานก็ว่างเปล่า คนคนหนึ่งจะอาศัยอยู่ในบ้านโดยแทบไม่มีร่องรอยได้อย่างไร ที่แน่ๆ เธอไม่คิดว่าเขาจะเก็บล้างทุกอย่างเองหรอก
แล้วเธอจะสนใจทำไม ดีไม่ดีอาจถูกเขาต่อว่าให้เจ็บอีกก็ได้ คิดได้ดังนั้นอนาวิลาก็หยิบไม้กวาดและที่โกยผงหลังบ้าน เดินขึ้นไปเริ่มทำความสะอาดตั้งแต่ชั้นบน
หญิงสาวกวาดเอาเศษฝุ่นผงรวมกันสู่ที่โกยผง เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงจะนำไปเททิ้งในถังขยะพลาสติกบนชั้นเดียวกัน ก่อนจะมัดรวมถุงขยะแล้วนำลงมาทิ้งหน้าบ้าน ทว่าเมื่อเธอเหยียบฝาถังขยะเล็กเปิดก็ต้องพบว่ามีสมุดปกแข็งเล่มใหญ่ขวางอยู่
อนาวิลาก้มหยิบมันขึ้นมาพลิกเปิดดู แล้วจึงพบว่ามันเป็นสมุดวาดเขียนที่เต็มไปด้วยภาพร่างหุ่นสตรีผอมเพรียวในเสื้อผ้าอาภรณ์หลากรูปแบบ
เธอยืนดูเพลินจนถึงภาพสุดท้าย พร้อมกับพรายยิ้มแต้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวเงยขึ้นมองประตูห้องนอนใหญ่อย่างนึกรู้ว่าคงเป็นฝีมือออกแบบของเขา ไม่มีทางที่เจ้าของความคิดจะทิ้งงานของตัวเองไปได้ บางทีเขาอาจหยิบสมุดผิดเล่มทิ้งลงถังขยะ เธอก้าวไปเคาะประตูเรียก น่าเสียดายหากเขาจะทิ้งมันจริงๆ
ประตูห้องนอนบานใหญ่เปิดผางออกพร้อมกับที่ร่างสูงเพรียวยืนเท้าแขนกับกรอบประตูมองมา อนาวิลาสงบใจยื่นสมุดเล่มนั้นออกไปตรงหน้า รอคอยคำค่อนว่าว่าเธอรื้อขยะเหมือนสุนัขจากวัยรุ่นปากร้ายคนนี้อีก
"ฉันทิ้งไปแล้ว" เขาบอกห้วนสั้น
หญิงสาวรีบใช้ชายแขนเสื้อของเสื้อแขนยาวเช็ดหน้าปก แม้มันจะแทบไม่เปื้อนอะไรเลยก็ตาม ก่อนจะพลิกเปิดรูปด้านในให้เขาดู
"นายทิ้งผิดเล่มหรือเปล่า ดูนี่สิ มีแต่รูปวาดแฟชั่นสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ" เธอบอกเขาน้ำเสียงตื่นเต้น ลืมความตั้งใจจะเลิกยุ่งกับชายผู้นี้ชั่วขณะ
นายโปรดลอบมองท่าทางตื่นเต้นราวเด็กได้ของเล่นถูกใจ แล้วก็ให้เต็มตื้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่ดูเหมือนอยู่ในกรอบตลอดชีวิตอย่างเจ้าหล่อนจะยอมรับงานเหล่านี้ได้
"หึ สวยเหรอ เอาไปสิ ยกให้" เขาว่าง่ายๆ
อนาวิลารีบยกมือขวางประตูห้องที่อีกฝ่ายผลักปิด เธอเลิกคิ้วมองเขาก็เห็นชายหนุ่มกลอกตาอ่อนใจ
"ทำไมล่ะ ทำไมจะทิ้งมันเสียล่ะ" เธอเอียงคอถามอย่างไม่เข้าใจ "มันยังไม่เปื้อนหรอกนะ ในถังขยะนั้นมีแค่เปลือกลูกอมแก้เจ็บคอเอง"
"แล้วจะเก็บไว้ทำไมล่ะ ความฝันที่แตกเป็นเสี่ยงเพราะคนอื่นขว้างทิ้ง มันก็เป็นแค่เศษขยะนี่เอง" เขาเอ่ยเสียงขื่นอย่างเหลืออด
"ไม่ใช่" หญิงสาวโต้กลับ "มันเป็นความฝันของนายหรือคนอื่นล่ะ ถ้ามันเป็นความฝันของนายก็ไม่มีใครขว้างมันทิ้งได้ ยกเว้นตัวนายต่างหาก"
อนาวิลากระแทกสมุดส่งให้ นายโปรดเผลอยกมือรับเมื่อมันกำลังจะหล่น และโดยไม่รู้ตัวที่เขาดึงแขนเธอเข้ามาในห้อง เสียงประตูปิดสนิทเมื่อแผ่นหลังหญิงสาวพิงกระแทกมัน
"นายจะทำอะไร" เสียงแหบเครือถามด้วยความตระหนก
ชายหนุ่มจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตาไหวระริก หัวใจเขาโลดแรงขึ้นจนเผลอบีบต้นแขนสองข้างของเจ้าหล่อนแรง เสียงคาดคั้นเอาคำตอบสั่นพร่าตามแรงอารมณ์
"พูดใหม่อีกทีซิ"
"นะ...นายจะทำอะไร" เธอถามด้วยความตื่นกลัว
"ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้เธอพูดว่าอะไร พูดมา!"
อนาวิลาลอบกลืนน้ำลายผ่านลำคอแห้งผาก ท่าทางของเขาราวกับคนใกล้คลุ้มคลั่งเต็มที
"ฉัน...ฉันบอกว่า...ก็ถ้ามันเป็นความฝันของนาย นายต้องรักษามันเอง คนที่จะทิ้งมันไปไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นนาย ฉันไม่ได้จะสั่งสอน..."
คำพูดต่อไปถูกกลืนกลับลงไปเมื่อมือเรียวยกขึ้นมาปิดปากเธอ นายโปรดนิ่วหน้า เขาค่อยปล่อยมือจากเธอพร้อมกับก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก่อนจะเปิดดูสมุดร่างฝันที่เขาภูมิใจกับมัน
นั่นสิ ความฝันเป็นของเขา ใครก็จะทำลายมันไปไม่ได้ ตราบเท่าที่เขาเชื่อมั่นและเก็บรักษามัน แล้วเขาทิ้งมันไปได้ไง เขามันขี้แพ้สิ้นดี
ชายหนุ่มเงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้า ไม่อยากเชื่อเลยว่ายัยมนุษย์ป้าจะเชื่อในความฝันเช่นกัน เธอเป็นคนเก็บรักษามันไว้แทนคนขี้แพ้อย่างเขา ไม่เช่นนั้นต้องเป็นตนที่เสียใจไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน
นายโปรดรวบมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายมากุมไว้แน่น แล้วก็พบว่ามืออวบอูมนั้นนุ่มนิ่มจนเผลอยกมันขึ้นมาแนบใบหน้า ท่ามกลางความตกตะลึงของอนาวิลา
"นาย นายไม่สบายหรือเปล่า"
"อือ ฉันมันบ้าไปแล้วถึงทิ้งความฝันไปได้ แต่ตอนนี้หายดีแล้ว มือเธอนี่นุ่มดีเนอะ"
ยิ่งเขาพูด เธอก็ยิ่งคิดว่าชายหนุ่มอาการหนัก
"เหมือนมือแม่เลย"
เอาล่ะ เธอว่าเขาหายดีแล้ว และเธอก็ควรกลับไปทำงานบ้านของตนเสียที หญิงสาวค่อยชักมือกลับพลางผงกศีรษะเออออไปแกนๆ
"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันต้องทำงานบ้านต่ออีก"
อนาวิลาปิดปากจามก่อนเปิดประตูออกไป เพราะอากาศร้อนๆ หนาวๆ เช่นนี้ ไข้หวัดจึงทำท่าจะหวนมาเล่นงานเธอ
............................
"สุดหล่อ ไม่เล่นซนนะ ฉันซักผ้าถูบ้านอยู่ เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจับอาบน้ำจริงๆ ซะเลย"
เสียงแหบของผู้ที่ยังไม่หายป่วยดีนักบ่นว่าสุนัขเพศผู้หางดาบที่ย่ำขาหน้าของมันลงไปในกะละมังซักล้าง ขณะเธอกำลังซักผ้าถูพื้นอยู่ยังลานปูนที่ต่อออกไปหลังบ้าน ก่อนหญิงสาวจะแหวขึ้นอีกเมื่อพ่อล่ำแลบลิ้นมากินน้ำจากกะละมัง
"ล่ำ! ตะกละใหญ่แล้วนะ ไปกินน้ำในกระบะแกนู่นไป๊"
ดูเถอะ เธอว่าแล้วพวกมันยังกระดิกหาง รวมทั้งเลิฟลี่กับคุณลุงที่ลุกยืนพร้อมใจกันกระดิกหาง ทว่าพวกมันทั้งสี่ตัวแลเลยไปยังด้านหลังเธอ
อนาวิลาหันมองตามเจ้าสี่ขา แล้วจึงพบต้นเหตุของความสนใจทั้งมวลเปิดประตูมุ้งลวดออกมา เธอลอบถอนหายใจเซ็งๆ นี่คงจะลงมาต่อว่าที่เธอพูดคุยเสียงดังกับสุนัขอีกล่ะมัง
นายโปรดเดินไปนั่งไขว่ห้างบนชิงช้าเก่าซึ่งผุพังด้วยสนิมบางส่วน กระนั้นก็ดูแข็งแรงดี เมื่อสุนัขทั้งสี่ตัวไม่ได้รับความสนใจ พวกมันจึงแยกย้ายไปนอนเลียขนไม่ไกล
หญิงสาวชักอึดอัดขึ้นมา แม้เขาไม่ได้จับจ้องมายังตนและทำเหมือนนั่งชมนกชมไม้ก็ตาม นี่มันผิดปกติวิสัยของคุณชายเกินไป
"บ้านนี้ก็ร่มรื่นดีนะ"
นี่มันผิดปกติมากๆ เลยแหละ
"เจ้าสี่ตัวนั่นก็ดูเข้ากับที่นี่มากกว่าฉันซะอีก" เขาเริ่มต้นความตั้งใจสงบศึกด้วยเรื่องสุนัขที่แวบเข้ามาในสายตาพอดี "ตาก็แปลกนะ ไปเอาหมาข้างถนนมาเลี้ยง มันอาจเป็นโรคอะไรก็ได้ ถ้าตาชอบหมาก็น่าจะซื้อสายพันธุ์ดีๆ ที่มีใบเพดดิกรีสิ"
คนฟังนึกเคืองกับทัศนคติของเขาตงิดๆ เขาช่างตื้นเขินและคับแคบต่างจากชายชราผู้มีศักดิ์เป็นตาเหลือเกิน
"ดูเลิฟลี่สิ" เธอพยักพเยิดไปยังสุนัขเพศเมียสีขาวที่หมอบอยู่ไม่ไกล อดสาธยายความเป็นมาไม่ได้ "เลิฟลี่ก็เป็นพุดเดิลแท้ แต่คุณตาเล่าว่าเก็บมันมาจากวัดที่เจ้าของเอามันไปปล่อย ตอนเจอมันเลิฟลี่เป็นเรื้อน ขนแทบจะหมดตัว ทั้งตัวมีแต่แผล คุณตาขอหลวงพี่และพามันขึ้นรถไปรักษา จนมันหายดีอย่างที่เห็นนี่แหละ
"คุณตาบอกว่าทุกชีวิตต้องการโอกาส และโอกาสก็มาถึงพวกมันน้อยกว่าที่ฟาร์มหรือร้านค้าหลายเท่านัก นายว่าไหมล่ะ"
นายโปรดไม่มีคำพูดใดจะเอ่ย นอกจากยอมรับในความคิดของตาโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด
"แล้วล่ำล่ะ" เขาถามด้วยความอยากรู้ขึ้นมา
เมื่อเขาไม่ได้มาหาเรื่องกันอย่างที่คิด อนาวิลาก็พูดคุยได้สะดวกใจมากขึ้น
"พ่อล่ำน่ะมีวีรกรรมเยอะ เมื่อก่อนมันอยู่แถวตลาด เที่ยวหากินเศษอาหาร คุ้ยขยะไปเรื่อย คนเขาคงรังเกียจและรำคาญมัน วันหนึ่งมันโดนแม่ค้าเอาน้ำร้อนสาดไล่ คุณตาเห็นเหตุการณ์เลยพามันไปรักษา แรกๆ ล่ำก็ดุนะ มันคงเจอเรื่องอะไรมาเยอะ คุณตาบอกว่าต้องทั้งขู่ทั้งปลอบมันอยู่นาน"
ชายหนุ่มมองไปยังเจ้าตัวอ้วนสมชื่อ เห็นมันกำลังวิ่งไล่งับหางกุดของตัวเอง ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนหมาดุสักนิด ตาคงเลี้ยงดูมันอย่างดี
"ส่วนเจ้าสุดหล่อ ตัวนั้นคุณตาได้มันมาเลี้ยงตั้งแต่เป็นลูกหมา ช่างที่อู่ซ่อมรถยกมันให้เพราะเขาหมดสัญญาเช่า พอดีกับที่หมาที่เขาเลี้ยงไว้คลอดลูกมาเป็นโขยง ก็เลยต้องไล่แจกหาคนเมตตาพวกมัน"
"งั้นก็โชคดีกว่าเพื่อนน่ะสิ" เขาเปรย
อนาวิลายิ้มรับ ดีใจที่เขาสนใจฟังและมีความคิดเช่นเดียวกับเธอ สุนัขพวกนี้โชคดีที่ได้อยู่กับคุณตา รวมทั้งหญิงสาวอย่างเธอที่ท่านเอ็นดูเหมือนลูกหลาน นายโปรดสมควรรับรู้ความดีของท่านและภาคภูมิใจ
"แล้วไอ้หมาแก่ล่ะ ฉันคิดว่ามันอาจตายทุกครั้งที่เห็นมันนอนนิ่งอย่างนั้น"
เธอมองตามเขาไปก็เห็นคุณลุงนอนหมอบราบสนิทไปกับพื้น เปลือกตาของมันหรี่ลงจนปิดสนิท การนอนอันเป็นกิจกรรมส่วนใหญ่ของมัน
"คุณลุงแก่มากแล้ว มันเป็นหมาเฝ้าสวนที่ต่างจังหวัดของคุณตามาก่อน ก่อนท่านจะเอามันมาเลี้ยงที่บ้านนี้เป็นเพื่อน มันอยู่กับคุณตามานานที่สุด"
อนาวิลาบิดผ้าถูพื้นที่ซักเสร็จจนหมาดน้ำ ก่อนเธอจะนำไปแขวนไว้กับราวเชือกไนล่อนซึ่งผูกโยงระหว่างเสา เธอดูคล่องแคล่ว คุ้นชินกับงานเหล่านี้ดีในความคิดคนที่ไม่เคยต้องทำงานบ้าน เขาลุกตามเมื่อเธอเทอาหารเม็ดให้สมุนทั้งสี่ตัวเป็นงานต่อไป
"เออนี่" นายโปรดถูจมูกเก้อๆ เมื่อตั้งใจจะเริ่มธุระของตนอย่างจริงจัง "ฉันว่าเรามาเริ่มต้นเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันดีไหม ยังไงเราก็ต้องติดแหง็กอยู่อย่างนี้ไปอีกปี เราคงไม่อยากประสาทเสียหรอกนะ"
หญิงสาวหันมองยังร่างสูงที่ยืนซ้อนหลังตน มือไม้เขาดูจะเกะกะงุ่มง่ามเมื่อเจ้าของยกขึ้นเกาจมูก แล้วเดี๋ยวก็ลูบท้ายทอย เขาเหมือนเด็กผู้ชายขี้อายตัวเล็กๆ อย่างลูกศิษย์ของเธอ
"เอาสิ คุณตาต้องดีใจแน่ๆ ที่เราไม่ทะเลาะกันในบ้านของท่าน"
"แล้วฉันก็จะช่วยแบ่งงานเธออีกครึ่ง" เขาบอกด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
อนาวิลาเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อหู ก่อนจะพยายามเกลื่อนสีหน้าไม่ให้ดูยินดีเกินไป ขณะฟังเขาว่าแผนงานของตัวเอง
"ต่อไปนี้ฉันจะเป็นคนให้อาหารเจ้าสี่ตัวตอนเช้า เผื่อเธอต้องรีบไปทำงานอีก แล้วเรื่องงานบ้าน ฉันจองหน้าที่ซักผ้ารีดผ้าเอง เพราะถึงยังไงฉันก็เอาไปส่งให้คนงานที่บ้านทำอยู่แล้ว เธอจะฝากไปด้วยก็ได้นะ"
ยิ่งฟัง รอยยิ้มหญิงสาวก็ค่อยหุบลง ก่อนเธอจะปฏิเสธด้วยรอยยิ้มแหย
"ไม่รบกวนดีกว่า ฉันซักเองก็สบายใจดี"
นายโปรดมองค้อนคนที่เรียกสุนัขมากินอาหารโดยไม่สนใจเขาอีก อดผิดหวังไม่ได้เพราะคิดว่าจะได้เห็นท่าทางดีใจหรือได้ฟังคำขอบคุณของเธอ
"ก็ได้ ตามใจละกัน เป็นอันว่าตามนี้นะ" เขาบอกพลางไหวไหล่
อนาวิลาเหลียวมองดูอีกทีก็เห็นเขาผลักประตูมุ้งลวดเข้าบ้านไปแล้ว เธอยิ้มเนือยพร้อมกับคิดหาว่าอะไรทำให้จู่ๆ เขาก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ก่อนจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถสปอร์ตดังขึ้นพอดี
อยู่ไม่ติดบ้านแบบนี้ ค่อยสมกับเป็นชายหนุ่มคนเดิม หญิงสาวคิดปลง
..........................
การใช้ชีวิตอยู่ร่วมชายคากับหลานชายตัวแสบของคุณตาดำเนินไปอย่างสงบสุขจนกระทั่งถึงสุดสัปดาห์นั้น นับเป็นสุดสัปดาห์แรกที่พวกเธออยู่ด้วยกัน อนาวิลาภาวนาให้เขาขลุกอยู่บนห้องหรือออกไปข้างนอกดังเคย แต่แล้วตนก็คิดได้ว่าผู้ที่ไม่สมควรอยู่ในบ้านหลังนี้คือเธอมากกว่า
"อ้าว จะไปไหนน่ะ" นายโปรดร้องทักเมื่อลงจากบันไดมาเห็นเธอเพิ่งเปิดประตูมุ้งลวดหน้าบ้านออกไป
เธอหันกลับไปก็เห็นเขาอยู่ในชุดนอนเสื้อยืดกับกางเกงขายาว ผมตรงสลวยยาวระท้ายทอย บางส่วนตกลงมาปรกหน้าผากก็มี เขาดูอ่อนเยาว์ลงไปอีกราวเด็กมัธยมปลาย
สภาพอย่างนี้แสดงว่าคุณชายมาดเนี้ยบคงไม่คิดออกไปไหน และเธอก็ตัดสินใจถูกแล้วที่จะไปทำความสะอาดห้องพักเล็กๆ ของตนฆ่าเวลา
"จะไปดูห้องเช่าที่เคยอยู่หน่อยน่ะ"
"เดี๋ยวค่อยไป มาทำอะไรให้กินหน่อยสิ" เขาบอกเหมือนออกคำสั่ง
หญิงสาวโคลงศีรษะอ่อนใจ เธอจำต้องเปิดประตูกลับเข้าไปในบ้านอีก ตามชายหนุ่มที่กำลังรื้อค้นของในตู้เย็นเข้าไปในครัว
"ไม่มีอะไรเลย มีแต่ไข่กับหมูสับ" เขาหันมาบ่น
"มีสปาเก็ตตี้นายนั่นไง ฉันแช่ฟรีซไว้ เอามาอุ่นก็กินได้"
"ฉันไม่กินของเหลือ!" เขาสวนกลับทันควัน "อีกอย่างฉันยกให้เธอ ทำไมยังไม่กินอีกล่ะ"
เหตุการณ์ทำท่าจะกลับเข้าสู่ภาวะตึงเครียดเช่นวันนั้น อนาวิลาเหนื่อยหน่ายไม่อยากทะเลาะ ตนจึงพยายามพูดคุยด้วยดี
"ฉันหุงข้าวไว้ เมื่อเช้ากินกับไข่เจียว นายเอาด้วยไหมล่ะ"
นายโปรดทำหน้าปูเลี่ยน แต่ถ้ามันเป็นอาหารปรุงสุกใหม่ก็ยังดีกว่าสปาเก็ตตี้เก่าเก็บล่ะนะ
"ไข่เจียวฟองหนึ่ง ใส่หมูสับด้วย เอากรอบๆ" เขาบอกพร้อมกับไปนั่งรอยังโต๊ะอาหารที่มองเห็นทุกอย่างในครัว
หญิงสาวพ่นลมพรืดอย่างถอนฉุน นี่เธอกลายเป็นแม่ครัวอย่างเจ๊จูไปอีกคนแล้วกระมัง เธอตอกไข่ใส่ถ้วยแล้วใช้ส้อมตีแรงตามแรงอารมณ์ จนไข่แดงและไข่ขาวรวมกันเป็นสีนวลสวยขึ้นฟองฟอด คราวนี้ได้กรอบถึงใจคนกินแน่นอน
นายโปรดนั่งมองอีกฝ่ายเพลิน โดยเฉพาะเมื่อเนื้อตรงท่อนแขนซึ่งโผล่พ้นเสื้อแขนกุดออกมากระเพื่อมตามแรง เขาต้องกลั้นหัวเราะขณะอดแซวอย่างคะนองปากไม่ได้
"นี่เธอ ใส่แต่หมูสับนะ ไม่ต้องใส่น้ำมันหมูของเธอลงไป เดี๋ยวฉันหลงเสน่ห์ตาย"
อนาวิลาหันขวับมาจ้องคนปากเสียราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ใครมันจะไปผอมแห้งแรงน้อยเหมือนเขากัน
"ไอ้บ้า นั่นมันน้ำมันพรายย่ะ" เธอเถียงกลับ "แล้วถ้าฉันจะวางยานาย ฉันวางยาพิษดีกว่า"
นายโปรดเม้มปากเคืองที่ถูกย้อนกลับ ก่อนเจ้าหล่อนจะหันไปเทไข่ที่ตีไว้ลงกระทะพร้อมด้วยเสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขึ้นบ้าง
ชายหนุ่มกลอกตาอย่างเหลือเชื่อกับผู้หญิงคนนี้ บางครั้งเธอก็ชอบวางมาดผู้ใหญ่ข่มเขา แต่บางทีก็กลับลดตัวลงมาโต้เถียงราวเด็กๆ ซึ่งเขาว่าเขาชอบหญิงสาวคนหลังมากกว่า และชักสนุกที่ได้แกล้งเธอให้หลุดมาดมนุษย์ป้าเสียที
...............................
เสียงสุนัขเห่าดีใจตามด้วยเสียงประตูรั้วถูกเปิดเข้ามาเรียกสติให้คนที่นั่งเอนกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟารีบกดปิดโทรศัพท์มือถือทันที เขาลุกยืนรอผู้ซึ่งเพิ่งกลับเข้ามา แล้วก็ได้เห็นท่าทางเนือยๆ ของหญิงสาวที่เดินผ่านหน้าตนไปโดยไม่ใส่ใจ
"เธอหายไปไหนมาเนี่ย ฉันหิวจนไส้กิ่วแล้ว" เขาโวยพลางเคาะหน้าปัดนาฬิกา "รู้ไหมนี่มันกี่โมง ห้าโมงกว่าแล้ว เธอไปไหนของเธอกันแน่"
"ฉันก็ไปทำความสะอาดที่ห้องฉันน่ะสิ"
ทุกทีเวลาเขาหิว เขาไม่เห็นต้องรอเธอเลยนี่นา หรือว่าไปแล้วเขาสามารถจะสั่งอาหารแพงๆ อะไรมาก็ได้ จะได้โชว์เหนือกว่าเธอด้วยไง
"แอบไปหลับมาล่ะสิ"
นายโปรดเชยคางมนขึ้นแรง เขาจับบังคับให้หันซ้ายหันขวา พร้อมกับหรี่ตามองอย่างพิจารณา
"หน้าบวม ตาบวม นี่เธอไปแอบหลับมาใช่ไหม"
อนาวิลาปัดมืออีกฝ่ายออก เด็กนิสัยเสีย เขามีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์รูปร่างหน้าตาคนอื่น
ทว่าชายหนุ่มคว้ามือนุ่มไว้ได้ทัน เขาออกแรงลากเธอไปหน้าบ้านด้วยกัน ใช้มืออีกข้างหนึ่งเปิดประตูรถสปอร์ต พร้อมกับที่หญิงสาวขืนกายไว้ไม่ยอมถูกบังคับให้ขึ้นไปนั่งทั้งที่งุนงง
"นี่นายจะพาฉันไปไหน" เธอเอี้ยวตัวมาถาม แล้วก็ต้องปะทะเข้ากับแผงอกขาวภายใต้เสื้อยืดคอย้วยของคนที่ยืนซ้อนระหว่างเธอและประตูรถ
นายโปรดก้มมองร่างอวบที่ตกอยู่ในอ้อมแขนตนโดยปริยาย เธอมีใบหน้าค่อนข้างกลม เครื่องหน้าจิ้มลิ้มอย่างคนมีเชื้อสายจีนปะปน กระนั้นก็กลับมีดวงตาสองชั้นกลมสวยที่ตอนนี้กำลังวับวาวอย่างขุ่นเคืองเขาอยู่นี่ไง
ชายหนุ่มรีบดึงสติตัวเองกลับมา เขาออกแรงผลักให้เธอขึ้นรถไปอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบที่ทำให้เจ้าหล่อนต้องคล้อยตาม
"ลุงทนายของเธอโทรมาน่ะสิ ฉันเป็นคนรับสาย เขาบอกพรุ่งนี้จะมากินข้าวกับเรา แล้วตู้เย็นเธอมีอะไรล่ะฮะ ยัยป้าเอ๊ย"
อนาวิลาคิดไกลไปกว่านั้นพร้อมใจเต้นตึกตัก บางทีหากรชตวันว่าง เขาคงติดตามมากับบิดาด้วย เหมือนครั้งแรกที่เธอได้รู้จักเขาตอนสองพ่อลูกนักกฎหมายมาเยี่ยมคุณตาอย่างไร
นายโปรดมองผู้ที่รีบก้าวขึ้นไปนั่งในรถอย่างหมั่นไส้ ทีกับเขาล่ะต้องถามเหตุผลมากมาย พอมีบุคคลนอกเกี่ยวข้องเท่านั้นก็ปักใจเชื่อง่ายดาย
"ลงมาเลยมา" เขาบอกหลังกระชากประตูฝั่งผู้โดยสารเปิด
"เอ๋"
"เอ๋เอ๋ออะไร แล้วใครจะเปิดปิดรั้วถ้าไม่ใช่เธอ"
หญิงสาวกำมือแน่นอย่างสะกดอารมณ์ ทีเมื่อกี้เขายังบังคับพาเธอไปให้ได้อยู่เลย เด็กกวนประสาทเอ๊ย
ร่างอวบเดินกระแทกผ่านเขาไป สุภาพสตรีอย่างเธอต้องออกแรงเข็นรั้วให้ 'กระด้างบุรุษ' ขับรถสปอร์ตออกไป แล้วจึงเข็นรั้วปิดและคล้องแม่กุญแจ เมื่อเธอกลับขึ้นไปนั่งบนรถอีกครั้ง เหงื่อชื้นก็ซึมหลังเสื้อตน
.........................
พอจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหรือยังคะ น้อยมากใช่ไหม 55
แต่ก็ถือว่าเป็นการพูดจาดีๆครั้งแรกแหละเนอะ
ถ้าเกิดป้าเอาชนะด้วยการทะเลาะก็คงไม่มีวันนี้
แต่เป็นเพราะความพยายามเข้าใจทำให้โปรดเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อป้าต่างหากค่ะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มิ.ย. 2557, 16:12:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มิ.ย. 2557, 16:12:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 1657
<< บทที่ ๕ ขอบคุณนะ | บทที่ ๗ ความลับของรชตวัน >> |

ปรางขวัญ 29 มิ.ย. 2557, 18:58:56 น.
น่ารักดี
น่ารักดี

ภาพิมล_พิมลภา 29 มิ.ย. 2557, 19:28:07 น.
คุณปรางขวัญ - ขอบคุณค่ะ สัญญาว่าจะน่ารักขึ้นเรื่อยๆนะคะ <3
คุณปรางขวัญ - ขอบคุณค่ะ สัญญาว่าจะน่ารักขึ้นเรื่อยๆนะคะ <3


แว่นใส 29 มิ.ย. 2557, 23:28:15 น.
เริ่มรู้สึกแปลก ๆ แล้วล่ะสิ
เริ่มรู้สึกแปลก ๆ แล้วล่ะสิ

konhin 30 มิ.ย. 2557, 00:37:08 น.
คุณชายเริ่มเผยอปมแระ
คุณชายเริ่มเผยอปมแระ

lunamoon 30 มิ.ย. 2557, 14:05:58 น.
คุณชายหลอกแต๊ะอั๋งป้า
คุณชายหลอกแต๊ะอั๋งป้า

ภาพิมล_พิมลภา 30 มิ.ย. 2557, 14:37:42 น.
คุณใบบัวน่ารัก - 55 คุณชายมากค่า หิวแต่รอกินฝีมือป้านะ อิอิ
คุณแว่นใส - โปรดร้องเพลงบอกว่า 'มันเกิดอะไรกับหัวใจ~ ควบคุมอะไรไม่ได้สักอย่าง~'
คุณkonhin - เพิ่มปมเพิ่มสาระนิดดดนึงเนอะ
คุณlunamoon - อิอิ ป้าถึงกับตุ้มๆต่อมๆเลยค่ะ
คุณใบบัวน่ารัก - 55 คุณชายมากค่า หิวแต่รอกินฝีมือป้านะ อิอิ
คุณแว่นใส - โปรดร้องเพลงบอกว่า 'มันเกิดอะไรกับหัวใจ~ ควบคุมอะไรไม่ได้สักอย่าง~'
คุณkonhin - เพิ่มปมเพิ่มสาระนิดดดนึงเนอะ
คุณlunamoon - อิอิ ป้าถึงกับตุ้มๆต่อมๆเลยค่ะ

pkka 1 ก.ค. 2557, 20:22:03 น.
น่ารักแฮะ
น่ารักแฮะ

ภาพิมล_พิมลภา 3 ก.ค. 2557, 16:38:42 น.
คุณpkka - โปรดขยิบตาฝากมาบอกว่า "แล้วจะหลงรักผมสักวัน" ค่า อิอิ
คุณpkka - โปรดขยิบตาฝากมาบอกว่า "แล้วจะหลงรักผมสักวัน" ค่า อิอิ