บ้านวุ่น อุ่นไอรัก
นายโปรดน่ะเหรอ... ขี้เก๊ก ปากจัด สำอาง เรื่องเยอะ! นี่ยังน้อยไปเสียอีกที่เธอจะนิยามความเป็นตัวเขาได้หมด พอกันที! เธอจะไม่ทนกับคนที่มีดีแค่หน้าตากับซิกส์แพ็ก แต่สมองแรมน้อยเสียยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าโขกสับอีกต่อไป!
อนาวิลาน่ะเหรอ... ชอบสั่ง ชอบสอน จู้จี้ ขี้งก! ที่สำคัญเธอยังมีลูกสมุนเป็นหมาตั้งสี่ตัว อะไรกัน! นี่เขาต้องอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์ป้าสายพันธุ์หมูพร้อมฝูงหมาเป็นเวลา 365 วัน ใครก็ได้...ให้เขาไปอยู่บ้านผีสิงเสียยังดีกว่าต้องรับมือกับความวุ่นวายนี่
นายโปรดน่ะเหรอ... บางทีเขาก็มีน้ำใจนะ เขาสัญญาว่าจะแปลงโฉมสาวอวบระยะสุดท้ายอย่างเธอให้ผู้ชายที่เธอแอบชอบหันมาสนใจ เขาทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน
อนาวิลาน่ะเหรอ... เธอก็ไม่ได้ขี้บ่นเสียทีเดียวหรอกนะ บางครั้งยัยมนุษย์ป้าก็มักพูดอะไรให้เขาฉุกคิดและกลับมามีกำลังใจมุ่งมั่นทำตามฝัน ไปๆ มาๆ ผู้หญิงอวบอ้วน เชยๆ เฉิ่มๆ ดันกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแฟชั่นเซ็ตนี้ของเขาไปเสียนี่ ไม่อยากเชื่อเลย
เรื่องราววุ่นวายใต้ชายคาเดียวกัน ระหว่างชายหนุ่มเจ้าสำอางกับมนุษย์ป้าร่างอวบ พ่วงด้วยลูกสมุนสี่ขาสี่ตัวพร้อมที่จะมาสร้างรอยยิ้ม หรืออาจเรียกน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
http://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
อนาวิลาน่ะเหรอ... ชอบสั่ง ชอบสอน จู้จี้ ขี้งก! ที่สำคัญเธอยังมีลูกสมุนเป็นหมาตั้งสี่ตัว อะไรกัน! นี่เขาต้องอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์ป้าสายพันธุ์หมูพร้อมฝูงหมาเป็นเวลา 365 วัน ใครก็ได้...ให้เขาไปอยู่บ้านผีสิงเสียยังดีกว่าต้องรับมือกับความวุ่นวายนี่
นายโปรดน่ะเหรอ... บางทีเขาก็มีน้ำใจนะ เขาสัญญาว่าจะแปลงโฉมสาวอวบระยะสุดท้ายอย่างเธอให้ผู้ชายที่เธอแอบชอบหันมาสนใจ เขาทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน
อนาวิลาน่ะเหรอ... เธอก็ไม่ได้ขี้บ่นเสียทีเดียวหรอกนะ บางครั้งยัยมนุษย์ป้าก็มักพูดอะไรให้เขาฉุกคิดและกลับมามีกำลังใจมุ่งมั่นทำตามฝัน ไปๆ มาๆ ผู้หญิงอวบอ้วน เชยๆ เฉิ่มๆ ดันกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแฟชั่นเซ็ตนี้ของเขาไปเสียนี่ ไม่อยากเชื่อเลย
เรื่องราววุ่นวายใต้ชายคาเดียวกัน ระหว่างชายหนุ่มเจ้าสำอางกับมนุษย์ป้าร่างอวบ พ่วงด้วยลูกสมุนสี่ขาสี่ตัวพร้อมที่จะมาสร้างรอยยิ้ม หรืออาจเรียกน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
http://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ ๗ ความลับของรชตวัน
๗
ห้างสรรพสินค้าในวันหยุดสุดสัปดาห์คับคั่งไปด้วยครอบครัวที่มาจับจ่ายใช้สอย และกลยุทธ์เรียกลูกค้าที่ได้ผลมานักต่อนักก็คือห้างค้าปลีกต่างแข่งกันลดราคาดึงดูดเม็ดเงินจากผู้คน
นอกจากสินค้าหลายรายการจะติดป้ายลดราคาแล้ว บรรดาตัวแทนจากสินค้าบางรายการยังมาตั้งบูธเล็กๆ เพื่อนำสินค้าตัวอย่างมาแจกอีกด้วย แล้วมันก็ได้ผลยิ่งนักเมื่ออนาวิลาก็เป็นอีกคนที่ตรงดิ่งไปรับของฟรี ทั้งยาสระผมสูตรใหม่ รวมไปถึงโจ๊กรสผักสำหรับเด็กที่ใส่มาในถ้วยพลาสติกเล็กๆ
นายโปรดโกรธและเสียหน้าแทบล็อคคอเธอออกมา คนอย่างเขาไม่เคยต้องรอรับของแจกจากใคร ทว่าเมื่อหญิงสาวหันมายิ้มถูกใจหลังได้ชิม พร้อมกับยื่นช้อนพลาสติกมาทำท่าจะป้อน ความโกรธในคราแรกนั้นก็ลดลงกว่าครึ่ง เขาคว้าข้อมือเจ้าหล่อนออกเดินให้ห่างจากสิ่งยั่วยุเหล่านั้นให้ไกลที่สุด
"อ๊าย... นายโปรด เดี๋ยวหก" เธออุทานเมื่อเซถลาตามเขา ขาสั้นต้องพยายามก้าวเดินให้ทัน
ชายหนุ่มหยุดเดินกะทันหันเมื่อหางตาเหลือบเห็นถังขยะหน้าห้องน้ำ เขาแย่งถ้วยใบนั้นมาจากมือเธอโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะทิ้งมันลงถังขยะท่ามกลางอาการตะลึงงันของอีกฝ่าย
อนาวิลาจ้องมองท้ายทอยคนที่กึ่งลากกึ่งจูงเธอไปอย่างเคืองแค้น เขาต้องรู้ถึงรังสีพิฆาตจากเธอบ้างล่ะ ร่างสูงจึงหยุดเดินแล้วหันมา ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะอ้าปากแหว เขาก็ยกนิ้วหัวแม่มือชี้ไปยังหน้าร้านอาหารที่พวกตนมาหยุดยืน
"ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น ดูนี่ซะก่อน" เขายักคิ้วด้วยท่าทางทะเล้นราวทองไม่รู้ร้อน
เธอเห็นแล้ว ร้านสุกี้แล้วอย่างไร อย่างไรมันก็ลบเลือนการกระทำอันหยาบคายเมื่อครู่ของเขาไม่ได้ เธอยินดีรับของฟรีของแจกดีกว่าต้องเป็นหนี้บุญคุณคนอย่างเขา
"อย่าคิดว่าตบหัวแล้วจะมาลูบหลังกันด้วยวิธีนี้"
"น้ำซุปหอมๆ ได้กลิ่นป่ะ" เขาทำท่าสูดหายใจอย่างกวนประสาท
"นายไม่มีสิทธิ์มาลากฉันไปตามใจชอบ"
"ปลาสวรรค์อร๊อยอร่อย"
"แล้วก็ไม่มีสิทธิ์มาทิ้งของของฉัน แม้มันจะเป็นของฟรีของไร้ค่าสำหรับนายก็เถอะ"
"หมูหมักเนื้อนุ่ม ลวกพอสุกก็แทบละลายในปากแล้ว"
อนาวิลาเผลอกลืนน้ำลายตาม เธอต้องกำมือข่มโทสะที่กำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นตะกละจนสั่นเทิ้มไปทั้งกาย
"นายโปรด!" เธอกดเสียงดุลอดไรฟัน
เมื่อเห็นว่าแผนดึงดูดความสนใจของตนไม่ได้ผล นายโปรดก็หน้ามุ่ยขึ้นมา
"เออๆ ต่อไปจะไม่ยุ่งละ พอใจป่ะ ชีวิตใครชีวิตมัน" เขาว่าเสียงสะบัดก่อนเดินเข้าไปในร้านโดยไม่รอ
หญิงสาวลอบถอนหายใจพลางโคลงศีรษะ เห็นทีหนึ่งปีที่คุณตาหวังเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวหลานชายคงสูญเปล่า เพราะเธอคิดว่าตนคงไม่บังอาจสั่งสอน เปลี่ยนนิสัยใครได้ หากคนคนนั้นไม่คิดจะเอาดีเสียเอง
ต้นไม้ต้นนี้เติบโตหยั่งรากลึก...เกินกว่ากำลังของเธอ
...............................
เมื่อผ่านมื้ออาหารที่มีแต่ความเงียบไปแล้วโดยมีชายหนุ่มเป็นเจ้ามือ อนาวิลาก็ค่อยคิดขึ้นมาได้ว่าขืนพรุ่งนี้มีทนายชลัทร่วมวงด้วยอีกคนในบรรยากาศกร่อยสนิทเช่นนี้จะยิ่งทำให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจเปล่าๆ
เธอเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ก่อน และคิดหาทางเริ่มต้นพูดจากับเขาอย่างเป็นกันเองอีกครั้งหนึ่ง ขณะเข็นรถเข็นไปตามทางเดินในหมวดข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน
"นายได้จดมาหรือเปล่าว่ามีอะไรขาดเหลือบ้าง"
"เปล่า" เขาตอบง่ายๆ
"แล้วข้าวของส่วนตัวนายล่ะ"
"ไม่รู้สิ ไม่ได้สังเกต"
หญิงสาวสูดหายใจลึกอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ เขาคงมีคนรับใช้จนชินถึงได้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งรอบตัวของตนเลย แล้วตอนนี้ก็มีเธอเป็นพี่เลี้ยงเด็กอีกคน
"ซื้อสบู่ไปเผื่อแล้วกัน"
เธอหยิบสบู่แพ็กห้าก้อนใส่รถเข็นโดยมีนายโปรดหยิบสินค้าตัวอย่างจากชั้นวางมาดม ก่อนเขาจะย่นจมูกหนีกลิ่นฉุนจัดของมัน แล้วหยิบสินค้าตัวอย่างอีกอันมาดมพลางยื่นจ่อจมูกเธอ
"อันนี้หอมกว่า"
"ไม่ได้ นี่มันคนละยี่ห้อ มันไม่แถม เห็นไหมมีสี่ก้อนเอง"
"แต่ฉันชอบอันนี้" เขาบอกอย่างดื้อดึง
"ก็ได้ ฉันว่าเราต่างคนต่างซื้อแล้วแยกใบเสร็จกัน"
อนาวิลาคิดว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุด เธอทำท่าจะเข็นรถผ่านเขาไป ทว่าร่างสูงก้าวมาขวาง เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาเข้มขึ้น
"ทำไมเธอต้องคิดอะไรให้มันยากด้วย ยังไงฉันก็เป็นคนจ่าย"
"นายเคยทำงานหาเงินเองแล้วเหรอ รู้ไหมว่าเงินมันหายากแค่ไหน"
"เธอพูดอย่างนี้อีกแล้วนะ" ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ท่าทางเหมือนจะตรงเข้าบีบคออีกฝ่ายได้
หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเขา โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเขาเองก็มีความฝัน แม้มันอาจยังไม่สำเร็จในปัจจุบันก็ตาม
"ฉันขอโทษ ต่อไปนายทำงานด้วยตัวเองเมื่อไรฉันจะไม่จู้จี้อย่างนี้เลย แต่นี่นายยกหน้าที่ในบ้านให้ฉันแล้วไม่ใช่หรือนายโปรด"
เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำขอโทษจากเธอ เช่นเดียวกับตอนที่ไม่คิดจะได้ยินคำว่าขอบคุณเมื่อครั้งก่อนนั้น แล้วความโกรธเมื่อครู่นี้ก็คลายลง หากนายโปรดยังคงเชิดหน้าอย่างไว้ตัว
"เออ เอาแบบแถมก็ได้ แต่ไม่เอากลิ่นนั้นนะ" เขาบอกราวตัดรำคาญ
อนาวิลาลอบยิ้ม เธอหยิบแพ็กสบู่กลิ่นอื่นให้เขาดมบ้าง แล้วก็ต้องยื่นไปสุดแขนจึงจะถึงปลายจมูกคนตัวสูง เธอเอียงคอรอคำตอบ ครั้นเขาผงกศีรษะตกลงจึงวางมันลงในตะกร้ารถเข็นเป็นอย่างแรก
นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น หวังว่าห้างคงยังไม่ปิดก่อนพวกเธอจะซื้อของเสร็จหรอกนะ เธอโคลงศีรษะขันกับความคิดตัวเอง
..........................
เมื่อได้ของใช้จำเป็นครบแล้ว หญิงสาวจึงเข็นรถเข็นต่อไปยังแผนกอาหารสด เธอตั้งใจจะทำอาหารเย็นง่ายๆ รับรองแขก เหมือนที่เคยเป็นลูกมือคุณตาเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่
"นายชอบทานอะไรเป็นพิเศษไหม" เธอหันไปถามคนที่เดินอยู่ข้างๆ
"ไม่รู้สิ อะไรก็ได้ที่กินแล้วไม่ท้องเสียน่ะ"
นอกจากเขาจะไม่สนใจเรื่องราวรอบตัวแล้ว เธอว่าเขายังไม่ใส่ใจเรื่องส่วนตัวของตนเองแท้ๆ อีกด้วย ที่แน่ๆ เธอต้องรู้ก่อนว่าเขาจะทานอาหารที่ตนตั้งใจทำได้ ไม่มีปัญหาทีหลังอีก
"ฉันว่าจะทำปีกไก่ทอด ผัดผักรวมมิตรใส่กุ้ง ยำรวมมิตร กับแกงจืดสักถ้วย นายว่าเป็นไง"
"เยอะไปป่ะ มีแค่กี่คนเอง ฉันไม่กินของเหลือนะ เธอก็รู้"
จะว่าไปกับข้าวสี่อย่างก็เยอะสำหรับคนสามคนจริงๆ นั่นแหละ แต่เธอแค่อยากแสดงฝีมือและแอบหวังว่าจะมีแขกพิเศษอีกคนหนึ่งมาร่วมวงด้วยเท่านั้น คราวที่แล้วที่เธอทำยำสามกรอบ เขาเคยชมว่ารสมือทำน้ำยำของเธอจัดจ้านกลมกล่อมทีเดียว
"ตัดยำออกแล้วกัน ฉันไม่ชอบกินเผ็ด" นายโปรดตัดสินใจให้
"ไม่ได้!" อนาวิลาปฏิเสธทันควัน "เอ่อ ฉันกินหมดน่า เหลือดีกว่าขาดนะ"
ชายหนุ่มหรี่ตามองหญิงสาวที่ง่วนกับการตักปีกไก่ใส่ถุงอย่างแปลกใจ ก็ยัยมนุษย์ป้าออกจะงกกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทีอย่างนี้กลับหน้าใหญ่ใจโตไม่เบา
เมื่อพนักงานชั่งปีกไก่ในถุงแล้วเรียบร้อยเจ้าหล่อนก็วางถุงลงบนตะกร้ารถเข็น ก่อนจะเลือกซื้ออาหารทะเลเป็นอย่างต่อไป นายโปรดมองดูเธอเลือกของสดด้วยความเชี่ยวชาญอย่างนึกทึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาจ่ายตลาดก็ว่าได้ แล้วก็พบว่ามันน่าเพลิดเพลินกว่าที่คิด เขาปีนเหยียบล้อรถเข็นขณะรับถุงมาต่อจากเธอ
"ฮะ...ฮะ...เฮ้ย!"
ร่างสูงเซจะหงายแล้วรีบเกาะตะกร้าไว้แน่นเมื่อหญิงสาวแกล้งออกแรงเข็นทั้งที่เขายังปีนเหยียบล้ออยู่ อนาวิลายิ้มขำที่ได้แกล้งจนเขาหน้าแดงด้วยความตกใจ หากชายหนุ่มก็นึกสนุกที่จะเกาะอยู่อย่างนั้นและให้เธอเข็นไป
"คนอะไรตัวก็หนัก" เธอแสร้งบ่นว่า
"แหม เธอผอมตายเลยเนอะ"
หนุ่มสาวทุ่มเถียงกันไม่จริงจังระหว่างทางไปจ่ายเงิน แต่แล้วนายโปรดก็รีบโบกมือให้หยุด เขาก้าวลงจากรถเข็นและเดินย้อนไปทางแผนกเครื่องดื่มที่เพิ่งผ่านมา ก่อนจะรีบดึงตัวหญิงสาวซึ่งตามมาไว้ สายตายังคงจับจ้องภาพชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังมีปากเสียงกัน
อนาวิลามองตามภาพนั้นด้วยหัวใจซึ่งตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม สตรีสาวคนนั้นกำลังต่อว่ารชตวันว่าเขานอกใจด้วยน้ำเสียงไม่เบานัก แม้ทนายหนุ่มจะพยายามเดินหนี หากเจ้าหล่อนก็ตามไปรั้งแขนเขาไว้แรง
"ฉันว่าฉันมีหัวข้อสนทนาบนโต๊ะอาหารพรุ่งนี้แล้วล่ะ" นายโปรดกระซิบเสียงเจ้าเล่ห์อย่างนึกสนุก
"ไปเถอะน่ะ"
หญิงสาวเดินหนีเมื่อคนคู่นั้นทำท่าจะเดินตรงมา ทว่าชายหนุ่มก็คว้าข้อมือเธอให้แอบดูด้วยกันก่อน แม้ตนจะพยายามพลิ้วข้อมือหนีก็ตาม กระทั่งสะโพกเธอกระแทกชั้นวางจนขวดพลาสติกของน้ำอัดลมขวดหนึ่งตกปุลงมา เรียกสายตาผู้คนบริเวณนั้น รวมทั้งรชตวันและคนรักเขาให้หันมอง
อนาวิลาเผลอสบสายตาแปลกใจคู่นั้นแล้วตนก็ต้องหลบตาวูบ เธอสะบัดมือออกจากการจับกุมของนายโปรดสำเร็จ ก่อนจะรีบเข็นรถเข็นไปจากตรงนั้นทันที
"นายเล่นอะไร มันเสียมารยาทมากรู้ไหม" เธอต่อว่าเมื่อเขาตามมายังช่องจ่ายเงิน
"คิดไรป่ะเนี่ย ดูเป็นเดือดเป็นร้อนนะ" เขาชี้นิ้วแหย่อย่างเห็นขัน
เธอปัดมือของเขาออกแล้วก็ให้ร้อนซู่ยังใบหน้าขึ้นมา มันเป็นความลับที่สุดในชีวิต และคนสุดท้ายในโลกที่เธอต้องการให้ล่วงรู้ความลับนี้ก็ทำท่าจะระแคะระคายขึ้นมาเสียนี่
หญิงสาวขึงตาดุ โชคดีที่ถึงคิวเธอจ่ายเงินเป็นคนต่อไป นายโปรดจึงรีบเปิดกระเป๋าหยิบบัตรเครดิตออกมา
............................
อนาวิลาเริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างรื่นรมย์ เธอลงมือเตรียมอาหารสดไว้แต่เนิ่นๆ และแบ่งส่วนหนึ่งสำหรับนำมาทำอาหารเช้าและกลางวันให้คุณชาย
นายโปรดก้าวลงบันไดมาตามกลิ่นหอมฉุยของกระเทียมเจียว เขายังตื่นไม่เต็มตาและอยู่ในชุดนอนอย่างเกียจคร้าน แต่เมื่อเห็นผู้ร่วมชายคาสาละวนอยู่ในครัว ตนก็รินน้ำดื่มจากตู้เย็นพลางก้าวไปยื่นหน้าดูใกล้เตา
"ฮื้อ"
หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบร่างสูงซึ่งโน้มตัวมาทำจมูกฟุดฟิดใกล้ๆ แต่เมื่อนึกได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน แน่ล่ะ เขาไม่มีทางทำเช่นนั้นกับเธอแน่ ตนจึงบอกเล่าถึงเมนูเช้าวันนี้ด้วยความภูมิใจ
"หิวหรือยัง เช้านี้ฉันทำข้าวต้มหน้ากุ้งกับปลาหมึกกระเทียม นายจะกินเลยไหม"
นายโปรดถอนสายตาจากมันกุ้งกระเทียมสีแดงอมส้มในกระทะ เขาหันมามองผู้ที่ถามคำถามซึ่งทำให้ใจตนอ่อนยวบประหลาด แล้วก็ได้แต่พยักหน้าส่งไป
อนาวิลาพยักพเยิดบอกให้เขานำจานมาตักข้าวต้มที่ต้มด้วยน้ำซุปจนหอมจากหม้อ ก่อนตนจะยกกระทะที่เพิ่งผัดกุ้งและปลาหมึกกระเทียมเสร็จจากเตาร้อนๆ มาตักราดไปบนหน้าข้ามต้ม ส่งกลิ่นหอมอวลจนคนเพิ่งตื่นหิวจัดขึ้นมา
"เธอล่ะ" ชายหนุ่มถามบ้างเมื่อเห็นเจ้าหล่อนตักเครื่องกระเทียมใส่จานพักไว้ แล้วทำท่าจะผละไปล้างกระทะต่อ
"นายกินก่อนเถอะ ฉันยังไม่เสร็จงานเลย"
"ไม่เอา กินด้วยกันก่อน" เขาโวยเล็กๆ พลางรั้งมือที่หมุนเปิดก๊อก "นะ"
หญิงสาวใจอ่อนเพราะหางเสียงคำหลัง เธอยิ้มรับเก้อๆ พร้อมกับผงกศีรษะ เวลาเขาพูดจาดีด้วยท่าทางออดอ้อนเช่นนั้น แทบไม่เหลือภาพเด็กร้ายกาจในความทรงจำเธอเลย
ออดอ้อนหรือ อนาวิลาอยากเขกศีรษะตัวเองที่หลงคิดไปได้ ขืนเจ้าตัวที่กำลังละเลียดชิมรู้เข้าคงสำลักแทบหาน้ำดื่มไม่ทัน
"เธอไปเอาสูตรนี้มาจากไหน" นายโปรดถามเมื่อคนทำนั่งลงตรงข้ามพร้อมชามข้าวต้ม
"ทำไม ไม่ชอบเหรอ" แม่ครัวใจเสีย
"ชอบสิ ฉันเพิ่งเคยกินนี่แหละ แปลกดี วันหลังพาเธอไปสอนแม่บ้านที่บ้านพ่อฉันทำอาหารดีกว่า ที่บ้านไม่มีใครทำอาหารอร่อยสักคน" เขาบอกราวฟ้องเหมือนเด็กๆ
หญิงสาวยิ้มขัน คำชมเขาออกจะเกินจริงจนเธอไม่เชื่อถือจริงจัง
"ฉันจำมาจากแม่น่ะ จริงๆ แม่ไม่ได้สอนหรอก อาศัยว่าจำรสมือได้ก็เลยลองทำดู"
"จริงสิ พ่อแม่เธออยู่ไหนล่ะ ต่างจังหวัดเหรอ"
อนาวิลายิ้มบางแทนคำตอบ เธอตักข้าวต้มทานแล้วก็นึกถึงรสมือแม่ มันใกล้เคียงเช่นเดียวกับอะไรอีกหลายอย่างที่เธอพยายามทำด้วยตัวเอง
"หรือว่า...พ่อแม่เธอเสียแล้ว" นายโปรดถามต่ออย่างไม่หายคาใจ
ตามมารยาทแล้วเมื่อผู้พูดเลี่ยงจะพูดถึงเรื่องใด อีกฝ่ายก็ย่อมทราบและคล้อยตามเช่นนั้น แต่เธอน่าจะรู้ว่านั่นคงไม่ใช่กับชายหนุ่มผู้นี้ที่หลักการคิดวิเคราะห์ของเขาแทบไม่ต่างจากลูกศิษย์วัยอนุบาลของเธอ
"นี่นายกำลังแช่งพ่อแม่ฉันอยู่นะ ท่านก็แค่แยกกันอยู่น่ะ"
นายโปรดขยับปากจะถามอีก แต่แล้วก็เปลี่ยนใจตักข้าวต้มทานต่อไป เขากลัวว่าตนจะเผลอแสดงความรู้สึกอ่อนไหวออกไปให้เธอเห็นอีกมุมที่เขาไม่เคยเปิดเผยกับใคร
หนุ่มสาวต่างทานอาหารเช้าของตนเงียบๆ อนาวิลาเป็นฝ่ายทานหมดก่อนและลุกไปล้างจาน เมื่อหันกลับมาอีกครั้งก็พบว่าคนอิ่มไม่ยอมเอาจานไปส่งให้เสียที หากกลับนั่งนิ่วหน้าราวคิดบางอย่างไม่ตก
"ฉันจะซื้อเครื่องล้างจานนะ" จู่ๆ เขาก็โพล่งขึ้นมา
"บ้า ซื้อมาทำไม อยู่กันแค่สองคนนี่นะ" เธอว่าขันๆ พลางเอื้อมไปหยิบจานของเขา ทว่าชายหนุ่มรีบดึงไปอีกทาง
"เธอนั่นแหละบ้า เธอจะมาตามรับใช้ฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่ชอบ"
ตั้งแต่วันที่เธอแบกข้าวของในบ้านกลับมาเต็มสองมือ ตอนที่เธอก้มเก็บรองเท้าใส่ตู้ให้เขา และยังล้างจานที่เขาวางทิ้งไว้ในอ่างล้างจาน เขาซื่อตรงพอที่จะบอกตัวเองว่ามันไม่มีข้อบังคับให้เธอทำเรื่องเหล่านี้ในสัญญา แต่เธอก็ทำโดยไม่ปริปากใดๆ
"นายไม่ต้องรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณฉันหรอกน่า แค่ฟังฉันบางเรื่องก็พอแล้ว" เธอเอ่ยอย่างมีเลศนัย
"ฟัง...ฟังอะไร"
"แลกกับการไปช่วยฉันจับเจ้าสี่ตัวนั้นอาบน้ำแล้วกัน"
................................
ตอนต่อไปจะมีแขกมาเยี่ยมบ้านแล้วค่ะ
ให้ทายว่านายโปรดจะทำงานล่มไหม อิอิ
ฝากติดตามด้วยนะคะ :D
ห้างสรรพสินค้าในวันหยุดสุดสัปดาห์คับคั่งไปด้วยครอบครัวที่มาจับจ่ายใช้สอย และกลยุทธ์เรียกลูกค้าที่ได้ผลมานักต่อนักก็คือห้างค้าปลีกต่างแข่งกันลดราคาดึงดูดเม็ดเงินจากผู้คน
นอกจากสินค้าหลายรายการจะติดป้ายลดราคาแล้ว บรรดาตัวแทนจากสินค้าบางรายการยังมาตั้งบูธเล็กๆ เพื่อนำสินค้าตัวอย่างมาแจกอีกด้วย แล้วมันก็ได้ผลยิ่งนักเมื่ออนาวิลาก็เป็นอีกคนที่ตรงดิ่งไปรับของฟรี ทั้งยาสระผมสูตรใหม่ รวมไปถึงโจ๊กรสผักสำหรับเด็กที่ใส่มาในถ้วยพลาสติกเล็กๆ
นายโปรดโกรธและเสียหน้าแทบล็อคคอเธอออกมา คนอย่างเขาไม่เคยต้องรอรับของแจกจากใคร ทว่าเมื่อหญิงสาวหันมายิ้มถูกใจหลังได้ชิม พร้อมกับยื่นช้อนพลาสติกมาทำท่าจะป้อน ความโกรธในคราแรกนั้นก็ลดลงกว่าครึ่ง เขาคว้าข้อมือเจ้าหล่อนออกเดินให้ห่างจากสิ่งยั่วยุเหล่านั้นให้ไกลที่สุด
"อ๊าย... นายโปรด เดี๋ยวหก" เธออุทานเมื่อเซถลาตามเขา ขาสั้นต้องพยายามก้าวเดินให้ทัน
ชายหนุ่มหยุดเดินกะทันหันเมื่อหางตาเหลือบเห็นถังขยะหน้าห้องน้ำ เขาแย่งถ้วยใบนั้นมาจากมือเธอโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะทิ้งมันลงถังขยะท่ามกลางอาการตะลึงงันของอีกฝ่าย
อนาวิลาจ้องมองท้ายทอยคนที่กึ่งลากกึ่งจูงเธอไปอย่างเคืองแค้น เขาต้องรู้ถึงรังสีพิฆาตจากเธอบ้างล่ะ ร่างสูงจึงหยุดเดินแล้วหันมา ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะอ้าปากแหว เขาก็ยกนิ้วหัวแม่มือชี้ไปยังหน้าร้านอาหารที่พวกตนมาหยุดยืน
"ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น ดูนี่ซะก่อน" เขายักคิ้วด้วยท่าทางทะเล้นราวทองไม่รู้ร้อน
เธอเห็นแล้ว ร้านสุกี้แล้วอย่างไร อย่างไรมันก็ลบเลือนการกระทำอันหยาบคายเมื่อครู่ของเขาไม่ได้ เธอยินดีรับของฟรีของแจกดีกว่าต้องเป็นหนี้บุญคุณคนอย่างเขา
"อย่าคิดว่าตบหัวแล้วจะมาลูบหลังกันด้วยวิธีนี้"
"น้ำซุปหอมๆ ได้กลิ่นป่ะ" เขาทำท่าสูดหายใจอย่างกวนประสาท
"นายไม่มีสิทธิ์มาลากฉันไปตามใจชอบ"
"ปลาสวรรค์อร๊อยอร่อย"
"แล้วก็ไม่มีสิทธิ์มาทิ้งของของฉัน แม้มันจะเป็นของฟรีของไร้ค่าสำหรับนายก็เถอะ"
"หมูหมักเนื้อนุ่ม ลวกพอสุกก็แทบละลายในปากแล้ว"
อนาวิลาเผลอกลืนน้ำลายตาม เธอต้องกำมือข่มโทสะที่กำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นตะกละจนสั่นเทิ้มไปทั้งกาย
"นายโปรด!" เธอกดเสียงดุลอดไรฟัน
เมื่อเห็นว่าแผนดึงดูดความสนใจของตนไม่ได้ผล นายโปรดก็หน้ามุ่ยขึ้นมา
"เออๆ ต่อไปจะไม่ยุ่งละ พอใจป่ะ ชีวิตใครชีวิตมัน" เขาว่าเสียงสะบัดก่อนเดินเข้าไปในร้านโดยไม่รอ
หญิงสาวลอบถอนหายใจพลางโคลงศีรษะ เห็นทีหนึ่งปีที่คุณตาหวังเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวหลานชายคงสูญเปล่า เพราะเธอคิดว่าตนคงไม่บังอาจสั่งสอน เปลี่ยนนิสัยใครได้ หากคนคนนั้นไม่คิดจะเอาดีเสียเอง
ต้นไม้ต้นนี้เติบโตหยั่งรากลึก...เกินกว่ากำลังของเธอ
...............................
เมื่อผ่านมื้ออาหารที่มีแต่ความเงียบไปแล้วโดยมีชายหนุ่มเป็นเจ้ามือ อนาวิลาก็ค่อยคิดขึ้นมาได้ว่าขืนพรุ่งนี้มีทนายชลัทร่วมวงด้วยอีกคนในบรรยากาศกร่อยสนิทเช่นนี้จะยิ่งทำให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจเปล่าๆ
เธอเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ก่อน และคิดหาทางเริ่มต้นพูดจากับเขาอย่างเป็นกันเองอีกครั้งหนึ่ง ขณะเข็นรถเข็นไปตามทางเดินในหมวดข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน
"นายได้จดมาหรือเปล่าว่ามีอะไรขาดเหลือบ้าง"
"เปล่า" เขาตอบง่ายๆ
"แล้วข้าวของส่วนตัวนายล่ะ"
"ไม่รู้สิ ไม่ได้สังเกต"
หญิงสาวสูดหายใจลึกอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ เขาคงมีคนรับใช้จนชินถึงได้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งรอบตัวของตนเลย แล้วตอนนี้ก็มีเธอเป็นพี่เลี้ยงเด็กอีกคน
"ซื้อสบู่ไปเผื่อแล้วกัน"
เธอหยิบสบู่แพ็กห้าก้อนใส่รถเข็นโดยมีนายโปรดหยิบสินค้าตัวอย่างจากชั้นวางมาดม ก่อนเขาจะย่นจมูกหนีกลิ่นฉุนจัดของมัน แล้วหยิบสินค้าตัวอย่างอีกอันมาดมพลางยื่นจ่อจมูกเธอ
"อันนี้หอมกว่า"
"ไม่ได้ นี่มันคนละยี่ห้อ มันไม่แถม เห็นไหมมีสี่ก้อนเอง"
"แต่ฉันชอบอันนี้" เขาบอกอย่างดื้อดึง
"ก็ได้ ฉันว่าเราต่างคนต่างซื้อแล้วแยกใบเสร็จกัน"
อนาวิลาคิดว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุด เธอทำท่าจะเข็นรถผ่านเขาไป ทว่าร่างสูงก้าวมาขวาง เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาเข้มขึ้น
"ทำไมเธอต้องคิดอะไรให้มันยากด้วย ยังไงฉันก็เป็นคนจ่าย"
"นายเคยทำงานหาเงินเองแล้วเหรอ รู้ไหมว่าเงินมันหายากแค่ไหน"
"เธอพูดอย่างนี้อีกแล้วนะ" ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ท่าทางเหมือนจะตรงเข้าบีบคออีกฝ่ายได้
หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเขา โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเขาเองก็มีความฝัน แม้มันอาจยังไม่สำเร็จในปัจจุบันก็ตาม
"ฉันขอโทษ ต่อไปนายทำงานด้วยตัวเองเมื่อไรฉันจะไม่จู้จี้อย่างนี้เลย แต่นี่นายยกหน้าที่ในบ้านให้ฉันแล้วไม่ใช่หรือนายโปรด"
เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำขอโทษจากเธอ เช่นเดียวกับตอนที่ไม่คิดจะได้ยินคำว่าขอบคุณเมื่อครั้งก่อนนั้น แล้วความโกรธเมื่อครู่นี้ก็คลายลง หากนายโปรดยังคงเชิดหน้าอย่างไว้ตัว
"เออ เอาแบบแถมก็ได้ แต่ไม่เอากลิ่นนั้นนะ" เขาบอกราวตัดรำคาญ
อนาวิลาลอบยิ้ม เธอหยิบแพ็กสบู่กลิ่นอื่นให้เขาดมบ้าง แล้วก็ต้องยื่นไปสุดแขนจึงจะถึงปลายจมูกคนตัวสูง เธอเอียงคอรอคำตอบ ครั้นเขาผงกศีรษะตกลงจึงวางมันลงในตะกร้ารถเข็นเป็นอย่างแรก
นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น หวังว่าห้างคงยังไม่ปิดก่อนพวกเธอจะซื้อของเสร็จหรอกนะ เธอโคลงศีรษะขันกับความคิดตัวเอง
..........................
เมื่อได้ของใช้จำเป็นครบแล้ว หญิงสาวจึงเข็นรถเข็นต่อไปยังแผนกอาหารสด เธอตั้งใจจะทำอาหารเย็นง่ายๆ รับรองแขก เหมือนที่เคยเป็นลูกมือคุณตาเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่
"นายชอบทานอะไรเป็นพิเศษไหม" เธอหันไปถามคนที่เดินอยู่ข้างๆ
"ไม่รู้สิ อะไรก็ได้ที่กินแล้วไม่ท้องเสียน่ะ"
นอกจากเขาจะไม่สนใจเรื่องราวรอบตัวแล้ว เธอว่าเขายังไม่ใส่ใจเรื่องส่วนตัวของตนเองแท้ๆ อีกด้วย ที่แน่ๆ เธอต้องรู้ก่อนว่าเขาจะทานอาหารที่ตนตั้งใจทำได้ ไม่มีปัญหาทีหลังอีก
"ฉันว่าจะทำปีกไก่ทอด ผัดผักรวมมิตรใส่กุ้ง ยำรวมมิตร กับแกงจืดสักถ้วย นายว่าเป็นไง"
"เยอะไปป่ะ มีแค่กี่คนเอง ฉันไม่กินของเหลือนะ เธอก็รู้"
จะว่าไปกับข้าวสี่อย่างก็เยอะสำหรับคนสามคนจริงๆ นั่นแหละ แต่เธอแค่อยากแสดงฝีมือและแอบหวังว่าจะมีแขกพิเศษอีกคนหนึ่งมาร่วมวงด้วยเท่านั้น คราวที่แล้วที่เธอทำยำสามกรอบ เขาเคยชมว่ารสมือทำน้ำยำของเธอจัดจ้านกลมกล่อมทีเดียว
"ตัดยำออกแล้วกัน ฉันไม่ชอบกินเผ็ด" นายโปรดตัดสินใจให้
"ไม่ได้!" อนาวิลาปฏิเสธทันควัน "เอ่อ ฉันกินหมดน่า เหลือดีกว่าขาดนะ"
ชายหนุ่มหรี่ตามองหญิงสาวที่ง่วนกับการตักปีกไก่ใส่ถุงอย่างแปลกใจ ก็ยัยมนุษย์ป้าออกจะงกกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทีอย่างนี้กลับหน้าใหญ่ใจโตไม่เบา
เมื่อพนักงานชั่งปีกไก่ในถุงแล้วเรียบร้อยเจ้าหล่อนก็วางถุงลงบนตะกร้ารถเข็น ก่อนจะเลือกซื้ออาหารทะเลเป็นอย่างต่อไป นายโปรดมองดูเธอเลือกของสดด้วยความเชี่ยวชาญอย่างนึกทึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาจ่ายตลาดก็ว่าได้ แล้วก็พบว่ามันน่าเพลิดเพลินกว่าที่คิด เขาปีนเหยียบล้อรถเข็นขณะรับถุงมาต่อจากเธอ
"ฮะ...ฮะ...เฮ้ย!"
ร่างสูงเซจะหงายแล้วรีบเกาะตะกร้าไว้แน่นเมื่อหญิงสาวแกล้งออกแรงเข็นทั้งที่เขายังปีนเหยียบล้ออยู่ อนาวิลายิ้มขำที่ได้แกล้งจนเขาหน้าแดงด้วยความตกใจ หากชายหนุ่มก็นึกสนุกที่จะเกาะอยู่อย่างนั้นและให้เธอเข็นไป
"คนอะไรตัวก็หนัก" เธอแสร้งบ่นว่า
"แหม เธอผอมตายเลยเนอะ"
หนุ่มสาวทุ่มเถียงกันไม่จริงจังระหว่างทางไปจ่ายเงิน แต่แล้วนายโปรดก็รีบโบกมือให้หยุด เขาก้าวลงจากรถเข็นและเดินย้อนไปทางแผนกเครื่องดื่มที่เพิ่งผ่านมา ก่อนจะรีบดึงตัวหญิงสาวซึ่งตามมาไว้ สายตายังคงจับจ้องภาพชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังมีปากเสียงกัน
อนาวิลามองตามภาพนั้นด้วยหัวใจซึ่งตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม สตรีสาวคนนั้นกำลังต่อว่ารชตวันว่าเขานอกใจด้วยน้ำเสียงไม่เบานัก แม้ทนายหนุ่มจะพยายามเดินหนี หากเจ้าหล่อนก็ตามไปรั้งแขนเขาไว้แรง
"ฉันว่าฉันมีหัวข้อสนทนาบนโต๊ะอาหารพรุ่งนี้แล้วล่ะ" นายโปรดกระซิบเสียงเจ้าเล่ห์อย่างนึกสนุก
"ไปเถอะน่ะ"
หญิงสาวเดินหนีเมื่อคนคู่นั้นทำท่าจะเดินตรงมา ทว่าชายหนุ่มก็คว้าข้อมือเธอให้แอบดูด้วยกันก่อน แม้ตนจะพยายามพลิ้วข้อมือหนีก็ตาม กระทั่งสะโพกเธอกระแทกชั้นวางจนขวดพลาสติกของน้ำอัดลมขวดหนึ่งตกปุลงมา เรียกสายตาผู้คนบริเวณนั้น รวมทั้งรชตวันและคนรักเขาให้หันมอง
อนาวิลาเผลอสบสายตาแปลกใจคู่นั้นแล้วตนก็ต้องหลบตาวูบ เธอสะบัดมือออกจากการจับกุมของนายโปรดสำเร็จ ก่อนจะรีบเข็นรถเข็นไปจากตรงนั้นทันที
"นายเล่นอะไร มันเสียมารยาทมากรู้ไหม" เธอต่อว่าเมื่อเขาตามมายังช่องจ่ายเงิน
"คิดไรป่ะเนี่ย ดูเป็นเดือดเป็นร้อนนะ" เขาชี้นิ้วแหย่อย่างเห็นขัน
เธอปัดมือของเขาออกแล้วก็ให้ร้อนซู่ยังใบหน้าขึ้นมา มันเป็นความลับที่สุดในชีวิต และคนสุดท้ายในโลกที่เธอต้องการให้ล่วงรู้ความลับนี้ก็ทำท่าจะระแคะระคายขึ้นมาเสียนี่
หญิงสาวขึงตาดุ โชคดีที่ถึงคิวเธอจ่ายเงินเป็นคนต่อไป นายโปรดจึงรีบเปิดกระเป๋าหยิบบัตรเครดิตออกมา
............................
อนาวิลาเริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างรื่นรมย์ เธอลงมือเตรียมอาหารสดไว้แต่เนิ่นๆ และแบ่งส่วนหนึ่งสำหรับนำมาทำอาหารเช้าและกลางวันให้คุณชาย
นายโปรดก้าวลงบันไดมาตามกลิ่นหอมฉุยของกระเทียมเจียว เขายังตื่นไม่เต็มตาและอยู่ในชุดนอนอย่างเกียจคร้าน แต่เมื่อเห็นผู้ร่วมชายคาสาละวนอยู่ในครัว ตนก็รินน้ำดื่มจากตู้เย็นพลางก้าวไปยื่นหน้าดูใกล้เตา
"ฮื้อ"
หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบร่างสูงซึ่งโน้มตัวมาทำจมูกฟุดฟิดใกล้ๆ แต่เมื่อนึกได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน แน่ล่ะ เขาไม่มีทางทำเช่นนั้นกับเธอแน่ ตนจึงบอกเล่าถึงเมนูเช้าวันนี้ด้วยความภูมิใจ
"หิวหรือยัง เช้านี้ฉันทำข้าวต้มหน้ากุ้งกับปลาหมึกกระเทียม นายจะกินเลยไหม"
นายโปรดถอนสายตาจากมันกุ้งกระเทียมสีแดงอมส้มในกระทะ เขาหันมามองผู้ที่ถามคำถามซึ่งทำให้ใจตนอ่อนยวบประหลาด แล้วก็ได้แต่พยักหน้าส่งไป
อนาวิลาพยักพเยิดบอกให้เขานำจานมาตักข้าวต้มที่ต้มด้วยน้ำซุปจนหอมจากหม้อ ก่อนตนจะยกกระทะที่เพิ่งผัดกุ้งและปลาหมึกกระเทียมเสร็จจากเตาร้อนๆ มาตักราดไปบนหน้าข้ามต้ม ส่งกลิ่นหอมอวลจนคนเพิ่งตื่นหิวจัดขึ้นมา
"เธอล่ะ" ชายหนุ่มถามบ้างเมื่อเห็นเจ้าหล่อนตักเครื่องกระเทียมใส่จานพักไว้ แล้วทำท่าจะผละไปล้างกระทะต่อ
"นายกินก่อนเถอะ ฉันยังไม่เสร็จงานเลย"
"ไม่เอา กินด้วยกันก่อน" เขาโวยเล็กๆ พลางรั้งมือที่หมุนเปิดก๊อก "นะ"
หญิงสาวใจอ่อนเพราะหางเสียงคำหลัง เธอยิ้มรับเก้อๆ พร้อมกับผงกศีรษะ เวลาเขาพูดจาดีด้วยท่าทางออดอ้อนเช่นนั้น แทบไม่เหลือภาพเด็กร้ายกาจในความทรงจำเธอเลย
ออดอ้อนหรือ อนาวิลาอยากเขกศีรษะตัวเองที่หลงคิดไปได้ ขืนเจ้าตัวที่กำลังละเลียดชิมรู้เข้าคงสำลักแทบหาน้ำดื่มไม่ทัน
"เธอไปเอาสูตรนี้มาจากไหน" นายโปรดถามเมื่อคนทำนั่งลงตรงข้ามพร้อมชามข้าวต้ม
"ทำไม ไม่ชอบเหรอ" แม่ครัวใจเสีย
"ชอบสิ ฉันเพิ่งเคยกินนี่แหละ แปลกดี วันหลังพาเธอไปสอนแม่บ้านที่บ้านพ่อฉันทำอาหารดีกว่า ที่บ้านไม่มีใครทำอาหารอร่อยสักคน" เขาบอกราวฟ้องเหมือนเด็กๆ
หญิงสาวยิ้มขัน คำชมเขาออกจะเกินจริงจนเธอไม่เชื่อถือจริงจัง
"ฉันจำมาจากแม่น่ะ จริงๆ แม่ไม่ได้สอนหรอก อาศัยว่าจำรสมือได้ก็เลยลองทำดู"
"จริงสิ พ่อแม่เธออยู่ไหนล่ะ ต่างจังหวัดเหรอ"
อนาวิลายิ้มบางแทนคำตอบ เธอตักข้าวต้มทานแล้วก็นึกถึงรสมือแม่ มันใกล้เคียงเช่นเดียวกับอะไรอีกหลายอย่างที่เธอพยายามทำด้วยตัวเอง
"หรือว่า...พ่อแม่เธอเสียแล้ว" นายโปรดถามต่ออย่างไม่หายคาใจ
ตามมารยาทแล้วเมื่อผู้พูดเลี่ยงจะพูดถึงเรื่องใด อีกฝ่ายก็ย่อมทราบและคล้อยตามเช่นนั้น แต่เธอน่าจะรู้ว่านั่นคงไม่ใช่กับชายหนุ่มผู้นี้ที่หลักการคิดวิเคราะห์ของเขาแทบไม่ต่างจากลูกศิษย์วัยอนุบาลของเธอ
"นี่นายกำลังแช่งพ่อแม่ฉันอยู่นะ ท่านก็แค่แยกกันอยู่น่ะ"
นายโปรดขยับปากจะถามอีก แต่แล้วก็เปลี่ยนใจตักข้าวต้มทานต่อไป เขากลัวว่าตนจะเผลอแสดงความรู้สึกอ่อนไหวออกไปให้เธอเห็นอีกมุมที่เขาไม่เคยเปิดเผยกับใคร
หนุ่มสาวต่างทานอาหารเช้าของตนเงียบๆ อนาวิลาเป็นฝ่ายทานหมดก่อนและลุกไปล้างจาน เมื่อหันกลับมาอีกครั้งก็พบว่าคนอิ่มไม่ยอมเอาจานไปส่งให้เสียที หากกลับนั่งนิ่วหน้าราวคิดบางอย่างไม่ตก
"ฉันจะซื้อเครื่องล้างจานนะ" จู่ๆ เขาก็โพล่งขึ้นมา
"บ้า ซื้อมาทำไม อยู่กันแค่สองคนนี่นะ" เธอว่าขันๆ พลางเอื้อมไปหยิบจานของเขา ทว่าชายหนุ่มรีบดึงไปอีกทาง
"เธอนั่นแหละบ้า เธอจะมาตามรับใช้ฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่ชอบ"
ตั้งแต่วันที่เธอแบกข้าวของในบ้านกลับมาเต็มสองมือ ตอนที่เธอก้มเก็บรองเท้าใส่ตู้ให้เขา และยังล้างจานที่เขาวางทิ้งไว้ในอ่างล้างจาน เขาซื่อตรงพอที่จะบอกตัวเองว่ามันไม่มีข้อบังคับให้เธอทำเรื่องเหล่านี้ในสัญญา แต่เธอก็ทำโดยไม่ปริปากใดๆ
"นายไม่ต้องรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณฉันหรอกน่า แค่ฟังฉันบางเรื่องก็พอแล้ว" เธอเอ่ยอย่างมีเลศนัย
"ฟัง...ฟังอะไร"
"แลกกับการไปช่วยฉันจับเจ้าสี่ตัวนั้นอาบน้ำแล้วกัน"
................................
ตอนต่อไปจะมีแขกมาเยี่ยมบ้านแล้วค่ะ
ให้ทายว่านายโปรดจะทำงานล่มไหม อิอิ
ฝากติดตามด้วยนะคะ :D

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ค. 2557, 16:36:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ค. 2557, 16:36:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 1795
<< บทที่ ๖ มือป้านิ่มจัง | บทที่ ๘ มนุษย์ป้าก็มีหัวใจ >> |


ภาพิมล_พิมลภา 3 ก.ค. 2557, 20:08:41 น.
คุณใบบัวน่ารัก - พูดกันมากขึ้นก็เข้าใจกันมากค่ะ แต่ถ้าเผลอพูดมากกับคนอื่นด้วยนี่สิคะ อิอิ มาดูว่าตอนหน้านายโปรดจะพูดดดอะไรกันค่ะ
คุณใบบัวน่ารัก - พูดกันมากขึ้นก็เข้าใจกันมากค่ะ แต่ถ้าเผลอพูดมากกับคนอื่นด้วยนี่สิคะ อิอิ มาดูว่าตอนหน้านายโปรดจะพูดดดอะไรกันค่ะ


แว่นใส 3 ก.ค. 2557, 21:10:18 น.
งานนี้มีเฮ
งานนี้มีเฮ

lunamoon 4 ก.ค. 2557, 01:40:22 น.
ไปอาบน้ำกันๆ
ไปอาบน้ำกันๆ

ภาพิมล_พิมลภา 4 ก.ค. 2557, 15:01:14 น.
คุณแว่นใส - งานนี้อาจมีโฮค่ะ
คุณlunamoon - ชวนเจ้าสี่ตัวใช่ไหมคะ เอ หรือชวนป้านะ อิอิ
คุณแว่นใส - งานนี้อาจมีโฮค่ะ

คุณlunamoon - ชวนเจ้าสี่ตัวใช่ไหมคะ เอ หรือชวนป้านะ อิอิ


ภาพิมล_พิมลภา 6 ก.ค. 2557, 16:36:05 น.
คุณsupayalak - อิอิ คุณชายจะยอมไหม อย่าลืมตามไปลุ้นนะคะ
คุณsupayalak - อิอิ คุณชายจะยอมไหม อย่าลืมตามไปลุ้นนะคะ