บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 15

ตอนที่ 15

ปารินทร์สะกิดให้ธีรดาเดินตามเขาออกมาจากฮอลล์ก่อนเวลาที่การแสดงจะจบลง เธอเดินตามไปไม่ถามอะไรเพราะไม่ได้ถูกโฉลกกับดนตรีคลาสสิคอยู่แล้ว เท่าที่ไม่หลับพับไปก็ถือว่าไว้หน้าเขามากโข ทางออกเงียบกริบมีเพียงพนักงานที่คอยส่งเครื่องดื่มให้เท่านั้น เราไม่ได้ดื่มอะไรกัน แต่ตรงดิ่งไปที่รถซึ่งเป็นเรื่องดีมาก ธีรดาไม่ชอบงานหรูๆ แบบนี้เลย ถ้าเขาพาไปเดินงานวัดเธอคงปลื้มหน้าบาน
รถของเขาเคลื่อนออกจากโรงละครเป็นคันแรกท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืน รถเริ่มคล่องตัวกว่าตอนขามา แน่ละสิตอนนี้มันปาเข้าไป 3 ทุ่มแล้วและเธอก็หิวจนท้องร้องอีกต่างหาก เขาคงได้ยินถึงได้จอดรถเมื่อขับมาได้สักพักหนึ่ง เธอลงจากรถแล้วตรงไปหาชายสี่หมี่เกี๊ยวทันที ไม่สนใจแล้วว่าเราทั้งสองคนจะแต่งตัวหรูเริดจนเวอร์หากจะกินอาหารข้างทาง ตอนนี้ต่อให้ยองๆ เหลาเธอก็ยอม ปารินทร์ปลดเนคไทออกส่วนเสื้อสูทอยู่ในรถ ดูเขาพร้อมอยู่แล้วสำหรับอาหารมื้อดึกของเราสองคนที่หรูอู้ฟู่อย่าบอกใคร
“ดีไหมคุณ...ดนตรีน่ะ” เขาถามระหว่างรอบะหมี่
“ดีสิ ไม่เห็นเหรอฉันหยิกตัวเองตลอด ไม่งั้นหลับ”
เสียงหัวเราะปลิวหายไปกับเสียงรถราที่กำลังวิ่งตามท้องถนน ปารินทร์นึกอยู่แล้วว่าเธอคงไม่ตอบสร้างภาพให้ตัวเองดูดีในสายตาใคร เธอเป็นเธอเสมอตั้งแต่ครั้งแรกที่เราพบกันจนถึงตอนนี้
“อ้าว แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าดีได้ยังไง”
“ก็ต้องดีสิ ถ้าไม่ดีฉันจะง่วงแบบนั้นเหรอ ขอบคุณนะที่พาไปฟังดนตรีเพราะๆ แต่แหม ฉันมันพวกชาวไร่ ชาวสวน แบบนี้ไม่ใช่ฉันหรอก” ธีรดารับชามบะหมี่มาแล้วจัดการปรุง
ปารินทร์ส่ายหน้ายิ้มกว้างรับชามบะหมี่มาปรุงอีกคน ลูกค้าคนอื่นๆ พากันมองมาที่เขากับธีรดา แปลกตรงไหนหรือถ้าจะใส่ชุดหรูๆ มากินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ในเมื่อคนที่เขาสนใจชอบแบบนี้ ทำไมเขาจะลองชอบดูบ้างไม่ได้
“ผมพอจะนึกออก วันหลังไปเที่ยวแบบของคุณบ้างก็ได้”
ธีรดายิ้มพราวเมื่อเห็นน้ำก๋วยเตี๋ยวกระเด็นใส่เสื้อของปารินทร์เป็นจุดๆ เขาก้มลงมองตามถึงได้เห็นสภาพเสื้อสีขาวของตัวเอง ทิชชูยื่นมาให้เขารับมาแต่กลับยื่นมือมาเช็ดแก้มที่เปื้อนของเธอแทน คำถามหนึ่งเกิดขึ้นกลางใจ เขาไม่ใช่ผู้ชายของผู้หญิงคนไหนจริงๆ น่ะหรือ
“ก็ได้ มาตรฐานของฉันกับคุณมันต่างกันมาก ถ้าจะเที่ยวแบบฉันคุณคงไม่สะดวกเท่าไหร่”
“เมื่อก่อนแม่ของผมเป็นพนักงานออฟฟิศ ส่วนพ่อของผมเป็นพ่อค้าไม้ ดูๆ แล้วเราก็ไม่ได้มีมาตรฐานต่างกันหรอก”
ลูกชิ้นถูกคีบใส่ชามบะหมี่ของปารินทร์เป็นการแทนคำขอโทษที่ตัดสินเขาไปก่อน หมูแดงชินหนึ่งคีบมาใส่ชามแทนการบอกว่าไม่เป็นไร ไม่มีอะไรที่เรียกว่าโรแมนติกได้ แต่ไม่รู้ทำไมเราต่างเอาแต่ยิ้มให้กัน

ถนนโล่งไปมากแล้ว แสงไฟบนท้องถนนสว่างนวล ภายในรถเงียบกริบไร้ซึ่งเสียงเพลง ทว่ากลับไม่มีความอึดอัด เราต่างคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้แล้วหัวเราะออกมาอย่างง่ายดาย เสือยิ้มยาก ไม่สิ ต้องเรียกว่าสิงห์ยิ้มยากกลายเป็นสิงห์ยิ้มเรี่ยราดไปแล้ว ถ้าตอนนั้นที่เราพบกันครั้งแรก เขาน่ารักขนาดนี้เธอคงอกหักไปแล้ว
5 ทุ่มกว่าๆ แสงไฟหน้ารถของปารินทร์ก็หยุดลงที่หน้าบ้านของธีรดา บ้านหลังอื่นๆ ในละแวกเดียวกันพากันดับไฟนอนกันหมดแล้ว หญิงสาวมองเข้าไปในบ้าน ป่านนี้ป้าอรคงหลับไปแล้วเหมือนกัน ไม่คิดฝันว่าเธอกับปารินทร์จะอยู่ด้วยกันมา 6 ชั่วโมงแล้ว
“ขอบคุณนะที่มาส่ง” ธีรดาเอ่ยก่อนเปิดประตูลงมาจากรถ ปารินทร์เปิดประตูลงอีกฝั่งแล้วเดินมาหา เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นไม่เข้าใจว่าเขาตามลงมาทำไมทั้งที่ดึกแล้ว
“กลับได้แล้วค่ะ ขับรถดีๆ ด้วยล่ะ ฉันจะเข้าบ้านแล้ว”
ปารินทร์เขยิบมายืนใกล้ๆ แขนของเขาโอบเอวบางเอาไว้ ธีรดาขยับหนีเพราะเราใกล้กันเกินไปแล้ว เสียงหัวเราะเบาๆ ดังใกล้หู พอเธอหันมาเรียวปากหนาก็ทาบทับเบานุ่มและห่างออกไปในพริบตา
“ฝากบอกแม่หมาด้วยว่าฝันดีนะ” ปารินทร์ยิ้มกว้างปล่อยแขนออกแล้วเดินกลับไปที่รถ เสียงรถครางเบาๆ แต่ยังไม่เคลื่อนไป เขารอจนธีรดาเดินเหมือนละเมอเข้าไปบ้านเรียบร้อยแล้วถึงได้ขับรถจากไป
ธีรดาเดินเข้ามาในบ้านได้อย่างไรเธอไม่แน่ใจนัก บานชื่นเห่าทักทาย เธอสะดุ้งโหยงใจหายวูบ พอตั้งสติได้ก็หยิบโทรศัพท์ออกมากะว่าจะโทรไปต่อว่าปารินทร์ที่เขาทำแบบนั้นกับเธอทั้งที่ไม่อนุญาตได้อย่างไร ทว่าพอนึกถึงสีหน้าของเขาแล้ว เธอคิดว่าตอนนี้อย่าเพิ่งหาเรื่องให้ตัวเองดีกว่า ถ้าเขาบอกว่าเป็นการบอกลาแบบฝรั่งเล่าเธอคงหน้าแตกยับ

หนังสือพิมพ์หัวสีฉบับหนึ่งถูกส่งมาถึงบ้านของธีรดาในวันอาทิตย์พร้อมกับเปิดหน้าที่ต้องการให้อ่านไว้ เธอไม่อยากเดาว่าใครเป็นคนส่งมา แค่เนื้อหาที่อ่านจากข่าวสังคมหน้านั้นก็ทำให้สมองของเธอมึนชามากพอแล้ว ปารินทร์กำลังจะหมั้นกับพิชชา หน้าตาของเขาดูชื่นมื่นดีกับว่าที่พ่อตา ถ้าเรื่องราวเป็นไปแบบนี้แล้วเขาเข้ามาดึงเธอเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทำไม เช้าอันสดใสหมดลงพร้อมๆ กับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ราวกับเด็กแอบกินขนมที่พึงใจ ทว่าเพียงไม่นานก็ถูกจับได้โดนยึดขนมนั้นไป ให้อยากได้เท่าไหร่ก็ไม่อาจได้มา
ตริณโทรมาหาเธอตอนสายๆ เธอรับนัดและนั่งแท็กซี่ออกไปจากบ้านแทนการขับรถ เวลาจิตตกไม่ควรขับรถเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นรถคนอื่นได้ซวยเพราะเธอแน่ๆ เธอมาถึงห้างก่อนเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมงเลยไปเดินหาหนังสืออ่านสักเล่มเผื่อสมองจะหายฟุ้งซ่าน แต่กรุงเทพฯ มันคงแคบ เธอเห็นปุราณเดินมาเลยรีบหลบ ไม่อยากมีเรื่องให้ปวดสมองอีก แต่ถึงหลบก็ไม่พ้นอยู่ดี
“กวาง”
ธีรดาหันมาตามเสียงเรียกเมื่อเลี่ยงไม่พ้นแล้ว ปุราณยืนอยู่หน้าร้านถ่ายรูปเว้ดดิ้ง ดูเหมือนเพิ่งมาถึง เธอเลยทำมึนเหมือนเพิ่งเห็นเขาเหมือนกัน
“อ้าวพี่ปุ๊ มาทำอะไรแถวนี้หรือคะ แล้วนี่คู่หมั้นจอมโหดไม่ได้มาด้วยหรือคะ” ที่ถามนี่ไม่ได้กลัว แต่วันนี้สมองของเธออืดเป็นคอมแรมต่ำเพราะฉะนั้นอาจเพรี่ยงพร้ำเถียงไม่ทัน
“กำลังตามมา แล้วกวางมาทำอะไรที่นี่ หรือว่ากำลังจะแต่งงาน ไม่เห็นพาแฟนมาให้พี่รู้จักเลย” ปุราณถามล้อๆ เพราะพอจะรู้เรื่องของว่าที่พี่เขยมาเหมือนกัน
“ถ้าได้แต่งจริงๆ ก็ดีน่ะสิคะ พอดีไม่ใช่นี่สิ” ธีรดาหัวเราะหลิ่วตาใส่ปู่รหัสและอดีตแฟน จนถึงตอนนี้เธอมั่นใจเต็มร้อยแล้วว่าไม่มีความรักหลงเหลือในใจของเธอ มีเพียงแค่ความนับถือในฐานะรุ่นพี่กับรุ่นน้องเท่านั้น “พี่ปุ๊กับแฟนเคลียร์กันลงตัวแล้วใช่ไหมคะ ถึงได้มาที่นี่ได้ ดีใจด้วยนะคะ”
ปุราณยิ้ม “ขอบใจนะ ดีจังนะที่เรากลับมาคุยกันได้หลังจาก...”
“กวางลืมไปหมดแล้วค่ะ วันนี้เป็นวันดีๆ ของพี่ปุ๊ เราอย่าพูดเรื่องในอดีตกันเลยดีกว่า”
สองหนุ่มสาวยิ้มให้กันอย่างบริสุทธิ์ใจ ทว่าสำหรับผู้มาถึงและได้เห็นภาพบาดใจคงไม่คิดอย่างนั้นเมื่อร่างของธีรดาถูกผลักจนกระเด็น พิชชาดึงแขนของศศิภาไว้ ไหนๆ ก็แค่มาช่วยเธอไม่อยากขายหน้าใครแบบนี้
“จะมากไปแล้ว กลางห้างยังมายิ้มให้ท่าพี่ปุ๊อีก” ศศิภาแหวลั่น “ไหนว่าไม่มีอะไรจริงๆ ไงคะพี่ปุ๊”
“ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ นี่นา เข้าไปในร้านเถอะ มาพูดกันตรงนี้อายคนอื่นเปล่าๆ” ปุราณคว้ามือของศศิภาให้เดินตามมาในร้าน แต่ศศิภากลับคว้ามือของธีรดาให้ตามมาด้วยกัน พิชชาเป็นเพียงคนเดียวที่มองดูเฉยๆ และรอดูว่าจะเกิดอะไรต่อไป
“เธอมากับฉัน วันนี้เรา 3 คนจะได้เคลียร์ให้จบๆ กันไป”
“ศศิปล่อยกวางเถอะ มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่ศศิคิดหรอก” ปุราณห้าม
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ปุ๊ คุยพร้อมๆ กันเลยก็ดี จะได้หมดเรื่องหมดราวกันไป” ธีรดากลายเป็นคนที่เดินนำทุกคนเข้าในร้าน พนักงานพากันผายมือให้ไปยังห้องที่เตรียมไว้ คงคิดแล้วว่าการมีเรื่องในร้านคงไม่โจษจันเท่ามีเรื่องกันหน้าร้าน
“พี่ปุ๊เข้าข้างมันหรือคะ” ศศิภาน้ำตาคลอ ปุราณถอนใจ ทว่าการไม่ตอบยิ่งทำให้น้ำอุ่นกลายเป็นน้ำร้อนเดือดพล่าน เธอเกือบเชื่ออยู่แล้วว่าไม่มีอะไร “ได้ ถ้างั้นวันนี้เธอกับฉันถ้าไม่เคลียร์ให้จบ ฉันก็พร้อมเลิกกับพี่ปุ๊ตรงนี้เหมือนกัน”
“ศศิ!” ปุราณไม่นึกว่าจะได้คำนี้ออกจากศศิภา
“ใจเย็นๆ สิศศิ” พิชชาเตือนไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวเอง ถ้าธีรดาหลุดจากวงโคจรของปุราณ คนต่อไปก็ปารินทร์น่ะสิ
ศศิภาปล่อยโฮน้ำตาไหลพราก ทว่าปุราณกลับมองเฉยไม่เข้ามาปลอบใจหรือพูดอะไรก็ได้ไม่ใช่การมองมาที่เธออย่างผิดหวังแบบนี้ “บอกมาเดี๋ยวนี้เลยพี่ปุ๊ว่าระหว่างศศิกับผู้หญิงคนนี้ พี่ปุ๊จะเลือกใคร”
“ทำไมพี่ต้องเลือก” ปุราณถามพยายามใจเย็นเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ถ้าเขาไม่รักเธอมากพอ ตอนนี้คงเดินจากไปแล้ว แต่บทเรียนที่ผ่านมาสอนเขาว่าการเดินหนีไม่อาจหยุดปัญหาได้
“พี่ปุ๊เลือกไม่ได้หรือคะ”
“หยุดได้แล้วศศิ” ปารินทร์ปรามเสียงเข้ม ทันทีที่มาถึงเสียงของน้องสาวก็ดังออกมาจากหน้าร้านแล้ว “ที่ปุราณเลือกไม่ได้เพราะเขาไม่ต้องเลือกมาตั้งแต่แรกต่างหาก ธีรดาไม่ใช่ผู้หญิงที่เรากำลังตามหาเพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงของปุราณมาตั้งแต่แรก”
“แล้วถ้าไม่ใช่ผู้หญิงอีกคนของพี่ปุ๊แล้วมันจะเป็นผู้หญิงของใครได้ล่ะคะพี่สิงห์ ทำไมศศิถึงเห็นเค้าเข้ามาในชีวิตของพวกเราอยู่เรื่อย มาหาใครกันแน่ พี่ปุ๊หรือว่าพี่สิงห์ หรือว่าทั้งสองคน”
ธีรดากำมือแน่นเหลือจะทนต่อไป มือบางยื่นไปกำลังจะฟาดลงที่ใบหน้าถือดีของศศิภา ทว่ามือหนาของใครคนหนึ่งกลับคว้ามือของเธอไว้แล้วกระชากจนเซถลาไปแนบอก
“ธีรดาเป็นผู้หญิงที่พี่กำลังคบหาด้วย เพราะฉะนั้นเลิกใส่ความคนของพี่ได้แล้วศศิ” ปารินทร์เอ่ยสายตาคมตวัดมองน้องสาวอย่างไม่ชอบใจพอๆ กับยามที่ก้มลงมองธีรดา เขาไม่เข้าข้างน้อง แต่ไม่ได้หมายความว่ายอมให้ใครมาทำร้ายได้ง่ายๆ เช่นกัน
“ไม่จริง!”
“เฮ้ย! คุณอย่าพูดอะไรไม่คิดสิ”
สองพาสาวพากันแหวลั่นใส่ปารินทร์ พิชชาตะลึงอึ้งจนอยากร้องกรี๊ด ปุราณนั่งลงกุมขมับ ไม่คิดเลยว่าเพียงเพราะความระแวงจะเกิดเรื่องเลยเถิดมากถึงเพียงนี้
“ผู้หญิงคนนี้เนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก แค่คบเล่นๆ ใช่ไหมคะพี่สิงห์ รสนิยมของพี่สิงห์ไม่มีทางต่ำแบบนี้ ไม่มีทาง” ศศิภาส่ายหน้าให้อย่างไรก็ไม่เชื่อ
“นี่! คุณ...”
“อย่าวัดใครจากตัวเอง” ปารินทร์พูดแทรกพลางดึงมือให้ธีรดามาอยู่ข้างหลังไม่อย่างนั้นศศิภาเจ็บไม่น้อยแน่ๆ ดูอย่างคราวก่อนที่ไปก่อเรื่อง ขนาดสองรุมหนึ่งยังเจ็บหนัก
“อย่ามาหลอกศศิเลยค่ะ”
พิชชาพยักหน้าเห็นด้วย ธีรดาฮึดฮัดอยู่ข้างหลัง ไม่นึกว่าปารินทร์จะแรงมากขนาดนี้ ถ้าหลุดไปได้เมื่อไหร่เธอจะจัดการเขาก่อน โทษฐานพูดอะไรไม่คิด เราคบกันเนี่ยนะ เมื่อไหร่กัน ว่าที่คู่หมั้นยืนอยู่ทนโท่ไม่เห็นหรือไง
ปารินทร์กระชากแขนของธีรดา หญิงสาวถลาเสียหลักมายืนตรงหน้ากำลังจะแหวใส่แต่กลับกลายเป็นว่าริมฝีปากบางถูกครอบครองอย่างหมดจด มือทั้งสองข้างของหญิงสาวถูกตรึงไว้ด้วยมือแข็งแรงเพียงข้างเดียว เธอเบี่ยงหน้าเพื่อหนีริมฝีปากร้อน แต่มือที่ยังว่างของเขากลับรั้งต้นคอของเธอเอาไว้ ลิ้นอุ่นซ่านของชายหนุ่มแทรกผ่านเข้ามาเพื่อหยุดทุกคำพูดใดที่เธอจะเอ่ยออกมา
ธีรดาไม่นึกว่าเขาจะทำแบบนี้ ราวกับฝันที่ไม่แน่ใจว่าร้ายหรือดี ไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปบ้าง ไม่รู้แม้กระทั่งเขาถอนริมฝีปากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ สมองที่มึนชาอยู่แล้วราวกับถูกแช่แข็ง ราวกับว่าเวลาได้หยุดนิ่งลงสำหรับเธอเพียงคนเดียว มีเพียงปารินทร์เท่านั้นที่รู้ว่าควรทำอะไร ในขณะที่เธอได้ยินทุกอย่างแต่กลับไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง
แขนของปารินทร์โอบแกมกอดธีรดาไว้ร่างของเธออ่อนพลิ้วคล้ายต้นไม้โดนรมแรงๆ จนพร้อมจะล้มลงไป เรียวปากหนากดยิ้มที่มุมปาก หลายสิ่งที่ทำให้เกิดจูบนี้ หนึ่งนั้นก็เพื่อหยุดการคิดในแง่ร้ายกับธีรดาและเพื่อทำให้น้องสาวมั่นใจได้เสียทีว่าไม่มีอะไรต้องระแวงจากธีรดาอีก
“เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าพี่ไม่ได้พูดเล่น สำหรับธีรดาพี่คบจริงจังอย่างคนรัก ไม่ใช่อย่างน้อง” ชายหนุ่มปรายตามองพิชชาที่หน้าซีดเผือดเหมือนอยากร้องไห้และกรีดร้อง “ต่อไปไม่ว่าใครดูถูกผู้หญิงที่พี่กำลังคับก็ถือว่าไม่ให้เกียรติพี่”
ศศิภาส่ายหน้าเธอเลือกไม่ได้ว่าระหว่างคนรักกับพี่ชาย เธอไม่ต้องการเสียหรือแบ่งบันความรักให้กับใคร ผู้หญิงคนนั้นทำให้เธอเหมือนถูกดันไปยืนอยู่ปากเหวเมื่อเห็นสายตาของคนรักและพี่ชายที่มองมา
“ปุราณดูแลศศิด้วย” ปารินทร์สั่งเมื่อไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมาอีก ปุราณพยักหน้ารับเครียดๆ ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดต่อน้องสาว แต่ต้องทำ ไม่อย่างนั้นเรื่องเข้าใจผิดคงไม่จบเสียที “ไปกันเถอะคุณ หรือว่าต้องอุ้ม”
“ฉะ...ฉันเดินเองได้” ธีรดารู้สึกว่าลิ้นเข็งไปแล้ว
มือหนาดึงข้อมือของธีรดาเบาๆ ให้เดินตามมาด้วยกัน เธอก้มหน้าไม่อาจสบตาผู้ชายที่จูบเธออย่างดูดดื่มอย่างที่ทำไปแล้วได้ เมื่อครู่เธอจูบตอบเขาไปหรือเปล่านะ ทำไมจำอะไรไม่ได้ แล้วพิชชาล่ะเป็นลมไปหรือยัง นี่เขาไม่ได้เป็นอะไรกับพิชชาจริงๆ น่ะหรือ คำตอบเด่นชัด ถ้าเขาคิดจะจริงจังกับพิชชาคงไม่ทำแบบนั้นออกไป ตอนนี้เธออย่าเพิ่งห่วงใคร ห่วงตัวเองก่อนน่าจะดีกว่าว่าเขาจะพาเธอไปไหน

พิชชากรี๊ดลั่นห้อง เธอไม่ได้ร่วมมือกับศศิภาเพื่อมาพบกับความผิดหวังและถูกปารินทร์มองอย่างไร้ความหมายแบบนั้น ถ้าเธอไม่กดดันเขา ไม่เอาเรื่องการหมั้นมาพูดถึงเร็วเกินไป เขาคงไม่ดึงผู้หญิงคนนั้นเข้ามาใช่ไหม ทุกอย่างเกิดจากศศิภาทั้งนั้น เพราะหึงบ้าๆ จนตอนนี้พังกันไปหมดแล้ว
“ไหนเธอว่าวิธีนี้จะได้ผล ทำไมไม่ทำอะไรสักอย่าง”
“ไปให้พ้น” ศศิภาตะคอกใส่ ทว่าปุราณกลับเป็นคนที่กำลังจะเดินจากไป หญิงสาวรีบเข้าไปคว้าแขนของเขามากอดไว้
“พี่ปุ๊อย่าเพิ่งไปไหน ศศิไม่ได้หมายถึงพี่ปุ๊นะคะ”
มือหนาปลดมือของคนรักออก ครั้งนี้เขาไม่ได้โกรธ แต่เหนื่อยเกินกว่าจะพูดกันต่อได้ ศศิภาไม่เคยเชื่อเขา เธอเอาแต่ระแวงและเชื่อตัวเองเท่านั้น การเลิกกันง่ายดายจนเธอพูดออกมาง่ายๆ ในขณะที่เขาไม่เคยคิดแม้แต่ครั้งเดียวว่าจะเลิกกัน
“พี่อยากได้ศศิคนเดิมกลับมา หากทำไม่ได้ เราก็อย่าเพิ่งพบกันเร็วๆ นี้เลย ถ้ายังรักพี่ก็กลับมาเป็นคนเดิมเพื่อพี่เถอะ”
ศศิภานิ่งอึ้งรู้สึกโง่เขลาเกลียดชังตัวเองพอๆ กับเกลียดคนที่ทำให้เรื่องราวผิดแผนไปจากที่คาดหวังไว้ พิชชาเบ้ปากใส่แล้วเดินจากไปอีกคน ร่างบางนั่งลงนั่งหมดอาลัยตายอยาก วันนี้ควรเป็นวันที่เธอมีความสุขสิ ทว่ากลับเป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไรกัน ทุกคนทิ้งเธอกันไปหมดเพราะแก..นังธีรดา แกคนเดียว
“ขอเวลาสักครู่นะคะคุณศศิ” พนักงานสาวเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเกรงใจ แต่จำต้องเข้ามาตามคำสั่ง
ศศิภาเงยหน้ามาถามอย่างไม่สบอารมณ์ “มีอะไรคะ”
“ชุดแต่งงานที่คุณศศิเลือกไว้หายไปค่ะ ทางเราจะหาชุดแต่งงานชุดใหม่มาให้คุณศศิเลือกนะคะ”
ศศิภาเดินไปยังราวที่เตรียมชุดไว้รอ วันก่อนเธอมาลองชุดไว้แล้ว ทว่าชุดที่เธอเลือกไว้กลับหายไปจริงๆ เป็นไปได้ยังไง เมื่อสอบถามจากพนักงานก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ทางร้านไม่ได้ติดกล้องวงจรปิดไว้เสียด้วย แต่ได้มีการแจ้งความไปแล้ว ศศิภาไม่ได้เลือกชุด แต่กำลังคิด มีใครบางคนพยายามล่มงานแต่งงานของเธอแน่ๆ ถ้าสมมติว่าตัดธีรดาออกไปแล้ว ใครกันที่ทำแบบนี้ได้

สิ่งแรกที่ธีรดาคิดได้หลังจากสติสตังที่เบลอกระจายเข้าที่เข้าทางนั่นคือการดึงมือออกมาจากมือของปารินทร์ ชายหนุ่มยอมปล่อยง่ายๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงเดินตามมาไม่ยอมให้คลาดสายตา พอออกนอกเส้นทางที่เขาคิดก็คว้าแขนรั้งให้เดินตาม พอเธอทำตามเขาก็ปล่อย แน่ล่ะสิตอนนี้เธอจะหนีไปไหนได้ ลิฟต์มีทางออกเสียเมื่อไหร่ ร่างหนาเขยิบเข้ามาใกล้ๆ แผ่นหลังของเธอแนบอยู่กับอกหนาของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
“นี่คุณ! ไปอยู่ห่างๆ ฉันเลยนะ ต่อไปห้ามเข้าใกล้ฉันในระยะ 5 เมตร”
ปารินทร์หัวเราะเสียงดัง ใครจะไปทำอย่างนั้นได้ แถมในลิฟต์นี้ให้อย่างไรก็กว้างไม่เกิน 3 เมตรหรอก ธีรดาหันมาค้อนใส่แล้วสาวเท้าไปยืนอีกด้าน ไม่ถึง 5 เมตรไม่เป็นไร แค่ไกลจากเขาให้พออุ่นใจบ้างก็ดี
“ทำไม กลัวผมทำอะไรหรือไงถึงไปอยู่ไกลเสียขนาดนั้น หรือว่ากลัวผมจะ...”
“หยุดเลยนะ ใครใช้ให้คุณใช้วิธีนั้น ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือไง แล้วที่บอกว่าคุณกับฉันกำลังคบกันน่ะ ตั้งแต่เมื่อไหร่ฮึ ฉันโมโหคุณจริงๆ นะ” ยิ่งคิดยิ่งโมโห
สายตาคมๆ มองมาที่ริมฝีปากนุ่มละมุน ธีรดาแก้มรอบวาบลืมตัวยกมือขึ้นมาปิดปาก พอได้ยินเสียงหัวเราะของเขาถึงได้รู้ว่าพลาดอีกแล้ว
ร่างหนาก้าวเดินเข้ามาใกล้ ธีรดาเขยิบหนีแต่กลับถูกแขนของเขากักขังไว้ มือบางยื่นไปยันอกหนาของเขาเพราะไม่ไว้ใจแล้ว เผื่อเขาเฮี้ยนทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมา เรียวปากหนายิ้มกว้าง จูบแรกแผ่วเบาเพื่อทำความรู้จัก จูบสองลึกล้ำหวานซ่านผ่านหัวใจ จูบสาม...คงตามมาอีกไม่ช้า
“ผมไม่ได้พูดเพื่อให้เรื่องเข้าใจผิดผ่านไปง่ายๆ แต่ที่ผมพูดเพราะเรามาไกลเกินกว่าจะเป็นเพื่อนกันได้แล้ว” ใบหน้าของเขาก้มลงต่ำ ริมฝีปากอุ่นโฉบผ่านเรียวแก้มไปอย่างจงใจทิ้งรอยร้อนผ่าวไว้ก่อนถึงใบหูเล็ก เสียงนุ่มกระซิบใกล้คนหัวใจเต้นกระหน่ำ
“เรามาเริ่มคบกันเถอะ”
ธีรดาผลักเขาสุดแรงพร้อมๆ กับลิฟต์ที่เปิดออก เธอก้าวออกไปทั้งที่ขาแข้งสั่นใจเต้นระรัวจนกลัวว่าตัวเองจะเป็นลม แต่กลับไม่เป็นแฮะ เธอเดินเร็วๆ ออกไปอย่างไร้จุดหมาย ข้อมือเล็กถูกคว้ารั้งไว้ ปารินทร์ไม่คิดว่านี่เป็นการปฏิเสธ แต่เธอกำลังช็อคอยู่ต่างหาก เขาคงรุกหนักไป ทำยังไงได้เขามีคู่แข่ง และที่สำคัญถ้าไม่ทำอย่างนี้มีหรือศศิภาจะเชื่อ วันนี้เขาคงต้องปล่อยให้เธอกลับบ้านไปเพื่อรับพายุลูกใหม่
ธีรดาถูกพามาที่รถของปารินทร์ เขาให้คนขับรถรับหน้าที่ไปส่งเธอที่บ้าน ช่างน่าโล่งใจที่เราไม่ต้องเผชิญหน้ากันหลังจูบร้อนแรงนั่น เธอถอนใจรู้สึกหัวใจใกล้ระเบิดเต็มที

บางอย่างถูกลืมไปเสียจนกระทั่งตริณโทรมา ธีรดาอยากเขกหัวตัวเองที่ลืมที่นัดกับเขาไปได้ยังไง ตริณไม่ติดใจอะไรหลังจากเธอบอกว่ามีธุระด่วน รู้สึกผิดชะมัด แต่จะบอกไปตรงๆ ได้ยังไงว่าเพิ่งไปเจออะไรมา แต่ถึงจะรอดตัวจากนัดกับเขาได้แล้ว แต่ก๊วนเพื่อนมหา’ลัยก็มีนัดเย็นนี้อีก แต่เธอดันลืมจนได้
“ไปเถอะน่า วิตาบอกว่าจะพาแฟนไปเปิดตัวด้วยนะ ไม่อยากรู้เหรอว่าใคร” ตริณคะยั้นคะยอ เขารู้ธีรดาไม่ชอบการบังคับ แล้วถ้ายิ่งอ้างถึงคู่แค้น อีกเดี๋ยวก็ได้ผล
“ไปก็ได้ แล้วเย็นนี้พบกัน”
“ตริณขอไปรับนะ”
ธีรดารับปากด้วยความรู้สึกผิด ทั้งผิดนัด ทั้งพูดปด ถ้ายังปฏิเสธอีกเธอคงใจร้ายไปหน่อย ดีเหมือนกันได้ไปหาเพื่อนคงดีกว่านั่งจับเจ่าอยู่กับตัวเอง ถ้าตอนนี้เพิ่งอายุ 18 เธอคงไม่อนาถใจตัวเองเท่านี้เลย ถูกขอคบเป็นแฟน แต่ดันไม่แน่ใจ ทำไมเขาไม่พูดอะไรให้เคลียร์ๆ กว่านี้เนี่ย คบกันเพื่อเป็นแฟน หรือคบกันเพื่อให้จูบนั้นมีความหมาย คิดว่าเธอรู้ไม่ทันหรือไงว่าเขาทำแบบนั้นทำไม

คราวนี้สถานที่นัดเป็นร้านอาหารซึ่งผับย่านกลางใจเมือง เพื่อนๆ ของเธอไปกันเกือบครบแล้ว แต่ละคนมาตัวเปล่าๆ แต่ก็บ่นคิดถึงลูกกันหลายคน บ้างก็เอารูปลูกสาวบ้าง ลูกชายบ้างมาให้เพื่อนๆ เชยชม ส่วนคู่แต่งงานที่เธอพึ่งไปงานแต่งเมื่อ 3 เดือนก่อนมีข่าวดีว่ากำลังตั้งท้องแล้ว ชื่นมื่นจนคนโสดอย่างเธอและตริณเริ่มถูกจู่โจมด้วยคำถามที่กำลังช่วยกันจับคู่ให้ เธอยิ้มไม่รับ ไม่ตอบ ตริณก็เหมือนกัน เราคงหนีรอดจากสถานการณ์แบบนี้ได้ถ้าเพื่อนคนสุดท้ายจะไม่มาถึงพร้อมหนุ่มหล่อหุ่นกระชากใจอิมพอร์ตจากอเมริกา
“นี่ปีเตอร์แฟนคนล่าสุดของฉัน” กวินตาแนะนำแฟนให้เพื่อนๆ ได้รู้จักซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย
“ล่าสุดนี่หมายถึงคนสุดท้ายด้วยไหมยะ” เจ้าสาวหมาดๆ แซวแทนเพื่อนๆ ที่อยากรู้คำตอบอยู่เหมือนกัน
กวินตายักไหล่ชิวๆ “ไม่รู้สิ ลองถามยัยกวางดูสิ ถ้ายัยกวางจริงจังกับใครเมื่อไหร่ เอ ต้องบอกว่ามีคนมาให้จริงจังเมื่อไหร่ ฉันคงจริงจังกับใครได้สักที”
คนถูกพาดพิงถอนใจเซ็งๆ รู้ดีถ้าพูดไม่ดีอาจเข้าตัว เผลอๆ ตริณคงถูกลากเข้ามาเอี่ยวด้วย
“ว่าไงยัยกวาง หรือว่ารอตริณมาสู่ขออยู่” กวินตาหลิ่วตาให้ตริณที่กอดอกรอคำตอบจากธีรดาอยู่เหมือนกัน
“เอาเป็นว่าเธอคงได้รอยาวหรือตลอดชีวิตนั่นแหละ ฉันยังมีความสุขกับชีวิตโสดๆ” ธีรดาตอบ หลายคนพากันยกนิ้วโป้งให้ เธอไม่ได้อายที่เป็นโสด แต่รำคาญที่ถูกถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานมากกว่า
“แล้วมิสเตอร์พอลล่ะ”
“ดูเหมือนเธอจะรู้ดีกว่าตัวฉันเองเสียอีกนะยัยวิตา”
กวินตาได้ทีเข้ามาจับมือธีรดาอย่างเพื่อนที่หวังดีต่อเพื่อน ซึ่งหลายๆ คนที่รู้เรื่องราวบาดหมางของทั้งคู่ย่อมรู้ว่านี่นะละครชัดๆ
“ก็แค่อยากจะเตือน ไม่รู้หรือไงว่ามิสเตอร์พอลน่ะคงลงเอยกับใครไม่ได้หรอกนอกจากยัยพิชชาอะไรนั่น สองบ้านนี้เค้าสนิทกันจนจะให้ลูกแต่งงานกัน ไปอยู่ไหนมาไม่รู้เรื่องเลยหรือไง”
ธีรดาพยักหน้าหงึก “นั่นสินะ ขอบใจที่บอก”
ตริณขมวดคิ้วไม่คิดว่ากวินตาจะรู้จักปารินทร์ด้วย เขาไม่ควรมองข้ามผู้ชายคนนั้นแล้วสินะ ธีรดาทำหน้าเฉยไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับปารินทร์ย่อมเป็นเรื่องส่วนตัว แล้วที่สำคัญเธอไม่ได้เพิ่งรู้เรื่องนี้ คำพูดของปารินทร์ต่างหากที่สำคัญ ว่าแต่เธอเชื่อเขาได้มากน้อยแค่ไหนกันหนอ
หัวข้อที่เกี่ยวกับธีรดาถูกเปลี่ยนเป็นข่าวดีของปกรณ์ที่บอกกับเพื่อนๆ ว่าเขากำลังจะหมั้นกับแฟนที่คบกันมา 2 ปี เพื่อนๆ พากันยินดีและบ่นที่ปกรณ์ไม่พาว่าที่เจ้าสาวมาด้วย กวินตาก็หวานกับแฟนจนถูกแซวบ่อยๆ ตริณเขยิบมานั่งใกล้กับธีรดาและชวนคุยเรื่องทั่วๆ ไป ปารินทร์โทรมาแต่เธอจงใจไม่รับ เผื่อเขาถามเรื่องนั้นเธอจะตอบยังไงในเมื่อไม่คำตอบอะไรในหัวเลย ใครคนหนึ่งเดินผ่านสายตาของเธอไป ธีรดาลุกขึ้นมองออกไปนอกร้านเหมือนกำลังเห็นใคร
“มองหาใครอยู่หรือกวาง” ตริณถามพลางมองตาม
“ฉันไม่แน่ใจ ถ้าไม่ได้กลับเข้ามาก็แสดงว่ากลับบ้านไปแล้วนะ เอาไว้คราวหน้านัดกันใหม่”
ธีรดารีบเดินเร็วๆ ออกไปจากร้าน แล้วตามร่างบอบบางที่เห็นแวบๆ ไป จนกระทั่งมาถึงถนนด้านนอกที่เต็มไปด้วยสถานบันเทิงเช่นเดียวกับด้านใน ความวุ่นวายของผู้คนที่มาเที่ยวทำให้เธอไม่เห็นศศิภาที่เดินเอียงไปเอียงมาคล้ายกำลังเมา แต่กลับเห็นปีเตอร์กับใครอีกคน เรียวปากบางยิ้มพลางส่ายหน้า ก่อนเดินตามหาคนต่อ แต่ไม่เจอเสียแล้ว ทว่าเมื่อเดินมาเรื่อยๆ เพื่อหารถกลับบ้านคนที่เธออุตส่าห์ตามหากำลังยื้อยุดกับชายคนหนึ่งอยู่
“ปล่อยฉันนะ บอกแล้วไงว่าฉันไม่ไปด้วยหรอก”
“อ้าว! เมื่อกี้ยังอยากให้พี่พาขึ้นสวรรค์อยู่เลย ตอนนี้คิดจะไล่เสียแล้ว” ชายคนนั้นชักสีหน้าไม่พอใจ
ศศิภายกนิ้วขึ้นมาชี้หน้า “ไอ้บ้า ไปให้พ้นหน้าเลยนะ ฉันไม่ได้อยากไปกับแก”
“พูดอย่างนี้ก็สวยสิ เมื่อกี้ใครวะที่จ่ายค่าดริ๊งให้เธอน่ะ”
“เอาไป แล้วไปไกลๆ ฉัน” ศศิภาควักเงินออกมาจากระเป๋าแล้วโยนให้
ธีรดาส่ายหน้าเห็นแล้วทำมองไม่เห็นคงเกินไปล่ะ หญิงสาววิ่งเข้าไปแทรกแล้วดึงศศิภามาไว้ข้างหลัง หน้าตาของชายคนนั้นดูเมากึ่ม แถมมือยังเงื้อค้าง มาช้าอีกนิดเดียวคนปากดีอาจโดนตบ
“อยู่นี่เอง ไหนว่าจะกลับพร้อมกัน” ธีรดาตีเนียนพร้อมกับบีบแขนไม่ให้ศศิภาพูดอะไร ถึงอีตานี่จะเมา แต่ผู้ชายยังไงก็แรงมากกว่าผู้หญิง “ขอโทษนะคะน้องสาวของฉันเมามาก คงไม่ทำให้คุณลำบากใจมากไปนะที่ฉันมารับน้องสาวช้าไปนิดนึง”
“ใครน้อง...”
ธีรดาตะปบปิดปากศศิภาไว้พลางยิ้มให้ชายคนนั้น “เมาก็เงียบๆ ไปเลยนะ เร็วๆ สิ รถจอดรออยู่ คนขับรถรอนานแล้ว ฉันพาน้องสาวไปก่อนนะคะ”
ร่างบอบบางถูกพาออกมาอย่างรวดเร็ว โชคที่ศศิภาไม่ขัดขืนยอมเดินตามมาดีๆ ทำให้ไม่ต้องออกแรงมาก ทว่าชายคนนั้นกลับวิ่งตามมา
“เดี๋ยว!”
ธีรดาหันมายิ้มให้เมื่อชายคนนั้นเดินมาจนถึงตัว
“กระเป๋าของน้องสาวไม่เอาไปด้วยหรือไง”
“ขอบคุณค่ะ” เธอรับกระเป๋ามาคล้องคอของศศิภาไว้แล้วรีบเดินไปจากตรงนั้น


จะลงให้อ่านถึงตอนที่ 17 นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ค. 2557, 09:42:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ค. 2557, 10:08:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1372





<< ตอนที่ 14   ตอนที่ 16 >>
parnsiri 3 ก.ค. 2557, 10:04:34 น.
ตอนซ้ำอ่ะค่ะ อิอิ


บรรพตี 3 ก.ค. 2557, 10:21:23 น.
แก้ไขแล้วนะคะ


pkka 3 ก.ค. 2557, 10:23:47 น.
เกือบล่ะ ตกใจแฮะคนเมา


แว่นใส 3 ก.ค. 2557, 11:03:59 น.
ต้องช่วยกันนะ


pkka 3 ก.ค. 2557, 21:38:48 น.
กลับไปอ่านตั่งแต่บทแรก ชอบมาก^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account