บ้านวุ่น อุ่นไอรัก
นายโปรดน่ะเหรอ... ขี้เก๊ก ปากจัด สำอาง เรื่องเยอะ! นี่ยังน้อยไปเสียอีกที่เธอจะนิยามความเป็นตัวเขาได้หมด พอกันที! เธอจะไม่ทนกับคนที่มีดีแค่หน้าตากับซิกส์แพ็ก แต่สมองแรมน้อยเสียยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าโขกสับอีกต่อไป!

อนาวิลาน่ะเหรอ... ชอบสั่ง ชอบสอน จู้จี้ ขี้งก! ที่สำคัญเธอยังมีลูกสมุนเป็นหมาตั้งสี่ตัว อะไรกัน! นี่เขาต้องอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์ป้าสายพันธุ์หมูพร้อมฝูงหมาเป็นเวลา 365 วัน ใครก็ได้...ให้เขาไปอยู่บ้านผีสิงเสียยังดีกว่าต้องรับมือกับความวุ่นวายนี่

นายโปรดน่ะเหรอ... บางทีเขาก็มีน้ำใจนะ เขาสัญญาว่าจะแปลงโฉมสาวอวบระยะสุดท้ายอย่างเธอให้ผู้ชายที่เธอแอบชอบหันมาสนใจ เขาทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน

อนาวิลาน่ะเหรอ... เธอก็ไม่ได้ขี้บ่นเสียทีเดียวหรอกนะ บางครั้งยัยมนุษย์ป้าก็มักพูดอะไรให้เขาฉุกคิดและกลับมามีกำลังใจมุ่งมั่นทำตามฝัน ไปๆ มาๆ ผู้หญิงอวบอ้วน เชยๆ เฉิ่มๆ ดันกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแฟชั่นเซ็ตนี้ของเขาไปเสียนี่ ไม่อยากเชื่อเลย

เรื่องราววุ่นวายใต้ชายคาเดียวกัน ระหว่างชายหนุ่มเจ้าสำอางกับมนุษย์ป้าร่างอวบ พ่วงด้วยลูกสมุนสี่ขาสี่ตัวพร้อมที่จะมาสร้างรอยยิ้ม หรืออาจเรียกน้ำตาโดยไม่รู้ตัว

http://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๘ มนุษย์ป้าก็มีหัวใจ



แดดยามสายช่วยให้อากาศอุ่นขึ้นบ้าง พอที่จะจับสุนัขทั้งสี่ตัวอาบน้ำโดยไม่สั่นงันงกจากน้ำเย็นที่เปียกปอนกันไปเสียก่อนทั้งคนและสุนัข

อนาวิลาจับเจ้าสามตัวล่ามโซ่กับเสาไว้ป้องกันความวุ่นวาย ยกเว้นเลิฟลี่ถูกเลือกออกมาเป็นตัวแรก มันยืนนิ่งให้เธอใช้สายยางรดน้ำอาบ ตามด้วยสบู่เหลวสูตรเฉพาะเพื่อป้องกันเห็บหมัด เมื่อล้างตัวจนสะอาดดีแล้วก็ถึงเวลาที่มันสะบัดขนจนไอน้ำกระเซ็นเต็มเนื้อตัวเธอ

เสียงผู้เฝ้าติดตามเหตุการณ์ที่นั่งไขว่ห้างเก๊กอยู่บนเก้าอี้ชิงช้าหัวเราะพรืด นอกจากเขาจะไม่ช่วยแล้วยังมานั่งให้เธอขวางหูขวางตาอีก เธอคิดอย่างหมั่นไส้ก่อนปล่อยเลิฟลี่จากผ้าขนหนู เมื่อมันวิ่งเร็วด้วยความคึกคะนองไปยังชิงช้านั้น หญิงสาวก็ได้แต่หรี่ตาไม่กล้าคาดคิดว่าจะเกิดอะไร

"เฮ้ย!" นายโปรดร้องเสียงหลง

ไวกว่าความคิดว่าจะป้องกันตัวอย่างไร เลิฟลี่ก็กระโดดขึ้นมาบนชิงช้าด้วยความเร็ว ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบไม่ทันเมื่อมันยืนสองขามาเลียหน้าเลียตา เขาร้องไม่เป็นภาษา มือก็ป่ายเปะปะป้องกันตน

"เลิฟลี่ มานี่นะ หยุด หยุดเดี๋ยวนี้" อนาวิลาปรามด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก แล้วเธอก็ต้องหัวเราะกิ๊กออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อคนขี้เก๊กเอี้ยวตัวหลบทางนั้นทีทางนี้ที จนตกจากชิงช้าลงมา

"นี่เธอแกล้งฉันใช่ไหม ยัยป้า!"

แทนที่จะโกรธสุนัข นายโปรดชี้นิ้วสั่นระริกมายังหญิงสาวอย่างเคืองแค้น เขามีโอกาสได้ลุกยืนเต็มความสูงหลังเจ้าหล่อนตะครุบตัวมันไว้ได้

"ดูซิ ฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย" เขาว่าพลางยกแขนเสื้อขึ้นดม "แหวะ แล้วก็มีแต่กลิ่นสบู่หมาด้วย"

อนาวิลาเกลื่อนสีหน้าได้ไม่สนิทนัก มันคอยแต่จะยิ้มขันสภาพเลอะเทอะของเขาในตอนนี้ ทั้งผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงและเสื้อยืดสีขาวสะอาดที่บัดนี้มีรอยชื้นน้ำเป็นดวง ซ้ำยังเปื้อนเศษดินจากเท้าสุนัขที่เหยียบขึ้นไป

"ฉันแกล้งที่ไหน เวลาอาบน้ำเสร็จทีไรมันก็คึกอย่างนี้แหละ" เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ "แต่ไหนๆ นายก็เปียกแล้ว มาช่วยฉันจับเจ้าสามตัวที่เหลืออาบน้ำเถอะนะ ฉันยังมีงานบ้านต้องทำอีกตั้งเยอะแน่ะ นะนายโปรด"

ชายหนุ่มยืนกอดอกหลังตรง เชิดหน้าขึ้นอย่างไว้ตัว เขาปรายตามองคนตัวเล็กที่อุ้มเช็ดตัวสุนัขในอ้อมแขน ก่อนจะตอบราวเสียมิได้

"เออๆ ฉันแค่ช่วยฉีดน้ำนะ เธอฟอกสบู่มันเองละกัน ฉันไม่ชอบ"

หญิงสาวรีบผงกศีรษะรัวรับเงื่อนไข เธอปล่อยเลิฟลี่ลงวิ่งเล่นกับพื้น แล้วจึงปลดโซ่ซึ่งล่ามคุณลุงไว้จากเสาเป็นตัวต่อไป

อันที่จริงหน้าที่นี้ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่เธอจะทำลำพัง แต่เพราะเธออยากให้นายโปรดผูกพันกับสุนัขทุกตัวเช่นเดียวกับตาของเขา อยากให้เขารักและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันกับพวกมันและบ้านหลังนี้ นั่นต่างหากคือหน้าที่แท้จริงของหนู...ใช่ไหมคะคุณตา

............................

หลังเสร็จจากงานบ้านก็ถึงเวลาที่อนาวิลาได้อาบน้ำชำระร่างกายอีกครั้ง ทั้งกลิ่นเหงื่อ กลิ่นอาหาร และกลิ่นสุนัขจับเสื้อผ้าไปหมด กระนั้นร่างกายก็กระปรี้กระเปร่าเมื่อคิดว่าอาจได้เจอใครตอนเย็น

โชคดีที่วันนี้ผู้ร่วมชายคาดูจะให้ความร่วมมืออันดีในหลายๆ ด้าน เขาไม่ตั้งป้อมหาเรื่องเธอและรับฟังกันมากขึ้น ครั้นเธอลงมาจากชั้นบนอีกครั้งตอนบ่ายแก่ก็เห็นชายหนุ่มที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเช่นกันนอนอ่านนิตยสารแฟชั่นอยู่บนเก้าอี้ยาว

หญิงสาวเข้าครัวอีกครั้งเมื่อใกล้เวลา ของสดทุกอย่างถูกตระเตรียมไว้หมดแล้ว เหลือเพียงแค่ทอด ผัด และยำ เธอกำลังต้มน้ำซุปแกงจืดเต้าหู้หมูสับ พร้อมกับที่เสียงสุนัขทั้งสี่ตัวเห่าดังขึ้นมา

"นายโปรด ไปเปิดรั้วให้หน่อยสิ" เธอตะโกนมาจากครัว

"นี่ป้า มากไปละ สั่งได้สั่งใหญ่เลยนะ"

เธอลืมไปเองล่ะว่าเขาคงไม่เต็มใจต้อนรับแขกที่เขามองในแง่ไม่ดีเท่าไร หญิงสาวหรี่แก๊สก่อนก้าวเร็วออกไปต้อนรับเสียเอง ขณะประตูรถฝั่งคนขับเปิดออกมา

"พี่ภาคย์..."

เป็นเขาที่มาพร้อมบิดาดังที่เธอหวังไว้จริงๆ ความสมหวัง ดีใจทำให้เธอลืมว่าตนอับอายกับเหตุการณ์ในห้างสรรพสินค้าเมื่อวานเพียงไร

"เอ่อ เอารถเข้ามาจอดข้างในก็ได้นะคะ"

อนาวิลากุลีกุจอเข็นรั้วเปิดให้ ก่อนรชตวันเห็นดังนั้นจะช่วยเข็นอีกคน โดนมีสายตาคู่หนึ่งมองมาด้วยความหมั่นไส้จากที่ไกลๆ

เธอคงลืมไปแล้วว่านี่บ้านใคร ถึงได้ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเต็มที่ทีเดียว

"คุณโปรด สบายดีนะครับ อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรขาดเหลือใช่ไหม บอกผมได้นะครับ" ทนายชลัททักทายชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตู

"ก็ดี๊" เขาตอบส่งไปพลางแลเลยไปถึงหญิงสาวกับทนายหนุ่มที่หิ้วถุงเต็มสองมือเข้ามา

อนาวิลาก้าวไปยืนข้างร่างสูงเมื่อเข้ามาภายใน เธอบอกทุกคนด้วยสีหน้าสีตาและน้ำเสียงแจ่มใส

"คุยกับโปรดก่อนนะคะ เดี๋ยวอุ่นเตรียมอาหารแป๊บเดียว"

"ไม่ต้องทำอะไรมากมายนะหนูอุ่น ลุงแวะซื้อติ่มซำกับเป็ดย่างมา" บุรุษวัยกลางคนเอ่ยอย่างเอ็นดู "ภาคย์ไปช่วยน้องจัดใส่จานไป"

หญิงสาวกรีดร้องในใจ นึกอยากขอบคุณลุงทนายสักสิบครั้งที่เขาเปิดโอกาสให้บุตรชายตามไปช่วยเธอ แม้ในความเป็นจริงอาจเพราะท่านมีธุระคุยกับนายโปรดลำพังก็ตาม

ห้องครัวนั้นดูจะคับแคบขึ้นมาในความรู้สึก อนาวิลาขัดเขินบอกไม่ถูกเมื่อเห็นจากหางตาว่าเขายืนอยู่ข้างๆ เธอเสตักชิมน้ำซุปแกงจืด แต่ก็แทบไม่รู้รสใดๆ

"อุ่นจะทำอะไรบ้างครับ พี่ช่วย" รชตวันขันอาสาหลังถ่ายอาหารที่ตนแวะซื้อมาใส่จานแล้วเรียบร้อย

"ก็มีแกงจืด ยำ ผัดผัก แล้วก็ไก่ทอดค่ะ"

"งั้นพี่ว่าตัดเหลือแค่แกงจืดกับยำดีไหม ไว้ซดน้ำแล้วก็แก้เลี่ยนได้ พี่ยังติดใจยำฝีมืออุ่นอยู่เลย"

เธอมองอาหารที่เขาซื้อมามากมายแล้วจึงพยักหน้าเห็นด้วยพลางยิ้มเอียงอายรับคำชมนั้น หากไม่มีเสียงหนึ่งขัดบรรยากาศขึ้นเสียก่อน

"ไม่ได้" นายโปรดเอ่ยเสียงแข็งมาจากกรอบประตู "เธอก็รู้นี่ว่าฉันกินแต่อาหารปรุงสุกเท่านั้น จะให้ฉันกินแค่ยำกับแกงจืดหรือไง ไม่เห็นจะเข้ากันเลย"

เขาก้าวเข้ามาพลางเบ้ปากมองติ่มซำและเป็ดย่างซึ่งจัดใส่จาน ก่อนจะปรายตามองผู้ที่หอบหิ้วมันมาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า นี่หรือผู้ชายที่ยัยมนุษย์ป้าหลงใหล ถึงกับยอมทำยำเอาใจก็เพราะเป็นเมนูโปรดของหมอนี่นี่เอง

"วันนี้ไม่พาสาวสวยคนนั้นมาด้วยหรือครับ"

อนาวิลาเงยหน้ามองคนนั้นทีคนนี้ที แม้รชตวันจะยิ้มเย็นอย่างไม่ถือสา กระนั้นเธอก็ร้อนใจแทนเขาอยู่ดี

"เอ้อ เดี๋ยวฉันทำกับข้าวทั้งหมดก็ได้ นายไปคุยเป็นเพื่อนลุงทนายก่อนเถอะ" เธอยอมตามใจ หวังให้เขาล่าถอยไป

ทว่าตนคิดผิดไม่ถนัด ดูเหมือนเขาจะสนุกที่ได้ทำให้ใครต่อใครหัวปั่น

"ถึงว่าสิน้า เธอยืนยันจะทำยำให้ได้ทั้งที่รู้ว่าฉันไม่กินเผ็ด เพราะอยากเอาใจใครบางคนนี่เอง"

เขาหลิ่วตาพลางกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้าวมาวางมือปุลงบนศีรษะซึ่งรวบผมเป็นหางม้าไว้พลางจับโคลงไปมา

"น่าสงสารอ่ะป้า หลังจากเห็นรสนิยมขวัญใจป้าเมื่อวานแล้ว บอกเลย ป้าแพ้ตั้งแต่ยังไม่กางมุ้งอ่ะ"

หญิงสาวทั้งโกรธและอับอายจนกายสั่นเทิ้ม เธอทำท่าจะปัดมือเขาออก หากก็ช้ากว่าคนที่ชักมือกลับทัน เขาหัวเราะรื่นรมย์ขณะเดินจากไป ทิ้งไว้แต่บรรยากาศกระอักกระอ่วนไม่เหมือนเดิม

ใช่ มันไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปเมื่อรชตวันทราบความรู้สึกของเธอที่นายโปรดเอามาล้อเล่น เขาย่อมต้องหลีกห่าง และเขาก็จะยิ่งห่างเธอออกไปกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน แค่คิด...ลำคอเธอก็ตีบตื้อ กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมา

"คือว่า...คือพี่ภาคย์อย่าไปฟังนายโปรดเลยนะคะ" เธอบอกเขาทั้งที่ไม่กล้าสบตา

อนาวิลาไม่ได้เห็นแสงตาครุ่นคิดของทนายหนุ่มที่จับจ้องมายังตน เขานึกประหลาดใจตอนนายโปรดหาเรื่องเช่นนั้น ทว่าบัดนี้กลับแปลกใจสุภาพสตรีคนข้างๆ นี้เสียมากกว่า เมื่อเจ้าหล่อนยังคงยืนกรานปฏิเสธเช่นเดิม

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหญิงสาวรู้สึกกับตนเช่นไร เขาจึงได้มีไมตรีเพื่อรักษาน้ำใจเธอทุกครั้ง และรู้สึกดีลึกๆ ที่ได้รู้ว่าผู้หญิงคนไหนๆ ก็ชอบตน แม้เธอจะไม่ใช่สเป็กของเขาเลยก็ตาม

"เขาชอบแกล้งแรงๆ เสมอ ใช่ๆ นั่นแหละค่ะ เขาชอบแกล้งแรงๆ" เธอย้ำความคิดตนเองระหว่างเดินงุ่นง่านไปมาระหว่างเตากับตู้เย็น

รชตวันต้องผลักประตูตู้เย็นปิด เขาหมุนร่างอวบอิ่มของเธอมาเผชิญหน้ากัน

"อุ่น พี่รู้ครับ ไม่เป็นไร"

น้ำเสียงทุ้มเอ่ยช้าชัดลงไปในใจคนฟัง อนาวิลาเผลอสบแววตาอ่อนโยนคู่นั้นและรอยยิ้มบาง แล้วเธอก็ต้องก้มหน้างุดเมื่อน้ำตารื้นขึ้นมา

เธออยากมีความกล้ามากกว่านี้ อยากดูดีพอที่จะยอมรับความรู้สึกตนออกไปโดยมั่นใจว่าเขาจะไม่ปฏิเสธมัน ไม่ใช่ต้องฝืนเข้มแข็งเหมือนไม่รู้สึกอะไรแบบนี้เลย

.................................

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารผ่านไปได้ด้วยดีเพราะทนายชลัทชวนพูดคุยอย่างเป็นกันเอง เมื่อสิ้นสุดมื้ออาหารนั้นท่านจึงขอตัวกลับ โดยไม่ลืมกระซิบกับอนาวิลาขณะเธอออกไปส่งว่านอกจากเขาจะเอาเอกสารการโอนหุ้นต่างๆ มาให้ทายาทของคุณตาเซ็นแล้ว การที่เขามาวันนี้ยังเป็นหน้าที่ที่คุณตามอบหมายไว้ให้เขามาดูความเป็นอยู่ของเธอในสุดสัปดาห์แรก และต่อจากนี้จะแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนทุกเดือน

เธออุ่นใจอย่างประหลาดเมื่อได้ทราบว่าคุณตาไม่ได้ทอดทิ้งเธอให้รับมือกับหลานชายท่านลำพัง แม้สิ่งที่เขาทำในวันนี้จะเกินกว่าที่เธอรับไหวก็ตาม

"ขอบคุณนะคะคุณลุง พี่ภาคย์"

หญิงสาวพนมมือไหว้แขกทั้งสองขณะออกไปส่งสองพ่อลูกขึ้นรถ ทนายชลัทรับไหว้พร้อมรอยยิ้มก่อนเปิดประตูขึ้นรถไป เหลือเพียงบุตรชายที่ยืนรีรอเล็กน้อย แต่เขาก็เพียงยิ้มอ่อนโยนให้เธอแล้วจึงขึ้นรถไปอีกคน

อนาวิลารีบเดินไปเปิดประตูรั้วพลางไล่ต้อนสุนัขให้พ้นทางรถยนต์เคลื่อนออกไป เธอเหม่อมองจนไฟท้ายของรถลับตา แล้วหัวใจก็กลับมาเยียบเย็น ว้าเหว่ลึกในใจ

หญิงสาวเดินผ่านร่างสูงที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูบ้านเข้าไป เธอแสร้งไม่สนใจ อยากมองไม่เห็นเขาไปตลอดชีวิตยิ่งดี ทว่าน้ำเสียงเยาะหยันของชายหนุ่มก็ตามมาหลอกหลอนเธอ

"หมอนั่นนี่ก็ร้ายไม่เบาแฮะ รู้ว่าเธอชอบแต่ทำเหมือนไม่มีอะไร หัวหมอสมกับเป็นทนาย"

อนาวิลาหมุนเปิดก๊อกน้ำอ่างล้างจานให้ไหลแรง หวังกลบเสียงและคำพูดบาดหู หากเขาดูจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจล้อเล่นกับความรู้สึกเธอง่ายๆ เมื่อเดินตามมาถึงในครัว พร้อมกับที่น้ำตาซึ่งกลั่นออกมาจากความโกรธ ผิดหวัง เสียใจของตนใกล้หยาดริน

"นี่ป้า เธอชอบคนแบบนี้จริงๆ เหรอ"

เธอไม่ตอบ ไม่มีความจำเป็นต้องตอบในเรื่องส่วนตัว และเขาก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายกัน เท่าที่เขาสู่รู้รู้มากและทำลงไปในวันนี้ก็เกินพอ

"หยิ่งว่ะ ถามไม่ตอบ"

เขารู้ว่าเธอโกรธและปึ่งงอนจึงได้ยั่วให้ผ่อนคลาย เท่าที่เจ้าหล่อนร่ายสรรพคุณด้านดีของเขาบนโต๊ะอาหาร ตนก็เหลือเชื่อแล้วที่เธอไม่เคยพูดให้ร้ายเขาสักคำ

นายโปรดโน้มตัวไปดูหน้าคนขี้งอนใกล้ๆ อย่างนึกสนุก แต่แล้วเขาก็ใจหายวาบ หวิวโหวงในอกประหลาดเมื่อเห็นปลายจมูกเธอแดงเรื่ออย่างคนมีน้ำตา เขารีบหมุนตัวเธอมาพิจารณาให้เต็มตาทันที

"เฮ้ยป้า ร้องไห้ทำไม"

เธอแพ้อีกแล้ว เจ้าหยดน้ำตาไม่รักดีไหลลงมาประจานความอ่อนแอของเจ้านายมัน

"เพราะอกหักน่ะเหรอ อย่าให้ผู้ชายแค่คนเดียวมาเอาความแข็งแกร่งของมนุษย์สายพันธุ์ป้าไปสิ!"

ใช่ และเพราะไอ้ผู้ชายคนเดียวคนนั้นช่างโง่เง่าและไม่เคยสำนึกในการกระทำของตัวเองอีกด้วย

"นายออกไปซะ นายก็รู้นี่ว่าในครัวมีมีด ออกไปก่อนที่ฉันจะฆ่านาย" อนาวิลากัดฟันเอ่ย

นายโปรดนิ่วหน้า เขาปล่อยมือจากเธอราวเริ่มตระหนักบางสิ่งได้ เธอไม่ได้เสียใจเพราะทนายหนุ่มคนนั้น แต่เพราะโกรธเขาหรอกหรือ

"ทำไม ฉันทำอะไรผิด ฉันช่วยเธอสารภาพรักกับหมอนั่น ผิดตรงไหน ถ้ามันไม่รักก็ไปโกรธมันซี่"

"ผิดตรงที่ฉันไม่เคยคิดจะพูดไงเล่า" เธอแหวกลับอย่างเหลืออด "เพราะนายคนเดียว นายทำมันพังทั้งหมด นายเอาความสุขเล็กๆ ของฉันไปพูดเล่น นายไม่เคยยืนอยู่จุดเดียวกับฉัน นายไม่มีวันรู้หรอกว่าความพอใจแค่นี้ก็มีค่าแค่ไหน ถ้าทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมก็เพราะความสนุก คึกคะนองของนายคนเดียว!"

หญิงสาวผลักอกเสื้อเขาเต็มแรงด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ร่างสูงเซถอยไปกวาดเอาหม้อที่ล้างคว่ำไว้ร่วงหล่น เกิดเสียงดังโครมครามกังวานก้องไปทั้งบ้านหลังน้อย

ทั้งสองต่างนิ่งอึ้งด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาเห็นเธอโกรธและกราดเกรี้ยวเช่นนี้มาก่อน เหมือนแก้วน้ำที่ระเบิดแตกจากการเป็นผู้รองรับฝ่ายเดียวมานาน และเขาก็เจ็บ...เจ็บแปลบไปกับเธอ

"ฉันจะช่วย จะทำให้เขาชอบเธอ" ชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าทำไมตนจึงเสนอออกไปแบบนั้น

เขารู้แค่ตนต้องการเอาชนะ เอาชนะใจเธอให้ยอมรับในตัวเขา ว่าเขาสามารถช่วยและทำเพื่อเธอได้เหมือนกัน แล้วยังต้องการเห็นอนาวิลาเอาชนะผู้ชายพรรค์นั้นอีกด้วย

"ไม่ต้อง เท่าที่นายช่วยฉันวันนี้ฉันก็ซึ้งจนพูดไม่ออกแล้ว" หญิงสาวพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ราบเรียบดังเคย

เธอยอบตัวลงเก็บหม้อและฝาซึ่งหล่นกระจัดกระจาย ก่อนร่างสูงจะยอบตัวลงนั่งปลายเท้า เขาจับไหล่เธอบังคับให้เผชิญหน้ากัน

"ฉันช่วยเธอได้จริงๆ นะอุ่น เชื่อสิ ฉันเป็นผู้ชายย่อมต้องรู้จักนิสัยผู้ชายดีกว่าเธอแน่ ฉันจะทำให้เขาหลงรักเธอภายในหนึ่งเดือน"

เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อของเธอ อนาวิลานิ่งฟังจนจบด้วยสติไตร่ตรองมากขึ้น เธอไม่เคยเห็นท่าทางจริงจังเช่นนี้จากชายหนุ่มมาก่อนเลย และนั่นก็ทำให้เธอรู้ว่าแววตาของคนที่เปี่ยมความมั่นใจมีอานุภาพต่อผู้พบเห็นมันเพียงไร

"แต่ฉัน..."

"ไม่มีหรอก คนที่ไม่ต้องการความรักตอบแทน เธอแค่โกหกตัวเองเพราะคิดว่าจะไม่มีทางได้มันมา แต่ไม่ใช่ตอนนี้"

หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังถูกโปรโมชั่นชั้นดีดึงดูดเข้าอย่างจัง ก่อนตนจะรีบสลัดความสนใจทิ้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่ารชตวันมีคนรักอยู่แล้ว และยังมีรูปลักษณ์เหนือกว่าเธอทุกทาง

"พอเถอะ ฉันไม่เคยคิดแย่งแฟนใคร"

อนาวิลาลุกไปเปิดก๊อกน้ำล้างจานต่ออีกครั้ง หากชายหนุ่มก็ลุกไปยืนพิงสะโพกกับเคาน์เตอร์ครัวใกล้กัน

"เขาอาจจะเลิกกันแล้วก็ได้ หลังจากดราม่าเมื่อวาน ฉันไม่คิดว่าผู้ชายที่ดูรักษาภาพลักษณ์อย่างนั้นจะทนคบกับผู้หญิงที่ทำให้เขาอับอายต่อไปหรอกนะ"

เธอนิ่งคิดตามเขา แล้วก็ค่อยรู้สึกว่าความเยียบเย็นในใจก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยดวงไฟเล็กๆ มันเป็นไฟแห่งความหวัง ปลุกความกล้าซึ่งหลับไหลในใจเธอให้อยากพยายามดูสักครา

"ถึงเขาจะมีใครสักกี่คน แต่วันนี้เขาก็มากินยำฝีมือเธอไม่ใช่หรือไง เธอไม่ได้ด้อยค่า ไร้ตัวตนในความรู้สึกของผู้ชายคนนั้นหรอกนะ เชื่อฉัน"

นี่เธอกำลังถูกนายโปรดล้างสมองใช่ไหม คำโฆษณาชวนเชื่อของเขาทำให้หัวใจเธอพองโตเมื่อคิดว่านั่นอาจมีส่วนจริงอยู่บ้าง อย่างน้อยเธอก็ยังพอมีความสำคัญให้รชตวันติดสอยห้อยตามมากับบิดาของเขา ทั้งที่ไม่ใช่ธุระเลย

แล้วทำไมเธอไม่ลองพยายามทำให้เขาหันมามองตนมากกว่านี้ล่ะ ถ้ามันไม่สำเร็จอย่างไร เธอก็แค่กลับมายืนอยู่ที่เดิม ไม่มีทางจะเป็นไปได้น้อยกว่าฐานะคนรู้จักคนหนึ่งอย่างปัจจุบันนี้อีกแล้ว

"แค่เดือนเดียวนี่นะ" หญิงสาวเอ่ยอ้อมแอ้ม

"แน่สิ ไม่งั้นเธอไม่ต้องมาเรียกฉันว่านายโปรดเลย" เขาโอ่อย่างมุ่งมั่น

"งั้นฉันจะเรียกนายว่าน้องโปรดแทน"

อนาวิลาหมุนปิดก๊อกน้ำหลังคว่ำจานใบสุดท้าย ก่อนเธอจะสลัดมือให้หยดน้ำกระเซ็นใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ไม่หาย แม้ความโกรธจะมลายไปแล้วก็ตาม

ร่างอวบเดินกระแทกผ่านชายหนุ่มที่ยืนเหวออย่างคิดคำต่อว่าเธอไม่ทัน ค่าที่ทำให้เสื้อสวยของเขาเปื้อนเป็นดวง เธอออกไปเทอาหารเม็ดให้เจ้าสี่ตัว โดยมีเสียงบ่นว่าของนายโปรดดังตามมา

..............................

ตอนหน้ามาดูป้าแปลงโฉมกันนะคะ อิอิ
สงสัยจะต้องเล่น T25 ที่เขากำลังฮิตกัน 5555
ฝากติดตามด้วยจ้าาาา



ภาพิมล_พิมลภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2557, 16:34:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2557, 16:34:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1685





<< บทที่ ๗ ความลับของรชตวัน   บทที่ ๙ (๕๐%) ปฎิวัติตัวเอง >>
แว่นใส 6 ก.ค. 2557, 22:05:17 น.
ใครจะรักก่อนล่ะ


ภาพิมล_พิมลภา 6 ก.ค. 2557, 22:11:48 น.
คุณแว่นใส - อิอิ อันนี้ต้องเดาแล้วค่ะ


lovereason 7 ก.ค. 2557, 00:36:32 น.
สงสัยโปรดแพ้ใจป้าก่อนแน่เลย ^^


ภาพิมล_พิมลภา 7 ก.ค. 2557, 14:41:36 น.
คุณนุ่น - ไม่บอกกกค่า 55 เดี๋ยวแพรวเผยไต๋ 55


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account