แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ
คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”
คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”
คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”
และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ
คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”
คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”
คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”
และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”
Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา
ตอน: 17 ตกหลุมรักอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง
สวัสดีค่ะ ช่วงนี้มีธุระเยอะแยะไปหมด เลยไม่ได้แวะเข้ามา
แต่วันนี้มีเวลาว่างนิด ๆ ก็นำตอนมาฝาก
ฝากแก้วขวัญวันรักด้วยนะคะ และพบกันในตอนหน้า
17
ตกหลุมรักอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง
เช้านี้โต๊ะอาหารในบ้านสิทธิทรัพย์อาภามีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่ง ซึ่งรักจิราที่กลับบ้านดึกเมื่อคืนด้วยความเพลียเข้านอนเลย พอตื่นมาเจอซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังยืนทำอาหารสีหน้างุนงงอึ้งทึ้ง และได้แต่คิดในใจว่าเขาสวยกว่าเธออีก ผู้ชายอะไรหน้าหวานยังกับผู้หญิง หลังจากเจอเขาในห้องครัวก็ไปซักไซ้ได้ความมา รักจิราดูท่าจะหลงใหลได้ปลื้มคีตภัทรมาก ยิ่งพอชิมอาหารฝีมือเขาที่อร่อยพอ ๆ กับขวัญชีวันก็ยิ่งชื่นชมและยิ้มหน้าบาน
“ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้กินอาหารฝีมือซุปเปอร์สตาร์ คุณคีตะทำอาหารอร่อยมาก ฉันอิจฉาคนที่จะไปเป็นแฟนคุณจริง ๆ เลย” รักจิราถาม แก้วกัลยายิ้ม
“แกอยากมีคนทำอาหารให้กินทุกมื้อไหมล่ะ” รักจิราพยักหน้า และหันไปมองแก้วกัลยาที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“แกก็ให้เค้ามาเป็นพี่เขยแกสิรัก”
“จริงสิ มีพี่เขยทำอาหารเก่ง เป็นซุปตาร์ แต่จะยกให้ใครดีล่ะ เจ๊แก้วก็ไม่ว่าง ก็เหลือเจ๊ขวัญ กับเจ๊วัน เจ๊ขวัญนี่เคยบอกแล้วว่าอยากเป็นคนทำอาหารให้คนรักกิน ถ้าอย่างนั้นก็เหลือเจ๊วัน!!!”
“แค่ก แค่ก แค่ก” วันวิวาห์สำลักน้ำ และมองรักจิราที่โบ่ยมาทางเธอ
“แล้วเรื่องอะไรมาลงที่เจ๊ล่ะ อยากได้คนทำอาหารเป็นทำไมไม่ขอเขาเป็นแฟนซะเองล่ะ”
“ก็เค้าอยากได้พี่เขยไม่ได้อยากได้แฟน ว่าไงคะคุณคีตะ พี่สาวฉันว่าง จีบไหมคะ” แก้วกัลยายิ้ม และหัวเราะออกมา เมื่อเห็นสีหน้าของวันวิวาห์ที่เปลี่ยนไป ดวงตามีประกายความโกรธอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน วันวิวาห์หันไปมองรักจิราตัวต้นเหตุทำให้เธอหมดอารมณ์กินข้าว และลุกเดินออกไป
“ว่าไงคะไม่อยากจีบเจ๊วันหรอ”
“ดูท่าว่าคุณวันคงจะไม่ชอบผม”
“ไม่ใช่ไม่ชอบคุณหรอก ไม่ชอบอาชีพคุณต่างหาก”
“ไอ้รัก!!!” แก้วกัลยาเอ่ยเรียกชื่อแก้วกัลยาน้องสาวปากเปราะ รักจิราปิดปากลงทันที แม้แก้วกัลยาจะแอบเชียร์ แต่คีตภัทรก็ยังไม่ใช่คนในครอบครัว แก้วกัลยามองโทรศัพท์ รักจิราหยิบโทรศัพท์และเดินเลี่ยงออกไปรับ และเดินกลับมา
“เค้าไปก่อนนะเจ๊แก้ว เอ่อ...” รักจิราหันมากระซิบข้างหู
“เจ๊วันไม่ชอบดาราไม่ชอบนักร้อง ถ้าอยากจีบลบอคตินี้ให้ได้นะคะ ฉันมองออกนะว่าคุณชอบเจ๊วัน” แล้วรักจิราก็เดินออกไป เมื่อรถคันหนึ่งวิ่งมาจอดรับหน้าบ้าน วันนี้อัสนีต้องไปดูโรงพิมพ์ เธอจึงต้องไปด้วย
แก้วกัลยามองนาฬิกาที่ตอนนี้ใกล้จะสิบโมงแล้ว เร่งขับรถไปให้ถึงบริษัทให้ทัน แก้วกัลยาจอดรถลงและวิ่งไปที่ห้องแถลงข่าวที่จัดขึ้นในตึกวีนัสชั้นสิบสอง แทนที่จะมีคนพลุกพล่านแต่กลับเงียบแปลก ๆ แก้วกัลยาหันไปมองมินตราที่วิ่งหน้าตื่นมาหาเธอ
“คุณแก้วค่ะ ยังไม่มีนักข่าวมาเลยค่ะ”
“หมายความว่ายังไง เธอโทรไปแจ้งสำนักพิมพ์แล้วไม่ใช่หรอ”
“ค่ะ เมื่อวานพอคุณเพทายสั่งปุ๊บดิฉันก็โทรไปปั๊บเลยค่ะ” แก้วกัลยาเดินไปหาเพทายที่เดินหน้าเครียดมาหาเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินมาหาเธอก่อน ถ้าเดินมาเพราะเสน่หาคงดีไม่น้อย
“รู้สาเหตุหรือยังคะ”
“มีคนไปปล่อยข่าวว่าเรายกเลิกการสัมภาษณ์อ้างว่ายังไม่พร้อม และวันนี้ TM.มิวสิค ก็เปิดแถลงข่าวจัดคอนเสิร์ตของเดวา นักข่าวไปทางโน้นหมดแล้ว” แก้วกัลยาขมวดคิ้ว
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงคะ”
“ผมก็ไม่รู้ แต่ผมกำลังติดต่อนักข่าวอยู่ ถ้าไม่ได้เราจะรอแถลงข่าวพรุ่งนี้”
“ไม่ได้ค่ะ ต้องวันนี้ ถ้าเรายืดไปเดี๋ยวมันก็จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำ ๆ แบบนี้ เราต้องทำให้พวกที่คิดจะล้มเรารู้ว่าเราไม่ยอมให้ลอบกัดหรอก รอเดี๋ยวนะคะ บางทีคน ๆ นี้อาจช่วยเราได้” แก้วกัลยารอไม่นานรักจิราก็รับสาย
(ว่าไงเจ๊แก้ว)
“เกิดเรื่องแล้ว แกช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมรัก”
(เรื่องอะไร)
“มีคนปล่อยข่าวว่าเรายกเลิกสัมภาษณ์ตอนนี้ไม่มีนักข่าวมาเลย นักข่าวไปอยู่ที่ T.M. หมด แกช่วยได้ไหมรัก ถ้าแกไม่ช่วยนะงานนี้บริษัทคุณเพชรต้องแย่แน่”
(แล้วเค้าจะช่วยตัวได้ยังไง)
“ไม่รู้แหละแกต้องช่วย ถ้าแกไม่ช่วยฉันจะประมาณไอ้หมีเน่าแก แค่นี้นะ” แก้วกัลยาตัดสายทันทีไม่รอให้รักจิราได้ปฏิเสธ ยังไงรักจิราต้องมีทางช่วยแน่
“เฮ้ย!!!!”
“เป็นอะไรของเธอ” อัสนีที่เดินอยู่ข้าง ๆ หันไปมอง รักจิราไม่ยอมหันมามองหน้าเขา ตั้งแต่เมื่อวันก่อนรักจิราก็มีท่าทีแปลก ๆ พอเขาจะจับตัวก็กระโดดหนีราวกับเขาเป็นตัวเชื้อโรค แถมยังมองหน้าเขาแปลก ๆ จนเขาเองก็ผิดสังเกต
“รักจิรา” รักจิราทำหน้าคิดหนัก พอนึกไปนึกมาก็หันมามองหน้าเขา ใบหน้าเหมือนจะเริ่มนึกบางอย่างออกและหันมายิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจเลย อยู่ ๆ ผู้หญิงที่ชอบต่อย ชอบตีเขาเป็นนิจก็เกาะแขนเขา ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ลางสังหรณ์เขาบอกแบบนั้น ทั้งที่ตอนแรกเลี่ยงจะมองหน้า จะเข้าใกล้เขา
“นี่นาย เอ่อ...คุณช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม”
“พอมีเรื่องให้ช่วยเรียกคุณ พอไม่มีเรื่องเรียกไอ้ บอกเลยว่าไม่ นี่จะจะสอบเอ็ดโมงแล้ว ฉันมีประชุมกองต่อนะ” อัสนีรีบเดิน แต่รักจิราไม่ยอมให้เขาหนี วิ่งมากางแขนดักหน้าไว้ และมองด้วยสีหน้าเว้าวอนสุด ๆ
“นะคุณช่วยหน่อยนะ ถ้าคุณไม่ช่วยยัยเจ๊แก้วต้องฆ่าตัว...เอ่อ...ตัวตายแน่ ๆ เลยค่ะ” รักจิรากำลังจะเรียกชื่อหมีตัวโปรด แต่นึกขึ้นได้รีบเบี่ยงประเด็นไป
“มันหนักขนาดนั้น”
“ใช่ค่ะ คืออย่างนี้นะคะเมื่อวานคุณเพชรประธานบริษัทวีนัส มีเดีย จะจัดแถลงข่าววันนี้ แต่มีข่าวเท็จจากพวกเงามืดไปให้ข่าวว่ายกเลิกสัมภาษณ์ ทำให้วันนี้ที่ตึกวีนัสไม่มีนักข่าวสักคน แล้วยัยเจ๊แก้วเนี่ยก็ไปปิ๊งท่านประธานคนนี้ ก็เลยโทรมาขอให้ฉันช่วย แต่ฉันนักข่าวตัวเล็ก ๆ จะไปทำอะไรได้ ก็มีแต่คุณที่ช่วยได้ คุณจะช่วยไหม คุณสายฟ้า” อัสนีมองผู้หญิงที่พูดเพราะกับตน เมื่อวานก็มีหัวหน้าข่าวบันเทิงมาแจ้งเรื่องนี้กับเขา แต่ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะไปเกี่ยวอะไรกับรักจิรา
“แลกกับอะไร” รักจิราตาโตค้าง เธอยอมรับเลยว่าผู้ชายคนนี้ร้ายมาก
“อะไรก็ได้”
“เธอบอกแล้วนะได้ฉันจะช่วย” แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ต่อสายถึงใครก็ไม่รู้ สักพักเขาก็เดินยิ้มกลับมา
“เรียบร้อย อีกครึ่งชั่วโมงนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ จะไปที่ตึกวีนัส” รักจิรามองอย่างทึ่งว่าเขาทำได้ยังไง
“นาย...คุณทำได้ยังไง” รักจิราเดินตามเขาขึ้นรถไปเพื่อจะกลับสำนักงาน แต่ก็ยังสงสัย
“คุณภัคจิรา บอกอเก่าไง เค้ากว้างขวางจะตาย โทรไปขอให้เขาช่วย ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหนังสือพิมพ์อื่น ๆ ก็ไปที่ตึกวีนัสหมดแล้ว” จริงสิเธอลืมไปได้ยังไง
“ไอ้ขี้โกง ยกเลิก ๆ ฉันไม่ยอมแลกอะไร นายขี้โกงอ่ะ ทำแบบนี้ฉันก็ทำได้” อัสนียิ้มและทำหน้าไม่สน
“อย่าผิดสัญญาเด็ดขาดนะรักจิรา ถ้าเธอผิดสัญญาฉันจะเอาไปประจานลูกน้องแก๊งค์เก่า ๆ ของเธอว่าเธอมันเป็นพวกผิดคำพูด” อัสนีรู้ว่าตอนช่วงเรียนรักจิราซ่าแค่ไหน และรักจิราเป็นพวกที่ไม่ยอมอายต่อหน้าลูกน้อง ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี รักจิรากลัวเสียหน้า ภาพลักษณ์ของความรักศักดิ์ศรีคือสิ่งที่ติดตัวรักจิรามาจนถึงวันนี้
“ก็ได้ ว่ามาสิจะเอาอะไร ขอบอกเลยนะถ้าเอาอะไรแผลง ๆ ฉันจะต่อยหน้านาย” ขาดคำไหมล่ะ ว่าเมื่อใช่ประโยชน์เสร็จกลับมาเรียกด้วยสรรพนามเดิมอีกตามเคย เข้าทำนองใช้ประโยชน์เสร็จก็ถีบหัวส่ง
“เลี้ยงข้าวสามเวลาหนึ่งอาทิตย์”
“เฮ้ย!!!” รักจิราตะโกนออกมาเสียงดังไม่รักษาภาพลักษณ์ความเป็นผู้หญิง อยู่ต่อหน้ารักจิราเคยรักษาภาพพจน์เสียเมื่อไหร่ ระหว่างเธอกับเขาเกินกว่าจะมานั่งรักษาภาพลักษณ์ที่สวยงามแล้ว
“ได้ไงล่ะ โกงแล้วยังขอมากไปอีก นายไม่รู้หรอว่าบ้านฉันมีกฎประจำบ้านต้องไปกินข้าวให้ทันกับมื้อเย็น แล้วนายจะมาริบเวลาของฉันได้ยังไง นี่มันลิดรอนสิทธิ์ฉันนะ”
“ลิดรอนสิทธิ์ เธอบอกฉันเองว่าแลกกับอะไรก็ได้แค่กินข้าวกับฉันมันไม่ตายหรอกน่า ไปกันได้แล้ว”
“แต่...แล้วคุณพอลล่ะ นายไม่ไปกินข้าวกับคุณพอลหรอ” รักจิรายิงคำถาม เขาหันมามองหน้ารักจิราและถอนหายใจ และขมวดคิ้วส่งสัย
“เกี่ยวไรกัน...พอลเค้าไม่หวงฉันหรอก แค่มื้อเย็นไม่เป็นไรแค่อาทิตย์เดียวเอง พอลเขาเข้าใจ” เขาตอบ
“ตกลงนายกับคุณพอลคบกันอยู่หรอ” รักจิราก็ไม่อยกาเชื่อว่าตัวเองจะกล้าถามออกไป แล้วแบบนี้ใครเขาจะตอบและยอมรับล่ะ
“อื้อ...” คำว่าอื้อทำให้รักจิราอ้าปากค้างคล้ายช็อคเมื่อเขายอมรับออกมาโต้ง ๆ อย่างไม่อาย รักจิราทำหน้าไม่ถูก พูดไม่ออก มันจุกจนแน่นอกไปหมดแล้ว
“เอ่อ...ตกลง ฉันจะเลี้ยงข้าวนายแต่แค่สองมือเช้ากับเที่ยง แล้วเพิ่มเป็นสองอาทิตย์ แทนมื้อเย็นละกัน ไม่มีต่อลองแล้ว เพราะฉันเสียเปรียบนายมาก แล้วเห็นหน้านายสองมื้อฉันก็กินอะไรไม่ลงแล้ว”
“อย่างนั้นก็ได้ แล้วเธอเป็นอะไรหน้าซีด ๆ” เขาทำท่าจะเอามือมาแต่หน้าผาก รักจิราสะดุ้งปัดมือเขาออก
“ฉันลืมแฟ้มเอกสารไว้ที่โรงพิมพ์ ขอเข้าไปเอาก่อน นายรอที่นี่แหละ” แล้วรักจิราวิ่งลงไป เธอไม่อยากเชื่อแต่ต้องเชื่อเมื่อเขายอมรับมาอย่างไม่อายสักนิด ทำไมเธอถึงต้องผิดหวังเล่น รักจิราไม่ได้วิ่งกลับไปเอาแฟ้มแต่วิ่งเข้าห้องน้ำแทน
ครืด ครืด ครืด
อัสนีมองโทรศัพท์ของรักจิราที่สั่นอยู่บนเบาะ ดูเหมือนรักจิราจะลืมมันไว้ ตอนแรกเขากะจะปล่อยให้มันสั่น แต่กลับเหลือบไปเห็นชื่อบนหน้าจอ ...ผู้กองติ... ใบหน้าฉายชัดความไม่พอใจขึ้นมาทันที เขามองซ้ายมองขวาว่ารักจิรามาหรือยัง เมื่อไม่เห็นรักจิราเขารีบกดรับสายนั้นทันที
“ฮัลโหล”
(คุณรักไม่อยู่หรอครับ)
“ไม่อยู่ คุณมีอะไรกับรักจิรา คิดจะจีบรักหรอ”
(เอ่อ...คุณรักเธอนัดพบไปทานอาหาร ผมก็เลยโทรมาถามว่าจะเที่ยงแล้ว ผมรออยู่...)
“ไม่ต้องรอ รักจิราจะไม่ไป เพราะไม่ว่าง แล้วเรื่องคดีมีอะไรติดต่อผม ไม่ต้องติดต่อไปที่รักจิรา หวังว่าคุณจะเข้าใจ ผมไม่อยากให้รักจิราต้องเข้าไปเดือดร้อน”
(ครับ...ผมฝากบอกคุณรักด้วยว่ารูปที่ฝากผมไปล้างได้แล้ว ผมจะแวะเอาไปให้ที่บ้านนะครับ) อัสนีถึงกับร้องในใจนี่ถึงกับรู้จักบ้านกันแล้ว
“เอามาให้ผมที่สำนักงาน”
(แต่...)
“ผมจะเป็นคนเอาไปให้รักเอง คุณเข้าใจนะครับ”
(แต่...) เขากดตัดสายไปในทันทีไม่รอให้อติพงษ์ได้เว้นจังหวะพูด
คีตภัทรเดินมานั่งลงข้าง ๆ วันวิวาห์แต่เว้นช่วงไว้ เพราะรู้ว่าเธอไม่ชอบหน้าเขา ไปนั่งใกล้เดี๋ยวได้ลุกหนี เขาเดินไปเปิดโทรทัศน์ช่องวีนีส มีเดียของบริษัทที่ตอนนี้กำลังฉายภาพการสัมภาษณ์ แก้วกัลยาพึ่งโทรมาบอกว่าเกิดเหตุขัดข้องเลยเลื่อนเวลา เขามองภาพการสัมภาษณ์อย่างใจจดใจจ่อ โต๊ะนั่งแถวยาวที่มีผู้บริหารของบริษัทวีนัส มีเดียนั่งอยู่ และขนาบข้างด้วยนักร้องในค่ายที่ตกเป็นข่าวทุกคน นักข่าวสอบถามเรื่องต่าง ๆ เสร็จ เพทายที่ตอบคำถามเสร็จก็เอ่ยขึ้นหลังจากนักข่าวไม่มีคำถาม
“ครับ สิ่งที่เกิดกับทางวีนัส สร้างผลเสียต่อบริษัทและตัวนักร้องของเรามาก น้อง ๆ ทุกคนยอมรับว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องราวในอดีต และน้อง ๆ ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ การกระทำทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความเลือดร้อนอยากรู้อยากร้องเหมือนกับวัยรุ่นหลาย ๆ คน ผมจะไม่พูดคำว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่สิ่งเหล่านั้นที่น้อง ๆ ทำก็สร้างบทเรียนสำคัญให้กับน้อง ๆ ทุกคน จนตอนนี้น้อง ๆ เติบโตขึ้น ผมยังขอยืนยันว่าวีนัสคัดคุณภาพของเด็กมาอย่างดี คัดจากความสามารถคุณภาพในปัจจุบัน ผมรับรู้ประวัติในอดีตของน้อง ๆ ที่ไม่ได้ขาวสะอาดดังผ้าขาวตั้งแต่แรก แต่ผมอยากให้เรารู้ว่าไม่มีใครดีมาตั้งแต่เกิด น้องเป็นผ้าขาวที่เคยเปื้อนแต่เมื่อเรานำมาซักล้างผ้าผืนนั้นจะสะอาดในวันหนึ่ง แต่มันจะเหลือรอยจาง ๆ ให้ได้จดจำอย่างในวันนี้ที่ทุกคนได้เห็น เพื่อย้ำเตือนว่าความผิดก็คือความผิดมันจะอยู่กับเราไปจนตาย แต่อยู่ที่เราเลือกจะมองข้ามสีที่เปื้อนเหล่านั้นแล้วเริ่มใหม่ไหม นักร้องทุกคนแม้ผมอาจจะไม่ได้ขัดเลือกเองกับมือทุกคน แต่ผมมั่นใจในคุณภาพน้อง ๆ ทุกคนผ่านการออดิชั่น ผ่านการเก็บตัวมาเกือบห้าปี ผมจะไม่ปล่อยให้นักร้องในสังกัดของผมผ่านตาไปง่าย ๆ ทุกคนก็เห็นแล้วในปัจจุบันนักร้องของเหล่าที่เห็นนั่งกันอยู่ตอนนี้ทำความดีเพื่อสังคม ไม่ได้ทำแค่ต่อหน้ารับหลังก็ทำ บรรดาแฟนคลับของน้อง ๆ จะรู้ดี เพราะน้อง ๆ ทุกคนเห็นค่าความสำคัญของอาชีพของตัวเอง น้อง ๆ รู้ว่ากว่าจะมีวันนี้น้องต้องเจออะไรมาบ้าง ส่วนเรื่องที่ถูกตีแผ่ไปในวันนี้ ผมถือว่าเป็นการเปิดให้ได้รู้ และอยากให้ทุกคน ให้โอกาสน้องเขาอีกครั้ง ขอให้ตัดสินจากผลงานและคุณภาพในปัจจุบัน”
“แล้วเรื่องของน้องภีม น้องแบร์ คุณนก และคุณคีตะล่ะครับ”
“ผมอยากให้รู้ไว้ว่าตอนนี้มีคนไม่หวังดีต่อบริษัทวีนัส จึงพยายามลงข่าวให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสีย บางข่าวเป็นข่าวที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ส่วนเรื่องของภีม แบร์ และนกบริษัทกำลังสืบหาความจริง อยากขอให้พี่ ๆ น้อง ๆ สื่อมวลชนทุกคนรออีกพัก ไม่ว่าตอนนี้จะมีข่าวไม่ดีอะไรอยากให้มาถามที่ผม ผมจะตอบตามความเป็นจริงแน่นอน”
“แล้วเรื่องน้องคีตะล่ะคะ” นักข่าวคนหนึ่งถาม
“ตอนนี้ผู้อำนวยการธนากร และคุณพรรณรายยังไม่ว่าง แต่ผมจะให้ท่านออกมาแถลงข่าวอีกครั้ง”
“แล้วทำไมต้องพักงานน้องคีตะคะ” นักข่าวคนเดิมถาม
“ตอนนี้ทุกคนคงรู้ว่ามีคนไม่หวังดี และคิดจะทำร้ายคีตะ ผมขอบอกตรงนี้เลยละกันนะครับ รถคีตะที่ความแท้จริงไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มีคนจงใจฆ่าคีตะ เราจึงไม่สามารถให้คีตะได้กลับมาทำงานได้ ส่วนเรื่องคดีผมยังไม่สามารถบอกอะไรได้ ผมขอให้ทุกคนเข้าใจ” ทั้งหมดพยักหน้า
“จะมีการแถลงข่าวอีกครั้งใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ หลังจากทั้งสี่คนพร้อมผมจะจัดแถลงข่าว ผมจะขอเชิญสื่อมวลชนมาอีกครั้ง ผมขอให้พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนอย่าเขียนข่าวทำร้ายวีนัสไปกว่านี้ และขอโอกาสให้น้อง ๆ นักร้องอีกครั้ง ขอบคุณครับที่เข้ามาฟังการแถลงข่าว ผมจะนัดวันเวลาอีกครั้งเมื่อพร้อมจะแถลงข่าวอีกครั้ง” เพทายลุกขึ้น น้องร้องทุกคนยกมือไหว้สื่อมวลชนและเดินลงมาให้นักข่าวในงานได้สัมภาษณ์ส่วนเพทายเดินมาหาแก้วกัลยาที่ประตูทางออกจากห้องด้านหลัง แก้วกัลยายิ้มและกระโดดเข้ากอดเพทาย
“ที่รักเก่งที่สุดเลยค่ะ” เพทายยิ้มออกมา นี่เป็นครั้งที่เขายิ้มกับท่าทีของแก้วกัลยาและไม่ได้ผละออก เขารู้สึกโล่งอกอย่างประหลาดที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ถ้าไม่มีแก้วกัลยาในวันนี้ก็คงแย่ แก้วกัลยาผละออกและทำหน้าสงสัยที่วันนี้เพทายไม่ยอมดันออก และมองเขาที่มองหน้าเธอนิ่ง ๆ
“ขอบคุณ”
“ขอบคงขอบคุณอะไรกันคะ เพื่อที่รักแก้วทำได้ค่ะ ถ้าจะให้ดีพาแก้วไปกินข้าวสักมื้อก็ดีนะคะ” แก้วกัลยาเอ่ย
“พี่เพชรคะ” แก้วกัลยาทำหน้าเซ็งและหันไปมองก้างชิ้นโตที่มาขวางทางรักของเธออย่างได้จังหวะ เพทายหันไปยิ้มให้กับดารินทิพย์ที่เดินเข้ามา ในมือถือช่อดอกไม้ที่จัดเอง
“ดีใจด้วยนะคะ”
“ขอบคุณครับน้องดา พี่ไม่คิดว่าเราจะมานะ”
“ต้องมาสิคะ น่าเสียดายที่ดาช่วยพี่เพชรไม่ได้ แต่ดาเป็นกำลังใจ สวดมนต์ขอให้เรื่องร้าย ๆ ผ่านไปทุกคืน” แก้วกัลยาขยับปากทำสีหน้าล้อเลียนอยู่ด้านหลังอย่างหมั้นไส้ ชีไม่ได้ทำอะไรเลย จะมาเอาหน้าตอนท้ายเนี่ยนะ
“มาช้าไปไหมคะคุณดาหวัน” แก้วกัลยาเอ่ย เพทายหันไปมองและส่ายหน้าอย่างปราม ๆ
“พี่เพชรว่างหรือยังคะ เราไปทานอาหารด้วยกันดีไหมคะ” แก้วกัลยาค้อนทันที เธอชวนก่อนนะ เธอไม่ยอมแน่ ๆ ถ้าต้องไปกินข้าวโดยมียัยหนูตาหวานนี่เป็นกว้างขวางคอเธอ
“แก้ว..”
“ฉันไม่ไป คุณเชิญไปกับคุณดาหวันเถอะค่ะ ฉันมันหมดประโยชน์แล้วนี่” แล้วแก้วกัลยาก็เดินลงจากตึกวีนัส ปากพร่ำบ่นตลอดทาง สาปส่งดารินทิพย์ไปด้วย
“มาร มารความสุขของฉันจริง ๆ ฉันต้องใช้แผนแอปเปิ้ลอาบยาผิดเหมือนแม่มดไหมเนี่ยถึงจะกำจัดยัยหนูดาหวันได้ โธ่เว้ย!!!” แก้วกัลยาลงมาถึงพึ่งนึกได้ว่าเธอไล่มงกุฎกลับไปแล้ว เพราะมโนว่าหลังจบการแถลงข่าว เธอจะไปกินดินเนอร์กับเพทาย แล้วให้เขาไปส่ง แต่นี่อะไร ยัยนี่หนูนั่นทำเธอพัง แถมเธอต้องมานั่งโบกรถกลับบ้านเนี่ยนะ เจริญเถอะ
“พายุมา” เสียงคุณมงกุฎดังขึ้น บรรดาพนักงานหลบหลีกหนีกันทันทีเมื่อเห็นพายุที่ตั้งเคล้ามาแต่ไกล มงกุฎเองก็รับไปหาที่ซ่อนเวลาแก้วกัลยาหงุดหงิดจะฟาดงวงฟาดงาไปทั่ว คนที่จะรับมือได้ต้องเป็นภัยพิบัติเหมือนกันเท่านั้น นั่นก็คือบรรดาสี่พี่น้อง ดังนั้นหลบดีที่สุด แต่เหมือนจะไม่พ้น
“จะไปไหนคุณมงกุฎ!!!” มงกุฎทำหน้าเหมือนจะร้องไห้และหันหลังกลับไปมอง
“คุณแก้วกลับมาเร็วจัง”
“เร็วสิ กรี๊ด!!!!” แก้วกัลยาส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นสปา บรรดาแขกพากันวิ่งหรูออกมา พนักงานพากันขอโทษขอโพยขอพาย แก้วกัลยาวิ่งไปที่ด้านหลังสปาเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่งภายในห้องโล่ง ๆ มีอุปกรณ์ระบายความโกรธนานาชนิด แก้วกัลยาเดินไปที่จานที่ตั้งสูง ก่อนจะ
เพล้ง!!!
มงกุฎเอามืออุดหู และรีบปิดประตูทันที มหกรรมปาจานเริ่มขึ้น ห้องระบายความโกรธห้องนี้เป็นห้องที่สร้างขึ้นเฉพาะสี่พี่น้อง เวลาหงุดหงิดก็จะมาลงที่ห้องนี้ ซึ่งแขกประจำมีอยู่สองคนนั้นคือแก้วกัลยา และรักจิรา เพราะขวัญชีวันกับวันวิวาห์จะสามารถควบคุมอารมณ์ตวเองได้ไม่ให้พุ่งพ่านแปรปรวน ดังนั้นวันวิวาห์จึงเป็นพายุน้ำแข็งไงล่ะ มงกุฎยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง ไม่รุ้ผ่านไปนานแค่ไหน แต่รู้อย่างเดียวว่าหลังจากเสียงจานเงียบหายไป เสียงที่ดังแปรเปลี่ยนเป็นเสียง
ฉึก
“ผมมาหาคุณแก้ว พนักงานบอกให้ผมมาที่นี่” มงกุฎหันไปมอง และทำสีหน้าตกใจที่เห็นเขา
“มาหาคุณแก้วหรอคะ เอ่อ...มั่นใจว่าจะหยุดเฮอริเคนได้” เขาขมวดคิ้ว
“เอาอย่างนี้นะคะ ถ้าไม่อยากโดยลูกหลงก็อย่าเข้าไป แต่ถ้าคุณเตรียมใจไว้แล้ว เชิญค่ะ” มงกุฎหลักทางให้ เพทายเดินไปจับลูกปิดประตูและเปิดออก พลันมีดเล่มหนึ่งก็ลอยเฉียดหน้าเขาไป และปักที่ต้นไม้ด้านนอก มงกุฎที่รู้ทิศทางลมเบี่ยงตัวหนีออกจากประตูทัน แก้วกัลยามวยไม่เป็น แต่ปามีดเธอแม่นมาก นี่คือสิ่งที่ยังไม่ได้เตือนเพทาย
“มาทำไม” เพทายสำรวจห้องที่มีเศษจานกระเบื้องแตกละเอียดกระจายไปทั่วห้อง ที่กลางผนังห้องฝั่งตรงข้ามมีเป้าหนังปักอยู่อันหนึ่ง ที่กลางเป้ามีรูปของดารินทิพย์ติดไว้ และมีดหลานอันที่คิดว่าแก้วกัลยาเป็นคนปาปักอยู่ที่รูปแทบจะสิบเล่มได้
“โมโหแล้วพาลใส่โน่นนี่มันดูไม่น่ารักเลยนะครับ” เขาพูดเสียงนิ่มลง
“ถ้ารับได้ก็อยู่ รับไม่ได้ก็ไปสิ” แก้วกัลยาพลั่งปากพูดออกไปเพราะยังหงุดหงิด
“แน่นะ งั้นผมไป”
“คุณเพชร” แก้วกัลยาวิ่งไปเกาะแขนขวาเขาไว้ทันที พลางทำหน้ามุ่ยใส่
“คุณช่วยง้อฉันหน่อยไม่ได้หรือไงล่ะ ปุปปับมาปุปปับไป แล้วนี่คุณไม่ได้ไปกินข้าวกับยัยหนูตาหวานั่นหรอคะ” แก้วกัลยาถามเสียงประชด เพทายแกะมือปลาหมึกนั่นออก ซึ่งเธอก็ยอมเดินออกไปและปาเป้าต่อ โดยเปลี่ยนตำแหน่งเป้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามมุมห้อง ซึ่งเธอแม่นมาก ปาทีหนึ่งก็ปักทีหนึ่ง ทั้งที่มีแขนอยู่ข้างเดียวแต่แก้วกัลยากับปาได้อย่างคล่องแคล่งจนปิดสังเกต
“ผมไม่ได้บอกสักนิดเลยนะว่าจะไป อยู่ ๆ คุณก็เดินออกมาเอง” เขาตอบ แก้วกัลยาหันไปมองหน้าเขา
“หมายความว่าไงคะ”
“ก็ผมสัญญากับคุณไว้ว่าผมจะดูแลคุณจนกว่าร่างกายคุณจะกลับมาครบสามสิบสอง แล้วอีกอย่างคุณช่วยผม ผมตอบแทนคุณมันก็ถูกแล้ว” แก้วกัลยาหันมามองเขาด้วยแววตาแปลกกว่าทุกครั้ง
“ถ้าไม่นับเรื่องสัญญาบังคับ ไม่นับเรื่องบุญคุณถ้าฉันชวนคุณ ๆ ก็คงไม่ออกมาสินะคะ” เขามองเห็นแววตาน้อยใจฉายออกมา ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงจะเมินและเดินหนี แต่เพราะเธอกลายเป็นผู้มีพระคุณ เป็นคนที่เขาไว้ใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว เขาจึงไม่ปล่อยผ่าน
“ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงใช่” แก้วกัลยายิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที “แต่ตอนนี้คุณเป็นเพื่อนผม ผมก็ต้องไปอยู่แล้วถ้าคุณชวน” ใบหน้าห่อเหี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง
“โห คุณเพชรอ่ะจะให้ฉันยิ้มค้างอีกห้านาทีไม่ได้หรือไงกัน เพื่อนก็เพื่อน แต่อาทิตย์หน้าขอเป็นตำแหน่งอื่นนะคะที่รัก” แก้วกัลยาเอ่ย เดินไปหยิบรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้ แต่เพทายกลับจับมือเธอไว้ แก้วกัลยาหันมามองและยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ไม่ต้องยิ้ม ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดอยู่แน่ ๆ ผมแค่จะบอกว่าเดินเท้าเปล่าเข้าไป ผมกลัวคุณจะโดนเศษจานพวกนั้นบาด เดี๋ยวผมเข้าไปหยิบเอง” แล้วเขาก็เดินไปหยิบรองเท้าที่วางอยู่ริม ๆ ห้อง แล้ววางลงตรงหน้า
“ต้องให้ผมใส่ให้ไหม”
“ถ้าคุณกล้าทำ” แก้วกัลยาพูดเล่น แต่เขากลับทำจริง จับข้อเท้าเธอเบา ๆ และค่อย ๆ บรรจงจับเท้าเธอใส่ลงไปในรองเท้าส้นสูงสีน้ำเงิน แก้วกัลยายืนนิ่งอึ้ง ในขณะที่มงกุฎที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นอกประตูก็อึ้งเช่นกัน ไม่คิดว่านักธุรกิจคนดังแบบเขาจะกล้าทำ
“เสร็จแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้น มองดวงตาของเธอที่มองเขาเหมือนตกใจ
“คุณทำอะไรน่ะ”
“ช่วยคุณใส่รองเท้าไง” เขาอยากจะหัวเราะกับใบหน้าอึ้ง ๆ ที่ดูเหรอหราของเธอเหลือเกิน
“ฉันรู้ แต่ฉันพูดเล่นคุณไม่ต้องทำก็ได้”
“ผมต้องดูแลคุณ ไปได้แล้วจะไปกินข้าวไม่ใช่หรอ วันนี้ผมว่างยาวก่อนจะต้องเริ่มงาน” แก้วกัลยายิ้มและโผเข้ากอดเขา เปลี่ยนสลับเป็นเพทายที่ตกใจ โชคดีที่เขาตั้งตัวให้ทัน แก้วกัลยาซบหน้าลงที่อกของเขา เขารู้สึกได้มามันเสื้อของเขาเริ่มชื้น
“คุณเป็นอะไร” แก้วกัลยาส่ายหน้า นานแล้วที่ไม่มีผู้ชายคนไหนทำแบบนี้ให้เธอด้วยท่าทีอ่อนโยนแบบนี้ คนสุดท้ายก็พ่อของเธอ แต่เขากลับทำให้เธออยากไม่กลัวเสียภาพพจน์ พอเห็นแบบนี้แล้วอยู่ ๆ ก็คิดถึงพ่อของเธอที่เสียชีวิตไป แก้วกัลยายังไม่ต้องการให้เขารู้ว่าเธอร้องไห้ เธอกลัวเสียภาพพจน์มารร้ายอสรพิษ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าแก้ว”
“คุณยิ่งทำแบบนี้ฉันก็ยิ่งหลงรักคุณ คุณจะทำให้ฉันตกหลุมรักคุณอีกกี่ครั้งกันนะ ไม่รู้แหละฉันจองคุณแล้ว ยัยน้องหนูตาหวานนั่นฉันก็ไม่ยกให้” เพทายยิ้มมองท่าทีของผู้หญิงที่ร้องไห้แต่ไม่ยอมให้เขาเห็น มงกุฎที่ยืนอยู่หน้าประตูแอบยิ้มและเดินออกไปทิ้งให้เจ้านายที่ปกติเป็นแมวป่าเจ้าอารมณ์ได้มีท่าทีเหมือนแมวขี้อ้อนบ้าง
“ตกลงว่าจะไปกินข้าวหรือยัง”
“ตอนนี้ขอกินคุณแทนก่อนได้ไหมล่ะคะ คุณน่ากินกว่าข่าวอีก” แก้วกัลยาเอ่ย และเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่คิดว่าจะเปียกชื้นกลับเช็ดถูที่เสื้อเขาจนแห้ง เครื่องสำอางที่กันน้ำอย่างดีไม่ได้ทำให้ใบหน้าเธอเละ เพียงแต่จางลงเล็กน้อย ดวงตาคมสวยมองเพทายอย่างเป็นประกาย และอยากจะหัวเราะออกมา เมื่อเพทายหลบตาเธอ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง แม้จะไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนหน้าเขา แต่เธอก็ชอบเหลือเกิน
“คุณนี่เป็นผู้ชายที่หลอกคนไม่เก่งเลยนะคะ ไปเถอะค่ะฉันหิวแล้ว” แต่เพทายไม่ยอมเดินไปตามแรงดึง แก้วกัลยาเหมือนนึกออกก็หันไปมองหน้าเขาและเอ่ยต่อ
“ฉันหัวข้าวค่ะ ส่วนกินคุณคงต้องรอก่อน เอาไว้ฉันหิวมาก ๆ ค่อยว่ากัน ไปเร็วค่ะ ช้าฉันเปลี่ยนใจนะ” เพทายรีบเดินนำหน้าไปทันที โดยที่แก้วกัลยาจับมือและเดินตามไปที่รถ
“ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ นักข่าวไปอยู่ในงานนั้นได้ยังไง” ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานนั่งอยู่บนโซฟามองโทรทัศน์ช่อง วีนัส มีเดียที่กำลังถ่ายทอดสดการแถลงข่าวที่พึ่งจบไป ใบหน้าที่แม้มีริ้วรอยแห่งกาลเวลาแต่ก็ยังมีเค้าโครงความหล่อในอดีตดูเกรี้ยวกราดขึ้น
“ถ้าไม่มีนังนั่นช่วย แผนเราก็ไม่พังหรอก”
“ใคร”
“ก็นังแก้วกัลยา ยัยไฮโซหน้าใหม่นั่นไงล่ะ”
“แค่มันคนเดียวเนี่ยนะ”
“ใช่นังนั่นคนเดียว มีเส้นสายกว้างขวาง มันโทรกริ๊วเดียวมันหานักข่าวมาเต็มไปหมด ทางที่ดีถ้าอยากจะให้วีนัสล่มจม ต้องจัดการนังนั่นไม่ให้มายุ่งก่อน”
“ก็ดี ดูสิทีนี้ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างไอ้เพชรมันจะทำยังไง ปากดี ทำอวดเก่งกับฉัน ถ้าไม่มีมันสักคนทีเอ็มของฉันก็คงไม่เป็นอย่างนี้”
“จะทำอะไรก็ทำ ก่อนจะไม่ได้ทำ” ผู้หญิงหุ่นสูงโปร่ง ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีจัดจ้าน เรือนผมสั้นตัดเป็นบ๊อบเทเก๊ไก๋ ชุดเดรสเกาะอกสั่นขับเน้นผิวขาวผ่องของเธอให้ขาวขึ้น และยังโชว์เรียวขาที่สวยยิ่งกว่านางแบบ ใบหน้าสวยยิ่งยโสมีประกายความแค้นออกมา ตวัดสายตาหนุ่มที่อายุมากกว่าด้วยดวงตาสมเพชและเดินออกจากห้องไป
....ติดตามตอนต่อไป...
แต่วันนี้มีเวลาว่างนิด ๆ ก็นำตอนมาฝาก
ฝากแก้วขวัญวันรักด้วยนะคะ และพบกันในตอนหน้า
17
ตกหลุมรักอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง
เช้านี้โต๊ะอาหารในบ้านสิทธิทรัพย์อาภามีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่ง ซึ่งรักจิราที่กลับบ้านดึกเมื่อคืนด้วยความเพลียเข้านอนเลย พอตื่นมาเจอซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังยืนทำอาหารสีหน้างุนงงอึ้งทึ้ง และได้แต่คิดในใจว่าเขาสวยกว่าเธออีก ผู้ชายอะไรหน้าหวานยังกับผู้หญิง หลังจากเจอเขาในห้องครัวก็ไปซักไซ้ได้ความมา รักจิราดูท่าจะหลงใหลได้ปลื้มคีตภัทรมาก ยิ่งพอชิมอาหารฝีมือเขาที่อร่อยพอ ๆ กับขวัญชีวันก็ยิ่งชื่นชมและยิ้มหน้าบาน
“ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้กินอาหารฝีมือซุปเปอร์สตาร์ คุณคีตะทำอาหารอร่อยมาก ฉันอิจฉาคนที่จะไปเป็นแฟนคุณจริง ๆ เลย” รักจิราถาม แก้วกัลยายิ้ม
“แกอยากมีคนทำอาหารให้กินทุกมื้อไหมล่ะ” รักจิราพยักหน้า และหันไปมองแก้วกัลยาที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“แกก็ให้เค้ามาเป็นพี่เขยแกสิรัก”
“จริงสิ มีพี่เขยทำอาหารเก่ง เป็นซุปตาร์ แต่จะยกให้ใครดีล่ะ เจ๊แก้วก็ไม่ว่าง ก็เหลือเจ๊ขวัญ กับเจ๊วัน เจ๊ขวัญนี่เคยบอกแล้วว่าอยากเป็นคนทำอาหารให้คนรักกิน ถ้าอย่างนั้นก็เหลือเจ๊วัน!!!”
“แค่ก แค่ก แค่ก” วันวิวาห์สำลักน้ำ และมองรักจิราที่โบ่ยมาทางเธอ
“แล้วเรื่องอะไรมาลงที่เจ๊ล่ะ อยากได้คนทำอาหารเป็นทำไมไม่ขอเขาเป็นแฟนซะเองล่ะ”
“ก็เค้าอยากได้พี่เขยไม่ได้อยากได้แฟน ว่าไงคะคุณคีตะ พี่สาวฉันว่าง จีบไหมคะ” แก้วกัลยายิ้ม และหัวเราะออกมา เมื่อเห็นสีหน้าของวันวิวาห์ที่เปลี่ยนไป ดวงตามีประกายความโกรธอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน วันวิวาห์หันไปมองรักจิราตัวต้นเหตุทำให้เธอหมดอารมณ์กินข้าว และลุกเดินออกไป
“ว่าไงคะไม่อยากจีบเจ๊วันหรอ”
“ดูท่าว่าคุณวันคงจะไม่ชอบผม”
“ไม่ใช่ไม่ชอบคุณหรอก ไม่ชอบอาชีพคุณต่างหาก”
“ไอ้รัก!!!” แก้วกัลยาเอ่ยเรียกชื่อแก้วกัลยาน้องสาวปากเปราะ รักจิราปิดปากลงทันที แม้แก้วกัลยาจะแอบเชียร์ แต่คีตภัทรก็ยังไม่ใช่คนในครอบครัว แก้วกัลยามองโทรศัพท์ รักจิราหยิบโทรศัพท์และเดินเลี่ยงออกไปรับ และเดินกลับมา
“เค้าไปก่อนนะเจ๊แก้ว เอ่อ...” รักจิราหันมากระซิบข้างหู
“เจ๊วันไม่ชอบดาราไม่ชอบนักร้อง ถ้าอยากจีบลบอคตินี้ให้ได้นะคะ ฉันมองออกนะว่าคุณชอบเจ๊วัน” แล้วรักจิราก็เดินออกไป เมื่อรถคันหนึ่งวิ่งมาจอดรับหน้าบ้าน วันนี้อัสนีต้องไปดูโรงพิมพ์ เธอจึงต้องไปด้วย
แก้วกัลยามองนาฬิกาที่ตอนนี้ใกล้จะสิบโมงแล้ว เร่งขับรถไปให้ถึงบริษัทให้ทัน แก้วกัลยาจอดรถลงและวิ่งไปที่ห้องแถลงข่าวที่จัดขึ้นในตึกวีนัสชั้นสิบสอง แทนที่จะมีคนพลุกพล่านแต่กลับเงียบแปลก ๆ แก้วกัลยาหันไปมองมินตราที่วิ่งหน้าตื่นมาหาเธอ
“คุณแก้วค่ะ ยังไม่มีนักข่าวมาเลยค่ะ”
“หมายความว่ายังไง เธอโทรไปแจ้งสำนักพิมพ์แล้วไม่ใช่หรอ”
“ค่ะ เมื่อวานพอคุณเพทายสั่งปุ๊บดิฉันก็โทรไปปั๊บเลยค่ะ” แก้วกัลยาเดินไปหาเพทายที่เดินหน้าเครียดมาหาเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินมาหาเธอก่อน ถ้าเดินมาเพราะเสน่หาคงดีไม่น้อย
“รู้สาเหตุหรือยังคะ”
“มีคนไปปล่อยข่าวว่าเรายกเลิกการสัมภาษณ์อ้างว่ายังไม่พร้อม และวันนี้ TM.มิวสิค ก็เปิดแถลงข่าวจัดคอนเสิร์ตของเดวา นักข่าวไปทางโน้นหมดแล้ว” แก้วกัลยาขมวดคิ้ว
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงคะ”
“ผมก็ไม่รู้ แต่ผมกำลังติดต่อนักข่าวอยู่ ถ้าไม่ได้เราจะรอแถลงข่าวพรุ่งนี้”
“ไม่ได้ค่ะ ต้องวันนี้ ถ้าเรายืดไปเดี๋ยวมันก็จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำ ๆ แบบนี้ เราต้องทำให้พวกที่คิดจะล้มเรารู้ว่าเราไม่ยอมให้ลอบกัดหรอก รอเดี๋ยวนะคะ บางทีคน ๆ นี้อาจช่วยเราได้” แก้วกัลยารอไม่นานรักจิราก็รับสาย
(ว่าไงเจ๊แก้ว)
“เกิดเรื่องแล้ว แกช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมรัก”
(เรื่องอะไร)
“มีคนปล่อยข่าวว่าเรายกเลิกสัมภาษณ์ตอนนี้ไม่มีนักข่าวมาเลย นักข่าวไปอยู่ที่ T.M. หมด แกช่วยได้ไหมรัก ถ้าแกไม่ช่วยนะงานนี้บริษัทคุณเพชรต้องแย่แน่”
(แล้วเค้าจะช่วยตัวได้ยังไง)
“ไม่รู้แหละแกต้องช่วย ถ้าแกไม่ช่วยฉันจะประมาณไอ้หมีเน่าแก แค่นี้นะ” แก้วกัลยาตัดสายทันทีไม่รอให้รักจิราได้ปฏิเสธ ยังไงรักจิราต้องมีทางช่วยแน่
“เฮ้ย!!!!”
“เป็นอะไรของเธอ” อัสนีที่เดินอยู่ข้าง ๆ หันไปมอง รักจิราไม่ยอมหันมามองหน้าเขา ตั้งแต่เมื่อวันก่อนรักจิราก็มีท่าทีแปลก ๆ พอเขาจะจับตัวก็กระโดดหนีราวกับเขาเป็นตัวเชื้อโรค แถมยังมองหน้าเขาแปลก ๆ จนเขาเองก็ผิดสังเกต
“รักจิรา” รักจิราทำหน้าคิดหนัก พอนึกไปนึกมาก็หันมามองหน้าเขา ใบหน้าเหมือนจะเริ่มนึกบางอย่างออกและหันมายิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจเลย อยู่ ๆ ผู้หญิงที่ชอบต่อย ชอบตีเขาเป็นนิจก็เกาะแขนเขา ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ลางสังหรณ์เขาบอกแบบนั้น ทั้งที่ตอนแรกเลี่ยงจะมองหน้า จะเข้าใกล้เขา
“นี่นาย เอ่อ...คุณช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม”
“พอมีเรื่องให้ช่วยเรียกคุณ พอไม่มีเรื่องเรียกไอ้ บอกเลยว่าไม่ นี่จะจะสอบเอ็ดโมงแล้ว ฉันมีประชุมกองต่อนะ” อัสนีรีบเดิน แต่รักจิราไม่ยอมให้เขาหนี วิ่งมากางแขนดักหน้าไว้ และมองด้วยสีหน้าเว้าวอนสุด ๆ
“นะคุณช่วยหน่อยนะ ถ้าคุณไม่ช่วยยัยเจ๊แก้วต้องฆ่าตัว...เอ่อ...ตัวตายแน่ ๆ เลยค่ะ” รักจิรากำลังจะเรียกชื่อหมีตัวโปรด แต่นึกขึ้นได้รีบเบี่ยงประเด็นไป
“มันหนักขนาดนั้น”
“ใช่ค่ะ คืออย่างนี้นะคะเมื่อวานคุณเพชรประธานบริษัทวีนัส มีเดีย จะจัดแถลงข่าววันนี้ แต่มีข่าวเท็จจากพวกเงามืดไปให้ข่าวว่ายกเลิกสัมภาษณ์ ทำให้วันนี้ที่ตึกวีนัสไม่มีนักข่าวสักคน แล้วยัยเจ๊แก้วเนี่ยก็ไปปิ๊งท่านประธานคนนี้ ก็เลยโทรมาขอให้ฉันช่วย แต่ฉันนักข่าวตัวเล็ก ๆ จะไปทำอะไรได้ ก็มีแต่คุณที่ช่วยได้ คุณจะช่วยไหม คุณสายฟ้า” อัสนีมองผู้หญิงที่พูดเพราะกับตน เมื่อวานก็มีหัวหน้าข่าวบันเทิงมาแจ้งเรื่องนี้กับเขา แต่ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะไปเกี่ยวอะไรกับรักจิรา
“แลกกับอะไร” รักจิราตาโตค้าง เธอยอมรับเลยว่าผู้ชายคนนี้ร้ายมาก
“อะไรก็ได้”
“เธอบอกแล้วนะได้ฉันจะช่วย” แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ต่อสายถึงใครก็ไม่รู้ สักพักเขาก็เดินยิ้มกลับมา
“เรียบร้อย อีกครึ่งชั่วโมงนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ จะไปที่ตึกวีนัส” รักจิรามองอย่างทึ่งว่าเขาทำได้ยังไง
“นาย...คุณทำได้ยังไง” รักจิราเดินตามเขาขึ้นรถไปเพื่อจะกลับสำนักงาน แต่ก็ยังสงสัย
“คุณภัคจิรา บอกอเก่าไง เค้ากว้างขวางจะตาย โทรไปขอให้เขาช่วย ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหนังสือพิมพ์อื่น ๆ ก็ไปที่ตึกวีนัสหมดแล้ว” จริงสิเธอลืมไปได้ยังไง
“ไอ้ขี้โกง ยกเลิก ๆ ฉันไม่ยอมแลกอะไร นายขี้โกงอ่ะ ทำแบบนี้ฉันก็ทำได้” อัสนียิ้มและทำหน้าไม่สน
“อย่าผิดสัญญาเด็ดขาดนะรักจิรา ถ้าเธอผิดสัญญาฉันจะเอาไปประจานลูกน้องแก๊งค์เก่า ๆ ของเธอว่าเธอมันเป็นพวกผิดคำพูด” อัสนีรู้ว่าตอนช่วงเรียนรักจิราซ่าแค่ไหน และรักจิราเป็นพวกที่ไม่ยอมอายต่อหน้าลูกน้อง ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี รักจิรากลัวเสียหน้า ภาพลักษณ์ของความรักศักดิ์ศรีคือสิ่งที่ติดตัวรักจิรามาจนถึงวันนี้
“ก็ได้ ว่ามาสิจะเอาอะไร ขอบอกเลยนะถ้าเอาอะไรแผลง ๆ ฉันจะต่อยหน้านาย” ขาดคำไหมล่ะ ว่าเมื่อใช่ประโยชน์เสร็จกลับมาเรียกด้วยสรรพนามเดิมอีกตามเคย เข้าทำนองใช้ประโยชน์เสร็จก็ถีบหัวส่ง
“เลี้ยงข้าวสามเวลาหนึ่งอาทิตย์”
“เฮ้ย!!!” รักจิราตะโกนออกมาเสียงดังไม่รักษาภาพลักษณ์ความเป็นผู้หญิง อยู่ต่อหน้ารักจิราเคยรักษาภาพพจน์เสียเมื่อไหร่ ระหว่างเธอกับเขาเกินกว่าจะมานั่งรักษาภาพลักษณ์ที่สวยงามแล้ว
“ได้ไงล่ะ โกงแล้วยังขอมากไปอีก นายไม่รู้หรอว่าบ้านฉันมีกฎประจำบ้านต้องไปกินข้าวให้ทันกับมื้อเย็น แล้วนายจะมาริบเวลาของฉันได้ยังไง นี่มันลิดรอนสิทธิ์ฉันนะ”
“ลิดรอนสิทธิ์ เธอบอกฉันเองว่าแลกกับอะไรก็ได้แค่กินข้าวกับฉันมันไม่ตายหรอกน่า ไปกันได้แล้ว”
“แต่...แล้วคุณพอลล่ะ นายไม่ไปกินข้าวกับคุณพอลหรอ” รักจิรายิงคำถาม เขาหันมามองหน้ารักจิราและถอนหายใจ และขมวดคิ้วส่งสัย
“เกี่ยวไรกัน...พอลเค้าไม่หวงฉันหรอก แค่มื้อเย็นไม่เป็นไรแค่อาทิตย์เดียวเอง พอลเขาเข้าใจ” เขาตอบ
“ตกลงนายกับคุณพอลคบกันอยู่หรอ” รักจิราก็ไม่อยกาเชื่อว่าตัวเองจะกล้าถามออกไป แล้วแบบนี้ใครเขาจะตอบและยอมรับล่ะ
“อื้อ...” คำว่าอื้อทำให้รักจิราอ้าปากค้างคล้ายช็อคเมื่อเขายอมรับออกมาโต้ง ๆ อย่างไม่อาย รักจิราทำหน้าไม่ถูก พูดไม่ออก มันจุกจนแน่นอกไปหมดแล้ว
“เอ่อ...ตกลง ฉันจะเลี้ยงข้าวนายแต่แค่สองมือเช้ากับเที่ยง แล้วเพิ่มเป็นสองอาทิตย์ แทนมื้อเย็นละกัน ไม่มีต่อลองแล้ว เพราะฉันเสียเปรียบนายมาก แล้วเห็นหน้านายสองมื้อฉันก็กินอะไรไม่ลงแล้ว”
“อย่างนั้นก็ได้ แล้วเธอเป็นอะไรหน้าซีด ๆ” เขาทำท่าจะเอามือมาแต่หน้าผาก รักจิราสะดุ้งปัดมือเขาออก
“ฉันลืมแฟ้มเอกสารไว้ที่โรงพิมพ์ ขอเข้าไปเอาก่อน นายรอที่นี่แหละ” แล้วรักจิราวิ่งลงไป เธอไม่อยากเชื่อแต่ต้องเชื่อเมื่อเขายอมรับมาอย่างไม่อายสักนิด ทำไมเธอถึงต้องผิดหวังเล่น รักจิราไม่ได้วิ่งกลับไปเอาแฟ้มแต่วิ่งเข้าห้องน้ำแทน
ครืด ครืด ครืด
อัสนีมองโทรศัพท์ของรักจิราที่สั่นอยู่บนเบาะ ดูเหมือนรักจิราจะลืมมันไว้ ตอนแรกเขากะจะปล่อยให้มันสั่น แต่กลับเหลือบไปเห็นชื่อบนหน้าจอ ...ผู้กองติ... ใบหน้าฉายชัดความไม่พอใจขึ้นมาทันที เขามองซ้ายมองขวาว่ารักจิรามาหรือยัง เมื่อไม่เห็นรักจิราเขารีบกดรับสายนั้นทันที
“ฮัลโหล”
(คุณรักไม่อยู่หรอครับ)
“ไม่อยู่ คุณมีอะไรกับรักจิรา คิดจะจีบรักหรอ”
(เอ่อ...คุณรักเธอนัดพบไปทานอาหาร ผมก็เลยโทรมาถามว่าจะเที่ยงแล้ว ผมรออยู่...)
“ไม่ต้องรอ รักจิราจะไม่ไป เพราะไม่ว่าง แล้วเรื่องคดีมีอะไรติดต่อผม ไม่ต้องติดต่อไปที่รักจิรา หวังว่าคุณจะเข้าใจ ผมไม่อยากให้รักจิราต้องเข้าไปเดือดร้อน”
(ครับ...ผมฝากบอกคุณรักด้วยว่ารูปที่ฝากผมไปล้างได้แล้ว ผมจะแวะเอาไปให้ที่บ้านนะครับ) อัสนีถึงกับร้องในใจนี่ถึงกับรู้จักบ้านกันแล้ว
“เอามาให้ผมที่สำนักงาน”
(แต่...)
“ผมจะเป็นคนเอาไปให้รักเอง คุณเข้าใจนะครับ”
(แต่...) เขากดตัดสายไปในทันทีไม่รอให้อติพงษ์ได้เว้นจังหวะพูด
คีตภัทรเดินมานั่งลงข้าง ๆ วันวิวาห์แต่เว้นช่วงไว้ เพราะรู้ว่าเธอไม่ชอบหน้าเขา ไปนั่งใกล้เดี๋ยวได้ลุกหนี เขาเดินไปเปิดโทรทัศน์ช่องวีนีส มีเดียของบริษัทที่ตอนนี้กำลังฉายภาพการสัมภาษณ์ แก้วกัลยาพึ่งโทรมาบอกว่าเกิดเหตุขัดข้องเลยเลื่อนเวลา เขามองภาพการสัมภาษณ์อย่างใจจดใจจ่อ โต๊ะนั่งแถวยาวที่มีผู้บริหารของบริษัทวีนัส มีเดียนั่งอยู่ และขนาบข้างด้วยนักร้องในค่ายที่ตกเป็นข่าวทุกคน นักข่าวสอบถามเรื่องต่าง ๆ เสร็จ เพทายที่ตอบคำถามเสร็จก็เอ่ยขึ้นหลังจากนักข่าวไม่มีคำถาม
“ครับ สิ่งที่เกิดกับทางวีนัส สร้างผลเสียต่อบริษัทและตัวนักร้องของเรามาก น้อง ๆ ทุกคนยอมรับว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องราวในอดีต และน้อง ๆ ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ การกระทำทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความเลือดร้อนอยากรู้อยากร้องเหมือนกับวัยรุ่นหลาย ๆ คน ผมจะไม่พูดคำว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่สิ่งเหล่านั้นที่น้อง ๆ ทำก็สร้างบทเรียนสำคัญให้กับน้อง ๆ ทุกคน จนตอนนี้น้อง ๆ เติบโตขึ้น ผมยังขอยืนยันว่าวีนัสคัดคุณภาพของเด็กมาอย่างดี คัดจากความสามารถคุณภาพในปัจจุบัน ผมรับรู้ประวัติในอดีตของน้อง ๆ ที่ไม่ได้ขาวสะอาดดังผ้าขาวตั้งแต่แรก แต่ผมอยากให้เรารู้ว่าไม่มีใครดีมาตั้งแต่เกิด น้องเป็นผ้าขาวที่เคยเปื้อนแต่เมื่อเรานำมาซักล้างผ้าผืนนั้นจะสะอาดในวันหนึ่ง แต่มันจะเหลือรอยจาง ๆ ให้ได้จดจำอย่างในวันนี้ที่ทุกคนได้เห็น เพื่อย้ำเตือนว่าความผิดก็คือความผิดมันจะอยู่กับเราไปจนตาย แต่อยู่ที่เราเลือกจะมองข้ามสีที่เปื้อนเหล่านั้นแล้วเริ่มใหม่ไหม นักร้องทุกคนแม้ผมอาจจะไม่ได้ขัดเลือกเองกับมือทุกคน แต่ผมมั่นใจในคุณภาพน้อง ๆ ทุกคนผ่านการออดิชั่น ผ่านการเก็บตัวมาเกือบห้าปี ผมจะไม่ปล่อยให้นักร้องในสังกัดของผมผ่านตาไปง่าย ๆ ทุกคนก็เห็นแล้วในปัจจุบันนักร้องของเหล่าที่เห็นนั่งกันอยู่ตอนนี้ทำความดีเพื่อสังคม ไม่ได้ทำแค่ต่อหน้ารับหลังก็ทำ บรรดาแฟนคลับของน้อง ๆ จะรู้ดี เพราะน้อง ๆ ทุกคนเห็นค่าความสำคัญของอาชีพของตัวเอง น้อง ๆ รู้ว่ากว่าจะมีวันนี้น้องต้องเจออะไรมาบ้าง ส่วนเรื่องที่ถูกตีแผ่ไปในวันนี้ ผมถือว่าเป็นการเปิดให้ได้รู้ และอยากให้ทุกคน ให้โอกาสน้องเขาอีกครั้ง ขอให้ตัดสินจากผลงานและคุณภาพในปัจจุบัน”
“แล้วเรื่องของน้องภีม น้องแบร์ คุณนก และคุณคีตะล่ะครับ”
“ผมอยากให้รู้ไว้ว่าตอนนี้มีคนไม่หวังดีต่อบริษัทวีนัส จึงพยายามลงข่าวให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสีย บางข่าวเป็นข่าวที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ส่วนเรื่องของภีม แบร์ และนกบริษัทกำลังสืบหาความจริง อยากขอให้พี่ ๆ น้อง ๆ สื่อมวลชนทุกคนรออีกพัก ไม่ว่าตอนนี้จะมีข่าวไม่ดีอะไรอยากให้มาถามที่ผม ผมจะตอบตามความเป็นจริงแน่นอน”
“แล้วเรื่องน้องคีตะล่ะคะ” นักข่าวคนหนึ่งถาม
“ตอนนี้ผู้อำนวยการธนากร และคุณพรรณรายยังไม่ว่าง แต่ผมจะให้ท่านออกมาแถลงข่าวอีกครั้ง”
“แล้วทำไมต้องพักงานน้องคีตะคะ” นักข่าวคนเดิมถาม
“ตอนนี้ทุกคนคงรู้ว่ามีคนไม่หวังดี และคิดจะทำร้ายคีตะ ผมขอบอกตรงนี้เลยละกันนะครับ รถคีตะที่ความแท้จริงไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มีคนจงใจฆ่าคีตะ เราจึงไม่สามารถให้คีตะได้กลับมาทำงานได้ ส่วนเรื่องคดีผมยังไม่สามารถบอกอะไรได้ ผมขอให้ทุกคนเข้าใจ” ทั้งหมดพยักหน้า
“จะมีการแถลงข่าวอีกครั้งใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ หลังจากทั้งสี่คนพร้อมผมจะจัดแถลงข่าว ผมจะขอเชิญสื่อมวลชนมาอีกครั้ง ผมขอให้พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนอย่าเขียนข่าวทำร้ายวีนัสไปกว่านี้ และขอโอกาสให้น้อง ๆ นักร้องอีกครั้ง ขอบคุณครับที่เข้ามาฟังการแถลงข่าว ผมจะนัดวันเวลาอีกครั้งเมื่อพร้อมจะแถลงข่าวอีกครั้ง” เพทายลุกขึ้น น้องร้องทุกคนยกมือไหว้สื่อมวลชนและเดินลงมาให้นักข่าวในงานได้สัมภาษณ์ส่วนเพทายเดินมาหาแก้วกัลยาที่ประตูทางออกจากห้องด้านหลัง แก้วกัลยายิ้มและกระโดดเข้ากอดเพทาย
“ที่รักเก่งที่สุดเลยค่ะ” เพทายยิ้มออกมา นี่เป็นครั้งที่เขายิ้มกับท่าทีของแก้วกัลยาและไม่ได้ผละออก เขารู้สึกโล่งอกอย่างประหลาดที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ถ้าไม่มีแก้วกัลยาในวันนี้ก็คงแย่ แก้วกัลยาผละออกและทำหน้าสงสัยที่วันนี้เพทายไม่ยอมดันออก และมองเขาที่มองหน้าเธอนิ่ง ๆ
“ขอบคุณ”
“ขอบคงขอบคุณอะไรกันคะ เพื่อที่รักแก้วทำได้ค่ะ ถ้าจะให้ดีพาแก้วไปกินข้าวสักมื้อก็ดีนะคะ” แก้วกัลยาเอ่ย
“พี่เพชรคะ” แก้วกัลยาทำหน้าเซ็งและหันไปมองก้างชิ้นโตที่มาขวางทางรักของเธออย่างได้จังหวะ เพทายหันไปยิ้มให้กับดารินทิพย์ที่เดินเข้ามา ในมือถือช่อดอกไม้ที่จัดเอง
“ดีใจด้วยนะคะ”
“ขอบคุณครับน้องดา พี่ไม่คิดว่าเราจะมานะ”
“ต้องมาสิคะ น่าเสียดายที่ดาช่วยพี่เพชรไม่ได้ แต่ดาเป็นกำลังใจ สวดมนต์ขอให้เรื่องร้าย ๆ ผ่านไปทุกคืน” แก้วกัลยาขยับปากทำสีหน้าล้อเลียนอยู่ด้านหลังอย่างหมั้นไส้ ชีไม่ได้ทำอะไรเลย จะมาเอาหน้าตอนท้ายเนี่ยนะ
“มาช้าไปไหมคะคุณดาหวัน” แก้วกัลยาเอ่ย เพทายหันไปมองและส่ายหน้าอย่างปราม ๆ
“พี่เพชรว่างหรือยังคะ เราไปทานอาหารด้วยกันดีไหมคะ” แก้วกัลยาค้อนทันที เธอชวนก่อนนะ เธอไม่ยอมแน่ ๆ ถ้าต้องไปกินข้าวโดยมียัยหนูตาหวานนี่เป็นกว้างขวางคอเธอ
“แก้ว..”
“ฉันไม่ไป คุณเชิญไปกับคุณดาหวันเถอะค่ะ ฉันมันหมดประโยชน์แล้วนี่” แล้วแก้วกัลยาก็เดินลงจากตึกวีนัส ปากพร่ำบ่นตลอดทาง สาปส่งดารินทิพย์ไปด้วย
“มาร มารความสุขของฉันจริง ๆ ฉันต้องใช้แผนแอปเปิ้ลอาบยาผิดเหมือนแม่มดไหมเนี่ยถึงจะกำจัดยัยหนูดาหวันได้ โธ่เว้ย!!!” แก้วกัลยาลงมาถึงพึ่งนึกได้ว่าเธอไล่มงกุฎกลับไปแล้ว เพราะมโนว่าหลังจบการแถลงข่าว เธอจะไปกินดินเนอร์กับเพทาย แล้วให้เขาไปส่ง แต่นี่อะไร ยัยนี่หนูนั่นทำเธอพัง แถมเธอต้องมานั่งโบกรถกลับบ้านเนี่ยนะ เจริญเถอะ
“พายุมา” เสียงคุณมงกุฎดังขึ้น บรรดาพนักงานหลบหลีกหนีกันทันทีเมื่อเห็นพายุที่ตั้งเคล้ามาแต่ไกล มงกุฎเองก็รับไปหาที่ซ่อนเวลาแก้วกัลยาหงุดหงิดจะฟาดงวงฟาดงาไปทั่ว คนที่จะรับมือได้ต้องเป็นภัยพิบัติเหมือนกันเท่านั้น นั่นก็คือบรรดาสี่พี่น้อง ดังนั้นหลบดีที่สุด แต่เหมือนจะไม่พ้น
“จะไปไหนคุณมงกุฎ!!!” มงกุฎทำหน้าเหมือนจะร้องไห้และหันหลังกลับไปมอง
“คุณแก้วกลับมาเร็วจัง”
“เร็วสิ กรี๊ด!!!!” แก้วกัลยาส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นสปา บรรดาแขกพากันวิ่งหรูออกมา พนักงานพากันขอโทษขอโพยขอพาย แก้วกัลยาวิ่งไปที่ด้านหลังสปาเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่งภายในห้องโล่ง ๆ มีอุปกรณ์ระบายความโกรธนานาชนิด แก้วกัลยาเดินไปที่จานที่ตั้งสูง ก่อนจะ
เพล้ง!!!
มงกุฎเอามืออุดหู และรีบปิดประตูทันที มหกรรมปาจานเริ่มขึ้น ห้องระบายความโกรธห้องนี้เป็นห้องที่สร้างขึ้นเฉพาะสี่พี่น้อง เวลาหงุดหงิดก็จะมาลงที่ห้องนี้ ซึ่งแขกประจำมีอยู่สองคนนั้นคือแก้วกัลยา และรักจิรา เพราะขวัญชีวันกับวันวิวาห์จะสามารถควบคุมอารมณ์ตวเองได้ไม่ให้พุ่งพ่านแปรปรวน ดังนั้นวันวิวาห์จึงเป็นพายุน้ำแข็งไงล่ะ มงกุฎยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง ไม่รุ้ผ่านไปนานแค่ไหน แต่รู้อย่างเดียวว่าหลังจากเสียงจานเงียบหายไป เสียงที่ดังแปรเปลี่ยนเป็นเสียง
ฉึก
“ผมมาหาคุณแก้ว พนักงานบอกให้ผมมาที่นี่” มงกุฎหันไปมอง และทำสีหน้าตกใจที่เห็นเขา
“มาหาคุณแก้วหรอคะ เอ่อ...มั่นใจว่าจะหยุดเฮอริเคนได้” เขาขมวดคิ้ว
“เอาอย่างนี้นะคะ ถ้าไม่อยากโดยลูกหลงก็อย่าเข้าไป แต่ถ้าคุณเตรียมใจไว้แล้ว เชิญค่ะ” มงกุฎหลักทางให้ เพทายเดินไปจับลูกปิดประตูและเปิดออก พลันมีดเล่มหนึ่งก็ลอยเฉียดหน้าเขาไป และปักที่ต้นไม้ด้านนอก มงกุฎที่รู้ทิศทางลมเบี่ยงตัวหนีออกจากประตูทัน แก้วกัลยามวยไม่เป็น แต่ปามีดเธอแม่นมาก นี่คือสิ่งที่ยังไม่ได้เตือนเพทาย
“มาทำไม” เพทายสำรวจห้องที่มีเศษจานกระเบื้องแตกละเอียดกระจายไปทั่วห้อง ที่กลางผนังห้องฝั่งตรงข้ามมีเป้าหนังปักอยู่อันหนึ่ง ที่กลางเป้ามีรูปของดารินทิพย์ติดไว้ และมีดหลานอันที่คิดว่าแก้วกัลยาเป็นคนปาปักอยู่ที่รูปแทบจะสิบเล่มได้
“โมโหแล้วพาลใส่โน่นนี่มันดูไม่น่ารักเลยนะครับ” เขาพูดเสียงนิ่มลง
“ถ้ารับได้ก็อยู่ รับไม่ได้ก็ไปสิ” แก้วกัลยาพลั่งปากพูดออกไปเพราะยังหงุดหงิด
“แน่นะ งั้นผมไป”
“คุณเพชร” แก้วกัลยาวิ่งไปเกาะแขนขวาเขาไว้ทันที พลางทำหน้ามุ่ยใส่
“คุณช่วยง้อฉันหน่อยไม่ได้หรือไงล่ะ ปุปปับมาปุปปับไป แล้วนี่คุณไม่ได้ไปกินข้าวกับยัยหนูตาหวานั่นหรอคะ” แก้วกัลยาถามเสียงประชด เพทายแกะมือปลาหมึกนั่นออก ซึ่งเธอก็ยอมเดินออกไปและปาเป้าต่อ โดยเปลี่ยนตำแหน่งเป้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามมุมห้อง ซึ่งเธอแม่นมาก ปาทีหนึ่งก็ปักทีหนึ่ง ทั้งที่มีแขนอยู่ข้างเดียวแต่แก้วกัลยากับปาได้อย่างคล่องแคล่งจนปิดสังเกต
“ผมไม่ได้บอกสักนิดเลยนะว่าจะไป อยู่ ๆ คุณก็เดินออกมาเอง” เขาตอบ แก้วกัลยาหันไปมองหน้าเขา
“หมายความว่าไงคะ”
“ก็ผมสัญญากับคุณไว้ว่าผมจะดูแลคุณจนกว่าร่างกายคุณจะกลับมาครบสามสิบสอง แล้วอีกอย่างคุณช่วยผม ผมตอบแทนคุณมันก็ถูกแล้ว” แก้วกัลยาหันมามองเขาด้วยแววตาแปลกกว่าทุกครั้ง
“ถ้าไม่นับเรื่องสัญญาบังคับ ไม่นับเรื่องบุญคุณถ้าฉันชวนคุณ ๆ ก็คงไม่ออกมาสินะคะ” เขามองเห็นแววตาน้อยใจฉายออกมา ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงจะเมินและเดินหนี แต่เพราะเธอกลายเป็นผู้มีพระคุณ เป็นคนที่เขาไว้ใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว เขาจึงไม่ปล่อยผ่าน
“ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงใช่” แก้วกัลยายิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที “แต่ตอนนี้คุณเป็นเพื่อนผม ผมก็ต้องไปอยู่แล้วถ้าคุณชวน” ใบหน้าห่อเหี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง
“โห คุณเพชรอ่ะจะให้ฉันยิ้มค้างอีกห้านาทีไม่ได้หรือไงกัน เพื่อนก็เพื่อน แต่อาทิตย์หน้าขอเป็นตำแหน่งอื่นนะคะที่รัก” แก้วกัลยาเอ่ย เดินไปหยิบรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้ แต่เพทายกลับจับมือเธอไว้ แก้วกัลยาหันมามองและยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ไม่ต้องยิ้ม ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดอยู่แน่ ๆ ผมแค่จะบอกว่าเดินเท้าเปล่าเข้าไป ผมกลัวคุณจะโดนเศษจานพวกนั้นบาด เดี๋ยวผมเข้าไปหยิบเอง” แล้วเขาก็เดินไปหยิบรองเท้าที่วางอยู่ริม ๆ ห้อง แล้ววางลงตรงหน้า
“ต้องให้ผมใส่ให้ไหม”
“ถ้าคุณกล้าทำ” แก้วกัลยาพูดเล่น แต่เขากลับทำจริง จับข้อเท้าเธอเบา ๆ และค่อย ๆ บรรจงจับเท้าเธอใส่ลงไปในรองเท้าส้นสูงสีน้ำเงิน แก้วกัลยายืนนิ่งอึ้ง ในขณะที่มงกุฎที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นอกประตูก็อึ้งเช่นกัน ไม่คิดว่านักธุรกิจคนดังแบบเขาจะกล้าทำ
“เสร็จแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้น มองดวงตาของเธอที่มองเขาเหมือนตกใจ
“คุณทำอะไรน่ะ”
“ช่วยคุณใส่รองเท้าไง” เขาอยากจะหัวเราะกับใบหน้าอึ้ง ๆ ที่ดูเหรอหราของเธอเหลือเกิน
“ฉันรู้ แต่ฉันพูดเล่นคุณไม่ต้องทำก็ได้”
“ผมต้องดูแลคุณ ไปได้แล้วจะไปกินข้าวไม่ใช่หรอ วันนี้ผมว่างยาวก่อนจะต้องเริ่มงาน” แก้วกัลยายิ้มและโผเข้ากอดเขา เปลี่ยนสลับเป็นเพทายที่ตกใจ โชคดีที่เขาตั้งตัวให้ทัน แก้วกัลยาซบหน้าลงที่อกของเขา เขารู้สึกได้มามันเสื้อของเขาเริ่มชื้น
“คุณเป็นอะไร” แก้วกัลยาส่ายหน้า นานแล้วที่ไม่มีผู้ชายคนไหนทำแบบนี้ให้เธอด้วยท่าทีอ่อนโยนแบบนี้ คนสุดท้ายก็พ่อของเธอ แต่เขากลับทำให้เธออยากไม่กลัวเสียภาพพจน์ พอเห็นแบบนี้แล้วอยู่ ๆ ก็คิดถึงพ่อของเธอที่เสียชีวิตไป แก้วกัลยายังไม่ต้องการให้เขารู้ว่าเธอร้องไห้ เธอกลัวเสียภาพพจน์มารร้ายอสรพิษ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าแก้ว”
“คุณยิ่งทำแบบนี้ฉันก็ยิ่งหลงรักคุณ คุณจะทำให้ฉันตกหลุมรักคุณอีกกี่ครั้งกันนะ ไม่รู้แหละฉันจองคุณแล้ว ยัยน้องหนูตาหวานนั่นฉันก็ไม่ยกให้” เพทายยิ้มมองท่าทีของผู้หญิงที่ร้องไห้แต่ไม่ยอมให้เขาเห็น มงกุฎที่ยืนอยู่หน้าประตูแอบยิ้มและเดินออกไปทิ้งให้เจ้านายที่ปกติเป็นแมวป่าเจ้าอารมณ์ได้มีท่าทีเหมือนแมวขี้อ้อนบ้าง
“ตกลงว่าจะไปกินข้าวหรือยัง”
“ตอนนี้ขอกินคุณแทนก่อนได้ไหมล่ะคะ คุณน่ากินกว่าข่าวอีก” แก้วกัลยาเอ่ย และเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่คิดว่าจะเปียกชื้นกลับเช็ดถูที่เสื้อเขาจนแห้ง เครื่องสำอางที่กันน้ำอย่างดีไม่ได้ทำให้ใบหน้าเธอเละ เพียงแต่จางลงเล็กน้อย ดวงตาคมสวยมองเพทายอย่างเป็นประกาย และอยากจะหัวเราะออกมา เมื่อเพทายหลบตาเธอ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง แม้จะไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนหน้าเขา แต่เธอก็ชอบเหลือเกิน
“คุณนี่เป็นผู้ชายที่หลอกคนไม่เก่งเลยนะคะ ไปเถอะค่ะฉันหิวแล้ว” แต่เพทายไม่ยอมเดินไปตามแรงดึง แก้วกัลยาเหมือนนึกออกก็หันไปมองหน้าเขาและเอ่ยต่อ
“ฉันหัวข้าวค่ะ ส่วนกินคุณคงต้องรอก่อน เอาไว้ฉันหิวมาก ๆ ค่อยว่ากัน ไปเร็วค่ะ ช้าฉันเปลี่ยนใจนะ” เพทายรีบเดินนำหน้าไปทันที โดยที่แก้วกัลยาจับมือและเดินตามไปที่รถ
“ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ นักข่าวไปอยู่ในงานนั้นได้ยังไง” ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานนั่งอยู่บนโซฟามองโทรทัศน์ช่อง วีนัส มีเดียที่กำลังถ่ายทอดสดการแถลงข่าวที่พึ่งจบไป ใบหน้าที่แม้มีริ้วรอยแห่งกาลเวลาแต่ก็ยังมีเค้าโครงความหล่อในอดีตดูเกรี้ยวกราดขึ้น
“ถ้าไม่มีนังนั่นช่วย แผนเราก็ไม่พังหรอก”
“ใคร”
“ก็นังแก้วกัลยา ยัยไฮโซหน้าใหม่นั่นไงล่ะ”
“แค่มันคนเดียวเนี่ยนะ”
“ใช่นังนั่นคนเดียว มีเส้นสายกว้างขวาง มันโทรกริ๊วเดียวมันหานักข่าวมาเต็มไปหมด ทางที่ดีถ้าอยากจะให้วีนัสล่มจม ต้องจัดการนังนั่นไม่ให้มายุ่งก่อน”
“ก็ดี ดูสิทีนี้ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างไอ้เพชรมันจะทำยังไง ปากดี ทำอวดเก่งกับฉัน ถ้าไม่มีมันสักคนทีเอ็มของฉันก็คงไม่เป็นอย่างนี้”
“จะทำอะไรก็ทำ ก่อนจะไม่ได้ทำ” ผู้หญิงหุ่นสูงโปร่ง ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีจัดจ้าน เรือนผมสั้นตัดเป็นบ๊อบเทเก๊ไก๋ ชุดเดรสเกาะอกสั่นขับเน้นผิวขาวผ่องของเธอให้ขาวขึ้น และยังโชว์เรียวขาที่สวยยิ่งกว่านางแบบ ใบหน้าสวยยิ่งยโสมีประกายความแค้นออกมา ตวัดสายตาหนุ่มที่อายุมากกว่าด้วยดวงตาสมเพชและเดินออกจากห้องไป
....ติดตามตอนต่อไป...

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ค. 2557, 19:30:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ค. 2557, 20:36:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 1876
<< 16 เป็นข่าว (ฉาว) อีกแล้ว | 18 แขกผู้มาเยือน >> |

พลอยจำปา 8 ก.ค. 2557, 20:34:42 น.
ชอบคู่แก้วอ่ะ
ชอบคู่แก้วอ่ะ

จ๊ะจ๋า 8 ก.ค. 2557, 21:05:24 น.
คู่หลักของเรื่องคือแก้ว ส่วนคู่ขวัญเป็นตัวประกอบ ไม่มีบทเลย
คู่หลักของเรื่องคือแก้ว ส่วนคู่ขวัญเป็นตัวประกอบ ไม่มีบทเลย

yimyum 8 ก.ค. 2557, 22:07:39 น.
อ้าวๆๆ ร่วงๆๆๆ แก้วจะร่วงไหมเนี่ย จากคาน 555
อ้าวๆๆ ร่วงๆๆๆ แก้วจะร่วงไหมเนี่ย จากคาน 555