แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 18 แขกผู้มาเยือน


สวัสดีค่ะ ไรเตอร์หายไปเสียหลายวัน พึ่งว่างรวมถึงพึ่งผ่านวิกฤตมา
วันนี้แวะนำนิยายมาฝาก ฝากติดตาม และคอมเม้นส์ด้วยนะคะ

18
แขกผู้มาเยือน

ขวัญชีวันนั่งมองคลื่นทะเลที่ซาดซัดใส่ชายฟังด้วยท่าทีที่เหม่อลอยออกไปไกล แม้คนที่นี่จะไม่ได้เลวร้ายกับเธอ แต่เธออยากกลับบ้านเธอคิดถึงบ้าน คิดถึงรักจิรา แก้วกัลยา ขวัญชีวัน อยากกลับไปเจอหน้าลูกพี่ลูกน้องทั้งสามของเธอ เธอเพียรพยายามติดต่อหารักจิรา แต่ดูเหมือนช่วงนี้รักจิราจะยุ่งมีเวลาคุยกันนิดเดียวก็วางไป เธออยากโทรไปหาวันวิวาห์ และแก้วกัลยาก็กลัวโกหกไม่เนียนแล้วโดนจับได้ เวลานี้เธอไม่รู้จะคุยกลับใคร ตั้งแต่ที่ทิมมาคุยกับเธอวันนั้นเธอก็ไม่เคยพบหน้ากับวาทินตรง ๆ อีกเลย เธออาจไม่เข้าใจเรื่องความรักดีเท่าใครต่อใคร แต่เธอรู้ตัวเองดี ว่าตอนนี้เธอปลื้ม และรู้สึกดีกับวาทินมากแค่ไหน และความรู้สึกพวกนี้เมื่อมันก่อตัวขึ้นแล้วมันพร้อมจะแปรเปลี่ยนไปได้ทุกเมื่อ เธอไม่พร้อมจะรักใครโดยเฉพาะเขา เมื่อมีคำเตือนเธอก็ควรจะเลือกฟัง ขวัญชีวันลุกขึ้นยืนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าได้น้องอีฟน่าจะทานข้าวกับวาทินเสร็จแล้ว จึงลุกขึ้นเดินเข้าไปภายในบ้าน และกำลังจะเดินไปที่ห้องทานอาหาร แต่กลับได้ยินการเคลื่อนไหวจากด้านบนห้อง ขวัญชีวันขยับหลบโดนอัตโนมัติ เสียงของคู่สนทนาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

“เรื่องของที่หายตามเจอหรือยัง” ขวัญชีวันทำตาโตอย่างสนใจเมื่อเขากำลังพูดถึงของที่หายไป เธออยู่มาจะครบเดือนแล้วยังไม่รู้เลยว่าอะไรกันที่หายไป

“ยังครับนาย คนของเราที่จับตาดูพวกคุณลูคัส กับคุณโจชัว แจ้งมาว่าทางนั้นดูเงียบมาก ถ้าได้ของไปแล้วไม่น่าจะเงียบแบบนี้นะครับนาย สถานการณ์มันเงียบจนน่าแปลก”

“เป็นไปได้สองอย่างถ้าพวกนั้นไม่ได้ของไป ก็คงทำหาย หรือไม่ก็โดนแย่งไปอีกทีหนึ่ง”

“แต่พวกนั้นก็ไม่น่าจะเงียบแบบนี้นะครับ อย่างน้อยถ้าหายน่าจะมีท่าทีตื่นตัวกว่านี้” ทิมเอ่ย

“ก็จริง สถานการณ์แบบนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก ทิมนายติดต่อหาอเล็กด้วยบอกว่าหมดเวลาพักร้อนแล้ว อีกสามวันให้เขามาที่ไทย ถ้าไม่มาก็บอกว่าฉันจะไล่ออก”

“ครับนาย” ทิมรับคำสั่ง

“ส่วนนายไปดูทางอิตาลีแทนฉัน ทางนี้ให้อเล็กกับคิมอยู่ก็พอ”

“แต่นายครับ...”

“ฉันดูแลตัวเองได้ ทางนี้มีคิมกับอเล็กก็น่าจะหายห่วง นายไปที่โน่นจัดการเคลียร์งานให้ฉันสักระยะ หลังวันประชุมผู้ถือหุ้นครั้งหน้า ฉันจะตามขึ้นไปที่อิตาลี” เมื่อสั่งงานทิมเสร็จคิมหันต์ก็เดินเข้ามาด้านใน ใบหน้ายังคงนิ่งสุภาพเช่นเคย

“นายครับ คนของเราส่งข่าวมาว่า โจชัวกับลูคัสกำลังจะมาที่เกาะครับ ผมว่าไม่น่าไว้ใจเลยนะครับ เราจะสกัดไว้ไม่ให้เข้ามาไหมครับ” คิมหันต์มีสีหน้าไม่สบายใจ เขารู้ว่าคนพวกนั้นคิดอะไรอยู่ที่มาที่นี่เพราะอะไร และเขาก็รู้ว่าคนอย่างวาทินก็คงไม่โง่พอไม่รู้

“พวกเขาอยากมาก็ให้มา”

“ครั้งก่อนมายังไม่มีการบอก ครั้งนี้มาอยู่ ๆ ก็บอก ผมว่ามันแปลก ๆ นะครับ บางทีพวกเขาอาจมีลูกไม้อะไรกับเราก็ได้นะครับนาย” ทิมออกความคิดเห็น วาทินหันมองคิมหันต์และเอ่ย

“พูดมาต่อสิคิม นายยังไม่ไม่จบไม่ใช่หรอ” คิมหันต์พยักหน้า

“ทั้งสองแจ้งว่าคนต้องการพักที่นี่ครับ” วาทินยังคงท่าทีสงบนิ่ง และพยักหน้ารับ

“ให้คนจัดห้องรับรองที่บ้านพักตะวันออกกับตะวันตกให้สองคนนั้น พวกเขาอยากทำอะไรก็ให้ทำ แต่อย่าให้มายุ่มย่ามที่บ้านใหญ่ก็พอ”

“จะดีหรอครับนาย บางทีพวกนั้นอาจจะ...”

“ดีสิ พวกเขาอยากอยู่ก็ให้พวกเขาอยู่ แต่อย่าให้คนของพวกเขาก้าวเข้ามาในเขตบ้านพักใหญ่นี่ก็พอ ถ้าก้าวเข้ามาก็จัดการตามความเหมาะสมได้เลย สั่งให้คนคุ้มกันน้องอีฟกับพี่เลี้ยงของเค้าให้มากขึ้น แล้วก็ขอเตือนนะ ถ้าเธออยากจะมีชีวิตอยู่ก็อย่าไปยุ่มย่าม หรือเข้าใกล้เขตบ้านพักตะวันออก กับบ้านพักตะวันตก คนที่นั่นไม่เหมือนที่นี่หรอกนะ ..ขวัญชีวัน...” แล้วเขาก็เดินออกไปพร้อมกับมือขวาและมือซ้าย ขวัญชีวันที่หลบอยู่มุมเสาหน้าถอดสี เขาฉลาดเกินไป เธอลืมไปได้อย่างไรว่าเขาเป็นมาเฟีย หูตาของเขาไว้อยู่แล้ว



ช่วงบ่ายขวัญชีวันเริ่มเห็นกลุ่มการมาของแขกที่ดูน่าจะไม่ได้รับเชิญทั้งสองกลุ่ม ขวัญชีวันไม่เห็นหัวหน้าของคนสองกลุ่ม แต่พอจะเห็นบอดี้การ์ดของคนทั้งสองกลุ่ม ไม่สิ ตอนนี้มีสามกลุ่มรวมคนของวาทินไปด้วย ซึ่งลูกน้องของทั้งสามกลุ่มแบ่งแยกกันออกด้วยการทำงานที่คุ้นเคย แต่ยังมีอีกสิ่งที่แยกพวกเขาออกจากกันนั่นก็คือเข็มกลัดที่กลัดติดอยู่ที่อกซ้ายของแต่ละคน ซุ่ม V.K. เป็นกลุ่มของวาทิน L.K. เป็นกลุ่มของลูคัส และ J.K. เป็นกลุ่มของโจชัว ซึ่งขวัญชีวันก็ไม่ได้ออกจากตัวบ้าน เพราะรู้ได้จากสัญชาติญาณที่มองเห็นว่าคนพวกนั้นอันตรายกว่าพวกของวาทินแน่นอน

“พี่ขวัญค่ะทำไมวันนี้มีคนเต็มไปหมดเลย” น้องอีฟที่วิ่งเล่นอยู่ลานหน้าบ้านถามขึ้น ในอ้อมแขนของน้องอีฟกำลังอุ้มลูกหมาขนสีทองพันธ์โกลเด้นท์รีทรีฟเวอร์ที่น้องอีฟไปอ้อนขอวาทินจนได้มา แต่แลกกับคำสัญญาว่าจะดูแลมันให้ดี ซึ่งขวัญชีวันก็ช่วยรับรองว่าจะดูแลมันให้ดี พอได้ยินคำรับรองจากเธอเขาทำท่าจะเปลี่ยนใจ แต่เบนกับดีโน่ช่วยกันยืนยันอีกที เขาจึงยอมอนุญาต

“น้องอีฟคะอุ้มมันอย่างนั้นมันจะตายเอานะคะ ปล่อยมันลงดี ๆ สิคะ วันนี้คุณวาทินมีแขก น้องอีฟก็ห้ามซน คุณพ่อของน้องอีฟไม่อนุญาตให้พวกเราออกจากเขตตัวบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงเจ้าหมูตุ๋นด้วย” น้องอีฟวางลูกหมาตัวน้อยลงและเงยหน้าขึ้นถามอย่างสนใจ

“แขกคุณพ่อใครคะ”

“พี่ก็ไม่รู้ เห็นว่าชื่อคุณ...ลูคัส กับ...คุณ...โจชัว” ขวัญชีวันทำหน้านึกและพูดออกมา

“ลุงลูคัส กับน้าโจชัวมาทำไมคะ” ใบหน้าของน้องอีฟดูจะดีใจมาก

“น้องอีฟรู้จักแขกสองคนนี้หรอคะ”

“รู้สิคะ ก็ลุงลูคัสเป็นพี่ชายของคุณพ่อ ส่วนน้าโจชัวเป็นน้องชายของคุณพ่อนี่คะ” ขวัญชีวันพยักหน้าเมื่อเริ่มได้รับความกระจ่างจากน้องอีฟ ที่แท้ก็เป็นพี่น้องกัน แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกถึงความอึมครึมแปลก ๆ ยังไม่ก็ไม่รู้

“แต่คุณพ่อดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบคุณลุงกับคุณน้า น้องอีฟก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่น้าโจชัวก็ใจดีกับน้องอีฟ ลุงลูคัสก็ชอบซื้อของเล่นมาฝาก แต่คุณพ่อพอเห็นทั้งสองคนก็ดูดุขึ้นจนน้องอีฟกลัว” ขวัญชีวันฟังสิ่งที่น้องอีฟพูดและมองไปที่บอดี้การ์ดคนสนิทของน้องอีฟ

“คุณโจชัวกับคุณลูคัสนี่เป็นพี่น้องแท้ ๆ กันไหมคะ”

“เอ่อ...เป็นลูกพี่ลูกน้องกันครับ คุณลูคัสเธอเป็นลูกชายของคุณอดัม ส่วนคุณโจชัวเป็นหลานชายของคุณโซเฟียภรรยาของคุณอดัมที่ขอมาเป็นลูกก่อนเธอจะเสียชีวิต คุณอดัมเธอก็นับคุณโจชัวเธอเป็นเหมือนลูกแท้ ๆ แต่คุณวาทินเป็นหลานชายของคุณอดัม”

“รวม ๆ แล้ว คุณวาทินกับคุณโจชัวก็เหมือนหลานชาย แต่คุณลูคัสนี่เป็นลูกแท้ ๆ เลยหรอคะ” ขวัญชีวันถามอย่างสนใจ

“ครับ แต่...”

“เบน” ดีโน่เอ่ยเตือนเบน ขวัญชีวันที่เข้าใจสถานการณ์ แม้เธอจะเป็นพี่เลี้ยงของน้องอีฟ แต่เธอก็เป็นคนนอก เขาไม่ควรจะเล่าอะไรให้คนนอกอย่างเธอฟัง

“ขอโทษนะคะที่ถามซอกแซก ฉันแค่สงสัย แต่ไม่ต้องบอกก็ได้ค่ะ ฉันเข้าใจ”

“พี่ขวัญหมูตุ๋นหายไปแล้ว” ขวัญชีวันมองไปรอบ ๆ เมื่อน้องอีฟร้องบอก บริเวณรอบ ๆ ไม่มีร่องรอยหรือวี่แววเจ้าหมูตุ๋น ใบหน้าของน้องอีฟเริ่มซีดเผือก

“คุณพ่อบอกว่าถ้าเกิดมันหลุดออกไปวิ่งเล่นตัวเดียว แล้วคุณพ่อเจอ คุณพ่อจะเอามันไปทำลูกชิ้นหมู น้องอีฟไม่อยากให้หมูตุ๋นเป็นลูกชิ้นนะคะพี่ขวัญ” ขวัญชีวันมองหน้าเบนกับดีโน่

“ลองช่วยกันหา มันอาจจะวิ่งอยู่แถว ๆ นี้ก็ได้ น้องอีฟเข้าไปรอในบ้านนะคะ เดี๋ยวพี่ เบน แล้วก็ดีโน่จะช่วยกันหา” น้องอีฟพยักหน้าอย่างเชื่อฟังวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ขวัญชีวันมองดีโน่และเบนและแยกเดินออกไป ขวัญชีวันก้มมองตามพุ่มไม้ เจ้าตัวเล็กของน้องอีฟมีนิสัยชอบมุดโน่นโผล่นี่

ผลัก

ตุ๊บ

“โอ้ย!!!” ขวัญชีวันสะดุดล้มลง หัวเข่าถลอกเลือดไหลซิบ ๆ ขวัญชีวันเบ้หน้า และบ่นถึงความซุ่มซ่ามตัวเองอยู่ในใจ จังหวะนั้นเองเท้าคู่หนึ่งก็เดินมาหยุดตรงหน้าขวัญชีวัน

“เจอกันอีกแล้วนะครับ” ขวัญชีวันเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที ใบหน้าสวยแสดงท่าทีตกใจขึ้นมาเล็กน้อย และงงกับผู้ชายหน้าตาหล่อสไตล์ยุโรปแท้ ๆ เขาเหมือนรูปปั้นเทพเจ้ากรีกที่สง่างามและหล่อเหลา น้ำเสียงทุ้มของเขาฟังดูทรงอำนาจและน่าฟัง แต่เธอจำไม่ได้ว่ารู้จักกับเขามาก่อน ภาษาที่เขาใช้ทักทายก็เป็นภาษาอังกฤษ เธอมั่นใจว่าไม่เคยมีเพื่อนเป็นคนต่างชาติ แล้วเธอรู้จักเขาได้ยังไง

“เอ่อ...เรารู้จักกันหรอคะ” ขวัญชีวันถามออกไปเป็นภาษาอังกฤษ เขายิ้ม

“จริงสินะวันนั้นคุณสลบไป วันนั้นเมื่อไม่กี่วันก่อนวันที่คุณโดนคนร้ายจับ ผมเป็นช่วยคุณไงครับ” ขวัญชีวันทำหน้านึกก่อนจะเริ่มจำได้ว่าเขาคือคนที่ปามีดเฉียดหน้าเธอไปนั่นเอง แต่เพราะเธอสลบไปแล้วก็ลืมไปว่ามีคนมาช่วยเธอ ตอนแรกเธอคิดว่าคงเป็นคนของวาทินเสียอีก

“ผมลูคัส คาเว่น ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งครับ คุณ...” ขวัญชีวันนิ่งเมื่อรู้ว่าเขาคือคนที่วาทินคาดว่าเป็นคนขโมยของ ๆ เขาไป ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มให้กับเธอ ขวัญชีวันมองมือเของเขาที่ยืนมาให้เธอ เธอกำลังทำหน้าลังเลไม่แน่ใจว่าจะยื่นมือไปดีไหม
“ถ้าลำบากใจไม่ต้องจับก็ได้นะครับ” ขวัญชีวันยอมยื่นมือเขาไปจับมือเขาอย่างไม่กล้าปฏิเสธ

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันขวัญชีวัน เอ่อ...เรียกขวัญก็ได้ค่ะ” ขวัญชีวันจะปลดมือออกแต่เขากลับจับมือเธอไว้ สุดท้ายขวัญชีวันก็ออกแรงสะบัด ลูคัสจึงยอมปล่อยออกเมื่อเห็นท่าทีของขวัญชีวัน

“ฉันขอตัวนะคะ” ขวัญชีวันทำท่าจะเดินไป

“คุณตามหาเจ้าหมาขนปุยสีทองอยู่ใช่ไหมครับ” ขวัญชีวันหันกลับไปมองเขา ลูคัสยิ้มส่งให้กับเธอเช่นเดิม รอยยิ้มเทพบุตรของเขาซ่อนเขี้ยวของซาตานเอาไว้

“คือ...”

“ผมจะพาไปเอา ผมคิดว่าลูกหมาหลงทาง กะว่าถ้าไม่มีเจ้าของไปรับคงจะเอาไปทำลูกชิ้น” ขวัญชีวันมองคำพูดของลูคัสที่เป็นคำพูดเดียวกับวาทิน สมกับเป็นพี่น้องกันจริง ๆ

“ว่าไงครับ”

“คุณเอามาให้ฉันตรงนี้ไม่ได้หรอคะ” ขวัญชีวันเอ่ย

“คงไม่ได้ เพราะผมไม่ชอบอุ้มสัตว์มีขนประเภทนี้เสียด้วย ถ้าคุณอยากได้ก็ไปรับมันที่บ้านพักของผม คุณไม่ต้องกลัวหรอกครับ ไอ้วาทินคงจะแอบเป่าหูคุณสินะครับ แต่ผมไม่ใช่คนร้าย อีกอย่างที่นี่ไม่ใช่ถิ่นผม ผมไม่ลงมือทำอะไรที่เป็นผลร้ายกับตัวเองแน่ ๆ ว่าไงครับ ถ้าไม่ มันจะกลายเป็นลูกชิ้น เพราะผมจะถือว่าไม่มีเจ้าของ” ขวัญชีวันถอนหายใจ

“ก็ได้ค่ะ” ขวัญชีวันที่ห่วงสวัสดิภาพของเจ้าหมาตัวเล็กจึงยอมเดินตามไป เมื่อเดินมาถึงบ้านพักตะวันออก

“ฉันจะรอข้างนอกนะคะ”

“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกครับ แต่จะคอยตรงนี้ก็ได้ แต่ผมขอเก็บค่าดูแลเจ้าตัวเล็กนั่นด้วยนะครับ” ขวัญชีวันทำท่าจะแย้งแต่คนของลูคัสก็อุ้มหมู่ตุ๋นออกมา แต่ไม่ยอมส่งมันคืนให้กับเธอ

“ทานข้าวกับผมสักมื้อนะครับ”

“แต่...ฉัน...”

“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ ไม่มีอะไรไปมากกว่าคุยและทานข้าว ถ้าคุณระแวงเรานั่งทานกันที่ลานนอกบ้าน พอทานเสร็จคุยจบผมจะปล่อยคุณกลับไป”

“ถ้าฉันไม่ตกลงล่ะคะ” ขวัญชีวันกลั้นใจถามทั้งที่ตอนนี้ระแวงมาก เพราะเธอรู้สึกได้ว่ามีสายตาหลายสิบคู่กำลังจับจ้องมองมาที่เธอจากมุมต่าง ๆ ของบ้านพักตะวันออก

“ผมชอบเจรจาแบบสันติ ผมจะเชิญคนทีผมต้องการคุยด้วยอย่างสุภาพ แต่ถ้าผมเชิญอย่างสุภาพแล้ว แต่คู่สนทนาไม่ยอม ผมจะมีวิธีที่บังคับแบบคาดไม่ถึงเชียวล่ะ ผมไม่ได้ขู่ แต่ผมจะถามอีกครั้งว่าจะรับคำเชิญผมไหม ตามจริงผมไม่จำเป็นต้องเชิญก็ได้ เพราะผมช่วยคุณการที่คุณจะตอบแทนผมด้วยการทานอาหารกลับผมสักมื้อจะเป็นไรไป” ขวัญชีวันมองผู้ชายที่เกิดมาไม่เคยพบ นี่เขาถึงกับทวงบุญคุณเธอเลยหรอ

“ก็ได้ค่ะ แต่ฉันต้องรีบกลับก่อนคุณวาทินจะกลับมา”

“นายวาทินคงสั่งคุณไม่ให้มายุ่งกับผม และคงจะพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับผม”

“คุณฆ่าคน”

“ผมทำผิดตรงไหน ผมช่วยคุณนะครับ ไม่เอาดีกว่าเราไปนั่งคุยกันที่โต๊ะดีกว่าครับ ผมให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว” แล้วเขาก็เดินนำเธอไปที่โต๊ะนั่งใต้ต้นไม้ที่มีอาหารวางจัดเตรียมไว้ ขวัญชีวันนั่งลงแต่ยังไม่จับต้องอาหาร รักจิราชอบเตือนเธอบ่อย ๆ ว่าอย่ากินอาหารของคนแปลกหน้าและคนที่ไม่น่าไว้ใจ เพราะในอาหารอาจมียานอนหลับ ยาพิษ หรือยาที่ไม่ดีต่อตัวเราอยู่ก็ได้ เธอท่องจำจนขึ้นใจแล้ว

“ทานสิครับ ผมให้แม่ครัวทำอาหารไทย แต่ผมไม่ชอบทานเผ็ดหวังว่าคุณจะกินได้” ขวัญชีวันจับช้อนและไม่ตักอาหารเช่นเดิม และมองหน้าเขาเหมือนอยากให้เขาพูดเรื่องที่เขาต้องการออกมาเสียที

“คือ...ฉัน...ฉันว่าเราคุยธุระกันเลยดีกว่านะคะ ฉันต้องรับกลับบ้านใหญ่” เขามองผู้หญิงที่หน้าตาซื่อ แต่เธอก็ไม่ใช่คนโง่รู้จักระวังตัวเมื่อรู้ถึงอันตราย

“คุณเป็นอะไรกลับไอ้วาทิน” เขาถามออกไปตรง ๆ อย่างไม่รีรออีกเมื่อรู้ว่าสวาตรงหน้าเองก็ต้องการสิ่งที่ตรงประเด็น และสรรพนามที่เขาเรียกใช้กับวาทินก็เปลี่ยนไปด้วย

“ฉันคิดว่าคุณก็น่าจะรู้ว่าฉันเป็นลูกหนี้ของคุณวาทิน” ขวัญชีวันเอ่ย เธอพูดถูกว่าเขารู้ ตั้งแต่วันที่เขาไปช่วยขวัญชีวันในวันนั้นเขาก็ให้คนตามสืบประวัติของขวัญชีวันรวมถึงสืบว่าทำไมขวัญชีวันถึงเป็นผู้ดูแลน้องอีฟ

“แค่ลูกหนี้ สองล้าน มันไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของไอ้วาทินมันล่วงหรอก เรื่องเงินหยุมหยิมที่ดูไม่น่าจะเกี่ยวกับคุณ คุณแน่ใจว่าไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น”

“ฉันว่าเรื่องที่คุณถามมันไม่น่าจะมีอะไร ฉันกับคุณวาทินก็แค่เจ้านายกับลูกจ้าง เจ้าหนี้กับลูกหนี้ ก็แค่นั้น ฉันคิดว่าฉันตอบกระจ่างแล้ว ขอตัวนะคะ แล้วก็ขอหมูตุ๋น...ลูกหมาคืนมาด้วยค่ะ”

“คุณขวัญบางทีไอ้วาทินมันอาจไม่คิด แต่คุณล่ะ ไม่อยากจะพูดแต่ต้องยอมรับ ไอ้หน้านิ่ง ๆ เย็น ๆ ของหมอนั่นเป็นเสน่ห์ดึงดูดผู้หญิงชั้นดีเลยล่ะ แล้วคุณล่ะอยู่กับมันมาตั้งหลายอาทิตย์แล้วจะไม่คิดอะไรเลยหรอ” ขวัญไม่มองหน้าเขาตอบ ผละตัวลุกขึ้น แต่ขากลับเกี่ยวขาเก้าอี้ล้มลง มือของขวัญชีวันคว้าตัวเก้าอี้จนมันล้มลงทับตัวเธอ

“คุณขวัญ!!!” ลูคัสลุกขึ้นเดินไปช่วย หยิบเก้าอี้กลับมาตั้งและพยุงตัวขวัญชีวันขึ้น เขามองสภาพของขวัญชีวันอยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก อยากจะสงสารแต่ก็ไม่รู้จะสงสารยังไง เก้าอี้มันก็วางของมันอยู่ดี ๆ ไม่รู้ว่าขวัญชีวันเดินยังไงไปสะดุดขามันไม่ได้ ถ้าเกิดไม่รู้ว่าเธอซุ่มซ่ามเขาคงคิดว่าเธอซื่อบื้อ เขามองสำรวจขาของเขาที่แม้จะล้มบนพื้นหญ้าไม่น่าจะมีแผลได้แต่กลับมีเลือดไหลอยู่ที่หัวเข่า เขาเดาว่าคงเป็นแผลที่ล้มครั้งแรก

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ผมว่าคุณเข้าไปทำแผลที่หัวเข่าหน่อยดีกว่า เลือดไหลขนาดนี้ผมก็ไม่ได้สังเกต ไปครับ ถ้าคุณกลับไปแบบนี้ไอ้วาทินจะหาว่าผมทำร้ายคุณเอาได้ ถ้าคุณไม่อยากเป็นปัญหาให้พวกผมทะเลาะกันก็เชื่อผม” ขวัญชีวันยอมเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย คนของลูคัสถือกล่องปฐมพยาบาลเข้ามา

“เดี๋ยวผมทำให้แล้วกัน” ลูคัสเอ่ยและนั่งลง ขวัญชีวันถดตัวถอยหนีทันที ผู้ชายพวกนี้ยังไงกัน เดี๋ยวก็วาทิน เดี๋ยวก็ลูคัส เธอโตแล้วนะ เธอทำแผลเป็นแต่พออ้าปากจะขัดเขาก็ส่งสายตาดุ ๆ มาให้กับเธอ ทำให้เธอไม่กล้าอ้าปากปฏิเสธ วาทินอาจจะปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่มาเฟีย แต่ผู้ชายตรงหน้าคงไม่มีทางปฏิเสว่าตัวเองไม่ใช่มาเฟีย

“ผมขอเตือนนะคนอย่างไอ้วาทินรักไม่ได้ ดูได้แต่ตาห้ามมีความรู้สึก ไม่อย่างนั้นคุณนั่นแหละจะเจ็บเอง มันไม่มีวันรักใคร นอกจาก....”

“ออกห่าง ๆ จากขวัญชีวัน” เสียงวาทินดังขึ้น เขาก้าวเข้ามาพร้อมกับทิมและคิมหันต์ ด้านหลังยังมีคนของเขาอีกเป็นโขยง มือของลูคัสที่กำลังทายาให้หยุดชะงัดเขามองสำลีในมือลงและลุกขึ้นหันไปมอง

“ฉันคุยธุระกับคุณขวัญยังไม่เสร็จ”

“ขอเตือนนายนะ ขวัญชีวันไม่เกี่ยวอะไร อย่าลากคนไม่เกี่ยวเข่ามายุ่ง คิมพาขวัญชีวันออกไป” คิมหันต์เดินเข้าไปพยุงร่างของขวัญชีวันและพาเดินออกไป ขวัญไม่วายหันไปมองผู้ชายสองคนที่กำลังจ้องหน้ากัน

“สองคนเขาไม่ถูกกันขนาดนั้นเลยหรอคะคุณคิม” ขวัญชีวันเอ่ยถาม

“ปัญหาทางธุรกิจของคนในตระกูล มันซับซ้อนมาก ผมก็อยากเล่าแต่ถ้าคุณวาทินไม่อนุญาต ผมคงเล่าให้ฟังไม่ได้ แล้วไปทำยังไงครับถึงได้แผลมาอีก ช่วงนี้ผมว่าคุณก็ดูเพลา ๆ ลงแล้ว คิดว่าคงจะเริ่มปรับตัวได้ ที่ไหนได้ออกห่างจากกลุ่มคนนิดเดียวเป็นแผลอีกจนได้”

“อุบัติเหตุนิดหน่อยเองค่ะ เอ่อ...จริงสิคะ หมูตุ๋นอยู่กับคนของคุณลูคัส”

“เดี๋ยวผมจะกลับไปเอาเอง คุณทำแผลเองได้ไหมครับ” ขวัญชีวันพยักหน้า และเดินเข้าไปนั่งในห้องครัว สถานที่ที่ขวัญชีวันชอบที่สุด อยู่แล้วสงบ เพราะที่นี่มีแต่ผู้ชาย ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเข้ามาในห้องครัวหรอก ขวัญชีวันเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่วางบนหลังตู้เย็น และเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำท่าจะทำแผล

“มันทำอะไรเธอหรือเปล่า” ขวัญชีวันที่มือถือสำลีเงยหน้าขึ้นมองวาทินที่เดินเข้ามา ขวัญชีวันส่ายหน้าเป็นพัลวัน เขาไม่ได้ทำอะไรเธอแม้แต่น้อย แผลที่ได้เธอทำตัวเองทั้งนั้น

“ฉันสะดุดล้มเองค่ะ...”

“ฉันเคยบอกแล้วว่าอย่าไปแถวบ้านพักตะวันออก หรือตะวันตก แล้วเธอไปที่นั่นทำไมขวัญชีวัน”

“ฉัน...คุณสัญญานะว่าจะไม่เอาหมูตุ๋นไปทำลูกชิ้น” เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาพูดไปเพราะต้องการขู่ต้องการให้ลูกสาวดูแลรับผิดชอบสิ่งที่ซื้อมาดี ๆ แต่ใครจะคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะพาลซื่อไปกับลูกสาวเขาด้วย

“คุณลูคัสเขาก็ดูไม่ได้เลวร้ายอะไรนะคะ”

“เธอยังไม่รู้จักมันดีพอขวัญชีวัน วันนี้มันต้องการแค่อยากรู้เรื่องเธอมันเลยใช้วิธีสุภาพชนกับเธอ แต่ถ้าวันดีคืนดีมันอยากฆ่าเธอขึ้นมามันไม่ใช่วิธีเชื้อเชิญแบบสุภาพชนหรอกนะ คนเลวก็เป็นคนเลววันยังค่ำ ไม่มีทางเป็นคนดีแน่ ๆ รู้ไว้นะขวัญชีวีน ไอ้เรื่องที่เธอต้องมาเป็นหนี้แบบนี้ ต้องมารับเคราะห์แบบนี้บางทีก็ฝีมือมันนั่นแหละ อย่ามาชมเชยมันให้ฉันได้ยินอีก” ขวัญชีวันก้มหน้าลง เธอแค่ออกความเห็นนิดเดียวไม่คิดว่าเขาจะโกรธขนาดนี้

“ฉันรู้เธออาจจะไม่ได้คิด แต่ขอเตือนเธอไว้ ถ้าเผื่อเธอคิด คนอย่างไอ้ลูคัสไม่มีทางรักใคร พิศวาสใคร อย่าคิดว่าที่มันทำดีกับเธอเป็นเพราะมันคิดอะไรเกินเลยกับเธอ อย่าเล่นกับไฟขวัญชีวัน คนอย่างมันไม่รักใครไปมากกว่าตัวเองหรอก” ขวัญชีวันอยากจะเถียงกลับเหลือเกินว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับลูคัสสักหน่อย เลือกเธอเธอไม่มีวันเข้าไปพัวพันกับชีวิตพวกเขาแน่ ๆ เธอไม่เข้าใจทำไมผู้ชายสองคนถึงต้องมาเตือนกันเรื่องเดียวกันแต่ต่างแค่เตือนห้ามกันคนละคน ก็ดีต่อไปนี้เธอควรจะอยู่ห่างเขาให้มากขึ้น รวมถึงลูคัสด้วย

“ถ้าคุณพูดเสร็จแล้ว ฉันขอตัวนะคะ” ขวัญชีวันกำลังจะเดินหนี

“เธอโกรธอะไรฉันหรือเปล่า” ก่อนที่ขวัญชีวันจะเดินออกไปวาทินก็ถามขึ้น

“ไม่นี่คะ” ขวัญชีวันหันมาตอบพยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ

“หรอ...ฉันรู้สึกว่าเธอกำลังหลบหน้าฉัน”

“หรอคะ...ไม่นี่คะ...ฉันขอตัวนะคะ” วาทินมองอย่างหงุดหงิดใจกับท่าทีเฉื่อยชาที่ไม่เหมือนขวัญชีวัน และไอ้หน้ารำคาญนั่นมันอะไร ก่อนจะได้ถามเธอก็เดินลิ่ว ๆ ออกไป

ตุบ!!!

“โอ๊ย!!!” วาทินก้าวเท้าตามเสียงร้องออกไปทันที ก่อนจะเห็นสภาพของขวัญชีวันที่ลื่นล้ม พื้นที่ขวัญชีวันนั่งทับนั้นเปียกเจิ่งนองไปด้วยน้ำ เขาคิดว่าคงเป็นน้องอีฟที่ทำน้ำหก แต่ยังไม่มีคนไม่เช็ดแล้วขวัญชีวันก็เดินไม่ระวังเดินไปเหยียบมันและลื่นจนล้มลงไปจับกบอย่างที่เห็น

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามและมองผู้หญิงที่น้ำคาคลอเหมือนจะร้องไห้

“แค่ลื่นนิดเดียวไม่เห็นต้องร้องเลย เธออายุยี่สิบแปดแล้วนะไม่ใช่แปดขวบ มาฉันช่วย” เขาเอ่ย ขวัญชีวันไม่ยอมส่งมือให้และก้มหน้าลงซ่อนดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา วาทินมองผู้หญิงที่นั่งก้มหน้า เขาไม่ชอบเอาเลยเวลาทำอะไรไม่ถูกก็ก้มหน้าหลบตาเขาแบบนี้ วาทินก้มลงไปพยุงตัวขวัญชีวันขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ขวัญชีวันรีบปัดมือเขาออกเหมือนโดนของร้อน

“ฉัน...ฉันขอตัวนะคะ” แล้วขวัญชีวันก็เดินหนีไป เขาเดาอารมณ์ผู้หญิงคนนี้ไม่ออก เมื่อกี๋ทำเหมือนจะร้องไห้ แต่อะไรพอจะช่วยกลับปัดเหมือนรังเกียจแล้วเดินหนีไปเฉยเลย เขาไม่เข้าใจสักนิด แล้วทำไมเขาต้องมานั่งใส่ใจด้วยว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นยังไง



....ติดตามตอนต่อไป....





พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ค. 2557, 18:55:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ค. 2557, 18:59:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1260





<< 17 ตกหลุมรักอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง   19 ความทรงจำหลังรูปภาพ >>
พลอยจำปา 18 ก.ค. 2557, 20:29:36 น.
คริ ๆ หนุ่มในสต็อกชี้เยอะเหลือเกิน ถ้าเลือกไม่ได้แบ่งมาบ้างก็ได้นะขวัญ


แว่นใส 19 ก.ค. 2557, 13:48:44 น.
เลือกใครดีนะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 26 ก.ค. 2557, 00:14:16 น.
รักเค้าแล้วววววอัดิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account