สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง
Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ
ตอน: ตอนที่ 20 แค่เธอ..
แค่เธอ...
ท่ามกลางแสงไฟสลัวที่สาดส่องของไฟทางสีส้ม กรณ์ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่มุมหนึ่งของประตูบ้านอย่างนิ่งงันเป็นเวลานาน นานพอที่พัชระที่กลับมาจากร้านอาหารริมทะเลของตนพร้อมของในมือพะรุงพะรังจะกลับมาเจอเข้าพอดี แล้วชายชราก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของชายหนุ่มอารมณ์ดีอย่างกรณ์ จนต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัยจนกรณ์ถึงกับสะดุ้ง
“ดึกแล้ว...มายืนทำอะไรตรงนี้ เจ้ากรณ์”
เสียงทรงพลังอันคุ้นเคยทำให้กรณ์ผละออกห่างจากประตูมายืนหน้าเซียวอยู่ต่อหน้า “อะ..ลุงพัช ผม...คือ ผมว่าจะมาดูเอรินว่าดีขึ้นรึยัง แต่มันดึกแล้วก็เลย..”
กรณ์อ้ำอึ้งตอบไม่ดังนัก สายตาแสดงความห่วงใยยังลอบมองเข้าไปในบ้านอยู่เป็นระยะโดยที่พัชระไม่ทันได้สังเกตเห็นเพราะไม่ค่อยได้เจอกรณ์ทำให้ชายชราอดไม่ได้ที่จะแย้งและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามประสา
“มาสิมา ลุงรู้ว่าเราเป็นห่วงเอรินขนาดไหน มีก็แต่เจ้าลูกลุงนี่แหละไม่รู้อยู่คนเดียวเนี่ย”
พัชระเอ่ยเย้ากรณ์ตามประสาทำเอาชายหนุ่มถึงกับหน้าแดงก่ำ“คุณลุงครับ คือผมไม่ได้..” กรณ์อึกอักจะตอบปฏิเสธ แต่พัชระตบบ่าชายหนุ่มอย่างให้กำลังใจก่อนจะชวนเข้าไปในบ้าน
“ยังไม่ห้าทุ่มเลยนี่ ลุงกำลังว่าจะเข้าไปดูเอรินพอดี ไปด้วยกันสิจะได้หายห่วง เออ..ว่าแต่โครงการของเราเป็นไงบ้างล่ะ ใกล้เสร็จรึยังลุงเอาใจช่วยอยู่นะ อ้อ..ลุงฝากเอรินด้วยล่ะถ้าเจ้าลูกคนนี้ไปอยู่กรุงเทพลุงคงเป็นห่วงน่าดู ดีที่มีกรณ์ไปด้วย ลุงถึงได้เบาใจ”
“ครับ คุณลุง ถ้าเอรินยังอยากจะไปกับผม ผมก็จะดูแลเค้าให้ดีที่สุด”
กรณ์อ้อมแอ้มตอบอย่างลืมตัว พัชระสะดุดกับคำพูดของหนุ่มอ่อนวัยกว่าไม่น้อย แต่ก็ไม่ทันได้คิดอะไรทั้งที่เหน็ดเหนื่อยจากการงานและเรื่องราวยุ่งยากที่ประดังประเดกันเข้ามา แต่ชายชราก็ยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กรณ์ได้แต่ยิ้มแหยจะเดินตามเข้าไปก็เป็นห่วงกลัวพัชระจะเจอชานนท์ จึงกระแอมไอเสียงดังเป็นสัญญาณให้คนในบ้านรู้ตัว
“เป็นอะไรล่ะเรา ไม่สบายเหรอ พักผ่อนเยอะๆสิ คนหนุ่มหักโหมทำงานได้ แต่ต้องรู้จักพักผ่อนหาความสุขใส่ตัวเองบ้างนะ”
พัชระตบไหล่กรณ์อย่างเป็นห่วงแกมพึงใจอยากจะได้หนุ่มข้างบ้านคนนี้มาเป็นลูกเขยนัก ติดที่เอรินไม่เคยรู้เลยว่ากรณ์รู้สึกอย่างไรกับตนเอง
“เอ่อ..ครับ ผมขอตัวไปพักก่อนดีกว่าครับลุง พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาหาดื้อมันอีกทีนึง” กรณ์ตัดบทพร้อมทั้งไหว้ลาอย่างสุภาพ เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเอรินในตอนนี้
“ก็ดีเหมือนกัน ไปพักไป พรุ่งนี้มากินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ ลุงจะให้ก๊อทำกุ้งแช่น้ำปลาของโปรดให้เราด้วย”
พัชระสั่งความก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ไม่ได้ใส่ใจกรณ์ที่ยังยืนเก้กังอย่างลังเลใจอยู่เป็นนาน แต่แทนที่ชายหนุ่มจะเดินกลับไปยังทิศทางบ้านของตน กลับเดินไปยังทิศทางตรงกันข้าม จุดมุ่งหมายคือบ้านต้นไม้ที่มีราเชลอยู่...
////////////////
พัชระเดินเข้ามาในตัวบ้านอย่างแปลกใจทันทีที่สายตาสบเข้ากับภรรยาที่ยืนลุกลี้ลุกลนสีหน้าซีดเซียวอยู่ตรงหน้าประตูที่ทะลุไปยังห้องของกระท่อมฝั่งสวนไม้หอม ดวงตาคมมองปราดไปรอบห้องโถงอย่างสงสัยเมื่อไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติจึงหันมาถามหาเอริน
“แม่..เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมหน้าซีดๆอย่างนั้นล่ะ ลูกเราเป็นยังไงบ้าง”
พัชระเดินเข้ามาหาภรรยาพร้อมทั้งจะเปิดประตูเข้าไปดูเอรินด้วยความเป็นห่วง แต่อติมารีบลนลานคว้ามือสามีมาจับไว้ก่อนจะพาตัวไปยืนขวางหน้าประตูห้องไว้พร้อมทั้งอ้อนเอาใจ
“พ่อจ๋า..ลูกเรานอนแล้วน๊า เราไปพักผ่อนกันเถอะนะจ้ะ แม่เหนื่อยพ่อนวดหลังให้แม่หน่อยนะ เสร็จแล้วแม่จะนวดเท้าให้พ่อด้วยดีมั๊ย”
สีหน้าออดอ้อนของภรรยาทำเอาพัชระหัวเราะออกมาเบาๆอย่างเอ็นดูไม่วายค่อน“แม่แปลกจริงๆด้วยนะพ่อว่า วันนี้จ๊ะจ๋าผิดปกติ แถมจะนวดเท้าให้ด้วย ว่าแต่ไม่ได้นวดให้ตั้งนานแล้วนะ นึกครึ้มอะไรขึ้นมา มีอะไรดีๆรึเปล่า” พัชระหยอกเย้าอย่างนึกแปลกใจ ทำเอาอติมาค้อนขวับ
“อื้อ คนเค้าอุตส่าห์เอาใจ ก็วันนี้เห็นพ่อเครียดๆ ตั้งแต่ก่อนลูกเป็นลมอีก แม่เป็นห่วงว่าพ่อจะกังวลเรื่องอาการของลูก แต่แกโตแล้วไม่ใช่เด็กเล็กๆเหมือนเมื่อก่อน คงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะพ่อ แต่ถ้าพ่อเครียดเรื่องงานจะเล่าให้แม่ฟังบ้าง แม่ก็..”
อติมายังพูดไม่ทันจบ พัชระรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีด้วยเกรงว่าภรรยาจะไม่สบายใจตามไปด้วย ทำเอาอติมาได้แต่มองอย่างเคลือบแคลงสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามต่อ
“ไม่มีอะไรนี่ พ่อก็เครียดอย่างนี้ทุกวันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะเดี๋ยวพ่อนวดให้”
พัชระโอบไหล่อติมาเดินกลับห้องไปด้วยกันอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะเดินลับสายตาไป ด้วยความเป็นห่วงก็ยังไม่วายเหลือบตามองประตูห้องลูกสาวและประตูห้องว่าที่ลูกเขยที่บังเอิญอยู่ติดกันด้วยใจเต้นระทึก เมื่อครู่นึกจะห้ามไว้ก็ไม่ทันคิด ได้แต่จำใจต้องเดินตามพัชระกลับห้องไปด้วยหัวใจเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวยิ่งนัก
ภายในห้องพักรับรองแขกตกแต่งสไตล์แอนทีคค่อนข้างเก่าตามสภาพ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดนอกจากโทรทัศน์รุ่นกลางเก่ากลางใหม่และตู้เย็นขนาดเล็กรุ่นโบราณตั้งเด่นอยู่ในห้องที่ประดับประดาไปด้วยภาพเขียนโบราณ
ชานนท์กักกันเอรินไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างอยู่ริมผนังข้างประตูด้วยหัวใจเต้นระทึก เอรินถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าบิดาและมารดาที่ไกลห่างออกไปเรื่อยๆ หญิงสาวผลักอกคนเบียดเสียดร่างน้อยของตนออกห่างอย่างหงุดหงิดทันที
“จะบ้าแล้วคุณเนี่ย แทนที่จะเข้าห้องใครห้องมัน นี่มันเรื่องอะไรลากฉันเข้ามาในห้องนี้ด้วยเล่า เกิดพ่อเปิดมาเจอรับรองคุณตายแน่”
เอรินสบถอย่างหงุดหงิด สีหน้าเครียดมีแววตื่นตระหนก ชานนท์เห็นดังนั้นจึงได้แต่รับผิดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
“โทษที เอริน ฉันลืมตัวปกติเราตัวติดกันเป็นตังเม ฉันนอนกอดเธออยู่ทุกคืนจนเป็นความเคยชินของฉันไปแล้ว” เอรินได้ฟังถึงกับหน้าแดงก่ำก่อนจะตีเพียะที่แขนล่ำเข้าให้
“บ้า...คุณมันบ้า..อยากให้ฉันหัวใจวายตายก่อนรึไง อ๊ะ”
ชานนท์ไม่ปล่อยให้เอรินค่อนขอดนานนัก ชายหนุ่มประทับจูบลงบนริมฝีปากบางอย่างโหยหา เอรินไม่ทันตั้งตัวถึงกับยืนนิ่งให้ชายหนุ่มรุกล้ำอย่างเคลิ้มสัมผัสเช่นกัน นานจนพอใจชานนท์ผละจูบจากริมฝีปากชมพูระเรื่อด้วยความเสียดาย ก่อนจะกอดสาวน้อยแสนรักแนบแน่น อ้อมกอดอบอุ่นของชานนท์ทำเอาเอรินเคลิ้มเหมือนจะลอยได้ ทั้งสองตระกองกอดกันอยู่เนิ่นนานจนเอรินรู้สึกตัวจะผละออกห่างจากชานนท์แต่เขากลับกอดรัดแน่นเข้าไปอีก
“ฉันไม่เข้าใจเลยเอริน”
คำพูดเปรยของคนที่กอดรัดหล่อนแน่นจนรู้สึกเจ็บ เอรินได้แต่แนบใบหน้าเข้าหาไหล่กว้างของเขาอย่างอุ่นใจลืมความเจ็บไปชั่วขณะ แต่ก็อดนึกสงสัยคำพูดของเขาอยู่ครามครัน “ไม่เข้าใจเรื่องอะไรคะ”
“ไม่เข้าใจตัวเองน่ะ ไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะรักเธอได้มากถึงขนาดนี้ เมื่อก่อนฉันคิดว่ารักมินมากจนต้องลงสนามแย่งชิงกับนายโอม แต่พอแพ้ฉันกลับอยู่มาได้อย่างไม่เจ็บปวดมากนัก”
ชานนท์หยุดความคิดไว้ชั่วครู่ นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา โดยมีเอรินรอฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ“แต่พอเป็นเธอ ยัยกุหลาบชมพู เธอทำให้ฉันรักเธอจนแทบบ้า ฉันจะไม่ยอมให้มีอะไรมาพรากเราจากกันอย่างแน่นอน ฉันยอมทิ้งทุกอย่างขอเพียงแค่ได้อยู่กับเธอ” ชานนท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ก็เป็นคำที่ทำเอาเอรินถึงกับตื้นตัน
“ขอบคุณนะคะที่รักฉัน ฉันเคยคิดว่าหมดหวังในตัวคุณไปตั้งแต่ที่เราจากกันที่ฟลอเรนซ์แล้ว แต่คุณก็กลับมา.. ” เอรินถึงกับพูดไม่ออก น้ำตารื้นออกมาพร้อมทั้งกอดรอบเอวชายหนุ่มแนบแน่นอย่างซาบซึ้งใจในคำสัญญาที่เขารักษามันไว้ได้
“ก็ฉันบอกเธอแล้วนี่ ว่าให้เวลาเธอหนึ่งปี แล้วฉันจะพิสูจน์ให้เธอรู้ว่าฉันจริงจังกับเธอมากแค่ไหน”
ชานนท์ยิ้มอ่อนโยนทำเอาหัวใจสาวน้อยถึงกับพองโต แต่เขาลืมไปว่าความจริงจังในคำพูดนั้นไม่ได้มาจากความจริงใจที่บริสุทธิ์ตั้งแต่แรกอย่างที่เอรินเข้าใจสักนิด
“ฉันจะขอเดินตามคุณไปจนตลอดชีวิตเลยค่ะ..คุณลุง” เอรินยิ้มกว้าง ท้ายประโยคไม่วายหยอกเย้าเขาด้วยสรรพนามคุ้นเคย
“ฉันจะผ่านด่านคุณพ่อของเธอให้ได้ แล้วจะให้คุณลุงรีบมาสู่ขอเธออย่างเป็นทางการให้เร็วที่สุด”
“เอ๊ะ..แล้วคุณแม่คุณล่ะคะ ไม่รอท่านกลับมาก่อนเหรอ”
เอรินรู้สึกสะดุดใจกับคำพูดของชานนท์จนต้องแย้งอย่างสงสัย แต่ชานนท์กลับคว้าตัวหล่อนมากอดแนบอกอีกครั้ง ก่อนจะเฉไฉไปพูดเรื่องอื่นด้วยประโยคที่ทำเอาเอรินถึงกับน้ำตาไหล
“เอริน...แต่งงานแล้วเรากลับอังกฤษกันเถอะนะ ฉันจะขอคุณลุงให้มินดูแลเรื่องโรงแรมที่นี่ต่อ ส่วนที่ครีตฉันจะให้หุ้นส่วนของเราคือคุณพ่อของราเชลมาบริหารแทน ฉันขอแค่โรงแรมของเราที่ลอนดอนก็พอแล้ว ฉันอยากเก็บมันไว้เพราะเป็นสถานที่ที่เราได้เจอกันอีกครั้ง"
"หมายความว่ายังไงคะ เจอกันอีกครั้ง"
"เรื่องมันยาวน่ะ แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง ฉันแทบจะทนรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้วนะเอริน ฉันจะมีลูกน่ารักกับเธอหลายๆคน เราจะมีบ้านบนเนินเขาที่อบอุ่นอย่างที่เธอชอบ เราจะมีสนามหญ้ากว้างขวางให้ลูกของเราได้วิ่งเล่นกันอย่างสบาย”
“ชีวิตของฉันนับจากนี้ อีกสิบปี ยี่สิบปี จนถึงตลอดชีวิต ฉันจะมีแค่เธอเท่านั้นนะ..เอริน”
ขณะเดียวกันที่คฤหาสน์ย่านชานเมืองของสิทธิ์ หญิงสูงวัยที่ยังมีเค้าความสวยงามกว่าวัยกำลังลงจากรถพร้อมด้วยคนขับรถแท็กซี่ที่ลำเลียงกระเป๋าใบโตหลายใบลงมาวางไว้ข้างหล่อน
ภิรณีย์เดินทางกลับเมืองไทยก่อนกำหนดทันทีที่รู้ว่าราเชล ลูกสาวของเพื่อนสนิทของพี่ชายตนเองเดินทางมาเมืองไทยเพื่อมาตามหาชานนท์ลูกชายคนเดียวของหล่อน “คุณพี่คงตกใจน่าดูสินะที่เห็นน้อง น้องไม่ยอมมีลูกสะใภ้เป็นแค่ลูกสาวหมอนั่นหรอก ถึงตอนนี้มันจะดีขึ้นจนมีกิจการรีสอร์ทแล้ว แต่คงไม่มีประโยชน์ในเมื่อมันกุมความลับของน้องอยู่”
“อเล็กซ์...แม่เลี้ยงแกจนโตขึ้นมาได้อย่างดีขนาดนี้ แกจะมาว่าแม่ใจร้ายไม่ได้นะ แม่จะไม่ยอมให้แกกลับไปข้องแวะกับพวกนั้นอีก..อย่าหวังเลย”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่า ^^
ขอบคุณสำหรับไลค์ด้วยนะคะ ^^
คุณดาด้า..ตามอ่านได้ที่นี่เลยค่ะ จะลงจบที่นี่เว็บเดียวแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ ^^
คุณแรมรติ..35 ไม่ใช่หนุ่มใหญ่เหรอคะ งั้นหนุ่มกลางๆก็ได้ 55 ลืมๆไปค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ ^^
ท่ามกลางแสงไฟสลัวที่สาดส่องของไฟทางสีส้ม กรณ์ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่มุมหนึ่งของประตูบ้านอย่างนิ่งงันเป็นเวลานาน นานพอที่พัชระที่กลับมาจากร้านอาหารริมทะเลของตนพร้อมของในมือพะรุงพะรังจะกลับมาเจอเข้าพอดี แล้วชายชราก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของชายหนุ่มอารมณ์ดีอย่างกรณ์ จนต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัยจนกรณ์ถึงกับสะดุ้ง
“ดึกแล้ว...มายืนทำอะไรตรงนี้ เจ้ากรณ์”
เสียงทรงพลังอันคุ้นเคยทำให้กรณ์ผละออกห่างจากประตูมายืนหน้าเซียวอยู่ต่อหน้า “อะ..ลุงพัช ผม...คือ ผมว่าจะมาดูเอรินว่าดีขึ้นรึยัง แต่มันดึกแล้วก็เลย..”
กรณ์อ้ำอึ้งตอบไม่ดังนัก สายตาแสดงความห่วงใยยังลอบมองเข้าไปในบ้านอยู่เป็นระยะโดยที่พัชระไม่ทันได้สังเกตเห็นเพราะไม่ค่อยได้เจอกรณ์ทำให้ชายชราอดไม่ได้ที่จะแย้งและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามประสา
“มาสิมา ลุงรู้ว่าเราเป็นห่วงเอรินขนาดไหน มีก็แต่เจ้าลูกลุงนี่แหละไม่รู้อยู่คนเดียวเนี่ย”
พัชระเอ่ยเย้ากรณ์ตามประสาทำเอาชายหนุ่มถึงกับหน้าแดงก่ำ“คุณลุงครับ คือผมไม่ได้..” กรณ์อึกอักจะตอบปฏิเสธ แต่พัชระตบบ่าชายหนุ่มอย่างให้กำลังใจก่อนจะชวนเข้าไปในบ้าน
“ยังไม่ห้าทุ่มเลยนี่ ลุงกำลังว่าจะเข้าไปดูเอรินพอดี ไปด้วยกันสิจะได้หายห่วง เออ..ว่าแต่โครงการของเราเป็นไงบ้างล่ะ ใกล้เสร็จรึยังลุงเอาใจช่วยอยู่นะ อ้อ..ลุงฝากเอรินด้วยล่ะถ้าเจ้าลูกคนนี้ไปอยู่กรุงเทพลุงคงเป็นห่วงน่าดู ดีที่มีกรณ์ไปด้วย ลุงถึงได้เบาใจ”
“ครับ คุณลุง ถ้าเอรินยังอยากจะไปกับผม ผมก็จะดูแลเค้าให้ดีที่สุด”
กรณ์อ้อมแอ้มตอบอย่างลืมตัว พัชระสะดุดกับคำพูดของหนุ่มอ่อนวัยกว่าไม่น้อย แต่ก็ไม่ทันได้คิดอะไรทั้งที่เหน็ดเหนื่อยจากการงานและเรื่องราวยุ่งยากที่ประดังประเดกันเข้ามา แต่ชายชราก็ยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กรณ์ได้แต่ยิ้มแหยจะเดินตามเข้าไปก็เป็นห่วงกลัวพัชระจะเจอชานนท์ จึงกระแอมไอเสียงดังเป็นสัญญาณให้คนในบ้านรู้ตัว
“เป็นอะไรล่ะเรา ไม่สบายเหรอ พักผ่อนเยอะๆสิ คนหนุ่มหักโหมทำงานได้ แต่ต้องรู้จักพักผ่อนหาความสุขใส่ตัวเองบ้างนะ”
พัชระตบไหล่กรณ์อย่างเป็นห่วงแกมพึงใจอยากจะได้หนุ่มข้างบ้านคนนี้มาเป็นลูกเขยนัก ติดที่เอรินไม่เคยรู้เลยว่ากรณ์รู้สึกอย่างไรกับตนเอง
“เอ่อ..ครับ ผมขอตัวไปพักก่อนดีกว่าครับลุง พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาหาดื้อมันอีกทีนึง” กรณ์ตัดบทพร้อมทั้งไหว้ลาอย่างสุภาพ เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเอรินในตอนนี้
“ก็ดีเหมือนกัน ไปพักไป พรุ่งนี้มากินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ ลุงจะให้ก๊อทำกุ้งแช่น้ำปลาของโปรดให้เราด้วย”
พัชระสั่งความก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ไม่ได้ใส่ใจกรณ์ที่ยังยืนเก้กังอย่างลังเลใจอยู่เป็นนาน แต่แทนที่ชายหนุ่มจะเดินกลับไปยังทิศทางบ้านของตน กลับเดินไปยังทิศทางตรงกันข้าม จุดมุ่งหมายคือบ้านต้นไม้ที่มีราเชลอยู่...
////////////////
พัชระเดินเข้ามาในตัวบ้านอย่างแปลกใจทันทีที่สายตาสบเข้ากับภรรยาที่ยืนลุกลี้ลุกลนสีหน้าซีดเซียวอยู่ตรงหน้าประตูที่ทะลุไปยังห้องของกระท่อมฝั่งสวนไม้หอม ดวงตาคมมองปราดไปรอบห้องโถงอย่างสงสัยเมื่อไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติจึงหันมาถามหาเอริน
“แม่..เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมหน้าซีดๆอย่างนั้นล่ะ ลูกเราเป็นยังไงบ้าง”
พัชระเดินเข้ามาหาภรรยาพร้อมทั้งจะเปิดประตูเข้าไปดูเอรินด้วยความเป็นห่วง แต่อติมารีบลนลานคว้ามือสามีมาจับไว้ก่อนจะพาตัวไปยืนขวางหน้าประตูห้องไว้พร้อมทั้งอ้อนเอาใจ
“พ่อจ๋า..ลูกเรานอนแล้วน๊า เราไปพักผ่อนกันเถอะนะจ้ะ แม่เหนื่อยพ่อนวดหลังให้แม่หน่อยนะ เสร็จแล้วแม่จะนวดเท้าให้พ่อด้วยดีมั๊ย”
สีหน้าออดอ้อนของภรรยาทำเอาพัชระหัวเราะออกมาเบาๆอย่างเอ็นดูไม่วายค่อน“แม่แปลกจริงๆด้วยนะพ่อว่า วันนี้จ๊ะจ๋าผิดปกติ แถมจะนวดเท้าให้ด้วย ว่าแต่ไม่ได้นวดให้ตั้งนานแล้วนะ นึกครึ้มอะไรขึ้นมา มีอะไรดีๆรึเปล่า” พัชระหยอกเย้าอย่างนึกแปลกใจ ทำเอาอติมาค้อนขวับ
“อื้อ คนเค้าอุตส่าห์เอาใจ ก็วันนี้เห็นพ่อเครียดๆ ตั้งแต่ก่อนลูกเป็นลมอีก แม่เป็นห่วงว่าพ่อจะกังวลเรื่องอาการของลูก แต่แกโตแล้วไม่ใช่เด็กเล็กๆเหมือนเมื่อก่อน คงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะพ่อ แต่ถ้าพ่อเครียดเรื่องงานจะเล่าให้แม่ฟังบ้าง แม่ก็..”
อติมายังพูดไม่ทันจบ พัชระรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีด้วยเกรงว่าภรรยาจะไม่สบายใจตามไปด้วย ทำเอาอติมาได้แต่มองอย่างเคลือบแคลงสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามต่อ
“ไม่มีอะไรนี่ พ่อก็เครียดอย่างนี้ทุกวันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะเดี๋ยวพ่อนวดให้”
พัชระโอบไหล่อติมาเดินกลับห้องไปด้วยกันอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะเดินลับสายตาไป ด้วยความเป็นห่วงก็ยังไม่วายเหลือบตามองประตูห้องลูกสาวและประตูห้องว่าที่ลูกเขยที่บังเอิญอยู่ติดกันด้วยใจเต้นระทึก เมื่อครู่นึกจะห้ามไว้ก็ไม่ทันคิด ได้แต่จำใจต้องเดินตามพัชระกลับห้องไปด้วยหัวใจเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวยิ่งนัก
ภายในห้องพักรับรองแขกตกแต่งสไตล์แอนทีคค่อนข้างเก่าตามสภาพ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดนอกจากโทรทัศน์รุ่นกลางเก่ากลางใหม่และตู้เย็นขนาดเล็กรุ่นโบราณตั้งเด่นอยู่ในห้องที่ประดับประดาไปด้วยภาพเขียนโบราณ
ชานนท์กักกันเอรินไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างอยู่ริมผนังข้างประตูด้วยหัวใจเต้นระทึก เอรินถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าบิดาและมารดาที่ไกลห่างออกไปเรื่อยๆ หญิงสาวผลักอกคนเบียดเสียดร่างน้อยของตนออกห่างอย่างหงุดหงิดทันที
“จะบ้าแล้วคุณเนี่ย แทนที่จะเข้าห้องใครห้องมัน นี่มันเรื่องอะไรลากฉันเข้ามาในห้องนี้ด้วยเล่า เกิดพ่อเปิดมาเจอรับรองคุณตายแน่”
เอรินสบถอย่างหงุดหงิด สีหน้าเครียดมีแววตื่นตระหนก ชานนท์เห็นดังนั้นจึงได้แต่รับผิดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
“โทษที เอริน ฉันลืมตัวปกติเราตัวติดกันเป็นตังเม ฉันนอนกอดเธออยู่ทุกคืนจนเป็นความเคยชินของฉันไปแล้ว” เอรินได้ฟังถึงกับหน้าแดงก่ำก่อนจะตีเพียะที่แขนล่ำเข้าให้
“บ้า...คุณมันบ้า..อยากให้ฉันหัวใจวายตายก่อนรึไง อ๊ะ”
ชานนท์ไม่ปล่อยให้เอรินค่อนขอดนานนัก ชายหนุ่มประทับจูบลงบนริมฝีปากบางอย่างโหยหา เอรินไม่ทันตั้งตัวถึงกับยืนนิ่งให้ชายหนุ่มรุกล้ำอย่างเคลิ้มสัมผัสเช่นกัน นานจนพอใจชานนท์ผละจูบจากริมฝีปากชมพูระเรื่อด้วยความเสียดาย ก่อนจะกอดสาวน้อยแสนรักแนบแน่น อ้อมกอดอบอุ่นของชานนท์ทำเอาเอรินเคลิ้มเหมือนจะลอยได้ ทั้งสองตระกองกอดกันอยู่เนิ่นนานจนเอรินรู้สึกตัวจะผละออกห่างจากชานนท์แต่เขากลับกอดรัดแน่นเข้าไปอีก
“ฉันไม่เข้าใจเลยเอริน”
คำพูดเปรยของคนที่กอดรัดหล่อนแน่นจนรู้สึกเจ็บ เอรินได้แต่แนบใบหน้าเข้าหาไหล่กว้างของเขาอย่างอุ่นใจลืมความเจ็บไปชั่วขณะ แต่ก็อดนึกสงสัยคำพูดของเขาอยู่ครามครัน “ไม่เข้าใจเรื่องอะไรคะ”
“ไม่เข้าใจตัวเองน่ะ ไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะรักเธอได้มากถึงขนาดนี้ เมื่อก่อนฉันคิดว่ารักมินมากจนต้องลงสนามแย่งชิงกับนายโอม แต่พอแพ้ฉันกลับอยู่มาได้อย่างไม่เจ็บปวดมากนัก”
ชานนท์หยุดความคิดไว้ชั่วครู่ นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา โดยมีเอรินรอฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ“แต่พอเป็นเธอ ยัยกุหลาบชมพู เธอทำให้ฉันรักเธอจนแทบบ้า ฉันจะไม่ยอมให้มีอะไรมาพรากเราจากกันอย่างแน่นอน ฉันยอมทิ้งทุกอย่างขอเพียงแค่ได้อยู่กับเธอ” ชานนท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ก็เป็นคำที่ทำเอาเอรินถึงกับตื้นตัน
“ขอบคุณนะคะที่รักฉัน ฉันเคยคิดว่าหมดหวังในตัวคุณไปตั้งแต่ที่เราจากกันที่ฟลอเรนซ์แล้ว แต่คุณก็กลับมา.. ” เอรินถึงกับพูดไม่ออก น้ำตารื้นออกมาพร้อมทั้งกอดรอบเอวชายหนุ่มแนบแน่นอย่างซาบซึ้งใจในคำสัญญาที่เขารักษามันไว้ได้
“ก็ฉันบอกเธอแล้วนี่ ว่าให้เวลาเธอหนึ่งปี แล้วฉันจะพิสูจน์ให้เธอรู้ว่าฉันจริงจังกับเธอมากแค่ไหน”
ชานนท์ยิ้มอ่อนโยนทำเอาหัวใจสาวน้อยถึงกับพองโต แต่เขาลืมไปว่าความจริงจังในคำพูดนั้นไม่ได้มาจากความจริงใจที่บริสุทธิ์ตั้งแต่แรกอย่างที่เอรินเข้าใจสักนิด
“ฉันจะขอเดินตามคุณไปจนตลอดชีวิตเลยค่ะ..คุณลุง” เอรินยิ้มกว้าง ท้ายประโยคไม่วายหยอกเย้าเขาด้วยสรรพนามคุ้นเคย
“ฉันจะผ่านด่านคุณพ่อของเธอให้ได้ แล้วจะให้คุณลุงรีบมาสู่ขอเธออย่างเป็นทางการให้เร็วที่สุด”
“เอ๊ะ..แล้วคุณแม่คุณล่ะคะ ไม่รอท่านกลับมาก่อนเหรอ”
เอรินรู้สึกสะดุดใจกับคำพูดของชานนท์จนต้องแย้งอย่างสงสัย แต่ชานนท์กลับคว้าตัวหล่อนมากอดแนบอกอีกครั้ง ก่อนจะเฉไฉไปพูดเรื่องอื่นด้วยประโยคที่ทำเอาเอรินถึงกับน้ำตาไหล
“เอริน...แต่งงานแล้วเรากลับอังกฤษกันเถอะนะ ฉันจะขอคุณลุงให้มินดูแลเรื่องโรงแรมที่นี่ต่อ ส่วนที่ครีตฉันจะให้หุ้นส่วนของเราคือคุณพ่อของราเชลมาบริหารแทน ฉันขอแค่โรงแรมของเราที่ลอนดอนก็พอแล้ว ฉันอยากเก็บมันไว้เพราะเป็นสถานที่ที่เราได้เจอกันอีกครั้ง"
"หมายความว่ายังไงคะ เจอกันอีกครั้ง"
"เรื่องมันยาวน่ะ แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง ฉันแทบจะทนรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้วนะเอริน ฉันจะมีลูกน่ารักกับเธอหลายๆคน เราจะมีบ้านบนเนินเขาที่อบอุ่นอย่างที่เธอชอบ เราจะมีสนามหญ้ากว้างขวางให้ลูกของเราได้วิ่งเล่นกันอย่างสบาย”
“ชีวิตของฉันนับจากนี้ อีกสิบปี ยี่สิบปี จนถึงตลอดชีวิต ฉันจะมีแค่เธอเท่านั้นนะ..เอริน”
ขณะเดียวกันที่คฤหาสน์ย่านชานเมืองของสิทธิ์ หญิงสูงวัยที่ยังมีเค้าความสวยงามกว่าวัยกำลังลงจากรถพร้อมด้วยคนขับรถแท็กซี่ที่ลำเลียงกระเป๋าใบโตหลายใบลงมาวางไว้ข้างหล่อน
ภิรณีย์เดินทางกลับเมืองไทยก่อนกำหนดทันทีที่รู้ว่าราเชล ลูกสาวของเพื่อนสนิทของพี่ชายตนเองเดินทางมาเมืองไทยเพื่อมาตามหาชานนท์ลูกชายคนเดียวของหล่อน “คุณพี่คงตกใจน่าดูสินะที่เห็นน้อง น้องไม่ยอมมีลูกสะใภ้เป็นแค่ลูกสาวหมอนั่นหรอก ถึงตอนนี้มันจะดีขึ้นจนมีกิจการรีสอร์ทแล้ว แต่คงไม่มีประโยชน์ในเมื่อมันกุมความลับของน้องอยู่”
“อเล็กซ์...แม่เลี้ยงแกจนโตขึ้นมาได้อย่างดีขนาดนี้ แกจะมาว่าแม่ใจร้ายไม่ได้นะ แม่จะไม่ยอมให้แกกลับไปข้องแวะกับพวกนั้นอีก..อย่าหวังเลย”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่า ^^
ขอบคุณสำหรับไลค์ด้วยนะคะ ^^
คุณดาด้า..ตามอ่านได้ที่นี่เลยค่ะ จะลงจบที่นี่เว็บเดียวแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ ^^
คุณแรมรติ..35 ไม่ใช่หนุ่มใหญ่เหรอคะ งั้นหนุ่มกลางๆก็ได้ 55 ลืมๆไปค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ ^^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ค. 2557, 16:46:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ค. 2557, 16:46:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 1416
<< ตอนที่ 19 ก้าวผ่านอุปสรรครัก | ตอนที่ 22-23 แค่ใครสักคน.. >> |