เสน่หาภรรยาครึ่งปี
เสน่หาภรรยาครึ่งปี โดย กันต์ระพี
เดิมชื่อกรงรักวิมานร้อน
เธอ..ถูกหลอกขายให้ชายแปลกหน้า
เขา...ต้องการแค่ภรรยาครึ่งปี
เพียงความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน
เขาก็ต้องการหล่อนทั้งตัวและหัวใจ แต่จะทำฉันใด...
เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วนเท่านั้น วางจำหน่ายในรูปแบบ e-book
เดิมชื่อกรงรักวิมานร้อน
เธอ..ถูกหลอกขายให้ชายแปลกหน้า
เขา...ต้องการแค่ภรรยาครึ่งปี
เพียงความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน
เขาก็ต้องการหล่อนทั้งตัวและหัวใจ แต่จะทำฉันใด...
เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วนเท่านั้น วางจำหน่ายในรูปแบบ e-book
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตัวอย่างเนื้อเรื่อง
“พ่อกับแม่รักกันจริงๆ หรือเปล่าคะ?”
“รักสิ ถ้าเราไม่รักกัน จะแต่งงานกันทำไม ใช่ไหมพิมพ์ลดา”
“ช...ใช่จ้ะ เรารักกัน”
คำถามที่ชายหนุ่มโยนมา ทำให้พิมพ์ลดาต้องหันไปยิ้มปูเลี่ยนๆ ก่อนจะตอบคำถามของคนขี้สงสัย แต่เรื่องก็ยังไม่ได้จบลงแค่นั้น เพราะเมื่อคนตัวเล็กเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวก็หน้าแดงซ่าน กระอักกระอ่วนใจมากขึ้นอีกเป็นสองเท่า
“ถ้าอย่างงั้น...จูบกันต่อหน้าหนูหน่อยได้ไหมคะ หนูจะได้สบายใจที่เห็นพ่อกับแม่รักกันจริงๆ”
“ได้สิ...”
ดีแลนด์วางร่างเล็ก ๆ ในอ้อมแขนลงแล้วรั้งเอวบางเข้าแนบชิด ดวงตาสีเขียวมรกตกวาดมองทั่วใบหน้าแดงซ่าน ก่อนจะหยุดนิ่งที่กลีบปากอิ่ม ไล่ปลายนิ้วช้าๆ ไปตามเรียวปาก ก่อนจะโน้มหน้าลงมอบจุมพิตดูดดื่มให้หญิงสาว จนคนที่อยู่ในอ้อมแขนเหมือนจะหลอมละลายไปทั้งร่าง เพียงเท่านี้...คนตัวเล็กที่ยืนเป็นสักขีพยานก็ยิ้มกว้าง หัวเราะคิก ก่อนจะวิ่งตื๋อออกประตูไป
กว่าที่ชายหนุ่มจะถอนริมฝีปากออก หญิงสาวก็อ่อนระทวยไปทั้งร่าง จนต้องอิงแอบกับแผงอกกว้าง มือเรียวเกาะเกี่ยวเสื้อของเขาไว้ พลางช้อนตาขึ้นมองก็พบว่าเจ้าของเสื้อนั้นมองอยู่ก่อนแล้ว
“ขอบคุณที่ไม่ทำให้ชาร์ลอตเสียใจ”
น้ำเสียงทุ้มๆ ที่เอ่ยขึ้น ทำให้หญิงสาวกลับมามีสติอีกครั้ง รีบดันตัวออกห่างจากแผงอกกว้าง แม้จะรู้สึกใจสั่นและเขินอายอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี ก่อนจะตวัดสายตามองเขา
“ไม่จำเป็น เพราะฉันเองก็ไม่มีทางเลือก แต่ขอถามอะไรคุณสักอย่างจะได้ไหม”
“ว่ามาสิเบบี๋”
“ในเมื่อคุณก็แต่งงานแล้ว แล้วทำไมคุณยังคิดจะ...”
พิมพ์ลดาเห็นว่าสบโอกาสเหมาะจึงเอ่ยปากถามออกไป ซึ่งพออีกฝ่ายเห็นหล่อนมีท่าทีอึดอัด กล้าๆ กลัวๆ เหมือนกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะพูดดีหรือไม่ ก็ชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ไม่ต้องกังวลหรอก ผมกับภรรยาเราหย่าขาดกันมานานแล้ว พรุ่งนี้เช้าช่วยเตรียมตัวให้พร้อมด้วย ผมจะพาคุณขึ้นฝั่งไปหาซื้อเสื้อผ้าและก็ลองชุดแต่งงาน”
“ทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วย”
“ผมมีความจำเป็น แต่ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้หาช่างมาวัดตัวตัดชุดให้ พอดีเวลามันกระชั้นชิด ทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ก็เลยต้องใช้วิธีหาซื้อเอา คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
“เรื่องนั้นฉันไม่ใส่ใจอยู่แล้ว เพราะฉันไม่ใช่คนบ้าแฟชั่น แค่นี้ใช่ไหม ที่คุณต้องการให้ฉันทำ”
“มีอีกเรื่อง จำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่าเราคือคู่รักที่รักกันปานจะกลืนกิน ผมจะแสดงความรักกับคุณที่ไหน เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ เข้าใจไหม?”
“ไม่เข้าใจ และนั่นก็ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงด้วย”
“ผมไม่สน เพราะถ้าคุณขัดขืนหรือแสดงท่าทีรังเกียจผมต่อหน้าคนอื่น ผมจะถือว่าข้อตกลงระหว่างเราเป็นโมฆะ และอย่าหวังว่าจะได้กลับเมืองไทยอีก เพราะคุณจะต้องอยู่กับผมที่นี่ไปตลอดชีวิต!”
พิมพ์ลดากำมือแน่น กัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ มองตามแผ่นหลังกว้างของคนเอาแต่ใจตัว นี่หล่อนไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ และต้องทำตามความต้องการของผู้ชายคนนี้ตลอดระยะเวลาหกเดือนอย่างนั้นเหรอ หล่อนจะทนได้นานแค่ไหนกัน ที่ต้องตกเป็นเครื่องบำบัดความใคร่ตามแต่ความพอใจของเขา...
“แม่ขา ตื่นได้แล้ว”
เสียงเล็กๆ ที่ดังอยู่ข้างหู กับสัมผัสอุ่นๆ ที่กระทบข้างแก้ม ทำให้คนนอนอุดตุอยู่บนเตียงกว้าง ลืมตาตื่นขึ้นมาคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นเด็กน้อยน่ารักยืนอมยิ้มอยู่ข้างเตียง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ พ่อบอกให้หนูมาปลุก เห็นบอกว่าวันนี้จะพาแม่ไปลองชุดแต่งงาน”
“ตายแล้ว! ฉันลืมไปได้ยังไงเนี่ย”
พิมพ์ลดาลุกพรวดพราดขึ้น หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เมื่อคืนกว่าหล่อนจะข่มตาให้หลับได้ ก็ปาเข้าไปเกือบจะตีสอง ทำให้ตื่นสายกว่าปกติ แต่ยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปห้องน้ำ ก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ขอบคุณคนที่มาปลุก จึงหันหลังเดินกลับไปทรุดตัวลงนั่งชันเข่าตรงหน้าเด็กน้อยที่ยืนหน้าเศร้า ก่อนจะรั้งร่างเล็กๆ เข้ามากอดแล้วหอมแก้มใสๆ นั่นฟอดใหญ่
“ขอบใจนะจ๊ะคนเก่งของแม่”
อาการโอบกอดด้วยความรัก และคำว่า ‘แม่’ ที่หลุดจากปากหญิงสาว ทำให้คนที่ยืนหน้าเศร้าคลี่ยิ้มกว้างในทันที กอดตอบคนตรงหน้าและแสดงความรักด้วยการจุ๊บแก้มนวลๆ นั่นทั้งสองข้าง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งแล้ววิ่งตื๋อออกจากห้องไปอย่างมีความสุข
“รีบอาบน้ำนะคะแม่ หนูจะไปรอที่โต๊ะอาหารก่อน”
หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ พิมพ์ลดาก็ก้าวเข้ามาในห้องอาหาร เหลือบตามองเจ้าของคฤหาสน์แวบหนึ่ง ก็ใจแป้วนิดๆ เมื่อเห็นเขาส่งสายตาตำหนิมาที่หล่อน แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ฉีกยิ้มกว้าง แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ด้วยการลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาโอบเอวบาง รั้งให้ก้าวตามก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้หล่อนนั่งเมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหาร
พิมพ์ลดาหน้าแดงซ่าน กระดากอายอย่างที่สุด เมื่อดีแลนด์เริ่มการแสดงความรักบทแรกของเขา ด้วยการโน้มหน้าลงจูบทักทายหล่อนต่อหน้าสาวใช้และบุตรสาว ก่อนที่จะเดินกลับไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมที่หัวโต๊ะ ซึ่งทุกคนที่เห็นภาพดังกล่าวต่างก็พากันอมยิ้ม คงจะมีแต่หล่อนเท่านั้นที่อยากจะกรีดร้องออกมาให้ดังลั่น แต่ก็จำต้องระงับอาการดังกล่าวไว้ภายใต้ใบหน้าระบายยิ้ม
“หนูอยากไปเลือดชุดสวยๆ กับแม่ด้วยจัง แต่พ่อไม่อนุญาต” ชาร์ลอตเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ในระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารเช้า ทำให้พิมพ์ลดาต้องหันไปเอ่ยกับชายหนุ่ม
“ทำไมล่ะ คุณน่าจะให้แกไปกับเราด้วยนะ”
“ก็อยากให้ไปด้วยกันอยู่หรอก แต่อีกสักพักพ่อแม่ผมก็คงจะเดินทางมาถึง นานๆ ทีท่านจะแวะมาหาชาร์ลอตสักครั้ง ถ้าแกไม่อยู่รอ ท่านจะรู้สึกยังไง”
ดีแลนด์เอ่ยออกมาอย่างเป็นกลาง ไม่ได้คิดจะขัดใจบุตรสาว แต่ก็ไม่อยากให้บิดามารดาต้องเสียใจและเสียความรู้สึก ที่สู้อุตส่าห์เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากดูไบ แต่หลานสาวกับให้ความสนใจคนที่จะมาเป็นแม่ใหม่มากกว่า ซึ่งพิมพ์ลดาเองก็เข้าใจความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี จึงหันมาเอ่ยปลอบใจเด็กน้อยที่นั่งหน้าเศร้า
“ชาร์ลอต...หนูเป็นเด็กดีหรือเปล่าเอ่ย?”
“ค่ะ พ่อร็อบกับเอ็มม่าบอกอย่างนั้น”
“ถ้าอย่างงั้น เด็กดีก็ไม่ควรจะปล่อยให้คนที่แวะมาหาหนูด้วยความคิดถึงต้องคอยนานใช่ไหมจ๊ะ”
“ค่ะ แต่...”
“เอาอย่างนี้ดีไหม ถ้าวันนี้เอ็มม่าบอกว่าหนูทำตัวน่ารัก รู้จักเอาอกเอาใจคุณปู่คุณย่า แม่จะให้พ่อร็อบจะซื้อตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เท่านี้มาฝาก แล้วขึ้นฝั่งเที่ยวหน้าเราจะไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน”
พิมพ์ลดาไม่ได้พูดเปล่า หากแต่ทำมือทำไม้ประกอบท่าทาง จนเจ้าของคฤหาสน์อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็นึกชมในใจว่าหญิงสาวเข้าใจหาวิธีมาตะล่อมบุตรสาว ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหล่อนเหมาะที่จะเป็นคุณครูสอนหนังสือตามโรงเรียนอนุบาลมากกว่าทำงานบริษัทฯ
“จริงเหรอคะ”
ชาร์ลอตร้องถามกลับไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และทันทีที่เห็นพิมพ์ลดาและดีแลนด์ต่างพร้อมใจกันพยักหน้าตอบรับ คนตัวเล็กก็ยิ้มกว้างลุกจากเก้าอี้โผเข้ากอดคนทั้งสอง กระโดดโลดเต้นไปมารอบๆ ด้วยความดีใจ
“เย้! หนูรักพ่อกับแม่ที่สุดเลย”
หลังรับประทานอาหารเสร็จ ดีแลนด์และพิมพ์ลดาก็ก้าวออกจากคฤหาสน์ เดินไปตามสะพานคอนกรีตที่ทอดยาวลงไปในทะเลเพื่อไปยังท่าเทียบเรือ ชายหนุ่มเลือกที่จะใช้เรือยอร์ชแทนฮอลิคอปเตอร์ในการเดินทาง ทั้งที่รู้ดีว่าอาจจะถึงที่หมายช้ากว่าที่กำหนด ก็เพราะต้องการจะให้หญิงสาวได้ชื่นชมธรรมชาติระหว่างทาง
ซึ่งจุดประสงค์ของชายหนุ่มก็เหมือนจะบรรลุเป้าหมายอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อลอบมองพิมพ์ลดาครั้งใด เขาก็มักจะเห็นหญิงสาวแสดงอาการตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็น ในทุกครั้งที่ชี้ชวนให้หล่อนทอดสายตามองท้องทะเลกว้าง ดูฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายในน้ำใส ซึ่งบางครั้งพวกมันก็ตกเป็นเหยื่อของนกนางนวล ที่บินโฉบเฉี่ยวเหนือน่านน้ำรอจังหวะจัดการกับอาหารโอชะ
หลังจากเรือยอร์ชเข้าจอดเทียบท่า ดีแลนด์ก็ไม่รอช้าที่จะพาพิมพ์ลดามาขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ที่ให้คนของเขาขับจากบริษัทฯ มาจอดรอไว้ เมื่อเหลือบมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าเวลาล่วงมาเกือบจะครึ่งวัน ก็เกรงว่าหญิงสาวจะหิว จึงพับความคิดที่จะขับรถตรงไปยังร้านจำหน่ายเสื้อผ้าชื่อดังลงชั่วคราว แล้วหักพวกมาลัยเข้าจอดเทียบที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านชุมชน
“ดีแลนด์! โอ้ว...เป็นคุณจริงๆ ด้วย”น้ำเสียงที่เอ่ยทักอย่างตื่นเต้น ทำให้คนที่กำลังรับประทานอาหารชะงักอาการในทันที
“คาร์ตีนี...” ดีแลนด์พึมพำออกมาเบาๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองแล้วพบว่านางแบบสาวชื่อดังอดีตคู่ควงที่เขาเคยมีสมพันธ์ด้วยกำลังเดินตรงเข้ามาหา
“ไม่พบกันหลายปี คุณก็ยังดูดีไม่เปลี่ยนเลยนะที่รัก”
คาร์ตีนีเอ่ยพลางวางสะโพกลงมาบนที่เท้าแขน นั่งกระแซะชายหนุ่มโดยจงใจเบียดอกอวบอิ่มเสียดสีลำแขนแกร่ง ขณะโน้มหน้าลงจูบทักทายชายหนุ่มเหมือนเช่นทุกครั้ง
ดีแลนด์นั้นไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวกับอาการดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย เพราะทราบดีว่าอดีตคู่ควงของเขามักจะหว่านเสน่ห์กับผู้ชายไม่เลือกหน้าจนติดเป็นนิสัย และนั่นก็เหตุผลอีกข้อหนึ่งที่ทำให้เขาเลิกกับหล่อน แล้วตัดสินใจหันมาคบหาและแต่งงานกับรีเบคก้าแทน จึงทำให้ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของสองสาวขาดสะบั้นลง และนับตั้งแต่นั้นมาต่างฝ่ายต่างก็ตั้งตนเป็นปรปักษ์ต่อกัน
“คุณเองก็เช่นกัน ไม่อย่างงั้นคงไม่ครองตำแหน่งนางแบบแถวหน้ามาจนทุกวันนี้”
“ยังปากหวานเหมือนเคยเลยนะคะ ว่าแต่...คุณมาทำอะไรที่นี่คะดีแลนด์ ฉันคิดว่าคุณอยู่ที่ลอนดอนหรือไม่ก็ดูไบเสียอีก”
“ผมพาว่าที่ภรรยามาพักผ่อน”
“ว่าที่ภรรยา? นี่คุณจะแต่งงานเหรอคะ ทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน”
คาร์ตีนีมีสีหน้าแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะไม่เคยมีข่าวซุบซิบว่าชายหนุ่มคบหาหรือให้ความสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ นับตั้งแต่ที่เขาหย่าขาดจากอดีตภรรยา
“ผมกับพิมพ์เราเพิ่งตัดสินใจว่าจะแต่งงานกันเมื่อวานนี้เอง”
ดีแลนด์ไม่ได้พูดเปล่า หากแต่สบตาซึ้งกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วเลื่อนมือไปกุมมือเรียวไว้ ใบหน้าระบายยิ้มออกมาอย่างเปี่ยมสุข ขณะไล้ปลายนิ้วไปบนหลังมือเรียวก่อนจะยกขึ้นจรดริมฝีปาก
การกระทำของชายหนุ่มที่บ่งบอกว่าทั้งรักและหวงแหนผู้หญิงตรงหน้าอย่างสุดหัวใจ ทำให้คนที่นั่งกระแซะอยู่ข้างๆ อดที่จะนึกหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้ ตวัดสายตามองก็ต้องร้องถามด้วยความแปลกใจ เมื่อพบว่าผู้หญิงที่ดีแลนด์จะแต่งงานด้วย ไม่ได้สวยเฉี่ยวหรือเซ็กซี่เหมือนรีเบคก้า หากแต่ดูสดใสมีชีวิตชีวาไม่กร้านโลกเหมือนอดีตภรรยาของเขา
“ผู้หญิงคนนี้น่ะเหรอที่คุณจะแต่งงานด้วย”
“ใช่ เธอชื่อพิมพ์ลดา”
หลังจากแนะนำว่าที่ภรรยาและสนทนากันอยู่สักพักใหญ่ ดีแลนด์ก็ขอตัวพาพิมพ์ลดาไปหาซื้อเสื้อผ้าและลองชุดแต่งงานตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก โดยปล่อยให้นางแบบสาวมองตามด้วยความอิจฉา
ถึงแม้ว่าสิ่งที่รับรู้จะไม่ได้ทำให้คาร์ตีนีรู้สึกดีสักเท่าไหร่นัก แต่ถึงกระนั้นริมฝีปากได้รูปสวยก็หยักขึ้นเล็กน้อย รู้สึกสะใจ เมื่อคิดไปว่าหากแม่เพื่อนรักที่ผลัดกันชิงรักหักสวาทได้รู้เรื่องดังกล่าวจะรู้สึกเช่นไร และเจ้าตัวยังมั่นใจกล้าที่จะประกาศอีกไหม ว่าต่อให้หล่อนเลิกรากับดีแลนด์ เขาก็จะไม่มีวันชายตามองผู้หญิงอื่น!
*******************************
ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายที่จะลงให้อ่านกันค่ะ
เสน่หาภรรยาครึ่งปี by กันต์ระพี จัดทำเป็นe-book เท่านั้นค่ะ นักอ่านท่านใดสนใจสามารถหาโหลดอ่านได้แล้วที่...
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTE5MzI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMTQ3MTQiO30
“รักสิ ถ้าเราไม่รักกัน จะแต่งงานกันทำไม ใช่ไหมพิมพ์ลดา”
“ช...ใช่จ้ะ เรารักกัน”
คำถามที่ชายหนุ่มโยนมา ทำให้พิมพ์ลดาต้องหันไปยิ้มปูเลี่ยนๆ ก่อนจะตอบคำถามของคนขี้สงสัย แต่เรื่องก็ยังไม่ได้จบลงแค่นั้น เพราะเมื่อคนตัวเล็กเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวก็หน้าแดงซ่าน กระอักกระอ่วนใจมากขึ้นอีกเป็นสองเท่า
“ถ้าอย่างงั้น...จูบกันต่อหน้าหนูหน่อยได้ไหมคะ หนูจะได้สบายใจที่เห็นพ่อกับแม่รักกันจริงๆ”
“ได้สิ...”
ดีแลนด์วางร่างเล็ก ๆ ในอ้อมแขนลงแล้วรั้งเอวบางเข้าแนบชิด ดวงตาสีเขียวมรกตกวาดมองทั่วใบหน้าแดงซ่าน ก่อนจะหยุดนิ่งที่กลีบปากอิ่ม ไล่ปลายนิ้วช้าๆ ไปตามเรียวปาก ก่อนจะโน้มหน้าลงมอบจุมพิตดูดดื่มให้หญิงสาว จนคนที่อยู่ในอ้อมแขนเหมือนจะหลอมละลายไปทั้งร่าง เพียงเท่านี้...คนตัวเล็กที่ยืนเป็นสักขีพยานก็ยิ้มกว้าง หัวเราะคิก ก่อนจะวิ่งตื๋อออกประตูไป
กว่าที่ชายหนุ่มจะถอนริมฝีปากออก หญิงสาวก็อ่อนระทวยไปทั้งร่าง จนต้องอิงแอบกับแผงอกกว้าง มือเรียวเกาะเกี่ยวเสื้อของเขาไว้ พลางช้อนตาขึ้นมองก็พบว่าเจ้าของเสื้อนั้นมองอยู่ก่อนแล้ว
“ขอบคุณที่ไม่ทำให้ชาร์ลอตเสียใจ”
น้ำเสียงทุ้มๆ ที่เอ่ยขึ้น ทำให้หญิงสาวกลับมามีสติอีกครั้ง รีบดันตัวออกห่างจากแผงอกกว้าง แม้จะรู้สึกใจสั่นและเขินอายอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี ก่อนจะตวัดสายตามองเขา
“ไม่จำเป็น เพราะฉันเองก็ไม่มีทางเลือก แต่ขอถามอะไรคุณสักอย่างจะได้ไหม”
“ว่ามาสิเบบี๋”
“ในเมื่อคุณก็แต่งงานแล้ว แล้วทำไมคุณยังคิดจะ...”
พิมพ์ลดาเห็นว่าสบโอกาสเหมาะจึงเอ่ยปากถามออกไป ซึ่งพออีกฝ่ายเห็นหล่อนมีท่าทีอึดอัด กล้าๆ กลัวๆ เหมือนกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะพูดดีหรือไม่ ก็ชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ไม่ต้องกังวลหรอก ผมกับภรรยาเราหย่าขาดกันมานานแล้ว พรุ่งนี้เช้าช่วยเตรียมตัวให้พร้อมด้วย ผมจะพาคุณขึ้นฝั่งไปหาซื้อเสื้อผ้าและก็ลองชุดแต่งงาน”
“ทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วย”
“ผมมีความจำเป็น แต่ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้หาช่างมาวัดตัวตัดชุดให้ พอดีเวลามันกระชั้นชิด ทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ก็เลยต้องใช้วิธีหาซื้อเอา คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
“เรื่องนั้นฉันไม่ใส่ใจอยู่แล้ว เพราะฉันไม่ใช่คนบ้าแฟชั่น แค่นี้ใช่ไหม ที่คุณต้องการให้ฉันทำ”
“มีอีกเรื่อง จำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่าเราคือคู่รักที่รักกันปานจะกลืนกิน ผมจะแสดงความรักกับคุณที่ไหน เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ เข้าใจไหม?”
“ไม่เข้าใจ และนั่นก็ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงด้วย”
“ผมไม่สน เพราะถ้าคุณขัดขืนหรือแสดงท่าทีรังเกียจผมต่อหน้าคนอื่น ผมจะถือว่าข้อตกลงระหว่างเราเป็นโมฆะ และอย่าหวังว่าจะได้กลับเมืองไทยอีก เพราะคุณจะต้องอยู่กับผมที่นี่ไปตลอดชีวิต!”
พิมพ์ลดากำมือแน่น กัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ มองตามแผ่นหลังกว้างของคนเอาแต่ใจตัว นี่หล่อนไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ และต้องทำตามความต้องการของผู้ชายคนนี้ตลอดระยะเวลาหกเดือนอย่างนั้นเหรอ หล่อนจะทนได้นานแค่ไหนกัน ที่ต้องตกเป็นเครื่องบำบัดความใคร่ตามแต่ความพอใจของเขา...
“แม่ขา ตื่นได้แล้ว”
เสียงเล็กๆ ที่ดังอยู่ข้างหู กับสัมผัสอุ่นๆ ที่กระทบข้างแก้ม ทำให้คนนอนอุดตุอยู่บนเตียงกว้าง ลืมตาตื่นขึ้นมาคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นเด็กน้อยน่ารักยืนอมยิ้มอยู่ข้างเตียง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ พ่อบอกให้หนูมาปลุก เห็นบอกว่าวันนี้จะพาแม่ไปลองชุดแต่งงาน”
“ตายแล้ว! ฉันลืมไปได้ยังไงเนี่ย”
พิมพ์ลดาลุกพรวดพราดขึ้น หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เมื่อคืนกว่าหล่อนจะข่มตาให้หลับได้ ก็ปาเข้าไปเกือบจะตีสอง ทำให้ตื่นสายกว่าปกติ แต่ยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปห้องน้ำ ก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ขอบคุณคนที่มาปลุก จึงหันหลังเดินกลับไปทรุดตัวลงนั่งชันเข่าตรงหน้าเด็กน้อยที่ยืนหน้าเศร้า ก่อนจะรั้งร่างเล็กๆ เข้ามากอดแล้วหอมแก้มใสๆ นั่นฟอดใหญ่
“ขอบใจนะจ๊ะคนเก่งของแม่”
อาการโอบกอดด้วยความรัก และคำว่า ‘แม่’ ที่หลุดจากปากหญิงสาว ทำให้คนที่ยืนหน้าเศร้าคลี่ยิ้มกว้างในทันที กอดตอบคนตรงหน้าและแสดงความรักด้วยการจุ๊บแก้มนวลๆ นั่นทั้งสองข้าง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งแล้ววิ่งตื๋อออกจากห้องไปอย่างมีความสุข
“รีบอาบน้ำนะคะแม่ หนูจะไปรอที่โต๊ะอาหารก่อน”
หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ พิมพ์ลดาก็ก้าวเข้ามาในห้องอาหาร เหลือบตามองเจ้าของคฤหาสน์แวบหนึ่ง ก็ใจแป้วนิดๆ เมื่อเห็นเขาส่งสายตาตำหนิมาที่หล่อน แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ฉีกยิ้มกว้าง แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ด้วยการลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาโอบเอวบาง รั้งให้ก้าวตามก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้หล่อนนั่งเมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหาร
พิมพ์ลดาหน้าแดงซ่าน กระดากอายอย่างที่สุด เมื่อดีแลนด์เริ่มการแสดงความรักบทแรกของเขา ด้วยการโน้มหน้าลงจูบทักทายหล่อนต่อหน้าสาวใช้และบุตรสาว ก่อนที่จะเดินกลับไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมที่หัวโต๊ะ ซึ่งทุกคนที่เห็นภาพดังกล่าวต่างก็พากันอมยิ้ม คงจะมีแต่หล่อนเท่านั้นที่อยากจะกรีดร้องออกมาให้ดังลั่น แต่ก็จำต้องระงับอาการดังกล่าวไว้ภายใต้ใบหน้าระบายยิ้ม
“หนูอยากไปเลือดชุดสวยๆ กับแม่ด้วยจัง แต่พ่อไม่อนุญาต” ชาร์ลอตเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ในระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารเช้า ทำให้พิมพ์ลดาต้องหันไปเอ่ยกับชายหนุ่ม
“ทำไมล่ะ คุณน่าจะให้แกไปกับเราด้วยนะ”
“ก็อยากให้ไปด้วยกันอยู่หรอก แต่อีกสักพักพ่อแม่ผมก็คงจะเดินทางมาถึง นานๆ ทีท่านจะแวะมาหาชาร์ลอตสักครั้ง ถ้าแกไม่อยู่รอ ท่านจะรู้สึกยังไง”
ดีแลนด์เอ่ยออกมาอย่างเป็นกลาง ไม่ได้คิดจะขัดใจบุตรสาว แต่ก็ไม่อยากให้บิดามารดาต้องเสียใจและเสียความรู้สึก ที่สู้อุตส่าห์เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากดูไบ แต่หลานสาวกับให้ความสนใจคนที่จะมาเป็นแม่ใหม่มากกว่า ซึ่งพิมพ์ลดาเองก็เข้าใจความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี จึงหันมาเอ่ยปลอบใจเด็กน้อยที่นั่งหน้าเศร้า
“ชาร์ลอต...หนูเป็นเด็กดีหรือเปล่าเอ่ย?”
“ค่ะ พ่อร็อบกับเอ็มม่าบอกอย่างนั้น”
“ถ้าอย่างงั้น เด็กดีก็ไม่ควรจะปล่อยให้คนที่แวะมาหาหนูด้วยความคิดถึงต้องคอยนานใช่ไหมจ๊ะ”
“ค่ะ แต่...”
“เอาอย่างนี้ดีไหม ถ้าวันนี้เอ็มม่าบอกว่าหนูทำตัวน่ารัก รู้จักเอาอกเอาใจคุณปู่คุณย่า แม่จะให้พ่อร็อบจะซื้อตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เท่านี้มาฝาก แล้วขึ้นฝั่งเที่ยวหน้าเราจะไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน”
พิมพ์ลดาไม่ได้พูดเปล่า หากแต่ทำมือทำไม้ประกอบท่าทาง จนเจ้าของคฤหาสน์อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็นึกชมในใจว่าหญิงสาวเข้าใจหาวิธีมาตะล่อมบุตรสาว ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหล่อนเหมาะที่จะเป็นคุณครูสอนหนังสือตามโรงเรียนอนุบาลมากกว่าทำงานบริษัทฯ
“จริงเหรอคะ”
ชาร์ลอตร้องถามกลับไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และทันทีที่เห็นพิมพ์ลดาและดีแลนด์ต่างพร้อมใจกันพยักหน้าตอบรับ คนตัวเล็กก็ยิ้มกว้างลุกจากเก้าอี้โผเข้ากอดคนทั้งสอง กระโดดโลดเต้นไปมารอบๆ ด้วยความดีใจ
“เย้! หนูรักพ่อกับแม่ที่สุดเลย”
หลังรับประทานอาหารเสร็จ ดีแลนด์และพิมพ์ลดาก็ก้าวออกจากคฤหาสน์ เดินไปตามสะพานคอนกรีตที่ทอดยาวลงไปในทะเลเพื่อไปยังท่าเทียบเรือ ชายหนุ่มเลือกที่จะใช้เรือยอร์ชแทนฮอลิคอปเตอร์ในการเดินทาง ทั้งที่รู้ดีว่าอาจจะถึงที่หมายช้ากว่าที่กำหนด ก็เพราะต้องการจะให้หญิงสาวได้ชื่นชมธรรมชาติระหว่างทาง
ซึ่งจุดประสงค์ของชายหนุ่มก็เหมือนจะบรรลุเป้าหมายอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อลอบมองพิมพ์ลดาครั้งใด เขาก็มักจะเห็นหญิงสาวแสดงอาการตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็น ในทุกครั้งที่ชี้ชวนให้หล่อนทอดสายตามองท้องทะเลกว้าง ดูฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายในน้ำใส ซึ่งบางครั้งพวกมันก็ตกเป็นเหยื่อของนกนางนวล ที่บินโฉบเฉี่ยวเหนือน่านน้ำรอจังหวะจัดการกับอาหารโอชะ
หลังจากเรือยอร์ชเข้าจอดเทียบท่า ดีแลนด์ก็ไม่รอช้าที่จะพาพิมพ์ลดามาขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ที่ให้คนของเขาขับจากบริษัทฯ มาจอดรอไว้ เมื่อเหลือบมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าเวลาล่วงมาเกือบจะครึ่งวัน ก็เกรงว่าหญิงสาวจะหิว จึงพับความคิดที่จะขับรถตรงไปยังร้านจำหน่ายเสื้อผ้าชื่อดังลงชั่วคราว แล้วหักพวกมาลัยเข้าจอดเทียบที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านชุมชน
“ดีแลนด์! โอ้ว...เป็นคุณจริงๆ ด้วย”น้ำเสียงที่เอ่ยทักอย่างตื่นเต้น ทำให้คนที่กำลังรับประทานอาหารชะงักอาการในทันที
“คาร์ตีนี...” ดีแลนด์พึมพำออกมาเบาๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองแล้วพบว่านางแบบสาวชื่อดังอดีตคู่ควงที่เขาเคยมีสมพันธ์ด้วยกำลังเดินตรงเข้ามาหา
“ไม่พบกันหลายปี คุณก็ยังดูดีไม่เปลี่ยนเลยนะที่รัก”
คาร์ตีนีเอ่ยพลางวางสะโพกลงมาบนที่เท้าแขน นั่งกระแซะชายหนุ่มโดยจงใจเบียดอกอวบอิ่มเสียดสีลำแขนแกร่ง ขณะโน้มหน้าลงจูบทักทายชายหนุ่มเหมือนเช่นทุกครั้ง
ดีแลนด์นั้นไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวกับอาการดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย เพราะทราบดีว่าอดีตคู่ควงของเขามักจะหว่านเสน่ห์กับผู้ชายไม่เลือกหน้าจนติดเป็นนิสัย และนั่นก็เหตุผลอีกข้อหนึ่งที่ทำให้เขาเลิกกับหล่อน แล้วตัดสินใจหันมาคบหาและแต่งงานกับรีเบคก้าแทน จึงทำให้ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของสองสาวขาดสะบั้นลง และนับตั้งแต่นั้นมาต่างฝ่ายต่างก็ตั้งตนเป็นปรปักษ์ต่อกัน
“คุณเองก็เช่นกัน ไม่อย่างงั้นคงไม่ครองตำแหน่งนางแบบแถวหน้ามาจนทุกวันนี้”
“ยังปากหวานเหมือนเคยเลยนะคะ ว่าแต่...คุณมาทำอะไรที่นี่คะดีแลนด์ ฉันคิดว่าคุณอยู่ที่ลอนดอนหรือไม่ก็ดูไบเสียอีก”
“ผมพาว่าที่ภรรยามาพักผ่อน”
“ว่าที่ภรรยา? นี่คุณจะแต่งงานเหรอคะ ทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน”
คาร์ตีนีมีสีหน้าแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะไม่เคยมีข่าวซุบซิบว่าชายหนุ่มคบหาหรือให้ความสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ นับตั้งแต่ที่เขาหย่าขาดจากอดีตภรรยา
“ผมกับพิมพ์เราเพิ่งตัดสินใจว่าจะแต่งงานกันเมื่อวานนี้เอง”
ดีแลนด์ไม่ได้พูดเปล่า หากแต่สบตาซึ้งกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วเลื่อนมือไปกุมมือเรียวไว้ ใบหน้าระบายยิ้มออกมาอย่างเปี่ยมสุข ขณะไล้ปลายนิ้วไปบนหลังมือเรียวก่อนจะยกขึ้นจรดริมฝีปาก
การกระทำของชายหนุ่มที่บ่งบอกว่าทั้งรักและหวงแหนผู้หญิงตรงหน้าอย่างสุดหัวใจ ทำให้คนที่นั่งกระแซะอยู่ข้างๆ อดที่จะนึกหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้ ตวัดสายตามองก็ต้องร้องถามด้วยความแปลกใจ เมื่อพบว่าผู้หญิงที่ดีแลนด์จะแต่งงานด้วย ไม่ได้สวยเฉี่ยวหรือเซ็กซี่เหมือนรีเบคก้า หากแต่ดูสดใสมีชีวิตชีวาไม่กร้านโลกเหมือนอดีตภรรยาของเขา
“ผู้หญิงคนนี้น่ะเหรอที่คุณจะแต่งงานด้วย”
“ใช่ เธอชื่อพิมพ์ลดา”
หลังจากแนะนำว่าที่ภรรยาและสนทนากันอยู่สักพักใหญ่ ดีแลนด์ก็ขอตัวพาพิมพ์ลดาไปหาซื้อเสื้อผ้าและลองชุดแต่งงานตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก โดยปล่อยให้นางแบบสาวมองตามด้วยความอิจฉา
ถึงแม้ว่าสิ่งที่รับรู้จะไม่ได้ทำให้คาร์ตีนีรู้สึกดีสักเท่าไหร่นัก แต่ถึงกระนั้นริมฝีปากได้รูปสวยก็หยักขึ้นเล็กน้อย รู้สึกสะใจ เมื่อคิดไปว่าหากแม่เพื่อนรักที่ผลัดกันชิงรักหักสวาทได้รู้เรื่องดังกล่าวจะรู้สึกเช่นไร และเจ้าตัวยังมั่นใจกล้าที่จะประกาศอีกไหม ว่าต่อให้หล่อนเลิกรากับดีแลนด์ เขาก็จะไม่มีวันชายตามองผู้หญิงอื่น!
*******************************
ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายที่จะลงให้อ่านกันค่ะ
เสน่หาภรรยาครึ่งปี by กันต์ระพี จัดทำเป็นe-book เท่านั้นค่ะ นักอ่านท่านใดสนใจสามารถหาโหลดอ่านได้แล้วที่...
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTE5MzI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMTQ3MTQiO30

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ค. 2557, 11:37:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ค. 2557, 10:36:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 1799
<< ตัวอย่างเนื้อเรื่อง | ตัวอย่างเนื้อเรื่อง >> |