ตะวันบนพื้นน้ำ
เขาเปรียบดังตะวันสาดแสงลงบนพื้นน้ำ

แผดเผากระจายไอร้อนบ่อนทำร้าย

ตะวันไม่เคยเห็นค่าพื้นน้ำแม้แต่หยดเดียว

.......................................................

ขอเมนสักนิดน๊า
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 10 สูญเสีย

มือบางรีบกระชากหนังสือพิมพ์จากเจ้าของ



สายตาไล่เรียงตามตัวอักษร



คนถูกแย่งนิ่งเฉยไม่ว่ากล่าวจากอาการเร่งร้อน และหน้าซีดทำให้อีกคนพลอยกังวล



'ดับอนาถ บ้านคุ้มกัน'



เวลากลางดึก เพลิงได้ลุกไหม้เผาผลาญ



บ้านใหญ่ ของบ้านคุ้มกัน



สาเหตุคาดว่า เกิดจากแก๊สระเบิด



รายงานผู้เสียชีวิต นับร้อยๆศพ



++นายเอ ขาวบ้านแถบนั้นเล่าว่า



เนื่องจากเป็นวันรวมพลทำให้



ผู้คนมารวมตัวเพื่อทำพิธี



ซึ่งจัดขึ้นทุกปี ทำให้เหตุการณ์ในครั้งนี้



ไม่มีผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว++



สภาพแวดล้อมข้างกายหมุนเวียน จนน่าอึดอัด



เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ ล้มหายตายจากไปเพียงชั่วข้ามคืน



บ้านคุ้มกัน เป็นเพียงชื่อเพื่อบังหน้า ฐานะจริงนั้น



สำนักคุ้มกัน



"ลุง ทำไมลุงตั้งชื่อง่ายจังค่ะ"



"มันจะได้ไม่ยากไง" คำตอบของเจ้าสำนัก เรียกความขบขันจากรอบข้างได้อย่างดี



"ลุง" เสียงสะท้านยามเรียก หยาดน้ำไหลคลอรอบดวงตา



ไม่มี ลุง น้า พี่น้องรวมมิตร



หยาดน้ำไหลรินไม่ขาดสาย ความเศร้าอาดรูเกาะกิน



"สาม สาม สาม" ไร้การตอบสนอง สองร่างกอดกันถ่ายทอดพลังใจ



แม้ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เจ้าของข้าวก็ไม่ตอแยซักถาม อาการเพื่อนใหม่น่าเป็นห่วง



กล่องข้าวถูกทอดทิ้ง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะเหือดหายไปในพริบตา



ลาก่อน บ้านคุ้มกัน



กริ๊งๆๆๆ



เสียงออดปลุกให้ชีวิตหนึ่งชีวิตรู้สึกตัวพักหนึ่งก่อนกลับสู่ความเฉื่อยชา



"สาม กลับกับเรานะ" บัวผยุงร่างบางออกจากห้อง



"ไม่เป็นไร เรากลับเองได้" ปลดมือเพื่อนออกจากแขน



"ไม่เป็นไร" สองขาก้าวไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย



แสงตะวันจางแสงอ่อนลง ทิวาราตรีกำลังจะเข้าครอบคลุม



ร่างบางเดินตามลำพัง ไม่คำนึงถึงช่วงเวลา



ภาพความทรงจำถึงคนในสำนักยังคงวนเวียน



เสียงหัวเราะ ร้องไห้ แจ่มกระจ่างชัด



รอยยิ้มบนริมฝีปาก สว่างขึ้นราวคนบ้า สติสะตังไม่อยู่ในโลกใบนี้เสียแล้ว



ลืมกระทั่ง



"ถ้าเจ้าไม่ขึ้นรถก่อนมืด เจ้าจะได้เห็น......นรก"



ตะวันแสงสุดท้ายลาลับ



ไอเย็นยะเยือกแผ่กระจายออกจากเรือนแหวนบนนิ้วชี้



จากเบาบางค่อยๆหนาแน่นขึ้นเรื่อย จนครอบคลุมทุกอณูของสรรพภางค์กาย



อุณหภูมิเริ่มลดฮวบฮาบอย่างไม่ทันตั้งตัว



นรกเยือกแข็ง หนาวจนตาย !!!



ความเย็นยังไม่อาจเรียกสติของหญิงสาวได้



"สาม เจ้าหายไปไหนมา" เสียงมาก่อนตัวเสียอีก อีกฝ่ายไม่รับรู้



"สาม" มือหนาเริ่มเขย่าเรียก



ไร้การตอบสนอง



"สาม" ช้อนอุ้มร่างบางขึ้นนั่งข้างคนขับ


เสียงเครื่องยนต์แล่นห่างออกไปทิ้งไว้เพียงลอยฝุ่นกระจาย



ประตูบานหนา ไม่ต้องเปิดกุญแจ ร่างสองร่างผ่านเข้าด้านในอย่างง่ายดาย



เวทย์ที่ร่ายไว้ยังไม่จาง แม้จิตใจจะไม่รู้สึกแต่ร่างกายเริ่มประท้วง



เจ้าของร่าง ไม่อยู่ในสภาวะปัจจุบันอีกต่อไป



ร่างบางถูกวางลงบนเตียงนุ่ม ฝ่ามือหนาส่งไออุ่นประกบบ่าไล่ความหนาวเย็น



"สาม" แก้มบางถูกกระทบเรียกสติ



แววตาเบือนมาสบก่อนหยาดน้ำไสจะไหลลงราวปีบแตก



"สำนัก ไม่เหลือ สำนัก" จากข้อมูลเพียงน้อยนิดทำให้ชายหนุ่มเริ่มเดาได้



รอยยิ้มเหยียดปรากฎขึ้นวูบหนึ่ง



เร็วจนหญิงสาวไม่มีโอกาสได้เห็น!!!



ร่างบางนั่งนิ่งบนเตียงกว้าง พึมพำซ้ำซากวกวน



อีกร่างผลิวกายออกด้านนอก



ผละจากหญิงสาวผู้บอบช้ำ ออกท่องยามราตรี



"ก๊อกๆๆๆ" หญิงสาวผมยาวกำลังหวีผมหน้ากระจก



แอ๊ด



ประตูบานเล็กเปิดกว้าง



"เซอไพร์"



"นากิม" สองร่างตะคองกอดเข้าหลังบานประตูบานเดิม

……………………………………………………………………………………………………..

"สำนัก ไม่เหลือ สำนัก ลุง" ตะวันสาดแสงทอดอ่อนเข้าเบิกอรุณ



ร่างบนเตียงยังคงไม่เปลี่ยนท่า นั่งงึมงำ



บ่นซ้ำๆ จำเจ



ชายหนุ่มเข้าห้องเมื่อย่ำรุ่ง สอดส่ายหาร่างบาง



อารมณ์พุ่งขึ้นอย่างมิอาจระงับ แม่คุณยังนั่งท่าเดิม



ชุดเดิม และอาการเดิม จะไม่ให้โมโหได้อย่างไง



"สาม" แรงเขย่าไม่อ่อนโยน รุนแรงปนผสมอารมณ์ที่โหมขึ้น



"ไปอาบน้ำ จะได้ไปเรียน" แววตาอ่อนล้าเบือนมาสบแวบหนึ่ง




"ฉันหยุด" เบาบางแหบแห้ง



"เจ้าเป็นอะไรของเจ้า" ตะคอกเลยคราวนี้



"ช่างเถอะ นายไปเรียนเถอะเดี๋ยวสาย" ยิ้มให้



"ไม่ต้องมาฝืนยิ้ม" แก้มถูกบีบ ชายหนุ่มผ่อนแรงลงกลัวแก้มใสเป็นรอย



"ไปเถอะ เดี๋ยวสาย"



"ช่างหัวมัน เจ้าไม่ไป ข้าก็ไม่ไป" กอดอดหน้าบึ้งราวกับเด็กสามขวบ



"ไปเถอะ เดี๋ยวโบว์เหงา" ยิ้มอีกรอบ



"..........." คำพูดถูกกลืมหายไปกับรสสัมผัสอย่างไม่ทันตั้งตัว



ริมฝีปากโดนรุกราน ลิ้นเรียวแทรกสอดอย่างชำนาญ



(ห่วงเพื่อน เจ้าห่วงเพื่อนที่ไม่สนใจเจ้า เจ้า........)



ความคิดภายในขัดแย้งอย่างเงียบเฉียบขีดแบ่งสองเส้นทาง ชายหนุ่มต้องเป็นคนเลือกเดิน



"เลิกฝืนยิ้มเดี่ยวนี้" การรับรู้เพียงแค่พยักหน้าตอบและกลับเข้าสู่อารมณ์เดิม เหม่อลอย



หากอยู่ในภาวะปกติแก้มหนาของชายหนุ่มต้องแดงช้ำจากแรงฝ่ามือไปแล้ว

...................................................................................................

รถคันงามแล่นออกจากหอพัก สีหน้า ท่าทาง แสดงออกหมด



ความสุข ความรื่นรมย์ฉาบเต็มทั่วใบหน้า



"แค่เริ่มต้น.......สาม "



เสียงหัวเราะดังสะท้อนไปกับสายลม

……………………………………………………………………………..

"ท่านพี่ ลูกเรา" ความห่วงใยแผ่ล้น



"ชะตากรรม ไม่อาจฝืน"



"ท่านพี่" ใจนางร้อนราวไฟลน



"เราจบกับโลกทางนั้นนานแล้วเนวี" บนปุยเมฆขาวสองร่างตะคองกอดเฝ้า


มองสรรพสิ่งเบื้องล่างได้เพียงรับรู้ไม่อาจแก้ไขอะไรได้เลย




ชะตากรรมกำลังหมุนวน ทางไหนเล่า ใครจักรู้



------------------------------------------------------------



ยามสนธยาแผ่กระจายโอบอุ้มทั่วทุกทิศทาง



รถสมรรถนะสูงแล่นกลับเข้ายังที่พัก



วิญญาณไก่ถูกสังเวยอยู่ในกล่องโฟมสองกล่องพร้อมน้ำจิ้มรสดีควบคู่กับน้ำซุบเหลืองใส



ชายหนุ่มหาซื้อจากข้างทาง เพื่อบริการใครบางคน



ก๊อก แก๊ก



แอ๊ด เสียงบอกถึงการมาของอีกคน



เตียงยับยู่ยี้ จากแรงนอนทับของคนใช้ ไอร้อนจากผ้าปูทำให้รู้ว่าคนนั่งเพิ่งลุกไปได้ไม่นาน



เสียงจากฐานที่มั่นเป็นตำตอบที่ถูกเฉลย



ซ่า ซู่ หลังบานประตู ร่างอรชรกำลังพันผ้าขนหนูผืนนิ่ม เช็ดทั่วทุกบริเวณเปียกปอน



เสื้อยืดสีน้ำเงินกับกางเกงขาสั้นคลุมเข่าสีเขียวเข้ม ภาพแรกมุ่งเข้าสู้สายตาของอสูรหนุ่ม



ตาใสบวมช้ำผ่านการใช้งานอย่างหนัก ปากแดงแตกระแหง



ผมยาวถูกขมวดเป็นก้อนอยู่ภายใต้ผ้าขนหนูขาวบริสุทธิ์



ภายในคืนเดียวร่างอันบอบบางสามารถทรุดโทรมได้ถึงเพียงนี้



"กินข้าวกัน" อีกฝ่ายเพียงพยักหน้ารับรู้ เดินราวกับหุ่นเชิดเข้าประจำที่นั่ง



มือขวาตักข้าวเข้าปาก ดวงตาเหม่อลอย



มือหนาโบกสะบัดไปมา เรียกสติ



ไร้ผล แค่ลุกไปอาบน้ำได้ก็บุญแล้ว



ข้าวพร่องลงเพียงสามสี่ช้อนไก่ยังไม่ถูกสังเวยเข้าปากสักคำ



มือบางหยิบจานเตรียมเก็บล่าง



หมับ!! จานข้าวถูกวางลงอีกครั้ง



"แค่นี้มันจะอิ่มไหม มานี่เลยนั่งลง" ร่างบางถูกกดลงบนพื้นห้อง



"อ้าม"ช้อนแรกจ่อตรงริมฝีปาก คนป้อนส่งสายตา (กินเข้าไป)


หากเป็นเวลาปกติ ช้อนข้าวคงกระเด็นเป็นแน่



"อ้าม"ช้อนสองส่งรออย่างต่อเนื่องไม่ช้าข้าวมันไก่ก็อันตธารลงท้องหญิงสาว


ตามเจตจำนงค์ของคนป้อน



"นี่อีก"คนป้อนยังไม่ยอมปล่อย น้ำซุบร้อนๆล่อนลงลำคอเป็นอันดับถัดมา



จานชามถูกเก็บอย่างเรียบร้อยจากฝีมือของร่างสูง



โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กถูกพับเก็บเข้าข้างฝา ที่มาของโต๊ะมายังไงหญิงสาวยังไม่รู้เลย



แต่นั้นไม่อยู่ในห้วงความคิดในเวลานี้



"นอน พรุ่งนี้ไปเรียน" ไม่รอรับการตอบรับ


ร่างบางถูกช้อนอุ้มวางบนเตียงนุ่มสัมผัสปกป้อง ถนุถนอม



ไร้การขัดขืน ไร้การต่อต้าน จนทำให้สิ่งมีชีวิตในห้องเริ่มหงุดหงิด



ทั้งที่น่าจะชอบเพราะหญิงสาวว่าง่ายเสียเหลือเกิน


หากความรู้สึกอีกส่วนกลับแย้งอย่างเงียบเชียบ



น่าเบื่อ ใครก็ได้นำเจ้าคนเดิมกลับมาที



(ใช้เวทย์ลบความทรงจำ)ความคิด1



("ได้ไง ผิดเป้าหมาย")ความคิด2



(ใช้เลย นายทำได้)



("อย่าลืม เป้าหมาย")



ใช่ เป้าหมาย มือหน้าหยุดสัมผัสแก้มใส ดวงตาวาวโรจน์ยามทอดมองร่างในนิทรา



รอยยิ้มแบบเดิมกลับมา ยิ้มเย้ยทุกสิ่ง เจ้าคือเป้าหมายข้า



เหลือเพียงไออุ่นของความห่วงใยก่อนความเข้มข้น



ของความอาฆาตจะเข้าแทนที่ไล่บี้ไออุ่นแรกจนสลายไปกับร่างชายหนุ่ม





……………………………………………………..10





ลายหมึก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ค. 2557, 00:19:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ค. 2557, 00:19:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 901





<< ตอนที่ 9 บ้านคุ้มกัน   ตอนที่ 11 ไฟ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account