ตะวันบนพื้นน้ำ
เขาเปรียบดังตะวันสาดแสงลงบนพื้นน้ำ

แผดเผากระจายไอร้อนบ่อนทำร้าย

ตะวันไม่เคยเห็นค่าพื้นน้ำแม้แต่หยดเดียว

.......................................................

ขอเมนสักนิดน๊า
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 11 ไฟ

รุ่งเข้าแสงสว่างไล่ปลุกร่างบนเตียง การรับรู้ ความสัมผัสพุ่งตรงเข้าหา



ความโศกเศร้าผ่านพ้น สมองเริ่มโลดเเล่น การหักใจเป็นคำตอบที่ดีที่สุด



ลาก่อนลุง ลาก่อนพี่น้องร่วมมิตร สิ่งที่หลงเหลือ ค้างคาใจ



ไฟไหม้ อุบัติเหตุ ใช่หรือ



บ้านคุ้มกันจบง่ายดายเกินไป ไฟธรรมดาไม่อาจเผาทำลาย



รอบสำนักจะลงอาคมป้องกันอย่างแน่นหนายากที่จะทำลาย



ไฟจากไหนกันเล่า มีเพียงหนึ่งเดียว ไฟบรรลัยกัณฐ์



"พี่สอง ทำไมไฟเป็นสีดำค่ะ" เด็กน้องมองจ้องรูปเปลวเพลิงในสมุดภาพ



"ไฟบรรลัยกัฐณ์" จบคำ ร่างคนตอบหายวับไปกับตาสร้างความตกตะลึงกับเด็กน้อย



"สอง อย่าแกล้งน้อง" เสียงดุมาก่อนตัว



"เจ้าค่ะพี่สาม แหมแตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะ" ประชดประชัน พร้อมหายตัวไปอีกครั้ง



"สอง" ไม่ทัน คนประชดหนีไปเสียแล้ว



"พี่หนึ่ง" ร่างน้อยวิ่งเกาะชายเสื้อ



"จ๊า ไงเรา" ขยี้ผม เอ็นดู



"ไฟบรรลัยกัฐณ์คืออะไรค่ะ" ความสงสัยยังไม่หมด ต้องรีบค้นหาคำตอบ



"สามรู้จักเหรอค่ะ" แก้มบางถูกสัมผัสหนึ่งฟอด



"นี่ค่ะ" เลื่อนสมุดภาพ ให้พี่ชายดู



++ไฟบรรลัยกัณฐ์ เป็นไฟจากโลกอื่น แผดเผาทำลายได้ทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่



เวทย์หรือมนตราขั้นสูง มีอำนาจทำลายล้างมหาศาล



การดับไฟนั้นต้องใช้เลือดของผู้บริสุทธิ์จึงจะสามารถดับลงได้ในพริบตา



ไฟบรรลัยกัณฐ์เป็นไฟอันตราย เวทย์จะถูกสืบทอดในหมู่ปีศาจระดับสูงจากรุ่นต่อรุ่น



พวกปีศาจชั้นล่างจะไม่มีโอกาศได้ลิ้มลองความหฤหรรถ์จากการถูกย่างสดของเหยื่อ



อย่างช้าๆ++



หากร่างน้อยในอ้อมแขนอ่านเนื้อความข้างต้นออก



คงไม่ต้องพึ่ง พี่ชายสุดรัก การอธิบายให้เด็กห้าขวบเข้าใจนั้นจึงทำได้เพียง



"ร้อน ร้อนมากเลยสาม ร้อนยิ่งกว่ากระทะบนเตาแก๊สเสียอีกจ๊ะ" เด็กวัยนี้จะเข้าใจหรือไม่นั้น ตอบรับได้เพียง



"ค่ะ"



ความคิดถูกลากย้อนกลับสู่ปัจจุบัน แววกังวลในแววตา



++เวทย์จะถูกสืบทอดในหมู่ปีศาจระดับสูงจากรุ่นต่อรุ่น++



ใครจะคิดเด็กห้าขวบสามารถอ่านหนังสือออกได้



เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้



"ปีศาจระดับสูง" หวาดหวั่นกังวล



--ไฟจะถูกจุดไม่ได้หากไม่มีเชื่อเพลิง-- คำว่าเชื้อเพลิงวิ่งสว่างวาบในหัวสมอง



มาจากไหนไม่อาจรู้ได้ รู้เพียงแค่...........รู้



--เชื้อเพลิงจะเกิดจากเลือดของผู้ใช้--



--รวมกับพลังของแสง---------------------



ปวดจี๊ดขึ้นสมองอย่างไม่มีสาเหตุ



--แสง----------------------------- พยายามคิด ยิ่งปวดเท่าทบทวี



แค่คิดยังยาก แต่ รู้ได้อย่างไร นี่สิน่าแปลกกว่า..................





ไฟจะถูกจุดไม่ได้หากไม่มีเชื้อเพลิง



ตัดอาการปวดหัว ย้อนกลับมาหาเบาะแสแรก



สืบ ต้องสืบ จะไปยังไงคืออีกเรื่อง



ระยะทางไกลเกิน หากพี่สองยังอยู่คงดี



พี่คนกลางสามารถย้ายข้าวของได้ตามใจนึก จนทำให้น้องคนเล็กแอบอิจฉาอยู่บ่อยครั้ง



และทุกครั้งพี่ชายคนโตจะเข้ามาโอบอุ้มปลอบประโลม



"สามยิ้มสิค่ะ" เปิดยิ้มกว้างเป็นตัวอย่างให้น้องคนเล็ก



"ทำไมสามไม่มีพลังค่ะ" ใบหน้าหม่นเศร้า



"ยิ้มของสามคือพลังไงค่ะ พลังของพี่เพียงคนเดียว" แก้มใสถูกสัมผัสแผ่วเบาสายสัมพันธ์เชื่อมแน่น



"สองหล่ะ พี่หนึ่งลืมสองได้ไงแบ่งกันสิค่ะ" พี่คนกลางอยากมีส่วนร่วม



"ไม่ได้ ไม่ให้" หวงแหน แววตาเปร่งประกายกล้า สื่อความแค่เพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รับรู้



"โถ สองขอแค่40%ก็ได้" แววตาคมกล้าหันมาสบ



"เงียบ........" ไร้สิ้นคำตอบรับจากชายหนุ่ม

……………………………………………………………………





หลายพันไมล์



ในดินแดนทะเลทรายอันร้อนระอุ ร่างในชุดผ้าเนื้อบางครุ่นคิด ย้อนลงจมในพะวัง



"โถ สองขอแค่40%ก็ได้" ครั้งนั้นความเงียบเป็นคำตอบของพี่ชาย



เพียงแค่อยากจะแหย่ร่างสูง



รู้ดี ชายคนนี้หวงน้องคนเล็กยิ่งชีวิต



แรกๆ ต้องมีน้อยใจเป็นธรรมดา หลังๆเริ่มทำใจได้



อิจฉาไปไย ในเมื่อ น้องคนเล็กต้องการ ความรักความเมตตาเหนือสิ่งอื่นใด ไม่เสียดายหรอก



ที่จะแบ่งปันความรักภายในครอบครัวให้กับเด็กผู้มาใหม่ เด็กที่เคยเศร้าซึมเมื่อหลายปีก่อน



ไม่พูดไม่จา ได้แต่มองไปบนฟ้าแล้วร้องลั่น มือน้อยปิดหน้า หลีกหนีความจริงบางอย่าง



"สอง เร็ว" ร่างในชุดพื้นเมืองอารเบียสีเข้มเดิมมาตาม



"เจ้าค่ะ พี่หนึ่ง" ป่านนี้น้องคนเล็ก คงร้องไห้ขี้มูกโป่งทุกวัน



ความคิดเรียกรอบยิ้มบนแก้มบุ๋ม

………………………………………………………………………………..

ร้องไห้หรือ มีบ้าง นิดหน่อย แต่ไม่ใช่ในเวลานี้ สามของเรากำลังรีบ อย่างมาก



"สายๆๆ สายๆๆๆ" ตามองหน้าปัดทรงกลมบนผนังห้อง ก่อนร้องเสียงดังลั่น



ห้องสี่เหลี่ยมไร้วี่แววของชายหนุ่ม การเดินทางไปเรียนจึงต้องพึ่งรถประจำทาง



สองขาก้าวขึ้นบันไดสามขั้นหากแขนบางกลับถูกลากกลับไปยังพาหนะดำสนิท



เจ้าของนิ่งเงียบ ไม่ปริปาก ความสงบระอุบนอุณหภูมิเย็บเฉียบ



คนมาส่งเดินผละไปทางชั้นเรียนระดับสูงสุด ทิ้งร่างบางเดินเข้าห้องตามลำพังเหมือนเช่นทุกครั้ง

…………………………………………………………………………………………….



ระยะเวลาเดินวนผันเปลี่ยนตามกาลเวลา ตะวันคล้อยเลื่อนตำแหน่งลงตรงดิ่งบนหัวของทุกคน



กริ๊งๆๆๆๆ เสียงบอกว่าโรงอาหารกำลังจะมีรายได้ ไหลมาเทมา



สองสาวนั่งทานข้าวที่เดิม กับข้าวยังหลากหลายเช่นเคย



รอยยิ้มจากร่างบางทำให้เจ้าของข้าวสบายใจ ไม่มีการซักถามเซ้าซี้ให้มากความ



การอยู่ด้วยกัน เคียงข้าง คอยดูแลกันและกันต่างหากที่สำคัญ

…………………………………………………………………………………………

ห่างออกไป.........................................................



อากาศบนเขาเย็นสบาย หมอกยามเช้าสลายหายไปกับแสงแดด



หยาดน้ำบนยอดหญ้าระเหยกลายเป็นไอตามความร้อนที่เพิ่มขึ้น



ภายในล๊อกเกอร์สีเงิน จดหมายดำสนิทวางสงบนิ่งรอคอยการรับรู้ของเจ้าของ



"แอ๊ด" สัญญาณเตือนถึงอันตราย



"หวัดดีเจ๊า เฮามาปะกั๋นสักกำบ่ นายน้อย" ประโยคแรกเลียนแบบคำเมือง

*คำแปล (หวัดดีเจ๊า เจอกันหน่อยสิ)



ข้อความในจดหมายกระตุ้นอารมณ์ของคนอ่าน ท้าทายและไม่ยำเกรง



ก้านธูปดำสนิทกำแน่นติดมือคนอ่าน เริ่มอีกครั้ง



....................................................................11



ลายหมึก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ค. 2557, 00:35:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ค. 2557, 00:35:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 831





<< ตอนที่ 10 สูญเสีย   ตอนที่ 12 ข้าเล่นได้คนเดียว >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account