กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....


Tags: โรแมนติก..

ตอน: 26. ม่าก็อยากไปเห็นโลกกว้าง



26.
วันทั้งวันอรพิมชะเง้อชะแง้ไปทางไซด์งานแต่ว่าก็ไม่เห็นเงาของถมยา อรพิมเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ดูเบอร์โทรและข้อความของถมยาที่ส่งมาให้เมื่อเช้าหลาย ๆ ครั้ง ใจหนึ่งก็อยากจะโทรไปคุยกับเขา แต่อีกใจ ก็เธอไม่ได้รักเขา แล้วจะไปใส่ใจเขาทำไม..อรพิมทำงานด้วยใจที่สับสนวุ่นวาย มีข้อผิดพลาดทางเอกสารมากมายจนกระทั่งถูกเจ้านายตำหนิ อรพิมรู้ว่าสาเหตุนั้นมาจากการที่ถมยาทำหมางเมินใส่เธอ ไม่มาตามตื้อ ไม่มาง้ออย่างที่เธอคาดการณ์ไว้

กระทั่งได้เวลาเลิกงาน แรกทีเดียวพ่อถามว่าจะให้มารับกลับบ้านหรือเปล่า แต่อรพิมคิดว่า เย็นนี้ถมยาอาจจะตามมาตอแย ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอก็จะทำเป็นจำใจ ว่าต้องซ้อนท้ายรถเขากลับบ้าน แต่เอาเข้าจริง ๆ เธออยู่ที่ออฟฟิศจนกระทั่งตะวันลับฟ้า ถมยาก็ยังไม่ออกมาจากไซด์งาน อรพิม ตัดสินใจปิดประตูแล้วเดินไปยังไซด์งาน คนงานชายทั้งกลุ่มมองอรพิมตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่โดยส่วนมากก็มองเฉพาะช่วงต้นขา และหน้าอก จนกระทั่งอรพิมรู้สึกคิดผิดที่เดินเข้ามาด้านใน

“มาหาใครหรือครับ” หัวหน้าคนงานเอ่ยปากถาม

“มาดูงานนะว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว” อรพิมตอบไปอย่างนั้น

“ก็..ตามกำหนดแหละครับ..แล้วคุณอรพิมยังไม่กลับบ้านอีกหรือครับ”

“กลับแล้ว..ไปละ”ว่าแล้วอรพิมก็หันหลังเดินเร็ว ๆ เพื่อให้พ้นจากสายตาพวกคนงานที่ดูหื่นกระหาย จนกระทั่งมาถึงหน้าออฟฟิศ แล้วอรพิมก็ยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าถมยานั่งคร่อมรถมอเตอร์ไซด์ของเขารออยู่ที่หน้าทางออก อรพิมยิ้มให้ แต่ถมยายังคงปั้นหน้านิ่ง ๆ

“เป็นอะไร” อรพิมเดินเข้าไปจนกระทั่งเกือบประชิดตัวคนหน้าเด็ก ซึ่งวันนี้อรพิมรู้สึกว่าใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าวัยนั้นทำให้เขาน่ารักอยู่ไม่น้อย

“นั่งเล่น”

“ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“สนใจผมด้วยเหรอ”

“ก็..เมื่อเช้าขอโทษนะ”

“ขอทำไม”

“พ่อฉันนะสิ ให้ออกมาด้วย ฉันไม่รู้จะอ้างอย่างไง”

“แล้วทำไมไม่โทรหรือส่งข้อความบอกกันก็ได้..” ถมยายังคงหน้าบึ้ง

“ก็..ก็..” อรพิมชักสีหน้าครุ่นคิดทั้งที่ในใจลิงโลดเป็นอย่างมากที่ถมยายืนอยู่ตรงนี้ อยู่ในสายตาไม่ปล่อยให้เธอคิดถึงและหงุดหงิดฟุ้งซ่านตามลำพัง

“ก็..พอดีฉันรีบ..ก็เลยลืม”

“ผมมันไม่ใช่คนสำคัญนี่”

จริง ๆ อรพิมอยากจะย้อนเขาอย่างเจ็บ ๆ แสบ ๆ ไปว่า ‘ถูก’ แต่ว่า เวลานี้ เธอก็ไม่อยากทำให้เขารู้สึกไม่ดีกับตัวเธอ และถ้าไม่โกหกตัวเอง อรพิมรู้สึกว่า เธอ ‘แคร์’ ความรู้สึกของเขาอยู่ไม่น้อย

“งั้นเย็นนี้ ฉันเลี้ยงไถ่โทษ”

“จะเลี้ยงอะไร” น้ำเสียงของถมยาอ่อนลง สีหน้านิ่ง ๆ ก็พลันมาเป็นใบหน้าที่ซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ อรพิมอยากจะดีดปลายจมูกเขาเสียจริง ๆ แต่ว่า เธอก็ต้องสงวนทีท่าไว้เช่นกัน

“เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยนี่แหละ”

“นึกว่าจะเลี้ยงดีกว่านั้น”

“ให้สองชาม”

ถมยาทำหน้าครุ่นคิด..ก่อนจะขยับตัวดึงหมวกกันน็อคที่แขวนไว้หน้ารถส่งให้

“ใส่ซะ”

“ซื้อเพิ่มอีกใบเลยเหรอ”

“อืม..ไม่อยากถูกตำรวจจับ แล้วมันก็ปลอดภัยด้วย แต่มันก็มีข้อเสีย”

“ข้อเสียอะไร”

“มีแล้วกัน..ขึ้นรถ”

อรพิมที่สวมหมวกกันน็อคแล้วมองเบาะรถ สีหน้าบอกให้รู้ว่าลำบากใจ..


“ฉันนุ่งกระโปรงนะ มัน..เอ่อ ฉันไม่เคยซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ด้วยท่านั่งเอียงข้าง..ฉันกลัวตก”

“ลองนั่งดูก่อน ผมจะพยายามขี่ช้า ๆ มาลองดู”

อรพิมพยายามปีนขึ้นไปนั่งอย่างทุลักทุเล และพอมั่นใจว่านั่งได้แล้ว อรพิมก็ต้องรู้สึกซ่านไปทั้งหัวใจเมื่อถมยาใช้มือข้างขวาของเขาจับมือข้างขวาของเธอให้มากอดเอวเขาไว้..

“วันนี้ทนกลิ่นผมหน่อยนะ เหม็นเหงื่อ”

ใช่เหม็นเหงื่อ แต่ว่า อรพิมก็รู้สึกว่า กลิ่นเหงื่อผู้ชายมันทำให้เธอผ่อนคลายอย่างที่ตำราว่าไว้จริง ๆ และพอรถเคลื่อนตัวไปข้างหน้า อรพิมจึงได้รู้ว่า หมวกกันน็อคที่สวมอยู่นั้น ข้อเสียของมันก็คือ เธอไม่สามารถใช้ใบหน้าแบบไปที่แผ่นหลังของเขาได้นั่นเอง..


หลังจากได้มีชื่อเป็นผู้ครอบครองที่ดินจำนวนห้าสิบไร่เรียบร้อยแล้ว พอเดินลงจากสำนักงานที่ดิน กุสุมาก็เกาะแขนย่าแล้วก็บอกว่า

“ย่า ..วันนี้ม่าขอตัวกลับกรุงเทพฯก่อนนะ..”

คนเป็นย่าชักสีหน้าแปลกใจ เพราะก่อนหน้านั้นคนอื่น ๆ ดูถูกน้ำใจกุสุมาไว้ว่า พอได้ที่ดินไปแล้ว มันก็มองย่าเป็นคนอื่นเหมือนเดิม เรื่องหวังฝากผีฝากไข้นั้นอย่าไปคาดหวัง

“คือ ม่า มีเรื่องที่ต้องทำ”

“เรื่องหนุ่ม ๆ สาว ๆ ละซิ” ป้าอุดมล้อเลียน เพราะเมื่อคืน พอฝนหยุดตกกุสุมาก็ออกจากมุ้งมาคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอก และกว่าจะกลับเข้าไปนอนก็กินเวลาเกือบสามชั่วโมง พอกุสุมาเข้านอนนางก็เอ่ยปากถาม และกุสุมาก็บอกว่า คุยเป็นเพื่อนคุณสูรย์ ด้วยเดินทางคนเดียวกลัวเหงา ..

“คุณสูรย์ขอม่าแต่งงาน”

ทีนี้เองทั้งย่ากับป้า อ้าปากหวอ..

“อะไรนะ”

“คุณสุรย์ขอม่าแต่งงาน แต่ม่ายังไม่ได้ตัดสินใจ ม่าจะไปปรึกษาแม่ก่อน”

“แล้วตัวเองอยากแต่งไหม”

กุสุมาส่ายหน้า..ส่ายหน้านั้นคือ รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ..

“ทำไมไม่อยากแต่ง เขาก็คนดี” ย่ารีบถามเพราะตลอดเวลาไม่เคยคิดเลยว่า หลานที่อยู่ไกลตาคนนี้จะได้แต่งงานกับผู้ชาย!! แถมเป็นผู้ชายที่หล่อและรวยเสียด้วย

“ม่าอยากแต่ง แต่ว่าขอม่าไปปรึกษาแม่ก่อน คือม่าก็อยากไปเมืองนอก”

คนเป็นย่าถอนหายใจเบา ๆ

“หรือย่าอยากให้ม่าแต่งงาน”

“แต่งก็ดี ชักช้ามันจะเสียโอกาส ถ้าไปแล้วเขาไม่รอละ น่าเสียดายนัก”

“ถ้าไปแล้วเจอกันคนที่หล่อกว่ารวยกว่าละย่า”

“ก็น่าคิด..”

หลังจากร่ำลาย่ากับป้าแล้ว กุสุมาก็เดินไปยังท่ารถตู้ที่จอดอยู่หน้าอำเภอ โดยย่ากับป้านั้นกลับรถยนต์ที่เหมามาจากบ้าน


ระหว่างทางที่รถวิ่งกลับกรุงเทพฯ กุสุมาอยากจะบอกให้สูรย์รู้แทบแย่ว่าตัวเองหมดธุระแล้ว แต่ว่า ถ้าคุยกันบนรถ คนที่นั่งข้าง ๆ ก็คงพาลคลื่นไส้เอาเสียก่อน เพราะเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ฝนหยุดตก ขณะที่เขาขับรถ เขาก็เผยความในใจให้เธอรู้ตั้งมากมาย..

“ฉันเห็นหน้าเราครั้งแรก ฉันก็รู้สึกแปลก ๆ”

“แปลกอย่างไง”

“บอกไม่ถูก แปลก..คุ้นตา”

“คนก่อนละคุ้นตาไหม”

“อย่าพูดถึงเขา อย่าหัดเป็นคนขี้หึง ไม่ดี”

“คุณสูรย์ไม่ขี้หึง”

“ที่สุด..”

“แล้วมาห้ามเรา”


“ไม่อยากให้หึง หึงแล้วเดี๋ยวไม่น่ารัก เพราะหน้าจะงอตลอด เรายิ้มแล้วโลกสดชื่นมาก รู้ไว้ด้วย”

พอนึกถึงถ้อยคำที่เจรจากับเขาตั้งหลายชั่วโมง กุสุมาก็นั่งยิ้มไปตลอดทาง จนกระทั่ง ลงจากรถตู้มาต่อรถแท็กซี่ กุสุมาก็ยังนั่งยิ้มจนกระทั่ง รถถึงบ้าน..พอจ่ายค่ารถกุสุมาก็รีบวิ่งเข้าไปทางหลังร้าน..

“แม่ แม่ ม่ากลับมาแล้ว..อ้าว..แม่พ่อเป็นอะไร”

“เป็นลมนะ” แม่ที่กำลังส่งแก้วยาลมให้พ่อเลี้ยงที่นอนอยู่บนเก้าอี้ที่ปรับเอนได้หันมาหา กุสุมายกมือไหว้พ่อกับแม่ แล้วไปยืนข้าง ๆ แม่ชะง้อดูสีหน้าของพ่อเลี้ยงที่หรี่ตามองเธออยู่

“พ่อเป็นไงมั่ง”

“โรคคนแก่ หน้ามืด..บ้านหมุน..”

“ไปหาหมอไหม ไปไหม เดี๋ยวม่าขับรถให้..”

“แล้วทำไมกลับมาเร็วจัง”.. แม่บังเอิญหันมาซัก แต่กุสุมาไม่ตอบ หญิงสาวเดินไปที่แขวนกุญแจรถยนต์ของพ่อคว้ามา แล้วก็หันมาหาแม่..

“แม่ ไปปิดบ้านพาพ่อไปโรงพยาบาล”

“จะไปทำไม พ่อไม่เป็นอะไรมาก” คนป่วยคิดว่าไม่มาก แต่ว่า ยาลมที่กลืนลงท้องไปเมื่อครู่กับสำลอกออกมาพร้อมกับเศษอาหารเก่า กุสุมารีบวิ่งไปปิดประตูร้านค้า แล้วหันมาช่วยแม่ประคองพ่อบุญโชคที่มีสีหน้าไม่ดีนักไปที่รถ..


“ม่าจ๋า ทำอะไรอยู่” พอคะเนว่ากุสุมาน่าจะเสร็จธุระแล้วก็สะดวกคุยด้วย สูรย์จึงต่อสายไปหา และเป็นธรรมดาของคนที่เปิดเผยใจไปแล้ว การออดอ้อนบอกว่ารัก บอกว่าคิดถึง น่าจะเป็นการผ่อนคลายหัวใจที่อัดแน่นไปด้วยเสน่หา..แต่น้ำเสียงของกุสุมาที่ตอบกลับมา สูรย์ก็ต้องเปลี่ยนน้ำเสียงทันที

“เอ่อ..ม่า ม่ากลับมาแล้วนะ แต่ว่ามาโรงพยาบาลต่อ”

“ใครเป็นอะไร โรง’บาลไหน แล้วกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

กุสุมาค่อย ๆ รายงาน แล้วข้อสรุปของสูรย์ก็คือ..

“อีกเดี๋ยว ฉันคงถึง”


“ไม่ต้องมาหรอก พ่อคงไม่เป็นอะไรมาก หมอกำลังตรวจอยู่ สรุปก่อนค่อยว่ากัน”

“แล้วเงินค่ารักษา”

“พ่อทำประกันไว้ เบิกได้..”

“อืม..มีอะไรโทรหาฉันเลยนะ แล้วนี่ธุระที่บ้านย่าเสร็จแล้วใช่ไหม ทำไมไม่โทรมาบอกว่ากลับวันนี้”

“อยากเซอร์ไพรส์น่ะ..”

“แล้วตกลง ว่าไง ..” คืนวานเขาเร่งเร้าว่าอยากแต่งงาน แต่กุสุมาก็อ้างกับเขาว่าขอคิดดูก่อน และยังไม่ทันจะครบยี่สิบสี่ชั่วโมง เขาก็ถามคำถามนั้นอีกรอบ

“ขอม่าปรึกษากับแม่ก่อน แล้วจะให้คำตอบ”

“คืนนี้เลยนะ”

“แค่นี้ก่อนนะ หมอออกมาแล้ว..เดี๋ยวจะโทรบอก”

วางสายจากสูรย์แล้ว กุสุมาก็รีบประคองแม่เดินไปพบคุณหมอ

“ความดันของน้ำในหูไม่เท่ากันครับ นอนดูอาการสักคืน พรุ่งนี้ก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้”


“แม่ ม่ามีอะไรจะคุยด้วยหน่อย” กุสุมาที่ยืนอยู่ตรงระเบียงห้องพักฟื้นผู้ป่วยเปิดประตูมาบอกแม่ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ฆ่าเวลาอยู่บนโซฟา หลังจากที่พ่อหลับเพราะฤทธิ์ยาไปแล้ว..

“มีอะไรรึ”

“แม่ คุณสูรย์ขอม่าแต่งงาน”

อันที่จริงนางบังเอิญคิดว่าน่าจะได้เห็นอาการขวยเขินของลูกสาว แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังแทน นางบังเอิญก็รู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อย “ยังไม่อยากแต่งใช่ไหม”

กุสุมาพยักหน้า

“ม่าว่าม่ายังเด็กไป..ม่าอยากให้คุณสูรย์พิสูจน์ตัวเองอีกหน่อยว่ารักม่าจริง ๆ และก็ยอมรับในสิ่งที่ม่าเป็นได้”

“เขาสารภาพรักแล้วไม่ใช่รึ ถ้าสารภาพก็แสดงว่าเขารักจริง ๆ และก็ยอมรับในสิ่งที่ม่าเป็นได้”

“แต่งแล้วม่าก็ต้องไปอยู่กับเขา อยู่กับร้านอาหาร ม่าว่า ม่าเอ่อ ม่ายังไม่รู้เลยว่าจะไปช่วยเขาทำอะไรได้..แล้วอีกอย่าง ม่าเพิ่งมาคิดได้ว่า ตอนที่พ่อส่งม่าไปเรียนพ่ออยากให้ม่ามาช่วยงานตรงนี้ มารับกิจการต่อ”

“ตรงนี้ ถ้าไม่มีพ่อ เราเลิกทำก็ได้ กิจการเราไม่ได้ใหญ่โตอะไร รับเหมาต่อเติมบ้านงานเล็ก ๆ ..คนงานเราก็คนละแวกนี้ทั้งนั้น ถ้าไม่ได้ทำงานกับเรา เขาก็ไปทำกับผู้รับเหมารายอื่น เครื่องมือเครื่องใช้ ถ้าไม่ทำ ก็ขายไป..”

“แต่มันก็ทำเงินให้เรา มันทำให้แม่กับม่าสบายมาถึงวันนี้เลยนะ ถ้าพ่อจะทิ้ง ม่าก็เสียดาย มันเป็นกิจการของเรานะแม่”

“สรุปว่าจะไม่ไปออสเตรเลียด้วย”

“ไป..”

“อย่างไง แม่งง”

“อีกอย่างม่าก็อยากไปเห็นโลกกว้าง ถ้าม่าไม่ไป ก็เสียโอกาส”

“แล้วคุณสูรย์เขาจะรอไหวเหรอม่า มันไกลนะ แล้วนานแค่ไหนก็ไม่รู้”

“กาลเวลาน่าจะพิสูจน์ว่าเขารักม่าจริงหรือเปล่า”

“แล้วเราไม่รักเขาเหรอ”

“รัก..แต่ม่าก็กลัว..ม่ากลัวคนในบ้านของเขาอ่ะ ม่าแต่งเข้าไป ม่า เหมือนเด็กกะโปโล พี่สาวเขาคุมร้านโน้น พี่เขยเขาเป็นตำรวจ พ่อแม่เขาแต่งเนื้อแต่งตัวดูดี ออกงานสังคมใหญ่โต..ไหนจะคนที่ร้านอีก ม่าว่ามันน่ากลัวไม่น้อย”

“สับสนแล้ว..เอาเป็นว่า เรื่องนี้ไปคุยกับคุณสูรย์เองแล้วกัน แม่เอง อะไรก็ได้..ทุกอย่างที่ลูกคิดว่าดี ทำแล้วมีความสุข แม่เห็นด้วยทุกอย่าง”

“ม่า อยากอ้างแม่..ม่าอ้างแม่กับเขาได้ไหม”

“ไม่ได้..”


“ทำไมละ..”

“แม่อยากให้เราแต่งงานกับเขาเร็ว ๆ ..แม่ชอบเขา..แม่อยากมีหลาน”



กุสุมาเดินกลับไปกลับมาอยู่ที่ระเบียง ยิ่งรู้ว่าสูรย์ใกล้จะมาถึง กุสุมาก็ยิ่งสับสน จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น กุสุมายืนนิ่ง เพราะรู้ว่า เขาต้องเข้าเยี่ยมไข้พ่อก่อน หลังจากนั้น เขาก็จะเดินเข้ามาคุยกับเธอ และอึดใจใหญ่ ๆ สูรย์ก็เลื่อนประตูกระจกที่มีม่านกั้นไว้อีกชั้น นอกจากดวงตาของเขา กลิ่นดอกกุหลาบสีแดงสด ช่อเล็ก ๆ ก็ทำให้ใจของกุสุมาอ่อนยวบลง..

“ม่า..” ทักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขาก็เลื่อนประตูปิดต่อจากนั้นก็ขยับมาประชิดหญิงสาวที่ยืนอยู่มุมระเบียง

“คุณสูรย์”

“ดอกไม้ เอามาให้” ว่าแล้วเขาก็ส่งดอกไม้ให้กุสุมาเอื้อมมือรับไว้ก้มมองดอกไม้แล้วก็ช้อนตามองหน้าของเขา สีหน้านั้นดูสับสนเป็นอย่างยิ่ง

“เป็นอะไร ไม่ดีใจที่เห็นฉันหรอกรึ”

“ดีใจ..”

“ดอกไม้หอมนะ..ดมดูสิ” ปากให้กุสุมาดม แต่เขาก็ก้มลงดมเสียเอง นอกจากจะดมดอกไม้แล้ว เขาก็ยื่นหน้าเหลื่อมล้ำไปสูดกลิ่นคนที่ถือดอกไม้อยู่ด้วย

“คุณสูรย์..อย่า”

“ดอกไม้ห้อมหอม..”

กุสุมาพยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติ แต่ว่ามันก็รู้สึกอายจนคิดอะไรแทบไม่ออก และเมื่อเห็นว่ากุสุมาทำหน้าแหย ๆ สูรย์ก็ชักสีหน้าประหลาดใจ

“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”

“ม่า เอ่อ” ว่าแล้วกุสุมาก็ยกกุหลาบขึ้นมาสูดกลิ่น “มันหอมจริง ๆ ด้วย”

“เป็นอย่างไร เดินทางเหนื่อยไหม ทำไมไม่โทรบอกให้ฉันไปรับ..”

“ม่าเกรงใจ ม่าไม่อยากรบกวน”

“ทำไมต้องใช้คำว่ารบกวน เรื่องของเราก็คือเรื่องของฉันนะม่า ต่อไปเราจะเป็นคนคนเดียวกันนะ”

“ม่า เอ่อ ม่ากลัวคนอื่นจะหมั่นไส้ม่าเอาได้”
“คนอื่น..ใครเหรอ”

“ก็คนรอบ ๆ ตัวคุณสูรย์”

“ใครจะมีปัญหาอะไร ความสุขของฉัน ทุกคนก็ต้องพลอยยินดี”

“แต่ป้าส้มลิ้มคงไม่”

“วันนี้ ป้าส้มลิ้มเข้ามาหาฉัน ป้าถามฉันว่า ตอนนี้เธอไปฝึกทำกับข้าวที่ไหน ฉันก็บอกไปว่า ฉันมาสอนให้ที่บ้าน เพราะไม่อยากให้ป้ามีปัญหา ทีนี้เอง ป้าเขาบอกว่า เรื่องก่อนหน้านั้น เขาขอโทษ พอดีช่วงนั้นเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ก็เลยหงุดหงิดใส่ ป้าเขาพร้อมจะรับเรากลับไปฝึกงานครัวนะ”
“แต่ม่า..ม่าเสียความรู้สึกกับป้าเขาไปแล้ว”
“รู้ไหม ต่อไป เรานะจะเป็นเจ้าของร้าน เรื่องที่เสียความรู้สึก หรือเรื่องที่มันทำให้เราไม่พอใจลูกน้อง คนในปกครองของเรา เราก็ต้องเก็บไว้ แล้วก็มองหาแง่ดีที่มีเขาอยู่ในปกครองของเราให้ได้”

พอฟังสูรย์พูดยืดยาว กุสุมาก็หัวเราะเยาะความรู้สึกของตัวเอง.

“ม่านี่ เด็กชะมัดเลย ไม่รู้อะไรเลย”

“ฉันไม่ได้ว่าเรานะม่า”

“ม่าก็ไม่ได้ว่าคุณสูรย์ว่าม่าสักหน่อย..ม่าแค่รู้สึกว่าม่าเด็กจังเลย”

“ฉันบอกแล้วว่าไม่เด็กแล้ว..”

“เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ..ทำอะไรไร้เหตุผลมีแต่อารมณ์และความรู้สึก”

“เป็นอะไร มีเรื่องอะไร..”

“เรื่องที่คุณสูรย์อยากให้ม่าตอบ”

“ถ้าม่ายังไม่อยากตอบ ก็ยังไม่ต้องตอบก็ได้”

“แต่อย่างไรม่าก็ต้องตอบ”

“คำตอบ คืออนาคตของเรานะม่า ถ้าเราตกลงกันได้ ผังชีวิตของม่าก็จะเปลี่ยน ของฉันก็ต้องเปลี่ยน”

“คุณสูรย์ไม่กลัวว่าม่าจะไปเป็นภาระให้เหรอ”

สูรย์ส่ายหน้า

“คนทุกคนมีภาระทั้งนั้น..แต่ภาระใหญ่แค่ไหน หากว่า ไม่มีกำลังใจที่จะสู้ ภาระมันก็ชนะเรา..หรือเราไม่อยากเป็นกำลังใจให้ฉัน”

“ม่า...ม่าขอเวลาอีกสักสองปีได้ไหม” น้ำเสียงของกุสุมาชัดถ้อยชัดคำ จนสูรย์ต้องชะงัก

“สองปี..หมายความว่า ม่าจะไปออสเตรเลีย”

“ถ้าม่าไม่ได้ไปออสเตรเลีย สองปีนี้ม่าจะเรียนต่อ แล้วก็ช่วยกิจการของพ่อ..ม่า ม่าอยากประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง ไม่ได้เรื่องาน เรื่องการศึกษาก็ยังดี..คุณสูรย์รอม่าได้ไหม”

“นานนะม่า..แล้วอีกอย่าง ทางฉันก็มีพร้อมทุกอย่างแล้ว”
“แต่ทั้งหมดเป็นของคุณสูรย์ ม่าไม่อยากให้ใครมาว่าม่ามีแต่ตัว..ม่าไปแต่ตัว”

“เราเป็นผู้หญิง ไม่มีอะไรหรอก ผู้ชายต้องรับผิดชอบเลี้ยงดู”

“ม่าขอเป็นผู้หญิงคนพิเศษแล้วกันค่ะ นะคะ”

“งั้นหมั้นไว้ก่อนได้ไหม...”




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 มิ.ย. 2554, 12:12:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 มิ.ย. 2554, 12:17:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 2833





<< 25.“ถามคำเดียว..เรารักฉันไหม”   27 พี่ก็ชักอยากรู้จักไอ้ม่านี่แล้วสิ >>
มะดัน 30 มิ.ย. 2554, 12:35:19 น.
ด้ายยยยยยยย...เซย์เยสเรยม่า


sai 30 มิ.ย. 2554, 13:46:06 น.
โอเคไปเลยนังหนู อิอิ


saralun 30 มิ.ย. 2554, 14:35:30 น.
ตกลงไปเถอะ!! อิอิ


nutcha 30 มิ.ย. 2554, 16:26:19 น.
พอบอกรักแล้วก็แต่งงานเลย...บทจะรุกก็รุกซะม่าตั้งตัวไม่ทันเลยนะคุณสูรย์


nutcha 30 มิ.ย. 2554, 16:26:27 น.
พอบอกรักแล้วก็แต่งงานเลย...บทจะรุกก็รุกซะม่าตั้งตัวไม่ทันเลยนะคุณสูรย์


คิมหันตุ์ 30 มิ.ย. 2554, 17:33:54 น.
ห้าห้า.........เริ่มเป็นว่าที่เจ้าสาวกลัวฝนหรือป่าว?


niny 30 มิ.ย. 2554, 22:02:21 น.
ไม่ได้เม้นท์หลายตอนแล้ว...แต่ติดตามให้กำลังใจอยู่นะ


Zephyr 1 ก.ค. 2554, 13:13:13 น.
ทำวัยรุ่นใจร้อนไปได้คุณสูรย์ รวบหัวรวบหางม่าเลย เฮ้ย หุหุ คนอ่านใจร้อนกว่า หมั้นแล้วตามไปเฝ้าที่ออสเตรเลียเลยดีมะ


namzuza 1 ก.ค. 2554, 14:19:26 น.
แหม่ ๆ แค่หมั้นก็เอานะ ตกลงไปเถอะม่าจ้า สองปีมันก็นานจริง ๆสำหรับคนรอ


silverraindrop 1 ก.ค. 2554, 16:42:05 น.
รีบตกลงด่วนเลยค่ะหนูม่า


ปอยอะนะ 1 ก.ค. 2554, 17:25:26 น.
คุณสูรย์จะสำเร็จไม๊เนี่ย


boonja 3 ก.ค. 2554, 10:59:16 น.
ได้ค่ะคุณสูรย์......ตอบแทนม่าอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account