กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....


Tags: โรแมนติก..

ตอน: 27 พี่ก็ชักอยากรู้จักไอ้ม่านี่แล้วสิ

27.
“อ้าว สูรย์ทำไมกลับบ้านเร็วจัง” แสงจันทร์แปลกใจเมื่อเห็นว่าสูรย์เปิดประตูบ้านเข้ามาตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม แม้มันจะไม่ดึกแต่ว่าเวลานี้ พ่อแม่รวมถึงลูก ๆ ของเธอก็เข้านอนกันหมดแล้ว ส่วนสามีนั้นมาถึงก่อนหน้าสูรย์สักสี่สิบนาทีแต่ก็ขึ้นไปอาบน้ำโดยทิ้งให้แสงจันทร์ดูโทรทัศน์พลางอ่านหนังสือนิยายไปตามลำพัง..

“พี่นารทกลับมาแล้วนี่ ทำไมพี่ยังไม่ขึ้นห้อง”

“แหม...ให้เขามีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง...มานั่งข้าง ๆ พี่หน่อยมีเรื่องจะถาม”

พอสูรย์นั่งลงแสงจันทร์ก็ไม่อ้อมค้อม

“พี่นารทเล่าเรื่องไอ้พวกนั้นให้พี่รู้แล้วนะ”

สูรย์ทำหน้าเมื่อย เพราะวันนี้ตอนที่นฤนารทไปดูข้อมูลที่บันทึกไว้ เขากำชับแล้วว่าอย่าได้นำเรื่องไม่สบายใจเหล่านี้มาให้ครอบครัวได้รับรู้ แต่นฤนารทก็มาแย้มให้แสงจันทร์ฟังจนได้

“ก็รู้เฉพาะกับพี่ ยังไม่ถึงหูพ่อแม่หรอก..”

สูรย์ถอนหายใจเบา ๆ พอดีกับนฤนารทที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีดำคล้ายกางเกงนักเรียนมัธยมกับสวมเสื้อสีขาวเดินลงมาจากข้างบน และพอเห็นว่าน้องเขยกลับมาแล้ว เขายิ้มให้ก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งลงข้าง ๆ แสงจันทร์

“พี่ ค้นแฟ้มอาชญากรรมแล้วนะ สามในสิบคนที่อยู่ในเหตุการณ์ มีประวัติค้ายาเสพติด ขู่กรรโชกทรัพย์ และคดีทำร้ายร่างกาย ส่วนที่เหลือยังค้นไม่เจอ อาจจะเป็นพวกมือใหม่เพิ่งเข้าวงการ”

“มันทำอย่างนั้นเพื่ออะไรหรือสูรย์” แสงจันทร์อยากรู้ เพราะถามนฤนารทแล้วแต่นฤนารทบอกให้รอถามสูรย์เองจะดีกว่า

แล้วสูรย์ก็ต้องเท้าความเรื่องตั้งแต่ตอนกุสุมาเข้าทำงานวันแรก..ซึ่งน่าจะเป็นวันแรกก็โดนซะแล้วด้วย..ไม่ใช่แค่รูปร่างบุคลิกหน้าตาจะไปโดนใจไอ้บ้ากามนั่น แต่กุสุมาก็โดนใจเขาด้วย แต่ที่เขางงและมึน คือทำไมกุสุมาไม่ยอมแต่งงานกับเขา ทั้งที่เขาก็กะไว้แล้วว่า หลังเผยความรู้สึกไปแล้วจะไม่ผิดหวัง..

เล่าจบแล้วสูรย์ก็ถอนหายใจเบา ๆ..

“ว่าไป พี่ก็ชักอยากรู้จักไอ้ม่านี่แล้วสิ พรุ่งนี้ นัดมาทานข้าวเย็นกับคุณพ่อคุณแม่ได้ไหม”

สูรย์ครุ่นคิดก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ อีกที..

“เป็นอะไร ถอนหายใจหลายหนแล้วนะ”

ถ้าไม่ติดที่พี่เขยนั่งอยู่ด้วย สูรย์คงจะเผยความรู้สึกให้พี่สาวรู้ไปแล้ว แต่ไหน ๆ เขาก็เก็บความอึดอัดไว้ไม่ไหว สูรย์จึงต้องแย้มไปว่า

“พรุ่งนี้ ถ้าเขายอมมา พี่ช่วยพูดให้เขา แต่งงานกับผมได้ไหม”

“อะไรนะ”

“ผมขอเขาแต่งงาน ในเร็ววันนี้ แต่เขาปฏิเสธ..” ไหน ๆ ก็แย้มไปแล้วพอแสงจันทร์ซักสูรย์จึงต้องขยายความไปจนหมดเกลี้ยง

“มันรวดเร็วเกินไปนะสูรย์ แล้วเหตุผลของเขาก็เข้าทีทีเดียว..พี่ชักเริ่มถูกชะตากับเด็กคนนี้แล้วซิ...”


เช้าวันรุ่งขึ้น อาการของพ่อบุญโชคดีขึ้นจนหมออนุญาตให้กลับบ้าน แต่พอกลับถึงบ้านพ่อบุญโชคจะไปคุมงานที่ต่อเติมบ้านที่ทำค้างไว้เพราะเจ้าของบ้านเร่งให้งานเสร็จก่อนสงกรานต์ ด้วยความเป็นห่วงสุขภาพของพ่อเลี้ยง กุสุมาจึงต้องขันอาสาไปคุมคนงานแทน ดังนั้นเมื่อเกือบห้าโมงเช้าที่สูรย์โทรมา เขาจึงได้ยินเสียงเครื่องผสมปูนแทรกเข้ามาทางโทรศัพท์

“อยู่ที่ไหนหรือม่า”

“มาคุมงานให้พ่อ อยากให้พ่อพักอีกสักวันสองวัน คุณสูรย์มีอะไร” น้ำเสียงของกุสุมาจริงจังขึ้น จนสูรย์รู้สึกว่าตอนนี้กุสุมากำลังพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า เธอต้องการประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างจริงๆ

“แล้วงานเป็นอย่างไรบ้าง”

“ก็คุมงาน..ยืนดู ชี้นิ้วสั่ง แล้วก็มีตะโกนบอกมั่ง ตวาดมั่ง ตะคอกมั่ง..” ตรงนี้กุสุมาพูดเบา ๆ

“มีแต่ผู้ชายละซิ อย่างไรก็อย่าลืมนะ ว่าเราเป็นผู้หญิง”

“คนกันเองทั้งนั้นไม่มีอะไรหรอก แต่บางคนมันชอบกวน..’รมณ์”

“นั่นแหละ เราก็ระวัง ๆ ตัวไว้ ที่เตือนเพราะเป็นห่วง”

“ม่าทำอะไรก็ไม่ถูก”

“ทำไมคิดอย่างนั้น..เรานี่เป็นอะไรไป”

พอเขาดุซ้ำ กุสุมาจึงนิ่งเงียบเพราะรู้สึกน้อยใจอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่อยากเป็นอย่างนี้ แต่จู่ ๆ มันก็เกิดขึ้นมาเอง ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เธอยังรู้สึกว่า โลกของเธอกับสูรย์เป็นสีชมพูอยู่เลย หรือว่า พอชีวิตต้องเข้าหมวดความจริง มันจะต้องคิดให้มากกว่าตอนที่อยู่กับความฝัน..และพอรู้ตัวว่า ทำตัวไม่น่ารัก กุสุมาจึงรีบแก้ไขตัวเอง

“คุณสูรย์โทรมา มีอะไรหรือเปล่า”

“ต้องมีอะไรด้วยเหรอ”

“คิดถึงม่าใช่ป่ะ” กุสุมาตัดสินใจทำให้หวานเสียเอง และมันก็ได้ผล น้ำเสียงของเขาที่ตอบกลับมานั้น แม้ไม่เห็นหน้า กุสุมาก็พอเดาออกมว่า ดวงตาของเขาจะกรุ้มกริ่มขนาดไหน

“คิดถึงมากกกกกกกกกกกก..ใจจะขาดแล้ว ไปหาได้ไหม ทำงานอยู่ตรงไหน”

“อย่ามาเลย วันนี้ม่ามอมแมมมาก”

“อยากดูตอนมอม ๆ ว่าจะน่ารักเหมือนเดิมไหม”

“กินข้าวหรือยัง..” กุสุมารีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากเขินให้คนอื่นเห็น

“มื้อไหนละถ้ามื้อเช้า ยัง มื้อเที่ยงกำลัง..ม่าให้ฉันไปหานะ อยู่ตรงไหน”

“อย่ามาเลย..ทำงานไปเถอะ”

“งานไม่มีแล้ว..ม่า ฉันคิดถึงเราจังเลย”

“ค่ะ รับทราบ..แต่ ม่าต้องขอตัวก่อนนะ พอดีเจ้าของบ้านจะคุยด้วย..”

“ม่า..เดี๋ยว ๆ ลืม ๆ ค่ำนี้ จะไปรับที่บ้านนะ แต่งตัวรอด้วย”

“จะพาไปไหน..”

“พาไปทานข้าวกับที่บ้าน..”

“ที่บ้านคุณสูรย์ พ่อแม่พี่น้องหลาน ๆ”

“อืม..แต่งตัวให้สวย ๆ นะ หกโมงเย็นเจอกัน ดูแลตัวเองนะครับ..จุ๊บ ๆ”

กุสุมาจะปฏิเสธแต่ว่าเขาก็ตัดสายเพื่อให้เธอจำใจยอมรับเสียก่อน ครั้นจะโทรไปบอกปฏิเสธเขา ก็กลัวเสียน้ำใจเขาเสียอีก กุสุมายัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วยกมือทั้งสองข้างขยี้เส้นผมที่รู้สึกว่ายาวกว่าที่เคย..

“แต่งให้สวย ๆ แล้วกูจะแต่งอย่างไรวะ เฮ้ยยย เป็นผู้หญิงนี่มันเป็นยากจริง ๆ”


รถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่คันหนึ่งมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ซึ่งกำลังต่อเติมบ่อปลาคาร์ฟและน้ำตกโดยใช้บริการของนายบุญโชคพ่อเลี้ยงของกุสุมา ชายสองคนที่ลงจากรถคันนั้นชะงักเท้าเมื่อเห็นว่าใครยืนคุยอยู่กับเจ้านายของตัวเอง และด้วยสัญชาตญาณ เขาทั้งคู่จึงต้องชะงักเท้าแล้วหลบวูบเข้าหลังพุ่มไม้

“อีม่านี่หว่า มันมาที่บ้านเจ้านายเราได้อย่างไง”

“มันเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้านายเรา หรือว่ามันจะมาฟ้องเรื่องที่เรา..”

“ไม่น่าจะใช่..”

“หรือมันมาทำงานก่อสร้างที่นี่”

“ก็ไม่น่าใช่อีก..”

“กูว่าเราหลบก่อนดีกว่า ค่อยไปคุยธุระกับเจ้านายที่ออฟฟิศแล้วกัน..”

ว่าแล้วทั้งคู่ก็เข็นรถออกจากหน้าบ้านไปสตาร์ทแล้วก็ขับออกไป..


ตอนแรกสูรย์กะจะกินข้าวเที่ยงตามลำพัง แต่พอวางสายจากกุสุมา เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากทรงฤทธิ์ว่าจะมาหาและจะมากินข้าวกลางวันด้วย พอทรงฤทธิ์มาถึง โต๊ะสองที่นั่งมุมหนึ่งในร้านก็มีอาหารสามอย่างรออยู่เรียบร้อย

“มึงนี่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูจริง ๆ” ทรงฤทธิ์นั่งลงแล้วก็ตักข้าวเข้าปากทันที

“มีอะไรรึ” สูรย์นั้นค่อนข้างจะกินข้าวช้าและดูจะเรียบร้อยกว่าเพื่อนชายทุก ๆ คน

“กูจะมากู้เงินมึง”

“เอาไปทำอะไร”

“เปิดร้านขายกาแฟสด”

สูรย์เลิกคิ้ว..เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาระหว่างเขากับทรงฤทธิ์ เพราะทรงฤทธิ์ไม่เคยยืมเงินเขา ถ้าเอ่ยปากแสดงว่ามันต้องสำคัญจริง ๆ แต่ว่าเอาไปเปิดร้านขายกาแฟสดตามสมัยนิยม เขางงที่ว่าทรงฤทธิ์จะเอามือที่ไหนไปทำ

“หูกูไม่เพี้ยนนะโว้ย”

ทรงฤทธิ์พยักหน้าพลางเคี้ยวข้าว

“ทำเล แรงงาน ทุน อาคารสถานที่ เครื่องใช้ไม้สอย แล้วก็ใครมาเป่าหูมึง” สูรย์ซักไซ้เพราะรู้ว่ามันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังเพราะคนอย่างทรงฤทธิ์ทำอะไรค่อนข้างจะระมัดระวังและเจียมตัวอยู่เสมอว่า ไม่มีเงินรองรังเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ

“กูคิดได้เอง”

“สารภาพมา”

“เอาตามจริงก็ได้นะ..” ทรงฤทธิ์ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม พอกลืนน้ำลงแล้ว ทรงฤทธิ์ก็มองไปทางช็อปของธัญรัตน์ที่ตั้งอยู่ในร้านของสูรย์

“เมื่อก่อนกูชอบคุณธัญรัตน์ แต่ตอนนี้ก็มีที่หมายใหม่แล้ว..เขาทำพวกนี้เป็นทุกอย่างแหละ”

“ใคร”

“น้องกิ๊บ”

“อะไรนะ” ตาของสูรย์ลุกวาว

“กูชอบน้องกิ๊บ กูมาคิด ๆ ดูแล้ว บางทีกูกับเขาคงต้องขยับขยายลงทุนหลังจากที่แต่งงานกัน”

“แต่งงานกัน!!” เสียงของสูรย์ดังพอที่จะทำให้พนักงานหันมามองแต่ว่าทรงฤทธิ์กลับยิ้มแฉ่ง


หลังจากที่เห็นอรพิมนั่งทำงานไปพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พนักงานสาวรุ่น ๆ เดียวกันที่ทำอยู่ฝ่ายขายจึงอดถามไม่ได้ และคำถามนั้นก็เป็นคำถามที่ไม่อ้อมค้อมไปไหนเลย

“อรพิม อินเลิฟใช่ไหม”

อรพิมยิ้มหวานให้แล้วก็ทำตาชวนฝัน ซึ่งอาการแบบนี้ไม่มีใครเคยเห็นอย่างแน่นอน ส่วนตัวอรพิมเองนั้น ก็เพิ่งรู้ว่า การที่เป็นคน ‘ถูกรัก’ มันให้ความสุขอยู่ไม่น้อย ผิดจากตอนที่เธอหลงรักสูรย์อยู่ข้างเดียวและการพยายามทำให้เขารัก จิตใจก็เต็มไปด้วยความทุกข์ เหมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆยามที่ฝนใกล้ตก แต่กับถมยา แม้เขาจะเด็ก แม้เขาจะดุเธอบ้าง ต่อว่าเธอบ้าง แต่บทเขาจะหวานขึ้นมา เขาก็ทำให้จิตใจของเธอก็ชุ่มฉ่ำอย่างกับท้องฟ้าหลังฝน..

และบัดนี้อรพิมก็ตัดสินใจได้แล้วว่า ไม่ว่าสูรย์จะไปขึ้นช้างลงม้ากับใครเธอก็จะไม่เสียใจ ชีวิตของเธอควรที่จะมีความสุขกับเขาเสียที แม้ถมยาจะยากจน แต่ฟังแนวคิดของเขาแล้ว เขาบอกว่า ต่อแต่นี้ไปเขาจะต้องรวยให้ได้ เพราะความจน กอปรกับความอยากรวยทางลัดที่ทำให้ชีวิตเกือบสิ้นทำให้เขารู้ว่า งานเท่านั้นที่จะทำให้ความฝันถึงจุดหมาย และเขาก็ต้องการให้เธอเป็นกำลังใจ ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาตลอดไป

อรพิมยังไม่ได้รับปาก แต่ใจก็หวั่นไหวและสั่นคลอนจากสูรย์ไปเรียบร้อย

“อรพิม..มีคนมาหา” เสียงเคาะประตูทำให้อรพิมต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ถมยายิ้มผ่านกระจกประตู อรพิมรีบลุกขึ้นและคว้ากระเป๋าสะพานคล้องบ่าทันที

“ไปกินข้าวแล้วนะ...จะมีใครฝากซื้ออะไรไหม” อรพิมถามโดยไม่มีใครทันตอบ หญิงสาวก็เปิดประตูออกไป โดยคนอื่น ๆ ได้แต่มองหน้ากัน แล้วหนึ่งในสามคนก็พูดว่า

“มันเอาคุณสูรย์ไปทิ้งไว้ไหนแล้วนะ เมื่อก่อนหายใจเข้าออกเป็นอีตานั่น แล้วกับไอ้เด็กคนนี้มันจะทำให้มีรอยยิ้มไปได้สักกี่วันเชียว..”


ขณะที่กำลังนั่งกินข้าวผัดกะเพราะหมูไข่ดาวอยู่ที่ร้านเล็ก ๆ ริมถนนไม่หรูหรากับอรพิม โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของถมยาก็สั่นเรียก เขาดึงโทรศัพท์ออกมาดู แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าใครโทรมา ถมยาจะลุกขึ้นไปรับสายให้ห่างหูอรพิม แต่เขาก็ให้สัญญากับอรพิมไว้ว่า จะให้หญิงสาวเช็คโทรศัพท์ทั้งสายเรียกเข้าและข้อความ และจะบอกความสัมพันธ์กับคนที่เซฟชื่อไว้ในเครื่องให้หมดทุกคน หากอรพิมตกลงที่จะคบหากับเขา แต่บทพิสูจน์ยังไม่ทันเริ่มต้น เขาก็จะทำตัวมีพิรุธเสียแล้ว ถมยาจึงต้องรับสายเสี่ยงดวงอยู่ตรงนั้น

“มีอะไร”

“มึงทำอะไรอยู่”

“แดกข้าว..มีอะไรรึ”

“กูกลุ้มใจ..คุณสูรย์จะพากูไปกินข้าวกับพ่อแม่เขาที่บ้านเย็นนี้ แล้วให้กูแต่งตัวสวย ๆ กูเครียด”

พอฟังเรื่องของกุสุมาถมยาก็หัวเราะจนท้องแข็ง อรพิมปรายตามามองใจหนึ่งพอรู้ว่าถมยาคุยกับกุสุมา ความรู้สึกชิงชังน้ำหน้าคนปลายสายก็กลับมาอีก อรพิมเงี่ยหูฟังเพราะอยากจะรู้ว่าถมยาคุยอะไรกับกุสุมาเพราะเธอก็ยังต้องการข่าวความคืบหน้าของสองคนเหมือนกัน..

“มึงก็ไปร้านเสริมสวย ร้านเสื้อผ้าผู้หญิง ปากซอยบ้านมึงก็มี”

“ทำไมกูไม่มีเพื่อนผู้หญิงบ้างนะ”

“เมียไอ้พวกนั้นไง มึงก็เรียกมาช่วยมึงสิ”

“อีพวกมันหัวเราะกูตายห่าเลย..ตอนนี้มีมึงคนเดียวแหละที่กูพูดอะไรได้เยอะที่สุด แล้วมึงก็อย่าหัวเราะให้กูขาดความมั่นใจด้วย”

“กูอยากเห็นตอนมึงสวยจริง ๆว่ะ”


“กูไม่คุยกับมึงแล้ว แดกข้าวต่อไปเหอะ..” ถมยานิ่วหน้าพลางขำเมื่อกุสุมาว่างสายไปดื้อ ๆ

“ใครโทรมาเหรอ” แน่นอนว่า อรพิมต้องถาม ถมยาก็เลยตอบอย่างไม่ปิดบังว่า

“ไอ้ม่า..อยากรู้ต่อใช่ไหมว่าโทรมาทำไม”

อรพิมพยักหน้า เพราะก่อนหน้านั้น เขาก็เล่าให้เธอฟังแล้วว่า ที่พี่สูรย์ฝากเข้าทำงานที่นี่เพราะอะไร และใครทำให้เขารู้จักกับพี่สูรย์

“รู้แล้วจะเจ็บไหมละ”

พอเขาพูดอย่างนี้ อรพิมรู้สึกว่าน้ำตามันพาลจะไหล ส่วนหนึ่งถมยาเดาใจเธอได้หลายครั้งหลายหน และอีกส่วนหนึ่ง ถ้าเป็นข่าวดีของกุสุมากับพี่สูรย์ เธอก็ยังรู้สึกริษยามากกว่าที่จะพลอยยินดี

“รู้แล้ว ไม่มีความสุขก็ กินข้าวต่อเถอะ จะได้รีบไปทำงาน”

“แต่ฉันก็ต้องรู้อยู่ดี” อรพิมแสร้งทำเป็นเข้มแข็งและถมยาก็พูดเบา ๆ อย่างไม่ต้องการให้กระทบกระเทือนใจอรพิมว่า “เย็นนี้คุณสูรย์จะพาไอ้ม่าเข้าบ้าน เขาสั่งให้ไอ้ม่าแต่งตัวให้สวย ไอ้ม่ามันเครียด มันกลัววางตัวกับครอบครัวคุณสูรย์ไม่ถูกนะ..” ยังเล่าไม่ทันจบ และยังไม่ทันจะ
ถามว่า ‘รู้แล้วเป็นไง’ คำตอบที่ถมยาได้รับก็คือ อรพิมร้องไห้โฮออกมาจนคนอื่นหันมามองเขากับอรพิม


ใบหน้าที่สดชื่นแจ่มใสดวงตาเป็นประกายเมื่อก่อนจะออกไปกินมื้อกลางวันบัดนี้แม้ไม่ตั้งใจมองก็เห็นว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มา..

“เป็นอะไรรึอรพิม” เพื่อนร่วมงานคนเดิมร้องถาม อรพิมสั่นหน้าก่อนจะคว้ากระเป๋าเครื่องสำอางเดินออกไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังออฟฟิศ

ภาคบ่าย อรพิมทำงานแทบไม่รู้เรื่องจนกระทั่งต้องพึงยาแก้ปวดหัว

“ลางานเถอะ ทำไมไม่ไหวก็กลับบ้านไปพักผ่อน ฝืนไปก็ไม่มีประโยชน์” ทำเป็นหวังดีทั้งที่ในใจนั้นอยากรู้ว่าอรพิมนั้น เจ็บช้ำน้ำใจเรื่องอะไร อรพิมตัดสินใจเดินเข้าไปห้องของเจ้านาย อึดใจอรพิมก็ออกมาคว้ากระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน

“รถไปไหน ไม่เห็นใช้รถมาสองวันแล้ว”


“เอาไปซ่อม..สัปดาห์หน้าคงได้ พิมไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน..” ว่าแล้วอรพิมก็ผลักประตูไปเรียกแท็กซี่ ระหว่างที่อยู่บนรถ อรพิมคิดว่าควรโทรบอกให้ถมยารับรู้ หญิงสาวกดโทรออก แต่ว่าถมยาก็ไม่รับสาย จนกระทั่งรถใกล้จะถึงบ้าน ถมยาก็โทรกลับมา

“ฉันปวดหัว เลยขอลากลับมานอน”

“เป็นอะไรมากไหม”

“ไม่มากหรอก แต่ไม่มีอารมณ์ทำงาน เบื่อเซ็ง”

“คุณคงรักคุณสูรย์มาก”

“อย่ารู้เลยว่ามากแค่ไหน”

“ผมพอเข้าไปแทนที่เขาได้ไหม”

“ก็ต้องให้เวลาเป็นตัวบ่งชี้..”

“ขอบคุณนะครับ”

“เรื่องอะไร”


“ที่ให้โอกาสถมยา”

“ชอบอะไรฉัน ฉันไม่มีอะไรดีเลยนะ” ไม่มีอะไรดีของอรพิมก็คือ ถมยาบ่นว่าเธอหัวสูงใช้เงินเกินตัว แถมว่าเธอกระแดะก็เคย..

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้มันชอบมากกว่าตอนนั้นอีก..” ตอนนั้นคือธรรมดาของผู้ชายที่เห็นผู้หญิงสวยก็ต้องตกหลุมรัก แม้มันจะเป็นรักที่ไม่จีรัง แต่มันก็มีความสุขที่ได้รัก แต่กรณีของอรพิม เขายอมรับว่าเขาตกหลุมรัก แล้วการเสนอตัวเข้ามาเสี่ยงในครั้งนี้ เขาก็ได้ตอบแทนบุญคุณของเพื่อนอีกด้วย และเพื่อไม่ให้มีแผลในใจของเขา เขาจะต้องบอกเรื่องสำคัญนี้กับอรพิม ..

“ตอนนั้นคือตอนไหน”

“เดี๋ยวค่ำ ๆ ผมจะไปบอกที่บ้านนะครับ..”

“ไม่ต้อง บอกตรงนี้เลย”

“เดี๋ยวไปบอกที่บ้าน อยากไปกราบคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณอย่างเป็นทางการ”

“ไม่ต้องเลยนะ”
“จะไป..จะไป แล้วก็ทำอาหารเย็นเผื่อด้วย โอเคป่ะ..”

“ไม่โอ”

“ผมจะแต่งตัวให้หล่อที่สุดไปเลย” ตรงนี้ถมยาต้องการล้อเลียนเรื่องที่สูรย์ให้กุสุมาแต่งตัวให้สวย แต่อรพิมก็ตอกกับมาอย่างไม่ได้คิดถนอมน้ำใจเขาสักนิด..

“ขี่มอเตอร์ไซด์เนี่ยนะ”

“เดี๋ยวขับรถยนต์ไปก็ได้ คอยดูแล้วกัน..แค่นี้นะ เย็นนี้เจอกัน ดูแลตัวเองด้วย..ผมทำงานก่อน”


พ่อกับแม่โทรมาบอกกับอรพิมว่าจะไปงานเลี้ยง อรพิมที่ตั้งใจกลับมานอนพักก็เลยต้องลุกขึ้นมาจัดบ้านให้เรียบร้อยรอท่านายถมยา และเมื่อทำงานไปได้สักพัก อรพิมก็รู้สึกง่วงนอนจนกระทั่งมาม่อยหลับอยู่บนโซฟาเพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไป เสียงกริ่งที่หน้าประตูบ้านปลุกอรพิมที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืดลำลองที่ใส่เล่นอยู่กับบ้าน หญิงสาวงัวเงียมาเปิดไฟ เสียงกริ่งยังดังอยู่อย่างนั้น อรพิมเปิดไฟหน้าบ้าน พบว่าที่ประตูรั้วมีรถของเธอจอดอยู่ และที่สำคัญ คนที่ยืนเกาะรั้วก็ถือถมยา..

อรพิมออกเดินไปหาเขา ใบหน้านั้นอย่างคนที่เพิ่งตื่นนอน

“เป็นอย่างไรบ้าง”

“มึน ๆ..นี่เหรอรถที่จะขับมา”

“อืม..รถของคุณนั่นแหละ ผมเอามาให้..เปิดประตูรั้วสิ ผมจะขับเข้าไปข้างใน..” อรพิมเปิดประตูรั้วให้เขาขับรถเข้ามาจอด และพอเขาลงจากรถ อรพิมก็เห็นว่าเขาถือกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ซึ่งคราวนี้ผูกโบว์มีกระดาษสีขาวหุ้มห่ออย่างสวยงาม..

“มันอาจจะเป็นช่อแรกและช่อสุดท้ายสำหรับเรา”

“ทำไมละ..” อรพิมชักใจเสีย วันนี้เหตุหนึ่งที่ทำให้เธอทำใจเรื่องของสูรย์ได้ก็คือ เธอมีถมยาอยู่ข้าง ๆ หากเขาจะไปอีกคน.. เธอคงไม่ไหว

“มันเปลือง..”

“แล้วซื้อมาทำไม”

“มีเรื่องอยากสารภาพ ถ้าคุณจะโกรธก็อยากให้หมองกุหลาบช่อนี้..แต่ว่ากินข้าวอิ่มก่อนนะถึงจะบอก พ่อกับแม่ละ”

วันนี้ถมยาแต่งตัวดูดีกว่าที่เคยเห็น เขาใส่กางเกงสแลคสีน้ำตาลสามเสื้อเชิ้ตลายผ้าขาวม้าสีแดงขาวพอดีตัวชายเสื้อสอดไว้ในกางเกงคาดเข็มขัดดูเรียบร้อย และที่สำคัญวันนี้เขาไม่ได้สวมรองเท้าผ้าใบ แต่งตัวอย่างเด็กวัยเขาแต่งกัน..ส่วนใบหน้านั้นก็มีคราบแป้งฝุ่นเนียนนวลทีเดียว

“พ่อกับแม่ไม่อยู่ ไปงานเลี้ยง”

“แล้วกับข้าวมื้อนี้”

“มาม่า ..ประหยัด ๆ โอเค”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2554, 08:10:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2554, 08:10:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 2597





<< 26. ม่าก็อยากไปเห็นโลกกว้าง   28.คุยเรื่องของเราดีกว่า >>
sai 6 ก.ค. 2554, 09:08:16 น.
ถมยาจะสารภาพชิมิๆเนี่ย


มะดัน 6 ก.ค. 2554, 11:00:39 น.
โฮ้ย ม่าตกลงไปกะสูรย์เห๊อะะ!! :)


nutcha 6 ก.ค. 2554, 11:30:05 น.
ถมยาน่ารักมาก สารภาพเองดีแล้วจะได้ไม่เสียความรู้สึก



คิมหันตุ์ 6 ก.ค. 2554, 15:45:28 น.
สู้ๆนายถมยาาาาาาา


ปอยอะนะ 6 ก.ค. 2554, 17:02:59 น.
ถมยานายเท่ห์มาก


namzuza 6 ก.ค. 2554, 19:18:13 น.
มาม่า ประหยัดจริง ๆด้วย


Zephyr 7 ก.ค. 2554, 11:47:18 น.
ถมยา นายแมนมาก สารภาพเลย พิมก็งอนพิเป็นพิธีพอนะ อย่างี่เง่าเลย มันไม่น่ารัก หนูม่า ไปเหอะๆ ลุงเค้าอุตส่าห์พาเข้าบ้านเปิดตัวแล้ว ช่วงอยู่นอกเมืองเอ้ยเมืองนอกจะได้มีคนคุมประพฤติลุงให้ไง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account