^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา
ตอน: ~เจ้าชาย...กับแม่มด(1)~
เจ้าชายกับแม่มด
…มีเด็กผู้หญิงสักกี่คน จะอยากเป็นแม่มดมากกว่าเจ้าหญิง?...
เมื่อในเทพนิยาย แม่มดคือตัวร้ายที่ไม่เคยมีความสุข ขณะที่เจ้าหญิงกับเจ้าชายเป็นความฝันอันงดงามที่หลายคนอยากพบพานเสมอมา
ภาพที่สะท้อนในกระจกตรงหน้าคือหญิงสาวร่างโปร่งบางเกือบเรียกได้ว่าผอม เส้นผมดำตัดสั้นแค่ไหล่ทิ้งตัวลงล้อมกรอบใบหน้าเรียวได้ส่วนที่ไม่ได้งดงาม เพียงควรกับคำพอดูได้โดยไม่ขัดตานัก แต่ที่หลายคนสะดุดคงเป็นดวงตาคู่ดำคมจัดภายใต้แพขนตางอนยาวที่มองตรงอย่างมั่นคง แววตาลึกสุดหยั่งนั้นราวจะแลล้ำเข้าไปในหัวใจของผู้ถูกจ้องมองจนหลายคนต้องหันหน้าหนีอย่างนึกหวั่นเกรง
แล้วเรียวปากบางก็ค่อยคลี่ยิ้มราวกลีบดอกไม้ผลิบาน ดวงตาวาวจัดค่อยอ่อนแสงออดอ้อนกึ่งยั่วเย้า ท่าทีราวลูกแมวที่ไร้พิษสง
หญิงสาวแค่นหัวเราะในคอเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกห่างจากกระจกบานใหญ่ตรงหน้า
ประตูห้องน้ำเปิดออก หญิงสาวรุ่นพี่เดินเข้ามาอย่างเร่งร้อน เธอคลี่ยิ้มหวานเอ่ยทักทายเสียงอ่อน ก่อนจะเดินสวนออกมา
หญิงสาวสูดลมหายใจยาว เดินตรงไปยังห้องประชุม ยกมือแตะลูกบิด สูดลมหายใจเรียกสติให้ตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปภายใน
เธอกวาดตามองอย่างรวดเร็วจนพบป้ายชื่อที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตัวหลังสุด ข้าง ๆ กันมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว
ร่างโปร่งก้าวเร็ว ๆ ไปทรุดตัวลงนั่งในตำแหน่งที่ถูกจัดไว้ เงียบอยู่เพียงครู่ เธอก็หันไปคลี่ยิ้มให้เพื่อนร่วมโต๊ะตามประสาเด็กมนุษยสัมพันธ์ดี “สวัสดีค่ะ...พี่ชื่ออะไรหรือคะ”
เขาหันมอง เอ่ยตอบชื่อตนก่อนที่เธอจะแนะนำตัวกลับ
เพียงสิ้นเสียงหวานที่เอ่ยคำแนะนำตัว รอยยิ้มกึ่งขันก็ปรากฏบนใบหน้าชายหนุ่ม “รู้แล้ว...เด็กเส้นที่เขาว่ากัน เพิ่งเข้ามาก็ได้ร่วม
โปรเจคท์ใหญ่ คนอื่นเขาต่อคิวรอกันตั้งนาน คัดตัวกันแทบตายยังไม่ได้เลย”
หญิงสาวนิ่งงันไปครู่กับความตรงไปตรงมาที่ยากจะเดาเจตนา ก่อนจะแค่นหัวเราะเบา ๆ
เธอควรทำใจได้นานแล้ว การก้าวเข้ามาในบริษัทชั้นนำเช่นนี้ แล้วคว้าเอาโปรเจคท์พิเศษที่หลายคนหมายตามาทำอย่างง่ายดายเพียงเพราะบิดาเป็นเพื่อนสนิทกับท่านประธาน และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหาร ย่อมทำให้หลายฝ่ายจับตามองอย่างเหยียดหยันปนกังขาในความสามารถ
“เขาว่ากันว่าอะไรหรือคะ”
“ก็ไม่มีอะไร”
“ถ้าไม่มีอะไรพี่ก็คงไม่พูด...บอกมาเถอะค่ะ หนูอยากรู้” เธอคลี่ยิ้มหวานราวไม่รู้สึกรู้สา
“อย่ารู้เลยดีกว่าครับ...เจ้าหญิง” เขาตอบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะกึ่งเหน็บแนม ขณะที่หญิงสาวตวัดสายตามองเงียบ ๆ
ฉายาเจ้าหญิงที่หลายคนเรียกกันลับหลังนั้น เธอรู้ดีทุกอย่าง ไม่ว่าจะพยายามเท่าไร ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหน ตราประทับคำว่าเด็กเส้นก็ทำให้หลายคนปิดหู ปิดตา และปิดใจที่จะเรียนรู้ โยนภาพเธอขึ้นหิ้งบูชาจอมปลอม กล่าวขานเรียกเป็นเจ้าหญิงที่ไม่มีใครกล้าแตะ ยิ่งเธอได้รับงานในโปรเจคท์พิเศษ แม้เจตนาเพื่อให้ได้แสดงความสามารถ แต่คนนอกที่ปรารถนาจะเข้าร่วมแต่ต้องพลาดหวังก็ไม่มีวันจะมองเห็นเธอดีหรือเหมาะสมไปได้
“ถ้าจะพูดขนาดนี้...บอกกันมาตรง ๆ ก็ได้ค่ะ” เธอหัวเราะ “หนูไม่แคร์หรอกนะคะว่าใครจะพูดอะไร แต่หนูไม่ได้แย่งที่ใครมา ในโปรเจคท์นี้หนูเป็นแค่ตัวเสริมที่เข้ามาช่วยประสานงาน เป็นตำแหน่งพิเศษที่ถูกอนุมัติลงมาเพิ่มน่ะค่ะ”
“นั่นก็มีคำว่าพิเศษ...ไม่ใช่เหรอครับ” เขายักคิ้วกึ่งล้อเลียน ก่อนทอดเสียง “เจ้าหญิง...”
หญิงสาวเผลอขบริมฝีปากเบา ๆ “แล้วพี่จะรู้...หนูไม่ใช่เจ้าหญิง แต่เป็นแม่มด”
เวลาเท่านั้นจะพิสูจน์ทุกสิ่ง ขณะที่หญิงสาวพยายามแสดงฝีมือในโปรเจคท์พิเศษอย่างเต็มที่จนผู้ร่วมงานหลายฝ่ายยอมรับ ภายใตท่าทีอ่อนโยนและรอยยิ้มเป็นมิตร เธอกลับยังเหนื่อยล้าและทอดถอนกับเรื่องราวหลายสิ่ง เมื่อไ่ม่มีใครรู้เลยว่ารอยยิ้มที่มอบให้กันนั้นมีหัวใจซ่อนอยู่มากน้อยเพียงไร
หญิงสาวเก็บของใส่กระเป๋าเมื่อเคลียร์งานบนโต๊ะเรียบร้อยเหมือนเช่นทุกวัน ขณะที่ชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ เริ่มกลายเป็นคนคุ้นเคยหันมามองหน้า เอ่ยถาม “กลับแล้วเหรอ”
“ค่ะ…งานเสร็จแล้วนะคะ”
“วันนี้สตาร์บัคส์ลดครึ่งราคา ไปด้วยกันไหม”
เธอนิ่งอยู่เพียงครู่ ก่อนจะตอบตกลง เขาลุกขึ้นเก็บของ เดินเคียงข้างร่างบางไปบนทางเดินยาวทอดสู่ตึกใหญ่ด้านหน้าซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟชื่อดัง
เสียงโทรศัพท์ดังเบา ๆ เธอหยิบมากดรับสาย เอ่ยคำบางอย่างก่อนจะวางโทรศัพท์ลงในกระเป๋าตามเดิม
“มอคค่าครัมเบิลละกันค่ะ” เธอบอกกับพนักงานสาวที่มารับคำสั่ง เขาเงียบไปครู่ ก่อนตกลงเลือกเมนูเดียวกัน
หญิงสาวมองร่างสูงที่ถือของพะรุงพะรังอยู่เพียงครู่ ก็เอ่ยบอก “พี่ไปหาโต๊ะนั่งก่อนเถอะค่ะจะได้วางของ เดี๋ยวหนูเอาไปให้เอง”
เขาลังเลอยู่เพียงครู่ ก็ส่งบัตรสมาชิกของร้านให้ “ใช้บัตรพี่จ่ายนะ ของเราด้วย...”
“หนูจ่ายเองได้” เขาคงลืมว่าเธอเป็นเจ้าหญิง
“ใช้บัตรพี่...นะคะ...”
เธอพยักหน้ารับ แล้วรับบัตรมา ยืนรอจนคิดเงินเรียบร้อยและรับกาแฟยกมาวางที่โต๊ะซึ่งเขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ขอบคุณนะคะ” เธอส่งบัตรสมาชิกให้เขาพร้อมใบเสร็จรับเงิน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วบรรจงคลี่กระดาษทิชชู่มาพับพันรอบแก้ว ก่อนจะส่งแก้วกาแฟให้ชายหนุ่มตรงหน้า
“ต้องพันด้วยเหรอ”
“ค่ะ…แอร์เย็นพอแล้ว เวลาถือแก้ว มือจะได้ไม่เย็น” เธอคลี่ยิ้มตอบขณะบรรจงพันกระดาษรอบแก้วของตัวเอง เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว ร่างบางก็ลุกขึ้นยืน
“หนูไปก่อนนะคะ”
เขาขมวดคิ้วมองอย่างแปลกใจ “หืม…จะรีบไปไหน”
“คนขับรถมารับแล้วน่ะค่ะ”
เขาพลิกข้อมือดูนาฬิกา “เพิ่งสามโมง ปกติเลิกงานสี่โมงนี่ครับ”
“ถ้าเลิกเร็ว หนูก็โทร.บอกให้เขามารับก่อนค่ะ นี่เขาโทร.มาบอกว่ามาถึงแล้ว”
เขาเงียบไปครู่ หญิงสาวก้มลงคว้ากระเป๋าสะพายเตรียมจะเดินจากไป แต่มือใหญ่คว้าสายอีกด้านของกระเป๋าไว้ก่อน “เพิ่งสามโมงกว่า สี่โมงค่อยกลับได้ไหม”
หญิงสาวนิ่งไปครู่ มองสบตาชายหนุ่มอย่างค้นหา ร่องรอยกึ่งวิงวอนบางอย่างในดวงตาที่เธอนิยามว่าเหมือนสุนัขบาดเจ็บทำให้ร่างบางทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง “สี่โมงนะคะ”
“ครับ…เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ...หนูกลับเองได้”
ท่ามกลางความเงียบงัน เธอนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนโซฟานุ่มตัวเล็ก เขานั่งมองกราฟงานในจอไอแพด ราวกับเวลาหยุดหมุน
หญิงสาวหลับตาลงสัมผัสถึงความสงบนิ่งบางอย่างในหัวใจที่ชวนให้เสพติด เพียงไม่นาน เธอก็ลืมตามาพบกับเข็มนาฬิกาบนข้อมือคนตรงหน้าที่บอกเวลาสี่โมงตรง
“สี่โมงแล้ว...หนูกลับนะคะ”
เขาเงยหน้าจากไอแพด มองนาฬิกาแล้วจัดแจงเก็บของ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ...หนูกลับเองได้”
“พี่จะกลับไปเอาแจคเกต เดี๋ยวเดินไปส่งนะครับ” เขาบอกเช่นนั้น เธอจึงยืนรอนิ่ง ๆ จนเขาเก็บของแล้วเดินไปข้าง ๆ จนมาถึงรถยนต์ที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว ไม่ไกลจากตึกที่ทำงานเดิม
“ขอบคุณนะคะ” เธอบอกแล้วเผลอยกมือไหว้เขาด้วยความเคยชิน ท่าทีชายหนุ่มชะงักไปครู่ ก่อนยกมือรับ
หญิงสาวนั่งในรถนิ่ง ๆ ปิดตาลงพักสายตา ทิ้งความไม่มั่นใจบางอย่างไว้กับสายลมหนาวที่พัดแผ่วไป
ความใกล้ชิดหรือเปล่าทำให้เขาก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อที่ประชุมประกาศวันไปดูงาน พร้อมกำหนดชุดดูงานเป็นเสื้อยืดของบริษัทที่แจกไว้ก่อนเธอจะเข้าทำงาน หญิงสาวได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ เป็นคนเดียวในโปรเจคท์ที่ไม่มีเสื้อ
เธอถอนใจเบา ๆ เดินออกจากห้องประชุม ชายหนุ่มกลับเดินตามมา “มีเสื้อไหม”
“ไม่ค่ะ”
“เอาเสื้อพี่ไปไหม...ถ้าเราไม่ถือนะ” เขาบอกหน้าตาเฉย ก่อนเอ่ยต่อเมื่อเธอเอียงคอมองหน้า “พี่เคยใส่แค่ครั้งเดียว ตัวมันเล็กไป”
“แล้วพี่จะเอาเสื้อที่ไหนใส่ล่ะคะ”
“ยืมลูกน้องที่แผนกก็ได้” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวนิ่งไปครู่ ความที่เคยได้ แคยมีแต่คนตามใจ เธอจึงไม่คิดเกรงใจที่จะตอบรับ “ก็ไดค่ะ แต่พี่จะหาเสื้อได้แน่นะคะ”
“ครับ…” เขาพยักหน้ารับ “เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้ อยู่ที่ห้องพักพี่นั่นล่ะ”
เขาพาเธอขึ้นลิฟต์หอพักพนักงานไปถึงหน้าห้องพัก ร่างสูงหันมามองแล้วบอกอย่างไม่มั่นใจนัก “รอตรงนี้ก่อนนะครับ”
“ค่ะ…” เธอตอบรับอย่างว่าง่าย หมุนตัวเดินไปที่ระเบียง หยิบโทรศัพท์มากดเล่นเกมส์
นานเท่าไรไม่รู้ เมื่อหญิงสาวรู้สึกตัวอีกครั้งด้วยสัมผัสของมือที่แตะลงบนไหล่ทั้งสองข้าง กับเสียงทุ้มเบาราวกระซิบ “น่าจะพอดีนะ”
อยู่ดี ๆ หัวใจเธอก็เต้นรัว เมื่อเขายังคงตั้งหน้าตั้งตาทาบเสื้อยืดลงที่หลังเธอ หญิงสาวตัดสินใจหมุนตัวกลับไปจ้องหน้าเขาด้วยดวงตาวาวจัดราวจะค้นหาความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ ชายหนุ่มกลับเลิกคิ้วมอง
“ขอบคุณนะคะ...” เธอบอกเบา ๆ ปล่อยให้เขาพับเสื้อใส่ถุงกระดาษ ยังไม่ทันที่เธอะยื่นมือไปรับ ร่างสูงกลับยกมือดึงแขนแสื้อเธอเบา ๆ
“เดี๋ยวพี่ถือให้ ไปหาอะไรกินกันก่อนไหม”
เธอก้าวเท้าตามเขาไปช้า ๆ ก้มหน้าครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนเอ่ยถามเบา ๆ “พี่ทำแบบนี้...กับผู้หญิงทุกคนหรือเปล่าคะ”
เขานิ่งไปครู่ “อะไรครับ...ทำไมถามแบบนี้”
“หนูควรรู้ว่าพี่อันตรายแค่ไหน” เธอตอบหน้าตาเฉย “ถ้าพี่ทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ก็เป็นผู้ชายที่อันตรายมาก”
เขาคลี่ยิ้ม “อย่าเพิ่งตัดสินพี่สิ”
หญิงสาวถอนใจเบา ๆ มองหน้าเขาอีกครั้งก่อนเอ่ยคำถาม “พี่มีแฟนหรือยังคะ”
คราวนี้เขากลับนิ่ง มองหน้าเธอแล้วเดินต่อโดยไม่มีคำตอบ แต่เจ้าหญิงนิสัยเสียอย่างเธอไม่ชอบคำถามที่ไร้คำตอบ หญิงสาวสาวเท้าเข้าไปใกล้ ชะโงกหน้าไปถามย้ำ “ว่าไงคะ”
เขาแค่นหัวเราะ “หมายถึงที่ไหนล่ะครับ”
เธอนิ่งไปครู่กับคำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้รับ แล้วหัวเราะเบา ๆ “เป็นผู้ชายที่...อันตรายจริง ๆ ด้วยสินะคะ”
แก้วชาเขียวรสเข้มถูกหมุนไปมาจนควันระอุเป็นไออยู่เหนือปากแก้ว หญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบแก้วไว้นิ่ง ๆ ราวต้องการเพียงความอบอุ่นบาง ๆ ผ่านผิวสัมผัสของฝ่ามือ ขณะที่ชายหนุ่มตรงหน้าก้มหน้าก้มตาอยู่กับจอไอแพดบนโต๊ะที่เปิดโปรแกรมเกมส์ทิ้งไว้
แปลกที่ในความเงียบงัน หัวใจใครบางคนกลับสงบได้อย่างน่าตกใจ
หญิงสาวพลิกโทรศัพท์มองนาฬิกา กำลังจะเอ่ยขอตัวลา คนตรงหน้าก็กลับพูดขึ้นก่อน
“ไปดูหนังกันไหม”
คำถามสั้น ๆ กลับทำให้หญิงสาวนิ่งไปราวถูกทุบหัวด้วยค้อนปอนด์ใหญ่ เธอกระพริบตาเบา ๆ เรียกสติให้ตัวเอง ก่อนขยับขายืดตัวขึ้นตรง เอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง
“หนูว่าจะไม่ถามอีก...แต่พี่ทำให้หนูต้องถาม” เธอจ้องหน้าเขานิ่งอย่างค้นหา “และหนูคงต้องขอให้พี่ตอบ”
“อะไรกันครับ ทำไมต้องทำหน้าเครียดเชียว”
เธอถอนใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยตรงประเด็น “พี่มีแฟนหรือยังคะ...ตอบหนูตามตรง เพราะหนูไม่ชอบเป็นมือที่สามของใคร ถ้าพี่มีแล้วเราจะเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องที่ดีต่อกันได้ค่ะ แต่ถ้ายัง...หนูเกรงว่าถ้าพี่ใจดีกับหนูมากกว่านี้ หนูจะเผลอชอบพี่”
คำถามที่พรั่งพพรูราวเขื่อนแตกทำให้ชายหนุ่มนิ่งงันไปครู่ใหญ่ ดวงตาภายใต้แว่นกรอบใหญ่มองเธออย่างประหลาดใจ ขณะที่หญิงสาวจ้องมองเขานิ่งอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ
“มัน…ต้องขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“หนูไม่ชอบอะไรที่เดาไม่ได้ เพราะหนูจะควบคุมไม่ได้” เธอไหวไหล่เบา ๆ “หนูคิดยังไงหนูก็บอกอย่างนั้น มนุษย์จะใช้เล่ห์เหลี่ยมกันให้มากไปทำไม เมื่อการทำอะไรด้วยความจริงใจมันให้ความสุขมากกว่ากันมาก”
เขาหัวเราะเบา ๆ “อย่าจ้องพี่อย่างนั้นสิครับ”
“ก็ตอบหนูมาสิคะ...ตามตรง”
ชายหนุ่มนิ่งไปครู่ ก่อนบอก “ตอนนี้เลยนะ...ตอนนี้ ไม่มีครับ”
“แปลว่า...”
“ก่อนหน้านี้เคยมี และออกจะ...หลายคน”
หญิงสาวไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ เธอนิ่งงันไปครู่ใหญ่ก่อนที่เขาจะเอ่ยย้ำ “ไปดูหนังกันนะครับ”
------------
เคยไหมคะ??? บางครั้งความรักก็เดินมาแบบที่เราตั้งตัวไม่ทัน
ความรู้สึกประหลาดที่เรายังไม่ได้นิยาม จึงอดไม่ได้ที่จะต้องถามหาคำตอบ
แล้วความสัมพันธ์ก็วิ่งทะยาน...รวดเร็วจนน่าตกใจ
ปุจฉา...3 อาทิตย์...พอไหมให้ความรักก่อตัว??? หรือที่จริง...มันอาจเป็นแค่หลง???
ปริศนามากมาย...ติดตามค้นหัวใจคุณแม่มด กับเจ้าชายไปด้วยกันนะคะ
---------
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ : ไอซ์ว่าเราต่างปกป้องหัวใจของตัวเองค่ะ เมื่อความสัมพันธ์นั้นมีกรอบที่วางไว้ บางคนเลือกแหกกรอบ บางคนเลือกเดินหนีค่ะ
คุณ goldensun : เป็นเช่นนั้นแลค่ะ
คุณ kraten : 555 จริงค่ะ
คุณ konhin : ทุกคนเริ่มสงสารฉันกันตอนนี้ล่ะค่ะ
คุณ คิมหันตุ์ : โอ๋ ๆ คราวนี้มาลุ้นกันต่อนะคะ
คุณ grazioso : จริงจ้ะ พี่ก็ชอบพี่หมีป่า น่ารัก
คุณ setia : แหม...พี่หมีป่าขโมยซีนพี่มิคนะคะ
คิดถึงทุกท่านเช่นเคยค่ะ คราวนี้พาเจ้าหญิง(แม่มด)??? กับพ่อมด(เจ้าชาย) มาฝากกันค่ะ คิดเห็นเช่นไรช่วยกันเล่าขานนะคะ
…มีเด็กผู้หญิงสักกี่คน จะอยากเป็นแม่มดมากกว่าเจ้าหญิง?...
เมื่อในเทพนิยาย แม่มดคือตัวร้ายที่ไม่เคยมีความสุข ขณะที่เจ้าหญิงกับเจ้าชายเป็นความฝันอันงดงามที่หลายคนอยากพบพานเสมอมา
ภาพที่สะท้อนในกระจกตรงหน้าคือหญิงสาวร่างโปร่งบางเกือบเรียกได้ว่าผอม เส้นผมดำตัดสั้นแค่ไหล่ทิ้งตัวลงล้อมกรอบใบหน้าเรียวได้ส่วนที่ไม่ได้งดงาม เพียงควรกับคำพอดูได้โดยไม่ขัดตานัก แต่ที่หลายคนสะดุดคงเป็นดวงตาคู่ดำคมจัดภายใต้แพขนตางอนยาวที่มองตรงอย่างมั่นคง แววตาลึกสุดหยั่งนั้นราวจะแลล้ำเข้าไปในหัวใจของผู้ถูกจ้องมองจนหลายคนต้องหันหน้าหนีอย่างนึกหวั่นเกรง
แล้วเรียวปากบางก็ค่อยคลี่ยิ้มราวกลีบดอกไม้ผลิบาน ดวงตาวาวจัดค่อยอ่อนแสงออดอ้อนกึ่งยั่วเย้า ท่าทีราวลูกแมวที่ไร้พิษสง
หญิงสาวแค่นหัวเราะในคอเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกห่างจากกระจกบานใหญ่ตรงหน้า
ประตูห้องน้ำเปิดออก หญิงสาวรุ่นพี่เดินเข้ามาอย่างเร่งร้อน เธอคลี่ยิ้มหวานเอ่ยทักทายเสียงอ่อน ก่อนจะเดินสวนออกมา
หญิงสาวสูดลมหายใจยาว เดินตรงไปยังห้องประชุม ยกมือแตะลูกบิด สูดลมหายใจเรียกสติให้ตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปภายใน
เธอกวาดตามองอย่างรวดเร็วจนพบป้ายชื่อที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตัวหลังสุด ข้าง ๆ กันมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว
ร่างโปร่งก้าวเร็ว ๆ ไปทรุดตัวลงนั่งในตำแหน่งที่ถูกจัดไว้ เงียบอยู่เพียงครู่ เธอก็หันไปคลี่ยิ้มให้เพื่อนร่วมโต๊ะตามประสาเด็กมนุษยสัมพันธ์ดี “สวัสดีค่ะ...พี่ชื่ออะไรหรือคะ”
เขาหันมอง เอ่ยตอบชื่อตนก่อนที่เธอจะแนะนำตัวกลับ
เพียงสิ้นเสียงหวานที่เอ่ยคำแนะนำตัว รอยยิ้มกึ่งขันก็ปรากฏบนใบหน้าชายหนุ่ม “รู้แล้ว...เด็กเส้นที่เขาว่ากัน เพิ่งเข้ามาก็ได้ร่วม
โปรเจคท์ใหญ่ คนอื่นเขาต่อคิวรอกันตั้งนาน คัดตัวกันแทบตายยังไม่ได้เลย”
หญิงสาวนิ่งงันไปครู่กับความตรงไปตรงมาที่ยากจะเดาเจตนา ก่อนจะแค่นหัวเราะเบา ๆ
เธอควรทำใจได้นานแล้ว การก้าวเข้ามาในบริษัทชั้นนำเช่นนี้ แล้วคว้าเอาโปรเจคท์พิเศษที่หลายคนหมายตามาทำอย่างง่ายดายเพียงเพราะบิดาเป็นเพื่อนสนิทกับท่านประธาน และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหาร ย่อมทำให้หลายฝ่ายจับตามองอย่างเหยียดหยันปนกังขาในความสามารถ
“เขาว่ากันว่าอะไรหรือคะ”
“ก็ไม่มีอะไร”
“ถ้าไม่มีอะไรพี่ก็คงไม่พูด...บอกมาเถอะค่ะ หนูอยากรู้” เธอคลี่ยิ้มหวานราวไม่รู้สึกรู้สา
“อย่ารู้เลยดีกว่าครับ...เจ้าหญิง” เขาตอบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะกึ่งเหน็บแนม ขณะที่หญิงสาวตวัดสายตามองเงียบ ๆ
ฉายาเจ้าหญิงที่หลายคนเรียกกันลับหลังนั้น เธอรู้ดีทุกอย่าง ไม่ว่าจะพยายามเท่าไร ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหน ตราประทับคำว่าเด็กเส้นก็ทำให้หลายคนปิดหู ปิดตา และปิดใจที่จะเรียนรู้ โยนภาพเธอขึ้นหิ้งบูชาจอมปลอม กล่าวขานเรียกเป็นเจ้าหญิงที่ไม่มีใครกล้าแตะ ยิ่งเธอได้รับงานในโปรเจคท์พิเศษ แม้เจตนาเพื่อให้ได้แสดงความสามารถ แต่คนนอกที่ปรารถนาจะเข้าร่วมแต่ต้องพลาดหวังก็ไม่มีวันจะมองเห็นเธอดีหรือเหมาะสมไปได้
“ถ้าจะพูดขนาดนี้...บอกกันมาตรง ๆ ก็ได้ค่ะ” เธอหัวเราะ “หนูไม่แคร์หรอกนะคะว่าใครจะพูดอะไร แต่หนูไม่ได้แย่งที่ใครมา ในโปรเจคท์นี้หนูเป็นแค่ตัวเสริมที่เข้ามาช่วยประสานงาน เป็นตำแหน่งพิเศษที่ถูกอนุมัติลงมาเพิ่มน่ะค่ะ”
“นั่นก็มีคำว่าพิเศษ...ไม่ใช่เหรอครับ” เขายักคิ้วกึ่งล้อเลียน ก่อนทอดเสียง “เจ้าหญิง...”
หญิงสาวเผลอขบริมฝีปากเบา ๆ “แล้วพี่จะรู้...หนูไม่ใช่เจ้าหญิง แต่เป็นแม่มด”
เวลาเท่านั้นจะพิสูจน์ทุกสิ่ง ขณะที่หญิงสาวพยายามแสดงฝีมือในโปรเจคท์พิเศษอย่างเต็มที่จนผู้ร่วมงานหลายฝ่ายยอมรับ ภายใตท่าทีอ่อนโยนและรอยยิ้มเป็นมิตร เธอกลับยังเหนื่อยล้าและทอดถอนกับเรื่องราวหลายสิ่ง เมื่อไ่ม่มีใครรู้เลยว่ารอยยิ้มที่มอบให้กันนั้นมีหัวใจซ่อนอยู่มากน้อยเพียงไร
หญิงสาวเก็บของใส่กระเป๋าเมื่อเคลียร์งานบนโต๊ะเรียบร้อยเหมือนเช่นทุกวัน ขณะที่ชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ เริ่มกลายเป็นคนคุ้นเคยหันมามองหน้า เอ่ยถาม “กลับแล้วเหรอ”
“ค่ะ…งานเสร็จแล้วนะคะ”
“วันนี้สตาร์บัคส์ลดครึ่งราคา ไปด้วยกันไหม”
เธอนิ่งอยู่เพียงครู่ ก่อนจะตอบตกลง เขาลุกขึ้นเก็บของ เดินเคียงข้างร่างบางไปบนทางเดินยาวทอดสู่ตึกใหญ่ด้านหน้าซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟชื่อดัง
เสียงโทรศัพท์ดังเบา ๆ เธอหยิบมากดรับสาย เอ่ยคำบางอย่างก่อนจะวางโทรศัพท์ลงในกระเป๋าตามเดิม
“มอคค่าครัมเบิลละกันค่ะ” เธอบอกกับพนักงานสาวที่มารับคำสั่ง เขาเงียบไปครู่ ก่อนตกลงเลือกเมนูเดียวกัน
หญิงสาวมองร่างสูงที่ถือของพะรุงพะรังอยู่เพียงครู่ ก็เอ่ยบอก “พี่ไปหาโต๊ะนั่งก่อนเถอะค่ะจะได้วางของ เดี๋ยวหนูเอาไปให้เอง”
เขาลังเลอยู่เพียงครู่ ก็ส่งบัตรสมาชิกของร้านให้ “ใช้บัตรพี่จ่ายนะ ของเราด้วย...”
“หนูจ่ายเองได้” เขาคงลืมว่าเธอเป็นเจ้าหญิง
“ใช้บัตรพี่...นะคะ...”
เธอพยักหน้ารับ แล้วรับบัตรมา ยืนรอจนคิดเงินเรียบร้อยและรับกาแฟยกมาวางที่โต๊ะซึ่งเขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ขอบคุณนะคะ” เธอส่งบัตรสมาชิกให้เขาพร้อมใบเสร็จรับเงิน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วบรรจงคลี่กระดาษทิชชู่มาพับพันรอบแก้ว ก่อนจะส่งแก้วกาแฟให้ชายหนุ่มตรงหน้า
“ต้องพันด้วยเหรอ”
“ค่ะ…แอร์เย็นพอแล้ว เวลาถือแก้ว มือจะได้ไม่เย็น” เธอคลี่ยิ้มตอบขณะบรรจงพันกระดาษรอบแก้วของตัวเอง เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว ร่างบางก็ลุกขึ้นยืน
“หนูไปก่อนนะคะ”
เขาขมวดคิ้วมองอย่างแปลกใจ “หืม…จะรีบไปไหน”
“คนขับรถมารับแล้วน่ะค่ะ”
เขาพลิกข้อมือดูนาฬิกา “เพิ่งสามโมง ปกติเลิกงานสี่โมงนี่ครับ”
“ถ้าเลิกเร็ว หนูก็โทร.บอกให้เขามารับก่อนค่ะ นี่เขาโทร.มาบอกว่ามาถึงแล้ว”
เขาเงียบไปครู่ หญิงสาวก้มลงคว้ากระเป๋าสะพายเตรียมจะเดินจากไป แต่มือใหญ่คว้าสายอีกด้านของกระเป๋าไว้ก่อน “เพิ่งสามโมงกว่า สี่โมงค่อยกลับได้ไหม”
หญิงสาวนิ่งไปครู่ มองสบตาชายหนุ่มอย่างค้นหา ร่องรอยกึ่งวิงวอนบางอย่างในดวงตาที่เธอนิยามว่าเหมือนสุนัขบาดเจ็บทำให้ร่างบางทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง “สี่โมงนะคะ”
“ครับ…เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ...หนูกลับเองได้”
ท่ามกลางความเงียบงัน เธอนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนโซฟานุ่มตัวเล็ก เขานั่งมองกราฟงานในจอไอแพด ราวกับเวลาหยุดหมุน
หญิงสาวหลับตาลงสัมผัสถึงความสงบนิ่งบางอย่างในหัวใจที่ชวนให้เสพติด เพียงไม่นาน เธอก็ลืมตามาพบกับเข็มนาฬิกาบนข้อมือคนตรงหน้าที่บอกเวลาสี่โมงตรง
“สี่โมงแล้ว...หนูกลับนะคะ”
เขาเงยหน้าจากไอแพด มองนาฬิกาแล้วจัดแจงเก็บของ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ...หนูกลับเองได้”
“พี่จะกลับไปเอาแจคเกต เดี๋ยวเดินไปส่งนะครับ” เขาบอกเช่นนั้น เธอจึงยืนรอนิ่ง ๆ จนเขาเก็บของแล้วเดินไปข้าง ๆ จนมาถึงรถยนต์ที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว ไม่ไกลจากตึกที่ทำงานเดิม
“ขอบคุณนะคะ” เธอบอกแล้วเผลอยกมือไหว้เขาด้วยความเคยชิน ท่าทีชายหนุ่มชะงักไปครู่ ก่อนยกมือรับ
หญิงสาวนั่งในรถนิ่ง ๆ ปิดตาลงพักสายตา ทิ้งความไม่มั่นใจบางอย่างไว้กับสายลมหนาวที่พัดแผ่วไป
ความใกล้ชิดหรือเปล่าทำให้เขาก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อที่ประชุมประกาศวันไปดูงาน พร้อมกำหนดชุดดูงานเป็นเสื้อยืดของบริษัทที่แจกไว้ก่อนเธอจะเข้าทำงาน หญิงสาวได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ เป็นคนเดียวในโปรเจคท์ที่ไม่มีเสื้อ
เธอถอนใจเบา ๆ เดินออกจากห้องประชุม ชายหนุ่มกลับเดินตามมา “มีเสื้อไหม”
“ไม่ค่ะ”
“เอาเสื้อพี่ไปไหม...ถ้าเราไม่ถือนะ” เขาบอกหน้าตาเฉย ก่อนเอ่ยต่อเมื่อเธอเอียงคอมองหน้า “พี่เคยใส่แค่ครั้งเดียว ตัวมันเล็กไป”
“แล้วพี่จะเอาเสื้อที่ไหนใส่ล่ะคะ”
“ยืมลูกน้องที่แผนกก็ได้” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวนิ่งไปครู่ ความที่เคยได้ แคยมีแต่คนตามใจ เธอจึงไม่คิดเกรงใจที่จะตอบรับ “ก็ไดค่ะ แต่พี่จะหาเสื้อได้แน่นะคะ”
“ครับ…” เขาพยักหน้ารับ “เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้ อยู่ที่ห้องพักพี่นั่นล่ะ”
เขาพาเธอขึ้นลิฟต์หอพักพนักงานไปถึงหน้าห้องพัก ร่างสูงหันมามองแล้วบอกอย่างไม่มั่นใจนัก “รอตรงนี้ก่อนนะครับ”
“ค่ะ…” เธอตอบรับอย่างว่าง่าย หมุนตัวเดินไปที่ระเบียง หยิบโทรศัพท์มากดเล่นเกมส์
นานเท่าไรไม่รู้ เมื่อหญิงสาวรู้สึกตัวอีกครั้งด้วยสัมผัสของมือที่แตะลงบนไหล่ทั้งสองข้าง กับเสียงทุ้มเบาราวกระซิบ “น่าจะพอดีนะ”
อยู่ดี ๆ หัวใจเธอก็เต้นรัว เมื่อเขายังคงตั้งหน้าตั้งตาทาบเสื้อยืดลงที่หลังเธอ หญิงสาวตัดสินใจหมุนตัวกลับไปจ้องหน้าเขาด้วยดวงตาวาวจัดราวจะค้นหาความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ ชายหนุ่มกลับเลิกคิ้วมอง
“ขอบคุณนะคะ...” เธอบอกเบา ๆ ปล่อยให้เขาพับเสื้อใส่ถุงกระดาษ ยังไม่ทันที่เธอะยื่นมือไปรับ ร่างสูงกลับยกมือดึงแขนแสื้อเธอเบา ๆ
“เดี๋ยวพี่ถือให้ ไปหาอะไรกินกันก่อนไหม”
เธอก้าวเท้าตามเขาไปช้า ๆ ก้มหน้าครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนเอ่ยถามเบา ๆ “พี่ทำแบบนี้...กับผู้หญิงทุกคนหรือเปล่าคะ”
เขานิ่งไปครู่ “อะไรครับ...ทำไมถามแบบนี้”
“หนูควรรู้ว่าพี่อันตรายแค่ไหน” เธอตอบหน้าตาเฉย “ถ้าพี่ทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ก็เป็นผู้ชายที่อันตรายมาก”
เขาคลี่ยิ้ม “อย่าเพิ่งตัดสินพี่สิ”
หญิงสาวถอนใจเบา ๆ มองหน้าเขาอีกครั้งก่อนเอ่ยคำถาม “พี่มีแฟนหรือยังคะ”
คราวนี้เขากลับนิ่ง มองหน้าเธอแล้วเดินต่อโดยไม่มีคำตอบ แต่เจ้าหญิงนิสัยเสียอย่างเธอไม่ชอบคำถามที่ไร้คำตอบ หญิงสาวสาวเท้าเข้าไปใกล้ ชะโงกหน้าไปถามย้ำ “ว่าไงคะ”
เขาแค่นหัวเราะ “หมายถึงที่ไหนล่ะครับ”
เธอนิ่งไปครู่กับคำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้รับ แล้วหัวเราะเบา ๆ “เป็นผู้ชายที่...อันตรายจริง ๆ ด้วยสินะคะ”
แก้วชาเขียวรสเข้มถูกหมุนไปมาจนควันระอุเป็นไออยู่เหนือปากแก้ว หญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบแก้วไว้นิ่ง ๆ ราวต้องการเพียงความอบอุ่นบาง ๆ ผ่านผิวสัมผัสของฝ่ามือ ขณะที่ชายหนุ่มตรงหน้าก้มหน้าก้มตาอยู่กับจอไอแพดบนโต๊ะที่เปิดโปรแกรมเกมส์ทิ้งไว้
แปลกที่ในความเงียบงัน หัวใจใครบางคนกลับสงบได้อย่างน่าตกใจ
หญิงสาวพลิกโทรศัพท์มองนาฬิกา กำลังจะเอ่ยขอตัวลา คนตรงหน้าก็กลับพูดขึ้นก่อน
“ไปดูหนังกันไหม”
คำถามสั้น ๆ กลับทำให้หญิงสาวนิ่งไปราวถูกทุบหัวด้วยค้อนปอนด์ใหญ่ เธอกระพริบตาเบา ๆ เรียกสติให้ตัวเอง ก่อนขยับขายืดตัวขึ้นตรง เอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง
“หนูว่าจะไม่ถามอีก...แต่พี่ทำให้หนูต้องถาม” เธอจ้องหน้าเขานิ่งอย่างค้นหา “และหนูคงต้องขอให้พี่ตอบ”
“อะไรกันครับ ทำไมต้องทำหน้าเครียดเชียว”
เธอถอนใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยตรงประเด็น “พี่มีแฟนหรือยังคะ...ตอบหนูตามตรง เพราะหนูไม่ชอบเป็นมือที่สามของใคร ถ้าพี่มีแล้วเราจะเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องที่ดีต่อกันได้ค่ะ แต่ถ้ายัง...หนูเกรงว่าถ้าพี่ใจดีกับหนูมากกว่านี้ หนูจะเผลอชอบพี่”
คำถามที่พรั่งพพรูราวเขื่อนแตกทำให้ชายหนุ่มนิ่งงันไปครู่ใหญ่ ดวงตาภายใต้แว่นกรอบใหญ่มองเธออย่างประหลาดใจ ขณะที่หญิงสาวจ้องมองเขานิ่งอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ
“มัน…ต้องขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“หนูไม่ชอบอะไรที่เดาไม่ได้ เพราะหนูจะควบคุมไม่ได้” เธอไหวไหล่เบา ๆ “หนูคิดยังไงหนูก็บอกอย่างนั้น มนุษย์จะใช้เล่ห์เหลี่ยมกันให้มากไปทำไม เมื่อการทำอะไรด้วยความจริงใจมันให้ความสุขมากกว่ากันมาก”
เขาหัวเราะเบา ๆ “อย่าจ้องพี่อย่างนั้นสิครับ”
“ก็ตอบหนูมาสิคะ...ตามตรง”
ชายหนุ่มนิ่งไปครู่ ก่อนบอก “ตอนนี้เลยนะ...ตอนนี้ ไม่มีครับ”
“แปลว่า...”
“ก่อนหน้านี้เคยมี และออกจะ...หลายคน”
หญิงสาวไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ เธอนิ่งงันไปครู่ใหญ่ก่อนที่เขาจะเอ่ยย้ำ “ไปดูหนังกันนะครับ”
------------
เคยไหมคะ??? บางครั้งความรักก็เดินมาแบบที่เราตั้งตัวไม่ทัน
ความรู้สึกประหลาดที่เรายังไม่ได้นิยาม จึงอดไม่ได้ที่จะต้องถามหาคำตอบ
แล้วความสัมพันธ์ก็วิ่งทะยาน...รวดเร็วจนน่าตกใจ
ปุจฉา...3 อาทิตย์...พอไหมให้ความรักก่อตัว??? หรือที่จริง...มันอาจเป็นแค่หลง???
ปริศนามากมาย...ติดตามค้นหัวใจคุณแม่มด กับเจ้าชายไปด้วยกันนะคะ
---------
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ : ไอซ์ว่าเราต่างปกป้องหัวใจของตัวเองค่ะ เมื่อความสัมพันธ์นั้นมีกรอบที่วางไว้ บางคนเลือกแหกกรอบ บางคนเลือกเดินหนีค่ะ
คุณ goldensun : เป็นเช่นนั้นแลค่ะ
คุณ kraten : 555 จริงค่ะ
คุณ konhin : ทุกคนเริ่มสงสารฉันกันตอนนี้ล่ะค่ะ
คุณ คิมหันตุ์ : โอ๋ ๆ คราวนี้มาลุ้นกันต่อนะคะ
คุณ grazioso : จริงจ้ะ พี่ก็ชอบพี่หมีป่า น่ารัก
คุณ setia : แหม...พี่หมีป่าขโมยซีนพี่มิคนะคะ
คิดถึงทุกท่านเช่นเคยค่ะ คราวนี้พาเจ้าหญิง(แม่มด)??? กับพ่อมด(เจ้าชาย) มาฝากกันค่ะ คิดเห็นเช่นไรช่วยกันเล่าขานนะคะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2557, 21:23:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ค. 2557, 21:23:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 1598
<< ...บางตอนของความฝันอันแสนหวาน(end)... | ~เจ้าชาย...กับแม่มด(2)~ >> |


คิมหันตุ์ 30 ก.ค. 2557, 22:50:44 น.
สามอาทิตย์ถ้าพูดคุยกันทุกวันแลกเปลี่ยนทัศนคติกันเสมอๆก็พอค่ะ แล้วถ้าขึ้นด้วยคำถามว่าพี่มีรแฟนหรือยังคะ พร้อมกับคำตอบนี่เพียงพอมว๊ากกกกกกกกกก
สามอาทิตย์ถ้าพูดคุยกันทุกวันแลกเปลี่ยนทัศนคติกันเสมอๆก็พอค่ะ แล้วถ้าขึ้นด้วยคำถามว่าพี่มีรแฟนหรือยังคะ พร้อมกับคำตอบนี่เพียงพอมว๊ากกกกกกกกกก


นักอ่านเหนียวหนึบ 30 ก.ค. 2557, 23:35:17 น.
ความรักเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก
บางที รักกันมาก ก็อาจจะไปกันไม่ได้
ใครจะรู้ บางคนอยู่กันยืด เพราะหลงมากกว่ารักก็เป็นได้เนอะ
ความรักเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก
บางที รักกันมาก ก็อาจจะไปกันไม่ได้
ใครจะรู้ บางคนอยู่กันยืด เพราะหลงมากกว่ารักก็เป็นได้เนอะ

ปอรินทร์ 8 ส.ค. 2557, 22:36:49 น.
คิดถึงไรเตอร์จังเลยค่ะ
ต่อให้ไม่ใช่สามอาทิตย์ แต่เป็นสามวินาทีที่สบตากัน ถ้าหากว่าใช่มันก็ใช่ค่ะ
คิดถึงไรเตอร์จังเลยค่ะ
ต่อให้ไม่ใช่สามอาทิตย์ แต่เป็นสามวินาทีที่สบตากัน ถ้าหากว่าใช่มันก็ใช่ค่ะ

littiechild 11 ส.ค. 2557, 18:11:10 น.
ชอบทุกเรื่องที่ได้อ่านเลยค่ะ แบบอ่านๆๆอยู่ เฮ้ย!! มันใช่อ่ะ เฮ้ย!!เรื่องความรักบางทีมันก้อแปลกเนอะยากที่จะอธิบาย เอาเปนว่าลุ้นต่อไปแล้วกันนะค่ะ
ชอบทุกเรื่องที่ได้อ่านเลยค่ะ แบบอ่านๆๆอยู่ เฮ้ย!! มันใช่อ่ะ เฮ้ย!!เรื่องความรักบางทีมันก้อแปลกเนอะยากที่จะอธิบาย เอาเปนว่าลุ้นต่อไปแล้วกันนะค่ะ

goldensun 13 ส.ค. 2557, 11:26:42 น.
ตรงดีค่ะ เซฟตัวเองด้วย ชัดเจนในความสัมพันธ์ แต่อีตาพี่นี่ เหมือนต้องการหาคนอยู่ด้วย แต่ยังไม่อยากผูกพันยังไงไม่รู้นะคะ
ตรงดีค่ะ เซฟตัวเองด้วย ชัดเจนในความสัมพันธ์ แต่อีตาพี่นี่ เหมือนต้องการหาคนอยู่ด้วย แต่ยังไม่อยากผูกพันยังไงไม่รู้นะคะ

grazioso 30 ก.ย. 2557, 23:04:35 น.
คุณพ่อมดดูร้ายๆ ยังไงก็ไม่รู้สิคะ... > <"
คุณพ่อมดดูร้ายๆ ยังไงก็ไม่รู้สิคะ... > <"