แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 21 วิ่งสู้ฟัด



อันยองอาเซโย ทักทายกันเบา ๆ ให้หายคิดถึงค่ะ
วันนี้ไรเตอร์มีตอนมาฝากอีกแล้ว ฟังชื่อตอนแล้วอย่าพึ่งคิดว่านี่คือนิยายบู้นะคะ
แม้จะไม่ใช่นิยัยแอคชั่น แต่มีฉากแอ็คชั่นเบา ๆ ให้ได้ตื่นเต้นตามสไตล์ของพัชรีพร
หวังว่าจะถูกใจนะคะ พบกันในตอนหน้าค่ะ



21
วิ่งสู้ฟัด



แก้วกัลยากับรักจิรานั่งถอนหายใจอยู่ในรถเกือบสี่ชั่วโมงแล้ว พวกเธอมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืดจนตอนนี้แสงลาลับขอบฟ้าไปแล้ว และสาเหตุที่ทำให้พวกเธอต้องมานั่งจับเจ้าแบบนี้ก็เพราะเป้าหมายที่มาพบไม่อยู่ที่ห้อง สองสาวเดินขึ้นไปกดออดหน้าห้องพักก็ไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะเปิด จนเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ขึ้นมาบอกเธอว่าเจ้าของห้องออกไปข้างนอกยังไม่กลับ รักจิรากับแก้วกัลยาจึงต้องลงมานั่งรออยู่ในรถ คิดว่ารอหน้าอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้สักพักยังไงกลับมาก็ต้องเดินผ่าน ผ่านไปสี่ชั่วโมงเต็มไม่มีวี่แววว่านายเอกฤทธิ์จะกลับมา แก้วกัลยาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นแก้เซ็ง เสียงดังติ๊ด ๆ ทำให้รักจิรายิ่งหงุดหงิด

“ตัวช่วยหยุดกดโทรศัพท์ก่อนได้ไหมเจ๊แก้ว มันน่ารำคาญ”

“แล้วแกจะให้ฉันทำอะไร นายเอ็มนี่ก็หายไปไหนก็ไม่รู้ เรานั่งรอในรถจนรากแก้วจะงอกทะลุลงพื้นไปอยู่แล้วนะ” แก้วกัลยาเอ่ย มือยังกดโทรศัพท์ต่อ

“ก็เพราะใครล่ะ ทำไมไม่ให้คนมาดูก่อน อยู่ ๆ ก็มา สมควรไหม” รักจิราบ่นพี่สาว

“นี่แกโทษฉันหรอ แกเองไม่ใช่หรอที่อยากมาอ่ะ เลือดนักข่าวแกมันกำลังร้อนเลยไม่ใช่หรอ” รักจิรากำลังจะอ้าปากประท้วงต่อ แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน

ครืด ครืด ครืด

“พักยกก่อน ฮัลโหลว่าไง...”

(ช่วยผมด้วยเจ๊ พวกมันตามผมมา พวกมันจะฆ่าผม เจ๊ช่วยผมด้วย) ใบหน้ารักจิราแปรเปลี่ยนไปทันที น้ำเสียงของนิรุธเพื่อนทำงานรุ่นน้องดูตื่นตนกมาก

“แกอยู่ไหนไอ้รุจ”

(ซอยXX ผมมาทำข่าวกำลังจะกลับบ้าน แต่...เจ๊ช่วยผมด้วย ผมไม่อยากตาย พวกมันต้องเป็นพวกที่ฆ่าพี่อุมา แล้วก็นักข่าวคนอื่นแน่ ๆ เจ๊ช่วยผมด้วย)

“แกใจเย็น ๆ นะไอ้รุจ ตั้งสติ อย่าสติแตก ตอนนี้แกหาที่ซ่อนก่อน ฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นั่นจะรีบไป ถ้าเจอพวกมัน ถ่วงเวลาทำอะไรไปก่อนก็ได้ ฉันไม่ให้แกเป็นอะไร รอฉันก่อนนะ แกจะปลอดภัย ตั้งสติไว้นะ แค่นี้ก่อน” รักจิรากดตัดสายและหันไปมองแก้วกัลยาที่เลิกเล่นโทรศัพท์ไปแล้ว

“เจ๊แก้ว เค้ามีธุระด่วนตัวอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน ถ้ามีเหตุฉุกเฉินโทรเรียกตำรวจ”

“แกจะทิ้งฉันหรอไอ้รัก แล้วถ้าเกิดไอ้หมอนั่นมา ฉันจะจัดการยังไง” แก้วกัลยาถาม

“ระดับเจ๊แก้ว คงไม่ต้องรอให้ถึงมือเค้าหรอก ตอนนี้มีเรื่องคอขาดบาดตายมากกว่า” รักจิราเอย

“แต่...”

“เอาเป็นว่าเค้าไม่มีเวลาแล้ว ไว้จะกลับมาเล่าให้ฟัง ถ้ามีอะไรโทรเรียกตำรวจ เรียกคุณมงกุฎ คุณเพชร ใครก็ได้จะมีคนมาช่วยแน่นอน เค้าไปก่อนนะเจ๊แก้ว” รักจิราเปิดประตูลงจากรถวิ่งออกไปหน้าซอย และโบกแท็กซี่รีบมุ่งหน้าไปหานิรุธ แก้วกัลยานั่งนิ่งอยู่ในรถเหมือนจับต้นชนปลายไม่ถูก สุดท้ายแก้วกัลยาตัดสินใจว่าจะกลับบ้านก่อน แล้วพรุ่งนี้จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง วันนี้รอมาสองชั่วโมงแล้วบางทีเป้าหมายอาจจะรู้ตัว แก้วกัลยาเปิดประตูลงจากรถ แขนที่แม้จะใส่เฝือกอยู่ไม่เป็นอุปสรรคมากนัก แก้วกัลยากำลังจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ แต่กลับตวัดสายตาขึ้นไปมองระเบียงห้อง ๆ หนึ่งซึ่งอยู่ชั้นสี่ เป็นห้องของนายเอกฤทธิ์ แก้วกัลยามองเห็นเงาคนหลังประตูกระจกวูบหนึ่ง แก้วกัลยาเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ หยิบกระเป๋าสะพายออกมาและเดินกลับเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ โดยจุดหมายของเธอไม่ใช่ห้อง 404 แต่ที่เธอไปคือห้องของเจ้าของอพาร์ทเม้นที่อยู่ชั้นล่างต่างหาก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แอ๊ด

“คุณนั่นเอง”

“ฉันขอถามอีกครั้งว่านายเอกฤทธิ์เจ้าของห้อง 404 อยู่ไหม” เจ้าของห้องมีท่าทีเลิกลั่กเล็กน้อย

“ไม่ค่ะ เขาไม่ได้กลับห้องมาหลายวันแล้ว” แก้วกัลยากำลังมองอย่างจับผิด ยังไงซะท่าทีและการกระทำก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของแก้วกัลยา แก้วกัลยาเก่งนักเลการจับผิดคน

“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งนี้ฉันจะเชิญคุณไปคุยกับคุณตำรวจ ข้อหาให้ที่หลบซ่อนคนร้าย ฉันจะถามอีกครั้งเดียวเท่านั้น ว่าเจ้าของห้อง 404 อยู่ข้างบนไหม”

“เอ่อ...ไม่”

“ดี เตรียมตัวไปคุยกันที่โรงพัก ไอ้หมอนั่นขโมยแหวนเพชรฉันไป เตรียมตัวโดนจับพร้อมกับไอ้หมอนั่นละกัน” แก้วกัลยาทำทีกดโทรศัพท์และยกขึ้นโทร เจ้าของห้องเริ่มแสดงท่าทีมีพิรุธมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ฮัลโหล คุณตำรวจ...”

“อยู่ค่ะ เจ้าของห้อง 404 ยังอยู่ เขาโทรมาบอกให้ฉันมาไล่คุณ ฉันไม่รู้เห็นอะไรเลยนะคะ อย่าแจ้งตำรวจจับฉันนะคะ ฉันบอกแล้ว” แก้วกัลยายิ้มและเก็บโทรศัพท์

“ก็แค่นั้น โทรไปบอกไอ้หมอนั่นว่าฉันกลับไปแล้ว ถ้าไม่ทำตามฉันจะแจ้งตำรวจ” แก้วกัลยาเดินออกไป โดยสตาร์ชรถออกไปจอดหลบแถว ๆ มุมตึกที่อยู่ไม่ไกลมากนักและดักซุ่มรอ แก้วกัลยาคิดว่านายเอกฤทธิ์นี่คงรู้แล้วว่ามีคนมาตาม ยังไงก็ต้องหนี แก้วกัลยาสำรวจมอง และเป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด เมื่อนายเอกฤทธิ์เดินออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ และกำลังจะเดินออกจากซอย แก้วกัลยาพุ่งออกจากมุมตึกขวางทางไว้

“คิดจะหลอกฉันหรอ จำไว้คนอย่างแก้วกัลยาสวยแต่ไม่โง่หรอกนะ” นายเอกฤทธิ์มีท่าทีตกใจ หันหลังวิ่งหนีไป แก้วกัลยารีบสาวเท้าวิ่งตาม ยังไงวันนี้เธอต้องจับนายเอกฤทธิ์นี่ให้ได้ ผลงานชิ้นนี้เพทายจะต้องยอมรับในตัวเธอมากขึ้น เธอจะเขี่ยดารินทิพย์ออกจากสารบบของเพทาย นายเอกฤทธิ์วิ่งเข้าตรอกเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลังอพาร์ทเม้นท์ที่จะลัดเลาะทะลุไปที่หลังตลาด แก้วกัลยาพยายามวิ่งตามไป แต่อุปสรรคของแก้วกัลยาคือรองเท้าส้นสูงห้านิ้วนี่ต่างหากล่ะ เธอพึ่งรู้ว่าการใส่ส้นสูงมันคืออุปสรรคในชีวิตเธอก็วันนี้

“หยุดนะไอ้บ้า ฉันเหนื่อยแล้วนะ” แก้วกัลยาตะโกนไล่หลัง พยายามจะวิ่งตามให้ทัน

ตุบ

แก้วกัลยาสะดุดขาต้นเองล้มลง ส้นรองเท้าที่สูงหักลงข้างหนึ่ง แก้วกัลยาไม่ได้สนใจเข่าที่ถลอกเป็นแผลมีเลือดไหลซิบ ๆ สิ่งที่แก้วกัลยาสนใจคือรองเท้าคู่สวยของปราด้าที่ราคาแพงเหยียบหมื่นที่สำคัญมันมีแค่เจ็ดคู่ในโลก แต่กลับหักไม่แคร์ราคา ความโกรธที่ต้องมาวิ่งไล่ตามอยู่แล้ว ยิ่งมีมากขึ้นเมื่อเห็นรองเท้าคู่ใจพัง

“แกตายแน่ ฉันจะฆ่าแกแน่” แก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นตอนนี้นายเอกฤทธิ์ก็คลาดสายตาไปแล้ว แก้วกัลยากวาดตามองไปรอบ ๆ ตอนนี้เป็นเวลาโพล้เพล้แล้ว ท้องฟ้ากำลังมืดลงทุกที บรรยากาศแถวนี้ก็ดูไม่น่าไว้ใจ ตลาดก็วายแล้ว ทำให้ไม่มีคนมีแต่แผงขายของ แก้วกัลยาดันตัวเองและลุกขึ้นยืน

“ถ้าฉันจับแกได้ ฉันจะจัดการแกแน่ที่ทำให้ฉันต้องมาวิ่งแบบนี้ และทำให้รองเท้าฉันพัง” แก้วกัลยาได้ยินเสียงวิ่งจึงหันกลับไปมองก็เห็นนายเอกฤทธิ์กำลังวิ่งหน้าตั้งหนีไป แก้วกัลยาคิดในใจว่าไอ้หมอนี่มันโคตรโง่หลบก็ดีอยู่แล้ว วิ่งออกมาให้เธอเห็นทำไม แก้วกัลยาถอดส้นสูงห้านิ้วที่พังออกทั้งสอง และฉวยหยิบติดมือไปคู่หนึ่งและวิ่งตามไป แก้วกัลยาหยุดวิ่ง เส้นทางนี้แม้ไม่เคยมาแต่นี่มันในตลาดยังไงซะก็หนีไม่พ้นหรอก แก้วกัลยาถอยหลังวิ่งลัดเข้าไปในซอกซอยตลาด พลันเธอก็วิ่งมาดักอยู่ข้างหน้านายเอกฤทธิ์

“ถ้าไม่หยุดวิ่งฉันสาบานเลยว่าถ้าจับนายได้ฉันจะทรมานนายให้เจ็บปวดที่สุดก่อนจะฆ่านายแน่ ฉันจะถลกหนังนายแล้วทาด้วยเกลือ แล้วฉีกปานนายยัดปราด้าของฉันใส่ปากนาย ให้สาสมกับสิ่งที่นายทำให่ฉันคุณหนูแก้วกัลยาต้องมาวิ่งไล่ตามแบบนี้” นายเอกฤทธิ์ไม่เชื่อคำขู่หันหลังวิ่ง แก้วกัลยายกรองเท้าขึ้นและเล็งกะทิศทางอย่างแม่นยำก่อนจะกว้างรองเท้าออกไป

โป๊ก!!!

ส้นสูงห้านิ้วลอยกระแทกเข้าที่หัว นายเอกฤทธิ์ถึงกับเซสะดุดส้มลง ที่หัวมีเลือดไหลออกมาจากแรงกระแทกและแรงเจาะของส้นเข็ม แก้วกัลยาเดินเข้าหยุดอยู่ตรงหน้า ใบหน้าสวยยิ้มอย่างพอใจ

“รู้จักแก้วมือปาเป้าพิฆาตมารน้อยไปซะแล้ว” แก้วกัลยาเอ่ย นายเอกฤทธิ์ไม่ได้สิ้นฤทธิ์อย่างที่คิดมันฉวยโอกาสที่แก้วกัลยาเผลอดันตัวลุกขึ้นผลักแก้วกัลยาล้มลง และวิ่งหนี แก้วกัลยาดูเหมือนจะไม่ยอมเช่นกันรีบผลุนตัวลุกขึ้นโชคดีที่ตัวเธอไม่ได้บาดเจ็บ ในขณะที่นายเอกฤทธิ์ข้อเท้าแพงจากการสะดุดล้มเมื่อครู่ แก้วกัลยาคว้ามือจับข้อเสื้อนายเอกฤทธิ์ไว้ ด้วยความกลัวความผิด และไม่ยอมให้จับเอกฤทธิ์หันตัวกลับไป

เพียะ!!!

แก้วกัลยาล้มลงไปตามแรงตบ แก้วกัลยานิ่งช็อค ดวงตากำลังตกตะลึงสุด ๆ เกิดมาในชีวิตไม่เคยมีใครกล้าทำร้ายเธอขนาดนี้ เอกฤทธิ์หันไปผลักเข่งที่ซ้อนกันอยู่ล้มลงใส่แก้วกัลยาและฉวยโอกาสจะวิ่งหนี

“ฉันจะฆ่าแก!!!” แก้วกัลยาตะโกน

“คุณแก้ว!!!” เสียงของมงกุฎดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของการ์ดชุดดำอีกห้าคนที่วิ่งเข้ามาช่วยกันจับกุมเอกฤทธิ์ แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจไม่ใช่การมาของมงกุฎ แต่เป็นการมาของผู้ชายอีกคนหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลายังคงความนิ่งขรึมแสนสุภาพดั่งสุภาพบุรุษผู้ดีเช่นทุกครั้ง

“คะ...คุณเพชร” แก้วกัลยามีสีหน้าตกใจมาก

“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคุณแก้ว” เพทายเอ่ยและมองสภาพที่เกือบจะมอมแมมของแก้วกัลยา ตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ที่เข่ามีรอยแผลที่เกิดจากการหกล้มมีเลือดไหลออกมาซิบ ๆ ส่วนเท้าของเธอนั้นเปลือยเปล่า แขนข้างที่ใส่เฝือกเหมือนจะไม่ได้รับอันตราย แต่ผ้าคล้องแขนกลับหายไป

“เอ่อ...ฉันขอทำอะไรสักอย่างก่อนได้ไหมคะ” แก้วกัลยาเอ่ย เพทายพยุงร่างของแก้วกัลยาขึ้นยืน แก้วกัลยาผละตัวออกและเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านายเอกฤทธิ์ เอกฤทธิ์มองหน้าแก้วกัลยาอย่างตื่นตนกเมื่อเห็นสายตามาดร้ายของเธอ แก้วกัลยากำลังจะยกมือข้างที่ใส่เฝือกแต่เหมือนนึกขึ้นได้ก็เปลี่ยนมือ

เพียะ

เพียะ

เพียะ

เสียงมือกระทบใบหน้าสามครั้งเน้น ๆ ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ เงียบสนิท แก้วกัลยาเหมือนจะตบต่อแต่เพทายกลับเดินมาจับมือเธอไว้ก่อน

“พอก่อนเถอะครับ”

“แต่ไอ้หมอนี่มันตบหน้าฉัน มันทำรองเท้าฉันพัง มันทำให้ฉันต้องมาวิ่งตามันเหมือนคนบ้า มันรู้จักคนอย่างแก้วกัลยา มารร้ายอสรพิษน้อยไปแล้ว”

“แต่สภาพคุณตอนนี้ถ้าใครมาเห็นคุณคงไม่น่าชอบนะครับ กลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยมาจัดการดีไหมครับ ยังไงนายคนนี้ก็หนีไปไหนไม่ได้แล้ว” แก้วกัลยาก้มมองสภาพตัวเอง และยอมพยักหน้า

“ก็ได้ แต่...ที่รักต้องไปส่งเค้านะ” แก้วกัลยาหันกลับมายิ้มต่อ มงกุฎเหมือนจะรู้งานพยักหน้าให้การ์ดพาเอกฤทธิ์ออกไป ทุกคนหายไปอย่างรู้งาน เหลือเพียงแก้วกัลยาและเพทาย เพทายพยักหน้า

“ไปครับ” แต่แก้วกัลยากลับไม่เดินตาม เขาหันกลับไปมองแก้วกัลยา แก้วกัลยาก้มมองเท้าจองตัวเอง เพทายมองอย่างเหนื่อยใจ เขาเดินไปหยิบรองเท้าทั้งสองข้างที่อยู่ไม่ไกลและเดินกลับมา หักส้นอีกข้างให้เหมือนกัน และก้มตัวนั่งลง จับเท้าของแก้วกัลยาบรรจงใส่รองเท้าให้อีกครั้ง

“ทีนี้ไปได้หรือยังครับ” แก้วกัลยาพยักหน้า เพทายคว้ามือของแก้วกัลยาและดึงให้เดินตามไป แก้วกัลยามองผู้ชายที่เดินจูงมือเธอด้วยแววตาลอย ๆ เหมือนโดยเป่ามนตร์สะกด เขาพาแก้วกัลยามาที่รถของเขา ส่วนรถของแก้วกัลยาคุณมงกุฎจัดการเคีลยร์เอากลับไปให้เป็นที่เรียบร้อยอย่างรู้งาน

“คุณไม่ควรทำแบบนี้” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากขึ้นมานั่งอยู่บนรถ แก้วกัลป์ยายังคงจ้องหน้าเขาและยิ้มตาเยิ้มหวานเช่นทุกครั้ง ก่อนกลีบปากสวยจะเริ่มขยับเอ่ยขึ้นบ้าง

“ทำอะไรคะ” แก้วกัลยาทำเป็นไม่เข้าใจสิ่งที่เพทายถาม

“มาคนเดียว ถ้าคุณรักไม่โทรมาบอกคุณมงกุฎกับผม คุณรู้ไหมว่านายคนนั้นอาจจะฆ่าคุณได้ คนเราเวลามันกลัวความผิดมาก ๆ มันทำร้ายคนได้จริง ๆ นะครับ” แก้วกัลยาไม่ได้มีสีหน้าสลดลงสักนิดแต่กลับยิ้ม

“ดีสิคะ คุณจะได้มาดูแลฉันถ้าฉันบาดเจ็บ”

“อย่าทำเป็นเล่นไปนะคุณแก้ว นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถ้าคุณเกิดไม่ใช่แค่บาดเจ็บล่ะครับ”

“คุณเป็นห่วงฉันหรอคะ” แก้วกัลยาเอ่ย ดวงตาเป็นประกายยังจับจ้องมองเขา เพทายนิ่งไปทันทีเหมือนพูดไม่ออก แก้วกัลยาขยับตัวไปใกล้อีกนิด มือคว้าจับมือเพทายขึ้นมาแนบแก้ม

“ไม่ต้องห่วงเค้านะที่รัก เค้าไม่เป็นอะไรหรอก เค้าต้องอยู่กับที่รักอีกนาน ไม่ยอมให้อะไรมาพรากเค้ากับที่รักไปหรอก เลิกทำหน้าเครียดได้แล้วนะคะที่รัก เดี๋ยวหน้าก็เหี่ยวก่อนวัยหรอก” แก้วกัลยามองผู้ชายที่ตอนนี้หูแดง หน้าก็เริ่มแดงขึ้น สร้างความภิรมย์ใจให้กับแก้วกัลยา เพทายดึงมือออกเหมือนทำอะไรไม่ถูก เขาปรับสีหน้าให้นิ่งสุขุมเช่นเดิม

“คุณชอบทำเป็นเล่นไปทุกเรื่อง”

“ใครบอกเล่นคะ ฉันจีบคุณจริง ๆ ไม่เคยเล่นเลยนะคะ หรือฉันยังแสดงออกไม่พออีกคะ” เพทายถอนหายใจให้กับผู้หญิงตรงหน้า
“คุณจะไปหาหมอไหม แขนคุณ...” เหมือนแก้วกัลยาจะตกใจเมื่อเขาเอ่ยถึงแขนตัวเอง

“เอ่อ...ไม่ค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร แขนปกติดี”

“คุณไม่ใช่หมอ ผมว่า...”

“ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ แขนไม่ได้กระเทือนอะไร ถ้าเป็นอะไรจริง ๆ ฉันจะรีบโทรตามคุณ ตอนนี้คุณพาฉันกลับบ้านทีเถอะ ฉันอยากอาบน้ำ นะคะที่รัก” เพทายพยักหน้าและยอมขับรถไปส่งแก้วกัลยา




แก้วกัลยากลับมาอยู่ในภาพลักษณ์สาวไฮโซอีกครั้ง เพทายพาแก้วกัลยามาที่บริษัทเขาในเวลาสองทุ่ม ซึ่งพนักงานก็เริ่มกลับกันหมดแล้ว อาจจะเหลือนักร้อง นักเต้นที่ยังซ้อมกันอยู่ชั้นบน แก้วกัลยาเดินตามเพทายมาที่ห้องทำงานของเขาที่ตอนนี้นายเอกฤทธิ์โดนจับมัดและมีการ์ดคอยคุมอยู่ แก้วกัลป์ยาเห็นหน้านายเอกฤทธิ์อารมณ์ที่สงบไปแล้วขึ้นมาอีกครั้ง แต่โชคดีที่มงกุฎมาประกบและจับตัวไว้

“สอบสวนถึงไหนแล้วคะคุณมงกุฎ”

“เขายอมรับแล้วค่ะว่าโดนจ้างมาแต่ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนว่าจ้าง” แก้วกัลยาสาวเท้าเดินเข้าไป เอกฤทธิ์ผงะถอยหลังหนี แต่โดนการ์ดจับตัวไว้

“ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าคนจ้างเป็นใคร ผมไม่รู้ว่าคนที่จ้างผมจะเอาคลิปไปทำอะไร ปฃผมแค่ทำไปเพราะอยากได้เงินไปใช้หนี้ ผมไม่รู้จริง ๆ นะครับ”

“นายไม่รู้หรือไม่บอกกันแน่”

“ผมไม่รู้จริง ๆ ครับ มีคนจ้างผม เขาโทรมาแต่ผมไม่เคยเห็นหน้า ตอนรับเงินก็โอนเข้ามาในบัญชีผม อย่าแจ้งตำรวจจับผมนะครับ ผม...”

“แน่ใจว่าไม่รู้” แก้วกัลยาตะคอกเสียงดัง และพุ่งเข้ามาจับคอเสื้อเอกฤทธิ์และเขย่าอย่างไม่ปราณีจนเพทายต้องเดินมาจับตัวแก้วกัลยาแยกออก

“เดี๋ยวผมคุยเองดีกว่า” แก้วกัลยายอมปล่อยมือออก

“นายแน่ใจว่าไม่รู้”

“จริงครับ เอาผมไปสาบานก็ได้ ผมแค่ทำตามที่เขาจ้างมาเท่านั้น ผมไม่รู้ว่าจะมีเรื่องใหญ่ขนาดนี้” แก้วกัลยาทำหน้าไม่แน่ใจ
“คุณมงกุฎเช็คบัญชีที่โอนเงินเข้ามาของนายคนนี้ให้ด้วย แล้วก็นาย เอาเบอร์ของคนที่จ้างนายมา” แก้วกัลยาเอ่ยปากแทนเพทายหมด เขาเองกำลังจะอ้าปากพูดแต่ก็ไม่ทันเธอแล้ว

“ถ้าฉันรู้ว่านายโกหกฉันจะเลาะฟันนายออกมาแน่”

“คุณแก้ว” เพทายมองแก้วกัลยา

“ขู่ไว้ก่อน เผื่อหมอนี่มันกล้าโกหก ถ้าเกิดฉันหาตัวคนร้ายไม่ได้ ฉันจะแก้แค้นนายแทนที่กล้าตบหน้าฉัน แต่ถ้าฉันจับได้นายก็รอด ภาวนาไว้เลยว่าให้ฉันจับได้” แก้วกัลยาเอ่ย สายตาเธอมาดร้ายเพราะเธอยังจำได้แม่นว่านายเอกฤทธิ์นี่กล้าตบเธอคว่ำ ถ้าเธอหาตัวต้นเหตุของเรื่องนี้ไม่เจอ ไอ้หมอนี่จะต้องเป็นตัวลองรับอารมณ์ของเธอ

“แล้วผู้หญิงในคลิปที่ตายคนนั้นล่ะ นายฆ่าเธอหรือเปล่า” เพทายเอ่ยถามบ้าง

“ผมไม่ได้ฆ่านะ ผมไม่ได้ข่มขืนเธอด้วย ผู้หญิงคนนั้นชื่อแจน ถูกจ้างมาเหมือนกับผม แต่ผมไม่รู้อะไรไปมากกว่านั้น แต่ผมไม่ได้ฆ่าเธอจริง ๆ นะ หลังจากถ่ายคลิปเสร็จคืนนั้นผมกับเธอก็แยกกัน ผมไม่รู้เรื่องนะครับ”

“ไร้ประโยชน์จริง จับส่งตำรวจดีไหมคุณเพชร”

“ผมไม่รู้ ผม”

“นายรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเยาวชน อายุยังไม่ถึงสิบแปดปี”

“ผมจะไปรู้ได้ไง ก็แต่งหน้าตัวตัวแก่กว่าอายุปานนั้น เชื่อผมเถอะนะ ผมว่าบางทีอาจจะเป็นคนที่จ้างก็ได้ที่ฆ่าปิดปาก ผมว่าพวกนั้นเองก็คงจะฆ่าผม ผมรู้สึกว่าสองวันมานี้มีคนตามผมอยู่” แก้วกัลยาหันไปมองเพทายทันที

“เริ่มเข้าเคล้าแล้วล่ะค่ะคุณเพชร”

“คุณมงกุฎ คุณช่วยสืบประวัติผู้หญิงที่ตายให้ด้วยได้ไหมครับ” เพทายที่ตอนนี้ไม่มีผู้ช่วยส่วนตัวเอ่ยขึ้น มงกุฎพยักหน้าเอ่ยรับคำเบา ๆ ผู้ชายตรงหน้าคือคนที่แก้วกัลยาหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่าจะเอามาเป็นสามี สั่งอะไรเธอก็ต้องทำให้อยู่แล้ว

“ถ้าสืบเรื่องเด็กผู้หญิงคนนั้นได้ กันตัวหมอนี่ไว้เป็นพยาน พรุ่งนี้ผมจะไปพบภีม”

“ฉันไปด้วยนะคะ” เพทายพยักหน้า เขาคิดว่าพกผู้หญิงคนนี้ไปด้วยเรื่องอาจจะง่ายขึ้นก็ได้

“เอ่อ...คุณแก้วคะ ตอนที่ไปสืบประวัติของนายเอกฤทธิ์ ดิฉันได้ประวัติคุณภีมด้วย ดิฉันคิดว่าที่คุณภีมไม่บอกความจริงว่าคืนนั้นเธอหายไปไหน อาจเป็นเพราะว่า...”




นิรุธที่หลังจากทำข่าวเสร็จกำลังขี่รถกลับบ้าน แต่ขับออกมาได้สักพักเขารู้สึกได้ว่ามีคนขับรถตามเขามา ด้วยเวลานี้เป็นเวลาโพล้เพล้ แสงอาทิตย์กำลังจะเลือนหายไปจากขอบฟ้าแล้ว และเป็นความซวยที่กว่าเขาจะเห็บภาพเสร็จ กว่าจะสัมภาษณ์ พอแวะไปห้องน้ำออกมาอีกที่สถานที่ก็ไม่เหลือกลุ่มเพื่อนนักข่าวแล้ว เหลือตำรวจอยู่ไม่กี่นายที่เห็บหลักฐาน เขาจึงขับรถจากสถานที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านร้างหลังซอยเปลี่ยวแห่งนี้ เขาขับรถมาได้สักพักเริ่มรู้สึกว่ามีคนขับรถตามมา เขาลองขี่รถชะลอคิดว่ารถคันหลังจะขับแซงไป และเป็นดังคาดที่รถไม่ยอมขับแซง ทำให้นิรุธมั่นใจในทันที เขาคิดจะเร่งขับหนีเลี้ยวลงซอยด้านหน้าที่เป็นทางลัดมุ่งไปสู่ถนนใหญ่ แต่อยู่ ๆ รถเจ้ากรรมดันดับลงซะอย่างนั้น

“มาหมดอะไรตอนนี้วะ” นิรุธเอ่ยและจอดรถลง “เอาวะวิ่งก็วิ่ง” นิรุธจอดรถทิ้งไว้และออกตัววิ่ง ยังไงเขาก็ต้องหนีไปที่ถนนใหญ่ให้ได้ ในหัวก็คิดผูกเรื่องของอุมาพร และนักข่าวคนอื่น ๆ และเขาคิดว่าเขาเป็นรายต่อไป คิดได้อย่างนั้นก็กดโทรศัพท์โทรหารักจิราที่พึ่งสุดท้าย

(ฮัลโหลว่าไง...)

“ช่วยผมด้วยเจ๊ พวกมันตามผมมา พวกมันจะฆ่าผม เจ๊ช่วยผมด้วย” ใบหน้ารักจิราแปรเปลี่ยนไปทันที น้ำเสียงของนิรุธเพื่อนทำงานรุ่นน้องดูตื่นตนกมาก

(แกอยู่ไหนไอ้รุจ)

“ซอยXX ผมมาทำข่าวกำลังจะกลับบ้าน แต่...เจ๊ช่วยผมด้วย ผมไม่อยากตาย พวกมันต้องเป็นพวกที่ฆ่าพี่อุมา แล้วก็นักข่าวคนอื่นแน่ ๆ เจ๊ช่วยผมด้วย”

(แกใจเย็น ๆ นะไอ้รุจ ตั้งสติ อย่าสติแตก ตอนนี้แกหาที่ซ่อนก่อน ฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นั่นจะรีบไป ถ้าเจอพวกมัน ถ่วงเวลาทำอะไรไปก่อนก็ได้ ฉันไม่ให้แกเป็นอะไร รอฉันก่อนนะ แกจะปลอดภัย ตั้งสติไว้นะ แค่นี้ก่อน) และสายก็ตัดไป และไม่ทันที่เขาจะได้หาที่ซ่อน พวกมันคนหนึ่งกระโดดลงจากรถกระบะวิ่งเข้ามาดักหน้าเขาไว้

“พ...พวกแกต้องการอะไร ฉัน...”

“ส่งเมมโมรี่การ์ดมา”

“เมม...ไม่มี” นิรุธที่พยายามตั้งสติ แต่ความกลัวที่มีมากกว่าตัดสินใจโยนกระเป๋าสะพายใส่คนร้าย ร่างคนร้ายเซหลบกระเป๋าใบหนัก นิรุธตัดสินใจออกตัววิ่งคนร้ายด้านหลังกระโดดขึ้นรถและขับตามมา เสียงปืนยิงไล่กวดหลังนิรุธมา กระสุนลูกหนึ่งที่มันเล็งมาโดนที่แขนเข้า เขาพยายามวิ่งต่ออดกลั้นความเจ็บปวด

ปัง

ปัง

ปัง

เสียงปืนลั่นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ข้างหน้าของเขาคือถนนใหญ่ เขากลั้นใจวิ่งต่อ กระสุนพุ่งเข้าใส่ที่เอว แต่เขายังไม่ยอมหยุดวิ่ง เขาไม่ยอมมาตายแบบนี้แน่ ๆ อีกไม่ถึงสิบก้าวเขาก็จะพ้นซอยนี้แล้ว จังหวะที่ก้าวเท้าลงสู่พื้นถนน กระสุนก็พุ่งเข้าที่กลางหลัง พร้อมกับรถคันหนึ่งที่พุ่งมาชนร่างเขา นิรุธได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังอยู่รอบ ๆ ตัว เห็นเงาลางๆ ของกลุ่มคนที่กำลังยืนล้อมเขาไว้ และเสียงที่เขารอก็ดังขึ้น

“รุจ ไอ้รุจแกอย่าเป็นอะไรนะ” รักจิราที่เห็นเหตุการณ์จัง ๆ ตาในตอนที่นิรุธวิ่งมากลางถนน และรถที่วิ่งตามนิรุธมาด้านหลังก็พุ่งเข้าชนร่างของนิรุธกระเดนไปอีกฟาก และรถคันนั้นก็ขับหนีไป รักจิรามีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีจดจำทะเบียนรถตอนที่วิ่งลงมาจากรถแท๊กซี่ก่อนจะวิ่งที่ร่างนิรุธที่ตอนนี้นอนหายใจรวยระรินคล้ายจะหมดแรง

“อย่าแตะต้องร่างกายคนเจ็บ” รักจิราเอ่ยเสียงดัง เมื่อมีคนจะเข้าไปพยุงตัวนิรุธ แต่สถานการณ์แบบนี้รักจิราไม่รู้ว่าภายในร่างกายนิรุธบอบช้ำแค่ไหน การไม่แตะต้องร่างกานนิรุธในตอนนี้จะเป็นการช่วยนิรุธได้ดีที่สุด

“คุณโทรเรียกรถพยาบาล เรียกตำรวจเร็วสิมัวยืนมุงจะช่วยอะไรได้”รักจิราตะโกนออกไปอีกครั้ง ทั้งที่ตอนนี้สติเธอก็เริ่มแตก และทำอะไรไม่ถูก รักจิราวิ่งเข้าไปนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ นิรุธ เธอกำลังกลัว กลัวว่าจะมีคนตายอีกครั้ง

“เจ๊...” รักจิราค้อมตัวลงต่ำเพื่อฟังเสียงนิรุธที่เหมือนอยากจะพูดบางอย่างกับเธอ
“เมม...พวกมัน...เมม โม...” และเสียงของนิรุธก็ขาดหายไป เธอไม่เข้าใจว่านิรุธต้องการจะพูดอะไร และเวลานี้สิ่งที่เธอสนใจมากกว่าคือชีวิตของเพื่อนรุ่นน้องคนนี้

“ไอ้รุจ แกอย่าเป็นอะไรนะเว้ย อดทนอีกนิดรถพยาบาลจะมาแล้ว แกอย่าเป็นอะไรนะ” รักจิราตะโกนและตอนนั้นเองเสียงรถพยาบาลก็ดังขึ้น รักจิรามองบุรุษพยาบาลที่ช่วยกันพาร่างของนิรุธขึ้นรถไป รักจิราวิ่งตามขึ้นรถคันนั้นไปด้วย เธอคว้ามือจับมือนิรุธและบีบเบา ๆ ให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้าง ๆ

“ไอ้รุจ แกแข็งใจไว้นะเว้ย ฉันไม่ยอมแน่ ฉันจะเอาคนที่ทำร้ายแก ทำร้ายพี่อุมาและทุกคนเข้าคุก แกรออีกนิดนะไอ้รุจ” รักจิราเอ่ยซ้ำไปซ้ำมา มองสภาพนิรุธอย่างสงสารสภาพภายนอกยังช้ำขนาดนี้และภายในจะหนักแค่ไหน นิรุธกับเธอแม้จะอายุห่างกันไม่มากแต่นับถือศักดิ์กันเป็นพี่น้อง คอยช่วยเหลือกันมาตลอด ด้วยความที่เป็นคนติดดินเหมือนกันทำให้สนิทกันเร็ว มีอะไรก็ปรึกษากันตลอด ถ้านิรุธมีเรื่องเธอก็พร้อมจะช่วย และถ้าเธอมีเรื่องนิรุธเองก็พร้อมจะช่วยอีกเช่นกัน และเธอไม่ยอมให้น้องชายคนนี้ต้องเจ็บฟรีแน่ ๆ


.....ติดตามตอนต่อไป....


ฝากคอมเม้นท์ด้วยนะคะ พบกันในตอนต่อไปค่ะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2557, 14:47:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2557, 14:47:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1249





<< 20 วันวิวาห์ วันวิวาท   22 ร่องรอยและเบาะแส >>
แก้วจินดา 4 ส.ค. 2557, 18:48:26 น.
ตลอดนะแก้ว ตอนไหนนางไม่เล่น คงไม่ใช่นางแน่ ๆ


แว่นใส 4 ส.ค. 2557, 21:02:24 น.
ยังไม่รู้ตัวว่าเมมอยู่กับตัวเอง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account