แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 22 ร่องรอยและเบาะแส



22
ร่องรอยและเบาะแส


รักจิรานั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินมาเกือบชั่วโมงแล้ว ไม่มีวี่แววว่าหมอจะออกมา เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ รักจิราเอามือกุมขมับอย่างเครียดขึง ยิ่งเวลาผ่านไปช้าเท่าไหร่เธอก็ยิ่งร้อนใจ ถ้าเธอมาเร็วอีกสักนิดบางทีเธออาจจะช่วยนิรุธไว้ได้ ร่างกายนิรุธไม่ได้แค่โดนรถชนยังมีร่องรอยของการถูกยิง อาการสาหัสจนเธอเองก็กลัวว่านิรุธอาจจะไม่รอด ขณะที่อยู่ในภวังค์มือของใครคนหนึ่งก็วางลงที่ไหล่บอบบางของเธอ

“รัก” รักจิราเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่ไม่คิดว่าจะปรากฏตัวในเวลานี้ ในเวลาที่เธอรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนแรงเหลือเกิน รักจิรามองหน้าเขานิ่ง ๆ

“ฉันน่าจะไปเร็วกว่านี้ ถ้าไปเร็วกว่านี้อีกนิดเดียวรุจก็จะปลอดภัย เพราะฉันไปช้า”

“บ้าน่า เราไม่สามารถควบคุมเวลาได้ เราจะไปรู้ได้ยังไงว่าเราจะไปทันไหม เธอก็เป็นอย่างนี้โทษตัวเองในเรื่องที่ไม่ควรโทษอยู่เรื่อย ตอนนี้รุจถึงมือหมอแล้ว ยังไงก็ต้องปลอดภัย เธอกลับบ้านไปก่อนดีไหม เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง”

“ไม่ ฉันจะอยู่รอจนกว่ารุจจะปลอดภัย จนกว่าจะเห็นกับตา”

“ไม่เคยห่วงตัวเองก่อนสักครั้ง ก็ได้ฉันจะรอเป็นเพื่อน” รักจิราพยักหน้า แต่อยู่ ๆ ร่างของรักจิราก็ทรุดลงไป โชคดีที่อัสนีรับร่างของเธอไว้ทัน รักจิราเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง แต่เป็นผู้หญิงที่เหมือนโทรศัพท์ เมื่อสมองและร่างกายใช้งานหนัก ๆ แบตเตอรี่หมดอยู่ ๆ ก็สลบไปแบบนี้เช่นทุกครั้ง เขาอุ้มพาร่างรักจิราไปห้องพยาบาล




รักจิราลืมตาขึ้น มองไปรอบ ๆ เมื่อสายตาสำรวจดูก็รู้ว่าตนเองอยู่ที่ห้องพยาบาล เมื่อสติเริ่มกลับมาครบถ้วน เรื่องของนิรุธก็แวบเข้ามาในความคิด รักจิราพลิกตัวลงจากเตียงนอน แต่เสียงประตูกลับเปิดออกก่อน

“จะไปไหนไอ้รัก” แก้วกัลยาเอ่ยและมองรักจิราที่กำลังจะลุกขึ้น

“ไปดูไอ้รุจ” แก้วกัลยานิ่งไปทันที

“ไม่ต้องไปหรอกนี่จะเที่ยงคืนแล้ว แกพักเถอะ” แก้วกัลยาเอ่ย แต่รักจิรากลับไม่ยอม

“เค้าจะไปดูรุจ เจ๊รู้ไหมว่าไอ้รุจเป็นยังไงบ้าง” แก้วกัลยาไม่ยอมตอบ สุดท้ายรักจิราก็ตัดสินใจกระโดดลงจากเตียงวิ่งออกไปเปิดประตูห้องเตรียมจะกลับไปห้องฉุกเฉินอีกครั้ง แต่พอเปิดมากลับเจออัสนีและอติพงษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตู ใบหน้าทั้งสองดูนิ่งจนรักจิราไม่ชอบใจ

“กะ...เกิดอะไรขึ้นสายฟ้า พี่ติ” รักจิราวิ่งเข้าไปถามเธอคว้าจับแขนอัสนีไว้และเริ่มออกแรงเขย่า อัสนีก็ยังคงหลบตาเธอ รักจิราหันไปมองอติพงษ์แทนรายนี้มองเธอนิ่ง ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“รุจ...ตายแล้ว”

“มะ...ไม่...ไม่จริงน่า เป็นไปได้ยังไง ไหนนายบอกรุจจะปลอดภัยไง” รักจิราหันไปมองหน้าอัสนีที่ไม่ยอมมองหน้าเธอ รักจิราทำหน้าไม่เชื่อผลักอัสนีให้หลบและวิ่งขึ้นไปที่ห้องฉุกเฉินเอง ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก ร่างของนิรุธนอนอยู่บนเตียงที่มีผ้าสีขาวคลุมปิดหน้าอยู่ รักจิราถลาเข้าไปหยุดเตียงที่กำลังเข็นผ่านเธอไปไว้และเปิดผ้านั้นออก รักจิรายืนหน้าซีด และถอยหลังหนีอย่างไม่เชื่อ

“รัก”

“ทำไมเป็นแบบนี้ ไหนนายบอกว่าถึงมือหมอแล้วแล้วรุจจะปลอดภัย นายบอกมาสิทำไม”

“รัก รุจทนพิษบาดแผลไม่ไหว บวกกับเสียเลือดมาก...” อติพงษ์เงียบไป รักจิราส่ายหน้า อยากจะเอ่ยคำว่าไม่จริงแต่กลับพูดไม่ออก รักจิราหันหลังและเดินหนีออกไปอย่างรับไม่ได้ มีคนตายอีกแล้ว ทำไมล่ะ ทำไมเธอถึงช่วยใครไม่ได้ ทั้งอุมาพร และนิรุธ เธอได้พบเขาทั้งสองคนแล้วแท้ ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้





แก้วกัลยาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเพทาย ภีมะนักร้องหนุ่มดาวรุ่งเบอร์สองของค่ายถูกจับกุมตัวในฐานะผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าคนตาย แม้เขาจะไม่ได้อยู่ในห้องขังเหมือนนักโทษคนอื่น แต่ในเวลานี้เขาก็ถูกกักตัวไว้สอบปากคำ ตราบใดที่เขายังไม่ให้การเขายังคงตกเป็นผู้ต้องสงสัย และนับจากวันที่เขาถูกควบคุมตัวมาก็ยังไม่มีนักข่าวคนไหนได้สัมภาษณ์เขาเพราะทางต้นสังกัดได้ขอไว้จนกว่าคดีจะคืบหน้า แก้วกัลยาสำรวจสภาพความเปลี่ยนแปลงของภีมัที่เห็นได้ชัด เขาดูซูบหมองลง ประกายออร่าที่พึ่งมีหายไป แก้วกัลยามองสภาพนี้แล้วส่ายหน้าอย่างเห็นใจ เพทายเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามพร้อมกับแก้วกัลยาที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ภีมะนั่งนิ่งไม่ยอมเงยหน้ามองเขาและแก้วกัลยาเอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาของเขาและแก้วกัลยา

“นายจะไม่บอกฉันจริงหรอภีมว่าคืนนั้นนายหายไปไหนมา ถ้านายเอาแต่เงียบ นายจะกลายเป็นฆาตกร ฉันรู้ว่านายไม่ได้ทำ ฉันเป็นคนเลือกนายมากับมือ ฉันเชื่อในตัวนาย แต่นายบอกความจริงฉันมาเถอะภีม”

“ผมไมได้ฆ่าเด็กนั่น ผมไม่รู้จักเด็กนั่นด้วยซ้ำ” ภีมะเอ่ย ตอนนี้สังคมกำลังประณามการกระทำของเขาทั้งที่เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เลย แต่ทุกคนก็ตัดสินไปแล้วว่าเขาผิด

“แต่มีคนเห็นว่าเด็กนั่นมาหาเธอคืนนั้นก่อนจะหายไป”

“ก็เด็กนั่นเอาดอกไม้มาให้ผมหลังจากผมเล่นคอนเสิร์ตเสร็จ แล้วผมก็แยกตัวกลับไป มันไม่มีอะไรจริงนะครับคุณเพชร ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กนั่นตายได้ยังไง”

“แล้วคืนนั้นคุณอยู่ไหนคะคุณภีม” แก้วกัลยาถามบ้าง

“ผม...”

“คุณไม่อยากเป็นฆาตกร ก็บอกพวกเรามา พวกเราช่วยคุณได้ การที่ปิดปากเงียบไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรอกนะคะ พ่อแม่เด็กนั่นพร้อมจะเอาเรื่องคุณ สังคมพร้อมจะเอาเรื่องคุณ ไม่มีใครเชื่อคุณ เพราะทุกคนเชื่อในหลักฐาน เชื่อในภาพพวกนั้น แต่พวกเรา ฉัน คุณเพชรยังเชื่อมั่นในตัวคุณอยู่ คุณมีอะไรจะบอกพวกเราไหมคะคุณภีม” แก้วกัลยามอง ภีมะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแก้วกัลยา และหันไปมองเพทาย

“เอาอย่างนี้ไหมคะคุณภีม เราคุยกันสองคน คุณเชื่อไหมว่าฉันจะหาทางออกให้คุณได้” ภีมะทำหน้าไม่แน่ใจ แก้วกัลยาหันไปมองเพทาย และพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าฉันจะคุยเอง คุณออกไปก่อน เพทายพยักหน้าและยอมเดินออกไป ในห้องสี่เหลื่อมสี่ขาวเหลือเพียงแก้วกัลยาและภีมะ แก้วกัลยาเดินมานั่งแทนที่เพทายและจ้องตาภีมะ

“ไม่มีอะไรที่แก้วกัลยาทำไม่ได้ แค่คุณบอกฉัน คุณหนีความจริงไม่พ้นหรอกนะคุณภีมะ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายคุณเชื่อคำนี้ไหม” ภีมะมองดวงตาที่ไม่มีแววล้อเล่นของแก้วกัลยา แก้วกัลยาคว้าจับมือภีมะไว้ พลางรู้สึกว่าไอ้เผือกนี่ควรจะได้เวลาตัดทิ้งแล้วนะ มันเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตเธออย่างมาก

“ฉันเข้าใจในสิ่งที่คุณเป็น สิ่งที่คุณรู้สึก แต่ความจริงคือสิ่งที่ทุกคนต้องการ ความจริงคือสิ่งที่จะช่วยปลดปล่อยความรู้สึกของคุณได้ คนที่พูดความจริงไม่มีอะไรน่าอายเลยคุณภีม คนที่โกหกต่างหากที่สมควรอาย” ภีมะแสดงสายตาไหววูบออกมา แก้วกัลยาลุกขึ้นและเดินอ้อมไปหยุดยืนตรงหน้าภีมะแทน และค้อมตัวลงใช้มือข้างที่ว่างจับไหล่ภีมะไว้แน่นเหมือนกำลังส่งความรู้สึกเป็นกำลังใจไปให้

“คุณอายในสิ่งที่ตัวเองเป็นหรอคะคุณภีม” ภีมะพูดไม่ออก เขากำลังโดนผู้หญิงตรงหน้าอ่านใจได้ เขาไม่คิดว่าผู้หญิงตรงหน้าจะเก่งในเรื่องทฤษฎีจิตวิทยาในการกล่อมคน ตอนนี้เขากำลังอยู่ในสภาวะนั้น ผู้หญิงตรงหน้าชอบทำเหมือนสวยแต่โง่ แต่จริง ๆ ฉลาดมากอย่าบอกใครเลยล่ะ

“คนเราเลือกที่จะเกิด เลือกที่จะเป็นไม่ได้หรอกนะคะ คนที่น่าภูมิใจที่สุดคือคนที่กล้ายืดอกยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น” แก้วกัลยาไม่ละสายตาออกจากภีมะเลย เธอยังคงจ้องตาเขาไว้ ภีมะมองตาเธอเหมือนจะร้องไห้ออกมา ไม่ใช่กลัว แต่เหมือนกำลังสับสน
“แต่ถ้าพ่อแม่ผมรู้เค้าจะเสียใจ”

“คุณเคยบอกท่านหรือยัง” ภีมะส่ายหน้า

“เชื่อสิว่าเขาจะรับได้ วันนี้คุณทำความสำเร็จสูงสุด ทำให้ฉันท่านภูมิใจแล้ว ท่านจะไม่มีวันเสียใจในสิ่งที่คุณเป็น แต่ถ้าท่านรับไม่ได้ คุณก้ทำให้ท่านรับให้ได้ ฉันเชื่อว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนรับไม่ได้ในสิ่งที่ลูกตัวเองเป็น วันหนึ่งเขาจะรับได้ พ่อแม่ของคุณจากที่ฉันรู้ท่านภูมิใจในสิ่งที่คุณเป็นเสมอไม่ใช่หรอคะ ฉันเชื่อว่าเขาจะรับได้ ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวคุณต่างหากคุณภีม คุณอยากจะอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่อย่างอึดอัดแบบนี้ตลอดไปหรือคะ มันเจ็บนะคะเป็นอะไรแล้วไม่พูดออกไปแบบนี้” แก้วกัลยาเอ่ยต่อ

“แต่แฟนเพลง”

“ถ้าเขารักคุณที่คุณเป็นคุณเขาจะรับได้ เขาจะรักคุณในฐานะของภีมะนักร้องขวัญใจเขาตลอดไป ฉันจะบอกอะไรให้นะคุณภีม มันไม่แปลกหรอกนะคะที่เราจะเป็นเกย์ คนเป็นทอม เป็นแต๋ว เป็นเลส มีเยอะแยะยังไม่อายเลย”

“แต่ผมเป็นคนของประชาชน”

“คุณเป็นคนของประชาชน แต่คุณอย่าลืมสิ คุณยังเป็นมนุษย์ มีจิตใจ มีความรู้สึก มีสิทธิ์เลือกไม่ว่าจะเพศไหน แค่คุณเป็นคนดี เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่สังคม ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ไม่ผิดหรอกนะคะ”

“ผม...”

“คุณพร้อมจะบอกฉันหรือยังว่าวันนั้นคุณหายไปไหนมา ฉันสัญญาฉันจะช่วยคุณ ทุกอย่างจะจบอย่างแน่นอน ตอนนี้ฉันหาผู้ชายในคลิปเจอแล้ว เหลือแค่คุณยอมบอกเราว่าวันนั้นคุณหายไปไหนมา แค่คุณยอมเล่าความจริง แล้วที่เหลือฉันกับคุณเพชรจะจัดการเอง”

“ครับ คืนนั้นผมไปหาแฟนผม อยู่กับแฟนผมทั้งคืน ไม่ได้ออกไปไหน แน่นอนว่าผมไม่ใช่คนในคลิป”

“นอกจากแฟนคุณมีคนพอจะเป็นพยานให้คุณได้อีกไหมคะ”

“ยาม กับแม่บ้านประจำคอนโด ก่อนขึ้นคอนโดผมแวะคุณกับป้าคนหนึ่ง ผมสนิทกับป้าแก ส่วนลุงยามผมก็แวะคุยกับแกก่อนขึ้นมา แกขอลายเซ็นผมไปให้ลูกสาว ผมยังถ่ายรูปกับลุงเขาอยู่เลย จนเช้าอีกวันผมไม่มีงานต่อผมก็เลยอยู่ข้างที่คอนโดไม่ได้กลับมาที่คอนโดตัวเอง”

“นัดแฟนคุณมาพบฉันในอีกสองวันได้ไหมคะ ส่วนลุงยามกับแม่บ้านคุณช่วยบอกชื่อมา”

“ครับ”

“คุณไม่ต้องกลัวนะคุณภีม ทุกอย่างจะเรียบร้อยหลังการแถลงข่าวในอีกสองวันข้างหน้า เพียงคุณแค่กล้ายืดอดยอมรับว่าคุณเป็นเกย์ คุณจะพ้นผิดทันที คุณกล้าพอไหมคุณภีม คุณเหลือทางเลือกไม่มากหรอกนะคะ แต่ฉันให้สิทธิ์คุณในการเลือกก่อน” แก้วกัลยามองภีมะที่นิ่งไป และภีมะก็พยักหน้า แก้วกัลยายิ้มและคว้ามือภีมะขึ้นมาจับ

“กล้ายอมรับไม่ใช่เรื่องหน้าอาย มันคือความภาคภูมิใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นวันต่อ ๆ ไปคุณยังมีครอบครัวที่รักคุณ มีแฟนของคุณที่รักคุณ และมีเพื่อน ๆ ทุกคน” ประตูห้องเปิดออก พ่อและแม่ของภีมะเดินเข้ามา ทั้งสองมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ภีมะวิ่งไปกอดพ่อแม่ไว้ และยกมือไหว้แนบอกแม่

“ฮึก...ผม ...ผม”

“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไรนะ ภีมยังเป็นลูกของแม่ เป็นคนดีของแม่ ไม่ว่าภีมจะเป็นอะไรภีมก็เป็นลูกของแม่ แค่ภีมเป็นคนดี ไม่เป็นไรนะลูก” แก้วกัลยามองภาพนั้นและยิ้ม พลางมองไปที่เพทายที่ก็ยิ้มให้กับเธอ แก้วกัลยาเดินไปหาเพทายและพากันเดินออกไป
“ผมพึ่งรู้ว่าคุณเก่งเรื่องกล่อมคน”

“ฉันจบโทจิตวิทยามา ไม่หัดเอามาให้ก็เสียตังค์เรียนฟรีสิคะ” แก้วกัลยาเอ่ย และเนียนคว้าแขนเพทาย พลางเอาหัวซบไหล่เขาอย่างย่ามใจ เพทายก้มลงมองผู้หญิงที่กำลังยิ้มกริ่มอย่างพอใจ

“เรื่องเบอร์โทร กับเลขโอนบัญชีรู้หรือยังคะว่าใคร”

“ครับรู้แล้ว แต่คงเอาผิดตัวการใหญ่ไม่ได้” แก้วกัลยายกหัวออก

“หมายความว่ายังไงครับ”

“เลขบัญชีเป็นของญาติห่าง ๆ ของสมชาย คนขับรถของนายทรงภพ เจ้าของทีเอ็มมิวสิค ผมให้คนไปจับตาดู แต่เหมือนนายทรงภพจะเปลี่ยนคนขับรถ คาดว่านายสมชายหนีไปแล้ว แม้ตำรวจจะตามจับนายสมชาย ถ้านายสมชายไม่ซัดทอดนายทรงภพก็คงทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้เราต้องเอาข้อมูลที่ได้ส่งตำรวจ”

“แล้วเรื่องเด็กผู้หญิงนั้น”

“คงต้องให้ตำรวจจัดการต่อหลังจากนี้ แต่ภีมน่าจะพ้นผิดแล้วล่ะ รอให้ภีมให้การกับตำรวจ และรอแถลงข่าวอีกสองวันข้างน่า เรื่องคดีฆาตกรรมหลังจากนี้ผมว่าถ้าตำรวจสองสาวตัวคนร้ายไปเรื่อย ๆ ก็น่าจะจับตัวคนร้ายตัวจริงได้ ยังไงผมก็ต้องขอบคุณ ๆ มากนะครับ”

“ขอบคงขอบคุณอะไรกันคะ บอกแล้วไงเพื่อที่รัก แก้วทำให้ได้ แต่นับรวมแล้ว ตั้งแต่รู้จักกันแก้วช่วยคุณตั้งหลายครั้งแล้วนะคะ คุณจะไม่ตอบแทนแบบ หอมแก้มแก้มบ้างหรอคะ รอบนี้แก้วลงทุนวิ่งเท้าเปล่าในตลอด แถมรองเท้าคู่โปรดของแก้วก็พัง ซ้ำยังโดนตบจนแก้มบวมฉึ่ง ครั้งนี้ไม่เก็บค่าตอบแทนให้คุ้มก็คงไม่ได้”

“คุณอยากได้อะไรล่ะ”

“ไม่มากค่ะ หอมแก้มแก้วสองข้าง คุณว่าไงคะ” แก้วกัลยาไม่พูดเปล่า แกล้งยื่นแก้มไปให้เขา และหลับตาเหมือนรอให้เขาหอม ทั้งที่ในใจกำลังหลั้นหัวเราะ เธอเดาออกว่าหน้าของเพทายคงจะแดง แล้วก็ทำอะไรไม่ถูก เธอกำลังแกล้งให้เขาเขินเล่น ๆ ไป
“คุณเป็นผู้หญิงนะมาให้ผู้ชายกอดหมอแบบนี้มันจะทำให้คุณเสียหาย”

“โห แก้วเสียหายมานานแล้วค่ะ จะเสียเพิ่มอีกนิดคงไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่หอมแก้มแก้ว แก้วหอมคุณเองนะคะ” เพทายทำท่าจะปลดแขนตัวเองออก แต่แก้วกัลยาไม่ยอมกลับกอดแขนเขาไว้แน่น และเขย่งตัวขึ้นมาจะหอมแก้มเขา แต่ดูเหมือนเพทายจะเริ่มโกรธกับการเล่นของแก้วกัลยา

“ผมไม่เล่นนะคุณแก้ว” ใบหน้าของเขาตีขรึมขึ้นมาทันที แก้วกัลยายิ่งยิ้มกว้าง

“โถ ล้อเล่นนิดเดียว แค่นี้ก็ทำโกรธไปได้ แบบนี้ต้องหอมจริง ๆ จะได้หายโกรธ” แก้วกัลยากะจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แก้วเขา แต่กลายเป็นว่าเพทายหันหน้ากลับมาจะปรามดุผู้หญิงที่นับวันจะเล่นเยอะขึ้น ทำให้ใบหน้าของแก้วกัลยาที่ขยับขึ้นมาอยู่ข้างแก้มไม่ได้อยู่ข้างแก้มแล้ว แต่เป็นตาต่อตา ฟังต่อฟัน จมูกต่อจมูก และปากต่อปาก แก้วกัลยายืนนิ่งช็อคค้าง ทำอะไรไม่ถูกพอจะหันหน้าหนี กลับโดนเพทายจับตรึงใบหน้าไว้ ดวงตาที่เคยมั่นดูหวั่นวิตกขึ้นมาทันที

“อย่าเล่นกับไฟ เพราะไฟมันจะแผดเผาตัวเอง ผมเป็นผู้ชายนะ เล่นให้รู้จักขอบเขต เราเป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้ว ความสัมพันธ์อย่างอื่นมันไม่ยืดหรอกนะครับ อย่างน้อยเป็นเพื่อนกันก็จะไม่มีวันเกลียดกันได้ แต่ถ้าวันหนึ่งคุณเป็นคนรัก แล้วเราเลิกกัน จะไม่มีวันมองหน้ากันได้อีก” แก้วกัลยามองเข้าไปในตาคมของเขาและเอ่ยบ้าง

“ถ้าฉันรักแล้วไม่มีวันเลิก ต่อให้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่มีวันปล่อยมือคนที่ฉันรัก ฉันต้องการเป็นเพื่อนคู่คิดที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต ไม่ใช่เพื่อนที่ก็เป็นได้แค่เพื่อน ถ้าฉันต้องการแค่นั้น ฉันไม่ทุ่มให้คุณขนาดนี้หรอกค่ะ...คุณเพชร อย่าพยายามบอกให้ฉันหยุด เพราะฉันจะยิ่งตาม ฉันขอคำถามเดียวเป็นการตอบแทนเรื่องวันนี้...คุณรักฉันบ้างหรือยังคะ” คำถามนี้ทำให้เพทายนิ่งไปบ้าง เขาปล่อยใบหน้าของแก้วกัลยาแล้ว แต่แก้วกัลยาไม่ยอมขยับออกห่าง

“ตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ชอบบังคับให้ใครตอบ นี่จะเที่ยงแล้วฉันต้องไปรับยัยรักที่โรงพัก” แก้วกัลยาพูดและเดินำหน้าเพทายไป เพทายมองตามหลังแก้วกัลยาไป แก้วกัลยาหันหน้ามามองเขาและยิ้ม

“ฉันจะบอกอะไรให้นะคะคุณเพชร คุณเป็นผู้ชายที่โกหกไม่เก่ง แม้คุณจะไม่รักฉันแต่ฉันรู้ว่าคุณจะต้องรักฉันแน่ เพราะตอนนี้คุณกำลังหวั่นไหวอยู่ ฉันพูดถูกไหมคะ...คุณเพชร” แล้วแก้วกัลยาก็เดินขึ้นรถไป ส่วนเพทายยืนนิ่งหัวใจเต้นโครมครามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อย่างที่แก้วกัลยาบอก เขากำลังหวั่นไหว หัวใจที่เคยเต้นเฉื่อยชาเวลาพบหน้าแก้วกัลยาตอนนี้กำลังเต้นแรงอย่างมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“คุณมันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ...แก้วกัลยา”





รักจิรานั่งเหม่อลอยกำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอรับไม่ทัน พ่อแม่ของนิรุธมารับศพนิรุธแล้ว งานศพจะจัดขึ้นเจ็ดวันในวันพรุ่งนี้ รักจิรานั่งอยู่ในห้องนอนหลังจากกลับมาจากการสอบปากคำ อติพงษ์เองก็ดูจะนิ่งไป แต่ก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี เขาเป็นคนขับรถพาเธอมาส่ง สิ่งที่ทำให้รักจิราสงสัยก็คือสิ่งที่นิรุธพูดก่อนจะหมดสติไปตอนนั้น

“เมม...พวกมัน...เมม โม...”

“เมม...โม เมมโมรี่การ์ดหรอ” รักจิราเอ่ยอย่างคุ้นคิด หรือว่าสิ่งที่คนร้ายต้องการจะเป็นเมมโมรี่การ์ดจริง ๆ แต่มันคือเมมอะไรล่ะที่เธออยากรู้ รักจิราลองนั่งไล่เรียงรูปคดีดูเหมือนคนร้ายจะตามนักข่าวทุกคน เริ่มจากรายแรกคืออุมาพร คนร้ายจึงตามคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุมาพร ไม่ว่าจะเป็นทวิศ กมลชนก หรือรายล่าสุดก่อนจะเป็นนิรุธ ก็คือ ฉัตรอรุณ เพื่อนสนิทของอุมาพร และรายล่าสุดก็คือนิรุธ ทั้งหมดโดนสะกดรอยตามมา ในบ้านก็มีร่องรอยการค้น รักจิรากำลังตั้งข้อสงสัยว่าที่อุมาพรลาพักร้อนหายไป คงไม่ได้ลาพักร้อนเฉย ๆ แล้ว รักจิราหันไปค้นลิ้นชักหยิบกล่องใบหนึ่งออกมา นั่นคือโทรศัพท์ของอุมาพร รักจิราหยิบที่ชาร์ตแบตออกมาและรอให้เครื่องติด

“ฉันต้องรู้ให้ได้ จะไม่มีใครตายฟรีอีก” รักจิราเปิดเครื่องและดูข้อมูลในเครื่องที่ถูกลบไปเกือบหมด จะเหลือก็แค่ไฟล์รูป รักจิราเปิดออกดู

“บ้าน...ที่ไหน” รักจิราเอ่ยและมองรูปบ้านที่อุมาพรถ่าย ที่ถ่ายทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน จะว่าที่บ้านอุมาพรก็ไม่ใช่ เพราะจากมุมกล่องและรูป เป็นรูปที่อุมาพรพยายามแอบถ่ายมากกว่า บางรูปก็เหมือนถ่ายลวก ๆ นอกจากรูปบ้านเมื่อเปิดมาถึงรูปสุดท้ายก็เป็นรูปภาพมืด ๆ มีกลุ่มคนยืนอยู่ในสวนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมันเป็นภาพมืด ๆ มองแทบจะไม่เห็น

“รูป...” รักจิราเหมือนจะนึกถึง รูปที่เธอฝากอติพงษ์ไปล้างเมื่ออาทิตย์ก่อนได้ มัวแต่ยุ่ง ๆ จนลืมเรื่องของขวัญชีวันไปเสียสนิท ตอนแรกคิดว่าจะไปล้างเอง แต่กลัวว่าคนร้ายอาจจะสืบหาตัวเธอและจับได้ เลยฝากอติพงษ์ที่มีเพื่อนเป็นเจ้าของร้านถ่ายรูปไปล้าง น่าจะปลอดภัยต่อตัวเธอมากกว่าเอาไปล้างเอง นึกถึงคืนนั้นเธอยังกลัวไม่หาย คิดว่าตัวเองจะตายแล้ว รักจิราเริ่มคิดถึงขวัญชีวัน ที่นั่นไม่ปลอดภัยเลย เธอเองนอกจากจะช่วยหาฆาตกรที่ฆ่านิรุธและรุ่นพี่นักข่าว เธอต้องหาทางช่วยขวัญชีวันออกมาจากที่อันตรายนั่นได้แล้ว อย่างน้อยก็ต้องรู้ก่อนว่าอะไรของวาทินที่หายไป รักจิราหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาอติพงษ์อีกครั้ง

“สวัสดีคะพี่ผู้กอง”

(มีอะไรหรือเปล่ารัก) การพูดมีระดับสนิทสนมมากขึ้น

“รักจะโทรมาถามเรื่องรูปที่ฝากไปล้าง”

(พี่เอาไปให้แล้ว)

“ตอนไหนคะ รักยังไม่ได้รูปเลย”

(ก็วันนั้นพี่โทรไปหารัก แล้วคุณสายฟ้าเขารับ เขาบอกว่าให้เอาไปให้เขา แล้วเขาจะเอาไปให้รักเอง มีอะไรหรือเปล่า) รักจิรานิ่งและเงียบไป

“เอ่อ...เดี๋ยวรักไปเอาจากเขาเอง แค่นี้นะคะ”

(เดี๋ยว...พี่อยากให้เราระวังตัว คนร้ายมันจำกัดวงแคบมาเรื่อย ๆ แล้ว บางทีคนต่อไปอาจเป็นรัก พี่อยากให้เราระวังตัว อย่าไปไหนคนเดียวได้ยิ่งดี พี่คุยเรื่องนี้กับคุณสายฟ้าและคุณแก้วพี่สาวรักแล้วนะ)

“คุย...ตอนไหนคะ”

(หลังจากรักกลับไปได้แป๊บหนึ่ง คุณสายฟ้ากับคุณแก้วก็แวะมาคุยกับพี่ เดี๋ยวอีกพักคุณแก้วคงจะไปหารัก พี่มีธุระต่อ ไว้ค่อยคุยกัน มีอะไรโทรหาพี่ทันทีนะ)

“ค่ะ” รักจิรากดตัดสายทิ้งไป เพราะได้ยินเสียงรถจอดลงที่หน้าบ้าน ก็เดินลงจากห้องเห็นแก้วกัลยา เพทาย และอัสนีเดินเข้ามาในบ้าน รักจิรามองอย่างแปลกใจที่เพทายเข้ามาในบ้าน และแปลกยิ่งกว่าคืออัสนีเข้ามาทำไม รักจิราเดินไปเทน้ำใส่แก้วยกมาที่ห้องรับแขก ซึ่งการกระทำของเจ้าบ้านที่ขวัญชีวันมักจะเตือนเธอประจำ เมื่อวางน้ำลงก็เริ่มถาม

“มีอะไรกันคะถึงมากันเยอะแยะ”

“ฉันพึ่งแวะไปคุยกับผู้กองติมา” แก้วกัลยาเปิดประเด็น

“ทำไมเจ๊แก้ว”

“พวกเราคิดว่าคนที่คนร้ายจะตามคนต่อไปอาจจะเป็นเธอ คนร้ายจำกัดวงแคบลงมาเรื่อย ๆ และทุกคนที่ตายก็ล้วนเกี่ยวกับคุณอุมาพร” อัสนีเอ่ย

“แล้วไงคะ ดีสิ ฉันจะได้จัดการมัน ใช้ฉันเป็นตัวล่อ”

“ไม่ได้มันเสี่ยงเกินไป และฉันก็คิดเหมือนกับที่ผู้กองติบอก แกควรจะย้ายออกจากที่นี่” รักจิราทำหน้างงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ให้เธอย้ายออกเนี่ยนะ

“ย้ายไปไหน ไปอยู่ไหน ทำไมต้องย้าย เค้าไม่กลัวพวกนั้นหรอกนะเจ๊แก้ว ถ้าเจอพวกมันเค้าจะแก้แค้นให้กับทุกคน ดังนั้นเค้าจะไม่ไปไหน”

“แต่ถ้าแกตาย แกจะแก้แค้นให้ทุกคนยังไง” แก้วกัลยาเอ่ย

“คือ...”

“พวกเราตัดสินใจว่า จะให้แกย้ายไปอยู่กับสายฟ้า”

“ว่าไงนะ!!!” รักจิราตะโกนเสียงดัง

“อย่ามาทำหูตึงไอ้รัก แต่ฉันจะสงเคราะห์บอกแกอีกครั้ง แกต้องไปอยู่กับสายฟ้า” รักจิราทำตาโตและมองหน้าแก้วกัลยา ไม่มีแววตาล้อเล่นอยู่เลย พอหันไปมองหน้าอัสนีเขาก็มองหน้าเธออยู่

“บ้าไปกันใหญ่แล้ว ทำไมต้องย้าย”

“บ้านเราจะไม่ปลอดภัยอีกแล้ว ผู้กองติบอกว่าจะส่งตำรวจมาเฝ้าบ้านเราให้ในช่วงที่เราไม่อยู่ ส่วนพี่จะไปอยู่บ้านคุณมงกุฎระหว่างที่คดีไม่คืบหน้า เราอยู่บ้านถ้ามันมาค้นเราจะเป็นอันตราย ตอนนี้ขวัญไม่อยู่ วันไม่อยู่ ก็หมดห่วงไปหนึ่งเปราะ จะเหลือก็แค่เราสองคน เราจะเป็นอันตราย”

“ตัวจะให้เค้าไปอยู่กับนายสายฟ้า นายสายฟ้าเป็นผู้ชาย เขาเป็นผู้หญิง มันจะเสียหายนะ”

“เสียหายยังไง ลูกน้องกับเจ้านาย แถมเคยเป็นเพื่อนกัน อีกอย่างนี่มันยุคไหนแล้ว ไม่มีใครเค้าสนใจหรอก เราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่าจะแคร์ทำไม หรือแกคิด...” ถึงกับเงียบ อัสนีก็มองหน้ารักจิรา

“เอ่อ...เค้าจะคิดยังไงมันก็เรื่องของเค้า แต่เค้าไม่ไป เค้าไม่กลัวหรอก ถ้าตัวกลัวก็ย้ายออกไปคนเดียว” แล้วรักจิราก็เดินหนีขึ้นห้องไป

“ไอ้รัก ไอ้รัก แกจะเดินหนีไม่ได้นะ”

ปัง!!!

เสียงประตูที่ปิดดังทำให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ยอมแน่ ๆ เพทายกันอัสนีหันมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองแก้วกัลยาเหมือนถามว่าจะเอายังไงต่อครับ

“เดี๋ยวฉันจัดการเอง” แก้วกัลยาหยิบโทรศัพท์ต่อสายถึงใครคนหนึ่งที่จะช่วยพูดได้ และรักจิราจะไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน ทั้งสองมองดูว่าแก้วกัลยาจะใช้ตัวช่วยอะไร

“ฮัลโหล...ขวัญ”




รักจิรานั่งหน้าตูมมองเจ้าตุ๊กตาตัวโปรดและเหวี่ยงใส่ผนังห้องเพื่อระบายอารมณ์ที่กำลังกรุ่นโกรธ พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น รักจิรามองเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอ พลางนึกเข่นเขี้ยวแก้วกัลยาที่คิดจะใช้ขวัญชีวันมากล่อมเธอ ครั้งนี้เธอไม่ยอมหรอก จะให้เธอทำใจไปอยู่กับอัสนีได้ยังไง เธอทำไม่ได้หรอก

“ฮัลโหล เจ๊แก้วโทรไปว่าไงล่ะ”

(รัก...)

“ไม่ต้องมากล่อมเค้าซะให้ยากเลยนะเจ๊ขวัญ เพราะเค้าไม่มีทางไปอยู่กับนายสายฟ้าแน่”

(ทำไมล่ะ ขอเหตุผล อย่าบอกว่าเสียหายนะ รักเคยบอกว่าสายฟ้าเค้าเป็นเกย์ไม่ใช่หรอ ถ้าเขาใช่เรื่องอย่างว่าไม่น่าจะมีทางเกิดขึ้น แถมเขาก็มีแฟนเขาแล้วด้วย ดังนั้นตัดประเด็นนี้ทิ้งไปได้เลย ถ้ารักมีเหตุผลดี ๆ สักข้อ เจ๊จะยอมไปคุยกับแก้วให้) รักจิราเงียบเหมือนกำลังหาเหตุผลเข้าสู้

(กลัวจะกลับไปรักเขาอีกใช่ไหม) รักจิรายิ่งเงียบมากขึ้น

“เปล่านะ...”

(เปล่าอะไร ถ้าเปล่าทำไมถึงไม่กล้าจะไป ไม่ได้ให้ไปอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต แค่รอให้สถานการณ์สงบ รัก...เจ๊ห่วงเรานะ ถ้าเรารั้นจะอยู่ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง อยากช่วยรุจเราก็ต้องอยู่หาหลักฐาน และสายฟ้าจะช่วยเราได้ สายฟ้าถึงปากจะชอบหาเรื่องไปบ้าง แต่เวลารักมีปัญหาเขาช่วยรักได้เสมอไม่ใช่หรอ)

“เจ๊ขวัญ...”

(แล้วถ้ารักเป็นอะไรไป เจ๊อาจจะต้องทำงานอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต เพราะเจ๊คงไม่มีหน้าไปขอให้แก้วหรือวันช่วย แล้วเจ๊คงจะเสียใจมากแน่ ๆ)

“ยัยเจ๊แก้ว ฝากไว้ก่อนเถอะ...” รักจิราเอ่ยออกมาอย่างเข่นเขี้ยว “ก็ได้ เค้าแพ้ตัวตลอดแหละเจ๊ขวัญ”

(เจ๊ห่วงรักนะ)

“เค้าก็ห่วงตัวเหมือนกัน ดูแลตัวเองด้วย เค้าจะหาทางช่วยตัวให้ได้ ตัวได้ข้อมูลของที่หายไปบ้างไหม”

(เจ๊ว่าเราอย่าไปยุ่งเลยดีกว่า เจ๊รู้สึกได้ว่าจะมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้น เราแค่รีบหาเงินมาใช้ให้ครบ เจ๊ว่าอีกไม่นาน เงินที่รักโอนมาก็เยอะมากแล้ว บวกกับเงินที่เจ๊ทำงานก็มากอยู่นะ)

“ไม่ได้ ลองคำนวณดูแล้วมันก็ยังเหลืออีกหลายแสนเลย ตอนนี้เค้าก็ขายของ ๆเค้ากับตัวออกไปหลายชิ้น ไม่เหลืออะไรให้ขายแล้ว และวิธีเดียวที่เร็วที่สุด ถ้าเราหาเบาะแสของหายได้ จะใช้เป็นข้อต่อลองได้แน่ ตอนนี้เขามีของชิ้นหนึ่ง แต่ต้องรอดูว่ามันพอจะใช้เป็นข้อต่อลองได้แค่ไหน ถ้าได้บางทีตัวอาจจะได้กลับมาเร็วกว่าที่คิดนะเจ๊ขวัญ”

(เจ๊ไม่อยากให้เราไปยุ่งเลย แต่ทำอะไรก็ระวังละกัน เจ๊ต้องไปดูน้องอีฟแล้ว แค่นี้ก่อนนะ อย่าทำให้เจ๊หรือแม้แต่วันเป็นห่วงนะ)

“รู้แล้วน่า บายเจ๊ขวัญ” รักจิราตัดสายทิ้ง และเปิดประตูห้องเตรียมจะลงไปบอกคำตัดสินใจใหม่ แต่แก้วกัลยากลับยืนยิ้มกว้างอยู่หน้าห้อง

“เค้าเกลียดตัวที่สุดเจ๊แก้ว”

“ทำยังกับฉันรักแกมากงั้นแหละ เก็บของแกต้องย้ายไปวันนี้”

“คอยดูนะเค้าจะบอกคุณเพชรว่าเจ๊แกล้งแขนหะ...อุบส์!!!” แก้วกัลยาคว้ามือปิดปากรักจิราไว้ก่อนที่รักจิราจะหลุดคำพูดออกมา แก้วกัลยาหันไปมองไปที่บันไดเมื่อไม่เห็นใครก็เอามือออก

“ปากมากจริง คุณเพชรอยู่ที่นี่นะ ไป ๆ เก็บของ ว่าง ๆ จะแวะไปหา” รักจิราปิดประตูเสียงดังและหันไปโกยของใส่กระเป๋า รักจิราโกยเสื้อผ้าข้าวของจำเป็น รวมถึงกระเป๋าย่ามที่พกติดตัวเสมอมาด้วย ดวงตากลมสวยหันไปมองเจ้าตุ๊กตาเน่าที่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่มุมห้อง รักจิราไปเก็บมันขึ้นมาวางบนที่นอน และเดินออกจากห้องไป



......ติดตามตอนต่อไป....


อาทิตย์หน้าไรเตอร์จะเปิดเทอมแล้ว ก็จะไม่ว่างมาลงช่วงวันปกติ อาจจะเจอกันช่วงเสาร์ าอาทิตย์
ถ้าไรเตอร์ไม่คิดธุระอะไรจะแวะมาอัพนิยายให้แน่นอน

ฝากคอมเม้นท์ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ส.ค. 2557, 17:12:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ส.ค. 2557, 17:12:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1139





<< 21 วิ่งสู้ฟัด   23 ต้นกำเนิดของดอกไม้น้ำแข็ง >>
แว่นใส 8 ส.ค. 2557, 20:59:48 น.
เม็มที่ฝากไว้ เห็นหรือยังน๊า


แก้วจินดา 8 ส.ค. 2557, 22:33:37 น.
รักเอ๋ยของก็อยู่กับตัวกลับหาไม่เจอ


นักอ่านเหนียวหนึบ 11 ส.ค. 2557, 12:56:33 น.
เออ ลืมเลยยย ว่าเจ๊แก้ว แกล้งแขนหัก อุ๊บส์!!! (เจ้แก้วเดินตามมาิุดปาก) 555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account