มนต์สีมุก
เรื่องราวของหญิงสาวที่เพิ่งจะมีอายุครบ 22 ปี ผู้ซึ่งได้เจอกับเหตุการณ์ประหลาดและค้นพบว่าเธอมีความพิเศษบางอย่างในตัว และความพิเศษที่ว่าก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบและอันตรายที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไหนจะยังเรื่องหัวใจที่ทำให้เธอต้องกลุ้มอีกล่ะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 8

ช่วงเวลาก่อนเริ่มงานพนักงานหญิงของบริษัทส่วนหนึ่ง คว้ากระเป๋าเข้าห้องน้ำเพื่อดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม เติมเครื่องสำอางบนใบหน้า พนักงานในบริษัทส่วนใหญ่พอรู้จักกันอยู่บ้างจนถึงบางคนก็สนิทสนมกันอยู่มากดังนั้นเมื่อมารวมตัวกันอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ จึงมีเรื่องให้หยิบมาพูดคุยกันได้อย่างออกรส กระทั่งจวนเจียนเวลาเริ่มงานจึงค่อยแยกย้ายกันไปเตรียมตัวนั่งประจำที่โต๊ะทำงานของตนเอง หน้ากระจกภายในห้องน้ำหญิงจึงปลอดคน

แม่บ้านสาวใหญ่ดึงประตูให้แง้ม มองปราดไม่เห็นใคร จึงหันหลังเดินกลับไปที่รถเข็นบรรทุกเครื่องมือทำความสะอาด เมื่อเห็นว่าประตูห้องน้ำที่เปิดอ้าไว้เล็กน้อยเมื่อครู่กำลังจะค่อยปิดลงจึงรีบดันด้านข้างของรถเข็นให้เลื่อนไปค้ำประตูเอาไว้

หากเมื่อเข็นรถอุปกรณ์ผ่านเข้าไปภายในห้องน้ำพนักงานหญิง สาวใหญ่ก็ต้องหวีดร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก

“ว้าย! ผี”

‘ผี’ ที่ยืนอยู่หน้ากระจกก็หน้าตาตื่นหันกลับมามองสาวใหญ่ในชุดเครื่องแบบของบริษัททำความสะอาดเช่นกัน หญิงสาวขยับอ้าปากค้างเหมือนกับพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งขณะที่อีกฝ่ายเบือนหน้าหนี หลับตาปี๋ทั้งยังพูดแต่คำว่าผีซ้ำ ๆ อยู่ตลอด

ต้นเหตุที่ทำให้แม่บ้านสาวใหญ่ยืนตัวสั่นงันงก อ้าปากสลับหุบอยู่หลายรอบก่อนจะเป่าลมออกจากปากอย่างตัดสินใจอะไรได้ก้าวฉับเข้าไปหา เอื้อมมือไปคว้าหมับที่ต้นแขน

“ผีที่ไหนกันป้า หนูเอง”

คนถูกจับตัวสะดุ้ง ดึงมือขึ้นพนมกระดกขึ้นลงปากขยับพูดรัวเร็ว

“นะ...นะ...นะ...นะ...หนูเป็นผี ก็อยู่ส่วนผี อย่ามาปรากฏตัวหลอกหลอนคนอื่นเลยนะ ป้าเคยได้ยินมานะ ว่าผีน่ะ ถ้าบังเอิญปรากฏตัวให้คนดี ๆ เค้าตกใจมันจะเป็นบาป ทำให้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด”

“ป้า...หนูไม่ใช่ผี”

“ไม่ใช่ผีได้ยังไง เมื่อกี้ป้าเปิดห้องมาไม่เห็นใครสักคน” แม่บ้านสาวใหญ่ปากพูดขณะที่ลืมตาขึ้นหนึ่งข้าง “แล้วนี่มาโผล่แวบให้เห็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ผีแล้ว...”

คุลิกาอมยิ้มเมื่อเห็นอาการของแม่บ้านที่เธอเคยเห็นหน้าค่าตา ทักทายกันอยู่หลายครั้ง รายนั้นนิ่งอยู่นานกว่าจะแสดงสีหน้าท่าทีเหมือนจดจำได้

“หนูแคท”

“หนูเองค่ะ เมื่อกี้ตอนป้าเปิดประตูมาดูหนูก็กำลังเปิดประตูออกจากห้องน้ำ ยังเห็นป้าอยู่เลยนะ”

“จริง ๆ นะ หนูแคทตัวเป็น ๆ เป็นคน ไม่ใช่ผีใช่ไหม อย่ามาหลอกป้าเลยนะ ป้ากลัวแล้ว”

“หนูเองสิคะป้า ป้าลองจับตัวหนูดูก็ได้นี่ไง”

คุลิกายืนแขนส่งไปหา แม่บ้านวัยกลางคนค่อยยกมือขึ้นอย่างลังเล จากที่เอื้อมมือมาจะจับท่อนแขนเปลี่ยนเป็นใช้นิ้วชี้แตะเบา ๆ แล้วรีบดึงออกเมื่อสัมผัสถูกเนื้อตัวคน ไม่ใช่อากาศธาตุ

“แตะได้ด้วย”

“ก็ต้องแตะได้สิคะ แคทเป็นคนนี่นา”

“ป้าคงจะแก่จนตาฝ้าฟางไปแล้วจริง ๆ เมื่อกี้ถึงเปิดห้องมาไม่เห็นใคร หนูแคททำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วใช่ไหมจ๊ะ ป้าจะได้ทำความสะอาด”

“ค่ะ เชิญตามสบายนะคะ หนูขอตัวก่อนนะคะป้า”

คุลิกาเอ่ยแล้วรีบเดินผละออกจากห้องน้ำทันที ระบายลมหายใจยาวอย่างโล่งอกที่รอดพ้นจากสถานการณ์ขับคันมาได้

ขอโทษนะคะป้าขา...ไม่ได้ตั้งใจทำให้ตกใจ แถมยังต้องให้คิดว่าแก่จนตาไม่ดีอีก...สิ่งศักดิ์สิทธิ์คะ อย่าว่าหนูเลยนะคะ หนูมีภารกิจต้องฝึกฝน อนาคตของมนุษย์อยู่ในมือหนู ถ้าจะให้บาปก็ลดให้สักครึ่งนึงนะคะ



เมื่อรีบเดินเลี่ยงคำถามของพนักงานทำความสะอาดสาวใหญ่มาถึงโต๊ะทำงานคุลิกาเกือบหลุดส่งเสียงร้องเรียกเมื่อเห็นแมวสีขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ หากเพราะเริ่มชินกับการปรากฏตัวไม่เป็นเวลา ทั้งยังรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการยั่วโมโหจึงแสร้งทำไม่สนใจ เหวี่ยงกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะทำงานแล้วหย่อนตัวนั่งทันที แอบยิ้มขำเมื่อได้ยินเสียงร้องเหมียวอย่างจะประท้วง ทันได้เห็นร่างขนขาวกระโดดหนีลงไปบนพื้น

ทีอย่างนี้ ทำไมไม่หายตัวล่ะยายคิตตี้จวมป่วน

“ก็คน...เอ่อ...ก็หนูตกใจนี่นาพี่แคท ไม่ทันคิดว่าจะมามุกนี้” คิตตี้กลายร่างจากแมวเป็นเด็กหญิงยืนทำหน้างอ มือกอดอกมองคุลิกาอย่างขัดอกขัดใจ

อยากกวนประสาทดีนักนี่...สมน้ำหน้า

“เก่งใหญ่แล้วนะ ตอนนี้ไม่หลุดพูดออกมาด้วย สื่อสารด้วยความคิดอย่างเดียว”

ก็แน่ล่ะ คุลิกาซะอย่าง แค่นี้เรื่องจิ๊บ ๆ

“แหม...ทำเป็นพูดดีไป” คราวนี้เด็กหญิงลอยหน้าพูดอย่างเย้ยคู่สนทนา “เมื่อกี้ยังพลาด ใช้มนต์หายตัวมาโผล่ในห้องน้ำไม่ดูตาม้าตาเรือ เกือบทำคนหัวใจวายตายอยู่”

เพิ่งจะลองใช้มนต์ย้ายสถานที่แค่ครั้งที่สอง ได้แค่นี้ก็บุญแล้วนะ เมื่อวานน่ะ มาทำงานสายด้วยซ้ำ

หญิงสาวตอบโต้ภูตินำทางประจำตัวในความคิด ถอนใจเมื่อนึกถึงการทดลองใช้มนต์ในการย้ายสถานที่ที่ตนเองอยู่จากบ้านมาถึงที่ทำงานเมื่อวันก่อน นอกจากต้องลำบากหาทางหลอกจิตราว่าตนจะเดินทางออกจากบ้านมาทำงานแล้วหลบกลับเข้าไปใหม่ หลบขึ้นห้องนอน ใช้เวลานานสองนานในการตั้งสมาธินึกถึงสถานที่ภายในที่ทำงานซึ่งเธอต้องการจะไปปรากฏตัว ทดลองอยู่หลายต่อหลายครั้งกว่าจะสามารถมองเห็นสภาพรอบตัวของตนเปลี่ยนจากห้องนอนเป็นห้องน้ำหญิงของบริษัทได้ หากสิ่งที่อยู่รอบตัวนั้นดูเลือนรางยังไม่แจ่มชัดนัก

เสียงของคิตตี้เอ่ยเตือนดังขึ้นทันทีในตอนนั้น

‘จะปรากฏตัวพรวดพราดไม่ได้นะ ตอนนี้ต้องมองซ้ายมองขวาซะก่อนว่ามีคนอยู่แถวนี้รึเปล่า ถ้าเป็นเมืองเวท การที่จู่ ๆ ใครจะไปโผล่ที่ไหนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเป็นโลกมนุษย์ล่ะก็...เรื่องใหญ่แน่’

‘แล้วต้องทำไงล่ะคิตตี้ หมายความว่าตอนนี้ ยังไม่มีใครเห็นฉันใช่มั้ย’

‘ใช่ ตอนนี้ที่จะต้องทำก็คือนึกภาพตัวเองอยู่ในสถานที่ที่จะไปด้วย ช่วงระหว่างนี้เราจะสามารถเลือกได้ว่าจะกลับไปยังสถานที่เดิมที่อยู่หรือว่าจะเลือกให้ตัวเองไปอยู่ในสถานที่ใหม่ แต่ต้องนึกภาพตัวเองอยู่ในสถานที่นั้นให้ชัดเจน’

คุลิกามองไปรอบตัวจนมั่นใจว่าปลอดคน พยายามทำตามคำแนะนำของคิตตี้ นึกถึงตนเองขณะยืนอยู่หน้ากระจกภายในห้องน้ำเพียงชั่วอึดใจเธอก็เห็นร่างตนเองยืนเด่นอยู่หน้ากระจกภายในห้องน้ำหญิงบนชั้นที่เป็นที่ตั้งของบริษัท

การทดลองใช้มนต์เคลื่อนย้ายตนเองสองครั้งที่ผ่านมาจึงถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เพราะครั้งแรกกว่าคุลิกาจะเห็นภาพสถานที่ที่ต้องการย้ายตัวเองไปก็ใช้เวลาอยู่กว่าชั่วโมง ครั้งที่สองแม้จะใช้ความพยายามน้อยลงแต่การรีบร้อนปรากฏตัวโดยไม่ทันดูให้ดีก่อน ก็ทำให้เกือบเป็นเรื่องใหญ่

“ไม่ต้องห่วงไปหรอกพี่แคท” คิตตี้ในร่างเด็กหญิงยังคงอ่านความคิดของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างเด็ดขาด “ที่ให้ฝึกใช้มนต์นะ ก็เพื่อให้พี่แคทสามารถควบคุมได้เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้จริง วันนี้ก็ทำได้ดีแล้วนี่นา”

พูดให้กำลังใจก็เป็นด้วยแฮะ

“มันมีเรื่องน่าห่วงมากกว่าต่างหากล่ะ คุณพี่ชายคนที่เป็นดารุทัยคนนั้นน่ะ หายเงียบไปสามวันแล้วนะ ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ก็ไม่รู้...ตอนแรกก็เห็นเหมือนจะมีท่าทีกับพี่แคทคนสวยอยู่นี่นา”

น้ำเสียงตอนพูดคำว่า ‘คนสวย’ ของคิตตี้ฟังแปร่งหูเล็กน้อย แต่เพราะคุลิกาตระหนักถึงความจริงข้อนี้เหมือนกันจึงหันเหความสนใจไปที่หัวข้อในการพูดคุยกันมากกว่า

นั่นสิ...เกิดอะไรขึ้นนะ

“มัวแต่สงสัยอยู่อย่างนี้ก็ไม่ได้เรื่องหรอกพี่แคท ต้องเริ่มปฏิบัติการได้แล้ว ยังจำได้ใช่ไหมล่ะ ว่าภารกิจของเราคืออะไร”

หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ เบ้ปากเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของคิตตี้ซึ่งยกกำปั้นขึ้นในระดับสายตากดศอกลงเป็นท่าแสดงความมุ่งมั่น ราวกับพยายามจะปลุกความมุ่งมั่นของผู้เป็นเจ้าของเต็มที่

ภารกิจทำให้ผู้ชายตกหลุมรัก แล้วต้องแต่งงานมีลูกกับเขาด้วยเนี่ยนะยายคิตตี้เอ๊ย...ง่ายซะที่ไหนล่ะ

คุลิกาไม่แปลกใจที่ได้ยินคำตอบเด็กหญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าแทบจะในทันที

“ไม่ยากหรอกน่า ต้องพยายามทำให้สำเร็จสิ แค่นี้ท้อซะแล้ว ไม่สมกับเป็นคนที่มีเชื้อสายชาวเวทเลยนะพี่แคทเนี่ย”

คนที่ควรเป็นเจ้าของตามศักดิ์และสิทธิ์สูดลมหายใจเข้ายาวลึก ค้านจะพูดโต้แย้งหรือแม้แต่คิดอะไรตอบโต้คำพูดของภูตินำทางประจำตัวที่อ้างอยู่เสมอว่าตนมีนิสัยเหมือนผู้เป็นเจ้าของไม่มีผิดเพี้ยน



ด้วยภารกิจที่ต้องทำคุลิกาจึงต้องปดเพื่อนร่วมงานที่อาสาไปส่งเธอที่บ้านประจำทุกเย็นว่าต้องไปธุระให้จิตราก่อนกลับบ้าน หากถึงเวลาเลิกงานเธอกลับต้องไปนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของร้านกาแฟแฟรนไชส์หรูซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นคนที่เดินออกจากลิฟท์ได้ถนัดชัดเจน หญิงสาวเลือกเมนูที่ถูกที่สุดในร้านแต่ก็ไม่วายบ่นปอดแปด

“กาแฟอะไรก็ไม่รู้ แพงชะมัด ซื้อข้าวกินได้ตั้งหลายมื้อ”

“อย่าบ่นหน่อยเลยน่าพี่แคท”

จู่ ๆ ร่างของเด็กหญิงวัยราวสิบขวบก็ปรากฏอยู่บนเก้าอี้ตัวที่หันข้างให้กับเธอ คุลิกาไม่เพียงไม่ตกใจซ้ำยังยกมือขึ้นปิดปากหาวหวอดใหญ่ คิตตี้เห็นกิริยาของผู้เป็นเจ้าของแล้วกรอกตามองเพดาน เบ้ปากอย่างเบื่อหน่าย

“ทำเป็นตกใจหน่อยก็ไม่ได้ ไม่สนุกเลยนะแบบนี้”

คุลิกายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ สายตายังจับจ้องไปทางโถงทางเดินหน้าลิฟท์ทั้งหกตัวของอาคาร ประตูลิฟท์ฝั่งซ้ายสามตัวขวาสามตัวผลัดกันเปิดปิด มีพนักงานและผู้มาติดต่อเข้าออกอยู่ตลอดหากไม่มีวี่แววของปพนธีร์

หญิงสาวดื่มกาแฟทีละอึกเล็ก ๆ กลืนลงคอเชื่องช้าอย่างจะให้รสสัมผัสของเครื่องดื่มราคาแพงสัมผัสลิ้นและคอให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ สายตายังลงไม่ละจากผู้คนที่เดินเข้าออกลิฟท์ กระทั่งร่างอวบอิ่มในชุดเกาะอกสีน้ำเงินเข้มก้าวอย่างระเหิดระหงไปที่โต๊ะของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ชะโงกไปเหมือนจะกระซิบอะไรบางอย่างก่อนจะสาวเท้าไปหยุดยืนรอที่โถงหน้าลิฟท์

ใครน่ะ แค่ชะโงกหน้าไปคุยกับยามก็ไม่ต้องแลกบัตรละ...เส้นใหญ่น่าดูแฮะ

ราวกับว่าผู้หญิงร่างอวบอิ่มคนนั้นจะรู้ว่าถูกจับจ้องอยู่ เพราะจู่ ๆ เธอหันขวับ มองมาทางร้านกาแฟ คุลิกาที่นั่งจ้องอีกฝ่ายอยู่ต้องเสทำเป็นก้มลงหยิบแก้วกาแฟ ยกขึ้นมาจนหลอดจรดริมฝีปากดูด นานพักหนึ่งกว่าจะกล้าเงยหน้าขึ้นมองไปทางบริเวณโถงหน้าลิฟท์อีกครั้ง ผู้หญิงในชุดสีน้ำเงินไม่อยู่บริเวณนั้นแล้วรวมถึงเด็กหญิงวัยราวสิบขวบที่มีเธอมองเห็นแต่เพียงผู้เดียวด้วย

หายไปไหนของเค้านะยายคิตตี้

คุลิกานึกเคืองภูตินำทางในใจ ก่อนร้องอุ๊ยออกมาเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงเตือนจากแอพพลิเคชั่นสนทนาสุดฮิตดังจากมือถือในกระเป๋าสะพาย เธอล้วงมือเข้าไปหยิบมือถือมากด ระบายลมหายใจยาวเมื่อเห็นชื่อผู้ส่งข้อความที่ขึ้นเตือนอยู่

อะไรของเค้าอีกนะตาคนนี้นี่

เมื่อกดเข้าไปอ่านข้อความที่ขึ้นหน้าต่างเตือนอยู่ริมฝีปากที่เบ้อยู่เล็กน้อยก็คลายออก



คุณพงศ์ : เป็นไงบ้างครับคุณแคท มีเหตุอะไรผิดปกติรึเปล่า ผมเป็นห่วง



หญิงสาวกดพิมพ์ตอบข้อความแจ้งให้เขารู้ว่าสถานการณ์ยังคงเป็นปกติดีก่อนจะหย่อนโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าสะพาย ทว่าเพียงแค่ชั่วอึดใจ เสียงเตือนข้อความก็ดังขึ้นอีกครั้ง คุลิกาถอนใจหนักกว่าครั้งแรกคว้าอุปกรณ์สื่อสารออกจากกระเป๋าอีกครั้ง อ่านรู้เพียงว่ามีข้อความจากพงศ์พลิน แต่ไม่ทันได้กดเข้าไปอ่านสายตาก็มองเห็นร่างของชายหนุ่มและหญิงสาวที่เดินออกจากลิฟท์มาเสียก่อน

คุลิกาเลิกให้ความสนใจกับการตอบข้อความของพงศ์พลิน รีบลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีไม่ลืมที่จะคว้ากาแฟแก้วแพงที่ยังพร่องไปไม่ถึงครึ่งแก้วติดมือไปด้วยตั้งใจว่าจะสาวเท้าตามชายหนุ่มและหญิงสาวที่เดินเลี้ยวออกจากโถงหน้าลิฟท์ไปทางด้านหลังของตัวตึกที่เชื่อมกับอาคารจอดรถหากเพราะรีบร้อนเกินจนไม่ทันสังเกตเห็นว่าหญิงสาวที่เดินควงปพนธีร์อยู่นั้นหยุดฝีเท้าลงและเขาก็ชะงักแล้วหันไปมองเธออย่างสงสัย คนที่รีบจ้ำเดินตามเงยหน้ามองก็กระชั้นมากจนจะหยุดฝีเท้าก็ช้าไปเสียแล้วได้เพียงส่งเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อชนปะทะเข้ากับร่างสูง

ฝาแก้วกาแฟหลุดออกพร้อมกับน้ำกาแฟและน้ำแข็งที่อยู่ข้างในทะลักล้นจากปากแก้วพลาสติก แม้ว่าปพนธีร์จะสวมสูทสีเข้มก็ยังเห็นรอยด่างจากกาแฟที่หกรดค่อนข้างชัด

“ตายจริง คุณป๊อบ แคทขอโทษนะคะพอดีแคท เอ่อ...แคทรีบตามคุณมา...เพราะ...เอ่อ...” หญิงสาวอึกอักหาข้อแก้ตัว เพราะเอาเข้าจริงเธอก็ไม่ได้นึกเอาไว้ก่อนว่าจะมาดักรอปพนธีร์ด้วยเหตุผลอะไรกันแน่ ทว่าเมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ถืออยู่ในมือเธอก็โพล่งออกมาด้วยข้ออ้างอย่างแรกที่นึกได้ “วันก่อนคุณป๊อบเลี้ยงกาแฟแคท วันนี้แคทก็เลย...ซื้อกาแฟมาเลี้ยงตอบแทนน่ะค่ะ”

ปพนธีร์ดูไม่ได้เดือดร้อนอะไรนักกับเสื้อสูทที่เปียกและเปื้อนคราบกาแฟ ชายหนุ่มยิ้ม ก่อนเอ่ยปาก

“ไม่เป็นไรครับคุณแคท และขอบคุณนะครับสำหรับกาแฟ”

“มันหกหมดแล้วล่ะค่ะ แคททำเสื้อสูทคุณเลอะอีกต่างหาก ถ้ายังไง คุณป๊อบถอดออกให้แคทเอาไปส่งร้านซักให้นะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณแคท เรื่องเล็กน้อย”

คุลิกายิ้มฝืดเพราะรู้สึกตัวว่าตนทำเรื่องน่าอับอายต่อหน้าชายหนุ่ม เหลือบมองหญิงสาวอีกคนที่ตนไม่รู้จักนั้น ฝ่ายนั้นกำลังมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ สองสาวมองสบหน้ากับอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ปพนธีร์จะเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น

“จริงสิครับ คุณสองคนยังไม่รู้จักกันเลย”

หญิงสาวทั้งสองละความสนใจในกันและกันหันกลับไปมองที่ชายหนุ่ม ปพนธีร์แนะนำให้คุลิกาและลัลน์ลลิตรู้จักกัน เล่าถึงสถานการณ์ที่ทำให้เขาได้พบกับเธอทั้งสองคนเพียงสั้น ๆ

“แล้ว...คุณป้าคนนั้น สบายดีแล้วใช่มั้ยคะ” คุลิกาเอ่ยถามเมื่อได้ทราบเรื่องหญิงชราที่ปพนธีร์ขับรถชน

“สบายดีค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่พูดไม่จาอะไร”

“ผมกำลังคิดอยู่เลยครับว่าทานมื้อเย็นกับคุณลันแล้วจะชวนคุณลันไปเยี่ยม”

คำบอกกล่าวของปพนธีร์ทำให้ลัลน์ลลิตชะงักไปชั่วขณะ หากนานพอที่คุลิกาจะสังเกตเห็นอาการนั้น

“คุณหมออยากให้ท่านพักผ่อน อยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์น่ะค่ะ เราก็เลยตกลงกัน พาไปพักผ่อนที่บ้านพักต่างจังหวัด ให้คนคอยดูแล”

“อ้อ...ครับ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะครับคุณลัน” ปพนธีร์เอ่ยกับหญิงสาวร่างอวบอิ่มแล้วหันมาทางคุลิกา “ผมขอตัวนะครับคุณแคท แล้วพบกันครับ”

คุลิกาได้เพียงแต่รับคำ ขณะที่ลัลน์ลลิตควงแขนปพนธีร์เดินไปทางประตูด้านหลังอาคาร หญิงสาวดูเหมือนจะเป็นลูกหลานคนรวย สวยสะพรั่ง รูปร่างอวบอิ่มดึงดูดสายตาใครต่อใครในบริเวณนั้น

ถ้าเกิดดารุทัยอย่างคุณป๊อบ แต่งงานมีลูกกับคนธรรมดา ๆ เราก็ปิดผนึกสองโลกไม่ได้ ฝ่ายเวทมืดก็เปิดผนึกไม่ได้เหมือนกัน...คงไม่มีอะไรเสียหายหรอกมั้ง...อย่างเราจะมีอะไรไปสู้ยายคุณลันคนนี้ได้ล่ะ

หญิงสาวมองไปรอบตัวเพื่อหาคนช่วยยืนยันความคิดเรื่องทายาทคนแรกของดารุทัย ทว่ายังคงไม่มีวี่แววของคิตตี้ ไม่ว่าจะเป็นคิตตี้แมวน้อยสีขาว หรือเด็กหญิงจอมป่วน



พงศ์พลินลอบมองผู้เป็นพ่อที่กำลังนั่งฟังเลขานุการสารสรุปรายละเอียดโครงการบ้านจัดสรรที่กำลังจะเปิดตัวในย่านช่านเมืองพร้อมกันถึงสามโครงการ พัฒน์มักจะบังคับให้ลูกชายเข้ามานั่งฟังรายงานและสอบถามความคิดเห็น เพื่อทดสอบความสามารถในการวิเคราะห์ถึงจุดเด่น จุดด้อยของโครงการนอกเหนือจากในรายงาน ปกติพงศ์พลินจะตั้งใจฟังการอ่านรายงานเป็นพิเศษเพราะรู้ตัวว่าจะต้องตอบโจทย์คำถามของผู้เป็นพ่อหลังจากฟังเลขานุการจนจบ

แต่วันนี้ชายหนุ่มกลับนึกถึงเพียงเรื่องของคุลิกา หญิงสาวที่มีพลังพิเศษจากการมีสายเลือดของเผ่าพันธุ์ที่มาจากมิติอื่นเหมือนกับเทียดหญิงของเขา ถึงจะเกรงผู้เป็นพ่อมากแต่เขาก็หาจังหวะที่พัฒน์เผลอล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากดส่งข้อความถึงเธอผ่านแอพลิเคชั่น เมื่อได้รับข้อความกลับมาเขาก็รีบพิมพ์ตอบโต้ทันที แต่ครั้งนี้คุลิกากลับเงียบไป

จะเกิดเรื่องอะไรรึเปล่านะ

พงศ์พลินมองดูเวลาที่ส่งข้อความครั้งสุดท้ายแล้วตัดสินใจกดส่งข้อความถึงคุลิกาอีกครั้ง



คุณแคท...แน่ใจนะว่าไม่มีเรื่องอะไร ตอบข้อความด้วยนะ ผมชักเป็นห่วงแล้วสิ



พิมพ์ข้อความจบชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ เห็นสายตาคมกริบของพัฒน์ที่กำลังมองเขม้นอย่างไม่พอใจนัก พลางยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เลขานุการหยุดอ่านรายงาน

“ทำอะไรอยู่ เจ้าพงศ์”

“เอ่อ...ผม...รอข้อความสำคัญอยู่ครับพ่อ”

“ผู้หญิง?”

พงศ์พลินกลืนน้ำลายลงคอ ไม่วายพูดติดตลกตามนิสัย “ถ้าบอกว่าผู้ชาย พ่อจะช็อคมั้ย”

“เจ้าพงศ์!!!”

“ล้อเล่นน่าพ่อ ผู้หญิงครับ คือ...”

“เอาเถอะ พอ ๆ” พัฒน์ส่ายหน้าห้ามลูกชายไม่ให้พูดต่อ “อย่างน้อยแม่แกก็จะได้เลิกกังวลซะที ที่แกลอยไปลอยมา ยังไม่ยอมคบหาใครสักคน ยังไงก็หาโอกาสพาไปให้แม่แกรู้จักหน่อยก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาว โล่งอกที่ไม่ต้องอธิบายเรื่องราวให้ฟังอย่างละเอียดเพราะรู้ดีกว่าปู่กับพ่อมีความเห็นไม่ตรงกันนักในเรื่องเหนือธรรมชาติที่ปู่ปักใจว่าจริงมาตลอด รีบตีหน้าขรึมทันทีเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของพัฒน์

“แล้วก็คุยกันให้รู้จักเวล่ำเวลาด้วย ตอนนี้แกควรจะทำอะไร”

“ฟังรายงานโครงการบ้านจัดสรรครับ”

“ดี ถ้ารู้หน้าที่ก็ทำตามหน้าที่ด้วย ส่งข้อความไปบอกผู้หญิงของแกซะให้รู้เรื่องว่าติดงานอยู่”

“ครับพ่อ เรียบร้อยแล้วครับ”

คนเป็นลูกชูโทรศัพท์มือถือให้ผู้ให้กำเนิดดู ก่อนหย่อนมันลงไปในกระเป๋าเสื้อสูทให้เห็นกับตา พยายามตั้งสมาธิเมื่อเลขานุการของพ่ออ่านรายงานต่อหลังจากได้รับการพยักหน้าเป็นสัญญาณ ทว่าเอาเข้าจริงในสมองกลับมีภาพและเรื่องราวของหญิงสาวที่เขานึกเป็นห่วงที่สุดตอนนี้วนเวียนอยู่

หลังจากตอบคำถามผู้เป็นพ่อจากข้อมูลเท่าที่พอจะเข้าหัวสมองบ้างและถูกตำหนิทั้งด้วยสายตาและวาจาเมื่อให้ความเห็นโดยไม่ได้อ้างอิงข้อมูลโครงการที่ได้ฟังจากเลขานุการ พงศ์พลินก็รีบขอตัวทันที ผุดลุกขึ้นยืนแล้วสาวเท้าออกจากห้องได้ก็สอดมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าสูท

ยังคงไม่มีข้อความใดตอบกลับจากคุลิกา

พงศ์พลินพ่นลมหายใจออกทางจมูกหนักหน่วง ก่อนจะตัดสินใจเดินเลี่ยงไปที่มุมหนึ่งของโถงทางเดินซึ่งขณะนั้นปลอดคน กดต่อสายโทรศัพท์ถึงคุลิกา

เสียงตอบรับอัตโนมัติของระบบฝากข้อความดังขึ้น และยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก หย่อนโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าสูทอีกครั้ง เมื่อเดินผ่านหน้าประตูห้องของผู้เป็นพ่อเพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงเรียก

“เจ้าพงศ์ แม่โทรมาตามว่าให้กลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านนะ”

“บอกแม่ว่าวันนี้ผมขอตัวนะครับพ่อ”

พงศ์พลินรีบหันกลับไปตอบก่อนจะจ้ำอ้าวออกจากบริษัททันที



ราตรีมองเงาสะท้อนจากกระจกมองหลัง เห็นภาพของหญิงวัยกลางคนที่ผิวหนังเริ่มมีริ้วรอยเหี่ยวย่น หรี่ตาเพ่งมองอีกครั้งจนกระทั่งเห็นภาพสะท้อนเป็นหญิงสาวเจ้าของร่างอวบอิ่มใบหน้าคม จากนั้นจึงหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย ขมวดคิ้วเพราะสังเกตเห็นอาการผิดปกติของปพนธีร์มาพักใหญ่ จะว่าไปแล้วก็นับตั้งแต่...ได้เจอหน้าเด็กสาวนั่น

“คุณป๊อบคะ”

คนนั่งในลอยหลังพวงมาลัยเหมือนรู้สึกตัวหัวมามอง “ครับ คุณลันเปลี่ยนใจอยากไปทานมื้อเย็นที่อื่นเหรอครับ”

“ไม่ใช่ค่ะ ลันเห็นคุณป๊อบเหมือนมีใจลอย ๆ คิดอะไรอยู่คะ เครียดเรื่องงานรึเปล่า”

“ก็นิดหน่อยครับ ผมขอโทษนะครับคุณลัน”

“ไม่เห็นต้องขอโทษนี่ค่ะ ผู้ชายก็แบบนี้แหละ ชอบเผลอคิดเรื่องงาน” เวทนรีมืดในร่างของลัลน์ลลิตแสร้งทำเสียงน้อยใจ “บางทีผู้หญิงก็น้อยใจเหมือนกันนะคะ”

“เอาเป็นว่าผมจะเลิกคิดเรื่องงานนะครับ”

แม้ว่าจะตอบคำของชายหนุ่มด้วยการยิ้ม หากใจของราตรีนั้นกลับนึกหยัน

ผู้ชาย...มนุษย์ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ โกหกเก่งเหลือเกิน คิดถึงเรื่องเด็กนั่นอยู่แท้ ๆ กลับบอกว่าคิดเรื่องงาน

ความคิดถึงเด็กสาววัยใกล้เคียงกับเจ้าของร่างที่ตนครอบครองอยู่ทำให้ราตรีร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก จริงอยู่เธอไม่อาจใช้เวทมนต์ของชาวเวทเพื่อให้ดารุทัยหลงรักได้ ทายาทที่จะสามารถเปิดผนึกโลกเวทกับโลกมนุษย์เข้าด้วยกันต้องไม่ถือกำเนิดเพราะมนต์ของชาวเวท หากการเรียนรู้ถึงเวทมนต์ของมนุษย์ก็ทำให้ราตรีสามารถสะกดให้ปพนธีร์หลงใหลในรูปลักษณ์ของเธอได้ แม้เวลาที่ไม่ได้เจอเธอก็เพียรโทรหาเขาและใช้มนต์สะกดด้วยเสียงให้เขานึกถึงแต่เธอ

เรื่องความรักนั้นคงเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาได้ไม่ยากหากชายหนุ่มได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวที่เพียบพร้อมกับรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ ทัดเทียมหน้าตา อาจจะมีปัญหาอยู่บ้างก็ตรงที่ผู้หญิงเจ้าของร่างนี้มีประวัติไม่ค่อยดีนักเรื่องการคบหาผู้ชายมามากหน้าซึ่งครอบครัวของปพนธีร์คงต้องสืบสาว หากใครจะมาเป็นสะใภ้รวมวงศ์วาน กระนั้นราตรีก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถเปลี่ยนความคิดความเชื่อของปพนธีร์รวมถึงคนรอบตัวเขาได้ ว่าลัลน์ลลิตได้คิดและเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่แล้ว

ตอนนี้อุปสรรคสำคัญน่าจะอยู่ที่ว่า...ความรู้สึกที่ปพนธีร์มีต่อเด็กสาวคนที่วิ่งมาชนและทำกาแฟหกรดเขานั้นกลับสามารถทำให้มนต์สะกดที่น่าจะติดตรึงอยู่ตลอดนั้นคลายลงไปได้

เด็กนั่นมีอะไรดีนะ หรือว่าจะเป็นพวกมนุษย์ที่ฝึกฝนเรื่องมนต์คาถา เสน่ห์ยาแฝด

ราตรีในร่างลัลน์ลลิตผ่อนลมหายใจยาวอย่างจะปัดความกังวลออกไปให้พ้นจากความคิด ไม่ว่าอย่างไรเสีย...เธอต้องทำให้ดารุทัยรักและสืบทายาทกับเธอให้ได้

ใครที่ขวางทาง...จะต้องได้เจอดีแน่ !








กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ส.ค. 2557, 23:24:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ส.ค. 2557, 23:24:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1480





<< ตอนที่ 7   ตอนที่ 9 >>
กมลภัทร 7 ส.ค. 2557, 23:29:16 น.
555 สัญญาไม่เป็นสัญญา บอกไว้ว่าจะได้สัปดาห์ละตอน เอาเข้าจริงก็ป่วนโน่นนี่จนล่วงเลยมาเป็นเดือนอีกแล้ว ขออภัยผู้อ่านอีกครั้งครับ จะพยายามทำให้ดีขึ้นนะครับ อย่างน้อยก็เดือนละสองสามตอน

yimyum >>>> ข้ามไปก่อนนะครับ คงต้องรีไรท์อีกที เพราะคนอ่านยังดูงง ๆ (คนเขียนก็งง 555)

Zephyr >>>> คุลิกาสวยอึ๋มสู้ลัลน์ลลิตไม่ได้แน่ ๆ ครับ

lovemuay >>>> อันนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปนะครับ ว่าสุดท้ายมนต์สะกดจะสู้เสน่ห์ธรรมชาติได้มั้ย

นักอ่านเหนียวหนึบ >>>> ให้เดาเล่น ๆ ไปก่อนครับ


Zephyr 8 ส.ค. 2557, 20:24:03 น.
ไส้ในยายลันไม่อึ๋มนี่คะ เหี่ยว ยานด้วย


lovemuay 9 ส.ค. 2557, 14:52:11 น.
นางเอกของเราก้มีเสน่ห์เหมือนนะเนี่ย ทำให้ผู้ชายคิดถึงได้สองคนเลยนะ อิอิ


นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ส.ค. 2557, 00:56:50 น.
อืมมมม นานจนลืม ลืมจนต้องมาอ่านใหม่เลยยย
ตาป๊อปเนี่ยยย ดูใกล้จะหลุดโผพระเอกละนะ อีกนิ้ดนะอีกนิด!


Sukhumvit66 16 ก.ย. 2557, 00:00:25 น.
^_______^ ต้องกลับไปอ่านใหม่เหมือนกัน สู้ ๆ คร่า...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account