เชลยรักแห่งเม็ดทราย ชุดเพลิงสวาททาสทราย (ทำมือ เปิดจอง)

Tags: ทะเลทราย,ชีค,นิยายรัก,โรมานซ์

ตอน: ตอนที่ 2

ตอนที่ 2

ณ โรงแรมเดอะธาราแกรนด์โฮเทล...

โรงแรมเดอะธาราแกรนด์โฮเทลเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งวันนี้เป็นวันประชุมประจำเดือนของคณะกรรมการโรงแรมโดยมีนีราพรรณเป็นประธานโรงแรม คณะกรรมการทรงคุณวุฒิทุกท่านได้เข้ามานั่งในห้องประชุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้เก้าอี้ท่านประธานของโรงแรมกำลังร้อนฉ่า...ด้วยมีการเปลี่ยนประธานโรงแรมอย่างกะทันหันโดยที่กรรมการทุกคนไม่ทราบข่าวระแคะระคายมาก่อน แต่จู่ๆ เมื่อช่วงเช้าก่อนที่จะเข้าห้องประชุมทุกคนก็ได้รับแจ้งจากกรรมการอาวุโสท่านหนึ่งซึ่งได้แจ้งให้ทราบว่าขณะนี้เดอะธาราแกรนด์โฮเทลได้มีการเปลี่ยนเจ้าของและเปลี่ยนท่านประธานคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทุกคนรู้แค่เพียงว่าท่านประธานคนใหม่เป็นเจ้าชายในประเทศแถบตะวันออกกลางนามว่า เจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์

คุณธนภูมิ กรรมการโรงแรมที่อาวุโสที่สุดได้ยืนรอรับท่านประธานคนใหม่ที่ล็อบบี้ของโรงแรมแต่เพียงผู้เดียว จริงๆ แล้วเขาอยากให้คณะกรรมการทุกท่านได้ลงมาต้อนรับท่านประธานคนใหม่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแต่เขาได้รับคำสั่งจากองครักษ์ของเจ้าชายว่าห้ามทำอะไรที่เป็นการเอิกเกริกเพราะว่าเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ ไม่ประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น และเมื่อรถเบ็นซ์คันงามตีวงมาจอดสงบแน่นิ่งหน้าโรงแรมพร้อมด้วยเรือนร่างกำยำหล่อเหลาภูมิฐานบ่งบอกถึงความเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้ก้าวลงมาจากรถด้วยท่วงท่าสง่างามน่าเกรงขามทำให้กรรมการผู้อาวุโสรู้ว่าบุคคลที่มีอำนาจบารมีแผ่ออกรอบกายคือเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์

ธนภูมิก้าวเท้ายาวๆ เกือบเป็นวิ่งเข้าไปหาบุรุษชาติชาวอาหรับทั้งสองพร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อม

“สวัสดีครับ เอ่อ...พะยะค่ะ กระผม...เอ่อ...กระหม่อมธนภูมิครับ”

กรรมการอาวุโสไม่รู้ว่าจะพูดคำราชาศัพท์กับเจ้าชายทรงอำนาจผู้นี้อย่างไรดี คำพูดคำจาที่กล่าวออกมาด้วยภาษาอังฤกษจึงติดๆ ขัดๆ ราชาศัพท์คำสามัญชนคำจนทำเอาองครักษ์เอกอย่างอานีสต์ต้องลอบหัวเราะออกมา

เจ้าชายฮารีฟร์ กวาดสายตาคมกริบดุจพญาอินทรีมองรอบๆ บริเวณโรงแรมที่ตนเองได้เข้ามาเป็นเจ้าของ เดอะธาราแกรนด์โฮเทลจัดว่าเป็นโรงแรมที่สวยงามได้มาตรฐานระดับห้าดาว ทำเลที่ตั้งก็อยู่ในทำเลทองใกล้ย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ จำนวนแขกที่เข้ามาจองห้องพักมีเต็มเกือบทั้งปี รายได้กำไรที่ได้รับจัดว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก หลังจากที่ประชุมกับคณะกรรมการโรงแรมในวันนี้เรียบร้อยแล้วเขาจะให้ทีมบริหารของตนซึ่งนำโดยอานีสต์เข้ามาดูแลโรงแรมเต็มตัว การเป็นโรงแรมระดับห้าดาวยังไม่เพียงพอสำหรับเขา เดอะธาราแกรนด์โฮเทลภายใต้การบริหารงานของชาวอัลนูรีนต้องเป็นโรงแรมที่มากกว่าห้าดาว...

ธนภูมิหน้าเสียเมื่อกล่าวคำทักทายท่านประธานคนใหม่แล้วยังไม่ได้รับการตอบรับนอกจากนัยน์ตาคมกริบแน่นิ่งที่กวาดมองรอบๆ บริเวณโรงแรม

“เอ่อ...กระผม...กระหม่อมธนภูมิ ชนุดม กรรมการโรงแรมเดอะธาราแกรนด์โฮเทลครับ เอ้ย!...พะยะค่ะ”

“พูดภาษาไทยก็ได้ ข้าฟังออกและก็พูดธรรมดาไม่ต้องพูดราชาศัพท์”

กรรมการผู้อาวุโสเบิกตากว้างเมื่อได้ยินถ้อยคำภาษาไทยที่ชัดถ้อยชัดคำหลุดออกมาจากริมฝีปากสีสดได้รูปสวยของเจ้าชายผู้ทรงอำนาจ

“เอ่อ...เจ้าชายพูดภาษาไทยได้ด้วยหรือครับ”

ธนภูมิเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจซึ่งเป็นคำถามที่ออกจะโง่เล็กน้อยทั้งๆ ที่เมื่อสักครู่ก็ได้ยินประโยคภาษาไทยที่ชัดเจน

“ห้องประชุมไปทางไหน”

เจ้าชายฮารีฟร์ ไม่ตอบคำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยของกรรมการโรงแรม เวลานี้เขาต้องการพบเจาะเจอนีราพรรณหญิงสาวชาวสยามแสนงดงามที่เพิ่งจากลากันมาเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาไม่รู้ว่าป่านนี้นีราพรรณจะมาถึงโรงแรมหรือยัง

ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไร้ความรู้สึกบ่งบอกให้ทราบว่าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของใครทั้งนั้นทำให้ธนภูมิไม่กล้าเอ่ยถามเจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่ที่บัดนี้ได้กลายมาเป็นเจ้านายของตนเรียบร้อยแล้ว

“เชิญเจ้าชายทางนี้เลยครับ”

ธนภูมิผายมือเชิญค้อมตัวให้เจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่อย่างนอบน้อมระคนหวั่นเกรงอำนาจบารมีที่แผ่ออกมาจากเจ้าชายผู้นี้

เจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ ก้าวเดินมั่นคงตามร่างของกรรมการโรงแรมโดยไม่สนใจซุ่มเสียงของบรรดาแขกสาวๆ ที่ต่างก็เอ่ยถึงตัวเขาด้วยน้ำคำที่เต็มไปด้วยความชื่นชมระคนชมชอบ

อานีสต์หัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างขบขำขณะที่แว่วได้ยินคำพูดของลูกค้าโรงแรมกลุ่มหนึ่งที่บอกว่าอยากเป็นหญิงสาวผู้โชคดีที่ได้ครอบครองหัวใจและเรือนกายกำยำหล่อเหลาของเจ้าเหนือหัวแห่งทะเลทรายสีทอง

“หัวเราะอะไรอานีสต์”

เจ้าชายฮารีฟร์ถลึงตากัดฟันเอ่ยถามองครักษ์เอกด้วยภาษาอาหรับรู้ว่าอานีสต์หัวเราะขำเพราะได้ยินประโยคของสาวๆ ที่พวกเขาได้เดินผ่านมาเมื่อสักครู่

อานีสต์หยุดหัวเราะไปแล้วแต่ยังอมยิ้มให้เจ้าแห่งชีวิตพลางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“กระหม่อมขำแขกของโรงแรมที่เราเดินผ่านมาเมื่อตะกี้ พวกเธอคงคิดว่าพระองค์ฟังภาษาไทยไม่ออกจึงได้เอ่ยชื่นชมแกมหื่นกระหายในตัวพระองค์”

เจ้าชายฮารีฟร์ตีหน้าบึ้งถลึงตาใส่คนที่เป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งองครักษ์ผู้จงรักภักดีให้หยุดพูดถึงเรื่องที่เขาไม่ต้องการได้ยินอีก มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาหลายชาติหลายภาษาทั้งนางแบบ ดารา หรือแม้แต่บรรดาไฮโซทั้งหลายที่ต่างก็วิ่งเข้าหาอยากเป็นนกน้อยในกรงทอง แต่หญิงสาวเหล่านี้ไม่มีใครทำให้เขาสนใจใคร่หลงใหลได้แม้แต่ผู้เดียว

“หยุดพูดได้แล้วอานีสต์ เจ้าก็รู้ว่าผู้หญิงเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราสนใจแม้แต่นิดเดียว”

“กระหม่อมทราบพะยะค่ะ แต่กระหม่อมก็ยังอดขำไม่ได้”

อานีสต์เอ่ยตอบกลั้วหัวเราะขณะที่ก้าวตามเจ้าเหนือหัวเข้าไปภายในลิฟท์ที่กรรมการโรงแรมได้กดรออยู่

“เมื่อไหร่พระองค์จะคิดเรื่องมีราชินีคอยนั่งเคียงคู่บนราชบัลลังก์อัลนูรีน กระหม่อมอยากให้พระองค์มีครอบครัวเหมือนกับพระสหายของพระองค์ซึ่งบางคนก็มีลูกหนึ่งลูกสองไปแล้ว”

“พูดมากน่ะอานีสต์”

เจ้าชายฮารีฟร์ขึงตาต่อว่าองครักษ์เอกผู้จงรักภักดี ไม่ได้นึกโกรธโทษอานีสต์ที่เอ่ยพูดเกินหน้าที่การเป็นองครักษ์ ด้วยรู้ว่าอานีสต์เอ่ยพูดด้วยความเป็นห่วง

อานีสต์ก้าวเข้ามาหยุดยืนภายในลิฟท์เรียบร้อยจากนั้นก็เอ่ยพูดแกมร้องขอเจ้าเหนือหัวของตน

“กระหม่อมอยากให้พระองค์มีราชินีคอยอยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจในยามที่พระองค์เหน็ดเหนื่อยจากภาระกิจทั้งปวง”

การเป็นเจ้าชายองค์โตทำให้เจ้าชายฮารีฟร์ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อประเทศอัลนูรีนเพื่อราษฎรนับล้านของตน การที่คอยอยู่รับใช้เจ้าชายฮารีฟร์แทบจะเรียกว่าตลอดทั้ง 24 ชั่วโมงทำให้เขารู้ว่าเจ้าชายฮารีฟร์ได้เสียสละความสุขส่วนพระองค์ทำงานจนลืมพักลืมเรื่องหัวใจเพียงเพื่อให้ราษฎรทั่วทั้งแผ่นผืนอัลนูรีนได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข

“เราเองก็อยากมีราชินีดังที่เจ้าต้องการและยัดเยียดให้เรามี แต่หญิงสาวที่จะมาเป็นราชินีของเราได้ต้องเข้มแข็งกล้าหาญไม่หวาดหวั่นภยันตรายที่มีอยู่รอบตัวเรา ซึ่งเรายังไม่พบหญิงสาวที่มีคุณสมบัติดังที่เราพูดออกมาแม้แต่คนเดียว”

ขณะที่เอ่ยบอกองครักษ์เอกหัวใจของเจ้าแห่งทะเลทรายก็กระหวัดคำนึงคิดถึงหญิงสาวที่เพิ่งผละจากมาก่อนหน้านี้ ในใจได้ภาวนาให้นีราพรรณเป็นหญิงสาวที่มีความเข้มแข็งมากพอที่จะเผชิญกับอันตรายทุกรูปแบบในขณะที่อยู่เคียงคู่กับเขา

“เอ่อ...พระองค์คิดว่าคุณนีราพรรณจะเข้าข่ายหญิงสาวที่พระองค์ต้องการหรือเปล่าพะยะค่ะ”

อานีสต์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ กล้าเอ่ยชื่อของหญิงสาวที่เจ้าเหนือหัวของตนพึงพอใจเพราะว่าเขาและเจ้าชายต่างก็สนทนากันด้วยภาษาอาหรับเพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องกลัวว่ากรรมการโรงแรมที่ยืนสงบนิ่งภายในลิฟท์จะเข้าใจและรับรู้เรื่องที่เขากับเจ้าชายได้สนทนากัน

“เราภาวนาให้นีราพรรณเป็นเช่นนั้น”

คำตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความของเจ้าชายผู้ทระนงยิ่งใหญ่แห่งท้องทะเลทรายทำให้องครักษ์เอกถึงกับยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ

อานีสต์กำลังดีใจที่เจ้าชายฮารีฟร์คิดที่จะมีราชินีขึ้นมาบ้างแล้วและเขาเองก็ขอภาวนากับละอองเม็ดทรายสีทองทั่วทั้งอัลนูรีนขอให้นีราพรรณเกิดมาเพื่อเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์

“กระหม่อมขอภาวนาอีกแรงขอให้คุณนีราพรรณคือหญิงสาวที่เกิดมาเพื่อเป็นราชินีคอยเคียงคู่อยู่กับพระองค์”

“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะอานีสต์ เจ้าก็รู้ว่าปัญหาภายในตระกูลของเราปัญหาการช่วงชิงราชบัลลังก์จากเจ้าชายชารีฟร์อนุชาของเราเองทำให้เราไม่อาจคิดรักใครได้ในขณะนี้”

เจ้าชายฮารีฟร์ถอนหายใจยาวด้วยความอ่อนล้า เขาไม่เคยปรารถนาราชบัลลังก์อัลนูรีน ไม่ปรารถนาการเป็นเจ้าชายหรือการเป็นประมุขของประเทศ เขาปรารถนาที่จะเป็นสามัญชนธรรมดาที่สามารถรักใครก็ได้ตามที่ใจต้องการ แต่เมื่อเลือกเกิดเลือกทำดังที่ใจปรารถนาไม่ได้ก็จำเป็นต้องรับภาระหน้าที่การเป็นผู้นำของประเทศอัลนูรีนอย่างเลี่ยงไม่ได้และเมื่อได้รับเกียรติอันสูงสุดที่ท่านพ่อได้มอบไว้ให้เขาก็สาบานว่าจะทำให้ดีที่สุด

หลังจากที่ขึ้นครองบัลลังก์แล้วเขาก็มิอาจละทิ้งราษฎรอัลนูรีนของตนได้ เมื่อเอ่ยคำสัตย์สาบานต่อหน้าพระบิดาและราษฎรทั้งประเทศว่าจะปกครองพัฒนาให้อัลนูรีนเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความสุขสงบ ปวงประชาผองอยู่ร่วมกันอย่างสุขสบายภายใต้การปกครองของตน เขาก็ต้องทำให้ได้ดังคำที่ได้เอ่ยสัตย์สาบานไว้

“อานีสต์?...”

เจ้าชายฮารีฟร์เอ่ยเรียกองครักษ์ด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก นัยน์ตาคมกริบเผยแววเจ็บปวดอ่อนล้าจากปัญหาที่พี่น้องสายเลือดเดียวกันต้องมาเข่นฆ่ากันเอง

“พะยะค่ะพระองค์”

อานีสต์รับคำเบาๆ พร้อมรอรับคำสั่งที่เจ้าเหนือหัวจะเอ่ยสั่งออกมา สีหน้าหล่อเหลาคมเข้มเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวลเมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าเหนือหัว

“เราตัดสินใจแล้ว ถ้าหากซารีฟร์กลับมาจากอเมริกา เราจะเดินทางไปที่ชายแดนประเทศ เรากับซารีฟร์จะไปพบชารีฟร์ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราต้องคุยกับชารีฟร์ให้ได้”

“กระหม่อมไม่เห็นด้วยกับความคิดของพระองค์ ถ้าหากพระองค์ทั้งสองเดินทางไปยังถิ่นของเจ้าชายชารีฟร์ก็เท่ากับว่ากำลังเดินสู่ความตายชัดๆ”

สีหน้าของอานีสต์ซีดเผือดสายตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นกับความคิดของเจ้าเหนือหัว องครักษ์ทุกนายที่ทำหน้าที่อารักขาให้กับเจ้าชายฮารีฟร์และเจ้าชายซารีฟร์ต่างก็รู้ดีว่าการเดินทางไปที่ ‘เผ่าคาลีส์’ ไปยังถิ่นที่พำนักของเจ้าชายชารีฟร์เท่ากับว่าเป็นการย่างเท้าเข้าสู่มาตุภูมิของมัจจุราชร้ายที่โหดเหี้ยมที่สุด เจ้าชายชารีฟร์ต้องการชีวิตของเชษฐาทั้งสองยิ่งนัก กาลใดที่ไม่มีเชษฐาทั้งสองพระองค์แล้วเจ้าชายชารีฟร์ก็สามารถขึ้นครองราชบัลลังก์อัลนูรีนได้อย่างง่ายดาย

“เจ้าอย่าคิดห้ามเราเลยอานีสต์ เราคุยเรื่องนี้กับซารีฟร์ไว้แล้ว ต่อให้ถูกฆ่าตายเรากับซารีฟร์ก็จะไปที่เผ่าคาลีส์ไปพบชารีฟร์และงานนี้เจ้ากับองครักษ์ทุกนายห้ามตามเราไปเด็ดขาด”

เจ้าชายฮารีฟร์ถอนหายใจยาวด้วยความหนักใจพลางเอ่ยตอบองครักษ์ด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าและเมื่อลิฟท์วิ่งมาถึงเป้าหมายคือชั้นบทสุดของโรงแรม เจ้าชายหนุ่มก็ตัดบทสนทนาการเอ่ยท้วงขององครักษ์เอกผู้จงรักภักดีด้วยการเดินออกไปจากลิฟท์ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกกว้าง

อานีสต์มองตามเจ้าเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่ที่ก้าวออกไปจากลิฟท์ด้วยความหนักใจต่อให้เจ้าชายฮารีฟร์หรือเจ้าชายซารีฟร์เอ่ยห้ามยังไงเขาก็จะตามเจ้าชายทั้งสองไปให้จงได้



คณะกรรมการโรงแรมที่นั่งรอท่านประธานใหญ่ในห้องประชุมต่างก็จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงคนที่จะมาเป็นเจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลคนใหม่ ทุกคนยังเป็นกังวลกับอนาคตหน้าที่การงานของตนซึ่งยังไม่ทราบว่าท่านประธานคนใหม่จะมีการปรับตำแหน่งหน้าที่การงานของพวกตนอย่างไรบ้าง

และแล้ว...เสียงซุบซิบนินทาดังนกกระจอกแตกรังก็มีอันต้องเงียบกริบ คณะกรรมการทุกคนต่างก็ลุกขึ้นยืนเมื่อประตูห้องประชุมถูกเปิดออกกว้างเผยให้เห็นท่านประธานคนใหม่ที่หล่อเหลาคมเข้มในชุดสูทสากลสีน้ำเงินเข้ม ดวงตาคมกริบดุจพญาอินทรีที่กวาดสายตาจ้องมองทำให้คณะกรรมการในห้องทุกคนต่างก็ขนลุกชันด้วยความหวาดกลัว

เจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ กวาดสายตาสำรวจคณะกรรมการแต่ละคนก่อนจะเอ่ยอนุญาตให้ทุกคนนั่งได้

“เชิญทุกคนนั่งลง การประชุมจะได้เริ่มขึ้นสักที”

ดวงตาสีดำคมกริบว่าน่ากลัวแล้วน้ำเสียงที่เอ่ยสั่งติดห้วนทุ้มลึกยิ่งทำให้คณะกรรมการทุกคนหวาดกลัวมากกว่าเดิม ต่างก็รีบนั่งลงทำตามคำสั่งของท่านประธานคนใหม่อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอให้สั่งเป็นรอบที่สอง และเมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ธนภูมิกรรมการอาวุโสจึงได้ทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำให้กรรมการทุกคนได้รู้จักกับท่านประธานคนใหม่ หลังจากนั้นการประชุมประจำเดือนจึงได้เริ่มขึ้นโดยไม่ต้องรอท่านประธานคนเก่านั่นก็คือนีราพรรณ



นีราพรรณจอดรถเก๋งใต้อาคารจอดรถภายในโรงแรมจากนั้นก็รีบเดินเป็นวิ่งไปขึ้นลิฟท์ กระเป๋าเอกสารสีดำใบใหญ่ถูกกอดไว้ในอ้อมแขน มือบางอีกข้างยกขึ้นมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ใบหน้างามซีดเป็นกังวลเมื่อเห็นว่าเลยเวลาประชุมมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว วันนี้เป็นวันซวยของเธอจริงๆ นอกจากจะทะเลาะกับมารดาแล้วยังเจออุบัติเหตุแต่เช้า พอขับรถออกมาจากบริเวณเกิดเหตุได้นิดเดียวก็ต้องเจอกับปัญหารถติดอีกยาวเหยียด กว่าจะขับรถมาถึงโรงแรมได้เล่นเอาเธอเหนื่อยแทบพับ

เมื่อลิฟท์วิ่งมาถึงชั้นบนสุดหญิงสาวก็รีบก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปยังห้องทำงานของตนเอง กระเป๋าสะพายใบเล็ก กระเป๋าเอกสารพร้อมกุญแจรถถูกโยนไปบนโต๊ะทำงานจากนั้นก็รีบเข้าไปในห้องน้ำสำรวจความเรียบร้อยของผมเผ้าหน้าตาเสร็จแล้วก็คว้ากระเป๋าเอกสารเดินตรงดิ่งไปยังห้องประชุมซึ่งอยู่ถัดจากห้องทำงานของตนเองไม่กี่เมตร

หญิงสาวยกมือเคาะประตูห้องประชุมเบาๆ เพื่อให้คณะกรรมการได้รับรู้การมาถึงของเธอจากนั้นก็เปิดประตูออกกว้างก้าวเข้าไปในห้องพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานขอลุแก่โทษสำหรับการมาประชุมสาย ใบหน้างามเนียนลออที่แย้มยิ้มหวานก่อนหน้านี้มีอันต้องซีดเผือดไร้สีเลือดเมื่อสายตาทุกคู่ได้จับจ้องมองที่เธอจากนั้นก็หันไปมองคนตัวใหญ่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะแล้วพากันก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา

“นี่อะไรกันคะ...ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มานั่งที่เก้าอี้ของน้ำเหนือ”

นีราพรรณเอ่ยถามคณะกรรมการทุกคนด้วยน้ำเสียงสั่นเทา เธอจำบุรุษชาติชาวอาหรับที่นั่งอยู่หัวโต๊ะได้แม่นยำว่าเขาคือเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ คู่กรณีที่เธอเพิ่งขับรถชนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่เธอไม่เข้าใจว่าชาวอาหรับสองคนนี้ทั้งคนที่เป็นเจ้าชายและองครักษ์มาทำอะไรที่ห้องประชุมและนั่งลงบนเก้าอี้ที่เคยเป็นตำแหน่งของเธอมาก่อน

‘ปยุต’ หนึ่งในคณะกรรมการโรงแรมที่อาวุโสน้อยที่สุดและแอบชอบนีราพรรณมานานแล้วได้ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ก้าวเท้าไปหานีราพรรณพร้อมกับจับต้นแขนขาวเนียนไว้แน่นขณะที่เอ่ยบอกข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของหญิงสาว

“คุณแม่ของน้ำเหนือขายหุ้นเดอะธาราแกรนด์โฮเทลที่มีทั้งหมดให้กับเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ ตอนนี้เจ้าชายเป็นท่านประธานคนใหม่และเป็นเจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลไปแล้ว”

“อะ...อะไรนะคะ”

นีราพรรณร้องถามเสียงหลงจ้องมองไปที่บุรุษชาติชาวอาหรับผู้หล่อเหลาด้วยสายตาไม่เชื่อสักเท่าไหร่ แล้วก็ต้องหลุบตาลงเมื่อพานพบกับกระแสแห่งความไม่พอใจที่กำลังจ้องมองเขม็งมาที่เธอเช่นเดียว

“ที่...คุณปยุตพูดเมื่อสักครู่เป็นเรื่องจริงหรือคะ”

นีราพรรณเอ่ยถามเสียงเบาหวิว ไม่อยากเชื่อว่ามารดาจะทำดังคำบอกเล่าของปยุต

“ออกไปคุยกันข้างนอกก่อนน่ะน้ำเหนือ”

ปยุตไม่ได้รอให้นีราพรรณปฏิเสธหรือเอ่ยตอบรับ เขากระชับต้นแขนขาวผ่องไว้แน่นแล้วดึงเรือนร่างบางระหงของหญิงสาวที่ตนแอบนิยมชมชอบให้เดินออกจากห้องประชุมด้วยกัน

เจ้าชายฮารีฟร์กัดฟันกรอดนัยน์ตาคมกริบจ้องมองตามมือสีแทนของชายหนุ่มที่กำต้นแขนเนียนขาวของนีราพรรณไว้ด้วยความไม่พอใจ ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาจับแตะต้องหญิงสาวที่เขาต้องตาต้องใจ เรือนร่างใหญ่โตในชุดสูทผุดลุกขึ้นแล้วผลักเก้าอี้ออกอย่างรวดเร็วจนเก้าอี้ตัวใหญ่แบบมีล้อเลื่อนไถลไปปะทะกับผนังห้องดังโครม!...

คณะกรรมการทุกคนต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็นเจ้าชายฮารีฟร์ตีสีหน้าถมึงทึงกัดฟันกรอดขณะที่เดินกระแทกเท้าออกไปจากห้องประชุม

อานีสต์นั่งนิ่งเฉยขณะมองตามเจ้าเหนือหัวที่กำลังตีหน้าบึ้งกระแทกเท้าปึงปังออกไป เขารู้ว่าเจ้าชายกำลังไม่พอใจเอาอย่างมากที่ไอ้หนุ่มหน้าจืดคนตะกี้บังอาจเอื้อมมือไปจับแตะต้องหญิงงามที่เจ้าชายได้พึงพอใจตั้งแต่แรกเห็น

นีราพรรณสะบัดแขนให้หลุดพ้นจากการจับเกาะกุมของเพื่อนร่วมงานพลางเอ่ยถามเสียงสั่นเทาถึงเรื่องที่เธอไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น

“ปล่อยมือน้ำเหนือน่ะปยุต แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้น้ำเหนือฟังเดี๋ยวนี้”

ปยุตปล่อยมือจากต้นแขนเนียนนุ่มอย่างแสนเสียดาย เขาหันซ้ายหันขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ตรงบริเวณทางเดินจึงได้เอ่ยบอกเรื่องราวความเป็นมาตามที่ตนเองได้รับรู้ก่อนหน้านี้แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

“คือคุณนันทิตาขายหุ้นของโรงแรมที่มีอยู่ทั้งหมดให้กับเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ เจ้าชายแห่งประเทศอัลนูรีน หุ้นของคุณนันทิตาที่มีทั้ง 70 เปอร์เซ็นต์ทำให้เจ้าชายคนนี้เป็นเจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลไปโดยปริยาย”

“ไม่จริงใช่มั้ยปยุต คุณแม่ไม่ได้ขายหุ้นทั้งหมดให้เขาใช่มั้ย”

นีราพรรณหลุดเสียงร้องถามสั่นเครือด้วยไม่เชื่อว่ามารดาจะทำกับเธอกับน้องและกับพ่อได้ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอด้วยความเสียใจกับการกระทำของมารดา

“แม่ของเจ้าขายหุ้นเดอะธาราแกรนด์โฮเทลให้เราทั้งหมดแล้ว...น้ำเหนือ”

นีราพรรณหันควับไปตามน้ำเสียงห้าวทุ้มที่เอ่ยตอบอยู่ด้านหลัง แล้วก็ต้องผงะถอยหลังด้วยความตกใจเมื่อจมูกโด่งได้รูปสวยโฉบเข้ามาใกล้กับแก้มเนียนแดงปลั่งของเธอขณะที่เอ่ยย้ำคำตอบอีกครั้ง

“ตอนนี้เราเป็นเจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลโดยไม่ต้องสงสัย และเจ้าก็ไม่ได้อยู่ในฐานะของประธานโรงแรมอีกต่อไปแล้ว”

นีราพรรณถึงกับเซผงะถอยหลังเอนกายพิงกับผนังทางเดินราวกับว่าต้องการให้ผนังสีขาวเย็นเฉียบช่วยยึดร่างเธอไว้ไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้น

“น้ำเหนือ...”

ปยุตเอ่ยเรียกหญิงสาวที่ตนแอบชอบด้วยความเป็นห่วง เขาสืบเท้าเข้าไปใกล้ร่างบางระหงที่เอนกายพิงผนังสีขาวอย่างอ่อนแรง แขนสีแทนกำลังจะเอื้อมเข้าไปช่วยพยุงหญิงสาวก็มีอันต้องชะงักอยู่กลางอากาศเมื่อเจอเสียงตวาดห้ามทุ้มลึกจากเจ้าชายฮารีฟร์

“ห้ามแตะนีราพรรณอีก”

ปยุตรีบหดมือกลับพร้อมกับก้าวถอยห่างออกมาจากนีราพรรณหลายก้าวขณะได้ยินเสียงสั่งห้ามลอดผ่านไรฟัน นัยน์ตาคมกริบที่จ้องมองเขม็งออกคำสั่ง ‘ไล่’ ผ่านทางสายตาทำให้เขาต้องรีบเดินกลับไปที่ห้องประชุมอย่างรวดเร็ว

นีราพรรณมองตามปยุตที่เดินไปอย่างรวดเร็วก็ทำท่าจะผละหนีบ้างแต่ก้าวเดินไม่ทันพ้นบริเวณก็ถูกมือหนาใหญ่แข็งแกร่งปานเหล็กไหลกระชากต้นแขนขาวเนียนเข้าไปปะทะกับอกกว้างบึกบึน

“จะไปไหน”

เจ้าชายฮารีฟร์ตะคอกถามห้วนๆ ด้วยความโมโห ยิ่งเห็นดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลเข้มมองตามชายหนุ่มหน้าจืดยิ่งทำให้ โมโหหนักเข้าไปอีก ความรู้สึกเช่นนี้ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอาการหึงหวงหรือเปล่าแต่ที่แน่ๆ คือเจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่ทระนงอย่างเขาไม่เคยมีอาการแบบนี้กับหญิงสาวผู้ใดมาก่อน

“ปล่อยแขนฉันเดี๋ยวนี้น่ะ”

นีราพรรณพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากพันธการของมือใหญ่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กไหล แต่สะบัดทำไหร่ก็สะบัดไม่หลุดแถมต้นแขนอีกข้างของเธอถูกจับไว้มั่นแล้วดึงเข้าไปปะทะกับอกกว้างจนเธอรู้สึกเจ็บทั่วบริเวณที่ปะทะกับกำแพงมนุษย์

“เจ้าจะตามไอ้ผู้ชายหน้าจืดคนนั้นไปหรือ”

เจ้าชายฮารีฟร์กระซิบถามเสียงลอดไรฟันด้วยความขุ่นเคือง มือหนาที่จับต้นแขนทั้งสองไว้บีบลงไปอย่างหนักมือด้วยความลืมตัว

“ฉันจะกลับไปที่ห้องทำงานของฉัน”

นีราพรรณกำลังเสียใจกับการกระทำของมารดาจึงไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับใครหน้าไหนทั้งนั้น มือบางพยายามผลักเรือนกายกำยำใหญ่โตให้ถอยห่างออกไป ในขณะนี้เธอต้องการโทรศัพท์ติดต่อสอบถามมารดาว่าเรื่องที่เธอได้ยินมานั้นเป็นความจริงหรือว่าเป็นเพียงฝันร้าย...

เจ้าชายฮารีฟร์หัวเราะหยันในลำคอ ใบหน้าคมหล่อเหลาก้มลงมาใกล้จนจมูกโด่งได้รูปสวยสัมผัสแผ่วเบาตรงปลายจมูกโด่งของนีราพรรณ

“เจ้าพูดผิดแล้วน่ะน้ำเหนือ ห้องทำงานของเจ้าไม่มีแล้ว”

“ทำไม...”

นีราพรรณกระซิบถามแทบไม่พ้นลำคอ ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อคลอจนเจ้าตัวต้องกะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาให้เหือดแห้งไป

“เพราะห้องนั้นเป็นห้องทำงานของท่านประธานคนใหม่นั่นก็คือตัวเรา ส่วนเจ้า...ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะประธานของเดอะธาราแกรนด์โฮเทล เจ้าเป็นแค่พนักงานโรงแรมเหมือนคนอื่นๆ”

เจ้าชายฮารีฟร์ยิ้มเยาะตรงมุมปาก มือใหญ่ร้อนผ่าวกระชับต้นแขนเนียนแล้วดึงเข้ามากอดไว้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อนีราพรรณพยายามดิ้นรนเบี่ยงกายให้หลุดพ้นจากพันธการแข็งแกร่ง

ถ้อยคำที่ตอกย้ำถึงฐานะหน้าที่การงานทำให้นีราพรรณตกใจหน้าขาวซีดยิ่งกว่าตอนที่เธอขับรถชนรถเบ็นซ์คันงามของเจ้าชายผู้นี้เสียอีก มือไม้แข้งขาไร้เรี่ยวแรงไม่อาจพยุงกายไว้ได้จนเจ้าตัวเผลอเอนกายไปพิงอกกว้างแข็งแรงไว้

“คุณแม่ขายโรงแรมให้คุณจริงหรือคะ”

นีราพรรณเอ่ยถามออกมาได้อย่างยากเย็น ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงเธอกับน้องสาวอีก 2 คนจะทำเช่นไร และถ้าหากพ่อที่กำลังไม่สบายอยู่ได้รับรู้เรื่องนี้เข้าท่านคงทำใจยอมรับไม่ได้

เจ้าชายฮารีฟร์ลอบอมยิ้มด้วยความพึงพอใจเมื่อรับรู้ได้ถึงปทุมอวบอิ่มที่ปะทะกับอกกว้างของตนเองขณะที่นีราพรรณลืมตัวเอนกายมาพิงกายเขาไว้ นิ้วเรียวยาวเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นสบตากันจากนั้นก็เอ่ยตอบช้าๆ ชัดๆ ให้คำพูดของตนซึมซับไปทั่วกายใจของหญิงสาว

“เราคือเจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลคนใหม่”

‘และเป็นเจ้าของหัวใจของเจ้าด้วย’

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เชลยรักแห่งเม็ดทราย” เป็นนิยายลำดับที่ 1 ในชุดเพลิงสวาททาสทราย ซึ่งเคยตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์มายเลิฟ แต่ตอนนี้ได้หมดสัญญาแล้ว ผู้เขียนจึงได้นำมันกลับมาทำใหม่ในฉบับทำมือ

และฉบับทำมือนี้มีความ พิเศษ กว่าฉบับตีพิมพ์กับทางสำนักพิมพ์คือ ผู้เขียนจะเอาฉากเลิฟซีนร้อนแรงที่ทางสำนักพิมพ์ตัดทิ้งเพื่อให้สามารถผ่านการพิจารณาวางขายจากซีเอ็ด ชนิดที่เรียกได้ว่า “จัดหนักจัดเต็ม”

นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้ตอบแทนเหล่าแฟนคลับที่น่ารักทุกคนด้วยการ “แจกจี้ทองไอริสมูลค่าครึ่งสลึง 1 รางวัล“ กติกาง่ายๆ เพียงมี นิยายชุดเพลิงสวาททาสทราย ฉบับทำมือครบทั้ง 3 เล่ม ซึ่งได้แก่

1.เชลยรักแห่งเม็ดทราย (กำลังเปิดจอง)
2.พายุรักแห่งเม็ดทราย (เปิดจองประมาณเดือนตุลาคม)
3.ไฟรักแห่งเม็ดทราย (เปิดจองประมาณเดือนธันวาคม)

ให้สิทธิ์ทั้งคนที่มีรูปเล่มและ ebook นะคะ (อย่าลืมสั่งจองกันเยอะๆ นะคะ ^^)

หนังสือมีความหนา 356 หน้า ราคาปก 300 บาทขายเพียง 269 บาทเท่านั้น (ฟรีค่า+ปกพลาสติก)

สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามรายละเอียดที่ sornwarunya@gmail.com

เปิดจองตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 03/09/57 (พิมพ์ตามยอดจอง) หนังสือสามารถจัดส่งได้ประมาณปลายเดือนกันยายนนะคะ

เรื่องนี้จะลงไม่จบนะคะ ลงให้อ่านเป็นตัวอย่างเพื่อช่วยในการตัดสินใจสั่งจองเท่านั้นจ้า และลงครบ 50% เมื่อไหร่จะทยอยลบตอนต้นๆ ออกนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ไอริส



ไอริสโชกุนา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ส.ค. 2557, 22:34:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ส.ค. 2557, 22:34:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1185





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account