เชลยรักแห่งเม็ดทราย ชุดเพลิงสวาททาสทราย (ทำมือ เปิดจอง)

Tags: ทะเลทราย,ชีค,นิยายรัก,โรมานซ์

ตอน: ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

นีราพรรณไม่รู้ว่าตนเองถูกลากให้เข้ามานั่งในห้องประชุมตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้หัวสมองของเธอมึนงงคิดอยู่แค่เรื่องเดียวว่ามารดาทำกับเธอแบบนี้ได้อย่างไร เสียงแว่วๆ ของกรรมการอาวุโสที่กำลังเอ่ยรายงานผลประกอบการของโรงแรมให้เจ้าชายฮารีฟร์และอานีสต์องครักษ์ได้รับทราบทำให้เธอถึงกับน้ำตาตก สิ่งเหล่านี้คุณอาธนภูมิเคยรายงานตรงให้กับเธอ

แต่บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว...ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงแปรผันไปชั่วพริบตาราวกับสายลมพัดผ่าน คณะกรรมการทุกคนต้องรายงานทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเดอะธาราแกรนด์โฮเทลให้เจ้าชายฮารีฟร์ฟังแต่เพียงผู้เดียว หญิงสาวปรายตามองคนตัวใหญ่หล่อเข้มที่นั่งอยู่ข้างๆ ตนเองครู่หนึ่งจากนั้นก็หลุบสายตาลงมองแฟ้มเอกสารที่วางแหมะอยู่เบื้องหน้า ตอนนี้เธอไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเปิดอ่านเอกสารใดๆ ทั้งนั้น อยากให้การประชุมที่รู้สึกว่ายืดยื้อยาวนานที่สุดได้จบสิ้นลงสักทีเพื่อที่เธอจะได้ออกไปให้พ้นจากเจ้าของนัยน์ตาคมกริบที่กำลังหันมาจ้องมองพอดี

“ใจลอยไปถึงไหนน้ำเหนือ ทำไมไม่สนใจดูข้อมูลการประชุม”

เจ้าชายฮารีฟร์ก้มหน้าลงมาใกล้ใบหน้าเนียนแดงปลั่งพร้อมกับกะะซิบต่อว่าเบาๆ พอนีราพรรณเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเขาก็ยิ้มเยาะใส่เอ่ยถากถางต่อ

“หรือว่าเจ้าทำใจยอมรับตำแหน่งใหม่ยังไม่ได้”

นีราพรรณกะพริบตาไล่ความเจ็บปวดให้พ้นไปจากดวงตาคู่สวยจากนั้นก็จ้องมองคนที่เอ่ยถากถางตนเองด้วยสายตาว่างเปล่าไม่เอื้อนเอ่ยวาจาออกมาก่อนจะหลุบสายตาลงมองแฟ้มเอกสารเหมือนเดิม

หญิงสาวแสนสวยอย่างนีราพรรณไม่รู้เลยว่าอากัปกิริยาของเธอเป็นดังเชื้อไฟชั้นดีที่เติมเข้าไปในกองเพลิงลูกใหญ่ที่กำลังคุกรุ่นด้วยไฟโลกันต์

เจ้าชายฮารีฟร์ กัดฟันกรอดโมโหเดือดกับกริยาเฉยเมยของนีราพรรณ หญิงสาวไม่มีทีท่าว่าชื่นชอบหรือชื่นชมในตัวเขาเหมือนกับผู้หญิงทั่วๆ ไปที่ต้องการตะครุบต้องการเป็นนกน้อยในกรงทองทันทีที่รู้ว่าเขาคือเจ้าชายผู้ร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทองบ่อน้ำมันแร่ดิบตามธรรมชาตินับสิบนับร้อยบ่อที่มีอยู่เกือบทุกแผ่นผืนทั่วทั้งประเทศอัลนูรีน นีราพรรณมองผ่านเลยไปราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุไร้ตัวตน ยิ่งหญิงสาวแสดงกริยาเฉยเมยใส่เขามากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะเธอมากเท่านั้น...

ช่วงจังหวะที่มีการเปลี่ยนผู้รายงานสถานการณ์ภายในโรงแรมเป็นปยุต เจ้าชายฮารีฟร์ก็ได้สั่งให้ทุกคนพักการประชุมประมาณ 15 นาที เพื่อให้ทุกคนได้ผ่อนคลายออกไปหากาแฟดื่มคลายอาการตึงเครียด แต่จริงๆ แล้วเหตุผลสำคัญที่เจ้าชาย

ฮารีฟร์ต้องการให้พักการประชุมเป็นเพราะว่าเขาต้องการอยู่กับนีราพรรณตามลำพัง

นีราพรรณขยับกายลุกขึ้นไปหากาแฟกินเหมือนคนอื่นๆ แต่ร่างบางลุกขึ้นไม่ทันพ้นเก้าอี้ดีก็ถูกฉุดให้ทรุดตัวลงนั่งบนตักกว้างแข็งแกร่งของคนที่เธอต้องการหนีไปให้ไกลที่สุด

“เจ้าจะไปไหนไม่ได้ เมื่อสักครู่เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของเรา”

เจ้าชายฮารีฟร์กระซิบเสียงดุใกล้ๆ ใบหูเล็ก ริมฝีปากสีสดคลอเคลียอยู่แถวๆ แก้มเนียนแดงปลั่งจนเห็นเส้นเลือดที่อยู่ล่อตาล่อใจ ให้ตายเถอะ...ถ้าหากเหล่าองครักษ์รู้ว่าเขากำลังขโมยจูบหญิงสาวคนนี้อยู่คงได้พากันอ้าปากค้างด้วยความแปลกใจ เจ้าชายผู้เย่อหยิ่งแห่งทะเลทรายสีทองอย่างเขาไม่จำเป็นต้องแอบจุมพิตหญิงสาวที่ไม่เต็มใจ มีหญิงสาวนับร้อยนับพันที่ต้องการเป็นผู้เสนอจุมพิต แต่เขาไม่ต้องการหญิงสาวเหล่านั้น เขาต้องการหญิงสาวแสนงามผู้นี้ซึ่งกำลังดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการอันแข็งแกร่ง

นีราพรรณดิ้นขลุกขลักลงจากตักกว้างที่ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังนั่งอยู่บนถ่านไฟร้อนๆ มือบางยกขึ้นดันอกกว้างขืนกายไว้ไม่ให้เรือนกายของตนแนบชิดไปกับกระแสไฟร้อนรุ่นที่ทำให้เธอหวาดกลัวสั่นสะท้าน

“ปล่อยดิฉันได้แล้วค่ะ ดิฉันจะไปดื่มกาแฟ”

“เจ้าไปได้ก็ต่อเมื่อเจ้าตอบคำถามของเราแล้วเท่านั้น”

เจ้าชายฮารีฟร์กระชับเรือนร่างบางระหงที่รับรู้ว่าหอมกรุ่นละมุนละไมให้แนบชิดเรือนกายตนเองมากยิ่งขึ้น มือหนาดุนดันแผ่นหลังของนีราพรรณแล้วยึดไว้แน่นไม่ให้หญิงสาวขยับหนีได้ง่ายๆ อย่างที่ใจนึก

“เจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ รู้คำตอบดีอยู่แล้วจะเสียเวลามาถามให้มากความทำไม ดิฉันไม่ต้องการพูดถึงมันอีก”

เจ้าชายฮารีฟร์ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขำเมื่อนีราพรรณเรียกชื่อเขาเสียเต็มยศเต็มพยางค์อย่างประชดประชัน

“เจ้ายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรือเปล่าน้ำเหนือ”

“ยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะตอนนี้คุณคือเจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลไปแล้ว”

นีราพรรณตวาดสวนกลับเสียงค่อนข้างดัง เธอรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดผลักกำแพงมนุษย์ให้หลุดพ้นไปจากเรือนกายของตนและเมื่อทำได้สำเร็จก็รีบสาวเท้ายาวๆ เกือบเป็นวิ่งออกไปจากห้องประชุมทันที

ผิดอย่างมหันต์ เพราะทันทีที่หญิงสาวก้าวพ้นจากห้องประชุมเจ้าชายฮารีฟร์ก็ผุดลุกขึ้นเดินตามไปอย่างรวดเร็วและเมื่อเดินมาถึงบริเวณที่หญิงสาวกำลังยืนชงกาแฟอยู่เจ้าชายฮารีฟร์ก็สืบเท้าช้าๆ เข้าไปหา นัยน์ตาคมกริบทอดสายตาจ้องมองแน่นิ่งที่ร่างบางระหงราวกับราชสีห์เตรียมพร้อมตะครุบกวางสาวเนื้อหอมหวาน

“ขอกาแฟถ้วย กาแฟ 2 น้ำตาล 1”

เจ้าชายฮารีฟร์ออกคำสั่งเสียงห้วน จริงๆ แล้วเขาไม่จำเป็นต้องออกมาหากาแฟกินเอง เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ขององครักษ์สารพัดประโยชน์อย่างอานีสต์ที่ต้องคอยให้การรับใช้เขาอยู่แล้ว

นีราพรรณเงยหน้าขึ้นมองคนเอ่ยสั่งเสียงห้วนใกล้ๆ กับพวงแก้มของตนเอง ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลจ้องมองเจ้าชายผู้ทรงอำนาจด้วยความขัดเคืองไม่ยอมทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายง่ายๆ

“ทำไมไม่ทำตามที่เราสั่ง เจ้าไม่ได้อยู่ในฐานะของนายคนอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นลูกน้องของเราเพราะฉะนั้นเจ้านายสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตามนั้น”
เจ้าชายฮารีฟร์เปิดฉากสงครามฉากที่สองโดยไม่คิดลังเล ผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาล้วนแต่โอนอ่อนทำตามคำสั่งอย่างไม่รอช้า ไม่เคยมีใครกล้าขัดคำสั่งเขามาก่อน นีราพรรณเป็นหญิงสาวคนแรกที่มีท่าทีขัดขืนขัดคำสั่งของเจ้าแห่งทะเลทรายไปเสียทุกอย่าง

นีราพรรณกัดเม้มริมฝีปากแน่นกล้ำกลืนความจริงที่ทำให้เจ็บปวดร้าวรานลงสู่กายใจได้อย่างยากเย็น ความจริงที่ว่าเธอไม่ใช่เจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลและบัดนี้เธอมีเจ้านายคนใหม่คือเจ้าชายฮารีฟร์เป็นความจริงที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป มือบางที่สั่นระริกเอื้อมไปหยิบถ้วยกาแฟสีสวยมาวางตรงหน้าจากนั้นก็ตักกาแฟและน้ำตาลใส่ตามคำสั่งของเจ้านายคนใหม่

“ได้แล้วค่ะ ดิฉันชงตามที่เจ้านายสั่งทุกอย่าง”

กาแฟหอมกรุ่นควันลอยโขมงถูกนำมายื่นตรงหน้าพร้อมกับถ้อยคำประชดประชันของนีราพรรณ หญิงสาวกัดเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรงขณะจ้องมองเจ้าชายผู้ทระนงที่กระชากถ้วยกาแฟไปด้วยกริยากระแทกกระทั้น

“ต่อไปเจ้าต้องแทนชื่อของตัวเองว่าน้ำเหนือเหมือนที่เจ้าพูดกับคนเหล่านั้น“

เจ้าชายฮารีฟร์ปรายตาหันไปจ้องมองเขม็งยังชายหนุ่มที่เขาจำได้ว่าชื่อปยุตซึ่งกำลังทอดสายตามองมาที่นีราพรรณเช่นเดียวกัน นัยน์ตาคมกริบแข็งกร้าวจ้องคนใต้อาณัติบ่งบอกกลายๆ ให้รู้ว่านับต่อแต่นี้มันผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาใกล้หญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเจ้าแห่งทะเลทราย

นีราพรรณกัดเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด ลำคอตีบตันด้วยความเจ็บปวด หยาดน้ำตาอุ่นใสเอ่อคลอเบ้าทั้งๆ ที่พยายามกล้ำกลืนให้ไหลย้อนกลับไป แค่ไม่กี่นาทีที่เดอะธาราแกรนด์โฮเทลได้ตกไปอยู่ในอุ้มมือของเจ้าแห่งทะเลทรายผู้ยิ่งใหญ่ จิตใจอันบอบบางของเธอถูกเจ้าชายฮารีฟร์ย่ำแย่จนเกินคณานับ

“น้ำเหนือจะทำตามคำสั่งของเจ้าชายทุกอย่าง พอใจหรือยังคะ”

นีราพรรณเชิดหน้าขึ้นจ้องมองเจ้าชายฮารีฟร์โดยไม่คิดหลบสายตา น้ำเสียงที่ตอบกลับเต็มไปด้วยขมขื่นกับชะตาชีวิตที่พลิกผันไปแค่ชั่วพริบตา

“เดี๋ยว!...”

เจ้าชายฮารีฟร์กระชากร่างบางที่กำลังเดินหนีให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันจากนั้นก็ออกคำสั่งที่เป็นดังคำประหัตประหารจิตใจของนีราพรรณอีกครา

“ต่อไปนี้เจ้าต้องทำหน้าที่เป็นเลขฯ ให้กับเราด้วย”

“ค่ะ...รับทราบค่ะ”

ซุ่มเสียงตอบรับแบบไร้อารมณ์ไร้ชีวิตชีวาพร้อมกับการเดินจากไปของนีราพรรณทำให้อารมณ์โกรธขึงของเจ้าชาย

ฮารีฟร์เดือดพล่านได้อีกหน เจ้าชายหนุ่มรีบก้าวตามหญิงสาวที่กำลังเดินตัวตรงแด่วมือหนาร้อนผ่าวกระชากเรือนร่างบางระหงให้หันมาปะทะอกกว้างพร้อมกับเอ่ยต่อว่าเสียงลอดไรฟัน

“เรายังไม่อนุญาต...เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

นีราพรรณเบี่ยงกายออกจากมือใหญ่ร้อนรุ่มที่กำต้นแขนเนียนขาวผ่องของเธอไว้จากนั้นก็เอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาอย่างอ่อนล้า

“น้ำเหนือแค่ต้องการเข้าไปนั่งพักสักครู่ หลังจากนี้ไปน้ำเหนือจะทำหน้าที่เลขาฯ ตามที่เจ้าชายฮารีฟร์ต้องการ

ให้สมบูรณ์ไม่มีขาดตกบกพร่อง”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเสียงหรือดวงตากลมโตคู่สวยที่เผยแววความเจ็บปวดอ่อนล้าให้เห็นกันแน่ที่ทำให้เจ้าชายฮารีฟร์ยอมปล่อยมือจากต้นแขนเนียนของนีราพรรณ จากนั้นก็เดินตามหญิงสาวเข้าไปในห้องประชุมโดยไม่มีการพูดจาถากถางให้หญิงสาวได้เจ็บช้ำอีก

อานีสต์มองตามเจ้าเหนือหัวของตนกับหญิงสาวชาวสยามที่แสนงดงามจากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหนักอกหนักใจ เจ้าชายฮารีฟร์ เจ้าชายแห่งแผ่นผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ได้ต้องตาต้องใจนีราพรรณตั้งแต่แรกพบก็ว่าได้

แต่เพราะความเคยชินที่เป็นเจ้าเหนือหัวของคนทั่วทั้งอัลนูรีนทำให้เจ้าชายฮารีฟร์เย่อหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของตน ถ้อยคำ กริยาและการแสดงออกต่อหญิงสาวจึงเป็นไปในลักษณะที่ค่อนข้างแข็งกระด้างเอาแต่ใจตน

หลังจากพักดื่มกาแฟกันถ้วนหน้าแล้วคณะกรรมการทุกคนต่างก็รีบเร่งเข้าห้องประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน การประชุมในครึ่งหลังเริ่มด้วยปยุตซึ่งทำหน้าที่รายงานสถานการณ์ต่างๆ ภายในโรงแรม การประชุมเป็นไปอย่างสบายๆ ไม่ตึงเครียดเหมือนในครึ่งแรก คณะกรรมการทุกคนก็ดูผ่อนคลายไม่นั่งตัวเกร็งนิ่งเงียบเหมือนชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ละคนเริ่มยิ้มแย้มแจ่มใสออกมาได้เมื่อได้รับคำยืนยันจากเจ้าชายฮารีฟร์ว่าทุกคนยังดำรงตำแหน่งหน้าที่การงานตำแหน่งเดิมโดยไม่มีการปรับ

เปลี่ยนยกเว้นนีราพรรณเพียงผู้เดียวที่ต้องเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นเลขาฯ ให้กับเจ้าชายฮารีฟร์

นีราพรรณนั่งก้มหน้านิ่งไม่รับรู้ถึงเนื้อหาที่มีการประชุมในวันนี้ เธอต้องการให้กาลเวลาที่แสนทรมานสิ้นสุดลงสักทีและเมื่อเจ้าชายฮารีฟร์ได้กล่าวปิดการประชุมเธอก็รีบคว้าแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าจากนั้นก็เดินเป็นวิ่งออกมาจากห้องประชุมอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เจ้าชายฮารีฟร์หรือคนอื่นจะทันได้ทักท้วง

เมื่อวิ่งกลับมาถึงห้องทำงานของตนเองหรือเรียกว่าอดีตห้องงานก็ได้ หญิงสาวโยนแฟ้มเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานจากนั้นก็คว้ากระเป๋าสะพายและกุญแจรถยนต์แล้ววิ่งออกจากห้องทำงานตรงไปยังลิฟท์ที่อยู่ใกล้ๆ กัน มือบางกดเรียกลิฟท์ด้วยความใจร้อน ในเวลานี้เธอต้องการพบกับมารดาต้องการทราบความจริงทั้งหมดจากปากของมารดาเอง

รถเก๋งบีเอ็มดับบลิวที่มีรอยบุบด้านหน้าอันเกิดจากอุบัติเหตุเมื่อช่วงเช้าได้ทะยานออกจากลานจอดรถอย่างรวดเร็ว เป้าหมายข้างหน้าที่นีราพรรณกำลังเดินทางไปคือคอนโดหรูราคาแพงหูฉี่ย่านทองหล่อแหล่งธุรกิจของคนมีเงิน หญิงสาวได้สืบทราบมานานแล้วว่ามารดาได้แอบไปซื้อห้องชุดไว้ที่คอนโดดังกล่าวและแน่ใจว่าวันนี้มารดาของเธอไม่ได้ออกไปช้อปปิ้งที่ไหนนอกจากการอยู่กับผู้ชายคนใหม่ของท่าน เรื่องที่มารดาคบกับนายแบบโนเนมเจ้าสำอางมีเพียงเธอเท่านั้นที่รับรู้ ซึ่งเรื่องนี้เธอไม่เคยบอกให้พ่อหรือน้องสาวทั้งสองคนได้รับรู้ความอัปยศที่เกิดขึ้นภายในบ้าน

นีราพรรณจอดรถบริเวณลาดจอดด้านหน้าคอนโดจากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปเกาะกลุ่มกับคนที่อาศัยอยู่ในคอนโดซึ่งกำลังเดินไปยังบริเวณขึ้นลิฟท์ โชคดีที่รปภ. กำลังยืนหันหลังให้ทางขึ้นลิฟท์ทำให้หญิงสาวแอบขึ้นลิฟท์กับคนในคอนโดโดยไม่ถูก

รปภ.จับโยนออกไป

“รบกวนกดชั้น 14 ให้ด้วยค่ะ”

นีราพรรณยิ้มบางๆ เอ่ยบอกชายหนุ่มที่อยู่ใกล้แผงกดลิฟท์มากที่สุด หญิงสาวขยับถอยจนแผ่นหลังแตะสัมผัสกับผนังลิฟท์เย็นเฉียบ ดวงตาคู่สวยแดงก่ำจากการกล้ำกลืนบังคับเข็ญไม่ให้น้ำตาอุ่นเอ่อคลอเบ้าให้ใครได้เห็น ตัวเลขสีแดงที่วิ่งบอกถึงชั้นที่ลิฟท์กำลังวิ่งไปถึงช่างดูยาวนานสำหรับคนที่ใจร้อนรุ่มเช่นดังตัวเธอในขณะนี้และเมื่อลิฟท์วิ่งมาถึงชั้นที่ต้องการพร้อมกับเปิดออกกว้างหญิงสาวก็รีบก้าวออกจากลิฟท์อย่างรวดเร็ว

ห้องชุดเลขที่ 10/14 คือห้องที่มารดาได้มาจับจองซื้อเป็นเจ้าของ มือบางยกขึ้นเคาะประตูห้องรัวเร็วด้วยความใจร้อน เรื่องที่เกิดขึ้นที่เดอะธาราแกรนด์โฮเทลทำให้ไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว นีราพรรณเคาะประตูห้องรัวอีกครั้งเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากคนที่อยู่ภายในห้อง หญิงสาวรอเกือบ 10 นาทีประตูบานสีขาวจึงถูกกระชากเปิดออกกว้างตามแรงอารมณ์ของคนที่เป็นเจ้าของ

นีราพรรณถึงกับผงะถอยหลังหลับตาลงอย่างอดสูเมื่อเห็นสภาพของมารดาขณะที่กำลังยืนตีหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงช่องธรณีประตู เส้นผมยาวที่ถูกดัดเป็นลอนสวยเคยจัดทรงอย่างสวยงามบัดนี้ดูยุ่งเหยิงราวกับเพิ่งผ่านมือใครมาสักคน ชุดที่สวมใส่ออกมารับแขกก็คือผ้าขนหนูสีขาวสะอาดที่มารดานำมาพันกายไว้อย่างลวกๆ และเมื่อมองเข้าไปในห้องชุดสวยงามก็ได้เห็นชายคนรักของมารดาที่เดินออกมาจากห้องนอนโดยมีผ้าขนหนูผืนเล็กคลุมกายปิดบังความทุเรศอุจาดตาไว้แค่ผืนเดียว

นันทิตามารดาของนีราพรรณจ้องมองลูกสาวของตนเองด้วยอาการขัดเคืองเมื่อเปิดประตูห้องคอนโดออกกว้างแล้วเห็นว่าเป็นคนที่นางไม่ต้องการพบมากที่สุด

“แกตามมารังควานฉันถึงคอนโดมีเรื่องด่วนอะไรยัยน้ำเหนือ”

นีราพรรณมองมารดาด้วยสายตาเจ็บปวด การมาหาคนที่เป็นแม่กลับถูกมองว่าเป็นการมารังควานมารบกวนเวลาอันมีค่าของท่าน

“แม่คิดว่าการที่น้ำเหนือมาหาแม่เป็นการรบกวนเวลาของแม่หรือคะ”

“ใช่ แกก็เห็นนี่ว่าฉันไม่ว่าง”

“ไม่ว่างเพราะแมงดาที่คอยเกาะชายกระโปรงแม่อยู่ใช่ไหมคะ”

เผี้ยะ!!...

ฝ่ามือของผู้ที่เป็นแม่สะบัดตบลงไปบนแก้มนวลของลูกสาวสุดแรงตามอารมณ์โกรธอันเกิดจากฝีปากของลูกสาว

“ถ้าแกมาที่นี่เพื่อมาก้าวร้าวฉันกับคุณอติรุธ แกก็กลับไปได้แล้ว ฉันไม่ต้อนรับแก”

แทนที่จะรู้สึกเสียใจกับการทำร้ายลูกสาวที่เลี้ยงมาเองกับมือ นันทิตากลับชี้หน้าตวาดไล่ลูกสาวเสียงดังลั่น

ใบหน้างามลออที่ถูกมารดาตบจนหน้าหันเห็นรอยนิ้วทั้งห้าได้อย่างชัดเจนค่อยๆ หันกลับมามองมารดาด้วยสายตาแดงก่ำเจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งใด เพียงเพราะผู้ชายคนที่นั่งสูบบุหรี่สบายอารมณ์อยู่หน้าทีวีทำให้แม่ตบตีทำร้ายลูกได้ลงคอ

นีราพรรณกัดเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด มือบางกำเข้าหากันแน่นจากนั้นก็เอ่ยบอกความต้องการของตนเองด้วยน้ำเสียงราบเรียบเท่าที่สามารถทำได้

“น้ำเหนือต้องการคุยกับแม่เรื่องการขายโรงแรม”

นันทิตาหน้าถอดสีให้เห็นเล็กน้อยเมื่อได้รับรู้วัตถุประสงค์การมาพบของลูกสาว

“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแก”

“แต่น้ำเหนือมี!...”

นีราพรรณเอ่ยสวนกลับแทบทันทีหลังจากที่ได้ยินคำปฎิเสธของมารดา หญิงสาวจับบานประตูห้องไว้เมื่อมารดาทำท่าจะปิดหนีเพื่อหลบเลี่ยงตอบคำถามในเรื่องที่เธอต้องการรับรู้ในขณะนี้

“น้ำเหนือต้องการคุยกับแม่”

หญิงสาวดันประตูออกกว้างจากนั้นก็ผลุบเข้ามาในห้องของมารดาอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เจ้าของห้องจะห้ามไว้ได้ ดวงตาคู่สวยที่แดงก่ำกวาดสายตามองช้าๆ ไปยังผู้ชายของแม่ด้วยความรังเกียจแล้วเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“น้ำเหนือต้องการคุยกับแม่เป็นการส่วนตัวโดยไม่มีคนนอกและในชุดที่สุภาพมากกว่านี้”

“ยายน้ำเหนือ!” นันทิตาตวาดลั่นด้วยความไม่พอใจขณะที่มองตามสายตาของลูกสาว

“เดี๋ยวนี้ค่ะคุณแม่”

เมื่อเจอน้ำเสียงและกริยาที่เอาจริงของลูกสาวทำให้นันทิตาชักหวาดๆ ไม่กล้าปฏิเสธ นางสะบัดหน้าหนีจากนั้นก็

สาวเท้าเข้าไปหานายแบบหนุ่มพร้อมกับก้มลงไปบดจูบที่ริมฝีปากของชายคนรักโดยไม่แคร์สายตาของลูกสาว

นีราพรรณเบือนหน้าหนีด้วยความอดสูน้ำตาคลอเบ้าเมื่อได้เห็นภาพที่ไม่อาจรับได้ มารดาเธอเปลี่ยนไปมากตั้งแต่ได้พบกับทากดูดเลือดคนนี้

อติรุธลุกขึ้นจากโซฟาด้วยกริยากระปรี้กระเปร่าหญิงแก่หนังเหี่ยวเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วก็ถึงเวลาที่เขาจะขบ

เนื้อสาวเล่นให้ชื่นใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเงินที่มีให้ใช้อย่างไม่หยุดมือกอปรกับการมีลูกสาวที่แสนสวยถึง 3 คน เขาไม่มีทางทน

อยู่กับหญิงแก่มากตัณหาอย่างคุณนันทิตา ดวงตาหื่นกระหายเนื้อสาวจ้องมองนีราพรรณตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า นิ้วมือที่ไม่เคยทำงานหนักมาเลยชั่วชีวิตนอกจากการเกาะผู้หญิงกินเอื้อมไปจับเส้นผมยาวสีน้ำตาลอ่อนนุ่มมาจรดจมูกพร้อมกับสูดกลิ่นหอมแชมพูอ่อนเข้าปอดลึกๆ

เพราะมัวแต่เสียใจกับการกระทำของมารดาทำให้นีราพรรณลืมระวังตัวขณะที่อยู่กับทากดูดเลือดเพียงลำพังและเมื่อรับรู้ว่าเส้นผมของตนเองตกไปอยู่ในมือสกปรกหน้าตัวเมียหญิงสาวก็รีบหันควับพร้อมกับล้วงหยิบมัจจุราชสีดำมะเมื่อมออกมาจากกระเป๋าสะพาย

“ถอยออกไปเดี๋ยวนี้”

นีราพรรณตวาดลั่นเล็งปืนไปยังหัวสมองของผู้ชายที่เธอเกลียดที่สุดในชีวิต มือบางที่กำด้ามปืนไว้แน่นไม่มีสั่นเทาส่ายไปส่ายมาให้เห็น ดวงตาคู่สวยแข็งกร้าวพร้อมลั่นไกทุกเวลาถ้าหากชายคนนี้ขยับเข้ามาใกล้เธออีกก้าวเดียว

“โอ๊ะโอ๋!...ใจเย็นๆ น่าน้ำเหนือ จะยิงพ่อเลี้ยงของเธอได้ลงคอเชียวหรือ”

อติรุธยิ้มยั่วสายตาที่จ้องมองนีราพรรณเต็มไปด้วยความหื่นกระหายแต่ก็ไม่กล้าขยับกายเข้าไปใกล้ด้วยกลัวหญิงสาวจะลั่นไกออกมาจริงๆ

“ฉันไม่เคยมีพ่ออย่างแก ถอยออกไป! ถ้าแกขยับมาใกล้อีกแค่ก้าวเดียวฉันจะยิงสิ่งที่แกรักนักหนาให้แหลกเป็นจุน”

นีราพรรณขึ้นไกปืนอย่างใจเย็น ดวงตาแข็งกร้าวโกรธเคืองหน้าตัวเมียที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ปืนในมือถูกลดลงเล็งไป

ยังของสงวนที่อยู่เบื้องล่าง แต่ดวงตากลมโตสีน้ำตาลยังจับจ้องมองที่ใบหน้าของอติรุธเหมือนเดิม

เสียงขึ้นไกปืนพร้อมกับปลายกระบอกปืนที่เล็งมายังของสงวนกอปรกับท่าทางเอาจริงของนีราพรรณทำให้ผู้ชายที่ดี

แต่เกาะผู้หญิงกินอย่างอติรุธถึงกับหน้าซีดเผือดลดมือไปกุมของสงวนไว้จากนั้นก็รีบวิ่งกลับเข้าไปที่ห้องนอนอย่างรวดเร็ว

นีราพรรณถอนหายใจยาวทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หญิงสาวเก็บปืนคู่ใจไว้ในกระเป๋าตามเดิมแล้วซบหน้านิ่งกับฝ่ามือของตัวเอง หญิงสาวเรียนรู้ที่จะป้องกันตนเองจากอติรุธหลังจากเมื่อสามเดือนก่อนมารดาได้พานายแบบคนนี้มาที่บ้านพร้อมกับแนะนำให้เธอและพ่อได้รู้จักว่าเป็นเพื่อนร่วมหุ้นเปิดร้านอาหารด้วยกัน แต่หญิงสาวไม่เชื่อเช่นนั้น...ท่าทางสำออยอ่อนปวกเปียกหยิบจับอะไรไม่เป็นของอติรุธทำให้เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะมีมันสมองทำธุรกิจเหมือนคนอื่นและทุกครั้งที่พ่อกับแม่เธอเผลอ อติรุธจะเข้ามาแทะโลมเธอแทบตลอดเวลา ครั้งสองครั้งยังพอทนได้แต่เมื่อมีครั้งที่สามหญิงสาวก็ตัดสินใจไปซื้อปืนและหัดยิงจนแม่นไม่ถึงกับจับวางแต่ก็สามารถปลิดชีวิตของคนชั่วอย่างอติรุธได้

ไม่กี่นาทีต่อมาเจ้าของห้องชุดก็ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามลูกสาวด้วยชุดอยู่บ้านสบายๆ ตามความรู้สึกของนาง แต่คนที่เป็นลูกไม่ได้คิดเช่นนั้น

“มีเรื่องด่วนอะไรก็รีบๆ คุยแล้วก็รีบกลับไปฉันไม่มีเวลามานั่งฟังแกทั้งวัน”

สีหน้าและแววตาของนีราพรรณเต็มไปด้วยความเสียใจกับการเอ่ยปากไล่ตรงๆ ของมารดา หญิงสางมองชุดอยู่บ้านที่มารดาสวมใส่ออกมารับแขกแล้วทำให้รู้สึกอับอายทนมองไม่ได้ เสื้อแขนกุดสีขาวเนื้อบางเบาไม่ได้ช่วยปกปิดสัดส่วนของผู้สวมใส่เพราะสามารถมองเห็นเนื้อในของผู้สวมได้อย่างชัดเจน กางเกงสีเนื้อก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าเสื้อที่สวม กางเกงตัวสั้นไม่ได้ช่วยปิดบังเรือนกายของผู้สวมใส่เท่าใดนัก

“ว่าไงยายน้ำเหนือ จะพูดธุระหรือจะนั่งวิจารณ์ชุดที่ฉันใส่ด้วยสายตาคมๆ ของแก”

นันทิตาต่อว่าด้วยความโมโหกึ่งไม่พอใจ รู้ว่าบุตรสาวไม่ชอบใจชุดที่ตนสวมใส่แต่ก็ไม่คิดใส่ใจไม่คิดเข้าไปเปลี่ยนชุดใหม่ที่ดูรัดกุมกว่านี้

นีราพรรณสูดลมหายใจเข้ากายพยายามขจัดประเด็นอื่นที่ก่อกวนออกไปจากใจแล้วมุ่งตรงที่เรื่องของเดอะธารา

แกรนด์โฮเทล แต่เพียงอย่างเดียว

“แม่ขายโรงแรมให้เจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์จริงหรือเปล่าคะ”

หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเย็น ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลจ้องมองมารดาเขม็ง ในใจอยากได้ยินคำปฏิเสธจากปากของมารดา อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นในเดอะธาราแกรนด์โฮเทลเมื่อไม่มีกี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นแค่เพียงความฝันที่จะจางหายไปเมื่อเธอตื่นขึ้นมา แต่คำตอบที่หญิงสาวได้รับไม่เป็นเช่นนั้น...

นันทิตาเอนกายพิงพนักโซฟาอย่างสบายอารมณ์ไม่ได้ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่ลูกสาวเอ่ยถาม

“ฉันขายโรงแรมให้เจ้าชายคนนั้นจริง ขายได้ราคาด้วยน่ะยายน้ำเหนือ ต้องขอบใจพ่อหน้าโง่และก็แกที่อุตส่าห์อดหลับอดนอนบริหารโรงแรมให้เจริญรุ่งเรืองพลอยทำให้ฉันได้รับเงินจำนวนมหาศาลด้วย”

“ทำไมแม่ไม่บอกน้ำเหนือสักคำ” นีราพรรณครางถามเสียงแผ่วเบาคิดไม่ถึงว่ามารดาได้ทำเช่นนั้นจริงๆ

“ทำไมฉันต้องบอกแกด้วย โรงแรมนั้นมีชื่อฉันเป็นเจ้าของเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ฉันจะทำอะไรกับโรงแรมของฉันก็ได้”

“แต่เดอะธาราแกรนด์โฮเทลเป็นโรงแรมที่คุณพ่อภาคภูมิใจและสร้างขึ้นมากับมือ ทำไมแม่ถึงขายให้คนอื่น”

นีราพรรณร้องถามเสียงปนสะอื้น น้ำเสียงของมารดาที่เอ่ยถึงบิดาไม่มีวี่แววอาลัยอาวรณ์หรือคิดว่าพ่อของเธอเป็นคู่ชีวิตสักนิด

นันทิตายิ้มเยาะตรงมุมปากมองลูกสาวด้วยความสมเพช

“พ่อแกอยากโง่โอนหุ้นทั้งหมดของโรงแรมให้ฉันเอง ฉันไม่อยากทำงานไม่อยากหน้ามันเยิ้มไปบริหารงานที่โรงแรม

ฉันก็เลยขายไปแกจะทำไมฉัน”

“แม่ขายโรงแรมไปแล้ว น้ำเหนือจะหาเงินที่ไหนส่งให้น้องเรียนต่อ”

นีราพรรณกระซิบถามแผ่วเบาคิดถึงอนาคตของน้องสาวฝาแฝดที่กำลังริบหรี่เพราะการกระทำของมารดา ‘นาราภัทรและนาราพรรณ หรือน้ำหนาวกับน้ำค้าง’ ฝาแฝดเทียมอันเป็นน้องสาวที่รักของเธอกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโทอยู่ที่อเมริกาด้วยกันทั้งคู่ ค่าใช้จ่ายที่ต้องส่งไปให้น้องทั้งสองในแต่ละเดือนก็มากโขเอาการ ถึงแม้ว่าน้ำหนาวกับน้ำค้างจะช่วยแบ่งเบาภาระด้วยการหางานทำในร้านอาหารของคนไทยในรัฐที่อาศัยอยู่ แต่เธอก็ต้องส่งเงินให้น้องๆ ทุกเดือน เมื่อก่อนเธอเป็นประธานโรงแรมมีเงินเดือนค่อนข้างมากสามารถส่งน้องทั้งสองได้อย่างสบายๆ ไม่เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ถูกลดตำแหน่งมาเป็นแค่เลขาฯ ของเจ้าชายฮารีฟร์ ซึ่งแน่นอนว่าเงินเดือนต้องลดตามตำแหน่งอย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าจะอับจนหนทางอย่างไรหญิงสาวก็จะส่งเสียให้น้องสาวทั้งสองเรียนจบปริญญาโทให้ได้

นันทิตาได้ยินถ้อยคำตัดพ้อของลูกสาวก็หัวเราะหยันออกมาโดยไม่รู้สึกเดือดร้อนกับปัญหาที่กำลังรอนีราพรรณอยู่ในภายภาคหน้า

“แกจะหาเงินจากไหนมาส่งน้องฝาแฝดของแกเรียนต่อฉันไม่สน และฉันขอสั่งห้ามแกว่าอย่ามายุ่งกับเงินที่ฉันขายโรงแรม”

“น้ำเหนือไม่ได้อยากได้เงินของแม่ แต่น้ำเหนือไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงขายสมบัติที่พ่อรักและภาคภูมิใจไป ทำไมแม่ไม่สนใจน้ำเหนือหรือน้องๆ ว่าจะอยู่กันอย่างไร”

นีราพรรณเอ่ยถามเสียงปนสะอื้น รู้สึกมานานแล้วว่าแม่ไม่เคยสนใจเธอกับน้องๆ แม่ไม่เคยโอบกอดพวกเธอไว้ด้วยความรักหรือเอ่ยชื่นชมพวกเธอเหมือนแม่คนอื่นๆ จะมีก็แต่พ่อเท่านั้นที่คอยให้กำลังใจให้ความรักกับสามสาวสามพี่น้องเสมอมา

นันทิตาจ้องมองลูกสาวเขม็งพลางเอ่ยตอบออกมาอย่างไร้ความรู้สึก

“ฉันไม่สนใจว่าพวกแกจะอยู่กันอย่างไร ตอนนี้ฉันกำลังมีความสุขกับชีวิตของฉันที่มีคุณอติรุธคอยอยู่เคียงข้าง แกกับยายฝาแฝดอย่าได้ยุ่ง”

“แม่พูดเหมือนกับว่าแม่ไม่ได้รักพ่อ ไม่ได้รักพวกหนู”

นีราพรรณครางเสียงปนสะอื้น น้ำตาอุ่นใสร่วงเผาะลงมาตามพวงแก้มเนียนแดงปลั่ง จากนั้นก็ต้องผงะหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำตอบของมารดา

“ฉันไม่เคยรักพ่อแก สมัยสาวๆ ฉันรักอยู่กับผู้ชายอีกคนแต่เขาจนไม่ได้ร่ำรวยเหมือนพ่อของแก เพื่อไม่ให้ท้องร้องปากหิวฉันต้องเลือกเงินแทนความรัก ฉันไม่เคยอยากมีลูกที่ร้องไห้กระจองอแงยามค่ำคืน หลังจากมีแกแล้วฉันตั้งใจจะทำหมันแต่ก็ผิดพลาดมียายฝาแฝดทั้งสองก่อน ฉันจะเอาเด็กออกแต่พ่อของแกขอร้องไว้โดยแลกเด็กในท้องกับหุ้นทั้งหมดของเดอะธารา

แกรนด์โฮเทล”

นีราพรรณลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้าตามเรี่ยวแรงที่ลดน้อยถอยลงจากสิ่งที่ได้ยินมารดาเอ่ยบอกมา หญิงสาวจ้องมองมารดาด้วยสายตาเจ็บปวดแดงก่ำน้ำตาเอ่อคลอเบ้าก่อนจะไหลลงไปเป็นทางยาวโดยปราศจากเสียงสะอื้นร้องไห้

“น้ำเหนือเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้นี่เองว่าเพราะเหตุใดแม่ถึงไม่สนใจพ่อ ไม่สนใจน้ำเหนือและน้องๆ ขอให้แม่มีความสุขกับผู้ชายที่เป็นเหมือนตัวทากคอยดูดเลือดแม่ วันใดที่แม่ไม่มีเงินให้เขา เขาจะทอดทิ้งแม่ไปทันที ถึงตอนนั้นน้ำเหนือและน้องๆ ก็พร้อมที่จะรอรับแม่เหมือนเดิม”

นีราพรรณคว้ากระเป๋าสะพายกอดไว้แน่นจากนั้นก็ก้าวเดินช้าๆ ไปที่ประตูห้อง แต่ไม่ทันเดินพ้นจากห้องชุดสุดหรูหญิงสาวก็แทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินคำพูดต่อท้ายของมารดา

“แกอย่าจองหองมาสั่งสอนฉัน ฉันรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร ฉันบอกให้เอาบุญน่ะยายน้ำเหนือ ฉันไม่ได้ขายแค่

เดอะธาราแกรนด์โฮเทลเท่านั้น แต่ฉันขายบ้านหลังงามที่คุ้มกะลาหัวแกให้กับเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ด้วย”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เชลยรักแห่งเม็ดทราย” เป็นนิยายลำดับที่ 1 ในชุดเพลิงสวาททาสทราย ซึ่งเคยตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์มายเลิฟ แต่ตอนนี้ได้หมดสัญญาแล้ว ผู้เขียนจึงได้นำมันกลับมาทำใหม่ในฉบับทำมือ

และฉบับทำมือนี้มีความ พิเศษ กว่าฉบับตีพิมพ์กับทางสำนักพิมพ์คือ ผู้เขียนจะเอาฉากเลิฟซีนร้อนแรงที่ทางสำนักพิมพ์ตัดทิ้งเพื่อให้สามารถผ่านการพิจารณาวางขายจากซีเอ็ด ชนิดที่เรียกได้ว่า “จัดหนักจัดเต็ม”

นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้ตอบแทนเหล่าแฟนคลับที่น่ารักทุกคนด้วยการ “แจกจี้ทองไอริสมูลค่าครึ่งสลึง 1 รางวัล“ กติกาง่ายๆ เพียงมี นิยายชุดเพลิงสวาททาสทราย ฉบับทำมือครบทั้ง 3 เล่ม ซึ่งได้แก่

1.เชลยรักแห่งเม็ดทราย (กำลังเปิดจอง)
2.พายุรักแห่งเม็ดทราย (เปิดจองประมาณเดือนตุลาคม)
3.ไฟรักแห่งเม็ดทราย (เปิดจองประมาณเดือนธันวาคม)

ให้สิทธิ์ทั้งคนที่มีรูปเล่มและ ebook นะคะ (อย่าลืมสั่งจองกันเยอะๆ นะคะ ^^)

หนังสือมีความหนา 356 หน้า ราคาปก 300 บาทขายเพียง 269 บาทเท่านั้น (ฟรีค่า+ปกพลาสติก)

สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามรายละเอียดที่ sornwarunya@gmail.com

เปิดจองตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 03/09/57 (พิมพ์ตามยอดจอง) หนังสือสามารถจัดส่งได้ประมาณปลายเดือนกันยายนนะคะ

เรื่องนี้จะลงไม่จบนะคะ ลงให้อ่านเป็นตัวอย่างเพื่อช่วยในการตัดสินใจสั่งจองเท่านั้นจ้า และลงครบ 50% เมื่อไหร่จะทยอยลบตอนต้นๆ ออกนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ไอริส



ไอริสโชกุนา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2557, 18:41:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ส.ค. 2557, 18:41:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 2000





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account