เหลี่ยมร้ายลายพยัคฆ์
เหลี่ยมร้ายลายพยัคฆ์
ประพันธ์โดย...กันต์ระพี
(ลิขสิทธิ์งานเขียนเรื่องนี้เป็นของสนพ. Touch publishing)
อลิส..นักโจรกรรมสาวพราวเสน่ห์หวังช่วงชิงไดมอนด์เฟอร์เซีย แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันนำเธอสู่ทะเลทราย ดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งรัก
เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วนเท่านั้น!!
หมายเหตุ...
งานเขียนเรื่องนี้เดิมทีชื่อพยัคฆ์สาวเจ้าหัวใจชีค
ปัจจุบันต้นฉบับได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่อง
ประพันธ์โดย...กันต์ระพี
(ลิขสิทธิ์งานเขียนเรื่องนี้เป็นของสนพ. Touch publishing)
อลิส..นักโจรกรรมสาวพราวเสน่ห์หวังช่วงชิงไดมอนด์เฟอร์เซีย แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันนำเธอสู่ทะเลทราย ดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งรัก
เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วนเท่านั้น!!
หมายเหตุ...
งานเขียนเรื่องนี้เดิมทีชื่อพยัคฆ์สาวเจ้าหัวใจชีค
ปัจจุบันต้นฉบับได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่อง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 2
มาร์คก้าวตามปลายฟ้าเข้าไปในตัวบ้าน เดินผ่านห้องรับแขกขนาดกะทัดรัดตรงไปยังห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง ครั้นเห็นมารดาของหญิงสาวกำลังสาละวนกับการทำอาหาร เขาก็เดินเข้าไปทักทายตามมารยาท
“สวัสดีครับ”
“อ้าว...ตามาร์ค กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้ครับ อาบน้ำเสร็จก็แวะมาที่นี่เลย” มาร์คส่งยิ้มเลยผ่านไปถึงคู่หมั้นสาวที่เดินแยกไปหยิบแจกกันมาใส่ดอกไม้ที่เขาซื้อมาฝาก ครั้นละสายตามาหยุดที่คู่สนทนาแล้วเห็นว่ากำลังมองเขาอยู่ มาร์คก็ยกมือลูบต้นคอแล้วเอ่ยออกมาแก้เก้อ
“คุณน้ากำลังทำอะไรเหรอครับ”
“น้าอะไรกัน เรียกแม่สิจ๊ะ อีกไม่กี่เดือนก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลแล้ว หัดเรียกไว้จะได้เคยปาก” ฟ้ามาศเอ็ดออกไปอย่างไม่จริงจังนัก พลางยิ้มให้ว่าที่ลูกเขย
“วันนี้แม่จะทำแกงเลียง...เคยทานไหม?”
“ไม่เคยครับ แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ผมเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ทานได้ ไม่เรื่องมากหรอกครับ ขอให้อิ่มท้องก็พอ มาครับ...ให้ผมช่วยดีกว่า” มาร์คขันอาสา พลางถลกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นแล้วเลื่อนครกมาตรงหน้า แต่ยังไม่ทันลงมือโขลกหอมแดงกับกระชายที่อยู่ในนั้น มารดาของคู่หมั้นสาวก็ติงขึ้น
“จะไหวเหรอตามาร์ค เห็นยัยฟ้าบอกว่าเราไม่เคยเข้าครัวเลยไม่ใช่เหรอ”
“ครับ เรื่องทำกับข้าวผมไม่ถนัด แต่เรื่องใช้แรงขอให้บอก คอยดูนะครับ แป๊บเดียวเท่านั้น...ทุกอย่างที่อยู่ในครกนี้จะละเอียดในพริบตา” มาร์คไม่ได้คุยโวอวดสรรพคุณอย่างเดียว หากแต่ออกแรงตำรัวถี่ๆ จนคนสูงวัยกว่าต้องเตือน
“โขลกเบาๆ สิตามาร์ค อย่าแรงนัก เดี๋ยวก็กระเด็นเข้าตาหรอก”
“โอ๊ยยย...แสบตาชะมัด”
“นั่นปะไร...พูดยังไม่ทันขาดคำก็ได้เรื่อง แม่บอกแล้วไงว่าให้ระวัง” ฟ้ามาศหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้ ครั้นเห็นว่าที่ลูกเขยนั่งน้ำหูน้ำตาไหลก็ร้องเรียกบุตรสาว
“ฟ้า...ฟ้าเอ๊ย มาพาพี่เขาไปล้างหน้าล้างตาหน่อยสิลูก หอมกระชายเข้าตา...คงแสบตาแย่แล้ว”
ปลายฟ้าได้ยินมารดาเรียกก็วางมือจากการจัดแจกันดอกไม้แล้ววิ่งมาดู ครั้นเห็นมาร์คนั่งขยี้ตาส่งเสียงโอดครวญก็นึกขำ ถึงกระนั้นก็มีแก่ใจเดินเข้าไปประคองเขา
“ลุกสิคะคุณพ่อครัวใหญ่...จะได้ไปล้างหน้ากัน”
มาร์คทำตามแต่โดยดี หลังจากปลายฟ้าพาเขาไปล้างหน้า หล่อนก็ทำท่าจะกลับมาช่วยงานมารดาในครัว ทว่ามาร์คกลับคว้าข้อมือไว้ พลางวางสร้อยเส้นงามที่เขาตั้งใจซื้อมาฝากหล่อนลงในอุ้งมือ
“ให้ฟ้าเนื่องในโอกาสอะไรคะ” ปลายฟ้าเอียงคอถามอย่างน่ารัก
ทว่ามาร์คกลับพูดไม่ออก เขาไม่ได้เตรียมตัวมาตอบคำถามจึงค่อนข้างอึดอัด ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นอกจากหยิบสร้อยเส้นนั้นมาสวมให้หล่อนแล้วบอกความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา
“จริงๆ แล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าซื้อให้คุณเนื่องในโอกาสอะไรเหมือนกัน รู้แต่ว่าพอเห็นสร้อยเส้นนี้แล้วก็นึกถึงคุณขึ้นมา ฟ้าชอบหรือเปล่าครับ”
“ค่ะ ชอบมาก” ปลายฟ้าบอกเสียงเบา พลางลูบคลำจี้เพชรรูปนก ครั้นช้อนตาขึ้นมองแล้วเห็นคนที่สวมสร้อยให้มองอยู่ก่อน หล่อนก็ยกมือกระพุ่มไหว้เขาอย่างน่ารัก
“ขอบคุณนะคะพี่มาร์ค”
“แค่นี้เองน่ะเหรอ”
มาร์คท้วงเชิงตัดพ้อ ดวงตาเขาสะท้อนความผิดหวัง จุมพิตแสนหวานน่าจะเหมาะกว่าคำขอบคุณที่ดูจะธรรมดาไปสักนิด ซึ่งเขาเห็นว่าการแสดงความรักต่อกันในฐานะคู่หมั้นไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะอีกไม่นานเขากับปลายฟ้าก็ต้องแต่งงานกัน
แม้ระยะเวลาแค่ครึ่งปีจะไม่นาน แต่คนใจร้อนอย่างมาร์คไม่อยากรอเสียด้วยซ้ำ เขาอยากจะคัดค้านคำทำนายทายทักเมื่อครั้งที่ไปหาฤกษ์แต่งงาน ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระไม่น่าเชื่อถือ แค่คำพูดของคนคนหนึ่งไม่สามารถจะบงการชีวิตใครได้ แต่ก็จำต้องนิ่งเสีย เพราะปลายฟ้ากับมารดาของหล่อนนั้นเชื่อสนิท และนั่นก็เป็นสาเหตุให้เขาต้องนั่งนับนิ้วรอวันวิวาห์มาจนทุกวันนี้
“ก็แค่นี้น่ะสิคะ พี่มาร์คจะเอาอะไรอีก หรือว่าอยากให้ฟ้าปลื้มที่ได้รับของขวัญหน้าห้องน้ำ” ปลายฟ้าแสร้งทำไขสือถามออกไป
มาร์คพูดไม่ออกทีเดียว หน้าเขาจ๋อยสนิท นึกตำหนิตัวเองขึ้นมาครามครัน เขาไม่น่ารีบร้อนมอบของกำนัลให้หญิงสาว แต่น่าจะคิดสักนิดว่าเวลานี้ยื่นอยู่ที่ใด สถานที่เช่นนี้โรแมนติกตรงไหนกัน
ปลายฟ้าเห็นคนรักมีสีหน้าสลดก็หัวเราะคิก ไม่ได้ตั้งใจตำหนิหรือคิดจริงจังอะไร เพราะถ้าจะว่าไปเขาก็ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้าย แต่ติดว่าจะเป็นเซอร์ไพรส์ที่แปลกดีเสียด้วยซ้ำ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิค่ะ ฟ้าก็แค่แหย่เล่นเท่านั้นเอง ขอบคุณนะคะพี่มาร์ค” ปลายฟ้าเขย่งปลายเท้าจูบแก้มสากๆ ในจังหวะจะผละออกห่าง มาร์คก็ตวัดแขนโอบรัดเอวบางแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ตาหล่อน
“ให้ตายสิ! คุณทำให้ผมเครียดมากเลยรู้ไหม ผมจะทำโทษคุณยังไงดีนะ”
ปลายฟ้ายิ้มเอียงอาย ไม่ได้ต่อต้านขัดขืน เมื่อใบหน้าคมโน้มต่ำลงมา ในจังหวะนั้นเองเสียงประกาศิตของมารดาหญิงสาวก็ดังขึ้นขัดตาทัพ
“ฟ้า...ตามาร์คล้างหน้าล้างตาเสร็จหรือยังลูก ถ้าเสร็จแล้วก็มาช่วยกันยกกับข้าวไปตั้งโต๊ะได้แล้ว เดี๋ยวจะได้ทานข้าวพร้อมๆ กัน”
“ค่ะ เรากำลังจะไปเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ” ปลายฟ้าขานรับแล้วหัวเราะคิก
แม้มาร์คจะนึกเสียดาย แต่เขาก็ยิ้มขำไปกับหล่อน จำยอมต้องคลายอ้อมแขนออกแต่โดยดี แล้วเดินตามปลายฟ้าไปช่วยมารดาของหล่อนจัดโต๊ะอาหาร...
รัตติกาลมาเยือน...ท้องฟ้าปลอดโปร่งบรรยากาศเงียบสงบ ร่างบางในชุดดำรัดกุมควบคุมเครื่องร่อนบินโฉบเฉี่ยวอยู่เหนือตึกสูงเสียดฟ้า ครั้นมาถึงโรงแรมเป้าหมายก็กวาดสายตามองหาห้องพักของชีคลาซิส พลางดันคันบังคับลดระดับความเร็วลงแล้วยิงลวดสลิงประสิทธิภาพสูง พุ่งเข้าเกี่ยวกวัดรัดราวระเบียงห้องพักของชีคหนุ่มอย่างแม่นยำ
หลังจากตรวจสอบลวดสลิงที่ยึดติดกับตัวเป็นที่เรียบร้อย อลิสก็ปล่อยมือจากเครื่องร่อน ทิ้งตัวไปเกาะผนังอาคารสูงก่อนจะไต่ขึ้นไปที่ห้องพักของชีคหนุ่ม ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มอย่างย่ามใจ เมื่อปีนข้ามราวระเบียงมายืนบนพื้นแล้วปลดล็อกประตูบานเลื่อนได้สำเร็จ
ท่ามกลางความมืด...แสงไฟจากกระบอกไฟฉายขนาดเล็กที่กระชับในมือสาดไปทั่วบริเวณ ครั้นหาทุกซอกทุกมุมแล้วไม่พบสิ่งที่ต้องการ เงาตะคุ่มที่ลักลอบเข้ามาก็เปลี่ยนทิศทางมุ่งสู่ห้องนอนใหญ่ โต๊ะข้างเตียงคือสิ่งที่หมายตา แต่จะถลาเข้าไปตรวจค้นทันทีก็ใช่ที่ เพราะบนเตียงกว้างมีร่างใหญ่โตของบุรุษนอนหลับอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
อลิสจำต้องเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า แต่ละย่างก้าวแผ่วเบาราวแมวย่อง ครั้นมาถึงโต๊ะที่หมายตาก็ไม่รอช้าที่จะเอื้อมมือไปดึงลิ้นชัก ในจังหวะนั้นเองโคมไฟหัวเตียงก็ส่องสว่างขึ้น พร้อมกับมือแข็งราวคีมเหล็กของคนที่หล่อนเห็นว่านอนหลับเป็นตายก็ตะปบลงบนข้อมือหล่อนแล้วออกแรงบิดกลายๆ
“โอ๊ยย...!”
แม้อลิสจะตกใจ แต่วินาทีที่ความเจ็บแปลบมาเยือน หล่อนก็กัดฟันทนแก้ไขสถานการณ์อย่างรู้หลักแล้วปล่อยหมัดสวนกลับไป ยังไงก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ แต่เจ้าของห้องกลับคว้าจับข้อมือของหล่อนไว้แล้วลุกขึ้นจากเตียงหมายจะต่อกร ในจังหวะนั้นเองผ้าห่มที่คลุมกายเขาก็เลือนหลุด เผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของบุรุษที่ไม่มีอาภรณ์ใดปกปิด
วินาทีนั้นอลิสยืนตัวแข็งทื่อทีเดียว ขวัญผวากึ่งประสาทรั่วจนหลงลืมการต่อสู้ไปชั่วขณะ นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างแทบจะกรีดร้องออกมา แม้จะเคยเห็นภาพผู้ชายโป๊เปลือยวับๆ แวมๆ ตามปกนิตยสารมาบ้าง แต่ประเภทที่มีเนื้อหนังมังสาลูบคลำได้และเห็นกันจะจะกับตาเช่นนี้...เคยเสียที่ไหน
“ตัวแค่นี้ก็ริจะเป็นขโมย...แบบนี้ต้องลากคอส่งตำรวจเสียให้เข็ด”
ทันทีที่อลิสได้ยินคำว่า ‘ตำรวจ’ ก็พลันได้สติ หล่อนไม่รอให้คนข่มขู่หันไปหยิบโทรศัพท์เสียด้วยซ้ำ หากแต่ออกแรงผลักเขาแล้ววิ่งไปที่ประตู
“คิดจะหนีเหรอ ไม่มีทาง!” ชีคลาซิสคำราม วิ่งตามไปกระชากตัวหัวขโมยแล้วเหวี่ยงกลับเข้ามาในห้อง ส่งผลให้ร่างหัวขโมยนั้นลอยละลิ่วส่งเสียงร้องไม่เป็นสรรพ ทั้งจุกทั้งเจ็บ เพราะกระแทกเข้ากับตู้เสื้อผ้าอย่างจัง แต่ชีคหนุ่มก็ยังไม่ปรานี หากแต่สาวเท้าตามติดมากระชากคอเสื้อหมายจะตะบันหน้าเป็นการสั่งสอน ทว่า...
“ผู้หญิงนี่!!” ชีคหนุ่มหน้าเหวอทีเดียว ทันทีที่สัมผัสได้ถึงความหยุ่นนุ่มใต้เนื้อผ้าก็รีบคลายพระหัตถ์ออกราวกับแตะต้องของร้อน
อลิสนั้นทั้งโกรธทั้งอาย แต่หล่อนไม่มีเวลาคิดหาคำด่าทอ เห็นสบโอกาสเหมาะก็ยกเท้าขึ้นเตะผ่าหมากอีกฝ่ายแล้ววิ่งตื๋อออกจากห้อง คว้าปืนฉมวกจากเอวมาลั่นไก ส่งแรงอัดปะทะประตูกระจกจนแตกละเอียดทั้งบาน วินาทีที่ฉมวกพุ่งเข้าเกี่ยวกวัดรัดราวระเบียง หล่อนก็กระชากตรวจสอบลวดสลิงแล้วเหวี่ยงตัวลงไปชั้นล่าง วิ่งฝ่าเสียงกรีดร้องของผู้มาใช้บริการห้องพักก่อนจะหายลับไปกับยามราตรี โดยทิ้งความโกลาหลไว้เบื้องหลัง
เสียงผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้นเรียกราชองครักษ์และทหารที่ยืนรักษาการณ์หน้าประตูให้วิ่งกรูกันเข้ามาในห้อง ครั้นเห็นเจ้านายของตนนอนตัวงอกุมของรักของหวงอยู่ที่พื้นก็พากันหน้าเจื่อน
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาทเป็นยังไงบ้างพระเจ้าค่ะ” อับดุลลาหัวหน้าราชองครักษ์รุดเข้าดูอาการเป็นคนแรก พลางคว้าเสื้อคลุมตัวยาวที่ปลายเตียงมาคลุมร่างเจ้านาย
“ถามได้...ก็จุกน่ะสิ” ชีคลาซิสมีรับสั่งอย่างหงุดหงิด พลางกระชับฉลองพระองค์แล้วฝืนเหยียดวรกายเต็มความสูง สายพระเนตรสะท้อนความขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด
“พวกเจ้าทำงานกันยังไง ทำไมถึงปล่อยให้หัวขโมยนั่นปีนระเบียงเข้ามาหาเราได้ นี่ถ้าหัวขโมยนั่นคิดจะเอาชีวิตเรา ป่านนี้เราไม่เป็นศพไปแล้วหรือ”
“ขอเดชะพระอาญาไม่พ้นเกล้า กระหม่อมผิดเองที่จัดเวรยามหละหลวม หากฝ่าบาทจะทรงตำหนิหรือลงทัณฑ์ กระหม่อมก็ขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียวพระเจ้าค่ะ”
“ช่างเถอะ คราวหน้าคราวหลังก็อย่าให้เกิดเรื่องทำนองนี้อีก บอกทางโรงแรมให้ปิดข่าวเรื่องนี้ด้วย จะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ไม่ว่า เราไม่อยากให้ข่าวนี้หลุดออกไป เดี๋ยวจะกระเทือนกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
“พระเจ้าค่ะ”
คล้อยหลังอับดุลลา ชีคลาซิสทรงถอนพระปัสสาสะอย่างหงุดหงิด ด้วยความหยุ่นนุ่มที่ทรงสัมผัสยังติดอยู่ที่พระหัตถ์ หากหัวขโมยนั่นเป็นชาย พระองค์คงทำอะไรได้ถนัดกว่านี้ และคงไม่เสียทีให้กับความเป็นสตรีในตัวหล่อน แต่คงลากตัวส่งตำรวจไปแล้ว
ชีคลาซิสไม่ได้เฉลียวใจว่าหัวขโมยสาวจะพุ่งเป้าไปที่สร้อยเพชรล้ำค่า แต่ทรงคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการลักเล็กขโมยน้อยซึ่งเกิดได้ทุกหนแห่ง บางที...หัวขโมยนั่นอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพระองค์เป็นผู้ใด ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้ามาลูบจมูกเสือ ด้วยการบุกเดี่ยวเข้ามาชิงทรัพย์ส่วนพระองค์
“กระเช้าดอกไม้พระเจ้าค่ะ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของทางโรงแรมบอกว่ามีคนนำมาถวายฝ่าบาท”
“ใครกัน?” พระขนงคมเข้มขมวดมุ่นทีเดียว นึกฉงน ถึงกระนั้นก็ยื่นพระหัตถ์ออกไปรับแล้วหยิบการ์ดที่แนบมากับกระเช้าดอกไม้มาทอดพระเนตร
เกมเพิ่งเริ่มเท่านั้น คราวหน้าไม่พลาดแน่ พริตตี้วันเดอร์...
ตัวอักษรแค่ไม่กี่ตัวนั้นเปรียบเสมือนระเบิดลูกโตที่สร้างความขุ่นเคืองให้กับชีคหนุ่ม ไม่จำเป็นต้องบอกก็ทรงทราบดีว่าเจ้าของกระเช้าดอกไม้นี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากหัวขโมยสาว
“บังอาจนัก!” ชีคลาซิสคำรามกร้าว พลางขยำการ์ดในพระหัตถ์ ทรงเกลียดการท้าทายพอๆ กับที่ไม่เคยทำร้ายผู้หญิง แต่คราวนี้คงยอมไม่ได้ ด้วยทรงเป็นถึงกษัตริย์เปรียบดั่งราชสีห์ ไฉนไหนเลยจะปล่อยให้สตรีที่ต่ำต้อยมาหยามหมิ่น ครั้นหันไปทางอับดุลลาหัวหน้าราชองครักษ์ที่นำกระเช้าดอกไม้มาถวายก็มีรับสั่งเสียงเข้ม
“ตามหาตัวคนที่นำดอกไม้มาให้ได้ สอบถามประชาสัมพันธ์ว่าเป็นผู้ใดแล้วนำตัวมาให้เรา”
“สวัสดีครับ”
“อ้าว...ตามาร์ค กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้ครับ อาบน้ำเสร็จก็แวะมาที่นี่เลย” มาร์คส่งยิ้มเลยผ่านไปถึงคู่หมั้นสาวที่เดินแยกไปหยิบแจกกันมาใส่ดอกไม้ที่เขาซื้อมาฝาก ครั้นละสายตามาหยุดที่คู่สนทนาแล้วเห็นว่ากำลังมองเขาอยู่ มาร์คก็ยกมือลูบต้นคอแล้วเอ่ยออกมาแก้เก้อ
“คุณน้ากำลังทำอะไรเหรอครับ”
“น้าอะไรกัน เรียกแม่สิจ๊ะ อีกไม่กี่เดือนก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลแล้ว หัดเรียกไว้จะได้เคยปาก” ฟ้ามาศเอ็ดออกไปอย่างไม่จริงจังนัก พลางยิ้มให้ว่าที่ลูกเขย
“วันนี้แม่จะทำแกงเลียง...เคยทานไหม?”
“ไม่เคยครับ แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ผมเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ทานได้ ไม่เรื่องมากหรอกครับ ขอให้อิ่มท้องก็พอ มาครับ...ให้ผมช่วยดีกว่า” มาร์คขันอาสา พลางถลกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นแล้วเลื่อนครกมาตรงหน้า แต่ยังไม่ทันลงมือโขลกหอมแดงกับกระชายที่อยู่ในนั้น มารดาของคู่หมั้นสาวก็ติงขึ้น
“จะไหวเหรอตามาร์ค เห็นยัยฟ้าบอกว่าเราไม่เคยเข้าครัวเลยไม่ใช่เหรอ”
“ครับ เรื่องทำกับข้าวผมไม่ถนัด แต่เรื่องใช้แรงขอให้บอก คอยดูนะครับ แป๊บเดียวเท่านั้น...ทุกอย่างที่อยู่ในครกนี้จะละเอียดในพริบตา” มาร์คไม่ได้คุยโวอวดสรรพคุณอย่างเดียว หากแต่ออกแรงตำรัวถี่ๆ จนคนสูงวัยกว่าต้องเตือน
“โขลกเบาๆ สิตามาร์ค อย่าแรงนัก เดี๋ยวก็กระเด็นเข้าตาหรอก”
“โอ๊ยยย...แสบตาชะมัด”
“นั่นปะไร...พูดยังไม่ทันขาดคำก็ได้เรื่อง แม่บอกแล้วไงว่าให้ระวัง” ฟ้ามาศหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้ ครั้นเห็นว่าที่ลูกเขยนั่งน้ำหูน้ำตาไหลก็ร้องเรียกบุตรสาว
“ฟ้า...ฟ้าเอ๊ย มาพาพี่เขาไปล้างหน้าล้างตาหน่อยสิลูก หอมกระชายเข้าตา...คงแสบตาแย่แล้ว”
ปลายฟ้าได้ยินมารดาเรียกก็วางมือจากการจัดแจกันดอกไม้แล้ววิ่งมาดู ครั้นเห็นมาร์คนั่งขยี้ตาส่งเสียงโอดครวญก็นึกขำ ถึงกระนั้นก็มีแก่ใจเดินเข้าไปประคองเขา
“ลุกสิคะคุณพ่อครัวใหญ่...จะได้ไปล้างหน้ากัน”
มาร์คทำตามแต่โดยดี หลังจากปลายฟ้าพาเขาไปล้างหน้า หล่อนก็ทำท่าจะกลับมาช่วยงานมารดาในครัว ทว่ามาร์คกลับคว้าข้อมือไว้ พลางวางสร้อยเส้นงามที่เขาตั้งใจซื้อมาฝากหล่อนลงในอุ้งมือ
“ให้ฟ้าเนื่องในโอกาสอะไรคะ” ปลายฟ้าเอียงคอถามอย่างน่ารัก
ทว่ามาร์คกลับพูดไม่ออก เขาไม่ได้เตรียมตัวมาตอบคำถามจึงค่อนข้างอึดอัด ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นอกจากหยิบสร้อยเส้นนั้นมาสวมให้หล่อนแล้วบอกความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา
“จริงๆ แล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าซื้อให้คุณเนื่องในโอกาสอะไรเหมือนกัน รู้แต่ว่าพอเห็นสร้อยเส้นนี้แล้วก็นึกถึงคุณขึ้นมา ฟ้าชอบหรือเปล่าครับ”
“ค่ะ ชอบมาก” ปลายฟ้าบอกเสียงเบา พลางลูบคลำจี้เพชรรูปนก ครั้นช้อนตาขึ้นมองแล้วเห็นคนที่สวมสร้อยให้มองอยู่ก่อน หล่อนก็ยกมือกระพุ่มไหว้เขาอย่างน่ารัก
“ขอบคุณนะคะพี่มาร์ค”
“แค่นี้เองน่ะเหรอ”
มาร์คท้วงเชิงตัดพ้อ ดวงตาเขาสะท้อนความผิดหวัง จุมพิตแสนหวานน่าจะเหมาะกว่าคำขอบคุณที่ดูจะธรรมดาไปสักนิด ซึ่งเขาเห็นว่าการแสดงความรักต่อกันในฐานะคู่หมั้นไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะอีกไม่นานเขากับปลายฟ้าก็ต้องแต่งงานกัน
แม้ระยะเวลาแค่ครึ่งปีจะไม่นาน แต่คนใจร้อนอย่างมาร์คไม่อยากรอเสียด้วยซ้ำ เขาอยากจะคัดค้านคำทำนายทายทักเมื่อครั้งที่ไปหาฤกษ์แต่งงาน ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระไม่น่าเชื่อถือ แค่คำพูดของคนคนหนึ่งไม่สามารถจะบงการชีวิตใครได้ แต่ก็จำต้องนิ่งเสีย เพราะปลายฟ้ากับมารดาของหล่อนนั้นเชื่อสนิท และนั่นก็เป็นสาเหตุให้เขาต้องนั่งนับนิ้วรอวันวิวาห์มาจนทุกวันนี้
“ก็แค่นี้น่ะสิคะ พี่มาร์คจะเอาอะไรอีก หรือว่าอยากให้ฟ้าปลื้มที่ได้รับของขวัญหน้าห้องน้ำ” ปลายฟ้าแสร้งทำไขสือถามออกไป
มาร์คพูดไม่ออกทีเดียว หน้าเขาจ๋อยสนิท นึกตำหนิตัวเองขึ้นมาครามครัน เขาไม่น่ารีบร้อนมอบของกำนัลให้หญิงสาว แต่น่าจะคิดสักนิดว่าเวลานี้ยื่นอยู่ที่ใด สถานที่เช่นนี้โรแมนติกตรงไหนกัน
ปลายฟ้าเห็นคนรักมีสีหน้าสลดก็หัวเราะคิก ไม่ได้ตั้งใจตำหนิหรือคิดจริงจังอะไร เพราะถ้าจะว่าไปเขาก็ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้าย แต่ติดว่าจะเป็นเซอร์ไพรส์ที่แปลกดีเสียด้วยซ้ำ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิค่ะ ฟ้าก็แค่แหย่เล่นเท่านั้นเอง ขอบคุณนะคะพี่มาร์ค” ปลายฟ้าเขย่งปลายเท้าจูบแก้มสากๆ ในจังหวะจะผละออกห่าง มาร์คก็ตวัดแขนโอบรัดเอวบางแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ตาหล่อน
“ให้ตายสิ! คุณทำให้ผมเครียดมากเลยรู้ไหม ผมจะทำโทษคุณยังไงดีนะ”
ปลายฟ้ายิ้มเอียงอาย ไม่ได้ต่อต้านขัดขืน เมื่อใบหน้าคมโน้มต่ำลงมา ในจังหวะนั้นเองเสียงประกาศิตของมารดาหญิงสาวก็ดังขึ้นขัดตาทัพ
“ฟ้า...ตามาร์คล้างหน้าล้างตาเสร็จหรือยังลูก ถ้าเสร็จแล้วก็มาช่วยกันยกกับข้าวไปตั้งโต๊ะได้แล้ว เดี๋ยวจะได้ทานข้าวพร้อมๆ กัน”
“ค่ะ เรากำลังจะไปเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ” ปลายฟ้าขานรับแล้วหัวเราะคิก
แม้มาร์คจะนึกเสียดาย แต่เขาก็ยิ้มขำไปกับหล่อน จำยอมต้องคลายอ้อมแขนออกแต่โดยดี แล้วเดินตามปลายฟ้าไปช่วยมารดาของหล่อนจัดโต๊ะอาหาร...
รัตติกาลมาเยือน...ท้องฟ้าปลอดโปร่งบรรยากาศเงียบสงบ ร่างบางในชุดดำรัดกุมควบคุมเครื่องร่อนบินโฉบเฉี่ยวอยู่เหนือตึกสูงเสียดฟ้า ครั้นมาถึงโรงแรมเป้าหมายก็กวาดสายตามองหาห้องพักของชีคลาซิส พลางดันคันบังคับลดระดับความเร็วลงแล้วยิงลวดสลิงประสิทธิภาพสูง พุ่งเข้าเกี่ยวกวัดรัดราวระเบียงห้องพักของชีคหนุ่มอย่างแม่นยำ
หลังจากตรวจสอบลวดสลิงที่ยึดติดกับตัวเป็นที่เรียบร้อย อลิสก็ปล่อยมือจากเครื่องร่อน ทิ้งตัวไปเกาะผนังอาคารสูงก่อนจะไต่ขึ้นไปที่ห้องพักของชีคหนุ่ม ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มอย่างย่ามใจ เมื่อปีนข้ามราวระเบียงมายืนบนพื้นแล้วปลดล็อกประตูบานเลื่อนได้สำเร็จ
ท่ามกลางความมืด...แสงไฟจากกระบอกไฟฉายขนาดเล็กที่กระชับในมือสาดไปทั่วบริเวณ ครั้นหาทุกซอกทุกมุมแล้วไม่พบสิ่งที่ต้องการ เงาตะคุ่มที่ลักลอบเข้ามาก็เปลี่ยนทิศทางมุ่งสู่ห้องนอนใหญ่ โต๊ะข้างเตียงคือสิ่งที่หมายตา แต่จะถลาเข้าไปตรวจค้นทันทีก็ใช่ที่ เพราะบนเตียงกว้างมีร่างใหญ่โตของบุรุษนอนหลับอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
อลิสจำต้องเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า แต่ละย่างก้าวแผ่วเบาราวแมวย่อง ครั้นมาถึงโต๊ะที่หมายตาก็ไม่รอช้าที่จะเอื้อมมือไปดึงลิ้นชัก ในจังหวะนั้นเองโคมไฟหัวเตียงก็ส่องสว่างขึ้น พร้อมกับมือแข็งราวคีมเหล็กของคนที่หล่อนเห็นว่านอนหลับเป็นตายก็ตะปบลงบนข้อมือหล่อนแล้วออกแรงบิดกลายๆ
“โอ๊ยย...!”
แม้อลิสจะตกใจ แต่วินาทีที่ความเจ็บแปลบมาเยือน หล่อนก็กัดฟันทนแก้ไขสถานการณ์อย่างรู้หลักแล้วปล่อยหมัดสวนกลับไป ยังไงก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ แต่เจ้าของห้องกลับคว้าจับข้อมือของหล่อนไว้แล้วลุกขึ้นจากเตียงหมายจะต่อกร ในจังหวะนั้นเองผ้าห่มที่คลุมกายเขาก็เลือนหลุด เผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของบุรุษที่ไม่มีอาภรณ์ใดปกปิด
วินาทีนั้นอลิสยืนตัวแข็งทื่อทีเดียว ขวัญผวากึ่งประสาทรั่วจนหลงลืมการต่อสู้ไปชั่วขณะ นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างแทบจะกรีดร้องออกมา แม้จะเคยเห็นภาพผู้ชายโป๊เปลือยวับๆ แวมๆ ตามปกนิตยสารมาบ้าง แต่ประเภทที่มีเนื้อหนังมังสาลูบคลำได้และเห็นกันจะจะกับตาเช่นนี้...เคยเสียที่ไหน
“ตัวแค่นี้ก็ริจะเป็นขโมย...แบบนี้ต้องลากคอส่งตำรวจเสียให้เข็ด”
ทันทีที่อลิสได้ยินคำว่า ‘ตำรวจ’ ก็พลันได้สติ หล่อนไม่รอให้คนข่มขู่หันไปหยิบโทรศัพท์เสียด้วยซ้ำ หากแต่ออกแรงผลักเขาแล้ววิ่งไปที่ประตู
“คิดจะหนีเหรอ ไม่มีทาง!” ชีคลาซิสคำราม วิ่งตามไปกระชากตัวหัวขโมยแล้วเหวี่ยงกลับเข้ามาในห้อง ส่งผลให้ร่างหัวขโมยนั้นลอยละลิ่วส่งเสียงร้องไม่เป็นสรรพ ทั้งจุกทั้งเจ็บ เพราะกระแทกเข้ากับตู้เสื้อผ้าอย่างจัง แต่ชีคหนุ่มก็ยังไม่ปรานี หากแต่สาวเท้าตามติดมากระชากคอเสื้อหมายจะตะบันหน้าเป็นการสั่งสอน ทว่า...
“ผู้หญิงนี่!!” ชีคหนุ่มหน้าเหวอทีเดียว ทันทีที่สัมผัสได้ถึงความหยุ่นนุ่มใต้เนื้อผ้าก็รีบคลายพระหัตถ์ออกราวกับแตะต้องของร้อน
อลิสนั้นทั้งโกรธทั้งอาย แต่หล่อนไม่มีเวลาคิดหาคำด่าทอ เห็นสบโอกาสเหมาะก็ยกเท้าขึ้นเตะผ่าหมากอีกฝ่ายแล้ววิ่งตื๋อออกจากห้อง คว้าปืนฉมวกจากเอวมาลั่นไก ส่งแรงอัดปะทะประตูกระจกจนแตกละเอียดทั้งบาน วินาทีที่ฉมวกพุ่งเข้าเกี่ยวกวัดรัดราวระเบียง หล่อนก็กระชากตรวจสอบลวดสลิงแล้วเหวี่ยงตัวลงไปชั้นล่าง วิ่งฝ่าเสียงกรีดร้องของผู้มาใช้บริการห้องพักก่อนจะหายลับไปกับยามราตรี โดยทิ้งความโกลาหลไว้เบื้องหลัง
เสียงผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้นเรียกราชองครักษ์และทหารที่ยืนรักษาการณ์หน้าประตูให้วิ่งกรูกันเข้ามาในห้อง ครั้นเห็นเจ้านายของตนนอนตัวงอกุมของรักของหวงอยู่ที่พื้นก็พากันหน้าเจื่อน
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาทเป็นยังไงบ้างพระเจ้าค่ะ” อับดุลลาหัวหน้าราชองครักษ์รุดเข้าดูอาการเป็นคนแรก พลางคว้าเสื้อคลุมตัวยาวที่ปลายเตียงมาคลุมร่างเจ้านาย
“ถามได้...ก็จุกน่ะสิ” ชีคลาซิสมีรับสั่งอย่างหงุดหงิด พลางกระชับฉลองพระองค์แล้วฝืนเหยียดวรกายเต็มความสูง สายพระเนตรสะท้อนความขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด
“พวกเจ้าทำงานกันยังไง ทำไมถึงปล่อยให้หัวขโมยนั่นปีนระเบียงเข้ามาหาเราได้ นี่ถ้าหัวขโมยนั่นคิดจะเอาชีวิตเรา ป่านนี้เราไม่เป็นศพไปแล้วหรือ”
“ขอเดชะพระอาญาไม่พ้นเกล้า กระหม่อมผิดเองที่จัดเวรยามหละหลวม หากฝ่าบาทจะทรงตำหนิหรือลงทัณฑ์ กระหม่อมก็ขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียวพระเจ้าค่ะ”
“ช่างเถอะ คราวหน้าคราวหลังก็อย่าให้เกิดเรื่องทำนองนี้อีก บอกทางโรงแรมให้ปิดข่าวเรื่องนี้ด้วย จะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ไม่ว่า เราไม่อยากให้ข่าวนี้หลุดออกไป เดี๋ยวจะกระเทือนกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
“พระเจ้าค่ะ”
คล้อยหลังอับดุลลา ชีคลาซิสทรงถอนพระปัสสาสะอย่างหงุดหงิด ด้วยความหยุ่นนุ่มที่ทรงสัมผัสยังติดอยู่ที่พระหัตถ์ หากหัวขโมยนั่นเป็นชาย พระองค์คงทำอะไรได้ถนัดกว่านี้ และคงไม่เสียทีให้กับความเป็นสตรีในตัวหล่อน แต่คงลากตัวส่งตำรวจไปแล้ว
ชีคลาซิสไม่ได้เฉลียวใจว่าหัวขโมยสาวจะพุ่งเป้าไปที่สร้อยเพชรล้ำค่า แต่ทรงคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการลักเล็กขโมยน้อยซึ่งเกิดได้ทุกหนแห่ง บางที...หัวขโมยนั่นอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพระองค์เป็นผู้ใด ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้ามาลูบจมูกเสือ ด้วยการบุกเดี่ยวเข้ามาชิงทรัพย์ส่วนพระองค์
“กระเช้าดอกไม้พระเจ้าค่ะ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของทางโรงแรมบอกว่ามีคนนำมาถวายฝ่าบาท”
“ใครกัน?” พระขนงคมเข้มขมวดมุ่นทีเดียว นึกฉงน ถึงกระนั้นก็ยื่นพระหัตถ์ออกไปรับแล้วหยิบการ์ดที่แนบมากับกระเช้าดอกไม้มาทอดพระเนตร
เกมเพิ่งเริ่มเท่านั้น คราวหน้าไม่พลาดแน่ พริตตี้วันเดอร์...
ตัวอักษรแค่ไม่กี่ตัวนั้นเปรียบเสมือนระเบิดลูกโตที่สร้างความขุ่นเคืองให้กับชีคหนุ่ม ไม่จำเป็นต้องบอกก็ทรงทราบดีว่าเจ้าของกระเช้าดอกไม้นี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากหัวขโมยสาว
“บังอาจนัก!” ชีคลาซิสคำรามกร้าว พลางขยำการ์ดในพระหัตถ์ ทรงเกลียดการท้าทายพอๆ กับที่ไม่เคยทำร้ายผู้หญิง แต่คราวนี้คงยอมไม่ได้ ด้วยทรงเป็นถึงกษัตริย์เปรียบดั่งราชสีห์ ไฉนไหนเลยจะปล่อยให้สตรีที่ต่ำต้อยมาหยามหมิ่น ครั้นหันไปทางอับดุลลาหัวหน้าราชองครักษ์ที่นำกระเช้าดอกไม้มาถวายก็มีรับสั่งเสียงเข้ม
“ตามหาตัวคนที่นำดอกไม้มาให้ได้ สอบถามประชาสัมพันธ์ว่าเป็นผู้ใดแล้วนำตัวมาให้เรา”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2557, 18:02:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ส.ค. 2557, 18:02:12 น.
จำนวนการเข้าชม : 1410
<< ตอนที่ 1 | ตอนที่ 3 >> |