พ่ายพรหมลิขิต
พลับพลึงทำงานด้านสถาปัตย์ประจำอยู่ที่เชียงใหม่วันหนึ่งเธอได้รับมอบหมายงานให้ออกแบบบ้านพักของธนดลโดยไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งเธอกลับต้องมารับบทเจ้าสาวของเขาเนื่องจากญาติผู้น้องซึ่งเป็นลูกสาวของป้าหนีออกจากบ้านก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน ด้วยเสียงขอร้องแกมบังคับของป้าและลุงทำให้พลับพลึงไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะหากเธอปฏิเสธป้าก็อ้างว่าหล่อนกับสามีจะต้องถูกอีกฝ่ายฟ้องจนถึงขั้นล้มละลาย เพราะนอกจากธนดลจะเป็นเจ้าบ่าวแล้วยังเป็นเจ้าหนี้อีกด้วย พลับพลึงจำยอมตกเป็นเจ้าสาวสำรองจนกว่าปิติและพิลาวรรณจะนำเงินมาชดใช้หนี้สินได้หมด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายของคนสองคน....
Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 14

14

พลับพลึงนั่งยองๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลมองคนงานช่วยกันลากรถคันงามหรูขึ้นจากหล่มโดยมีเจ้าของรถยืนกอดอกกำกับอยู่ไม่ห่าง โชคดีที่มีชาวบ้านผ่านมาเห็นเหตุการณ์เธอจึงฝากให้ไปบอกนายส่วยว่ารถติดหล่มอยู่ทางขึ้นเขาไปยังหมู่บ้านชาเข้าสู่เขตบ้านพักของธนดล ไม่นานนักนายส่วยก็มาที่เกิดเหตุพร้อมกับคนงานอีกหลายคน เธอรีบเดินเข้าไปหาหมายจะบอกกล่าวให้ช่วยลากรถขึ้นมาจากหล่มก่อน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเจ้าของรถตัวจริงก็ก้าวลงจากรถ สีหน้าของธนดลไม่บ่งบอกอารมณ์ มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกขนลุกในยามที่สบตาเหมือนในดวงตาปนความระอามากกว่าจะโกรธเคืองรุนแรง แต่นั่นยิ่งทำให้คนประสบอุบัติเหตุรู้สึกผิดมากขึ้น ทำหน้าแบบนี้สู้ต่อว่ากันตรงๆ เลยดีกว่าไหม

“คงต้องใช้รถลากแล้วละครับ หล่มลึกมาก”

นายส่วยรายงานธนดล พลับพลึงลุกขึ้นเดินเข้าหาหวังจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
“ถอยไปห่างๆ หน่อยคุณ คนงานจะได้ทำงานได้สะดวก”

พลับพลึงหน้าตูมเป็นลิงอมน้ำเมื่อถูกธนดลสั่งอย่างนั้นแต่ก็ยอมทำตามที่เขาสั่ง เธอยืนมองการทำงานที่เร่งรีบของเหล่าคนงานไม่นานนักรถก็ถูกลากขึ้นมาถึงถนน พลับพลึงยิ่งหน้าเสียเมื่อเห็นสภาพรถเต็มคันแม้ไม่ถึงกับยับเยินแต่ก็เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนเป็นทางยาวตลอดสองข้างของตัวรถ

“ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“กลับบ้านเถอะ” ธนดลดันแขนหญิงสาวไปที่รถแล้วหันไปสั่งให้นายส่วยเอารถคันเจ้าปัญหานี้ตามกลับไปที่บ้าน
“คุณดลคะ คุณจะต่อว่าอะไรฉันก็ได้ฉันยอมทั้งนั้น ฉันรู้ว่าฉันผิดแต่มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ฉันก็เคยบอกคุณไปแล้วว่าไม่อยากใช้รถของคุณ”

พลับพลึงค่อนข้างอึดอัดกับความเงียบเชียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศภายในรถชัดแจ๋ว เธอเหลือบตามองธนดลหลายต่อหลายครั้งแต่เขาก็ยังคงนิ่งเรียบตายังคงมองข้างหน้าไม่วอกแวก มือยังคงบังคับพวงมาลัยได้เป็นอย่างดี จนถึงโรงจอดรถและดับเครื่องยนต์เขาถึงได้เอ่ยขึ้น

“ขึ้นบ้าน”
พลับพลึงเดินตามเธอยกมือขึ้นลูบบริเวณหน้าอกดูเหมือนว่าบริเวณหน้าอกจะเกิดอาการระบม อาจเพราะแรงกระแทกของลำตัวกับสายเข็มขัดนิรภัยที่ฉุดรั้งไปข้างหน้าทีข้างหลังทีอยู่หลายหน

“เป็นไรหรือเปล่า” ธนดลหันมาเอ่ยถามเมื่อจู่ๆ คนที่คิดว่าน่าจะเดินตามหลังเขามานั้นหยุดชะงัก
“เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร”

“แน่ใจนะ”
“แน่ใจค่ะ”

“ถ้างั้นก็ขึ้นบ้าน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

พลับพลึงพ่นลมออกจากปากถึงเวลาชำระความแล้วสิ

น้อยยกน้ำเข้ามาเมื่อเห็นเจ้านายเดินเข้ามาในบ้านสายตาของแม่บ้านสาวเหลือบมองราวกับแมวป่าที่ซ่อนความอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อสบสายตาคมปราบของธนดลน้อยก็ได้แต่ก้มหน้างุดแล้วเดินออกไป แต่ถึงแม้จะไม่ได้อยู่รับรู้เรื่องที่เจ้านายกำลังจะคุยกันหล่อนก็ยังมีอีกหนึ่งคนให้ถาม เมื่อเห็นแสงไฟของรถยนต์เคลื่อนตัวเข้ามาในบริเวณบ้านจึงรีบวิ่งลงไปหาด้วยความอยากรู้

“คุณไปทำอีท่าไหนรถถึงได้วิ่งเข้าป่าไปติดหล่มอย่างนั้น”
ดูจากสภาพรถหากเป๋ออกอีกด้านคงต้องไปกู้กันก้นเหว

“ฉันขอโทษค่ะที่ดูแลรักษารถคุณไม่ได้ แต่ฉันก็ระมัดระวังที่สุดแล้วนะแต่ไม่รู้มีอะไรวิ่งตัดหน้ารถค่ะ ฉันเลยเหยียบเบรคเต็มแรงแล้วท้ายรถก็ปัดอย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะฉันจะรับผิดชอบค่าซ่อมทั้งหมดเอง”

“คุณนี่นะจะรับผิดชอบ” ธนดลเยาะ

“ใช่ไง ทั้งค่าทำสี ค่าซ่อม แล้วก็ค่าอะไรต่อมิอะไรที่ควรจะต้องซ่อมฉันจะจัดการเอง รับรองว่าจะให้อยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนที่ฉันขับออกไปเลย ฉันรู้ว่าคุณหวงรถมากแต่มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ฉันสาบานเลยว่าฉันไม่ได้ประมาทแต่ถ้าเรื่องที่รถคุณเป็นรอยขีดข่วนมันทำให้คุณหัวเสียต่อไปฉันก็จะไม่แตะต้องรถคันไหนของคุณอีก”

“จะบ้าหรือไง ผมไม่ได้เป็นห่วงรถขนาดไม่แยแสชีวิตคนหรอกนะที่ผมถามเพราะเป็นห่วงคุณนั่นแหละ คุณไม่รู้เลยหรือไงว่าต้องลงจากดอยก่อนมืดถึงจะปลอดภัย โชคดีนะที่ไม่ตกเขาตาย”

คนที่รู้สึกผิดมาตั้งแต่ต้นเริ่มโมโหที่ชายหนุ่มพูดอย่างนั้นจึงสวนขึ้น

“อ้อ คุณคงกลัวว่าสุทธิการจะต้องเป็นข่าวหน้าหนึ่งอย่างนั้นสิ จริงๆ แล้วคุณน่าจะดีใจนะ ถ้าฉันขับรถตกเหวตายไปซะ”
พลับพลึงตอบโต้ด้วยความโมโหก่อนหน้านี้ไม่กี่ประโยคเธอเกือบจะซาบซึ้งในความห่วงใยของชายหนุ่มแล้วเชียว
“เอาเป็นว่า ฉันขอโทษ ต่อไปฉันจะระวัง”

พลับพลึงตัดบทลุกขึ้นแล้วหมุนตัวจะเข้าห้อง นึกในใจไปด้วยว่าคงไม่มีครั้งต่อไปแล้วล่ะเพราะเธอจะไม่ขอใช้รถของสุทธิการอีกแล้วไม่ว่ากรณีใดๆ
“เดี๋ยว คุณไปไหนมา”

พลับพลึงหันกลับมามองค้อนเมื่อได้ยินคำถามนั้น เธอชักสีหน้าเพราะนั่นเป็นเรื่องส่วนตัว
“ผมมีสิทธิ์จะถามในฐานะสามี แม้จะแค่ในนาม”

พลับพลึงสูดลมหายใจเข้าอย่างอดกลั้น
“ไปทำงานค่ะ ฉันไปรับแบบ ลูกค้าฉันพักอยู่หลังหมู่บ้านชา”

“เป็นกระเหรี่ยงหรือ” ธนดลถามแกมประชด เขาเกือบจะหัวเราะเยาะเมื่อเห็นท่าทางโกรธๆ ของอีกฝ่ายที่ขบเม้มปาก
“เปล่า เขาแค่มาพักผ่อน”

“แล้วเรื่องงานเนี่ยต้องคุยกันจนถึงค่ำเลยหรือไงผมจำได้ว่าคุณออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด”
“ก็คุยงาน คุณไม่เข้าใจหรอก ฉันขอตัว”

หากเขารู้ว่าเธอไปพบพิมพ์พรรณมาละก็ไม่รู้ว่าเขาจะว่าอย่างไร





ธนดลค่อนข้างแปลกใจที่วันนี้หญิงสาวเข้านอนเร็ว แถมหลับไม่รู้เรื่องผิดวิสัยคนประสาทหูไว ปกติประสาทการรับรู้ของสถาปนิกสาวไวจะตายหากว่าอยู่ในห้องไม่ว่าจะกำลังทำอะไรอยู่หากเขาเปิดประตูเข้ามาเธอจะต้องอยู่ในท่าเตรียมพร้อมหลบ แต่วันนี้กลับนอนตะแคงเข้าข้างฝานิ่ง ธนดลเดินเข้าไปหายื่นหน้าเข้าไปใกล้หมายจะดูความผิดปกติแต่ก็ต้องชักหน้ากลับเมื่อเธอยังนอนนิ่งเช่นเดิม เขาเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระร่างกายเพราะเหนื่อยล้าจากการที่ต้องไปช่วยคนงานลากรถที่ติดหล่ม จนออกจากห้องน้ำหญิงสาวก็ยังคงนอนอยู่ท่าเดิม เขาปิดไฟที่หัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอนค่อยๆ ดึงผ้าห่มที่หญิงสาวเหลือไว้ให้ครึ่งหนึ่งมาห่มอย่างเบามือไม่นานก็หลับ หลับได้เพียงครู่เดียวก็เกิดฝัน ในฝันเหมือนได้ยินเสียงครางอยู่ใกล้ๆ คนที่เพิ่งจะหลับได้ไม่นานย่นหัวคิ้วเมื่อถูกรบกวนด้วยเสียงครางขาดห้วงอยู่หลายครั้งแล้วยังเสียงหอบหายใจที่แรงผิดปกติ เขาเอื้อมมือไปเปิดไฟแล้วลุกขึ้นนั่งที่แท้ก็ไม่ได้ฝัน เสียงครางจากคนข้างๆ นี่เอง คนข้างๆ นอนหงายใบหน้าเหยเกคล้ายเกิดอาการเจ็บปวดมือของเธอลูบอยู่บริเวณหน้าอกอยู่ตลอดเวลาแม้ดวงตายังไม่ตื่น

“ฮื่อ...”
พลับพลึงครางเสียงแผ่วสลับกับเสียงอืออาในลำคออย่างไม่ได้ศัพท์เธอส่ายหน้าไปมาเหมือนจะพยายามลดความเจ็บปวดจากอะไรบางอย่าง

“คุณ! เป็นอะไร”

ธนดลเรียกแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมลืมตาเขาจึงเขย่าตัวเธอเบาๆ แต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาตื่นเช่นเดิม ธนดลรู้สึกถึงความผิดปกติมากขึ้นยิ่งมือบางที่ลูบอยู่บริเวณหน้าอกไม่ยอมห่างนั่นยิ่งทำให้สงสัยจึงเอื้อมมือไปที่คอเสื้อชั่งใจอยู่พอสมควรว่าจะแกะกระดุมเสื้อของเธอเพื่อดูอาการดีหรือไม่ หากหญิงสาวตื่นขึ้นมาตอนนี้ต้องโวยวายและคิดว่าเขาจะลวนลามแน่ แต่ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ก็อาจจะเป็นอันตรายได้เพราะเสียงหายใจของพลับพลึงติดขัดจนน่าสงสาร ธนดลเลิกผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกลงจากเตียงเดินออกไปข้างนอก เขาเดินไปยังเรือนไม้หลังเล็กซึ่งอยู่ด้านหลังของบ้านพัก

“คุณดล”
นายส่วยเปิดประตูห้องออกมาในลักษณะที่ยังงัวเงียอยู่มากเอ่ยทักเจ้านายหนุ่ม
“รบกวนหน่อยเถอะนายส่วย ช่วยเรียกน้อยให้หน่อย”

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
“คุณผู้หญิงไม่สบาย ฉันอยากให้น้อยไปช่วยดูหน่อย”

“คุณผู้หญิงไม่สบายหรือครับ ได้ครับ รอซักครู่นะครับ”

นายส่วยรีบกลับเข้าบ้านไปปลุกภรรยาโดยบอกกล่าวตามที่เจ้านายหนุ่มขอร้อง น้อยค่อนข้างหัวเสียเพราะกำลังหลับสบายแต่ก็ขัดเจ้านายหนุ่มไม่ได้หล่อนอดคิดไม่ได้ว่าภรรยาไม่สบายแค่นี้ทำไมถึงต้องถ่อสังขารลงมาตามแม่บ้านด้วยทำไมสามีไม่ดูแลเองแต่ก็เพียงคิดอยู่ในใจเท่านั้น

“คุณผู้หญิงเป็นอะไรหรือคะ” น้อยเอ่ยถามเมื่อเดินตามสามีออกมานอกห้องพัก
“ฉันก็ไม่รู้นะ เพ้อแล้วก็เหมือนจะเจ็บหน้าอกน้อยช่วยไปดูหน่อยเถอะว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ค่ะคุณดล”

น้อยรับคำแล้วเดินตามเจ้านายหนุ่มขึ้นไปบนเรือนใหญ่เข้าไปในห้องนอนซึ่งหญิงสาวกำลังนอนกระสับกระส่ายอยู่ อาการของคุณผู้หญิงเหมือนกับที่เจ้านายหนุ่มบอกกล่าวไม่มีผิดคือนอนนิ่วหน้าและยกมือขึ้นลูบหน้าอก
“เหมือนคุณผู้หญิงจะเจ็บหน้าอกนะคะ”

น้อยสันนิษฐานซึ่งธนดลก็คิดเช่นนั้น เพียงแต่เขาไม่กล้าถอดเสื้อสำรวจ
“น้อยลองดูหน่อยเถอะว่าเป็นอะไร”

“ยังไงคะ” น้อยสงสัยเพราะหล่อนไม่ใช่หมอจะได้ดูอาการเป็น
“ก็ดูที่หน้าอกไง”

“แล้วทำไมคุณดลไม่ทำเองล่ะคะก็แค่ถอดเสื้อเอง”
น้อยเอ่ยถามประสาซื่อเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มชักสีหน้าคำถามที่เกิดขึ้นก็หยุดลง
“ค่ะ ได้ค่ะ”

แล้วน้อยก็ลงมือแกะกระดุมเสื้อ ธนดลหันหน้าหนีแทบไม่ทันเพราะน้อยไม่ได้ให้สัญญาณอะไรก่อนที่จะลงมือถอดเสื้อของภรรยา
“โฮ้!...มิน่าล่ะ” น้อยร้องเสียงหลงเมื่อถอดเสื้อออก

“มีอะไรหรือน้อย” ธนดลเอ่ยถามทั้งๆ ที่ยังเบือนหน้าหนีอยู่
“ก็หน้าอกของคุณผู้หญิงนะสิคะ รอยแดงเป็นปื้นเลย เป็นทางยาวเหมือนโดนแส้หรืออะไรซักอย่างยาวๆ ค่ะ”
“มากเลยหรือ”

ธนดลหันกลับไปมองอย่างลืมตัวแล้วต้องรีบหันหน้าหนีรวดเร็วเมื่อหญิงสาวยังเปลือยอยู่ เขาสูดลมหายใจแรงเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นในร่างกาย

“ห่มผ้าซะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” เขาสั่งน้อยและรอจนแม่บ้านสาวจัดแจงห่มผ้าให้เรียบร้อยเขาถึงได้หันหน้ากลับไป
ธนดลย่นคิ้วสงสัยรอยแดงเป็นปื้นเกิดจากอะไรนะ อ้อ อาจจะเกิดจากแรงกระแทกของหน้าอกกับเข็มขัดนิรภัยตอนที่รถเสียหลักแล่นลงข้างทางจนติดหล่ม มิน่าล่ะพลับพลึงถึงได้ลูบหน้าอกบ่อยๆ

“น้อยไปเอายามาทาให้คุณผู้หญิงนะ แล้วก็หายาแก้อักเสบมาด้วย”
“ได้ค่ะ”

น้อยรีบทำตามคำสั่งโดยเร็ว รอยแผลที่เห็นช้ำในขนาดนี้หญิงสาวไม่เพ้อก็แปลกล่ะ

ธนดลนั่งลงขอบเตียงมองสาวผมสั้นนอนเพ้อไม่ได้สติเขาเอื้อมมือไปจับมือบางเมื่อเธอยกมือขึ้นจะลูบหน้าอก คงจะอึดอัดและหายใจไม่ออกแต่เขาคงปล่อยให้เธอทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะยังไม่ได้ใส่เสื้อและอยากกุมมือเธอไว้เพื่อให้กำลังใจมากกว่าจะปล่อยให้เธอนอนดิ้นไร้สติอยู่เพียงลำพัง

“คุณ...คุณ...ได้ยินผมมั้ย”
ธนดลหวังจะปลุกคนไม่ได้สติแต่ก็ไม่ได้ผลเมื่อคนเจ็บเอาแต่เพ้ออยู่ในลำคอ
“ยามาแล้วค่ะ”

น้อยยื่นยาส่งให้แต่ธนดลกลับวางมือพลับพลึงลงแนบลำตัวแล้วลุกขึ้นบอกให้น้อยเป็นคนจัดการทายา
“เสร็จแล้วก็ใส่เสื้อให้เขาด้วย อ้อ เดี๋ยวยาแก้อักเสบฉันจะจัดการเอง”
ธนดลหันหลังให้สองสาวขณะออกคำสั่ง รอจนน้อยทายาและใส่เสื้อให้พลับพลึงเรียบร้อยเขาถึงได้หันกลับไป
“ขอบใจมาก ไปนอนเถอะ”

“ค่ะ”
น้อยรับคำแล้วเดินออกไปจากห้องแต่ก็อดทำหน้าสงสัยไม่ได้ เห็นทีเรื่องนี้คงเป็นประเด็นให้นอนไม่หลับต้องกลับไปเล่าให้สามีร่วมสันนิษฐานหน่อยแล้ว

“คุณ...ดีขึ้นมั้ย”
ธนดลเขย่าตัวเบาๆ คราวนี้ได้ผลเมื่อคนที่นอนกระสับกระส่ายอยู่นานเริ่มกระพริบตาดวงตาของเธอแดงก่ำคล้ายคนมีไข้
“ตื่นก็ดีแล้ว ทานยาหน่อยนะจะได้หลับสบาย”

พลับพลึงที่ยังงัวเงียอยู่มองหน้าชายหนุ่มเป็นคำถามที่จู่ๆ เขาก็ปลุกเธอให้ลุกขึ้นแถมยังรู้สึกเย็นวาบบริเวณหน้าอกทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้รู้สึกแน่นและเจ็บเหมือนมีอะไรมาทาบทับจนแทบจะหายใจไม่ออก

“ทานยานะคุณ คงจะโดนสายเบลฟ์กระแทกถึงได้ช้ำในแบบนี้เจ็บขนาดนี้ทำไมไม่บอกจะได้หาหยูกหายาให้ทานตั้งแต่หัวค่ำ นี่ถ้าผมไม่ตื่นมาเห็นจะเป็นไรมากแค่ไหน”

ธนดลช่วยประคองร่างบางที่เหมือนจะไม่มีแรงขึ้นนั่งแล้วหันไปหยิบยาพร้อมแก้วน้ำ
“คุณจะทำอะไร” คนเจ็บหน้าตื่นเบิกตาโพลง

“ก็จะเอายาให้คุณไง ยาแก้อักเสบ ก็คุณน่ะเจ็บหน้าอกรอยปื้นเป็นลายพาดกรเชียวล่ะ โชคดีนะที่ไม่กระอักออกมาเป็นเลือด แล้วนี่ต้องไปโรงพยาบาลหรือเปล่าก็ไม่รู้ยังไงก็รอดูอาการซักพักก็แล้วกันเพราะเพิ่งทายาไปถ้ายังรู้สึกแน่นหน้าอกอยู่ล่ะก็ควรจะไปหาหมอ”

พลับพลึงรับยาและแก้วน้ำจากมือชายหนุ่มแล้วทานอย่างไม่เกี่ยงงอนก่อนจะส่งกลับคืนให้เขานึกชื่นชมเขาอยู่เนืองๆ ที่อุตส่าห์มีน้ำใจช่วยดูแล เธอเกือบจะหลุดคำขอบคุณออกไปแล้วหากไม่นึกขึ้นได้เสียก่อนว่าแล้วเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอมีรอยปื้นแดงที่หน้าอกเป็นลายพาดกร
“คุณดล!”
เจ้าของชื่อก็ตอบรับอย่างรวดเร็ว
“ฮึ”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันเจ็บหน้าอก”
พลับพลึงยังนึกคิดต่อเมื่อรู้สึกเย็นๆ เหนียวๆ บริเวณหน้าอก อ้อ เขาบอกว่าเพิ่งทายา แล้วใครทายาให้เธอในเมื่อในห้องนี้มีกันแค่สองคน

“คุณ! คนฉวยโอกาส”
พลับพลึงโวยวายขึ้นเมื่อคิดว่าธนดลเป็นคนทายาให้ นี่ธนดลคงจะแต๊ะอั๋งจนเธอไม่เหลือชิ้นดีแล้วสิ คิดแล้วใบหน้าก็ร้อนผ่าวๆ ไม่รู้ว่าที่ใบหน้าร้อนผ่าวๆ นี้เหตุเพราะโกรธหรืออายอย่างไหนมากกว่ากัน ด้วยความโกรธคนฉวยโอกาสพลับพลึงจึงผลักธนดลเต็มแรงจนคนไม่ทันตั้งหลักเสียหลักลงไปนั่งจับกบอยู่กับพื้นห้อง กว่าที่เขาจะตั้งหลักได้แล้วลุกขึ้นจากพื้นห้องหันไปถลึงตามองหญิงสาวก็ถอยกรูดไปติดผนังแถมยังยกผ้าห่มขึ้นคลุมตัวนั่งคุดคู้ราวกับลูกนกผู้ถูกกลั่นแกล้ง ทั้งๆ ที่เธอควรจะเป็นฝ่ายต้องเอ่ยคำขอบคุณเขามากกว่าจะทำอะไรบ้าๆ แบบนี้

“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย มาผลักผมทำไมมิทราบ นี่หรือคำขอบคุณของคุณที่มีให้คนมีน้ำใจอย่างผม”
“มีน้ำใจกับผีนะสิ คุณมันคนฉวยโอกาสมากกว่า กล้าดียังไงมาถอดเสื้อแล้วทายาให้ฉันทั้งๆ ที่คุณเคยประกาศปาวๆ ว่าจะไม่แตะเนื้อต้องตัวฉันจนกว่าเราจะหย่ากัน”

“แล้วผมทำตรงไหน” ธนดลเถียง จะไม่ยอมถูกมองเป็นคนฉวยโอกาสแบบนี้แน่
“ก็ตรงนี้ไง คุณทายาให้ฉัน ถ้าทาที่อื่นฉันก็จะขอบคุณอยู่หรอก แต่นี่...”

พลับพลึงละคำไว้เพียงเท่านั้นเมื่อใบหน้าของเธอร้อนผ่าวๆ ยิ่งกว่าบริเวณหน้าอกที่เริ่มร้อนวูบๆ เพราะยากำลังออกฤทธิ์
“คุณจะบ้าหรือไง ผมไม่ทำอะไรอุบาศก์แบบนั้นหรอก แล้วคนที่ทายาให้คุณก็ไม่ใช่ผม น้อยต่างหากที่ทายาให้คุณ ผมอุตส่าห์ลงไปตามน้อยถึงบ้านแทนที่จะขอบคุณกลับถูกผลักตกเตียงซะนี่ รู้อย่างนี้ปล่อยให้นอนเพ้อเจ็บหน้าอกจนถึงเช้าก็ดี เฮอะ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ” ธนดลอธิบายขยายความด้วยอาการหัวเสีย

“จริงหรือ” พลับพลึงเหมือนจะยังไม่อยากเชื่อเท่าไหร่นัก
“ถ้าไม่เชื่อจะไปถามน้อยตอนนี้เลยมั้ย ตอนนี้ก็คงจะยังไม่นอน” ธนดลประชดประชัน
“ไม่ต้องหรอก ฉันเชื่อก็ได้ แล้ว...คุณเป็นไรมากหรือเปล่า”

เมื่อเข้าใจเรื่องราวแล้วก็ถามไถ่เพราะเมื่อกี้นี้เธอผลักเขาเต็มแรงแล้วคนตัวใหญ่ที่ไม่ได้ตั้งหลักล้มฟุบลงไปกันพื้นคงจะเจ็บน่าดูเพราะเธอได้ยินเสียงพื้นดังสนั่นเชียว
“ก็คงจะน้อยกว่าคุณอยู่หรอกเพราะยังไม่มีรอยฟกช้ำ”

อีกครั้งที่ธนดลประชดประชันเขาเบ้ปากทำปากขมุบขมิบ 'ใครจะอยากดูกันเล่า เรียบเป็นไม้กระดานอย่างนั้น'
พลับพลึงมองค้อนปนรู้สึกผิดเธอคงต้องเปลี่ยนสีหน้าใหม่แน่ๆ หากได้ยินประโยคขมุบขมิบนั้นน่าเสียดายที่เป็นแค่ลมปากแผ่วๆ
“ฉันขอโทษ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าดึกดื่นป่านนี้แล้วคุณจะมีน้ำใจลงไปตามคนมาช่วยดูแลฉัน” คนสำนึกผิดที่ไม่รู้ว่าตัวเองถูกนินทาอยู่นั้นลากเสียงยาวอ้อน

“ช่างเถอะ ต่อไปก็อย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมบ่อยนักก็แล้วกันเพราะผมคงจะไม่อดกลั้นยอมทนอธิบายเรื่องราวให้คุณฟังแบบคืนนี้บ่อยๆ นอนได้แล้วผมง่วงจะแย่แล้วเนี่ย”

ธนดลกระฟัดกระเฟียดกระแทกตัวลงกับที่นอนแล้วกระชากผ้าห่มที่หญิงสาวยึดไปครอบครองหมดทั้งผืนกลับมาครึ่งหนึ่งเอื้อมมือไปปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนอย่างหัวเสียซึ่งต่างจากพลับพลึงที่รู้สึกละลายใจกับการกระทำที่เสียมารยาทของตัวเอง เธอนั่งมองธนดลที่นอนตะแคงหันหลังให้อยู่พักหนึ่งก็เอ่ยขึ้น

“ขอบคุณมากนะคะคุณดล ขอโทษที่มองคุณผิดไป จริงๆ แล้วคุณนี่ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะ เอาเป็นว่าแล้วฉันจะหาโอกาสตอบแทนบุญคุณคุณก็แล้วกันนะ”

“จะพล่ามอีกนานมั้ยผมง่วง”
ธนดลทำเสียงหงุดหงิดกลบเกลื่อนทั้งๆ ที่ในใจนั้นเริ่มรู้สึกดีกับเสียงอ้อนๆ ของคนเจ็บ
พลับพลึงรีบหุบปากทันทีแต่ก็ยังคงนั่งยิ้มอย่างซาบซึ้งใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของสามีจำเป็นโดยไม่รู้เลยว่า คนที่นอนตะแคงข้างให้นั้นก็แอบยิ้มเช่นกัน





แก้วมุกดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ส.ค. 2557, 10:07:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ส.ค. 2557, 10:07:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1468





<< พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 13   พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 15 >>
แว่นใส 15 ส.ค. 2557, 12:44:15 น.
นายสุภาพบุรุษ


phakarat 3 ก.ย. 2557, 21:52:12 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account