พ่ายพรหมลิขิต
พลับพลึงทำงานด้านสถาปัตย์ประจำอยู่ที่เชียงใหม่วันหนึ่งเธอได้รับมอบหมายงานให้ออกแบบบ้านพักของธนดลโดยไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งเธอกลับต้องมารับบทเจ้าสาวของเขาเนื่องจากญาติผู้น้องซึ่งเป็นลูกสาวของป้าหนีออกจากบ้านก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน ด้วยเสียงขอร้องแกมบังคับของป้าและลุงทำให้พลับพลึงไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะหากเธอปฏิเสธป้าก็อ้างว่าหล่อนกับสามีจะต้องถูกอีกฝ่ายฟ้องจนถึงขั้นล้มละลาย เพราะนอกจากธนดลจะเป็นเจ้าบ่าวแล้วยังเป็นเจ้าหนี้อีกด้วย พลับพลึงจำยอมตกเป็นเจ้าสาวสำรองจนกว่าปิติและพิลาวรรณจะนำเงินมาชดใช้หนี้สินได้หมด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายของคนสองคน....
Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 15

15

พลับพลึงนั่งหน้าตูมเมื่อต้องนั่งร่วมรถคันเดียวกับธนดล เมื่อเช้านี้เธอกะจะให้นายส่วยไปส่งที่ไซด์งานแล้วตอนเย็นก็จะเอารถของบริษัทมาใช้อย่างเดิมเพราะไม่อยากเอารถของธนดลไปทำเสียหายอีก แค่ซีอาร์วีคันที่ยังจอดอยู่ในสภาพเปื้อนดินเปื้อนโคลนอยู่ในโรงรถนั้นก็แทบจะชดใช้ไม่ไหวแล้วแต่ธนดลกลับบอกให้เธอออกไปทำงานพร้อมกันเพราะวันนี้เขาจะเข้าเมืองพอดี แม้เธอจะหาทางปฏิเสธสุดชีวิตแต่สุดท้ายก็ต้องฝืนนั่งอึดอัดมากับเขาจนค่อนทาง

“ให้ผมจอดที่ไหน”
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
พลับพลึงถือโอกาสบอกกล่าวเสียเลยเพราะเธอเองก็ตั้งใจจะไม่ให้ธนดลขับรถเข้าไปจนถึงตัวสำนักงานอยู่แล้ว
“ที่นี่นี่นะ แล้วไหนล่ะที่ทำงานของคุณ อย่าบอกนะว่าใต้ต้นไม้แถวๆ นี้”

ทั่วบริเวณเป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่เพิ่งทำการปรับพื้นที่
“ที่ทำงานฉันเข้าไปอีกนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวฉันเดินเข้าไปเอง ฉันเกรงใจคุณน่ะ”
“มาถึงขนาดนี้แล้วไม่เห็นต้องเกรงใจหรอก ข้างในใช่มั้ย”

ธนดลขับรถตามเส้นทางลูกรังไม่นานก็เห็นอาคารสำนักงานเล็กๆ ซึ่งถัดไปคือโครงการขนาดใหญ่ที่มีการก่อสร้างบ้านเรือนไปแล้วหลายหลัง นี่หากไม่เพราะเป็นห่วงอาการเจ็บของภรรยาก็คงไม่มีโอกาสได้เข้ามาเห็นที่ทำงานของหญิงสาว ธนดลนึกเยาะ พวกสถาปนิกเขาอยู่กันแบบนี้เองหรือ อาคารสำนักงานหลังไม่ใหญ่มากแถมตัวอาคารหลายๆ ส่วนยังทำจากเศษวัสดุที่เหลือใช้อีกด้วย

“โครงการใหญ่เหมือนกันนะ” เขาชม
“ค่ะ เหลืออีกนิดหน่อยก็จะเสร็จแล้ว”
พลับพลึงหมายถึงการออกแบบที่ได้รับมอบหมายให้เพิ่มเติม
“ฝีมือคุณหมดนี่เลยหรือ”

พลับพลึงตาโต ถ้าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเธอคงจะรวยเละไปแล้ว
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันออกแบบแค่อาคารสำนักงานส่วนหน้า ก็ที่ที่เพิ่งเคลียริ่งเมื่อกี้ไงคะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
แล้วพลับพลึงก็เปิดประตูรถลงไปเมื่อรถจอดสนิทหมายจะเห็นธนดลขับออกไปโดยเร็ว

“คุณเลิกงานกี่โมง” ธนดลเอ่ยถามก่อนที่ประตูรถฝั่งผู้โดยสารจะปิดลง
“ห้าโมงเย็น ทำไมคะ”
“ผมจะมารับ”

“เอ่อ มะ ไม่ต้องหรอกค่ะ”
พลับพลึงรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน คงไม่ดีแน่หากใครจะเห็นเธออยู่กับเขา

“คุณนี่เรื่องมากจริง ไม่ต้องพูดแล้วเอาเป็นว่าห้าโมงเย็นผมจะมารับ ช่วยปิดประตูด้วยผมรีบ”

พลับพลึงอ้าปากจะประท้วงแต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขาเธอก็จำใจยอมปิดประตูแล้วรถก็บึ่งออกไปพร้อมกับเสียงถอนหายใจยาวของเธอ ต่างจากคนในรถที่ยิ้มพอใจเขามองกระจกหลังมองพลับพลึง แต่แล้วรอยยิ้มก็หุบลงเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาภรรยาของเขา
'ไอ้หมอนั่นใคร'



คนแปลกหน้า...
นั่นเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของวุฒิชัยซึ่งเหลือบตาไปเห็นเข้าพอดี ชายหนุ่มหน้าตาดีมาดสุขุมกำลังเดินตรงมาทางเขาและสถาปนิกสาว วุฒิชัยสะกิดพลับพลึงทันทีเมื่อแน่ใจว่าชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นต้องเดินตรงมาที่เขาและเธอแน่นอน
“พลับ นั่นใคร”

พลับพลึงหันมองตามค่อนข้างตกใจที่ทำไมสามีถึงได้มาปรากฏตัวก่อนเวลาที่นัดกันไว้ กะว่าจะรีบเคลียร์งานแล้วเดินออกไปดักรอรถของธนดลด้านนอก เธอยกข้อมือขึ้นดูเวลาอย่างหัวเสียรีบรวบแบบที่กำลังปรึกษาหารือกับวุฒิชัยอยู่
“หน้าตาดีซะด้วย ดูสิเขาตรงมาทางเราด้วยนะ”

วุฒิชัยรำพันโดยไม่ได้สนใจอาการอึดอัดที่กำลังเกิดขึ้นกับหญิงสาว
“อ๋อ ลูกค้าน่ะก็คนที่คุณต้นโยนงานให้พลับไง เขาคงมีอะไรจะคุยกับพลับ งั้นพลับขอตัวก่อนนะ ส่วนรายละเอียดส่วนอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ชัยถอดแบบ ประมาณราคาต่อได้เลย”

พลับพลึงตัดบทก่อนที่วุฒิชัยจะมีคำถามมากกว่านี้และหากปล่อยให้ธนดลเดินเข้ามาถึงตัวคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เรื่องการแต่งงานระหว่างธนดลและเธอควรจะมีคนอื่นรู้น้อยที่สุด
วุฒิชัยทำหน้างงๆ แค่ลูกค้ามาหาจำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นเชียว

พลับพลึงรีบขึ้นรถแล้วนั่งหน้ามุ่ยหันหน้ามองออกไปนอกกระจก มีบางครั้งที่มองค้อนให้คนข้างๆ ต่างจากธนดลที่ค่อนข้างอารมณ์ดี ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอารมณ์ดีคงเพราะไม่เห็นผู้ชายคนเมื่อเช้าเดินออกมาส่งภรรยา
“คราวหน้าไม่ต้องมารับฉันแล้วนะคะ หรือจะให้ดีคุณอย่ามาที่ทำงานฉันอีกเลย ฉันขอร้อง”

คนอารมณ์ดีเริ่มอารมณ์เสีย เขาหรืออุตส่าห์รีบมารับเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะรอนานแต่กลับถูกต่อว่าเสียงเขียว
“ที่ไม่อยากให้มาเพราะกลัวแฟนคุณเข้าใจผิดหรือไง”

“ใครแฟนฉัน อย่ามามั่ว ฉันกับชัยเป็นเพื่อนกัน”
“อ้อ ชื่อชัย ผู้ชายดูกันออกน่าคุณ ผู้ชายคนนั้นไม่ได้มองคุณแบบเพื่อนหรอก หรือคุณดูไม่ออกจริงๆ”
พลับพลึงตวัดสายตาสั่งให้เงียบเสีย และไม่คิดจะอธิบายหรือตอบโต้อะไรกับคนพาลอีก





ท่ามกลางแสงแดดอ่อนของตะวันเริ่มรอนแรมคล้อยต่ำ พลับพลึงซึ่งนั่งอยู่ในรถกับสามีที่เริ่มคุ้นเคยแต่ก็ยังไร้เสียงพูดคุยตอบโต้เมื่อถึงจุดหมายพลับพลึงก็เดินลิ่วตรงเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำอาบท่าก่อนจะผลัดให้อีกฝ่ายได้เข้าไปใช้ห้องหับต่อ การกระทำของทั้งคู่สร้างความสงสัยให้กับน้อยสาวใช้มากขึ้นทุกวันเพราะน้อยครั้งมากจะเห็นสามีภรรยาคู่นี้อยู่ร่วมห้องกัน แม้ในยามดึกดื่นยังไม่เข้าห้องนอนพร้อมกันเลยซักครั้ง แม่บ้านถือถาดน้ำเข้ามาวางเมื่อธนดลนั่งลงยังเก้าอี้รับแขกสายตาแม่บ้านมองอย่างฉงนแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามเมื่อวางแก้วน้ำเรียบร้อยจึงถอยห่างออกมาพึมพำเพียงลำพัง
'ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ'

ธนดลหยิบเอกสารที่ได้จากนักสืบซึ่งเขาจ้างให้ทำงานลับๆ ออกมาดูหัวคิ้วของชายหนุ่มขมวดม่นหนักหน่วง พลับพลึงออกมาทันเห็นท่าทางเคร่งเครียดนั้น เธอเดินเช็ดผมเข้าไปหาทั้งๆ ที่ปกติแล้วเธอจะเลี่ยงที่จะพูดคุยกับธนดลให้มากที่สุด
“ดูคุณเครียดๆ นะคะ”

“ก็นิดหน่อย ไปทานข้าวเถอะ” ธนดลตอบเลี่ยงๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องเสียเมื่อเห็นแม่บ้านตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว
“แล้วคุณไม่อาบน้ำก่อนหรือคะฉันว่าอาบน้ำก่อนดีกว่า ฉันรอได้”
ธนดลพยักหน้ารับ เขาวางเอกสารไว้บนโต๊ะแล้วเดินเข้าห้อง พลับพลึงมองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะเธอถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู เมื่อลงมืออ่านจึงรู้ว่านี่เป็นเอกสารเกี่ยวกับหนี้สินของลุงกับป้าแต่จำนวนเงินที่ต้องชดใช้หนี้นี่สิ มันไม่ใช่สิบห้าล้านอย่างที่ป้ากับลุงเคยบอกเธอ
“อ่ะ!”
พลับพลึงสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเมื่อเอกสารที่กำลังอ่านอยู่นั้นถูกกระชากออกไปจากมือ เธอตวัดสายตามองอย่างไม่ชอบใจ แค่เอ่ยขอดีๆ เธอก็จะคืนให้อยู่แล้ว
“คุณไม่ควรเสียมารยาทแบบนี้” ธนดลต่อว่า
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วง”

“แต่คุณก็ทำไปแล้ว”
“ถ้ามันไม่เกี่ยวกับหนี้สินของลุงกับป้าของฉันฉันก็คงไม่เสียสายตาอ่านมันหรอก”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะคุณก็ไม่ควร”

ธนดลเสียงเข้มขึ้นแต่อีกฝ่ายก็ขึงขังไม่แพ้กัน งานนี้เธอไม่ผิด ยังไงก็ไม่ผิด แถมยังมีเรื่องจะถามเขาเสียด้วย
“ตัวเลขในเอกสารนั่น..”
“ผมจะไปอาบน้ำ” ธนดลเลี่ยง

“หยุดนะคุณดล ตัวเลขนั่นไม่ใช่สิบห้าล้าน นี่คุณโกงลุงกับป้าฉันเหรอ”
“ผมไม่มีหน้าที่จะตอบอะไรคุณ ถ้าอยากรู้อะไรคุณก็ควรไปถามป้าคุณเอง แต่ผมบอกได้แค่ว่าผมไม่เคยโกงใคร”
ถ้าธนดลไม่ได้โกงก็แสดงว่าป้าโกหกนะสิ
“ผมจะไปอาบน้ำ” ธนดลตัดบท

“หยุดก่อนคุณดล ฉันอยากรู้ว่ามีอะไรอีกมั้ยที่ฉันยังไม่รู้”
แต่ธนดลก็ไม่ยอมหยุดพลับพลึงจึงเดินตามเข้าไปในห้องด้วย เธอถอนหายใจฮึดฮัดเมื่อตามเข้าไปช้าเกินไปเพราะชายหนุ่มหนีเข้าห้องน้ำไปเสียแล้ว เธอจึงนั่งกอดหมอนรอชายหนุ่มอยู่บนเตียงด้วยสายตามุ่งมั่นว่า อย่างไรก็ต้องได้รับคำตอบให้ได้
ธนดลออกจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดกางเกงผ้าเบา เขาเดินไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาเอนตัวที่เตียงแล้วเริ่มอ่านมันโดยไม่สนใจคนที่นั่งหน้างอรออยู่ ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนเสียด้วยซ้ำไป

“กรุณาบอกฉันเถอะว่ามีอะไรอีกบ้างที่ฉันยังไม่รู้”
พลับพลึงอ้อนวอนคนที่มองเธอเป็นอากาศธาตุ แต่ก็ยังไม่ได้รับความสนใจแต่อย่างใด พลับพลึงทนไม่ไหวจึงลุกไปหาแล้วคว้าหมับที่หนังสือในมือของธนดลทำให้ชายหนุ่มหันมามองได้สำเร็จ

“สนใจฉันได้แล้วหรือ”
“เปล่า ผมสนใจหนังสือในมือคุณต่างหากเพราะผมยังอ่านไม่จบ”
พลับพลึงแทบเต้นเมื่อได้ยินอย่างนั้นมองมือที่แบขอหนังสือคืน แต่มีหรือจะยอมคืนให้ง่ายๆ นอกจากจะไม่ยอมคืนแล้วยังเอาไปซ่อนไว้ข้างหลังอีกด้วย
“ฉันจะคืนให้คุณก็ต่อเมื่อคุณบอกความจริงทั้งหมด”

“ความจริงอะไร”
“หนี้ของลุงกับป้าฉัน”
“มันไม่ใช่เรื่องของผมเลยนะ ลุงกับป้าคุณจะเป็นหนี้เท่าไหร่ แล้วพวกเขาบอกคุณเท่านั้นผมจะไปทราบได้ยังไง ไม่แน่ว่าที่บอกตัวเลขต่ำๆ เพราะอาจจะอายก็ได้”

พลับพลึงชะงัก ที่ธนดลพูดมาก็มีเหตุผล เธอห่อไหล่ ไม่ว่าจะสิบห้าล้านหรือยี่สิบห้าล้านสุดท้ายแล้วเธอก็ต้องยอมแต่งงานกับธนดลอยู่ดี
“ทีนี้ยังต้องการจะรู้อะไรอีกล่ะ หรือต้องให้ผมวิเคราะห์ต่อ อ้อ แต่ถ้าคุณอยากจะขอดูเอกสารทางการเงินล่ะก็ ขอบอกว่าผมคงให้ดูไม่ได้ เพราะเอกสารพวกนี้สงวนไว้สำหรับลูกหนี้เท่านั้น”

พลับพลึงฮึดฮัดเมื่อไม่ได้ดั่งใจ และหากยังเซ้าซี้ถามต่อไปก็คงจะไร้ประโยชน์จึงยอมแพ้เสียโดยจะยอมออกไปจากห้องแต่โดยดีแต่กลับถูกเรียกไว้
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกเล่า ฉันก็เลิกเซ้าซี้แล้วไงจะเอาอะไรอีก” คนหงุดหงิดแหวกลับไป
“หนังสือ”

ธนดลแบมือ พลับพลึงหน้าแดงก่ำ เธอหันขวับค้อนเคืองยิ่งเห็นหน้านิ่งๆ นั่นก้มลงมองหนังสือที่ติดมือเธอจึงยื่นหนังสือคืนให้อย่างกระแทกกระทั้น เม้มปากบ่นอุบอิบจะเดินออกไปจากห้องแต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินกลับไปที่เตียงแล้วเอ่ยผ่านๆ กับคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่นั้นด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นว่า

“ฉันหิว ถ้าคุณยังไม่หิวฉันขอทานก่อนแล้วกัน”
ธนดลยิ้มขันกับหน้าแดงๆ ของภรรยาแล้วเก็บหนังสือลุกตามคนหน้าแดงนั้นออกไป ใช่ เขาก็ควรจะหิวแล้วเหมือนกัน





*********
ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ เบลออย่างแรงลงนิยายผิดเรื่องเลย แก้ไขแล้วนะคะ (อายจัง)



แก้วมุกดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ย. 2557, 09:32:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ย. 2557, 14:51:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1366





<< พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 14   พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 16 >>
phakarat 11 ก.ย. 2557, 22:18:24 น.
เริ่มชอบพลับพลึงละสิคุณดล


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account