เทหน้าตักรักนางมารร้าย (ฉบับรีไรท์ ทำ e-book)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 7/2

“วันนี้วันหยุดไม่กลับกรุงเทพฯ เหรอครับคุณปุ่น” ลุงคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เรียกใช้บริการเป็นประจำจนสนิทสนมคุ้นเคยกันดีเอ่ยทักขึ้นมาเมื่อปุณยวีร์เดินผ่านหน้าวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าปากซอยทางเข้าอพาร์ตเมนต์ใกล้ๆ กับร้านสะดวกซื้อที่เปิดให้บริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

“สัปดาห์นี้ปุ่นไม่ค่อยสะดวกน่ะลุงเลยไม่ได้กลับ แต่จะนอนอืดอยู่ในห้องก็เบื่อเลยกะว่าจะหาที่เที่ยวสักหน่อย” ปุณยวีร์ตอบพร้อมรอยยิ้ม

“ดีแล้วล่ะครับทำงานมาตลอดทั้งสัปดาห์ควรจะหาเวลาเที่ยวพักผ่อนบ้าง แล้วคุณปุ่นวางแผนจะไปที่ไหนบ้างครับ”
“ยังไม่รู้เลยค่ะ กะว่าจะขึ้นรถบัสคันแรกที่วิ่งผ่านมา” เธอบอกง่ายๆ
“เอางั้นเลยเหรอครับ” ลุงคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างพูดกลั้วหัวเราะ

คนพูดง่ายไม่ว่าอะไรนอกจากหัวเราะผสมโรงไปด้วยก่อนจะชะงักไปเพราะได้ยินเสียงบีบแตรยาว จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงสุนัขร้องโหยหวนราวกับเจ็บปวดอย่างสาหัส “เอ๊งงงง…”

“ซวยแล้วไงไอ้เข้ม เดินไม่ดูตาม้าตาเรือจะรอดไหมวะมึงงานนี้ ไอ้คนขับก็แม่งเจริญไม่คิดจะลงมาดูดำดูดีเลย” เสียงชายคนหนึ่งแถวๆ นั้นในกลุ่มสี่คนสบถดังขึ้นมาขณะวิ่งออกไปดูอาการสุนัขที่ถูกรถชนนอนบาดเจ็บอยู่ข้างทาง

“หมาคนแถวนี้เหรอลุง” ปุณยวีร์เอ่ยถามคนข้างๆ

“หมาไม่มีเจ้าของน่ะคุณปุ่น มันเร่ร่อนอยู่แถวนี้” ลุงคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างตอบก่อนจะหันไปตะโกนถามกลุ่มคนที่เพิ่งผละจากดูอาการสุนัขบาดเจ็บ “เฮ้ย! มันเป็นยังไงบ้าง พอจะรอดไหมวะ”

“เจ็บหนักเลยลุง ไม่น่าจะรอด” คนหนึ่งในกลุ่มตอบกลับมาก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง

“อ้าว! แล้วไม่มีใครคิดจะพามันไปหาหมอเลยเหรอคะ” ปุณยวีร์ถามน้ำเสียงกัลวล

“โอ๊ย! ใครเขาจะพาไปล่ะคุณปุ่น ก็อย่างที่บอกว่ามันไม่มีเจ้าของแล้วใครจะมารับผิดชอบค่าหมอค่าหยูกยาล่ะ ไอ้สงสารมันก็สงสารอยู่หรอก แต่จะทำยังไงได้คงต้องปล่อยมันไปตามยถากรรม ถ้ามันอึดไม่ตายก็คงเป๋” ชายวัยกลางคนบอกปลงๆ

หากปุณยวีร์ไม่ปลงไปด้วยรีบก้าวเร็วๆ ตรงเข้าไปดูอาการสุนัขบาดเจ็บที่ยังร้องโหยหวนให้ได้ยินอยู่ข้างทาง อารามตกใจในสภาพที่เห็นและด้วยความรู้สึกสงสารหญิงสาวจึงยื่นมือออกไปลูบหัวปลอบประโลมเจ้าสี่ขาเคราะห์ร้ายหวังให้มันคลายความเคร่งเครียดก่อนจะคิดหาทางพาไปยังโรงพยาบาลสัตว์ ซึ่งคราแรกมันก็เชื่องดีอยู่หรอก แต่พอได้ยินเสียงบีบแตรดังจากรถบนถนนฝั่งตรงข้ามเท่านั้นมันก็ตกตื่นกระโจนเข้ามากัดคนที่พยายามจะช่วยเหลือจนร้อง “โอ๊ย!”

“อ้าว! ไอ้หมาเวร! คนเขาจะช่วยดันกัดเข้ามาได้” ลุงคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างสบถเสียงดังและทำท่าจะเข้าไปทำร้ายมัน

“ลุงอย่า! ปุ่นไม่เป็นไร” คนถูกกัดรีบร้องห้าม “เสียงแตรเมื่อกี้คงทำมันตกใจน่ะ มันไม่ได้ตั้งใจจะกัดปุ่นหรอกน่าจะทำตามสัญชาติญาณป้องกันตัวมากกว่า มันชื่อเข้มใช่ไหมลุง ลุงมาช่วยปุ่นปลอบมันหน่อยจะได้พามันไปหาหมอ”

ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะ “คุณปุ่นหนอคุณปุ่น ตัวเองเพิ่งถูกกัดอยู่หยกๆ สนใจดูแผลของตัวเองก่อนเถอะครับแล้วค่อยไปห่วงไอ้เข้มมัน”

“ลุงก็หยุดบ่นแล้วมาช่วยปุ่นปลอบมันก่อนสิจะได้รีบพามันไปหาหมอ จากนั้นปุ่นจะได้ไปหาหมอบ้างไง”

“เฮ้อ… ดื้อจริงเชียวคุณปุ่น ถ้าเป็นลูกหลานลุงพูดแล้วไม่ฟังกันแบบนี้มีโดนไม้เรียวไปแล้วนะนี่” ลุงคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างบ่นก่อนจะเข้าไปใกล้เจ้าเข้มซึ่งยังมีอาการตกตื่นตะเกียกตะกายพยายามจะลุกขึ้นทั้งที่เนื้อตัวมีร่องรอยได้รับบาดเจ็บอยู่หลายแห่ง

“เจ้าเข้ม… เจ้าเข้ม ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไร ไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวข้าจะพาไปหาหมอ ไม่เป็นไรแล้ว อย่ากัดกันนะ ข้ามาช่วยเอ็งไม่ได้มาทำร้าย” ปลอบประโลมเสียงอ่อนก่อนจะค่อยๆ เข้าไปใกล้แล้วลูบหัวลูบตัวเมื่อเห็นว่าเจ้าสี่ขาเริ่มสงบลง

ปุณยวีร์ถอนหายใจโล่งอก เริ่มเห็นทางรอดของสุนัขเคราะห์ร้ายขึ้นมารำไร แต่จะพามันไปโรงพยาบาลสัตว์ยังไงนี่สิปัญหา ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ ไม่รู้จะอุ้มซ้อนมอเตอร์ไซค์ไหวหรือเปล่า แล้วระหว่างทางมันจะดิ้นจนตกจากรถเจ็บหนักกว่าเดิมไหม… และในระหว่างที่คิดจิปาถะไปเรื่อยนั่นเองเสียงหนึ่งก็ดังทักขึ้นมา

“ปุ่น…”
“พี่ปุ้น” เป็นภควัตนั่นเองที่กำลังเดินตรงเข้ามาหา

“เกิดอะไรขึ้น ปุ่นเป็นอะไรหรือเปล่า” ไม่เพียงถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยเท่านั้น ดวงตาคู่เรียวรีของเขายังกวาดมองมาทั่วร่างของเธออีกด้วย

“เปล่าค่ะ ปุ่นไม่เป็นอะไร” / “คุณปุ่นถูกหมากัดครับ” ปุณยวีร์และลุงคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างพูดขึ้นพร้อมกัน หากภควัตคงได้ยินแต่เพียงคำพูดของชายวัยกลางคนเท่านั้นเพราะหลังจบประโยคเขาก็อุทานเสียงหลงทันที

“อะไรนะ!”

ปุณยวีร์ส่ายศีรษะ “ปุ่นไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะพี่ปุ้น ลุงแกก็ซีเรียสเกินไป เจอพี่ปุ้นก็ดีแล้ว ปุ่นรบกวนช่วยพาเจ้าเข้มไปหาหมอได้ไหมคะ ทีแรกก็ว่าจะพาซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปแต่ตัวมันใหญ่เหลือเกินปุ่นไม่แน่ใจว่ามันจะสงบจนถึงโรงพยาบาลไหม กลัวว่ามันจะดิ้นแล้วเกิดอุบัติเหตุเจ็บหนักกว่าเดิม”

“แน่ใจนะว่าไม่เป็นไรจริงๆ” ภควัตถามน้ำเสียงเคลือบแคลง

“แน่ใจค่ะ” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มสนทนาตอบรับหนักแน่น หากคนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์มาตั้งแต่แรกกลับตอบว่า “ยังไม่แน่หรอกครับ ต้องดูที่ข้อมือก่อนว่ามีแผลหรือเปล่า เพราะตั้งแต่ถูกกัดคุณปุ่นก็ยังไม่ดูตัวเองเลยมัวแต่เป็นห่วงเจ้าเข้ม”

ปุณยวีย์ทำหน้ามุ่ย “ลุงอะ!”

และก็เช่นเคยภควัตเลือกฟังเฉพาะคำพูดของลุงคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างเท่านั้น ใบหน้าที่เคยแฝงแววใจดีอยู่เป็นนิจแลดูเคร่งขรึมลงไปก่อนเขาจะบอกเสียงเครียดว่า “ปุ่น พี่ขอดูข้อมือหน่อย”

คนหน้ามุ่ยอิดออดอยู่เป็นครู่กว่าจะยอมยื่นมือข้างที่ถูกสุนัขกัดออกมาแล้วค่อยๆ พับแขนแจ็กเก็ตยีนส์ขึ้นเพื่อสำรวจดูว่ามีบาดแผลหรือเปล่า ขณะที่ปากยังคงยืนยัน “ปุ่นไม่เป็นไรจริงๆ แจ็กเก็ตตัวนี้หนานะคะ เจ้าเข้มกัดไม่เข้า อ้าว…” พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องอุทานเสียงอ่อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มแหยๆ ให้คนที่จ้องมองมาไม่วางตา เมื่อประจักษ์ชัดกับตาว่า ไอ้ที่ตัวเองบอกไม่เป็นอะไรนั้นแท้ที่จริงแล้วมันเป็น แม้จะไม่หนักหนาเท่าไร แต่ก็ถือว่าไม่น้อยเหมือนกัน ข้อมือที่ปกติมีสีผิวขาวจัดสม่ำเสมอมาบัดนี้กลับปรากฏรอยช้ำสีม่วงอมเขียวเป็นจ้ำๆ แถมยังมีรอยถลอกอีกเล็กน้อยด้วย

“โอย ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะนั่น รีบพาไปหาหมอฉีดยากันพิษสุนัขบ้าเถอะคุณ เพราะไอ้เจ้าเข้มนี่ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันได้ฉีดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” ชายวัยกลางคนเสนอขึ้นมา

“แล้วใครจะพาเจ้าเข้มไปหาหมอล่ะ ปุ่นปล่อยมันไปตามยถากรรมอย่างที่ลุงว่าไม่ได้หรอกนะ”

“ลุงพาไปเอง คุณปุ่นไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวลุงจะเรียกพรรคพวกมาช่วยอุ้มมันไป”

“ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะครับลุง” ภควัตบอกพลางหยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งส่งให้อีกฝ่ายช่วยเป็นธุระพาสุนัขไปรักษาอาการบาดเจ็บ “ไปกันได้แล้วปุ่น รถพี่จอดอยู่ทางโน้น”

คล้อยหลังหนุ่มสาวทั้งสองไปไม่เท่าไหร่ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งอาสาเข้ามาช่วยเหลือลุงคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างพาเจ้าเข้มไปส่งยังโรงพยาบาล ทั้งที่แกยังไม่ทันได้ไปเรียกพรรคพวกให้มาช่วยเลยด้วยซ้ำ






“อยากไปไหน”

“คะ?” ปุณยวีร์ส่งเสียงแปลกใจพลางเบิกตาโตมองคนที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับอึ้งๆ เพราะตั้งแต่เห็นรอยแผลถูกสุนัขกัดของเธออีกฝ่ายก็ทำหน้าเคร่งขรึมประหยัดถ้อยประหยัดคำพูดน้อยมาโดยตลอด จนเธอได้แต่คร่ำครวญในใจว่า ‘ฮืออออ… เอาพี่ปุ้นสุดแสนใจดีของฉันคืนมาได้ไหม’

“ก็อยากไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ รถคันแรกผ่านมาแล้ว ปุ่นก็ขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว อยากจะไปไหนก็เชิญบัญชามาสิครับ คนขับรถจะได้พาไปถูก” เขาบอกพร้อมรอยยิ้มใจดี

‘เย้! พี่ปุ้นสุดแสนใจดีคนเดิมกลับมาแล้ว’ ปุณยวีร์กรีดร้องในใจก่อนจะถามน้ำเสียงแปลกใจระคนดีใจว่า “พี่ปุ้นรู้ได้ยังไง ปุ่นไม่ได้บอกใครเลยนอกจากลุงวิน”

“พี่ก็รู้จากลุงวินคนเมื่อกี้นั่นแหละ” ภควัตบอกกลั้วหัวเราะ

“หือ?”

“ก็ตรงวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างเขามีเบอร์โทรศัพท์ติดไว้สำหรับคนที่ต้องการให้ไปรับถึงที่ไม่ต้องเดินไปขึ้นที่วินใช่ไหมล่ะ พี่มีเบอร์นั้นอยู่ก็เลยโทร.ไปถามเบอร์ของคุณลุงคนเมื่อกี้ เพื่อจะโทร.ไปถามอาการเจ้าเข้มสุดที่รักของปุ่นไง ห่วงมันมากไม่ใช่เหรอครับ แล้วนอกจากจะบอกว่าเจ้าเข้มปลอดภัย ลุงแกก็บอกมาอีกว่ามีคนบางคนอยากไปเที่ยว แต่ดันไม่เจียมตัวอยากจะช่วยหมาจนถูกหมากัด” วิศวกรหนุ่มรุ่นพี่สาธยายยืดยาวก่อนจะตบท้ายด้วยการแขวะเล็กๆ

“พี่ปุ้นอะ” คนไม่เจียมตัวทำแก้มพอง

“มีน้ำใจมันไม่ผิดหรอก แต่ปุ่นต้องดูแลตัวเองด้วยรู้ไหมครับ” ภควัตบอกน้ำเสียงจริงจัง

“ปุ่นทราบค่ะ แต่อาการของเจ้าเข้มตอนนั้นมันน่าเป็นห่วงจริงๆ กลัวว่าถ้าชักช้ามันอาจจะไม่รอด ส่วนปุ่นถูกกัดแค่หน่อยเดียวถ้าเสร็จธุระจากเจ้าเข้มแล้วไปให้หมอฉีดวัคซีนก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว เอาเป็นว่าคราวหน้าปุ่นจะระวังดูแล ตัวเองให้ดีกว่านี้ สรุปว่าพี่ปุ้นเลิกโกรธปุ่นแล้วใช่ไหมคะ” ลงท้ายด้วยคำถามเข้าทางตัวเองไม่พอปุณยวีร์ยังทำหน้าตาบ้องแบ๊วออดอ้อนชายหนุ่มรุ่นพี่สุดฤทธิ์

“ก็ว่าจะยังนะแต่กลัวว่าล่ามสาวหน้าใสของหนุ่มๆ HANO จะกลายเป็นล่ามสาวหน้ายับมู่ทู่เสียก่อน” คนที่ทำท่า โกรธกันมาเกือบชั่วโมงตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

“ล่ามสาวหน้าใสหรือ ‘จอมมารหน้าใส’ กันแน่คะ เหอะ! อย่าให้จับได้คาหนังคาเขาเชียวนะว่าใครเป็นคนต้นคิดเดี๋ยวได้รู้ฤทธิ์จอมมารตามที่ปากว่าแน่” เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอาฆาตแค้นอย่างหนัก เพราะค่อนข้างแน่ใจว่าใครที่คิดฉายานี้ขึ้นมา ‘ฮึ่ม! ไอ้พี่ดำปืน ถ้าอยู่ห่างแก้วเมื่อไหร่จะจัดให้หนักเลยคอยดู!’

“ไปได้ยินมาจากไหนครับ” วิศวกรหนุ่มรุ่นพี่ถามยิ้มๆ

“แถวแผนกวิศวกรรม ชัดๆ เต็มสองหู”

“ชัดจริงเหรอ ไม่ใช่หรอกมั้ง ใครเขาจะพูดแบบนั้น”

“แหมพี่ปุ้น ปุ่นเพิ่งย่างยี่สิบหกเท่านั้นนะคะ ไม่ใช่หกสิบสองจะได้หูตึงฟังอะไรไม่ก็รู้เรื่อง” ถ้าไม่ประทับจิตประทับใจกันมาตั้งแต่แรกเจอจะโกรธแล้วนะนี่ พูดแบบนี้มันแปลความได้ว่าฉันหูตึงนะยะ ฮึ่ม! หยาบคายที่สุด ฉันตึงหมดทุกส่วนย่ะ แต่ยกเว้นหู!

“พี่ก็ไม่ได้ว่าปุ่นหูตึงสักหน่อยนี่ครับ” ภควัตบอกกลั้วหัวเราะ “เอาเป็นว่าเรื่องนั้นน่ะช่างเถอะ สรุปว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนปุ่นยังไม่บอกพี่เลย” แล้วเขาก็พาวกกลับมาเรื่องเที่ยว ‘ก็ได้ ถือว่ายกประโยชน์ให้จำเลย… ที่รัก’ (>_<)

“ที่ไหนก็ได้ค่ะ” บอกเสียงใส

“ตอบไม่คิด เดี๋ยวพี่จะพาไปขาย” เขาว่าหน้าตาเฉย

“พี่ปุ้นอะ เดี๋ยวปุ่นจะโกรธบ้างแล้วนะ” อุตส่าห์ไม่มากเรื่องแล้วยังมาว่ากันอีก เฮอะ! “ปุ่นยังไม่เคยเที่ยวแถวนี้ ถ้าถามว่าอยากไปที่ไหนก็คงตอบว่าทุกที่นั่นแหละ แต่มันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นเจ้าถิ่นจะกรุณาแนะนำได้ไหมคะ ที่ไหนก็ได้ที่พี่ปุ้นคิดว่าน่าสนใจ”

“เอางั้นก็ได้ จัดไปตามนั้น” ภควัตว่าพลางยักคิ้ว

ปุณยวีร์ยิ้มกว้าง “โอเค จัดไปค่ะ”

'หึๆ ไม่ต้องถ่อไปถึงเสม็ด พี่ปุ้นก็เสร็จปุ่นแน่แล้วล่ะวันนี้'

TBC...

เป็นยังไงบ้างคะ ถูกคู่ ถูกใจบ้างไหมเอ่ย ถ้ายังก็ติดตามลุ้นกันต่อไปนะคะ ^_^ ขอบคุฯทุกคลิกที่เข้ามาอ่านค่ะ




พนาศิลป์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ส.ค. 2557, 00:09:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ส.ค. 2557, 00:09:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1270





<< 7/1   ตอนที่ 7/2 - 8 >>
Zephyr 2 ธ.ค. 2557, 12:43:08 น.
อุ นางคิดจะทำอะไรกะพี่ปุ้นสุดรักนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account