ตะวันต้องลม
เขาคิดมาเสมอว่าทุกอย่างที่เกิดกับน้องชายเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น!

และเธอต้องรับผิดชอบ เขาจะทำให้คาสโนวี่อย่างเธอรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น

เธอคือเป้าหมายที่เขาต้องพิชิต

แม้ว่าตะวันดวงนี้จะเป็นตะวันที่ร้อนแผดเผา และไม่ได้ความรักมาง่ายๆ

แต่ลมอย่างเขาก็ไม่หวั่น เขาจะเป็นลมพายุที่พัดกลุ่มเมฆมาบดบังแสงตะวันของเธอให้ได้!

เมื่อดึงตะวันคล้อยต่ำลงได้เมื่อไหร่ เขาจะปล่อยเธอทิ้งร่วงลงสู่พื้นดิน
Tags: อนิล วาดตะวัน วิฬุร ดราม่าโรแมนติก

ตอน: บทที่ 1

บทที่ 1

วิฬุรเงียบหายนานเกินไป

วาดตะวันทบทวนกับตัวเอง ตั้งแต่วันนั้นที่เธอไม่ได้รับโทรศัพท์จากวิฬุรที่โทรเข้ามานับสิบสาย ด้วยเพราะเธอติดธุระเดินแบบในงานหรูงานหนึ่ง เครื่องมือสื่อสารต้องห่างตัว จนถึงตอนนี้รวมเวลากว่าสองอาทิตย์แล้ว ทุกอย่างยังคงเงียบ!

หญิงสาวเริ่มรู้สึกร้อนรนและเป็นห่วง ข้อความตัดพ้อประโยคล่าสุดที่วิฬุรส่งมาทำให้หญิงสาวไม่สบายใจสักนิด และเธอก็นึกภาพออกทันทีว่าหน้าตาของฝ่ายนั้นยามพิมพ์ข้อความมาจะเป็นเช่นไร

‘สุดท้ายวาดก็ทิ้งเรา’

วาดตะวันนึกแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ เธอรู้จักกับวิฬุรมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเธอเคยแอบชอบเพื่อนสนิทคนนี้ จะมีผู้ชายคนไหนอ่อนโยน รักเด็ก ชอบช่วยเหลือคนแก่ และยังออกโรงปกป้องเธอในวันที่โดนรุ่นพี่นิสัยเสียกลุ่มหนึ่งมาหาเรื่อง เธอถึงขั้นเก็บเอาความมาดแมนแอนด์แฮนด์ซั่มของเขามาฝันละเมอไปพักหนึ่ง เธอเป็นประเภทชอบใครก็อยากจะทำความรู้จัก ไม่แปลกที่เธออาศัยระยะเวลาเพียงไม่นานเธอกับวิฬุรก็สนิทกัน

บางคนบอกว่าหากเริ่มด้วยความเป็นเพื่อน จะพัฒนาความสัมพันธ์ได้ยาก ตรงข้ามกับความคิดของวาดตะวัน เธอกลัวการผิดหวังพอๆ กับการไม่เชื่อใจผู้ชายคนใดในโลกนี้...แม้แต่พ่อ ที่ท้ายที่สุดก็ยังนอกใจแม่ที่ท่านเคยบอกว่ารักนักรักหนาได้ ถึงในวันนี้พวกท่านจะกลับมาแต่งงานกันอีกครั้งได้ครบปีแล้วก็ตาม แต่บาดแผลบางอย่างก็ยังติดตรึงในใจเธอ

เธอจึงชอบที่จะเรียนรู้ความเป็นมนุษย์จากคนอื่น อยากจะดูว่าคนๆ หนึ่งจะดีชั่วได้มากขนาดไหน กับวิฬุรเธออยากรู้จักอีกฝ่ายให้มากๆ และใช้เวลาไม่นานเลย เพียงไม่กี่เดือน เธอก็รู้ว่าระหว่างเธอกับวิฬุรเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากสถานะเพื่อนสนิท

ไม่ใช่ว่าวิฬุรไม่ดี เขาดีถึงดีมาก เธอลองหยั่งเชิงแกล้งลืมเงินมาโรงเรียน เขาก็จะให้หยิบยืมเปล่าๆ หรือตอนฝนตกที่เธอตั้งใจยืนรอดูว่าวิฬุรจะทำอย่างไรทั้งที่ในกระเป๋ามีร่มอยู่ ก็พบว่าฝ่ายนั้นยื่นกระเป๋าเคียงสีดำที่บรรจุหนังสือส่งให้เธอใช้ต่างร่ม และตัวเองยกมือปิดหัววิ่งไปตามเงาตึก และอีกหลายๆ ครั้งที่วิฬุรผ่านทุกบททดสอบของเธอ

หญิงสาวมั่นใจว่าเธอที่เป็นเด็กมัธยมสี่ในเวลานั้นรู้สึกเผลอไผล และเกือบจะเรียนรู้ความรู้สึกอบอุ่น หวานในใจ หากไม่มีความจริงที่อีกฝ่ายมาสารภาพกับเธอในวันที่เธอเห็นเขาแอบมองหนุ่มหล่อประจำโรงเรียนอยู่คนหนึ่ง

‘เรามองเขามาตั้งแต่มอต้น แต่เขาไม่เคยรู้เลย’

ถ้าหากวิฬุรจะชอบผู้หญิง เธอก็คงพร้อมจะแย่งชิงเพื่อให้ได้หัวใจของเขามา แต่ในเมื่อเรื่องรสนิยมเป็นเรื่องที่บีบบังคับไม่ได้ เธอจึงวางเขาไว้ในสถานะเพื่อน และยาวนานมาจนถึงวันนี้

วาดตะวันนั่งพิงเบาะรถนิ่งๆ ยกมือบีบนวดขมับตัวเองไปมา เธอรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนที่ไม่ค่อยดีนัก หลายครั้งที่เธอสนใจงาน สนใจสิ่งดึงดูดอื่นๆ อาทิเพศชาย สนุกกับการทดสอบ หรือจะเรียกว่าปั่นหัวเพื่อความสนุกชั่วครู่ก็ตามที เธอจะตีจากทันทีหากคนๆ นั้นยื่นมือมาจับมือเธอ และแผ่กระแสหื่นกระหาย และอีกกรณีคือ คนๆ นั้นเป็นบุคคลที่ยากจะอ่านออก ยิ่งคบยิ่งกลายเป็นว่าไม่รู้จัก

ในวงการล้วนเรียกเธอว่าคาสโนวี่สาวไฮโซ คนที่เปลี่ยนผู้ชายบ่อยขนาดกระดาษชำระห้องน้ำยังอาย เธอไม่รู้หรอกว่าไอ้การเปลี่ยนผู้ชายดูหนังทานข้าว แต่ไม่เคยมีใครไปจบลงที่เตียง หรือแม้แต่อาจหาญด้วยการเอื้อมมือมาสัมผัสกายเธอ จะทำให้เธอโดนเปรียบเปรยกับกระดาษชำระ

นานาจิตตัง และเธอไม่ได้ไปขอข้าวใครกิน วาดตะวันคิดอย่างนั้นเธอจึงไม่ใส่ใจปากอีแร้งทั้งหลายที่คอยโฉบลงมาจิกกัด ผู้สื่อข่าวดีๆ ยังมีอีกมาก

หากเธอไม่มีวิรุฬเป็นแบบอย่างในเรื่องความสุขุม ใจเย็น และทำตัวเป็นมนุษย์ผู้ขจัดภัยให้กับเธอ ป่านนี้เธอคงวางมวยกับชาวบ้านชาวช่องไปทั่วแล้ว

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วาดตะวันเลิกหวังว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาจะเป็นเบอร์ของเพื่อนที่เธอเฝ้าตามหามาตลอดแล้ว และชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก็ทำให้หญิงสาวต้องเก็บอาการถอนหายใจไว้ก่อนจะกดรับ

“หนึ่งอาทิตย์แล้วนะคะ น้องวาดจะไม่รับงานเดินแบบเหรอคะ อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะเป็นงานแฟชั่นวีค งานไหนพลาดก็ได้ แต่งานนั้นไม่ควรพลาดค่ะ น้องวาดต้องเดินทั้งในฐานะนางแบบ แล้วก็ดีไซเนอร์นะคะ”

“แล้วพี่เกี๊ยวเจอฝนบ้างไหมคะ ถ้ายังไม่มีเบาะแสของฝน ฉันไม่กลับ ฉันเป็นห่วงฝน” วาดตะวันรู้ตัวว่าเธอกำลังทำตัวเป็นมนุษย์ไร้ความรับผิดชอบครั้งแรกในชีวิต แต่ไม่ใช่เพราะงานล้นมือพวกนี้เหรอ เวลาที่เธอควรจะมีเหลือให้กับวิฬุรบ้างจึงลดน้อยลง น้อยจนเธอไม่รู้ว่าเพื่อนเธอเป็นตายร้ายดีอย่างไร

“แล้วนี่น้องวาดไปอยู่ที่ไหนคะ”

“ฉันกำลังจะไปบ้านฝนค่ะ”

“พี่ว่า...”

“ฉันออกแบบคอลเลกชั่นที่จะใช้เดินในงาน ในส่วนที่ฉันได้คอนเซ็ปต์มาเสร็จตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่แล้วค่ะ ฉันให้เด็กในร้านดำเนินการกับทางผู้จัดแล้ว ส่วนเรื่องเดินแบบไว้ค่อยว่ากันค่ะ ขอฉันตามหาฝนก่อน”

วาดตะวันไม่อยากฟังเหตุผลล้านแปดของฉันทยาอีก พูดจบจึงตัดสายไป เธอรู้ว่าใครต่อใครล้วนเข้าใจว่าถึงเธอจะคาสโนวี่ตัวแม่ของวงการ แต่ก็ยังมีซุกหนุ่มนอกวงการไว้เป็นแฟนจริงๆ อยู่คนหนึ่ง เธอมักจะออกไปไหนมาไหนกับวิฬุรอย่างเปิดเผย ดูหนัง ทานข้าว เที่ยว ทุกครั้งที่ฝ่ายนั้นลงมากรุงเทพฯ

หรือจะอีกคนก็คือเขมรัฐ เพื่อนในวัยเด็กที่เล่นหัวกันได้ ซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นน้องเขยของเธอเสียแล้ว ซึ่งเธอก็ไม่อยากทดสอบชีวิตคู่ของน้องสาวอีก เธอแทบจะใส่น้องสาวยกพานถวายให้เขมรัฐ ผู้ชายที่บรรดาน้องๆ เธอพูดลับหลังเขียนจันทร์ที่กำลังแต่งงานกับเขมรัฐเมื่อปีก่อนว่า ‘พี่เขียนเป็นเจ้าสาวที่โชคร้ายที่สุดในสามโลก ดูสิ หนีอุ้งมือมารพ้นที่ไหน’

เธอจึงรอดพ้นมือมารไปใช้เป็นเครื่องมือยั่วให้เขียนจันทร์หึงนับแต่นั้น เหลือเพียงวิฬุรที่ยังวนเวียนในชีวิตของเธอ

วิฬุรเรียนจบในมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง ก็ตัดสินใจกลับขึ้นไปดูแลธุรกิจของครอบครัวต่อ ซึ่งเป็นธุรกิจรีสอร์ต ไร่กาแฟ ชา และสวนส้มอยู่ทางเหนือ ส่วนเธอก็เริ่มอาชีพนางแบบเต็มตัว หลลังจากลองชิมลางมาบ้างตั้งแต่เรียน
มหาวิทยาลัย และจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสแฟชั่นมาหลากหลายที่ เธอก็เริ่มสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะตามด้วยเปิดห้องเสื้อต่อ

เธอทำงานหนัก สนุกกับชีวิต และเริ่มมีเวลาให้วิรุฬน้อยลง แม้ว่าจะรู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังคบใคร แต่เธอก็ไม่ได้ก้าวก่ายชีวิตเขา

‘บ้านเรารับไม่ได้หรอก ยิ่งเป็นพี่ลม ฝ่ายนั้นต้องจับเราขัง ล้างสมอง จนกว่าที่เขาจะเปลี่ยนเราได้’

วิฬุรมีพี่ชายอยู่หนึ่งคนชื่ออนิล เธอเคยเจออนิลเพียงไม่กี่ครั้ง ในงานรับปริญญาหนึ่งครั้ง และอีกไม่เกินสองครั้งในเวลาที่เธอขึ้นไปหาวิฬุรที่บ้าน และเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะบางครั้งที่เธอขึ้นไป อนิลมักจะติดงานไม่ได้กลับมาบ้านเสมอ

อนิลรับภาระธุรกิจตกทอดของครอบครัวมาตั้งแต่พ่อเสียไป เขาก็ต้องแกร่ง และมุมานะประคองธุรกิจครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤตหนี้ท่วมหัวไปให้ได้ หลังจากที่พ่อไปค้ำประกันให้เพื่อน แล้วโดนชวดเงินหนี ต้องรับภาระใช้หนี้ก้อนโตแทน ท้ายที่สุดเมื่อพ่อของอนิลและวิฬุรเผชิญความเครียดมากๆ เข้า ก็จากไปเพราะอาการเส้นเลือดในสมองแตก ในช่วงครอบครัวเสียหางเสือไป หางเสือใหม่อย่างอนิลจึงต้องมาแทนที่ เขาดร็อปเรียนปีสุดท้ายไปเพื่อมุ่งหน้าดูแลธุรกิจครอบครัวเต็มตัว หลังจากเป็นผู้ช่วยพ่อมา เขาใช้เวลาเพียงสองปี นอกจากหนี้ที่ใช้หมด เขายังทำให้ธุรกิจครอบครัวกลับมามีกำไรได้

‘เราทำพี่ลมผิดหวังไม่ได้ ภาระทางบ้านเราก็ช่วยไม่ได้มาก ยังมาเป็นอย่างนี้อีก’

มนุษย์เราวัดคุณค่ากันที่ตรงไหน หน้าตา ฐานะทางสังคม เพศ แทนที่จะเป็นคุณธรรม ความดี จิตใจเบื้องลึกของมนุษย์กันหมดแล้วใช่ไหม

วิฬุรจึงมีเธอเป็นเพื่อนคนเดียวที่เขายินดีเปิดเผยทุกเรื่องให้รับรู้ ทำไมครอบครัวทำให้วิรุฬวางใจบอกความจริงนี้ไปไม่ได้ เธอจึงต้องเดินทางมาหาคำตอบ

วาดตะวันโทรมาที่บ้านของวิฬุรตั้งแต่วันนั้นที่เธอโทรกลับมาหาเพื่อนสนิท แล้วติดต่อไม่ได้ คุณเพชรีแม่ของวิรุฬเป็นคนรับโทรศัพท์ เธอสัมผัสได้ถึงความห่างเหินในน้ำเสียงนั้น อย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

‘ตาฝนไม่อยู่ ไม่ต้องโทรมาอีกนะ’

วาดตะวันนอนคิดก็ไม่พบว่าตัวเองทำผิดอะไรไป หรือวิฬุรจะโกรธ และเข้าใจอะไรเธอผิด สุดท้ายหลังจากหมดหนทางที่จะหาทางติดต่อวิฬุรเธอจึงต้องบากหน้ามายังบ้านของเพื่อน และจอดรถในปั๊มน้ำมันเพื่อเตรียมใจกับการไปพบเจอคนในครอบครัวนั้น

หากเธอเจอวิฬุรล่ะก็ จะต้องจับเข่าคุยเจรจากันจนถึงเช้า เอาให้รู้เรื่องรู้ราวไปว่าเกิดอะไรขึ้น

หรือคุณเพชรีจะรู้ความจริงแล้ว วาดตะวันทนนั่งอุดอู้อยู่ในรถต่อไปไม่ไหว ตั้งใจจะเปิดประตูลงไป ไม่ทันดูให้ดี รถจิ๊บล้อใหญ่ก็ปราดเข้ามา ประตูรถเก๋งจกยุโรปของเธอโดนครูดเสียงดัง และทิ้งรอยไว้เป็นแนวยาว วาดตะวันมองอย่างตะลึงชั่วครู่ รีบดึงประตูรถปิดเข้ามา สายตามองรถที่จอดเข้าซองเรียบร้อย เหลือช่องว่างเว้นห่างจากรถของเธอไม่ถึงสองคืบ

วาดตะวันลดกระจกรถฝั่งตัวเองลง ยื่นหน้า ส่งเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ต่อเงาสูงใหญ่ที่กำลังลงจากรถ

“จะฆ่ากันหรือไงคุณ รถไม่มีแตรบีบเหรอ ขับมาอย่างนี้ ไปสอบใบขับขี่ใหม่ไหม อ้อ แล้วไม่ต้องมาเล่นมุกผมไม่ตั้งใจ ผมไม่รู้เลยนะ!”

อารมณ์เดือดดาลทำให้หญิงสาวต่อว่ายาวเหยียดเกือบลืมหายใจ เมื่อเห็นว่าเธอลงจากรถด้วยประตูฝั่งที่โดนจิ๊บเคลื่อนมาจอดประชิดออกไปไม่ได้ จึงหมุนกระจกรถขึ้น ขาเรียวยาวในเชียร์สเกิร์ตสีดำ รองเท้าหุ้มข้อสีครีม ปีนข้ามเกียร์มือไปยังที่นั่งข้างคนขับ เปิดประตูออกไป ตั้งใจจะอาละวาดอีกสักยก หากไม่พบว่าประตูฝั่งที่เธอจะออกมีร่างสูงใหญ่มายืดเท้าแขนกับหลังคารถเธอรอแล้ว

วาดตะวันเห็นว่าเขาสวมกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบเก่ามีรอยขาด เมื่อเธอเงยหน้าไล่ขึ้นมา นอกจากเสื้อยืดขาวที่ปกปิดกล้ามตัวไม่ได้ สวมด้วยเสื้อแจ็กเก็ต และบนใบหน้าคมผิวสีแทนที่ริมฝีปากสีธรรมชาตินั้นจะไม่เม้มเป็นเส้นตรง คิ้วดำหนากดเข้าหากัน และดวงตาภายใต้แว่นตานั้น ต่อให้เธอไม่รู้ว่าเขาแสดงความรู้สึกออกมาเช่นไร

แต่เธอไม่มีทางลืมผู้ชายหน้าเหี้ยม ดุตรงหน้านี้ไปได้แน่ แม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่รูปเขาก็มีแต่บ้านของวิฬุร และกิตติศัพท์ความโหด ดุ และเอาจริงเอาจังกับชีวิตก็ทำให้คนที่ไม่เคยยอมอ่อนลงให้ใครเผลอต้องกลืนน้ำลายลงงคออึกหนึ่งเมื่อเจอเขาในระยะประชิดขนาดนี้

เธอควรปิดประตูรถ ปีนกลับไปประจำที่นั่งคนขับ แล้วถอยรถหนีไปให้เร็วที่สุด หรือเผชิญหน้ากับเขา วาดตะวันเลือกอย่างหลัง เธอไม่ลืมเจตนาในการดั้นด้นมาจนถึงที่นี่แน่นอน

“พี่ลม?” วาดตะวันแกล้งถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ ทั้งที่มั่นใจเต็มอก

ปั๊มน้ำมันนี้ตั้งอยู่เป็นปั๊มสุดท้ายก่อนจะถึงบ้านของวิฬุรที่ต้องขับลึกเข้าไปอีกเกือบยี่สิบกิโลเมตร แถวนี้คงไม่บังเอิญมีผู้ชายหน้าเหมือนพี่ชายเพื่อนมายืนข่มขู่เธอหรอก

และเธอก็ต้องตะลึงงันอีกครั้งกับสิ่งที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเธอ

“ครับ” ริมฝีปากที่เม้มตรงแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างขวาง ไม่ต้องถอดแว่น เธอก็รู้ว่าเขาจ้องมาที่ดวงตาของเธอ

คำบอกเล่าของวิรุฬดังอยู่ในหัวเธอเมื่อนานมาแล้วตอนครั้งแรกที่เธอเจออนิล และเขาเพียงแค่พยักหน้ารับการไหว้เธอองศาเปลี่ยนไม่กี่องศาด้วยซ้ำ และแทบไม่เหลือบแลมองมายังเธออีก เพียงแค่ทานข้าว เก็บจาน ล้างส่วนของตัวเอง ขึ้นห้อง แล้วก็ไม่มาวุ่นวายกับคนอื่นในบ้านอีก จนวิฬุรต้องกระซิบบอกให้เธอเบาใจว่าพี่ชายตัวเอง เป็น ‘เสือยิ้มยาก’

แล้วที่ยิ้มมาให้อย่างกับหน้าเธอไปเหมือนนางงามในใจเขาอยู่นี่ล่ะ...เขาโดนอะไรตีหัวมาหรือเปล่า

วาดตะวันเก็บความสงสัยไว้ เธอไม่ได้วางใจกับผู้ชายอื่นที่ต่อให้เป็นพี่ชายเพื่อน เธอก็พร้อมวางตัวห่างเหิน ถ้าเธอยังรู้สึกไม่ปลอดภัย หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น ยิ้มมุมปากนิดๆ และเลิกคิ้วอย่างคนที่อยู่ในฐานะที่เหนือกว่า

“เรื่องรถจะตกลงค่าเสียหายกันยังไงดีคะ”

“พี่นึกว่าน้องวาดมาหาฝน” สรรพนามที่อีกฝ่ายเปลี่ยนเรียกใช้สร้างความแปลกใจระลอกสอง ก็จริงที่เธอกับเขาเคยเจอกันบ้าง แต่ก็คุยกันนับคำได้ ไม่ใช่ทำตัวอย่างกับสนิทกันมานานอย่างนี้

“ฝนกับรถเป็นคนละเรื่องกันค่ะ ปกติฉันก็อะลุ้มอล่วยกับเรื่องเล็กๆ แต่นี่ไม่เล็ก ไม่ใช่เพราะมูลค่าความเสียหาย แต่เป็นสวัสดิภาพในชีวิตของฉันต่างหากล่ะคะ”

“พี่ขอโทษที่ขับรถประมาท แล้วน้องวาดจะเอาค่าเสียหายเท่าไหร่ครับ รวมค่าทำขวัญเพิ่มเข้าไปด้วยก็ได้นะครับ”

วาดตะวันคิดว่านี่ออกจะแปลกเกินไป หญิงสาวไม่เก็บอาการสงสัยไว้จากสีหน้าอีก “แค่เอาไปซ่อม ให้ร้านตีราคาให้เถอะค่ะ ค่าทำขวัญไม่ต้อง ฉันเก็บขวัญที่หล่นหายไปกลับมาเองได้ ไม่ต้องพึ่งเงิน”

“ได้ครับ เดี๋ยวพี่จะจัดการให้ ขอกุญแจรถด้วยครับ” อนิลวางมือใหญ่รอตรงหน้าวาดตะวัน

“ขับนำไปก็ได้นะคะ”

“ไม่ไว้ใจพี่เหรอ”

“ค่ะ” วาดตะวันตอบรับคำถามนี้ด้วยรอยยิ้ม เสริมเหตุผลเพิ่มให้ “คุณกับฝนถึงจะพี่น้องกัน แต่ก็คนละคน ฉันแยกแยะพี่น้องของเพื่อนออกจากเพื่อนด้วยค่ะ”

เสียงห้าวหัวเราะตอบกลับมา และนั่นก็เริ่มทำให้เธอหวาดระแวงอนิลหนักขึ้น เธอไม่คิดว่าตัวเองแสดงอาการตลกขบขันออกไป

“น้องวาดคิดมากจังเลยนะครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ขับนำก็ได้ พอจัดการเรื่องรถเสร็จ พี่จะเปิดห้องพักที่ดีที่สุดในรีสอร์ตลมฝนให้”

“ห้ามคืนคำนะคะ” วาดตะวันยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์กลับไป เธออยากจะรู้ว่าคนอย่างอนิลกำลังต้องการอะไร

เธอเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ไม่ใช่สาวโลกสวย แม้เธอจะไม่เคยพูดถึงปมในใจให้พี่น้อง หรือเพื่อนรักฟังว่าเธอเลิกไว้ใจทุกคนบนโลกไปแล้ว และไม่กล้าทุ่มความไว้ใจให้ใครเต็มร้อย ต่อให้คนๆ นั้นเป็นพ่อของเรา

แล้วอนิลล่ะ เขาห่างไกลหลายก้าวจากเธอ ไม่ใช่บุคคลสำคัญอะไร และเธอไม่คิดทดสอบเขา เมื่อเธอคุยกับวิรุฬเรียบร้อย เธอก็คงไม่ต้องมานั่งระแวงรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะที่เพิ่งเห็นและได้ยินครั้งแรกนี้อีก

“ถ้าพี่คืนคำพี่คงเป็นหมา จริงไหมครับ”

“แม้แต่หมา บางทีอาจจะซื่อสัตย์กว่าคนก็ได้นะคะ” วาดตะวันยังไม่ลดละที่จะเถียงในทุกกรณีกับอนิล ส่วนหนึ่งซึ่งเป็นเหตุผลใหญ่ที่เธอวางเฉยกับอนิล ก็เพราะความดุ โหด ที่ทำให้วิรุฬเกรง ไม่กล้าบอกถึงรสนิยมของตัวเองให้ครอบครัวรับรู้

“นั่นสินะครับ ‘หมา’ อาจจะดีกว่าคน”

วาดตะวันนั่งอึ้งอยู่ที่เดิม เมื่ออนิลปิดประตูรถให้ และหมุนตัวไปยังรถจิ๊บของตัวเอง ถอยรถออกจากซองไปจอดรออยู่ใกล้ทางออกปั๊มน้ำมัน หญิงสาวต้องค่อยๆ ปีนกลับมาที่นั่งคนขับ และสตาร์ทรถอีกครั้ง หน้าเห่อร้อน และโกรธเคืองอนิลขึ้นมา เธอไม่รู้หรอกว่าเขาตั้งใจหรือไม่ แต่เธอรู้สึกว่าคำว่า ‘หมา’ ที่เขาพูดย้ำก่อนไปนั้น

...หมายถึงเธอ

....................................................

พาวาดกลับมารีเทิร์นค่ะ ^_^

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ บทนำอันนั้นสั้นกุดแต่จำเป็น



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ส.ค. 2557, 02:07:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ส.ค. 2557, 11:20:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1311





<< บทนำ   บทที่ 2 >>
ร้อยวจี 25 ส.ค. 2557, 06:19:32 น.
น่าสนุกค่ะ คิดถึงจัง


kaelek 25 ส.ค. 2557, 22:51:05 น.
ว้าววววๆๆๆๆ.. รอๆนะคะ (ไม่รู้จะมีลูกขุนหรือน้องภาพแอบมาแจมบ้างมั้ยหนอ คิดถึงๆ)


โอชิน 29 ส.ค. 2557, 21:01:38 น.
ชอบค่ะ จะติตามนะค่ะ


ภัทรภิญญ์ 27 ก.ย. 2557, 18:10:47 น.
ไม่ได้อ่านนิยายน้องออมนานมากกก มาอ่านทีคนละแนวกับที่เคยอ่านเลยอะ ดูเหมือนไม่ใช่น้องออม ฮาาาา รอติดตามนะจ๊ะ


ปวรา 4 ม.ค. 2558, 14:34:10 น.
คุณ ร้อยวจี ขอบคุณมากๆ นะคะ

คุณ kaelek มีมาแจมแน่นอนค่ะ แต่อาจจะไม่เยอะ น้องคนอื่นๆ อาจเยอะกว่า ภาพมีคนรอคอยเยอะแน่ๆ

คุณ โอชิน ขอบคุณที่รอนะคะ มาแล้วววว จะไม่หายไปอีกนะคะ ^^

พี่ลูกฟูก ออมเขียนเรื่องก่อนหน้า ก็เริ่มดราม่าแล้ว แต่มันก็ยังมีกลิ่นอายของออมอยู่นิดๆ นะ (เหรอ) ยังไงก็ต้องมีความรักมากกว่าดราม่า ขอบคุณพี่ฟูกที่มาอ่านนะคะ คิดถึง :)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account