คานน้อย คอยรัก (จบแล้วค่ะ)
คานน้อย คอยรัก

ในลักษณ์นั้นว่าประหลาด…………….คนบนคานนั้นว่าน่าประหลาด
เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า…………...เป็นเชื้อชาตินักรักผู้หาญกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา…………………..เหตุไฉนย่อท้อรอเวลา
ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที…………………ฤาไม่กล้าบอกรักใครสักที

เห็นแก้วแวววับที่ดับจิต…………………เห็นคานแก้วแวววับสดับจิต
ใยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่……………...ใยไม่คิดปีนไปให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี……………อย่ามัวรอจงขึ้นมาเร็วรี่
อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ………………บนคานนี้มีรักให้ฝึกปรือ

อันของสูงแม้ปองต้องจิต………………..คานเราสูงไม่เป็นรองของใครอื่น
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา………………..อย่าได้ขืนลงไปให้เสียชื่อ
มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ………………….มิใช่ทองตามตลาดที่อาจซื้อ
ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม……………..เพราะเราถือความพอใจจึงลงไป

ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง……………ไม่คิดสอยมัวคอยให้คานทับ
คงชวดดวงบุปผาชาติสะอาดหอม………..รอให้ดับคาคานหรืออย่างไร
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม…………………..ฤาต้องคอยรักแท้จนแก่ใช่ไหม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี…………………..เกาะคานน้อยคอยรักต่อไป
…………………..........จนกว่าจะเจอคนที่ใช่…ใช่ไหมคาน………………
(อ้างอิงกลอนจากบทละครเรื่องท้าวแสนปม)

มาดูเหตุผลของคนที่ยังไม่ลงจากคานกันค่ะ...
อาจจะมีเหตุผลมากมายที่ไม่อยากลงจากคาน
หรืออาจมีเพียงแค่หนึ่งเหตุผลง่ายๆก็คือ...

...ไม่ใช่คนที่ใช่ก็ไม่ใช่...

หรือว่า

...โดนข้อหาหลายใจ เพราะเคยมีแฟนหลายหน...

หรืออาจเป็นเพรา

...เขาบอกให้รอ เราก็รอ...

หรือจริงๆแล้ว

...ขออยู่รอคนสุดท้ายคนนั้นได้ไหม...

หรือลึกลงไป

...กำลังรอเจ้าชายในฝันอยู่อย่างอดทนได้ทุกอย่าง...

หรือกำลังปลอบใจตัวเองว่า

...ครึ่งหนึ่งของฉันยังมาไม่ถึง...ซึ่งสักวันเขาจะมาอยู่ข้างกัน...

หรือกำลังหลอกตัวเองด้วยการปกปิดว่า

...ไม่หวั่นไหว หัวใจไม่ปรารถนา...

ทั้งๆที่จริงๆแล้ว

...อยากรัก อยากฝัน แต่เพราะกลัว ก็เลยไม่กล้ารักใคร...

หรือว่าอาจจะเป็นเหตผลสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีใครกล้ายอมรับดังๆว่า

...ไม่เคยมีใครมาจีบ ไม่มีใครสน เรามันคนธรรมดาๆ...

แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด...

เราก็ยังหวังและยังคงรอคอยปาฏิหาริย์ว่าจะได้เจอคนที่ใช่ในสักวัน...


Tags: ดราม่า หวานซึ้ง อบอุ่น หมอรัง สิ้นรัก วายุ ปองขวัญ

ตอน: ยกที่ 92 ขอเพียงเรารักกัน


ใครรอคู่พี่เพลิงอยู่...มาดูกันค่ะ ^^


ยกที่ 92 ขอเพียงเรารักกัน

“พี่เพลิงเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนคะ…ทำไมตามไม่เห็นเลย…”
ตามตะวันค่อนข้างแปลกใจเมื่ออยู่ๆก็เห็นตะวันกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของเธอ

“เข้ามาตั้งแต่เห็นเธอวุ่นวายอยู่กับลูกน้องนั่นน่ะ…พี่ไม่อยากกวนเวลางานของเธอ
ก็เลยมานั่งรอเธอในห้องนี้แทน…”ตะวันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ
สีหน้าของเขาดูขาวซีดลงจนผิดหูผิดตา ตามตะวันจึงต้องเดินเข้าไปหา
ด้วยสีหน้ากังวล

“พี่เพลิงเป็นอะไรรึเปล่าคะ…หรือว่ามีอะไรที่ตามควรจะรู้…”
ตามตะวันนั่งลงข้างๆสอบถามอีกคนที่สีหน้าดูเครียดๆ

“โปรเจคที่เพิ่งรับมามีปัญหานิดหน่อยน่ะ…อาคารถล่มลงมา
มีคนงานเสียชีวิต 3คน เจ็บอีกเกือบร้อยชีวิต…”
ตามตะวันได้ฟังก็ถึงกับตกใจ ทำไมข่าวนี้ถึงรอดหู
รอดตานักหนังสือพิมพ์อย่างเธอไปได้นะ…

“เกิดอะไรขึ้นคะ…”

“ก็แผ่นดินไหวน่ะสิ…เธอคงจะยุ่งเรื่องอื่นๆจนลืมติดตามเรื่องนี้ล่ะสิ…”

ตามตะวันพยักหน้ายอมรับ…
เพราะบริษัทเธอตอนนี้ก็กำลังประสบปัญหาวิกฤตหนักเช่นกัน
เนื่องจากสภาพบ้านเมือง สังคม เศรษฐกิจในตอนนี้ผันผวนและย่ำแย่
จนบริษัทเริ่มขาดสภาพคล่อง…

“ทางเราอาจต้องรื้อถอนอาคารแล้วกลับมานับหนึ่งกันใหม่…
มูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง…แล้วพี่ก็ไม่รู้จะเริ่มแก้ปัญหาจากจุดไหนดีก่อน”

ตะวันหยุดไปนิดนึงก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟา

“พี่เหนื่อยเหลือเกินตาม…”ตามตะวันมองสีหน้าอิดโรยของคนตรงหน้า
แล้วอดเห็นใจไม่ได้ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา เธอไม่เคยได้ยินประโยคดังกล่าว
จากปากของเขามาก่อนเลยจริงๆ…เขาเป็นนักสู้ที่ดีมาตลอด…

“เหนื่อยก็พัก…”ตามตะวันพูดราวกับกระซิบบอกตัวเองไปด้วย…

“พักได้ยังไง…เธอก็รู้ว่าพี่พักไม่ได้…”
ตามตะวันวางมือลงบนบ่าของหนุ่มใหญ่แล้วบีบเบาๆ…

"ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ...ในเมื่อเครื่องจักรยังต้องการการพักเลย
เราน่ะมนุษย์นะคะพี่เพลิง...ถึงหาเวลาไม่ได้ แต่เราก็ต้องหาล่ะค่ะ..."

"แต่จะให้พักในสภาพที่ธุรกิจกำลังย่ำแย่แบบนี้ คงยากนะ..."ตะวันลอบถอนใจ

“เราต่างก็เดินทางกันมาไกล…ตามรู้ว่ามันเหนื่อย…ตามเองก็เหนื่อย
และก็อยากจะพอ…อยากจะพัก…ทำไมตามจะไม่เข้าใจพี่เพลิงล่ะคะ…
ในเมื่อเราก็กำลังตกที่นั่งลำบากเหมือนกันเลย…”ตะวันหันมามองใบหน้าคนที่กำลัง
ปลอบเขาอยู่ก่อนจะระบายยิ้มออกมา

“จริงสินะ…พี่ลืมไปได้ไงว่ายังมีเธอที่เหนื่อยไม่แพ้พี่อยู่อีกทั้งคน…”
ตามตะวันเห็นรอยยิ้มของเขาก็ค่อยอุ่นใจขึ้น

“นั่นน่ะสิ…พี่เพลิงลืมไปได้ยังไง…น่าตีจริงๆ…”

“ตามว่า…เห็นทีเราน่าจะแต่งงานกันเลยดีมั้ยคะ…เกรงว่าปล่อยให้นานไป
เราจะหาเวลาว่างแต่งงานกันไม่ได้สักที แล้วเราจะต้องแต่งกับงานแทน…
คราวนี้อดมีทายาทให้พี่เพลิงกันพอดี…”

ตามตะวันพูดทีเล่นทีจริงด้วยรอยยิ้มขี้เล่น…ทว่า…ตะวันกลับมองเป็นเรื่อง
จริงจังจนหันมายิ้มยกใหญ่เมื่อเห็นไฟเขียวอยู่ตรงหน้า

“งั้นแต่งเดือนหน้าเลยได้มั้ย…แต่งกันแบบง่ายๆเรียบๆ ไม่ต้องยิ่งใหญ่อลังการ
การ์ดเชิญอะไรก็ไม่ต้องจงไม่ต้องแจก เชิญเฉพาะคนกันเอง
กับบรรยากาศแบบชิวๆ อย่างเกาะรังรักเป็นไง…”ตามตะวันถึงกับตาถลุน
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายสาธยายเรื่องงานแต่งแบบคล่องแคล่วว่องไวและเฉียบพลัน…

“เอาอย่างนั้นเลยเหรอคะ…”หญิงสาวพูดไปก็กลืนน้ำลายลงคอไปด้วย…

“ก็คงต้องอย่างนั้นแล้วล่ะ…ชักช้าพี่กลัวจะเสียพร้าเล่มงามไป…”
ตะวันยิ้มกว้างกล่าวอย่างร่าเริง ผิดกับเมื่อครู่ที่สีหน้ายังดูซึดเซียวอยู่เลย

“พอแต่งงานแล้ว เราก็หาเวลาว่างไปพักผ่อนด้วยกัน…”เขาเริ่มวางแผน

“แล้วงานพวกนี้ล่ะคะ…”ตามตะวันยังไม่หายกังวล

“พี่พอจะรู้แล้วว่าควรจะทำยังไงกับงาน…”ตามตะวันกระตุกคิ้วด้วยความสงสัย
ว่าจอมวางแผนตรงหน้าจะมีไอเดียอะไรมานำเสนอ

“พี่ว่าเราควรจะรีบแต่งตั้งใครสักคนมาทำหน้าที่จัดการกับปัญหาพวกนี้แทนเรา
สักเดือนสองเดือน…พี่มีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารไม่น้อย…
งานนี้พี่ยอมจ่ายไม่อั้นเลยเอ้า…”ตามตะวันถึงกับอึ้งในไอเดีย แต่ก็ยังไม่เคลียร์อยู่ดี

“แล้วใครที่ว่าน่ะ…ใครล่ะคะ…ที่เราจะไว้ใจได้มากขนาดนั้น…”

“พี่น่ะพอจะหาได้อยู่…แถมคิดว่าเก่งไม่แพ้ใครเลยทีเดียว…”ตามตะวันคิ้วชน
มองคนที่กำลังทำตาเจ้าเล่ห์…เรื่องร้อยเล่ห์ล่ะไม่มีใครเกินเขาคนนี้เลยจริงๆ

“ใครคะ…”

“ก็…จะใครที่ไหนซะอีก…เลขาไอ้ลม…เจ้าวาทีนั่นไง…ได้ข่าวว่ากำลังกลับมาจาก
เที่ยวเกาะหลังจากได้รับรางวัลใหญ่จากไอ้ลมไปหมาดๆ…”

“พี่เพลิงก็เลยกะว่าจะจ้างให้วาทีกลับมานั่งแก้ปัญหาพวกนี้ให้ในช่วงที่เราอู้งาน
ด้วยการจูงมือไปแต่งงานที่เกาะรังรักกันน่ะเหรอคะ…”

“แน่นอนที่สุด…”

“แล้วนายลมจะไม่ว่าอะไรเหรอคะ…ไปใช้คนของน้องเขาน่ะ…”

“นายลมเขาจะว่าอะไรได้…แค่พี่บอกว่าพี่จะแต่งงานแล้ว ขอเวลาปั๊มลูกหน่อยนะ
แค่นี้ไอ้ลมก็เซ็นผ่านทุกงาน…เธอไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่
ว่าคนอื่นๆเขาคอยลุ้นคู่เรากันตัวโก่งว่าเมื่อไหร่จะจูงมือกันลงจากคานสักที…”

ตะวันโคลงหัวตามตะวันอย่างเอ็นดูเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าไม่ถูก

“ทีเมื่อกี้ล่ะทำเป็นหน้าเครียด คิดอะไรไม่ออก พอตามยื่นข้อเสนอว่าจะแต่งงาน
ไอเดียบรรเจิดต่างๆก็พากันหลั่งใหลออกมาเลยนะคะพี่เพลิง…”ตามตะวัน
แอบค้อนอีกฝ่ายเล่น…

“ก็ถ้าพี่ไม่รีบจูงมือเธอลงจากคาน…ก็เกรงว่าพวกนั้นจะยกพวกกันมาถล่ม
เราสองคนจนคานหักน่ะสิ…ยิ่งช่วงนี้ข่าวแผ่นดินไหวยิ่งมีบ่อยๆอยู่ด้วย
เธอไม่กลัวบ้างรึไง…”

“กลัวอะไรคะ…”

“ก็กลัวคานหักล้มทับเอาน่ะสิ…หรือว่าลืมไปแล้วว่าตอนนี้เหลือเธอกับพี่เท่านั้นนะ
ที่ยังค้างอยู่บนคานน้อย…”ตามตะวันตาโตเมื่อเริ่มทบทวน…

“จริงของพี่เพลิง…คนอื่นๆลงจากคานน้อยกันหมดแล้วจริงๆด้วย…”

“งั้นจะรออะไรอีก…เดือนหน้าเลยแล้วกันนะครับ…เดี๋ยวพี่จะรีบกลับไปให้
เหยี่ยวช่วยออกไอเดียเรื่องงานแต่งของเราเลย…”

“ตอนนี้เหยี่ยวกลับมาอยู่ที่บ้านอาทิตยะเหรอคะ…”

“ใช่…เพิ่งกลับมาน่ะ…แต่อีกสักพักก็ต้องกลับไปแล้วล่ะ…”

“งั้นเดี๋ยวตามขอตามไปแจมด้วยที่บ้านนะคะ…อยากเจอหน้าหลานแฝด
และน้องลูกแก้วด้วย ป่านนี้คงน่ารักน่าหยอกไม่น้อย…”ตามตะวันยิ้มกว้าง
เมื่อนึกถึงภาพเด็กๆที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายเดือนจนรู้สึกคิดถึง
อยากกลับไปกอด…

“หลานเธอก็มาด้วยนะ…”

“ปองน่ะเหรอคะมาด้วย…”ตะวันพยักหน้า

“เห็นว่าจะเดินทางมาถึงค่ำๆน่ะ…ไอ้ลมไม่อยากน้อยหน้าน้องสาว
เลยกะจะเอาลูกแฝดของตัวเองมาประชันด้วย…

เห็นมั้ยว่าพวกนั้นตั้งใจจะยั่วเราสองคน…และคงกะจะเซอร์ไพร้เธอแน่ๆ
เลยไม่แจ้งให้รู้ล่วงหน้า…”

“ที่พูดว่ายั่วน่ะ…ยั่วอะไร พี่เพลิงพูดให้เคลียร์ด้วย…”

“ก็ยั่วให้เราอิจฉาเล่นไง…”ตะวันกล่าวพร้อมเลิกคิ้วยั่วอีกฝ่าย

“สรุปว่า…แต่งนะ…”ตามตะวันยิ้มขันอีกฝ่ายที่พยามรุกฆาตเธอด้วยการยกนิ้วก้อยชูขึ้น

“ค่ะ…แต่งก็แต่ง…”หญิงสาวเกี่ยวก้อยกับอีกฝ่ายเป็นการสัญญา



“โอ้ว…อย่างนี้…คืนนี้ต้องฉลอง…พี่คงต้องรีบโทรไปบอกเหย่ียวแล้วว่า
ให้เตรียมอาหารสำหรับฉลองสละโสดให้พี่หน่อยแล้ว”
ว่าพลางทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

“อย่าเพิ่งค่ะ…ตามว่าเราไปเดินหาของสดที่จะทำอาหารฉลองไปเซอร์ไพร้พวกเขา
ไม่ดีกว่าเหรอคะ…วันนี้กลับเร็วหน่อยคงไม่มีใครว่า…”

“พี่ว่าใครจะกล้าว่าเธอ…งั้นเราไปกันเถอะ…เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยให้วาทีมาเคลียร์”

“อ้าว…แล้วงานของตามล่ะคะ ใครจะเคลียร์ เจ้าปุ๊กับยัยลิลลี่เพิ่งกลับจาก
ฮันนีมูนหมาดๆ เกรงใจ ไม่กล้าใช้งาน…”
ตามตะวันทำหน้างอเมื่อนึกถึงงานการของตัวเอง
ที่ยังหาคนมารับช่วงต่อหลังจากที่เธอขอไปพักไม่ได้

“ไม่เห็นต้องเกรงใจ…ยังไงเจ้าปุ๊ต้องยอมให้พี่สาวไปมีความสุขแน่ๆ…เชื่อสิ…
เธอน่ะขี้เกรงใจ…”ตะวันโยกหัวตามตะวัน

“แล้วก็เลิกทำตัวเป็นศูนย์กลางจักรวาลได้แล้ว…
ไม่มีเธอสักคน บริษัทไม่เจ๊งหรอก…เจ้าปุ๊กับลิลลี่และลูกน้องเธอมีอีกเพียบ
แต่ละคนล้วนมีฝีไม้ลายมือกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ…ไม่มีเธอคอยดูแลสักเดือน
สองเดือนคงไม่เป็นไรหรอก…แต่ถ้างานแต่งพี่ไม่มีเธอเป็นเจ้าสาวนี่สี
ปัญหาใหญ่เลยนะ…รู้มั้ย…”ตามตะวันได้ฟังมาถึงท้ายประโยคก็ถึงกับยิ้มขัน…

งานแต่งไม่มีเจ้าสาว…ปัญหาใหญ่จริงๆอย่างเขาว่า

“ค่ะ…ตามจะเสียสละเวลางานไปเป็นเจ้าสาวให้พี่เพลิงสองเดือน…”

“จริงนะ…”

“จริงที่สุดค่ะ…”ตามตะวันเอียงคอยิ้มให้อีกฝ่าย

“งั้นเราไปหาซื้อของกันดีกว่าค่ะ…วันนี้ตามจะทำให้กระเป๋าตังค์พี่เพลิงฉีกเลยคอยดู…”

“ไม่มีปัญหา…อยากรูดบัตรใบไหนขอให้บอก…”

ว่่าเสร็จก็ลุกขึ้นจูงมือตามตะวันให้เดินออกจากสำนักพิมพ์ด้วยรอยยิ้มสดใส
ไปตลอดทาง ทำเอาพนักงานที่กำลังเครียดๆอยู่กับปัญหาถึงกับลอบอมยิ้ม
ที่เจ้านายของตัวเองร่าเริงสดใสผิดปกติ…

“สงสัยจะมีข่าวดีเร็วๆนี่แน่เลยบอสเรา”เสียงนั้นดังมาจากคอกหนึ่ง

“เฮ้อ…น่าเสียดาย…ที่คนหล่อๆแบบนั้นจะไม่ล่องลอยให้พวกเราฝันใฝ่กันอีกต่อไป”

“นั่นน่ะสิ…คุณเพลิงสุดหล่อพ่อเทพบุตรของพวกเราจะลาคานแล้วจริงๆเหรอนี่…”

“แหงๆ…สภาวการณ์เช่นนี้เจ๊ขอฟันธง…บอสลาคานน้อยแน่ๆ…
หลังจากอยู่รั้งแชมป์มาร่วมหลายปี…”เสียงของพนักงานต่างกล่าวถึงเจ้านายของตัวเอง
ที่คาดการณ์กันว่าจะมีข่าวดีในเร็ววันนี้อย่างอดไม่ได้…
ก่อนจะผวาตกใจเมื่อตามตะวันกับตะวันเดินกลับเข้ามาอีกรอบ…
พร้อมกับประกาศกลางสำนักพิมพ์ว่า

“เดือนหน้าเราจะปิดบริษัทฉลองงานแต่งของฉันกับคุณตะวันที่เกาะรังรัก
แบบสามวันสองคืน…ใครสนใจจะไปงานเลี้ยงขอให้แจ้งชื่อที่แพรวนภานะ
งานนี้ฟรีทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พักและค่าอาหาร…ถือเป็นอภินันทนาการจาก
คุณตะวันและฉัน…

และข่าวดีกว่านี้คือ…หลังจากฉันกลับมาจากฮันนีมูนแล้ว
จะมีเงินโบนัสพิเศษให้ทุกคนที่ไม่ขาดลามาสายในช่วงที่ฉันไม่อยู่ด้วย…”

สิ้นเสียงของตามตะวันก็มีเสียงเฮฮาพร้อมเสียงปรบมือดังก้องสำนักพิมพ์
พร้อมเสียงแสดงความยินดีที่มีมาไม่ขาดสาย…

เพราะเพียงตามตะวันยกหูโทรศัพท์ขึ้นขอสถานที่จัดงานแต่งงาน
กับรังสิมันต์และสิ้นรักเจ้าของเกาะ
ก็ได้รับการตอบรับมาอย่างดี…ทางโน้นพร้อมที่จะเปิดเกาะ
ต้อนรับแขกเหรื่อของเธอและตะวัน…

เธอจึงต้องเดินกลับเข้ามาอีกครั้งเพื่อประกาศข่าวนี้ให้ทุกคนทราบกันถ้วนหน้า…
อย่างน้อยพนักงานไม่กี่ชีวิตในสำนักพิมพ์ของเธอต่างก็เหน็ดเหนื่อย
ร่วมฝ่าฟันปัญหาอุสสรรคและวิกฤตต่างๆมาด้วยกันกับเธอ
ชนิดที่ไม่มีใครชิ่งลาออกไปแบบนี้…เธอจึงอยากมอบของขวัญให้กับพนักงานของเธอ…
ที่มิใช่เพียงแค่กระดาษหอมๆที่เขียนข้อความว่า

‘พนักงานดีเด่น’เอาไว้ติดข้างฝาเพียงแค่นั้น
แต่เธอต้องการให้พวกเขามากกว่านั้น
เพราะทุกคนมีส่วนทำให้สำนักพิมพ์ของเธอเจริญก้าวหน้ามาจนถึงทุกวันนี้…
บุญคุณนี้จะตอบแทนให้เพียงแค่กระดาษแผ่นเดียวเห็นจะไม่ได้…

เวลาทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน เวลามีความสุขเธอก็อยากให้พนักงานได้หยุดงาน
ไปร่วมสุขกันกับเธอด้วย…เพราะชีวิตเธอที่ผ่านมาอยู่กับงานเป็นส่วนใหญ่…
พนักงานจึงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอที่เธอไม่สามารถลืมได้ลง…
เวลาแบบนี้จึงต้องขอจัดเสียหน่อย…







“ฉันยังติดใจอยู่เรื่องนึง…”รังสิมันต์กล่าวขึ้นเมื่อมีโอกาสได้อยู่กันสองต่อสอง
กับเพื่อนสนิทอย่างวายุที่เพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯเมื่อวาน

“คงหนีไม่พ้นเรื่องของนาโนใช่มั้ย…”วายุยักคิ้วให้เพื่อนด้วยแววตารู้กัน

“ใช่…”รังสิมันต์กล่าวขณะลอบถอนใจ


“ฉันอยากรู้ว่าแกมีส่วนในการคิดแผนการเปลี่ยนโฉมหน้ายัยตัวเล็กด้วยรึเปล่า…”
วายุหัวเราะออกมาทันทีด้วยสีหน้าดีอกดีใจ

“ฉันคิดไม่ผิดจริงๆ…ว่าแกต้องสงสัยในเรื่องนี้…นี่แกยังไม่เลิกสงสัย
เรื่องฉันกับนาโนอีกเหรอ…”รังสิมันต์ส่ายหน้า

“ไม่ใช่ทำนองนั้น…ฉันรู้ว่ายังไงแกกับยัยตัวเล็กน่ะเป็นพี่เป็นน้องกัน…
ฉันเข้าใจ…แต่ที่ฉันสงสัยก็คือ…แกอยู่เบื้องหลังเรื่องแผนการเปลี่ยนโฉมหน้านั่น
รึเปล่า...ก็เท่านั้น…”วายุพยักหน้าเข้าใจ หากก็ยังอดยิ้มที่มุมปากไม่ได้
เมื่อได้เห็นสีหน้าและแววตาจริงจังจากเพื่อนรัก

“ฉันไม่ต้องการเห็นความรักของแกและน้องรักอย่างนาโนถูกทำลายลง
เพราะความไม่มั่นใจต่อกัน…”วายุเริ่มเท้าความ

“นายรักนาโนมากแค่ไหนฉันก็รู้ และรู้ดีด้วยว่านาโนเองก็รักนายไม่แพ้กัน…
คนที่รักกันมาและร่วมสร้างรักด้วยกันมานาน จากกันไปแล้วยังกลับมาเจอกัน
ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมาด้วยกันมากมายอย่างแกและนาโน
ต้องเลิกรากันไปเพราะความไม่มั่นใจต่อกัน…ฉันบอกตามตรงว่าทนดูไม่ได้…
และต้องยอมแส่เรื่องแกเพราะไม่อยากให้ใครเข้ามาทำลายครอบครัว
และความรักของแกกับนาโน…แกเข้าใจใช่มั้ย…”รังสิมันต์พยักหน้า

“ฉันเข้าใจ…แกหวังดีกับฉันมาตลอด…แต่ที่ฉันอยากรู้ไม่ใช่เรื่องนั้น…
ฉันแค่ต้องการรู้ว่า…แกเป็นคนคิดแผนการหรือว่ายัยตัวเล็กเป็นคนคิด…”

วายุขมวดคิ้วมองหน้าคนถามนิ่ง ไม่เข้าใจว่าเพื่อนต้องการอะไรจากเขา
ถึงถามคำถามนี้ขึ้นมา…

“แกไม่มั่นใจในนาโนเหรอไอ้รัง…”รังสิมันต์ส่ายหน้าเมื่อถูกถามกลับ

“เปล่า…ฉันอยากรู้แค่นี้จริงๆ…”

“นิสัยนี้ของแกเมื่อไหร่จะมีคนมาช่วยซ่อมให้สักทีนะไอ้รัง
งั้นฉันตอบตามตรงให้เลยแล้วกัน แกจะได้เลิกสงสัยสักที…”
วายุพูดไปก็ส่ายหน้าระอานิสัยขี้สงสัยของเพื่อนสนิท…

“นาโนเป็นคนคิดทั้งหมด…พอใจมั้ย…”แล้ววายุก็ได้เห็นแววตาประหลาดใจ
จากเพื่อนสนิทของเขา

“แกคงตกใจล่ะสิว่าสมองอันน้อยนิดแบบนั้นน่ะหรือที่คิดวางแผนตลบหลังแก
พร้อมกับจัดการศัตรูตัวฉกาจไปด้วยในคราวเดียวกัน แถมไม่ต้องห่่างจากแก
และลูกไปไหนไกลซะด้วย…มันจะเป็นแผนการจากสมองของนาโนผู้ไม่เอาไหน
ในอดีตไปได้…”วายุยิ้มที่มุมปากเมื่อได้เห็นแววตาวูบลงของเพื่อนรัก

“มีหลายอย่างที่นาโนทำให้ใครๆประเมินตัวเธอต่ำกว่าความเป็นจริง…
และฉันก็ไม่คิดว่าแกจะประเมินเธอต่ำด้วย…แกถึงได้รักและเลือกเธอ
มาเป็นคู่คิดคู่ชีวิต…และฉันก็มองว่าแกเลือกแม่ของลูกไม่ผิดเลย”
วายุวางมือลงบนบ่าของรังสิมันต์และตบเบาๆ

“สัญชาตญาณของผู้หญิงทั่วไปน่ะ…ย่อมต้องการที่จะอยู่ใกล้ๆกับคนรัก
และลูกของตัวเอง…นาโนทำตามสัญชาตญาณของภรรยาที่รักสามี
และแม่ที่ห่วงและหวงลูกสุดหัวใจ…ไม่แปลกหรอกที่เธอจะคิดหาวิธีการแบบนี้ขึ้นมาได้…
ฉันมันก็แค่ผู้ช่วย…”รังสิมันต์หันมามองหน้าเพื่อนแล้วยิ้มบาง

“แกควรจะดีใจและภูมิใจนะ…ที่ไม่ว่ายังไงนาโนก็ไม่ทิ้งแกและยังยืนอยู่เคียงข้างแก
ไม่จากไปไหนเลย…และควรประทับใจในน้ำใจแม่ของเธอด้วย…
ไม่มีแม่ที่ดีคนไหนจะทิ้งลูกน้อยให้ห่างอกได้หรอกไอ้รัง…จนถึงตอนนี้
ฉันก็ยังเชื่อว่า…ต่อให้แกหายไป นาโนก็จะพยายามติดตามหาแกจนเจอให้ได้
ในที่สุดนั่นแหล่ะ…”วายุตบบ่าเพื่อนอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มจริงใจ

“ซ้ำยังช่วยแกกำจัดศัตรูได้ด้วยนะนั่นน่ะ…ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าใหม่ของนาโน
จะมีสิ้นรักตัวปลอมโผล่ออกมาจากเงาได้อย่างไร…นาโนมั่นใจว่า
จะต้องมีการจัดฉากขึ้น และยังแน่ใจว่า…สิ้นรักต้องมีเพิ่มมาอีกคน…
คนที่ถูกทำมาให้เหมือนเธอและเธอแน่ใจว่าเธอไม่มีคู่แฝดเหมือนในหนังในละคร…

เธอจึงอยากล่อให้ตัวปลอมออกมาจากเงาเพื่อแสดงตัวให้แกเห็นเป็นขวัญตา
ซึ่งแกก็รู้ว่าสมัยนี้น่ะการแพทย์ไปไกล และการผ่าตัดแปลงโฉมน่ะไม่ใช่
เรื่องที่เป็นไปไม่ได้…และที่สำคัญ…นาโนเขาเชื่อมั่นในตัวแกด้วยว่า
ยังไงแกก็ต้องรู้ว่านั่นน่ะตัวปลอม…เพราะต่อให้แปลงโฉมให้เหมือนยังไง
ก็ทำให้เหมือนได้แค่เปลือก…ซึ่งเขาอ้างกับฉันว่าแกสามารถมองคนทะลุเปลือกได้

เขามั่นใจและบอกกับฉันว่า…แกจะต้องจับได้แน่ว่านั่นน่ะสิ้นรักตัวปลอม…
และแกก็จะรู้ได้เองว่านีสรีนคือสิ้นรักตัวจริง…

แล้วเขาก็ยังบอกกับฉันว่า…เขาน่ะอยากรู้ว่าแกจะจัดการยังไงกับสิ้นรักตัวปลอม
แล้วจะทำยังไงให้นีสรีนยอมจำนน”วายุยิ้มเจ้าเล่ห์ทันทีเมื่อพูดจบ…

“อย่างนี้บ้านฉันเขาเรียกว่า…ยืมมือและหัวใจแกมาช่วยแก้ปัญหาครอบครัวชัดๆ…
ฉันว่านอกจากแม่แกแล้ว…คงไม่มีใครจะรู้จักแกได้ดีเยี่ยมเท่านาโนอีกแล้วล่ะ…
เพราะสุดท้ายคนที่ต้องยอมจำนนในที่สุดก็คือแกไง…ฮ่าๆๆ
แกว่าเจ๋งมั้ยล่ะน้องรหัสฉัน…”แล้ววายุก็หัวเราะชอบใจทันทีที่พูดจบ

เพราะเขาเองก็ไม่เคยเห็นหน้าเพื่อนรักที่ไม่เคยยอมแพ้หรือยอมจำนนให้ใคร
มาก่อนในชีวิตจะซีดได้ขนาดนี้…ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วว่า…

“แกแพ้ทางนาโนว่ะไอ้รัง…”รังสิมันต์สบตาเพื่อนทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น

“ฉันยอมรับว่าฉันแพ้ทางยัยตัวเล็กจริงๆ…ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเมียฉัน
ทำให้ฉันอึ้งได้ขนาดนี้…นี่ถ้าแกไม่บอกฉัน ฉันก็คิดไปเองแล้วว่า
แกเป็นคนวางแผนทั้งหมดเพื่อดัดหลังฉัน…”วายุหัวเราะในลำคอ

“ฉันกับอากิแค่ผู้ช่วยเท่านั้นนะไอ้รัง…ส่วนคนคิดและกระทำน่ะ…
เมียแกคนเดียวล้วนๆ…”

“ขอบใจที่ทำให้ฉันตาสว่าง…”รังสิมันต์ตบบ่าเพื่อน

“เห็นทีคงต้องมีการแจกรางวัลให้แม่จอมวางแผนของฉันสักชุดสองชุดแล้วล่ะมั้ง…”

“แต่งานนี้แกคงตามฉันไม่ทันแล้วล่ะไอ้รัง…เพราะว่า…ฉันเพิ่งได้รับข่าวดี
จากเมียสุดที่รักเมื่อเช้ามาว่า…แม่ลูกอ่อนของฉันกำลังจะมีน้องให้ลูกแฝดสาว
ของฉันอีกแล้วล่ะเพื่อน…สองเดือน คอนเฟิร์ม!”

“เฮ้ย!…แกทำได้ไงวะไอ้ลม…”

“คนมันเก่ง ช่วยไม่ได้ว่ะ…”วายุเลิกไหล่ ยิ้มร่าโชว์ฟันขาวสะอาดเรียงตัวสวย
ด้วยสีหน้าเบิกบานยิ่งนัก

“ฉันกับปองขวัญไม่ได้เอาเวลามานั่งงอนกันไปงอนกันมา
สงสัยกันไปสงสัยกันมาเหมือนคู่แกนี่หว่า…รักก็คือรัก…
แบบว่ามองตาก็เข้าใจกันว่ะ…นี่ใคร...นักบริหารระดับสูงเชียวนะเพื่อน…”
วายุกางแขนออกเพื่อให้เพื่อนรักเห็นว่าเขาน่ะแน่แค่ไหน

“เออ…ไอ้นักบริหาร…”รังสิมันต์แขวะเพื่อนด้วยความหมั่นไส้…

“ว่าแต่มันไม่แน่นเกินไปรึเพื่อน…”

“แน่นบ้าแน่นบออะไร…ลูกแฝดฉันน่ะเกือบจะสองขวบแล้วนะ…
ถ้าไม่รีบปั๊ม นานไปแม่ของลูกฉันแก่ลงไม่มีแรงเบ่งขึ้นมาจะว่าไง…”

“จริงของแก…เราก็ใช่ว่าจะวัยรุ่น…ฉันคงต้องขยันทำการบ้านบ้างแล้วล่ะ…
นี่ก็ยุ่งจนไม่ได้เจอหน้าเมียมาสามวันแล้ว…”ความคาดหวังของรังสิมันต์

ไม่ได้หยุดอยู่แค่สองคน...เขาต้องการจำนวนลูกที่มากกว่านั้น...
แต่ไม่รู้ว่าแม่ของลูกจะไหวแค่ไหนนั่นเอง...เพราะเรื่องเลี้ยงดูลูกหลังจากลูกได้
ลืมตามาดูโลกแล้วนั้น...เขาพร้อมและยินดีช่วยเธอจนสุดแรงเลยทีเดียว...
จะให้ตื่นมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกทุกคืนแล้วต้องทำงานหนักอีกสักแค่ไหน...ก็ยอม...


“รีบกลับไปหาเลยไป…อ้อ…แล้วอย่าลืมเรื่องงานแต่งพี่เพลิงฉันล่ะ…
สัปดาห์หน้าแล้วน่ะโว้ย…”วายุเตือนเพื่อนเรื่องงานแต่งพี่ชายที่จะขอยืม
เกาะรังรักของเพื่อนเป็นสถานที่จัดงานแต่ง…

“จะลืมได้ไง…คนโสดคนสุดท้ายของบ้านอาทิตยะจะลงจากคานน้อยทั้งที…
งานนี้จัดเต็มจัดหนักแน่…ประธานชมรมคานน้อยคอยรักเขาจัดให้
บอกว่า…การันตีความสนุก…”รังสิมันต์ตบบ่าเพื่อนแล้วกอดคอกันเดินไปยังท่าเรือ
เพื่อจะเดินทางไปยังเกาะรังรักด้วยกัน…

“ยัยปองของฉันคงมีความสุขไม่น้อยที่พี่สาวยอมลงจากคานสักที…
บอกตามตรงว่าฉันรู้สึกโล่งอย่างที่ไม่เคยโล่งมาก่อนในรอบยี่สิบปี…”

วายุกล่าวกับรังสิมันต์ด้วยแววตาเป็นประกายแห่งความสุขสมหวัง

“ยี่สิบปีที่เราต้องเหน็ดเหนื่อยกับการตามล่าตามหาหัวใจ…”รังสิมันต์ตอบรับ

“ต้องบอกด้วยว่า เป็นยี่สิบปีแห่งมิตรภาพระหว่างแกกับฉันด้วย…”วายุหันมายิ้ม
ให้เพื่อนที่เขากล้าบอกได้เต็มปากว่า…นี่แหล่ะเพื่อนรักเพื่อนสนิทคนเดียวในชีวิตของเขา
ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาตลอดไม่ทอดทิ้งกัน…

“ขอบใจนะไอ้ลมกับทุกๆอย่างที่แกทำเพื่อฉันเพื่อคนที่ฉันรัก…”
รังสิมันต์สบตาเพื่อนรักที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน
มิตรภาพระหว่างเขาและเพื่อนก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
น้ำใจของเพื่อนไม่เคยเลยสักครั้งที่จะแห้งเหือดหายไป…

“ฉันก็ต้องขอบใจแกเหมือนกัน…อย่าลืมสิว่า…แกกับฉัน
เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป…นี่คือคำมั่นสัญญาของเรา…
ต่อให้ไม่มีใครแกก็ยังมีฉันอยู่ทั้งคนนะโว้ย…ที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไรเลย
ที่ฉันกลัวว่าจะช่วยแกแก้ไขและผ่านมันไปไม่ได้…”

วายุยืนยันถึงคำมั่นสัญญาเมื่อครั้งเก่าก่อนตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยด้วยกัน…
แม้ใครๆจะมองว่า เขากับเพื่อนจะเป็นเพื่อนรักคู่ปรับที่ชอบทะเลาะและท้าทายกัน
ห้ำหั่นกันเพื่อชิงความเป็นผู้ชนะก็ตาม…แต่เขากับเพื่อนย่อมรู้ดีที่สุดว่า อะไรเป็นอะไร

…ในความผูกพันนั้นยากที่คนอื่นจะเข้าใจ…

“ต่อไปมีอะไร แกอย่าลืมก็แล้วกันว่ายังมีฉันที่ยังเป็นเพื่อนแกอยู่บนโลกนี้…
มีอะไรก็เล่าสู่กันฟังบ้างนะเพื่อน”

รังสิมันต์บีบบ่าเพื่อนเอาไว้เพื่อยืนยันถึงมิตรภาพของความเป็นเพื่อน…
และย้ำเตือนถึงความปรารถนาดีที่จะมีสืบไปต่อจากนี้


สองหนุ่มจึงเดินกอดคอกันไปบนหนทางที่ยังหาความแน่นอนไม่ได้

ทว่า…ในความไม่แน่นอนนั้นได้สอนให้ทั้งสองเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างพึ่งพาอาศัยกัน
ช่วยเหลือกันและกัน เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์
ให้กลายเป็นความผูกพันที่เหนียวแน่น…




....โปรดติดตามตอนต่อไป.....

ยกนี้จะสั้นกว่ายกอื่นๆ แต่อยากเอาหมอรังกับพี่ลมและพี่เพลิงมาให้สาวๆ
แถวนี้ได้หายคิดถึงกันก่อนน่ะค่ะ...

สรุปคือ คู่อาวุโสสุดของเราลงจากคานน้อยหลังสุดไปซะงั้น...ฮ่าๆๆๆ

ยกหน้ามาติดตามความหวานของแต่ละคู่กันได้ใน "งานแต่งฉบับพี่เพลิง"
ค่ะ...ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน...


ส่วนพี่ลมกับหมอรังยังคงหวานให้กันอยู่นะ...เย้ย...
โยลืมไป สองคนนี้เป็นเพื่อนรักกัน ไม่ใช่คู่รักกัน...ฮ่าๆๆๆ




...ขอคุยกับนักอ่านในยกที่แล้วกันนิดนึง...

1.คุณใบบัวที่น่ารัก...เรื่องนี้ข้ามมาหลายปีมากแล้วค่ะ...เฮะๆ...
ตั้งแต่เว็บเลิฟยังเป็นเว็บเลิฟแบบเวอร์ชั่นเก่าอยู่โน่นเลยค่ะ...อิอิ
ตอนนั้นเต่าโยยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่เลย...ตอนนี้แก่แว้ววววว
เลยทำให้คิดถึงเรื่องนี้เสมอในแง่ที่ทำให้มีความสุข เพราะผ่านเรื่องราว
หลายๆเรื่องในชีวิตจริงมาพร้อมกับการเขียนเรื่องนี้ โดยเฉพาะจุดพลิกผันในชีวิต
ยังไงโยต้องขอบคุณมากๆนะคะที่ติดตามผลงานเรื่องนี้และเป็นกำลังใจให้โยมาตลอด

ส่วนเรื่องอีโบล่า...ตอนนี้เต่าโยพยายามอย่างที่สุดที่จะเก็บตัวอยู่ในถ้ำค่ะ...เฮะๆ


2.คุณkonhin...ใช่ค่ะ ตอนที่แล้วหวานๆปนเศร้า เพราะฉากปิดของ
สองพี่น้องจอมปลวก...ส่วนยกนี้ต้องยกให้คู่อาวุโสสุดของเราไป...อิอิ
ยกหน้านั้นรอดูกันว่า จะหวานกันขนาดไหน
แต่เต่าโยการันตีความหวาน เนื่องจากสภาพคนเขียนเอื้ออำนวยต่อการ
เขียนบทหวานจริงๆ...น้าาาาาา...

3.คุณตุ๊งแช่...มีใครก็ไม่รู้ไปกระตุกหัวใจเต่าให้นึกถึงหมอรัง
ก็เลยรีบมาอัพให้เลยนะ...อิอิ...
ปล.อีกนิดที่ว่า...ไม่น่าจะเกิน 100 นะคะ (อ่ะๆๆ ล้อเล่ง)
เหลือนิดเดียวแล้วจริงๆค่ะ...ยกนี้พี่ลมกับพี่รังเขาแข่งกันหวานใส่ค่ะ...
แต่ในแบบที่เราก็ไม่คาดคิดเนอะ...ฮ่าๆๆๆ


4.คุณแว่นใส...ต้องบอกว่าเรื่องนี้นักอ่านคนไหนต่อติด
แสดงว่าความจำเป็นเลิศมาก...เนื่องจากโยเรื่มเขียนเรื่องนี้มาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ
ตอนนี้ทำงานประจำ ลาออกแล้วได้ทำที่ใหม่ไปไม่รู้กี่ตลบแล้ว
แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่จบ...อิอิ...เป็นมหากาพย์ไปแล้วก็ว่าได้ค่ะ...เฮะๆ
ขอบคุณจากใจค่ะที่ไม่ทิ้งกัน...และยังคงติดตามผลงานเรื่องนี้มาตลอดหลายปี...

5.คุณsupayalak...ยกหน้ามีให้ปลื้มกว่านี้แน่ค่ะ...เพราะเต่าปีนถึงยอดตาลแว้ว
เรื่องราวต่างๆก็จะได้หวานๆบ้างหลังจากปล่อยให้นักอ่านกัดกินบอระเพ็ดไปพลางๆ
ก่อนหน้าเสียหลายปี...อิอิ...
ขอบคุณจริงๆค่ะที่ให้กำลังใจเต่าโยมาตลอด...ไม่เคยเลยที่เต่าโยจะคิดเลิกเขียน
เรื่องนี้ แม้จะผ่านช่วงเวลาแย่ๆมาหลายต่อหลายครั้งก็ตาม...
ก็คงต้องบอกว่า เพราะนักอ่านนี่แหล่ะ ที่ทำให้เราไม่อยากเลิกเขียนไป...

6.คุณพัชรี...เห็นชื่อแล้วดีใจค่ะ...ขอบคุณนะคะที่ส่งเสียงเป็นกำลังใจให้เต่าโยกันอีก
โยจะพยายามไม่ให้นักอ่านรอนานอย่างแต่ก่อนแล้วค่ะ...
จะรีบปิดเรื่องนี้ลงในเร็ววันนี้เลยจ้าาาาา...เฮะๆ...



สุดท้ายไม่ท้ายสุด

ขอบคุณนักอ่านทุกๆท่านนะคะที่เข้ามาอ่านและนักอ่านที่ยังคงติดตามอ่าน
ผลงานเรื่องนี้กันอยู่...ขอบคุณค่ะ


รักษาสุขภาพนะคะ

"เต่าโย"







yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.ย. 2557, 11:01:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.ย. 2557, 11:35:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 2338





<< ยกที่ 91 ตะวันตกดิน   ยกที่ 93 หยุดตรงนี้ที่เธอ >>
ตุ๊งแช่ 2 ก.ย. 2557, 11:52:49 น.
ดีจัง กระตุกปุ๊บ มาปั๊บ งี้ต้องกระตุกบ่อยๆ ใช่ไหม ว้าว ลืมคู่พี่เพลิงขาโหดไปเลยย รอฟินความหวานในงานแต่งจ้า


แว่นใส 2 ก.ย. 2557, 15:14:06 น.
ฝนตกบ่อย ระวังสุขภาพด้วยละกัน จะได้มีนิยายให้อ่านต่อเรื่อย ๆ จ้า


ใบบัวน่ารัก 2 ก.ย. 2557, 18:28:04 น.
ลงจากคานกันหมดเลยนะ
ไม่รอกันบ้าง เลี้ยงหลานแทนก็ด้าย
นายหัวขาขอฉากหวานๆๆทำลูกนินิ. มีแรงไหมค้า


konhin 2 ก.ย. 2557, 20:50:38 น.
พี่ลมจะมีลูกกี่คนเนี่ยยย


พัชรี 6 ก.ย. 2557, 04:37:51 น.
ดีใจพี่เพลิงลงจากคานแล้ว
เห็นเรื่องใหม่แล้ว เดี่ยวจะตามอ่านต่อ
ขอลคุณสำหรับนิยายดีๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account