เพียงใจปรารถนา
อดีตอันแสนโหดร้ายในวัยเด็กทำให้ เวหา เติบโตมาเป็นผู้ชายแข็งกร้าวและเย็นชา ผู้หญิงคนไหนก็ไม่สามารถผ่านด่านหัวใจเขาไปได้ แต่ใช่ว่าเขาจะไร้ความรู้สึก เมื่อผู้หญิงที่เขาแอบรัก แต่ไม่สามารถครอบครอง ถูกคนรักของตนเองขอเลิกและไปแต่งงานกับ ปริญดา หญิงสาวผู้ซึ่งเพียงต้องการหนีปัญหา เธอจึงต้องตกเป็นจำเลยแห่งความโกรธแค้นของชายหนุ่ม ที่สำคัญ...เขาทำให้เธอตกหลุมรัก ยอมจำนน และทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดีเพื่อแก้แค้นให้สมน้ำสมเนื้อที่เธอทำให้ผู้หญิงที่เขารักต้องเสียใจ!
แต่เมื่อความเข้าใจผิด การโกหกปิดบัง ได้ถูกเปิดเผย จะช่วยให้เธอและเขาเปลี่ยนความแค้น และความชิงชัง ให้เป็นความรักได้หรือไม่......ขอเพียงแค่ใจปรารถนา...รักของทั้งคู่คงไม่เกินความจริง
แต่เมื่อความเข้าใจผิด การโกหกปิดบัง ได้ถูกเปิดเผย จะช่วยให้เธอและเขาเปลี่ยนความแค้น และความชิงชัง ให้เป็นความรักได้หรือไม่......ขอเพียงแค่ใจปรารถนา...รักของทั้งคู่คงไม่เกินความจริง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอน 27
สวัสดีค่ะนักอ่านเว็บเลิฟทุกท่าน^^
ช่วงนี้ทำงานที่บริษัทพลาดอยู่ในช่วงอารมณ์หดหู่ค่ะ T_T กลับไปแต่งนิยายที่้บ้านหัวไม่แล่น ไม่รู้ว่าจะเขียนปริมกับเวย์เสร็จเมื่อไร แต่จะพยายามมาลงให้ต่อเนื่องนะคะ
แแล้วเจอกันวันอังคารหน้าค่ะ อ่านนิยายให้สนุกนะคะ!
เพียงใจปรารถนา ตอน 27
ปริญดาหูอื้อตาลายไปครู่ใหญ่เมื่อได้ยินคำขอแต่งงานหลุดจากปากเวหา จากอารมณ์ที่กำลังคุกกรุ่น กลายเป็นสับสนระคนตื่นเต้น เสียงหัวใจดังตึกตักไม่แน่ใจนักว่าเธอได้ยินเขาพูดคำว่า ‘แต่งงาน’ ออกมาจริงหรือไม่
หญิงสาวค่อย ๆ ขยับตัวออกห่างจากอกเขาแล้วมองสบตาชายหนุ่มอย่างค้นหา “เมื่อกี๊คุณพูดว่าอะไรนะคะ” ถามย้ำให้แน่ใจว่าเธอไม่ใช่แค่ละเมอเพ้อฝันไป
เวหายิ้มบาง ๆ ใช้นิ้วมือไล้ไปตามแนวกรามนุ่มของหญิงสาว “ผมพูดว่าเราแต่งงานกันนะ คุณฟังไม่ผิดหรอกปริม”
ถึงแม้เขาจะพูดอย่างนั้น แต่เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อ “จริงเหรอคะ” สีหน้าบ่งบอกว่าเธออยากได้คำตอบที่ชัดเจนอีกครั้ง
ชายหนุ่มหัวเราะ “จริงสิ ก็ผมบอกอยู่ว่าจะรับผิดชอบคุณ ถ้าไม่แต่งงานแล้วจะให้ทำยังไงล่ะ หืมม”
“แต่...” เธอยังคาใจ แม้ตอนนี้หัวใจเธอจะพองโตคับอก แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของเขา... เวหา...ผู้ชายที่เธอเคยสัมผัสได้แต่ความเย็นชาราวกับน้ำแข็งและไม่แคร์ผู้หญิงคนไหนอย่างเขา
“คำพูดผมนี่มันเชื่อถือไม่ได้เลยหรือไง คุณถึงได้ลังเลนัก”
เธอรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เพียงแต่...” คิ้วสวยชนกันเป็นปม “ฉันแค่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินคำ ๆ นี้จากคุณ และคำ ๆ นั้น คุณมีไว้เพื่อฉัน...” เธอหน้าแดงร้อนผ่าวขึ้นมาทันควัน “นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
เวหายิ้มขำ จึงแกล้งหยิกแก้มเธอเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“โอ๊ย คุณหยิกฉันทำไมเนี่ย” เธอร้อง ใช้ฝ่ามือลูบแก้มตัวเองไปมา
“เจ็บไหมล่ะ”
“เจ็บสิถามได้”
“แล้วที่นี่รู้หรือยังว่าไม่ได้ฝันไป” เขาถามกลั้วยิ้ม
ปริญดาจึงได้แต่อ้าปากค้าง ค่อย ๆ หลุบตาลงต่ำเมื่อเธอรู้สึกอับอายที่ทำตัวราวกับสาวรุ่นที่ตื่นเต้นดีใจเพราะมีผู้ชายมาขอเธอแต่งงาน
เวหายิ้มกว้าง หัวเราะจนอกกระเพื่อม แล้วดึงร่างหญิงสาวให้กลับมาซบอกเขาตามเดิม พลางลูบต้นแขนเธอไปมา หัวใจเขารู้สึกเบิกบานอย่างประหลาดเวลาที่ได้อยู่กับปริญดา และเขาชอบเวลาที่เธอเป็นแบบนี้...เป็นธรรมชาติ ไม่เสแสร้ง เกลียดก็บอกว่าเกลียด ชอบก็บอกว่าชอบ และเขาก็ชอบผู้หญิงที่จริงใจตรงไปตรงมาเช่นเธอ
ยิ่งวิธีการต่อล้อต่อเถียงไม่ยอมคนของเธอที่ต่างจากผู้หญิงที่เขาเคยคบมาซึ่งคอยแต่จะเอะอะโวยวายเอาแต่ใจจนน่ารำคาญ ผิดกับปริญดาที่เขารู้สึกว่าการลับฝีปากกับเธอมันทำให้เขาสนุกมากกว่าจะหงุดหงิดด้วยซ้ำ
และช่วงระยะเวลาเกือบเดือนที่เขาหายหน้าหายตาไปจากเธอหลังจากที่เขาและเธอโต้เถียงกันที่รีสอร์ทวันนั้น ชีวิตเขารู้สึกเหมือนจมอยู่แต่กับความน่าเบื่อหน่ายจืดชืด กลับไปอยู่แต่วังวนเดิม ๆ ตื่นมาทำงาน มีผู้หญิงรายล้อม ตกเย็นก็ออกไปดื่มคนเดียวตามผับบาร์ การใช้ชีวิตที่แสนธรรมดาเหมือนที่เขาเคยทำเป็นปกติ แต่กลับไม่รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาเลยสักนิด หรือการใช้ชีวิตสนุกไปวัน ๆ ในแบบที่เขาชอบมันไม่ได้สร้างความรื่นรมณ์ให้กับเขาอีกต่อไปแล้ว...
“คุณยังไม่ตอบผมเลยว่าคุณจะแต่งงานกับผมไหม” เวหาทวงคำตอบขณะเลื่อนมือจากต้นแขนเธอมาลูบไล้เส้นผมนุ่มใต้ท้ายทอยเธอแผ่วเบา
ปริญดาที่ยังคงมึนงงกับคำขอแต่งงานสายฟ้าแล่บของเวหายังไม่รู้จะตอบเขายังไง ถึงแม้เธอจะรักเขามากขนาดไหน และเขาเองบอกว่าเต็มใจและรู้สึกดี ๆ กับเธอก็ตาม แต่ความหวาดหวั่นกลัวว่าหากแต่งงานกับเขาไปแล้วชีวิตไม่ได้มีความสุขเหมือนอย่างที่ใจคิด... ถ้าอยู่ด้วยกันไป แล้วเขารู้ใจตัวเองขึ้นมาว่าไม่สามารถรักเธอได้และไปมีผู้หญิงคนใหม่ ในตอนนั้นเธอคงทนไม่ได้ สุดท้าย ชีวิตคู่ก็ต้องลงเอยด้วยการหย่าร้าง แล้วครอบครัวแสนสุขที่เธอคาดหวังไว้ก็ต้องพังทลาย
“ปริม...คุณฟังอยู่หรือเปล่า” เวหาก้มมองเธอเมื่อเห็นเธอเงียบไป
หญิงสาวพยักหน้ากับอกของเขา “ฉันขอเวลาคิดเรื่องนี้อีกนิดได้ไหมคะ” เธอต่อรอง
เวหาขมวดคิ้ว “ทำไมต้องคิดด้วยล่ะ นี่ผมขอคุณแต่งงานนะ” น้ำเสียงเขาเริ่มขุ่น ไม่คิดว่าการขอแต่งงานเกับเธอจะยากเย็นเพียงนี้ ผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่เขาเคยคบต่างเรียกร้องอยากแต่งงานกับเขากันทั้งนั้น แต่เขาก็ไม่เคยอยากลงเอยกับใครสักคน แต่กับปริญดา ถึงแม้จะมีเรื่องลูกเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เขาก็ยอมรับเธอโดยไม่มีเกี่ยงงอนและไม่รู้สึกเสียดายอิสระภาพที่จะต้องสูญเสียไปหลังจากแต่งงาน แต่แล้วเธอกลับลังเลไม่แน่ใจที่จะตอบรับคำแต่งงานของเขา
ชายหนุ่มค่อย ๆ ดันตัวเองออกห่าง ปล่อยแขนที่กอดเธอไว้ลงข้างกาย “งั้นก็แล้วแต่คุณ” พูดเสียงห้วน แล้วทำท่าจะลุกไปจากตรงนั้น
ปริญดาตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเวหา เธอรีบคว้ามือเขาเอาไว้
“คือฉัน...” เธออึกอัก ไม่รู้จะอธิบายเขายังไงให้เข้าใจความรู้สึกของเธอตอนนี้
“คุณไม่ต้องพูดอะไรหรอก ผมรู้ว่าคุณยังฝังใจว่าผมมันเป็นผู้ชายสารเลวแค่ไหน ที่คุณขอคิดเรื่องแต่งงานมันก็ถูกต้องแล้ว” เขาตอบด้วยสีหน้าเย็นชา แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพียงแค่เธอขอคิดเรื่องแต่งงานกับเขาเท่านั้น
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” เธอรีบร้องท้วง มือที่คว้าจับมือเขาไว้บีบบแน่น “ฉันแค่กลัว...” เธอสารภาพ
“กลัวอะไร” เวหาทำน้ำเสียงให้สงบเยือกเย็น
ปริญดาก้มหน้ามองท้องที่ยังแบนราบของตัวเอง เอามือกุมไว้ราวกับปกป้อง แล้วพรั่งพรูสิ่งที่อัดอั้นตันใจด้วยเสียงสั่นเครือ
“คุณรู้ว่าฉันรักคุณ แต่คุณไม่รู้ว่าฉันรักคุณมากขนาดไหน... ถ้าหากเราแต่งงานกันไป และวันหนึ่งคุณรู้ใจตัวเองว่าไม่ได้รักฉันและไปมีคนอื่น ถึงแม้ฉันมั่นใจว่าคุณจะรับผิดชอบลูกของเราแต่ฉันไม่สามารถทนอยู่ในสภาพนั้นได้” สีหน้าเธอบอกความกังวลชัดเจน
“และถ้าต้องเป็นแบบนั้น ฉันขอยอมเจ็บปวดแสนสาหัสตอนนี้ดีกว่าปล่อยตัวเองให้ทนทรมานไปตลอดชีวิต”
เวหาถอนหายใจ สีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน เขากุมมือเธอที่จับมือเขาไว้มั่น “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำตอนนี้มันยังไม่แสดงให้คุณเห็นอีกเหรอว่าผมจริงใจต่อคุณน่ะปริม อีกอย่าง ถ้าคุณไม่ลองเปิดใจ แล้วจะรู้ได้ไงว่าอนาคตจะดีหรือไม่ดี”
เขาสบนัยน์ตาลังเลของหญิงสาวนิ่งราวกับต้องกาจะส่งความรู้สึกนึกคิดผ่านแววตาเขาให้เธอรับรู้
“ทำไมเราไม่ลองให้โอกาสกันและกันล่ะปริม...อย่างน้อยก็เพื่อลูกของเรา ให้เขาเกิดมาในสภาพครอบครัวที่ดีพร้อม ดีกว่าปล่อยให้เขาเกิดมาโดยที่ต้องรับรู้ว่ามีพ่อ แต่พ่อไม่รักแบบนี้” หางเสียงเจือความขมขื่น ดวงตาหม่นหมองลงจนเธอสัมผัสได้ว่าเขาทนทุกข์เศร้าโศกแค่ไหนกับการที่พ่อทิ้งเขาไปตั้งแต่ยังเล็ก และแม่ก็ยังมาเสียไปเพราะตรอมใจตายจนต้องไปอยู่ในความดูแลอุปการะจากครอบครัวอื่น
ถึงเธอจะไม่สามารถรับรู้ความเจ็บปวดและความรู้สึกที่แท้จริงของการถูกทอดทิ้งนั้นได้ แต่เธอก็พอจะเข้าใจว่าการขาดความรักความเอาใจใส่จากครอบครัวนั้นเป็นอย่างไร เพราะเธอเอง แม้จะมีพ่อและแม่ที่รักและดูแลเธออย่างดี แต่เธอกลับไม่เคยได้รับความรักจากคนอื่น ๆ ในครอบครัวเช่นคุณย่าและอาสมภพเลยแม้แต่น้อย
ปริญดาน้ำตารื้นคลอหน่วย เมื่อนึกถึงชีวิตของเขาและของตนเอง ยิ่งเห็นใบหน้าหมองเศร้าของเวหา ใจเธอก็ยิ่งอ่อนยวบเหมือนฟองน้ำนุ่ม ๆ ที่อยากจะดูดซับความทุกข์ตรมที่อยู่ในจิตใจของเขาออกมาให้หมด
มือของเธอยื่นไปจับใบหน้าเขาราวกับมีแรงดึงดูดเข้าไปหา จากนั้นก็เผลอลูบไล้แก้มเขาเบา ๆ ด้วยอารมณ์ที่อยากจะปลอบประโลมใจเขาให้หายเศร้า ชายหนุ่มหลับตาพริ้มในขณะที่เธอใช้นิ้วมือไล้โหนกแก้มเขาขึ้นลงแผ่วเบา และโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เวหาก็ดึงร่างเธอเข้าไปกอดแน่น ซบศรีษะตนเองที่ซอกคอของเธอ และกอดเธอนิ่งอยู่แบบนั้นโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
ปริญดาที่เหมือนเพิ่งได้สติ ค่อย ๆ เลื่อนมือตนเองทั้งสองข้างโอบรอบเอวเขา กอดตอบเขาพร้อมกับซบหน้าแนบอกเขาไว้ ฉับพลันความอบอุ่นจากกายเขาก็แผ่ซ่านมายังเธอพลางรู้สึกผ่อนคลายอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างเป็นสุข กลิ่นกายชายเร้าใจของเขาทำให้เธอหลงดื่มด่ำไปกับอ้อมกอดที่แสนจะธรรมดาแต่เย้ายวนใจยิ่ง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตกอยู่ในอ้อมกอดของเวหาเช่นนี้ แต่ความรู้สึกที่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมแนบแน่นกับเขาเหมือนในตอนนี้มันช่างแตกต่างจากที่ผ่านมา ความอบอุ่นจากตัวเขาช่วยเติมเต็มหัวใจที่อ่อนล้าของเธอให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง อีกทั้งเธอยังรู้สึกถึงอำนาจแรงกล้าที่ดึงเธอเข้าหาเขามายิ่งขึ้น จนความผูกพันลึกซึ้งก่อเกิดภายในจิตใจเธอ
บางครั้ง...เธอก็เคยคิดเล่น ๆ ว่า เธอจะมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ถ้าเขาจากไป และเธอก็ได้คำตอบชัดเจนให้กับตัวเองว่าเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอแทบจะขาดใจตายให้ได้เพียงแค่ไม่ได้เห็นหน้าหรือไม่ได้ยินเสียงเขาเท่านั้น แต่ทั้งที่รู้ว่าใจตัวเองขาดเขาไม่ได้ ก็ยังจะฝืนโกหกตัวเองอยู่ทุกวันว่าเธอจะลืมเขาได้ถ้าเวลาผ่านพ้นไปมากกว่านี้...
แต่สุดท้าย หัวใจก็ทรยศเธอทุกครั้งเพียงแค่ได้เห็นหน้าเขา และครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะทำตรงกันข้ามกับหัวใจ เธอเหนื่อยมามากพอแล้วกับการเสแสร้งหลอกตัวเองไปวัน ๆ ที่ผ่านมาเธอขี้ขลาดไม่กล้าที่จะลองเปิดใจรับเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้ เธอจะยอมทำตามความรู้สึกและหัวใจตัวเองโดยไม่คิดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมา...นั่นก็เพื่อตัวเธอเอง และที่สำคัญ เพื่อลูกที่กำลังจะเกิดมา...
ปริญดากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น แผ่นอกกว้างของเขาเหมือนเป็นสถานที่พักใจอันแสนสงบ ความอบอุ่นจากร่างกายเขายังคงส่งผ่านมายังเธอ เธอพักศีรษะกับบ่ากว้างที่รู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อแข็งแรงใต้เสื้อเชิ้ตบาง ๆ พลางถอนหายใจอย่างเป็นสุขเมื่อเธอรู้สึกราวกับได้กลับบ้านอันแสนปลอดภัย
การในอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของเขาเงียบ ๆ โดยไม่ต้องมีคำพูดหรือคำถามใด ๆ ต่อกัน ทำให้เธอไม่ต้องเพ่งจิตไปอยู่กับคำถามหรือคำพูดเหล่านั้น แต่ความเงียบมันทำให้เธอได้คิดตะหนักตรึกตรองทบทวนความรู้สึกตัวเอง จนได้คำตอบในที่สุด....
“ฉันตกลงแต่งงานกับคุณค่ะ” เธอตอบเสียงเบาราวกระซิบ
เวหาค่อย ๆ ดันตัวเธอออกห่าง แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอของเธอ “จริงเหรอปริม” น้ำเสียงแกมประหลาดใจปนดีใจ
ปริญดาพยักหน้า ยิ้มรับทั้งน้ำตา “ค่ะ”
เวหาจับคางมนของเธอให้เงยแหงนมองเขา “แล้วทำไมต้องร้องไห้ด้วยล่ะ” ถามพลางใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้เธอ
หญิงสาวคลี่ยิ้ม ถึงแม้เธอจะร้องไห้ แต่แววตาเปล่งประกายมีความสุข “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันก็แค่รู้สึก...” เสียงเธอยังคงสั่นพร่า
“รู้สึกว่าตัวเองปลอดโปร่งโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ทำตามหัวใจตัวเองเรียกร้อง เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก ความเครียด ความกดดันมันหายไปหมด เหลือแต่ความสุขสงบใจจนฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แค่นั้นเองค่ะ” พอเธอได้ระบายออกไปแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกร่างกายเบาหวิวเมื่อได้โยนความทุกข์ในจิตใจตนเองออกไป
เวหายิ้มเยือนด้วยความดีใจเมื่อได้ฟัง เขาก็รู้สึกพอใจอย่างเอกอุที่เธอยอมผ่อนปรนทำในสิ่งที่หัวใจตัวเองต้องการและยอมรับเขาได้ในที่สุดหลังจากที่เธอพยายามปิดกั้นมานาน เขารู้ว่าสิ่งที่เธอพูดมานั้นไม่ใช่เป็นเพราะความอ่อนไหวหรือแค่เพียงตอบรับให้มันพ้น ๆ ไป แต่เป็นเพราะเธอเองก็มีใจให้เขาอยู่แล้วไม่น้อย จึงได้ลดทิฐิตนเองแล้วเปิดใจกับเขาเช่นนี้
“ผมดีใจนะที่ในที่สุด คุณก็เลิกปิดกั้นผมเสียที” เขายิ้มบอก
ปริญดายิ้มพราย ใช้นิ้วจิ้มอกเขา เป็นครั้งแรกที่เธอหยอกล้อเวหาหลังจากเธอกีดกั้นเขามานาน “เป็นเพราะคุณนั่นแหล่ะที่ทำให้ฉันฝังใจกลัวว่าคุณจะแกล้งทำเป็นดีกับฉันอีก”
ชายหนุ่มทำหน้าตาจริงจัง “ถ้างั้นผมขอให้คุณเปลี่ยนความคิดใหม่ ทุกอย่างที่ผมเคยทำไม่ดีกับคุณเป็นเพราะผมเข้าใจผิด แต่หลังจากนี้ทุกอย่างที่ผมทำให้คุณมันคือความจริงใจ ผมขอให้คุณเชื่อมั่นในตัวผม แค่นี้...ได้ไหมปริม”
เธอรู้สึกเขินอายกับคำพูดตรงไปตรงมาของเขา สายตาที่มองมาบ่งบอกถึงความจริงใจ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เขาเคยบอกแบบนี้กับเธอไปแล้วครั้งหนึ่งที่รีสอร์ทวันนั้น และเมื่อเขาย้ำชัดคำพูดเดิมในตอนนี้อีกครั้ง เธอก็ยิ่งมั่นใจและไว้ใจเขาอย่างไม่มีอะไรเคลือบแคลง
“ค่ะ ฉันเชื่อคุณ” เธอตอบรับหนักแน่น แสดงให้เขาเห็นว่าเธอเชื่อใจเขาจริง ๆ
เวหายิ้มอวดฟันขาว “ขอบคุณนะปริม” พูดเสร็จ เขาก็ยื่นหน้าไปจูบหน้าผากของเธอแรง ๆ นึงที จากนั้นก็ดึงเธอเข้ามากอดแน่น ๆ อีกครั้ง
ปริญดาหัวเราะ “ตัวฉันช้ำไปหมดแล้วมั้งคะเนี่ย คุณเล่นเดี๋ยวก็กอดเอา ๆ แบบนี้”
“ก็ผมดีใจนี่นา กว่าจะง้อให้คุณยอมผมได้ เล่นเอาผมเหนื่อย คุณเป็นผู้หญิงคนแรกเลยนะเนี่ยที่ผมยอมให้ขนาดนี้” เขาพูดกลั้วหัวเราะขณะที่ยังกอดเธอไม่ปล่อย
หญิงสาวดันตัวเขาออกห่าง ยื่นมือสองข้างจับประคองแก้มเขาให้มองที่เธอ แววตาขึงขังมองเขาเขม็ง “แต่หลังจากนี้คุณต้องสัญญาว่าฉันจะเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวของคุณ และคุณต้องมีแต่ฉันเท่านั้น ถ้าฉันรู้ว่าคุณมีผู้หญิงคนอื่น ต่อให้คุณมาพูดจาง้องอนขอคืนดียังไง ฉันก็จะไม่มีวันให้อภัยคุณเป็นครั้งที่สองแน่นอน และคุณจะไม่มีวันได้เห็นหน้าฉันหรือแม้แต่หน้าลูกอีกเลยตลอดชีวิต” เธอพูดเน้นชัดทุกคำ บอกให้เขารู้ว่าเธอเอาจริง
เวหาถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ “ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณก็เป็นคนขี้หึงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน” เขาจับมือเนียนนุ่มของเธอที่ประคองใบหน้าเขาไว้ จับมือสองข้างของเธอมากุมแน่น แล้วพูดว่า
“ผมกำลังจะเป็นพ่อคน หลังจากนี้ผมคงไม่ไปสนใจผู้หญิงคนไหนแล้วล่ะ” เขาบอกให้เธอมั่นใจ ก่อนจะกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ มีประกายขบขันในดวงตา
“แต่ผมก็ห้ามพวกผู้หญิงไม่ให้มองผมไม่ได้นะ เรื่องนี้คุณต้องทำใจ” เวหายักไหล่
เธอเบ้ปากแล้วเชิดใส่ “ย่ะ พ่อคนหล่อ หล่อเหลือเกิ๊น เชอะ”
เวหาเงยหน้าหัวเราะร่วนกับท่าทางกระเง้ากระงอดแสนงอนของปริญดาที่เขาคิดว่ามีแต่เธอเท่านั้นที่ทำแล้วสร้างความเพลิดเพลินให้เขาจนต้องหัวเราะออกมาทุกครั้งไป
“คุณนี่น่ารักจัง ทำไมน๊า ผมไม่เคยสังเกตุมาก่อนเลยว่าเวลาคุณเป็นแบบนี้แล้วมันน่ารักโดนใจผมเสียจริง” พูดเสร็จ ก็อดใจไม่ไหว ยื่นมือไปหยิกแก้มทั้งสองข้างของเธอเบา ๆ ปากเม้มแน่นด้วยอาการหมั่นเขี้ยว
“โอ๊ยย หยิกฉันอีกแล้วนะ” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้น แต่ใจเธอกลับเป็นสุขอย่างเหลือล้นที่เธอและเขาเข้าใจกันได้ในที่สุด ถึงแม้เธอยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการคือคำว่ารักจากปากของเวหา แต่เธอก็หวังและพยายามบอกตัวเองเหมือนที่เขาพยายามจะบอกเธอว่าให้ทั้งเธอและเขาได้มีโอกาสรู้จักกันมากกว่านี้ และเมื่อถึงตอนนั้น เขาอาจจะรักเธอ...เหมือนที่เธอรักเขาก็เป็นได้
“คิดอะไรอยู่ หืมม” เวหาปัดผมที่เริ่มยาวของหญิงสาวไปทัดหู
ปริญดาส่ายหน้า รอยยิ้มยังคงค้างอยู่บนริมฝีปาก “ฉันแค่คิดว่า...ถ้าฉันจะมีความสุขขนาดนี้ รู้อย่างนี้ยอมยกโทษให้คุณไปตั้งนานแล้ว” พูดพลางหัวเราะแก้เขิน ใบหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดของตัวเอง
“ก็คุณน่ะเด็กดื้อ ผมพยายามอธิบายให้คุณฟังแล้วที่รีสอร์ท แต่คุณก็ไม่เชื่อ” สายตามีแววขบขันมากกว่าจะดุเธอ
หญิงสาวจึงได้แต่ทำหน้าง้ำ รู้สึกผิดที่พยายามกีดกันและไม่ฟังเหตุผลของเขาในตอนนั้น “แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าการยอมรับคุณเข้ามาในหัวใจฉันอีกครั้ง ถึงแม้มันจะเสี่ยง แต่ก็ดีกว่าการปิดกั้นหัวใจตัวเองจากคุณที่มันช่างเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่า”
เวหาสบตาเธอนิ่ง และให้คำมั่น “ผมขอโทษอีกครั้งกับทุกสิ่งที่ผมทำไม่ดีกับคุณมาตั้งแต่ต้น ครั้งนี้ผมอยากให้เราเริ่มต้นกันใหม่ เพื่อเรา เพื่อลูก เพื่อครอบครัว...” เขายิ้มอบอุ่นให้เธอ ยกมือทั้งสองข้างของหญิงสาวที่วางอยู่บนตักขึ้นมาแล้วจรดริมฝีปากจุมพิตหลังมือเธอราวกับจะประทับตราคำมั่นสัญญาให้เธอ
ให้ตายสิ เขาไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามาใกล้ชิดหัวใจเขาได้มากขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยที่จะให้ผู้หญิงคนไหนมามีอำนาจเหนือเขา แม้แต่นิรชาที่เขาเคยคิดว่าตัวเองมีใจให้กับเธออย่างเหลือล้นและยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอได้
แต่ตอนนี้ เขารู้แล้วว่าความรู้สึกเหล่านั้นที่เคยมีให้กับนิรชามันช่างต่างกันสิ้นเชิงกับความรู้สึกตอนนี้ที่เขามีให้ปริญดา หญิงสาวที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เธอเช่นนี้
ที่สำคัญ เขาไม่เคยมีคำว่า ‘ครอบครัว’ หรือคำว่า ‘เรา’ กับผู้หญิงคนไหนอยู่ในหัวเขามาก่อน แต่วันนี้ เธอทำให้เขาพูดคำนี้ออกมาได้อย่างสบายใจ ไม่เคยคาดคิดเลยว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะมีผลกระทบต่อเขาได้มากมายเพียงนี้
“อาทิตย์นี้คุณว่างไหม ผมอยากพาคุณไปที่กาญ พ่อแม่ผมโทรมาบ่นคิดถึงคุณบอกว่าเมื่อไรจะพาคุณไปหาท่านอีก คราวนี้เป็นโอกาสดีที่จะบอกเรื่องแต่งงานของเรา”
ปริญดาคลี่ยิ้มหวานชื่น แก้มยังคงแดงปลั่งกับคำพูดและการกระทำอันอ่อนหวานของเขา “ได้สิคะ หลังจากเราบอกพ่อแม่ของคุณแล้ว ฉันก็อยากให้คุณไปพบครอบครัวฉันบ้าง”
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วล่ะ คุณอยากให้ผมเข้าไปพบพวกท่านวันไหนก็บอกมาได้เลย”
สีหน้าที่ร่าเริงของหญิงสาวค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นกังวลใจ “ไว้ให้ฉันเกริ่นเรื่องของเราให้ที่บ้านฉันรู้ก่อนนะคะ คุณพ่อคุณแม่ของฉันคุยไม่ยากเท่าไร แต่คุณย่านี่สิคะที่ฉันหนักใจ ท่านเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าอยู่ ๆ พาคุณเข้าไปเลยท่านอาจจะพูดอะไรทำให้คุณไม่พอใจได้”
เวหายิ้มให้กำลังใจ บีบมือเธอให้คลายกังวล “ผมพอรู้เรื่องคุณย่าของคุณจากไอ้ก้องมาบ้างแล้วล่ะ แต่ต่อให้ท่านพูดดุด่าว่าผมยังไง ผมก็ต้องรับฟังแต่โดยดี ในเมื่อผมทำหลานท่านเสียหายหนิ”
แต่เวหายังไม่รู้ว่าอารมณ์ของคุณย่าเวลาโกรธนั้นท่านเป็นอย่างไร มีหลายครั้งที่เธอทำให้ท่านไม่สบอารมณ์จนต้องลงลงไม้ลงมือกับเธอก็มี แต่เรื่องนี้เธอจะไม่บอกให้เขารู้ และตอนนี้เธอเองก็ไม่อยากจะคิดเรื่องคุณย่าให้ปวดหัว
เวหาเห็นหน้าตาเคร่งเครียดของปริญดาแล้วก็ต้องโอบแขนรอบไหล่เธอแล้วดึงเข้ามาแนบอก กอดเธอไว้หลวม ๆ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล “ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเครียดอย่างนั้นสิ เรื่องนี้ผมเป็นคนก่อ ยังไงซะผมก็จะไม่ยอมให้ใครมาว่าอะไรคุณได้ คุณไม่ต้องห่วงนะ”
“ค่ะ” เธอตอบด้วยความซาบซึ้งและปลาบปลื้มใจที่เขาคอยเป็นห่วงเป็นใยความรู้สึกเธอขนาดนี้
“ส่วนเรื่องที่เราจะแต่งงานกัน เดี๋ยวผมเป็นคนจัดการบอกก้องกับน้ำเอง สองคนนั้นคงดีใจ ที่ผมกับคุณลงเอยกันได้”
“ค่ะ” ตอนนี้เขาพูดอะไรมาเธอก็ตอบรับเขาหมด เชื่อใจและไว้ใจเขาอย่างไม่มีการลังเลอีกต่อไป
ปริญดากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ซบศรีษะลงบ่นไหล่กว้างของเขาและผ่อนลมหายใจออกมา ปล่อยความเครียดทั้งหมดทั้งมวลออกจากสมอง พยายามไม่คิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตอนนี้เธออยากคิดถึงแต่เขา อ้อมกอดอบอุ่นจริงใจจากเขา ที่เธอเฝ้าฝันและโหยหามันมาเนิ่นนาน
/
/
/
“นี่แม่หูไม่ได้ฝาดไปแน่นะ” ลาวัลย์ถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ มองหน้าเวหาและปริญดาสลับกันไปมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ พลางหันไปถามทรงยศที่นั่งยิ้มไม่หุบอยู่โต๊ะทำงานด้วยคำถามเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดเข้ามาคุยกันในห้องทำงานของทรงยศได้สักพักใหญ่แล้ว
เวหายิ้มบาง ๆ “ครับแม่ เธอท้องอ่อน ๆ ได้เดือนกว่าแล้ว และเราคุยกันไว้ว่าจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด” พูดเสร็จเขาก็หันไปส่งยิ้มให้กับปริญดาที่นั่งเขินอายอยู่ข้างกัน
“โอ๊ย จริงเหรอนี่! แม่ละไม่นึกไม่ฝันเลยว่าชีวิตนี้จะได้ยินเวย์พูดว่าจะแต่งงาน ตาย ๆ ๆ อย่างนี้ต้องรีบหาฤกษ์แต่งงานให้เร็วที่สุดเลยนะเวย์” หล่อนทำหน้าปลื้มปริ่มด้วยความดีใจสุดขีด แล้วเดินก้าวยาว ๆ เข้าไปหาคนทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงโซฟา กางแขนออกกว้างแล้วเรียกปริญดาเข้ามากอดแน่นต้อนรับสะใภ้คนใหม่ของบ้าน
“แม่ขอบใจมากนะจ๊ะที่หนูจัดการตาเวย์ของแม่จนอยู่หมัดและยอมตกลงปลงใจแต่งงานจนได้” จบประโยค ก็มีเสียงหัวเราะขำของทรงยศและเวหาดังมาให้ได้ยิน
ปริญดาแก้มร้อนผ่าว ปฎิเสธเป็นพัลวัน “ไม่หรอกค่ะ ปริมว่าเป็นเพราะลูกในท้องมากกว่าที่ทำให้เขาตัดสินใจแต่งงานกับปริม”
ลาวัลย์ส่ายหน้า “แต่แม่เชื่อนะว่าถึงแม้ไม่ได้มีเรื่องลูกเข้ามาเกี่ยวข้อง สักวันเวย์เขาก็ต้องเลือกแต่งงานกับหนูอยู่ดี จริงไหมเวย์” หล่อนหันไปถามความเห็นลูกชาย
เวหายิ้มกว้าง ตอบโดยไม่ต้องคิด “ใช่ครับแม่”
ลาวัลย์หันกลับมาที่ปริญดา “เห็นไหมล่ะ แม่บอกแล้วว่าเวย์น่ะยังไงเขาก็เลือกแต่งงานกับหนู อู๊ย แม่ล่ะดีใจที่สุดเลยรู้ไหม ในที่สุดเวย์ของแม่ก็ขายออกเสียที” หล่อนคว้าตัวหญิงสาวเข้ามากอดแน่น ๆ อีกครั้ง
ทรงยศที่นั่งฟังอยู่ถึงกับหัวเราะเสียงดัง “แหมคุณ ทำอย่างกับลูกชายเราหน้าตาแย่มากขนาดนั้นแหล่ะ”
ลาวัลย์หันไปพูดกับสามี “หน้าตาน่ะไม่ได้แย่ค่ะ แต่นิสัยนี่สิที่วัลย์กำลังพูดถึง”
เวหารีบร้องโอด “โธ่ แม่ครับ นิสัยผมไม่ได้แย่ขนาดนั้นเสียหน่อย อย่าพูดให้ปริมเขาเขวสิครับ” น้ำเสียงออกไปทางบ่นแต่ริมฝีปากยิ้มขำที่โดนมารดาแซว
ลาวัลย์ทำเบ้ปาก “แล้วไอ้ที่เอาแต่เที่ยวเจ้าชู้คบสาวคนนั้นทีคนนี้ทีไม่จริงจังกับใครนี่คิดว่าดีแล้วเหรอ” หล่อนทำท่าชี้นิ้วคาดโทษไปที่เวหา
“และหลังจากนี้แม่ขอยื่นคำขาดเลยนะ ถ้าเวย์ยังทำตัวเจ้าชู้ประตูดินเหมือนเดิมอีกล่ะก็ แม่นี่แหล่ะจะยกสมบัติทุกอย่างให้หนูปริมกับหลานแล้วจะตัดหางปล่อยวัดเวย์ทิ้งซะเลย”
“โห แม่ครับ ยังไม่ทันไรแม่ก็เข้าข้างปริมซะขนาดนี้ ไหนแม่เคยบอกว่าผมเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของแม่ไง แล้วจะมาทิ้งกันง่าย ๆ อย่างนี้น่ะเหรอครับ” เขาแกล้งทำน้ำเสียงน้อยใจ
“ไม่ต้องมาทำออดอ้อน ตอนนี้ปริมกับหลานสำคัญกว่า เพราะฉะนั้นถ้าเวย์ทำให้หนูปริมเสียใจล่ะก็น่าดู” หล่อนปั้นหน้าขรึมพูดทีเล่นทีจริง ก่อนจะหันมายิ้มให้ปริญดา
“ถ้าเวย์ทำอะไรให้ปริมเจ็บช้ำน้ำใจ ปริมบอกแม่ได้เลยนะลูก แม่จะจัดการกับเวย์เอง” หล่อนบอกพลางลูบผมเธออย่างเอ็นดู
หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับด้วยท่าทีเขินอาย พอหันไปมองเวหาก็เห็นเขาส่งยิ้มสดใสมาให้ หน้าตาดูอารมณ์ดีไม่เหมือนคนที่กำลังน้อยใจมารดาตัวเองสักนิด
ปริญดารู้สึกถึงหัวใจที่กำลังพองโตคับอก ความสุขก่อเกิดขึ้นในจิตใจเต็มเปี่ยมอย่างที่ไม่เคยคิดว่าเธอจะรู้สึกถึงมันได้ยามเมื่ออยู่กับผู้ชายคนนี้ อีกทั้งเธอยังปลาบปลื้มที่ครอบครัวของเขารักและเอ็นดูเธอเหมือนเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่ง และพอพวกท่านรู้ว่าเธอท้อง แทนที่จะโมโหโกรธเคือง แต่กลับตื่นเต้นดีใจที่จะได้หลาน ไม่แสดงท่าทีรังเกียจที่เธอตั้งท้องก่อนแต่งงานเลยด้วยซ้ำ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้เอาเธอหัวหมุนเพราะความสุขที่เบ่งบานเอิบอาบในใจ คิดว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกเชื่อฟังเสียงหัวใจมากกว่าสมองที่สั่งการให้ทำตรงข้ามกัน
“แต่เรื่องที่หนูปริมท้องพ่ออยากให้รู้กันเฉพาะคนในครอบครัวของเรา แล้วก็รีบจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด เพราะเราต้องไว้หน้าครอบครัวของหนูปริมเขาด้วย” ทรงยศบอกกับเวหา ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับเห็นด้วย
“แล้วหนูปริมอยากให้พ่อกับแม่ไปคุยกับครอบครัวของหนูเมื่อไรก็บอกมาได้เลยนะ เรื่องสินสอดก็ไม่ต้องเกรงใจ แต่งงานทั้งทีต้องทำให้สมฐานะ” ทรงยศหันไปพูดกับปริญดา
ลาวัลย์ช่วยยืนกรานคำพูดของสามี “ใช่จ้ะ ทั้งเรื่องสินสอดเรื่องการแต่งงานว่าอยากจะจัดอะไรยังไง ขอให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบทางฝั่งเวย์เอง ครอบครัวของหนูปริมไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นนะจ๊ะ”
ปริญดาทำหน้าชั่งใจ “แต่จริง ๆ ปริมว่าช่วย ๆ กันดีกว่าค่ะ จะผลักภาระให้ทางคุณพ่อคุณแม่อย่างเดียวปริมว่าไม่ดีมั้งคะ”
ลาวัลย์รีบส่ายหน้า “อู๊ย ไม่เลยจ้ะ พ่อกับแม่น่ะยิ่งกว่าเต็มใจซะอีก” หล่อนตบหลังมือหญิงสาวเบา ๆ ให้คลายกังวล
“เรื่องนั้นน่ะเอาไว้คุยกันตอนที่พ่อกับแม่ไปเจอครอบครัวหนูปริมที่กรุงเทพฯดีกว่านะ ส่วนตอนนี้แม่ว่าหนูปริมไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เพิ่งมาถึงเหนื่อย ๆ อีกอย่าง ไหน ๆก็มาตั้งไกลจากกรุงเทพ ก็พักอยู่ที่นี่สักคืนสองคืนแล้วค่อยกลับนะจ๊ะ พรุ่งนี้ยัยไหมก็จะกลับมาจากค่ายปลูกป่าแล้ว จะได้อยู่ฉลองกันให้พร้อมหน้าพร้อมตาเสียหน่อย ดีไหมคะคุณ” ลาวัลย์หันไปถามความเห็นสามี
“นั่นสิ เวย์กับปริมว่าไง ไม่ติดธุระอะไรใช่ไหมลูก”
เวหาส่ายหน้า ยิ้มตอบ “ผมกับปริมไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ ใช่ไหมจ๊ะ” เขาหันไปถามปริญดา ตอบแทนเธอเรียบร้อย
“เอ่อ...” ปริญดาทำหน้าปั้นยาก เรื่องนอนค้างที่นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่บอกคนที่บ้านว่าเธอไปค้างบ้านกฤกติกาเหมือนทุกครั้งเวลาที่เธอมีงานยุ่งแม่ของเธอก็เข้าใจ แต่เรื่องที่ทำให้เธอลังเลคือถ้าเธอค้างที่นี่ มารดาของเวหาคงไม่แคล้วได้จัดให้เธอนอนห้องเดียวกับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
สัมผัสเบา ๆ บนหัวไหล่ที่โอบกอดเธอจากทางด้านหลังทำเธอสะดุ้งน้อย ๆ และเป็นเวหาที่ส่งยิ้มหวานมาให้แล้วพูดแทนเธออีกครั้ง “ปริมเขาขี้เกรงใจน่ะครับแม่ กลัวว่าจะรบกวนพ่อกับแม่เลยไม่กล้าตอบตกลง”
“อะไรกันจ๊ะหนูปริม จะเป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่แล้วจะต้องมาเกรงจงเกรงใจอะไรอีก” ลาวัลย์บอกเสียงสูงคล้ายขัดใจอยู่ในที ก่อนจะหันไปสั่งเวหา
“เดี๋ยวเวย์ออกไปสั่งแม่บ้านเลยนะว่าให้ขึ้นไปจัดเตรียมทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อย แล้วก็พาหนูปริมไปพักผ่อนซะ ส่วนแม่จะไปบอกหัวหน้าคนงานในสวนเสียหน่อยว่าพรุ่งนี้แม่จะจัดงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานเล็ก ๆ ของเวย์กับปริมที่ไร่ ทุกคนจะได้รู้กันถ้วนหน้าว่าอีกไม่นานเจ้าของสวนกุหลาบคนใหม่ในอนาคตกำลังจะแต่งเมีย” หล่อนพูดด้วยสีหน้าชื่นมื่น
ริมฝีปากเวหาขยับยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นว่ามารดาของเขาดูจะตื่นเต้นเรื่องการแต่งงานกว่าใครเพื่อน เขาตอบรับมารดาแล้วจึงหันมาชักชวนหญิงสาวข้างกายให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่ดูเหมือนเธอก็ยังเก้ ๆ กัง ๆ ทำหน้าว่าอยากจะคัดค้าน แต่เขารู้ทันเธอหรอกว่าทำไม และเขาจะไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองกับเธอหลุดลอยไป
“เดี๋ยวผมพาคุณไปพักผ่อนแล้วเย็น ๆ เราไปหาซื้อเสื้อผ้ากันนะ คราวก่อนคุณไม่ได้ทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่นี่เลยหนิ” เขายิ้มบอก เห็นเธอทำหน้ากระอักกระอ่วนจึงรีบหันไปชิงเอ่ยขอตัวกับผู้ใหญ่ทั้งสองคน แล้วใช้แขนโอบเอวปริญดา กึ่งจูงกึ่งประคอง พาเธอออกจากห้องทำงานบิดา หมดโอกาสให้เธอคัดค้านอีกต่อไป
<><><><><><><><><><><><>><><><><>>><><><><><><>
จบตอน
คุณ lamyong เอามาส่งให้ก่อนล่วงหน้าหนึ่งวันแล้วนะคะ ตอนนี้พยายามลงอาทิตย์ละ 2 บท เพราะงานยุ่งด้วย แล้วเรื่องนี้ก็ยังแต่งไม่จบด้วย ไม่ว่ากันเนอะ อิอิ ^^
คุณ pkka เจอขอแต่งงานแบบนี้ใครจะปฎิเสธล่ะเนอะ ^_^
ช่วงนี้ทำงานที่บริษัทพลาดอยู่ในช่วงอารมณ์หดหู่ค่ะ T_T กลับไปแต่งนิยายที่้บ้านหัวไม่แล่น ไม่รู้ว่าจะเขียนปริมกับเวย์เสร็จเมื่อไร แต่จะพยายามมาลงให้ต่อเนื่องนะคะ
แแล้วเจอกันวันอังคารหน้าค่ะ อ่านนิยายให้สนุกนะคะ!
เพียงใจปรารถนา ตอน 27
ปริญดาหูอื้อตาลายไปครู่ใหญ่เมื่อได้ยินคำขอแต่งงานหลุดจากปากเวหา จากอารมณ์ที่กำลังคุกกรุ่น กลายเป็นสับสนระคนตื่นเต้น เสียงหัวใจดังตึกตักไม่แน่ใจนักว่าเธอได้ยินเขาพูดคำว่า ‘แต่งงาน’ ออกมาจริงหรือไม่
หญิงสาวค่อย ๆ ขยับตัวออกห่างจากอกเขาแล้วมองสบตาชายหนุ่มอย่างค้นหา “เมื่อกี๊คุณพูดว่าอะไรนะคะ” ถามย้ำให้แน่ใจว่าเธอไม่ใช่แค่ละเมอเพ้อฝันไป
เวหายิ้มบาง ๆ ใช้นิ้วมือไล้ไปตามแนวกรามนุ่มของหญิงสาว “ผมพูดว่าเราแต่งงานกันนะ คุณฟังไม่ผิดหรอกปริม”
ถึงแม้เขาจะพูดอย่างนั้น แต่เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อ “จริงเหรอคะ” สีหน้าบ่งบอกว่าเธออยากได้คำตอบที่ชัดเจนอีกครั้ง
ชายหนุ่มหัวเราะ “จริงสิ ก็ผมบอกอยู่ว่าจะรับผิดชอบคุณ ถ้าไม่แต่งงานแล้วจะให้ทำยังไงล่ะ หืมม”
“แต่...” เธอยังคาใจ แม้ตอนนี้หัวใจเธอจะพองโตคับอก แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของเขา... เวหา...ผู้ชายที่เธอเคยสัมผัสได้แต่ความเย็นชาราวกับน้ำแข็งและไม่แคร์ผู้หญิงคนไหนอย่างเขา
“คำพูดผมนี่มันเชื่อถือไม่ได้เลยหรือไง คุณถึงได้ลังเลนัก”
เธอรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เพียงแต่...” คิ้วสวยชนกันเป็นปม “ฉันแค่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินคำ ๆ นี้จากคุณ และคำ ๆ นั้น คุณมีไว้เพื่อฉัน...” เธอหน้าแดงร้อนผ่าวขึ้นมาทันควัน “นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
เวหายิ้มขำ จึงแกล้งหยิกแก้มเธอเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“โอ๊ย คุณหยิกฉันทำไมเนี่ย” เธอร้อง ใช้ฝ่ามือลูบแก้มตัวเองไปมา
“เจ็บไหมล่ะ”
“เจ็บสิถามได้”
“แล้วที่นี่รู้หรือยังว่าไม่ได้ฝันไป” เขาถามกลั้วยิ้ม
ปริญดาจึงได้แต่อ้าปากค้าง ค่อย ๆ หลุบตาลงต่ำเมื่อเธอรู้สึกอับอายที่ทำตัวราวกับสาวรุ่นที่ตื่นเต้นดีใจเพราะมีผู้ชายมาขอเธอแต่งงาน
เวหายิ้มกว้าง หัวเราะจนอกกระเพื่อม แล้วดึงร่างหญิงสาวให้กลับมาซบอกเขาตามเดิม พลางลูบต้นแขนเธอไปมา หัวใจเขารู้สึกเบิกบานอย่างประหลาดเวลาที่ได้อยู่กับปริญดา และเขาชอบเวลาที่เธอเป็นแบบนี้...เป็นธรรมชาติ ไม่เสแสร้ง เกลียดก็บอกว่าเกลียด ชอบก็บอกว่าชอบ และเขาก็ชอบผู้หญิงที่จริงใจตรงไปตรงมาเช่นเธอ
ยิ่งวิธีการต่อล้อต่อเถียงไม่ยอมคนของเธอที่ต่างจากผู้หญิงที่เขาเคยคบมาซึ่งคอยแต่จะเอะอะโวยวายเอาแต่ใจจนน่ารำคาญ ผิดกับปริญดาที่เขารู้สึกว่าการลับฝีปากกับเธอมันทำให้เขาสนุกมากกว่าจะหงุดหงิดด้วยซ้ำ
และช่วงระยะเวลาเกือบเดือนที่เขาหายหน้าหายตาไปจากเธอหลังจากที่เขาและเธอโต้เถียงกันที่รีสอร์ทวันนั้น ชีวิตเขารู้สึกเหมือนจมอยู่แต่กับความน่าเบื่อหน่ายจืดชืด กลับไปอยู่แต่วังวนเดิม ๆ ตื่นมาทำงาน มีผู้หญิงรายล้อม ตกเย็นก็ออกไปดื่มคนเดียวตามผับบาร์ การใช้ชีวิตที่แสนธรรมดาเหมือนที่เขาเคยทำเป็นปกติ แต่กลับไม่รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาเลยสักนิด หรือการใช้ชีวิตสนุกไปวัน ๆ ในแบบที่เขาชอบมันไม่ได้สร้างความรื่นรมณ์ให้กับเขาอีกต่อไปแล้ว...
“คุณยังไม่ตอบผมเลยว่าคุณจะแต่งงานกับผมไหม” เวหาทวงคำตอบขณะเลื่อนมือจากต้นแขนเธอมาลูบไล้เส้นผมนุ่มใต้ท้ายทอยเธอแผ่วเบา
ปริญดาที่ยังคงมึนงงกับคำขอแต่งงานสายฟ้าแล่บของเวหายังไม่รู้จะตอบเขายังไง ถึงแม้เธอจะรักเขามากขนาดไหน และเขาเองบอกว่าเต็มใจและรู้สึกดี ๆ กับเธอก็ตาม แต่ความหวาดหวั่นกลัวว่าหากแต่งงานกับเขาไปแล้วชีวิตไม่ได้มีความสุขเหมือนอย่างที่ใจคิด... ถ้าอยู่ด้วยกันไป แล้วเขารู้ใจตัวเองขึ้นมาว่าไม่สามารถรักเธอได้และไปมีผู้หญิงคนใหม่ ในตอนนั้นเธอคงทนไม่ได้ สุดท้าย ชีวิตคู่ก็ต้องลงเอยด้วยการหย่าร้าง แล้วครอบครัวแสนสุขที่เธอคาดหวังไว้ก็ต้องพังทลาย
“ปริม...คุณฟังอยู่หรือเปล่า” เวหาก้มมองเธอเมื่อเห็นเธอเงียบไป
หญิงสาวพยักหน้ากับอกของเขา “ฉันขอเวลาคิดเรื่องนี้อีกนิดได้ไหมคะ” เธอต่อรอง
เวหาขมวดคิ้ว “ทำไมต้องคิดด้วยล่ะ นี่ผมขอคุณแต่งงานนะ” น้ำเสียงเขาเริ่มขุ่น ไม่คิดว่าการขอแต่งงานเกับเธอจะยากเย็นเพียงนี้ ผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่เขาเคยคบต่างเรียกร้องอยากแต่งงานกับเขากันทั้งนั้น แต่เขาก็ไม่เคยอยากลงเอยกับใครสักคน แต่กับปริญดา ถึงแม้จะมีเรื่องลูกเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เขาก็ยอมรับเธอโดยไม่มีเกี่ยงงอนและไม่รู้สึกเสียดายอิสระภาพที่จะต้องสูญเสียไปหลังจากแต่งงาน แต่แล้วเธอกลับลังเลไม่แน่ใจที่จะตอบรับคำแต่งงานของเขา
ชายหนุ่มค่อย ๆ ดันตัวเองออกห่าง ปล่อยแขนที่กอดเธอไว้ลงข้างกาย “งั้นก็แล้วแต่คุณ” พูดเสียงห้วน แล้วทำท่าจะลุกไปจากตรงนั้น
ปริญดาตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเวหา เธอรีบคว้ามือเขาเอาไว้
“คือฉัน...” เธออึกอัก ไม่รู้จะอธิบายเขายังไงให้เข้าใจความรู้สึกของเธอตอนนี้
“คุณไม่ต้องพูดอะไรหรอก ผมรู้ว่าคุณยังฝังใจว่าผมมันเป็นผู้ชายสารเลวแค่ไหน ที่คุณขอคิดเรื่องแต่งงานมันก็ถูกต้องแล้ว” เขาตอบด้วยสีหน้าเย็นชา แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพียงแค่เธอขอคิดเรื่องแต่งงานกับเขาเท่านั้น
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” เธอรีบร้องท้วง มือที่คว้าจับมือเขาไว้บีบบแน่น “ฉันแค่กลัว...” เธอสารภาพ
“กลัวอะไร” เวหาทำน้ำเสียงให้สงบเยือกเย็น
ปริญดาก้มหน้ามองท้องที่ยังแบนราบของตัวเอง เอามือกุมไว้ราวกับปกป้อง แล้วพรั่งพรูสิ่งที่อัดอั้นตันใจด้วยเสียงสั่นเครือ
“คุณรู้ว่าฉันรักคุณ แต่คุณไม่รู้ว่าฉันรักคุณมากขนาดไหน... ถ้าหากเราแต่งงานกันไป และวันหนึ่งคุณรู้ใจตัวเองว่าไม่ได้รักฉันและไปมีคนอื่น ถึงแม้ฉันมั่นใจว่าคุณจะรับผิดชอบลูกของเราแต่ฉันไม่สามารถทนอยู่ในสภาพนั้นได้” สีหน้าเธอบอกความกังวลชัดเจน
“และถ้าต้องเป็นแบบนั้น ฉันขอยอมเจ็บปวดแสนสาหัสตอนนี้ดีกว่าปล่อยตัวเองให้ทนทรมานไปตลอดชีวิต”
เวหาถอนหายใจ สีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน เขากุมมือเธอที่จับมือเขาไว้มั่น “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำตอนนี้มันยังไม่แสดงให้คุณเห็นอีกเหรอว่าผมจริงใจต่อคุณน่ะปริม อีกอย่าง ถ้าคุณไม่ลองเปิดใจ แล้วจะรู้ได้ไงว่าอนาคตจะดีหรือไม่ดี”
เขาสบนัยน์ตาลังเลของหญิงสาวนิ่งราวกับต้องกาจะส่งความรู้สึกนึกคิดผ่านแววตาเขาให้เธอรับรู้
“ทำไมเราไม่ลองให้โอกาสกันและกันล่ะปริม...อย่างน้อยก็เพื่อลูกของเรา ให้เขาเกิดมาในสภาพครอบครัวที่ดีพร้อม ดีกว่าปล่อยให้เขาเกิดมาโดยที่ต้องรับรู้ว่ามีพ่อ แต่พ่อไม่รักแบบนี้” หางเสียงเจือความขมขื่น ดวงตาหม่นหมองลงจนเธอสัมผัสได้ว่าเขาทนทุกข์เศร้าโศกแค่ไหนกับการที่พ่อทิ้งเขาไปตั้งแต่ยังเล็ก และแม่ก็ยังมาเสียไปเพราะตรอมใจตายจนต้องไปอยู่ในความดูแลอุปการะจากครอบครัวอื่น
ถึงเธอจะไม่สามารถรับรู้ความเจ็บปวดและความรู้สึกที่แท้จริงของการถูกทอดทิ้งนั้นได้ แต่เธอก็พอจะเข้าใจว่าการขาดความรักความเอาใจใส่จากครอบครัวนั้นเป็นอย่างไร เพราะเธอเอง แม้จะมีพ่อและแม่ที่รักและดูแลเธออย่างดี แต่เธอกลับไม่เคยได้รับความรักจากคนอื่น ๆ ในครอบครัวเช่นคุณย่าและอาสมภพเลยแม้แต่น้อย
ปริญดาน้ำตารื้นคลอหน่วย เมื่อนึกถึงชีวิตของเขาและของตนเอง ยิ่งเห็นใบหน้าหมองเศร้าของเวหา ใจเธอก็ยิ่งอ่อนยวบเหมือนฟองน้ำนุ่ม ๆ ที่อยากจะดูดซับความทุกข์ตรมที่อยู่ในจิตใจของเขาออกมาให้หมด
มือของเธอยื่นไปจับใบหน้าเขาราวกับมีแรงดึงดูดเข้าไปหา จากนั้นก็เผลอลูบไล้แก้มเขาเบา ๆ ด้วยอารมณ์ที่อยากจะปลอบประโลมใจเขาให้หายเศร้า ชายหนุ่มหลับตาพริ้มในขณะที่เธอใช้นิ้วมือไล้โหนกแก้มเขาขึ้นลงแผ่วเบา และโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เวหาก็ดึงร่างเธอเข้าไปกอดแน่น ซบศรีษะตนเองที่ซอกคอของเธอ และกอดเธอนิ่งอยู่แบบนั้นโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
ปริญดาที่เหมือนเพิ่งได้สติ ค่อย ๆ เลื่อนมือตนเองทั้งสองข้างโอบรอบเอวเขา กอดตอบเขาพร้อมกับซบหน้าแนบอกเขาไว้ ฉับพลันความอบอุ่นจากกายเขาก็แผ่ซ่านมายังเธอพลางรู้สึกผ่อนคลายอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างเป็นสุข กลิ่นกายชายเร้าใจของเขาทำให้เธอหลงดื่มด่ำไปกับอ้อมกอดที่แสนจะธรรมดาแต่เย้ายวนใจยิ่ง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตกอยู่ในอ้อมกอดของเวหาเช่นนี้ แต่ความรู้สึกที่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมแนบแน่นกับเขาเหมือนในตอนนี้มันช่างแตกต่างจากที่ผ่านมา ความอบอุ่นจากตัวเขาช่วยเติมเต็มหัวใจที่อ่อนล้าของเธอให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง อีกทั้งเธอยังรู้สึกถึงอำนาจแรงกล้าที่ดึงเธอเข้าหาเขามายิ่งขึ้น จนความผูกพันลึกซึ้งก่อเกิดภายในจิตใจเธอ
บางครั้ง...เธอก็เคยคิดเล่น ๆ ว่า เธอจะมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ถ้าเขาจากไป และเธอก็ได้คำตอบชัดเจนให้กับตัวเองว่าเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอแทบจะขาดใจตายให้ได้เพียงแค่ไม่ได้เห็นหน้าหรือไม่ได้ยินเสียงเขาเท่านั้น แต่ทั้งที่รู้ว่าใจตัวเองขาดเขาไม่ได้ ก็ยังจะฝืนโกหกตัวเองอยู่ทุกวันว่าเธอจะลืมเขาได้ถ้าเวลาผ่านพ้นไปมากกว่านี้...
แต่สุดท้าย หัวใจก็ทรยศเธอทุกครั้งเพียงแค่ได้เห็นหน้าเขา และครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะทำตรงกันข้ามกับหัวใจ เธอเหนื่อยมามากพอแล้วกับการเสแสร้งหลอกตัวเองไปวัน ๆ ที่ผ่านมาเธอขี้ขลาดไม่กล้าที่จะลองเปิดใจรับเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้ เธอจะยอมทำตามความรู้สึกและหัวใจตัวเองโดยไม่คิดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมา...นั่นก็เพื่อตัวเธอเอง และที่สำคัญ เพื่อลูกที่กำลังจะเกิดมา...
ปริญดากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น แผ่นอกกว้างของเขาเหมือนเป็นสถานที่พักใจอันแสนสงบ ความอบอุ่นจากร่างกายเขายังคงส่งผ่านมายังเธอ เธอพักศีรษะกับบ่ากว้างที่รู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อแข็งแรงใต้เสื้อเชิ้ตบาง ๆ พลางถอนหายใจอย่างเป็นสุขเมื่อเธอรู้สึกราวกับได้กลับบ้านอันแสนปลอดภัย
การในอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของเขาเงียบ ๆ โดยไม่ต้องมีคำพูดหรือคำถามใด ๆ ต่อกัน ทำให้เธอไม่ต้องเพ่งจิตไปอยู่กับคำถามหรือคำพูดเหล่านั้น แต่ความเงียบมันทำให้เธอได้คิดตะหนักตรึกตรองทบทวนความรู้สึกตัวเอง จนได้คำตอบในที่สุด....
“ฉันตกลงแต่งงานกับคุณค่ะ” เธอตอบเสียงเบาราวกระซิบ
เวหาค่อย ๆ ดันตัวเธอออกห่าง แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอของเธอ “จริงเหรอปริม” น้ำเสียงแกมประหลาดใจปนดีใจ
ปริญดาพยักหน้า ยิ้มรับทั้งน้ำตา “ค่ะ”
เวหาจับคางมนของเธอให้เงยแหงนมองเขา “แล้วทำไมต้องร้องไห้ด้วยล่ะ” ถามพลางใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้เธอ
หญิงสาวคลี่ยิ้ม ถึงแม้เธอจะร้องไห้ แต่แววตาเปล่งประกายมีความสุข “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันก็แค่รู้สึก...” เสียงเธอยังคงสั่นพร่า
“รู้สึกว่าตัวเองปลอดโปร่งโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ทำตามหัวใจตัวเองเรียกร้อง เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก ความเครียด ความกดดันมันหายไปหมด เหลือแต่ความสุขสงบใจจนฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แค่นั้นเองค่ะ” พอเธอได้ระบายออกไปแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกร่างกายเบาหวิวเมื่อได้โยนความทุกข์ในจิตใจตนเองออกไป
เวหายิ้มเยือนด้วยความดีใจเมื่อได้ฟัง เขาก็รู้สึกพอใจอย่างเอกอุที่เธอยอมผ่อนปรนทำในสิ่งที่หัวใจตัวเองต้องการและยอมรับเขาได้ในที่สุดหลังจากที่เธอพยายามปิดกั้นมานาน เขารู้ว่าสิ่งที่เธอพูดมานั้นไม่ใช่เป็นเพราะความอ่อนไหวหรือแค่เพียงตอบรับให้มันพ้น ๆ ไป แต่เป็นเพราะเธอเองก็มีใจให้เขาอยู่แล้วไม่น้อย จึงได้ลดทิฐิตนเองแล้วเปิดใจกับเขาเช่นนี้
“ผมดีใจนะที่ในที่สุด คุณก็เลิกปิดกั้นผมเสียที” เขายิ้มบอก
ปริญดายิ้มพราย ใช้นิ้วจิ้มอกเขา เป็นครั้งแรกที่เธอหยอกล้อเวหาหลังจากเธอกีดกั้นเขามานาน “เป็นเพราะคุณนั่นแหล่ะที่ทำให้ฉันฝังใจกลัวว่าคุณจะแกล้งทำเป็นดีกับฉันอีก”
ชายหนุ่มทำหน้าตาจริงจัง “ถ้างั้นผมขอให้คุณเปลี่ยนความคิดใหม่ ทุกอย่างที่ผมเคยทำไม่ดีกับคุณเป็นเพราะผมเข้าใจผิด แต่หลังจากนี้ทุกอย่างที่ผมทำให้คุณมันคือความจริงใจ ผมขอให้คุณเชื่อมั่นในตัวผม แค่นี้...ได้ไหมปริม”
เธอรู้สึกเขินอายกับคำพูดตรงไปตรงมาของเขา สายตาที่มองมาบ่งบอกถึงความจริงใจ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เขาเคยบอกแบบนี้กับเธอไปแล้วครั้งหนึ่งที่รีสอร์ทวันนั้น และเมื่อเขาย้ำชัดคำพูดเดิมในตอนนี้อีกครั้ง เธอก็ยิ่งมั่นใจและไว้ใจเขาอย่างไม่มีอะไรเคลือบแคลง
“ค่ะ ฉันเชื่อคุณ” เธอตอบรับหนักแน่น แสดงให้เขาเห็นว่าเธอเชื่อใจเขาจริง ๆ
เวหายิ้มอวดฟันขาว “ขอบคุณนะปริม” พูดเสร็จ เขาก็ยื่นหน้าไปจูบหน้าผากของเธอแรง ๆ นึงที จากนั้นก็ดึงเธอเข้ามากอดแน่น ๆ อีกครั้ง
ปริญดาหัวเราะ “ตัวฉันช้ำไปหมดแล้วมั้งคะเนี่ย คุณเล่นเดี๋ยวก็กอดเอา ๆ แบบนี้”
“ก็ผมดีใจนี่นา กว่าจะง้อให้คุณยอมผมได้ เล่นเอาผมเหนื่อย คุณเป็นผู้หญิงคนแรกเลยนะเนี่ยที่ผมยอมให้ขนาดนี้” เขาพูดกลั้วหัวเราะขณะที่ยังกอดเธอไม่ปล่อย
หญิงสาวดันตัวเขาออกห่าง ยื่นมือสองข้างจับประคองแก้มเขาให้มองที่เธอ แววตาขึงขังมองเขาเขม็ง “แต่หลังจากนี้คุณต้องสัญญาว่าฉันจะเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวของคุณ และคุณต้องมีแต่ฉันเท่านั้น ถ้าฉันรู้ว่าคุณมีผู้หญิงคนอื่น ต่อให้คุณมาพูดจาง้องอนขอคืนดียังไง ฉันก็จะไม่มีวันให้อภัยคุณเป็นครั้งที่สองแน่นอน และคุณจะไม่มีวันได้เห็นหน้าฉันหรือแม้แต่หน้าลูกอีกเลยตลอดชีวิต” เธอพูดเน้นชัดทุกคำ บอกให้เขารู้ว่าเธอเอาจริง
เวหาถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ “ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณก็เป็นคนขี้หึงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน” เขาจับมือเนียนนุ่มของเธอที่ประคองใบหน้าเขาไว้ จับมือสองข้างของเธอมากุมแน่น แล้วพูดว่า
“ผมกำลังจะเป็นพ่อคน หลังจากนี้ผมคงไม่ไปสนใจผู้หญิงคนไหนแล้วล่ะ” เขาบอกให้เธอมั่นใจ ก่อนจะกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ มีประกายขบขันในดวงตา
“แต่ผมก็ห้ามพวกผู้หญิงไม่ให้มองผมไม่ได้นะ เรื่องนี้คุณต้องทำใจ” เวหายักไหล่
เธอเบ้ปากแล้วเชิดใส่ “ย่ะ พ่อคนหล่อ หล่อเหลือเกิ๊น เชอะ”
เวหาเงยหน้าหัวเราะร่วนกับท่าทางกระเง้ากระงอดแสนงอนของปริญดาที่เขาคิดว่ามีแต่เธอเท่านั้นที่ทำแล้วสร้างความเพลิดเพลินให้เขาจนต้องหัวเราะออกมาทุกครั้งไป
“คุณนี่น่ารักจัง ทำไมน๊า ผมไม่เคยสังเกตุมาก่อนเลยว่าเวลาคุณเป็นแบบนี้แล้วมันน่ารักโดนใจผมเสียจริง” พูดเสร็จ ก็อดใจไม่ไหว ยื่นมือไปหยิกแก้มทั้งสองข้างของเธอเบา ๆ ปากเม้มแน่นด้วยอาการหมั่นเขี้ยว
“โอ๊ยย หยิกฉันอีกแล้วนะ” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้น แต่ใจเธอกลับเป็นสุขอย่างเหลือล้นที่เธอและเขาเข้าใจกันได้ในที่สุด ถึงแม้เธอยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการคือคำว่ารักจากปากของเวหา แต่เธอก็หวังและพยายามบอกตัวเองเหมือนที่เขาพยายามจะบอกเธอว่าให้ทั้งเธอและเขาได้มีโอกาสรู้จักกันมากกว่านี้ และเมื่อถึงตอนนั้น เขาอาจจะรักเธอ...เหมือนที่เธอรักเขาก็เป็นได้
“คิดอะไรอยู่ หืมม” เวหาปัดผมที่เริ่มยาวของหญิงสาวไปทัดหู
ปริญดาส่ายหน้า รอยยิ้มยังคงค้างอยู่บนริมฝีปาก “ฉันแค่คิดว่า...ถ้าฉันจะมีความสุขขนาดนี้ รู้อย่างนี้ยอมยกโทษให้คุณไปตั้งนานแล้ว” พูดพลางหัวเราะแก้เขิน ใบหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดของตัวเอง
“ก็คุณน่ะเด็กดื้อ ผมพยายามอธิบายให้คุณฟังแล้วที่รีสอร์ท แต่คุณก็ไม่เชื่อ” สายตามีแววขบขันมากกว่าจะดุเธอ
หญิงสาวจึงได้แต่ทำหน้าง้ำ รู้สึกผิดที่พยายามกีดกันและไม่ฟังเหตุผลของเขาในตอนนั้น “แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าการยอมรับคุณเข้ามาในหัวใจฉันอีกครั้ง ถึงแม้มันจะเสี่ยง แต่ก็ดีกว่าการปิดกั้นหัวใจตัวเองจากคุณที่มันช่างเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่า”
เวหาสบตาเธอนิ่ง และให้คำมั่น “ผมขอโทษอีกครั้งกับทุกสิ่งที่ผมทำไม่ดีกับคุณมาตั้งแต่ต้น ครั้งนี้ผมอยากให้เราเริ่มต้นกันใหม่ เพื่อเรา เพื่อลูก เพื่อครอบครัว...” เขายิ้มอบอุ่นให้เธอ ยกมือทั้งสองข้างของหญิงสาวที่วางอยู่บนตักขึ้นมาแล้วจรดริมฝีปากจุมพิตหลังมือเธอราวกับจะประทับตราคำมั่นสัญญาให้เธอ
ให้ตายสิ เขาไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามาใกล้ชิดหัวใจเขาได้มากขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยที่จะให้ผู้หญิงคนไหนมามีอำนาจเหนือเขา แม้แต่นิรชาที่เขาเคยคิดว่าตัวเองมีใจให้กับเธออย่างเหลือล้นและยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอได้
แต่ตอนนี้ เขารู้แล้วว่าความรู้สึกเหล่านั้นที่เคยมีให้กับนิรชามันช่างต่างกันสิ้นเชิงกับความรู้สึกตอนนี้ที่เขามีให้ปริญดา หญิงสาวที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เธอเช่นนี้
ที่สำคัญ เขาไม่เคยมีคำว่า ‘ครอบครัว’ หรือคำว่า ‘เรา’ กับผู้หญิงคนไหนอยู่ในหัวเขามาก่อน แต่วันนี้ เธอทำให้เขาพูดคำนี้ออกมาได้อย่างสบายใจ ไม่เคยคาดคิดเลยว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะมีผลกระทบต่อเขาได้มากมายเพียงนี้
“อาทิตย์นี้คุณว่างไหม ผมอยากพาคุณไปที่กาญ พ่อแม่ผมโทรมาบ่นคิดถึงคุณบอกว่าเมื่อไรจะพาคุณไปหาท่านอีก คราวนี้เป็นโอกาสดีที่จะบอกเรื่องแต่งงานของเรา”
ปริญดาคลี่ยิ้มหวานชื่น แก้มยังคงแดงปลั่งกับคำพูดและการกระทำอันอ่อนหวานของเขา “ได้สิคะ หลังจากเราบอกพ่อแม่ของคุณแล้ว ฉันก็อยากให้คุณไปพบครอบครัวฉันบ้าง”
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วล่ะ คุณอยากให้ผมเข้าไปพบพวกท่านวันไหนก็บอกมาได้เลย”
สีหน้าที่ร่าเริงของหญิงสาวค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นกังวลใจ “ไว้ให้ฉันเกริ่นเรื่องของเราให้ที่บ้านฉันรู้ก่อนนะคะ คุณพ่อคุณแม่ของฉันคุยไม่ยากเท่าไร แต่คุณย่านี่สิคะที่ฉันหนักใจ ท่านเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าอยู่ ๆ พาคุณเข้าไปเลยท่านอาจจะพูดอะไรทำให้คุณไม่พอใจได้”
เวหายิ้มให้กำลังใจ บีบมือเธอให้คลายกังวล “ผมพอรู้เรื่องคุณย่าของคุณจากไอ้ก้องมาบ้างแล้วล่ะ แต่ต่อให้ท่านพูดดุด่าว่าผมยังไง ผมก็ต้องรับฟังแต่โดยดี ในเมื่อผมทำหลานท่านเสียหายหนิ”
แต่เวหายังไม่รู้ว่าอารมณ์ของคุณย่าเวลาโกรธนั้นท่านเป็นอย่างไร มีหลายครั้งที่เธอทำให้ท่านไม่สบอารมณ์จนต้องลงลงไม้ลงมือกับเธอก็มี แต่เรื่องนี้เธอจะไม่บอกให้เขารู้ และตอนนี้เธอเองก็ไม่อยากจะคิดเรื่องคุณย่าให้ปวดหัว
เวหาเห็นหน้าตาเคร่งเครียดของปริญดาแล้วก็ต้องโอบแขนรอบไหล่เธอแล้วดึงเข้ามาแนบอก กอดเธอไว้หลวม ๆ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล “ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเครียดอย่างนั้นสิ เรื่องนี้ผมเป็นคนก่อ ยังไงซะผมก็จะไม่ยอมให้ใครมาว่าอะไรคุณได้ คุณไม่ต้องห่วงนะ”
“ค่ะ” เธอตอบด้วยความซาบซึ้งและปลาบปลื้มใจที่เขาคอยเป็นห่วงเป็นใยความรู้สึกเธอขนาดนี้
“ส่วนเรื่องที่เราจะแต่งงานกัน เดี๋ยวผมเป็นคนจัดการบอกก้องกับน้ำเอง สองคนนั้นคงดีใจ ที่ผมกับคุณลงเอยกันได้”
“ค่ะ” ตอนนี้เขาพูดอะไรมาเธอก็ตอบรับเขาหมด เชื่อใจและไว้ใจเขาอย่างไม่มีการลังเลอีกต่อไป
ปริญดากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ซบศรีษะลงบ่นไหล่กว้างของเขาและผ่อนลมหายใจออกมา ปล่อยความเครียดทั้งหมดทั้งมวลออกจากสมอง พยายามไม่คิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตอนนี้เธออยากคิดถึงแต่เขา อ้อมกอดอบอุ่นจริงใจจากเขา ที่เธอเฝ้าฝันและโหยหามันมาเนิ่นนาน
/
/
/
“นี่แม่หูไม่ได้ฝาดไปแน่นะ” ลาวัลย์ถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ มองหน้าเวหาและปริญดาสลับกันไปมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ พลางหันไปถามทรงยศที่นั่งยิ้มไม่หุบอยู่โต๊ะทำงานด้วยคำถามเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดเข้ามาคุยกันในห้องทำงานของทรงยศได้สักพักใหญ่แล้ว
เวหายิ้มบาง ๆ “ครับแม่ เธอท้องอ่อน ๆ ได้เดือนกว่าแล้ว และเราคุยกันไว้ว่าจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด” พูดเสร็จเขาก็หันไปส่งยิ้มให้กับปริญดาที่นั่งเขินอายอยู่ข้างกัน
“โอ๊ย จริงเหรอนี่! แม่ละไม่นึกไม่ฝันเลยว่าชีวิตนี้จะได้ยินเวย์พูดว่าจะแต่งงาน ตาย ๆ ๆ อย่างนี้ต้องรีบหาฤกษ์แต่งงานให้เร็วที่สุดเลยนะเวย์” หล่อนทำหน้าปลื้มปริ่มด้วยความดีใจสุดขีด แล้วเดินก้าวยาว ๆ เข้าไปหาคนทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงโซฟา กางแขนออกกว้างแล้วเรียกปริญดาเข้ามากอดแน่นต้อนรับสะใภ้คนใหม่ของบ้าน
“แม่ขอบใจมากนะจ๊ะที่หนูจัดการตาเวย์ของแม่จนอยู่หมัดและยอมตกลงปลงใจแต่งงานจนได้” จบประโยค ก็มีเสียงหัวเราะขำของทรงยศและเวหาดังมาให้ได้ยิน
ปริญดาแก้มร้อนผ่าว ปฎิเสธเป็นพัลวัน “ไม่หรอกค่ะ ปริมว่าเป็นเพราะลูกในท้องมากกว่าที่ทำให้เขาตัดสินใจแต่งงานกับปริม”
ลาวัลย์ส่ายหน้า “แต่แม่เชื่อนะว่าถึงแม้ไม่ได้มีเรื่องลูกเข้ามาเกี่ยวข้อง สักวันเวย์เขาก็ต้องเลือกแต่งงานกับหนูอยู่ดี จริงไหมเวย์” หล่อนหันไปถามความเห็นลูกชาย
เวหายิ้มกว้าง ตอบโดยไม่ต้องคิด “ใช่ครับแม่”
ลาวัลย์หันกลับมาที่ปริญดา “เห็นไหมล่ะ แม่บอกแล้วว่าเวย์น่ะยังไงเขาก็เลือกแต่งงานกับหนู อู๊ย แม่ล่ะดีใจที่สุดเลยรู้ไหม ในที่สุดเวย์ของแม่ก็ขายออกเสียที” หล่อนคว้าตัวหญิงสาวเข้ามากอดแน่น ๆ อีกครั้ง
ทรงยศที่นั่งฟังอยู่ถึงกับหัวเราะเสียงดัง “แหมคุณ ทำอย่างกับลูกชายเราหน้าตาแย่มากขนาดนั้นแหล่ะ”
ลาวัลย์หันไปพูดกับสามี “หน้าตาน่ะไม่ได้แย่ค่ะ แต่นิสัยนี่สิที่วัลย์กำลังพูดถึง”
เวหารีบร้องโอด “โธ่ แม่ครับ นิสัยผมไม่ได้แย่ขนาดนั้นเสียหน่อย อย่าพูดให้ปริมเขาเขวสิครับ” น้ำเสียงออกไปทางบ่นแต่ริมฝีปากยิ้มขำที่โดนมารดาแซว
ลาวัลย์ทำเบ้ปาก “แล้วไอ้ที่เอาแต่เที่ยวเจ้าชู้คบสาวคนนั้นทีคนนี้ทีไม่จริงจังกับใครนี่คิดว่าดีแล้วเหรอ” หล่อนทำท่าชี้นิ้วคาดโทษไปที่เวหา
“และหลังจากนี้แม่ขอยื่นคำขาดเลยนะ ถ้าเวย์ยังทำตัวเจ้าชู้ประตูดินเหมือนเดิมอีกล่ะก็ แม่นี่แหล่ะจะยกสมบัติทุกอย่างให้หนูปริมกับหลานแล้วจะตัดหางปล่อยวัดเวย์ทิ้งซะเลย”
“โห แม่ครับ ยังไม่ทันไรแม่ก็เข้าข้างปริมซะขนาดนี้ ไหนแม่เคยบอกว่าผมเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของแม่ไง แล้วจะมาทิ้งกันง่าย ๆ อย่างนี้น่ะเหรอครับ” เขาแกล้งทำน้ำเสียงน้อยใจ
“ไม่ต้องมาทำออดอ้อน ตอนนี้ปริมกับหลานสำคัญกว่า เพราะฉะนั้นถ้าเวย์ทำให้หนูปริมเสียใจล่ะก็น่าดู” หล่อนปั้นหน้าขรึมพูดทีเล่นทีจริง ก่อนจะหันมายิ้มให้ปริญดา
“ถ้าเวย์ทำอะไรให้ปริมเจ็บช้ำน้ำใจ ปริมบอกแม่ได้เลยนะลูก แม่จะจัดการกับเวย์เอง” หล่อนบอกพลางลูบผมเธออย่างเอ็นดู
หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับด้วยท่าทีเขินอาย พอหันไปมองเวหาก็เห็นเขาส่งยิ้มสดใสมาให้ หน้าตาดูอารมณ์ดีไม่เหมือนคนที่กำลังน้อยใจมารดาตัวเองสักนิด
ปริญดารู้สึกถึงหัวใจที่กำลังพองโตคับอก ความสุขก่อเกิดขึ้นในจิตใจเต็มเปี่ยมอย่างที่ไม่เคยคิดว่าเธอจะรู้สึกถึงมันได้ยามเมื่ออยู่กับผู้ชายคนนี้ อีกทั้งเธอยังปลาบปลื้มที่ครอบครัวของเขารักและเอ็นดูเธอเหมือนเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่ง และพอพวกท่านรู้ว่าเธอท้อง แทนที่จะโมโหโกรธเคือง แต่กลับตื่นเต้นดีใจที่จะได้หลาน ไม่แสดงท่าทีรังเกียจที่เธอตั้งท้องก่อนแต่งงานเลยด้วยซ้ำ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้เอาเธอหัวหมุนเพราะความสุขที่เบ่งบานเอิบอาบในใจ คิดว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกเชื่อฟังเสียงหัวใจมากกว่าสมองที่สั่งการให้ทำตรงข้ามกัน
“แต่เรื่องที่หนูปริมท้องพ่ออยากให้รู้กันเฉพาะคนในครอบครัวของเรา แล้วก็รีบจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด เพราะเราต้องไว้หน้าครอบครัวของหนูปริมเขาด้วย” ทรงยศบอกกับเวหา ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับเห็นด้วย
“แล้วหนูปริมอยากให้พ่อกับแม่ไปคุยกับครอบครัวของหนูเมื่อไรก็บอกมาได้เลยนะ เรื่องสินสอดก็ไม่ต้องเกรงใจ แต่งงานทั้งทีต้องทำให้สมฐานะ” ทรงยศหันไปพูดกับปริญดา
ลาวัลย์ช่วยยืนกรานคำพูดของสามี “ใช่จ้ะ ทั้งเรื่องสินสอดเรื่องการแต่งงานว่าอยากจะจัดอะไรยังไง ขอให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบทางฝั่งเวย์เอง ครอบครัวของหนูปริมไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นนะจ๊ะ”
ปริญดาทำหน้าชั่งใจ “แต่จริง ๆ ปริมว่าช่วย ๆ กันดีกว่าค่ะ จะผลักภาระให้ทางคุณพ่อคุณแม่อย่างเดียวปริมว่าไม่ดีมั้งคะ”
ลาวัลย์รีบส่ายหน้า “อู๊ย ไม่เลยจ้ะ พ่อกับแม่น่ะยิ่งกว่าเต็มใจซะอีก” หล่อนตบหลังมือหญิงสาวเบา ๆ ให้คลายกังวล
“เรื่องนั้นน่ะเอาไว้คุยกันตอนที่พ่อกับแม่ไปเจอครอบครัวหนูปริมที่กรุงเทพฯดีกว่านะ ส่วนตอนนี้แม่ว่าหนูปริมไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เพิ่งมาถึงเหนื่อย ๆ อีกอย่าง ไหน ๆก็มาตั้งไกลจากกรุงเทพ ก็พักอยู่ที่นี่สักคืนสองคืนแล้วค่อยกลับนะจ๊ะ พรุ่งนี้ยัยไหมก็จะกลับมาจากค่ายปลูกป่าแล้ว จะได้อยู่ฉลองกันให้พร้อมหน้าพร้อมตาเสียหน่อย ดีไหมคะคุณ” ลาวัลย์หันไปถามความเห็นสามี
“นั่นสิ เวย์กับปริมว่าไง ไม่ติดธุระอะไรใช่ไหมลูก”
เวหาส่ายหน้า ยิ้มตอบ “ผมกับปริมไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ ใช่ไหมจ๊ะ” เขาหันไปถามปริญดา ตอบแทนเธอเรียบร้อย
“เอ่อ...” ปริญดาทำหน้าปั้นยาก เรื่องนอนค้างที่นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่บอกคนที่บ้านว่าเธอไปค้างบ้านกฤกติกาเหมือนทุกครั้งเวลาที่เธอมีงานยุ่งแม่ของเธอก็เข้าใจ แต่เรื่องที่ทำให้เธอลังเลคือถ้าเธอค้างที่นี่ มารดาของเวหาคงไม่แคล้วได้จัดให้เธอนอนห้องเดียวกับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
สัมผัสเบา ๆ บนหัวไหล่ที่โอบกอดเธอจากทางด้านหลังทำเธอสะดุ้งน้อย ๆ และเป็นเวหาที่ส่งยิ้มหวานมาให้แล้วพูดแทนเธออีกครั้ง “ปริมเขาขี้เกรงใจน่ะครับแม่ กลัวว่าจะรบกวนพ่อกับแม่เลยไม่กล้าตอบตกลง”
“อะไรกันจ๊ะหนูปริม จะเป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่แล้วจะต้องมาเกรงจงเกรงใจอะไรอีก” ลาวัลย์บอกเสียงสูงคล้ายขัดใจอยู่ในที ก่อนจะหันไปสั่งเวหา
“เดี๋ยวเวย์ออกไปสั่งแม่บ้านเลยนะว่าให้ขึ้นไปจัดเตรียมทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อย แล้วก็พาหนูปริมไปพักผ่อนซะ ส่วนแม่จะไปบอกหัวหน้าคนงานในสวนเสียหน่อยว่าพรุ่งนี้แม่จะจัดงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานเล็ก ๆ ของเวย์กับปริมที่ไร่ ทุกคนจะได้รู้กันถ้วนหน้าว่าอีกไม่นานเจ้าของสวนกุหลาบคนใหม่ในอนาคตกำลังจะแต่งเมีย” หล่อนพูดด้วยสีหน้าชื่นมื่น
ริมฝีปากเวหาขยับยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นว่ามารดาของเขาดูจะตื่นเต้นเรื่องการแต่งงานกว่าใครเพื่อน เขาตอบรับมารดาแล้วจึงหันมาชักชวนหญิงสาวข้างกายให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่ดูเหมือนเธอก็ยังเก้ ๆ กัง ๆ ทำหน้าว่าอยากจะคัดค้าน แต่เขารู้ทันเธอหรอกว่าทำไม และเขาจะไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองกับเธอหลุดลอยไป
“เดี๋ยวผมพาคุณไปพักผ่อนแล้วเย็น ๆ เราไปหาซื้อเสื้อผ้ากันนะ คราวก่อนคุณไม่ได้ทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่นี่เลยหนิ” เขายิ้มบอก เห็นเธอทำหน้ากระอักกระอ่วนจึงรีบหันไปชิงเอ่ยขอตัวกับผู้ใหญ่ทั้งสองคน แล้วใช้แขนโอบเอวปริญดา กึ่งจูงกึ่งประคอง พาเธอออกจากห้องทำงานบิดา หมดโอกาสให้เธอคัดค้านอีกต่อไป
<><><><><><><><><><><><>><><><><>>><><><><><><>
จบตอน
คุณ lamyong เอามาส่งให้ก่อนล่วงหน้าหนึ่งวันแล้วนะคะ ตอนนี้พยายามลงอาทิตย์ละ 2 บท เพราะงานยุ่งด้วย แล้วเรื่องนี้ก็ยังแต่งไม่จบด้วย ไม่ว่ากันเนอะ อิอิ ^^
คุณ pkka เจอขอแต่งงานแบบนี้ใครจะปฎิเสธล่ะเนอะ ^_^
เปลวหอม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ส.ค. 2557, 19:38:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ส.ค. 2557, 19:39:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 2398
<< ตอน 26 | ตอน 28 >> |
Nandii 29 ส.ค. 2557, 14:23:46 น.
ทีนี้ก็หวานกันได้แล้วนะ กว่าจะรักกันได้ต้องผ่านอุปสรรคหลายบทจังเลยค่ะไรเตอร์
ทีนี้ก็หวานกันได้แล้วนะ กว่าจะรักกันได้ต้องผ่านอุปสรรคหลายบทจังเลยค่ะไรเตอร์
kaelek 29 ส.ค. 2557, 18:29:23 น.
เอาล่ะสินายเวหา คิดเจ้าเล่ห์อีกแล้ววววว
เอาล่ะสินายเวหา คิดเจ้าเล่ห์อีกแล้ววววว
lamyong 29 ส.ค. 2557, 18:33:33 น.
เข้าใจกันได้ซะที ปริมยอมรับและเชื่อใจขนาดนี้เวย์อย่าทำให้ปริมเสียใจอีกนะ
เข้าใจกันได้ซะที ปริมยอมรับและเชื่อใจขนาดนี้เวย์อย่าทำให้ปริมเสียใจอีกนะ
Liez 29 ส.ค. 2557, 21:29:37 น.
มีความรู้สึกว่าครอบครัวปริม ต้องมีอะไรบางิย่าง เกี่ยวกับเรื่องพ่อของเวย์ รู้สึกงี้จริงๆนะ... ปล. ปริม เวย์ สวีทเว่อ
มีความรู้สึกว่าครอบครัวปริม ต้องมีอะไรบางิย่าง เกี่ยวกับเรื่องพ่อของเวย์ รู้สึกงี้จริงๆนะ... ปล. ปริม เวย์ สวีทเว่อ